>สารอโศก

 
บันทึกจากปัจฉาสมณะ
ตอน..ก่อ..คนรากหญ้า
(๓)

หน้า 3/3


๔.๓ เลือดโพธิสัตว์ เข้มข้นกว่าเลือดที่ตา
๑๙ ส.ค.๔๔ ที่ร.พ.สรรพสิทธิประสงค์ แผนกตา หมอสมนึก ศิริพานทอง บอกผลการตรวจว่า เส้นเลือดบริเวณ จอประสาทตาบวม ยังไม่ถึงกับแตก ทำให้การมองภาพไม่เห็น คล้ายกระดาษเปียก จะลงสีอะไรก็เลอะไปหมด หมอสมนึก แนะนำว่า พ่อท่านต้องลดการใช้สายตาให้น้อยลง เนื่องจาก macula (กลางจอประสาทตา) ทำงานหนัก เมื่อใช้สายตา ยิ่งพ่อท่านต้องอ่านต้องเขียน ก็ยิ่งทำงานหนัก เมื่อใช้งานมาก ทำให้เกิดอนุมูลอิสระได้ อยากจะให้พ่อท่าน ไปพบอาจารย์สุขุมาอีก เพื่อจะได้ตรวจดูให้แน่ๆ ตอนนี้มีการใช้เลเซอร์แบบใหม่ บางทีอาจบรรเทา อาการเสื่อม ของดวงตาได้ นอกจากนี้ หมอสมนึกยังได้จัด วิตามินต่างๆ เป็นอาหารเสริม เพื่อบำรุงรักษาตา ชะลอความเสื่อมของตา ถวายพ่อท่าน มีวิตามินซี ซีลีเนียม สารสกัดจากเมล็ดองุ่น..ฯลฯ

มีเกร็ดเล็กน้อย ช่วงพ่อท่านนั่งรอพยาบาลหยอดตา เพื่อขยายม่านตา ก่อนให้หมอสมนึกตรวจดู ในห้องนั้น มีพยาบาล ทำงานเปิดเพลงคลอเบาๆ พอดีเป็นเพลงสมัยใหม่ มีเสียงคนฟังกรี๊ด ผสมมากับเสียงร้องของนักร้อง ขณะพ่อท่าน นั่งหลับตา แต่หูฟัง พ่อท่านวิจารณ์ "เนี่ยจะบ้ากันใหญ่แล้ว เดี๋ยวนี้เขาจะต้องมีเสียงกรี๊ดๆ พวกนี้ ไม่อย่างนั้น มันไม่สะใจ เขาเลยนะ พวกปรุงมากๆ ก็จะเป็นอย่างนี้ ต่างจากพวกเอาแต่หยุด เอาแต่สงบ เอาแต่หลับ โต่งไปคนละด้านเลย"

พยาบาลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง ได้ยินเสียงพ่อท่านวิจารณ์ เดินมาด้วยท่าทีนอบน้อมเกรงใจ"จะปิดไหมคะ" ด้วยเครื่องเสียง อยู่ด้านหลังที่พ่อท่านนั่ง ข้าพเจ้ารีบตอบ "ไม่เป็นไรหรอก จะได้รู้ว่าโลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว" ด้วยเกรงว่า พยาบาลจะเข้าใจผิดว่า พ่อท่านพูดด้วยความรำคาญ พยาบาลมีอายุมากหน่อยช่วยเสริม "ทำงานไป ก็เปิดเพลงไป ให้มันเพลินๆค่ะ"

ขณะนั้นข้าพเจ้าแทบไม่ได้ใส่ใจกับเสียงเพลง ที่มีลำโพงดังอยู่ข้างหลังเลย ใจกำลังคิดกังวล กับเรื่องตาของพ่อท่าน นึกไม่ถึง คำพูดของพ่อท่านว่า อีก ๕ ปีตาคงจะบอด ท่าทีของหมอสมนึก เรียกคุณใบลาน คุณเพชรตะวัน และ คุณฟ้าอรุณ ไปคุยอีกห้องหนึ่ง หมอสมนึกบอกให้พวกเรา เตรียมทำใจอะไรหรือเปล่า เอ! ถ้าตาเกิดบอด ขึ้นมาจริงๆ พ่อท่านจะเป็นยังไง พ่อท่านนี่ ช่างมีเลือดโพธิสัตว์แรงเสียจริงๆ เหมือนไม่ได้ห่วงกังวล กับสุขภาพตา ของตนเอง หรืออย่างไร ขณะที่ตาปิดทำงานไม่ได้ (เพราะหยอดยาขยายม่านตา) แต่หูและปากของพ่อท่าน ยังคงทำงานได้ พ่อท่านจึงใช้โอกาส เล็กๆน้อยๆนั้น บอกสอนให้ผู้ที่อยู่ รอบข้างขณะนั้น ได้คิดถึง ความสุดโต่งสองด้าน

