>สารอโศก.

ฉบับ ตลาดอาริยะปีใหม่'๔๔


พุทธธรรมกำมือเดียว เน้นความเสียสละ...การเป็นผู้ให้ จะได้ก็คือคุณงามความดี จะแถมบ้าง ก็ปีติ ที่ได้กระทำ เสียสละหยาบใหญ่ คือ ไม่เบียดเบียนชีวิต ด้วยมังสวิรัติ ไม่เกี่ยวข้องในอบายมุข

เสียสละต่อมา คือการปรนเปรอตัวเอง ในกามคุณ ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คือ การแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ แก่งแย่งกับผู้คนบนพื้นพิภพ สุขที่เคยมีก็ขอปฏิเสธ สุขที่เคยได้ ขอแชแชือน สุขที่เคยเป็น ขอสละสิทธิ์

หากจะสมบูรณ์ทางโลก ก็เป็นเพียงผลพลอยได้ และจะรวมพลัง นำผลพลอยได้ สะพัดคืนกลับ ทำเช่นนี้ เช่นนี้ ไม่หยุดนิ่ง เป็นกลปรานีอันมหัศจรรย์ ที่ครบพร้อม ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน สาธุ

งานสร้างคน คนสร้างงาน
กลุ่มญาติธรรมจังหวัดเลย เริ่มขยับอบรมเกษตรกรของ ธกส. ทุกอย่างกำลังลงตัว ญาติธรรมที่กระจายหลายกลุ่ม จะได้หันมาเป็น "พลังนกกระจาบ" ร่วมคิด ร่วมทำโดย พร้อมเพรียงกัน

พวกเราในบางกลุ่ม อยู่ห่างกันมานาน วันนี้เพราะมีงานอบรม จึงมีโอกาสได้ล้างใจ ได้ คลายใจ ได้หล่อหลอม ให้เป็นหนึ่งเดียว จิ้งจกขออนุโมทนา ผู้นำคือผู้รับใช้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีพูด ช่วยหลังร้าน หั่นผัก เช็ด โต๊ะ ก็ถือเป็นงานยิ่งใหญ่

งานทุกงาน มีค่ายิ่งใหญ่เสมอกัน ทำงานร่วมมือกัน สามัคคีกัน ปีหน้าจะเสนอให้ตั้งเป็น "สังฆสถาน" นะโยมนะ แต่หมู่สมณะอนุมัติหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง !
(หมายเหตุ : จิ้งจกว่า การตั้งสังฆสถาน ในจังหวัด พิจารณาจากการทำงานอบรมเกษตรกร ก็ถือเป็นเกณฑ์ ตัดสินได้เป็นอย่างดี ! )

อโศกสร้างคน คนสร้างเมือง (๗๓)
"ทำให้ดิฉันมีนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น คือ เมื่อก่อน ดิฉันจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียว โกรธง่าย ไม่ค่อยมีเหตุผล ปัจจุบันลดลง มีอารมณ์เย็น รู้จักปล่อยวาง มี เหตุผลขึ้นเยอะ ..." วรรณภา นาคมะเริง (อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์)

"ใจเย็นลง ลดความโลภ ความอยากได้ อยากมีการแก่งแย่งชิงดีกัน สันโดษมากขึ้น และ มีกำลังใจในการทำงาน ที่สำคัญ ทำให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากขึ้น..." รุ่งอรุณ นนทิจันทร์ (อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ)

ความสุขในครอบครัว ๓ ระดับ
จากญาติธรรม สังวาลย์ ชุ่มมงคล (อ.ป่าแดด จ.เชียงราย)
"ตั้งแต่ครอบครัวเลิกอบายมุขทุกอย่าง และถือศีล ๕ ขยัน ประหยัด ทนเสียดสี รู้สึกว่า ครอบครัวมีความสุข เราจะทำอะไรเราก็นึกถึงศีลเป็นหลัก ตอนนี้ ๑ ปีเต็มๆที่ปฏิบัติมาจน ทุกวันนี้ ทานมังสวิรัติทุกวัน และยังช่วยหมู่กลุ่ม ทำงานที่ส่วนกลาง หรือช่วยทำนาบุญ.."