๒๑ ส.ค.๔๔ ที่ราชธานีอโศก ก่อนค่ำ พ่อทานบอกท้องยังอืดๆ ไม่อยากจะฉันอาหารเสริม ที่คุณใบลานนำมาถวายให้ฉัน กับยาที่หมอพจน์ แนะนำให้จัดถวาย พ่อท่านบอก วันนี้ก็ถ่ายเป็นก้อนแข็ง ปกติจะถ่ายไม่ยากอย่างนี้ ทำไมยาช่วยย่อย เหมือนกับไม่ได้ช่วยย่อยเลย ยังรู้สึกอืดๆ แน่นท้อง

คุณใบลานโทรถามหมอพจน์ ได้คำตอบว่า งดฉันอาหารเสริมได้ แต่ให้ฉันน้ำตามมากๆ คุณใบลานเสนอ ให้พ่อท่าน ทำดีท๊อก เพื่อช่วยระบาย อาหารเก่าในลำไส้ จะช่วยให้อาการอืด แน่นท้องหายไปได้ แต่พ่อท่านปฏิเสธว่า ฟังดูแล้ว ไม่เห็นจะสนุกด้วย

๒๒ ส.ค.๔๔ ที่ราชธานีอโศก ค่ำคุณใบลานยังคงฉีดวิตามิน B12 ตามที่หมอพจน์แนะนำ ส่วนอาการของท้องดีขึ้นแล้ว แน่นอืดน้อยลง วันนี้พ่อท่านใช้วิธี รักษาสุขภาพตนเองโดย ทำงานไปได้สักพัก ประมาณชั่วโมงเศษแล้ว ไปออกกำลังกาย ด้วยเครื่องโยกตัว ครั้งละประมาณ ๕ นาที

๒๔ ส.ค.๔๔ เดินทางโดยเครื่องบิน จากอุบลราชธานี มากรุงเทพฯ ที่คลีนิคทันตกรรมสันติอโศก อาจารย์หมอ หาญณรงค์ พิทยะ ช่วยมาตรวจสุขภาพ ของปากและฟัน ของพ่อท่าน อาจารย์หมอหาญฯ ชมว่าสุขภาพปากและฟัน ของพ่อท่าน ดีมาก

๔.๔ ผ่าตัดตา: น้ำใจ ความห่วงใย ที่น่าเคารพ
๒๘ ส.ค.๔๔ ที่ปฐมอโศก ๑๖.๐๐ น. พ่อท่านเดินทางไปร.พ. ตา หู คอ จมูก เพื่อไปตรวจตา กว่าจะกลับมาถึง เกือบ ๒๑ นาฬิกา พ่อท่านบอกเล่าว่า หมอสุขุมานัดผ่าตัดพรุ่งนี้ เวลาบ่าย ที่ร.พ.รามาธิบดี ซึ่งโอกาสที่จะมองเห็น ๕๐-๕๐ แต่ถ้าไม่ผ่าตัด บอดอย่างเดียว

๒๙ ส.ค.๔๔ เช้านี้พ่อท่านเดินทางจากปฐมอโศก มาที่เกียกกาย ให้อ.อภิชาตินวด ตามที่ได้นัดไว้ล่วงหน้า แล้วกลับไปฉัน ที่ปฐมอโศก ฉันเสร็จจึงเดินทาง มาที่ร.พ.รามาธิบดี เพื่อจะได้จัดเตรียม ผ่าตัดตาพ่อท่าน ในวันพรุ่งนี้ ที่แผนกตาชั้น ๖ ได้ห้องพัก เป็นห้องรวม ขนาด ๓ เตียง ห้อง ๑๑.๓ (ห้อง ๑๑ เตียงที่ ๓)

ขณะรอการตรวจจากหมอ ก่อนเข้าห้องพัก คุณหนึ่งฟ้าบอกเล่าว่า พล.ต.จำลองได้เปรย เรื่องตาของพ่อท่าน ให้ทาง ร.พ.รัตนินทราบ ทำให้คณะของร.พ.รัตนิน ก็สนใจ อยากจะรับดูแลรักษาตา ของพ่อท่านด้วย แต่พล.ต.จำลอง เกรงใจ หมอพจน์ ที่ดูแลพ่อท่านมานาน และนำพ่อท่านมารักษา ที่ร.พ.รามาธิบดีนี้ก่อน ที่เล่าเรื่องนี้ เพื่อเป็นข้อมูล ให้หมอพจน์ และพ่อท่านได้พิจารณา ด้วยต่างก็ต้องการ ถวายการรักษา ที่ดีที่สุด ให้กับพ่อท่าน หมอพจน์นั่งรับฟังด้วยดี แต่ก็ยืนยันว่า หมอสุขุมา มีข้อมูลพ่อท่าน มาตั้งแต่ต้น และฝีมือหมอสุขุมา ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ที่สำคัญ ได้ศึกษา เพิ่มเติมเรื่อง macula (จอประสาทตา) โดยตรง แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ขึ้นอยู่ที่พ่อท่าน จะตัดสินใจ ด้วยตัวพ่อท่านเอง ถ้าพ่อท่าน จะตัดสินใจ ไปที่ร.พ.รัตนิน ก็ได้ หมอพจน์ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นสิทธิของพ่อท่าน ที่จะเลือกหมอ ที่จะดูแล สถานการณ์อย่างนี้ อย่าว่าแต่พ่อท่านเลย ถ้าเป็นข้าพเจ้า ก็ต้องเห็นแก่น้ำใจ และความตั้งใจ ของหมอพจน์ และหมอสุขุมาที่เอาใจใส่ ดูแลมานาน อีกทั้งผ่านการทำบัตร กำลังจะให้หมอตรวจ กำลังจะเข้าห้องพัก ของโรงพยาบาล อยู่แล้ว ถ้าเกิดเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ยกเลิกทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนย้ายโรงพยาบาล เปลี่ยนย้ายหมอ ขณะที่ข้อมูล ก็ยังไม่ชัดเจนว่า หมอใหม่ที่จะไปพบเป็นใคร ฝีมือดีกว่า หมอสุขุมาจริงๆหรือ ในฐานะที่ข้าพเจ้าไม่มีข้อมูล เรื่องการแพทย์ อะไรมาก จึงได้แต่ดู และฟังเหตุการณ์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกประทับใจ กับความพยายาม ที่จะนำเสนอ สิ่งที่ดีที่สุด ตามภูมิตามประสบการณ์ ที่แต่ละคนมี เพื่อถวายการรักษา ให้พ่อท่าน

เมื่อเข้าห้องพักแล้ว คุณบัวบูชา รักพงษ์ น้องสาวของพ่อท่านมาเยี่ยม นำโทรศัพท์มือถือ มาให้ใช้ และพาหมอโอ๋ (น.พ.บันดาล ซื่อตรง) ลูกชายของ คุณบัวบูชา ซึ่งเป็นหมออยู่ที่ร.พ.รามาฯ นี้ด้วย มากราบพ่อท่าน ครู่ต่อมา หมอนก (พญ.ทิชา ปราบริปูตลุง) หลานสาว ของพ่อท่านคนหนึ่ง ทำงานอยู่ที่แผนกตา ร.พ.รามาฯนี้ด้วย ก็ได้มากราบพ่อท่าน และอธิบาย เรื่องการผ่าตัด และการปฏิบัติตัว หลังการผ่าตัด