วันนี้ คนในครอบครัวไม่ติดอบายมุข ก็นับว่าโชคดีเป็นไหนๆ ครอบครัวย่อมมีความสุข ผ่านด่านอบายมุขแล้ว ก็ต้องมาสู้กับ "ยักษ์" คือ "อารมณ์โทสะ" ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ใช้ อารมณ์ มีการให้เกียรติกันและกัน ครอบครัว ก็จะยิ่งสุขขึ้น
และด่านสุดท้าย สุขสุดยอด อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเอง (ที่ปฏิบัติธรรมอยู่) ไปเที่ยววัดชีวิตของคนอื่น
ทำได้ คนที่คบหาก็สบายใจ คนในบ้านก็โล่งใจฮะ จุ๊ย์ๆๆๆ

ใฝ่ดีต้องฟันฝ่า
"ดิฉันว่ากว่าเราจะสำเร็จอะไรสักอย่างนี่ เราต้องทำดี และก็พยายามทำไปให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ถึงจะพอดี ในความดี เช่น ตัวอย่าง พระบรมศาสดา ทรงสั่งสมพระบารมี มิใช่น้อย ถึงได้ตรัสรู้ คนเราไม่สามารถ เป็นปราชญ์ เพียงวันเดียว เดือนเดียว ปีเดียวได้ ต้องมั่นคงพอสมควร ให้โอกาสแก่เวลา ความหวังผล ย่อมสำเร็จแก่ผู้รอคอย" ญาติธรรม สิริภา เมษา (อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร) ชอบมาก คอลัมน์ "กว่าจะถึงอรหันต์" ต้องผ่านอะไรอีกเยอะ

จิ้งจกเสนอเพิ่มเติม อยากแข็งแรง ต้องออกกำลัง อยากสร้างความดี ต้อง "มีรูปธรรม" เริ่มจาก (๑) สิ่งไม่ดี ต้องเลิกละ (๒) สิ่งดีต้องหาทางปฏิบัติ
ความดีต้องมี "พฤติกรรม" ปรากฎชัดในทุกเรื่อง อาทิเช่น อยากทำความดี กินมื้อเดียว ก็ต้องหาทางหลีกเลี่ยง ความอร่อย! หากวุ่นวายแต่เรื่องกิน ก็ยากจะทำ "มื้อเดียว" ได้สำเร็จ ! จุ๊ย์ๆๆๆ

ธรรมะอยู่ที่ใจ...และกายด้วย!
จากญาติธรรมวรรณา รุมรัตนา (อ.บางปะหัน จ.อยุธยา)

"ข้าพเจ้าจะตื่นนอนตี ๓ ครึ่ง ไหว้พระ สวดมนต์ แผ่เมตตา แล้วก็เตรียมตัวออกค้าขาย และพยายามจะไม่นอนกลางวัน ไม่กินของจุบจิบ ไม่ดื่มน้ำอัดลม ไม่เล่นหวย ไม่เชื่อ หมอดู และคนทรง ดิฉันเชื่อในกรรมมากกว่า ไม่ตบยุง ไม่ฆ่ามด ไม่ดูทีวี ไม่ซื้อหนังสือจำพวกบันเทิง ชอบอ่านแต่หนังสือสารอโศก และดอกหญ้า"

จดหมายฉบับนี้ เราจะเห็นอย่างหนึ่งว่า การปฏิบัติธรรม จะต้องมี "กายสักขี" ไม่ใช่ เอะอะ ก็ "อยู่ที่ใจ" "ดูที่ใจ"      

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างอโศกกับนิกายอื่นๆ
ขั้นตอนการปฏิบัติ จะมีดังนี้
๑. ทำกายให้หายรุงรัง
๒. ทำตบะให้ปรากฎชัดเห็นได้ด้วยตา
๓. ทำใจให้สงบ (จากอารมณ์โทสะ และอารมณ์โลภะ) และ
๔. เชื่อหลักกรรม ผิดจากนี้ อย่ามาคุยว่าปฏิบัติธรรมเลยนะฮะ จุ๊ย์ๆๆๆ

หน้าที่ของวัวงาน
หน่วยงานอโศก นับวันจะมากขึ้น นับวันจะเปิดตัวมากกว่าเก่า หน้าที่ของ "วัวงาน" ใน แต่ละหน่วยงาน จำเป็นต้องรู้สถานะของตัวเอง เพื่อจะได้ประโยชน์ตน และ ประโยชน์ท่าน ครบพร้อม

สมณะสร้างไท ปณีโต ได้ให้โอวาทแก่วัวงาน ชมร. โคราช วัวงานหน่วยอื่นๆ ก็สมควรถือเป็นแบบอย่าง
"หน่วยงานชมร. เราก็เป็นหน่วยงาน ที่ช่วยเผยแพร่ธรรมะ จริยธรรม คุณธรรมแก่สังคม จุดนี้เป็น Show room
การทำงานของเรา ชมร.ก็ตั้งมาหลายปีแล้ว ถ้าเป็นเด็ก ก็ทั้งล้มลุก คลุกคลานมาเรื่อย
เราทำงานที่นี่ ก็เป็นที่อาศัย เป็นบทแบบฝึกหัด ปฏิบัติธรรมของเรา
ถ้ากิเลสของเราเบาบาง จางคลายลง แสดงว่าเราขยายอาหารได้กำไร แต่ละคน แต่ ละหน้าที่ก็ช่วยกันไป
เวลาเจอผัสสะ เจอปัญหาต่างๆ เรามีอารมณ์ ความไม่ชอบ มีความชอบใจ มีความรักเกิด ขึ้นกับเรา อารมณ์รัก