หมอสุขุมา ได้มาตรวจดูพ่อท่านในช่วงค่ำ พบว่าอาการเลือดออก ที่บริเวณใต้จอประสาทตา (Sub-Macular) มากขึ้นกว่า เมื่อวานนี้ ซึ่งตรวจที่ ร.พ.ตา หู คอ จมูก พ่อท่าน สันนิษฐานว่า อาจมาจาก การที่เมื่อวาน ออกกำลังกาย ในท่าผงกหัว ขึ้นลง คล้ายการเล่นกล้ามท้อง ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น มีผลทำให้ เส้นเลือดฝอยในตาแตกได้

คืนนี้พ่อท่าน นอนที่โรงพยาบาล เพียงรูปเดียว ปัจฉาฯไม่สามารถอยู่ คอยปรนนิบัติดูแลได้ ตามระเบียบปฏิบัติ ของโรงพยาบาล ด้วยเป็นห้องรวม

๓๐ ส.ค.๔๔ ที่ร.พ.รามาธิบดี คณะเรานำอาหารถวายให้พ่อท่านฉันแต่เช้า ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด อ.ขวัญดี มาเยี่ยม พูดคุยกับพ่อท่านแต่เช้า ครู่ต่อมา คุณกิ่งรักและคุณนิตยา น้องสาวของพ่อท่าน ก็มาเยี่ยมถามไถ่อาการ

ขณะพ่อท่านฉันอาหาร ญาติธรรมคนหนึ่ง โทร.มาปรึกษาว่า ถ้าจะติดต่อผู้ใหญ่ของโรงพยาบาลเพื่อ ย้ายพ่อท่าน ไปอยู่ห้องพิเศษ ที่เตรียมไว้ สำหรับนักการเมือง ซึ่งเป็นห้องที่หรูหรามาก ข้าพเจ้าจะเห็นอย่างไร ข้าพเจ้าเห็นด้วย แต่ควรถามความเห็น ของผู้ประสาน นำพ่อท่านมาที่นี่ดูก่อน แต่เมื่อทราบข้อมูลว่า การอยู่ที่แผนกตานี้ จะสะดวก ต่อแพทย์ และพยาบาล ในการดูแลรักษามากกว่า ที่สำคัญ พยาบาลที่จะติดตามดูแล หลังการผ่าตัดนั้น พยาบาล แผนกตา จะได้รับการอบรมฝึกมาโดยเฉพาะ หากย้ายไปที่ห้องพิเศษ VIP นั้นจะอยู่คนละแผนกกัน พยาบาลที่ดูแล จะไม่ใช่พยาบาล ที่ผ่านการอบรม เฉพาะทางตา ผลเสียจะอยู่ที่พ่อท่าน ทำให้ญาติธรรม ที่หวังดีคนนั้น หยุดความพยายาม ที่จะย้ายพ่อท่าน ไปพักที่ห้องพิเศษ VIP

ก่อนเข้าห้องผ่าตัด พ่อท่านมีอาการเคืองๆเจ็บๆ บริเวณหัวตา และหางตา พยาบาลบอก อาจเป็นขนตาที่ตัด หลงเข้าไปในตา จึงทิ่มตา เมื่อนำไฟฉายมาส่องดู พบเป็นเศษสำลี ที่ใช้เช็ด เวลาหยอดตา ขนตาที่เหลือตอ คงจะเกี่ยว ดึงสำลีบางส่วนเอาไว้ เวลากระพริบตา อาจจะเข้าไปในผนังตา ทำให้รู้สึกระคายเคือง
         ๑๐.๑๐ น. พยาบาลนำเตียงมารับพ่อท่านไปห้องผ่าตัด
         ๑๑.๕๐ น. พ่อท่านออกจากห้องผ่าตัดกลับมาถึงห้องพัก

พ่อท่านได้รับคำแนะจากแพทย์ผู้รักษา ให้นอนคว่ำหน้า หรือก้มหน้า ขณะพักและรักษาบาดแผล จากการผ่าตัดตา ที่ใส่ แก๊สเข้าไปช่วยไล่เลือด ให้ออกไปจากบริเวณ กลางจอประสาทตา (Macular) ซึ่งเป็นบริเวณสำคัญ สำหรับการมองเห็น จากนั้น ระบบการทำงานตามปรกติของร่างกาย จะดูดซึมเลือดที่ถูกดันออกมานี้ กลับคืนไปได้เอง หากพ่อท่านเงยหน้า แก๊สนั้นจะดันเลนซ์ตา ที่นอกจากจะทำให้การผ่าตัด เพื่อรักษาตา ครั้งนี้ไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้เกิดต้อกระจกได้ จากแรงดัน ของแก๊สนี้

พยาบาลที่มาวัดไข้ ความดันฯ และชีพจรเป็นระยะๆ จะถามพ่อท่านว่า รู้สึกปวดตามากไหม มีเลือดออกหรือเปล่า "ปกติดีมาก" พ่อท่านตอบ

๑๕.๒๐ น. พ่อท่านลุกตื่น บอกชักมีอาการปวดๆตาบ้างแล้ว ข้าพเจ้าถามพ่อท่านว่า จะฉันยาระงับปวดไหม "ไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องหรอก" พ่อท่านปฏิเสธ

คณะพยาบาล ๖-๗ คน เดินทางมาซักถามอาการผู้ป่วยแต่ละเตียงๆ เมื่อมาถึงเตียงพ่อท่าน ได้แต่มองดู ข้าพเจ้าละจากการเขียน ยืนขึ้น ถอยห่างออกมา เพื่อเปิดทางให้คณะพยาบาล แต่ไม่มีใคร ขยับเข้ามาทำอะไร พยายามจะฟังว่า พยาบาลจะพูด หรือถามอะไร ปรากฏว่า ไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะเกรง ในฐานะ รูปแบบนักบวชกระมัง ดีที่ยังเห็นบางคนยิ้ม อย่างมีไมตรี ค่อยอุ่นใจ จากกระแสที่ว่า พยาบาลไม่พอใจ ที่พวกเรา มาเยี่ยมกันหลายคน นั่งกับพื้น ในห้องรวมอย่างนั้น เสียงรบกวนผู้ป่วยเตียงอื่น และการทำงาน ของพยาบาล ก็ไม่สะดวก

๑๖.๓๐ น. หมอนก (พญ.ทิชา) หลานพ่อท่าน มาถามอาการ และอธิบายถึงการผ่าตัด รักษาตาพ่อท่านในวันนี้ หลังจากที่ใช้เลเซอร์แล้ว ก็ใช้แก๊ส เพื่อขับดันเลือด ที่ตกค้าง อยู่หน้าจอประสาทตา ออกไปด้านข้าง ถ้าจะให้ผลดี อย่างน้อย ๒๔ ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัด ควรให้หน้าคว่ำขนานพื้น ให้ได้มากที่สุด แต่หากเมื่อย จะพลิกบ้าง ตะแคงบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องระมัดระวัง ให้เคลื่อนไหวช้าๆ

๑๗.๔๐ น. หมอนกมานิมนต์พ่อท่านไปตรวจวัดความดันตา หลังการผ่าตัด ผลเป็นที่น่าพอใจ ความดันตาอยู่ในราวๆ ๑๐ เป็นภาษาหมอ ที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่า ถ้าผิดปกติจะเป็นเท่าใด

หัวหน้าพยาบาล อนุญาตให้มีสมณะอยู่ดูแลพ่อท่านได้ ตลอดทั้งคืน ข้าพเจ้าแทบไม่ได้หลับเลย ด้วยตั้งใจว่า จะพยายาม สังเกตดูว่า พ่อท่านจะทำอะไร จะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้ เนื่องจาก พ่อท่านมีปกติ ที่จะไม่เอ่ยปาก บอกใช้อะไรง่ายๆ แม้กับ ปัจฉาสมณะเองก็ตาม อีกทั้งความเกรงใจ การเข้าออกของพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วย แต่ละเตียง ตามหน้าที่ รวมทั้งความไม่คุ้นชินกับสภาพ ภายในห้องผู้ป่วย ของโรงพยาบาล กลิ่นของยา เสียงพัดลมหมุน ที่ชำรุด มีเสียงดัง เนื่องจากเครื่องแอร์ที่มี ใช้การได้ไม่ดี ต้องเปิดพัดลมช่วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ จึงทำให้จิตตื่น