สายราคะ เห็นทุกข์ช้า สายโทสะ เห็นทุกข์ชัดและเร็ว มาล้างทิ้ง ทั้งสองด้าน ทั้งมานะ และกาม ทั้งกิเลสสายโทสะ และสายราคะ

ดังนั้น การทำงาน เราต้องตรวจจิต ตรวจใจดูด้วย อยู่เหนือผัสสะให้ได้ ถ้าหนีผัสสะ เราก็ไม่จบ จะหนีไปเรื่อย
ตราบใดที่เรายังไม่ล้างกับตัวต้นเหตุ คือตัวสมุทัย ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การอยู่ในหมู่มิตรดี สหายดี ก็ได้ขัดเกลากัน จอมยุทธมีหลายระดับ อาจจะทำถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ต้องมาล้างกิเลส

ซึ่งการขายอาหาร เราจะเอาตัวเลขรายได้ เป็นตัวโชว์เท่านั้นไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญ เรา ได้ล้างกิเลสออกจากใจ จึงจะถือว่ากิจการเจริญ...." (เก็บตกจากรายงาน การประชุมชมร. สาขานครราชสีมา ครั้งที่ ๑/๒๕๔๒ เดือนมกราคม ณ พุทธสถานสีมาอโศก)

ความอ่อนโยนในหัวใจ
อารมณ์ดิบของมนุษย์เรา หากเทียบเป็นธาตุทั้ง ๔ หยาบสุด ต่ำสุด ก็จะเปรียบเทียบเป็น "ดิน" อารมณ์เบาบางขึ้น ก็กระเถิบเป็น "น้ำ" เป็น"ลม" และเบาบางจนเราเรียกว่า อยู่ในระดับ "ไฟ" อารมณ์ของญาติธรรมหมายเลข ๒๔๗๐๓๐ มีการพัฒนาน่าสนใจ
"เรื่องที่เคยทำผิดพลาดมาก่อน (นึกย้อนอดีต) ละอายใจตนเอง และอยากจะไปตามขออภัย จากบุคคลที่เรา เคยละเมิด ล่วงเกินเขามา (แต่คงทำได้ยาก เพราะมีหลากหลาย)
เมื่ออารมณ์เริ่มจางคลาย ความอ่อนโยนจะเริ่มปรากฎ เราก็จะเป็นคนยอมคน ง้อคนได้
และนี้แหละฮะ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ก็ด้วยเหตุนี้ จุ๊ย์ๆๆๆ

หนังสือประวัติสมณะ สิกขมาตุ
"ดิฉันทราบว่า จะมีการแจกประวัติของสมณะ สิกขมาตุ แจกให้กับญาติธรรม ที่เป็นสมาชิก สารอโศกกันอยู่ อยากจะได้มาอ่านบ้าง ขอให้ช่วยจัดส่งมาให้ดิฉันตามที่อยู่นี้ด้วยค่ะ" ชลิตา พงศ์กิจธนากร (เขตยานนาวา กทม)

ใครสนใจก็เตรียมตัวไว้นะฮะ แต่จะให้ส่งถึงบ้าน จิ้งจกว่าส่งแสตมป์มาช่วยน่าจะดีกว่า จุ๊ย์ๆๆ

เมื่อเทวทูตมาเตือน
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา เมื่อเทวทูตมาก็เท่ากับจะบอกว่า "การสูญเสีย" "การพลัดพราก" จากสิ่งที่รัก คืบเข้ามาใกล้ตัวเราเข้าไปทุกขณะ คนอายุมาก ก็จะรู้ดี คนอายุน้อย ก็เรียนรู้จากคนรอบข้างไปก่อน แต่ก็มีบางอย่าง ที่เป็นความสูญเสียร่วมกัน

จากญาติธรรม ประดับ อินทร์แป้น (อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี) "ได้ข่าวว่าพ่อท่านไม่สบาย ขอให้ท่านหายไวๆ มีดวงตาดี สามารถมองเห็นเหมือนเดิม ขอให้ถนอมสุขภาพ ให้แข็งแรงมากๆ และยาวนานตลอดไป"

พ่อท่านเมื่อถึงเวลาท่านก็จะไป เหลือก็แต่ลูกๆ อย่างพวกเราต่างหาก ที่ยังประมาท ตายใจ ผลัดวันประกันพรุ่ง เปรียบพ่อท่านเป็น "ของใช้วิเศษ" พวกเราได้เอามาใช้คุ้มค่าหรือไม่ กับการที่พ่อท่าน เสียเวลามาเกิด !
มาตั้ง "ตบะ" ที่เป็นรูปธรรมถวายพ่อท่าน คนละอย่าง สองอย่างกันดีกว่า จุ๊ย์ๆๆ