๔.๕ อาตมาขอเวลาป่วยหน่อยนะ
๓๑ ส.ค.๔๔ ที่ร.พ.รามาธิบดี ๕ นาฬิกาเศษ พ่อท่านขยับตัว ข้าพเจ้าคิดว่าพ่อท่าน จะปัสสาวะ หรือเข้าห้องน้ำถ่ายหนัก แต่พ่อท่านบอกเมื่อยเอง ขยับเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเท่านั้น ต่อมาพ่อท่าน มีอาการไอมาก และไอแรง ซึ่งหมอตา ก็เป็นห่วง เกรงว่า แรงสั่นสะเทือนจากการไอ จะทำให้เส้นเลือดฝอย บริเวณจอประสาทตาแตกได้ พ่อท่านมีเหงื่อชุ่ม จึงขอสรงน้ำ โดยใช้ถุงพลาสติกใส ครอบคลุมหัว กันน้ำเปียกแผล

๗.๐๐ น. หมอนิมนต์ให้พ่อท่านไปที่ห้องตรวจตา มีผู้ป่วยหลายคน รออยู่ก่อนแล้ว คณะหมอช่วยกันตรวจดู ทีละคน โดยอาศัย ลักษณะต่างๆ ของผู้ป่วย เป็นการศึกษา เรียนรู้อาการ และการรักษา ไปด้วยในตัว

หมอบอก จอประสาทตาของพ่อท่าน ไม่ถึงขั้นเป็นรู ดีกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกที่เห็น จึงต้องใช้วิธี ใช้ยาละลายลิ่มเลือด แทนการดูดเอาเลือดออก อาการโรคตาของพ่อท่าน ใช้แก๊ส ๒๐% ขณะที่ผู้ป่วยสูงอายุอีกราย ได้ยินหมอบอกใช้แก๊ส ๕๐% ข้าพเจ้าไม่รู้ว่า อาการโรคเป็นแบบเดียวกันหรือไม่ และการใช้แก๊สมากหรือน้อย ดีหรือไม่ดีกว่ากันอย่างไร ได้แต่ฟังภาษาหมอเขาคุยกัน นอกจากนี้ยังได้ยินหมอ ที่เข้าร่วมทำงาน ในห้องผ่าตัด ชมพ่อท่านให้พวกเราทราบว่า เวลาผ่าตัด พ่อท่านนอนได้นิ่งดีมาก ไม่ต่างจากครั้งที่พ่อท่าน ไปตรวจสมองด้วยเครื่อง MRI ที่ใช้คลื่นสนามแม่เหล็ก ที่ร.พ.บำรุงราษฎร์ ครั้งนั้นคุณหมอที่ตรวจ ก็ชมพ่อท่านว่านอนนิ่งดีมาก ทำให้ภาพออกมาชัดเจน

กลับมาที่ห้องพักคราวนี้ พ่อท่านนั่งบนเตียง คว่ำหน้ากับโต๊ะคล่อมเตียง (over bed) ที่เลื่อนขึ้นลงได้ ของโรงพยาบาล โดยมีหมอนรองหน้า เนื่องจาก การนอนคว่ำหน้านานๆ ก็ทำให้พ่อท่าน ปวดเมื่อยเอวเหมือนกัน

เมื่อพ่อท่านรู้สึกว่า มีน้ำตาไหล คุณเพ็ญเพียรธรรม ช่วยเปิดที่ครอบตาออก ข้าพเจ้าเอาสำลีที่มีอยู่ในห้อง ของโรงพยาบาล ชื่อเป็นสำลีฆ่าเชื้อ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ คุณเพ็ญเพียรธรรม เอาผ้าก๊อซมาปิดไว้ซับน้ำตา แล้วปิดครอบ ด้วยพลาสติกตามเดิม ครู่ต่อมา พยาบาลมาหยอดตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และระงับการอักเสบ จากแผลผ่าตัด เมื่อพบเห็นผ้าก๊อซ ในฝาครอบพลาสติก จึงถามว่า ใครเอาผ้าก๊อซมาปิด พร้อมกับอธิบายว่า ถ้าจะใช้ผ้าก๊อซ ต้องใช้ผ้าก๊อซ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ที่พยาบาลจัดเตรียมมาเท่านั้น ไม่เช่นนั้น อาจติดเชื้อได้ สรุปก็คือ ผ้าก๊อซของโรงพยาบาล ที่อยู่ในห้องผู้ป่วย ก็ยังไม่ควรใช้ปิดตา ที่เพิ่งผ่าตัดมาในช่วงนี้ ถ้าจะทำอะไรกับตา ที่เพิ่งผ่าตัด ขอให้พยาบาล ประจำแผนกทำเอง

๘.๓๕ พยาบาลหัวหน้าแผนก มาเรียนให้พ่อท่านทราบว่า ช่วงสายๆ หมอสุขุมาจะมาตรวจ ดูแผลผ่าตัดของพ่อท่าน และบ่ายวันนี้ ห้องเดี่ยวพิเศษได้ และจะมีหมอเชี่ยวชาญเรื่องปอด จะมาตรวจดูอาการไอ ของพ่อท่าน

๙.๑๐ น. โทรศัพท์ไปถึงสมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธให้ช่วยเตรียมอัดเท็ปพ่อท่านจะโทรศัพย์บอกเล่าอาการ เพื่อส่งไปยัง พุทธสถานต่างๆ เหมือนเช่น ๒ วันที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับดีว่า ทำให้พวกเรา ที่ไม่สามารถมาเยี่ยมพ่อท่านได้ คลายใจคลายความกังวล เมื่อได้ยินเสียงพ่อท่าน

"...เจริญธรรม พวกเราทุกคน อาตมาต้องขอเวลาป่วยหน่อยนะ เมื่อวานผ่าตัดออกมาแล้วก็ดี ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรมาก มีรู้สึกเจ็บๆปวดๆบ้างนิดนิ๊ด ซึ่งเป็นธรรมชาติเป็นธรรมดาของร่างกาย ตอนแรกหมอจะเจาะ แล้วดูดเอา ลิ่มเลือดออกมา ที่สุดหมอไม่ได้เจาะ ใช้แก๊สใช้ยาไปละลายลิ่มเลือดแทน ตอนนี้ก็ต้องอยู่ในท่าก้มหน้า อย่างนี้ไปอีก ๒ อาทิตย์ เพื่อให้แก๊สไปดัน ที่บริเวณจอประสาทตาไว้ หากหงายหน้านานๆ เดี๋ยวแก๊สจะไปดันที่เลนส์ตา ทำให้เป็นต้อกระจกได้ หมอบอก ถ้าผลผ่าตัดดี แผลไม่มีการติดเชื้อ ก็อาจจะกลับไปพัก ที่วัดได้เร็ว ตอนนี้ขอให้ทุกคนสบายใจได้ อาตมาไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องมาเยี่ยมหรอก มันไม่สะดวกหลายๆอย่าง อาตมาเอง จะต้องก้มหน้า คว่ำหน้าตลอด ไม่ว่าจะนอน จะนั่ง จะเดิน มาก็มองไม่เห็นกันหรอก ต่อนี้ไป อาจจะไม่ค่อยได้ส่งข่าวมาอีก อาตมาจะได้พักเต็มที่ล่ะนะ ขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วง ไม่ต้องยุ่งยากมากันหรอก เอ้า เจริญธรรม ทุกๆคน"

หลังจากพ่อท่านกล่าวจบ โทรศัพท์กลับมาแจ้งสมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ ที่สันติอโศกว่า ช่วยเก็บเท็ปไว้ให้ด้วย ได้รับคำตอบว่า เท็ปอัดไม่ติด ม้วนไม่เดิน แต่ได้ขยายกระจายเสียง ช่วงพ่อท่านพูด ให้ชาวสันติอโศก ได้ฟังกันโดยทั่วแล้ว "แหม! นี่ขนาดมือวางอันดับหนึ่ง ในเรื่องเครื่องเสียง ของชาวอโศกแล้วนะเนี่ย ยังมีปัญหาพลาดได้ "ข้าพเจ้าเปรย" "กิ้งกือยังเดินตกท่อได้เลย" พ่อท่านเสริมด้วยอารมณ์ขัน

ก่อน ๑๘ นาฬิกา พยาบาลมาบอกให้ย้ายไปอยู่ห้องเดี่ยวพิเศษ ห้องหมายเลย ๙ แอร์เย็นใช้ได้ คงช่วยให้พ่อท่าน พักนอนได้ดีขึ้น

๑๙.๓๐ น. มีพวกเราจากสันติอโศก นำผ้าแพรมาให้ปูนอนแทนผ้าปูนอนของโรงพยาบาลที่ สันนิษฐานว่า เป็นสาเหตุ ทำให้พ่อท่านไอ เนื่องจากพ่อท่านนอนคว่ำหน้า ต้องสูดดมผ้าปู ที่คงมีเคมี จากน้ำยาซักฟอกมาก

ช่วงกลางคืน พ่อท่านทดลองนอนหมอนใหม่ ที่ทางปฐมอโศกทำมาให้ ในรูปเกือกม้าใหญ่ มีช่องหน้านิดหน่อย ใช้ไปได้ สักชั่วโมงเศษๆ พ่อท่านบอกไม่ดี จึงเปลี่ยนกลับมา ใช้หมอนคู่ตามเดิม ดูจะถนัดและดีกว่า ทำให้พักนอนได้มากขึ้น แม้กระนั้น ก็ยังดูพ่อท่าน พักไม่สนิท หลับไม่ยาว ขยับตัวพลิกตัวหลายครั้ง เข้าห้องน้ำ ๔ ครั้ง ถ่ายหนัก ๑ ครั้ง คืนนี้พ่อท่านไอ น้อยลงกว่าคืนก่อน อาจเป็นเพราะ ได้รับยาระงับอาการไอ และผ้าแพรที่นำมาใช้แทนผ้าปูเตียง ของโรงพยาบาล

"...ชาวอโศกนำเสนอการใช้ชีวิตในระบบบุญนิยมสู่สังคม บุญนิยมพารอด คนจนนี่แหละเป็นคนที่น่ากราบ เราเป็นคนจน ที่มีธรรมะ มีสมรรถภาพ สร้างสรร ทำประโยชน์แก่สังคม จนแต่มีแจก เราต้องพัฒนาตน ให้เป็นคนจน ที่น่าเคารพ

อาตมานำพาหมู่กลุ่มชาวอโศก มาในทิศทางบุญนิยม ๓๐ กว่าปีแล้ว เห็นผลดี เห็นความเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น แต่ดีกว่านี้ยังมีอีก ขอให้พวกเราขมีขมัน อย่าเฉื่อย อย่าติดสบายมากนัก ขอให้มีความกระตือรือร้น เพิ่มพลังตัดกิเลสตน และทำประโยชน์ท่านให้มากขึ้น มันต้องเหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วคุ้มค่า..." จากบางส่วนที่พ่อท่านให้โอวาท ปิดประชุม ชุมชนสันติอโศก ๒๕ ส.ค.๔๔ ที่สันติอโศก

"...อาตมาอยากมีอายุยืนยาว แต่ตอนนี้มีปัญหา เรื่องตามองไม่เห็นข้างหนึ่ง องค์รวมส่วนอื่นๆอยู่ในระดับแข็งแรง พอเป็นไปได้ อาตมาน่าจะอยู่นานๆ เพื่อดูความเจริญ จะค่อยๆมีเหตุปัจจัยขึ้นมา ให้สามารถสื่อ ให้พวกเราเข้าใจได้ ซึ่งไม่ใช่เล่นๆเลย ในสังคมนี้ ระบบวิธีนี้ เป็นระบบปลายยุค ของมนุษยชาติ ที่จะกลับไปสู่ระบบ คุณธรรมความดี และ เป็นความองอาจ แกล้วกล้า สมบูรณ์ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ที่ประกอบไปด้วยคุณธรรม จะเป็นแกนหลัก ให้เกิดระบบ ต่างๆ ยืนยันว่า มนุษย์มีดีได้ชั่วได้ ตราบที่อาตมาตายแล้ว

พวกเราจะต้องสืบสานกันต่อไป จนหมดยุคสมัย ของมนุษยชาติ..." จากบางส่วนที่พ่อท่านให้โอวาท ปิดประชุม ๕ พาณิชย์ (บุญนิยม) ๒๗ ส.ค.๔๔ ที่สันติอโศก

อนุจร
๑๗ ต.ค.๔๔

บันทึกจากปัจฉาสมณะ หนังสือสารอโศก อันดับที่ ๒๔๑ ตุลาคม