อโศกโลกาภิวัฒน์
"เทคโนโลยี" ทำให้โลกเจริญ ขณะเดียวกัน ก็ทำให้โลกเสื่อมอย่างรุนแรง นี้คือสัจธรรม อโศกจึงต้องเพิ่มศักยภาพ ด้วยการ "ติดอาวุธ" เพิ่มเติม
การรบเราเพิ่ม "องค์กร" การสื่อสาร เราเพิ่ม "เครื่องมือ"
วันปีใหม่๔๕ ที่ราชธานี "สู่ดิน ชาวหินฟ้า" ผู้จัดการเว็บไซด์ เครือข่ายอโศก เดินท่อมๆ แจกแผ่นดิสก์ ให้ญาติธรรมบางคน "สรุปรายงานการสัมมนาครับ เกี่ยวกับโครงการอบรม งานคอมพิวเตอร์ของชาวอโศก..."
วันนี้จิ้งจก มองรอบๆ เห็นคนถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอล มองข้างบน เห็นโปรเจคเตอร์ยิงใส่จอ เห็นรถตู้ มีอุปกรณ์เครื่องเสียง จอดบัญชาการ ใกล้กับศาลาฟังธรรม ขอบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง แห่งการเข็นลงก้อ ธรรมะจักร จุ๊ย์ๆๆๆ
(หมายเหตุ : จะดูอโศกในอินเทอร์เน็ต ให้เปิด www.asokecommunity.com)

งานแก้เหงา ด้วยอานาปานสติ
"ดิฉันเป็นคนแก่ที่ขี้เหงา เพราะไม่ค่อยได้ไปไหน อยู่สองคนตายาย ก็ได้หนังสือของ สมาคมเป็นที่พึ่งยามไม่สบายใจ และทำให้มีกำลังใจที่จะลด ละเลิก และมั่นใจในการ ปฏิบัติธรรมยิ่งๆขึ้น ขอฝากความห่วงใย มายังพ่อท่านด้วย และหวังว่า ตาของท่านจะหาย โดยเร็ววันนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ" วิไลวรรณ ทับสาร (อ.เมือง จ.ชัยภูมิ)

คนยังไม่แก่ ก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน "อยู่คนเดียว ไม่ระวังความคิด อยู่กับมิตร ให้ระวังวาจา" มาหัดควบคุมความคิด ด้วยการผูกสติไว้กับลมหายใจ "กำหนดลมหายใจเข้า... กำหนดลมหายใจออก"
จะยืน เดิน นั่ง นอน นึกได้เมื่อไหร่ เราจะ "ทำเล่นๆ" ให้เก่ง "
๑-๒-๓-๔-๕- ๑-๒-๓-๔-๕ "จะนับระยะของลมหายใจ ก็ไม่เป็นไร ทำให้ชัดเจนขึ้น เราจะมี "ความสุข" กับการได้อยู่กับลมหายใจ !
หรือใครจะใช้แบบพ่อท่าน แนะการเจริญสติ ด้วยการตั้งคำถามบ่อยๆ กับตัวเอง "ขณะนี้เรา กำลังทำอะไรอยู่?" ก็เพิ่มเข้าไปอีก ก็ยิ่งดีฮะ จุ๊ย์ๆๆ

เกษตรธรรมชาติ ภายใต้เกษตรพอเพียง !
จากญาติธรรมบุญธรรม แก่นยิ่ง (อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์)
"ผมเองก็ทำเกษตรไร้สารพิษเหมือนกัน ทำไว้รับประทานเอง เหลือกินก็ขาย ผลไม้ใน สวนของผมก็ไร้สารพิษเช่นกัน (ไร้สารพิษนะครับ ไม่ใช่ปลอดสารพิษ)"

อยากจะช่วยพ่อท่านแก้ปัญหาประเทศชาติ นอกจากการลดละกิเลส อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทำเกษตรธรรมชาติให้ปรากฏ เพื่อตัวเอง เพื่อเป็นตัวอย่าง เพื่อเป็นทางรอด ของเกษตรกรหมู่ใหญ่ มวลเกษตรธรรมชาติยิ่งมาก เขาก็จะยิ่งมั่นใจ
ความจริงแล้ว เกษตรธรรมชาติ ยังต้องอิง "เกษตรพอเพียง" หรือ "เศรษฐกิจพอเพียง" อันหมายถึง อย่าด่วน ปลูกขาย ปลูกกินให้พอ เหลือค่อยขาย จะได้ไม่กระวนกระวาย เพราะพลาดหนึ่งครั้ง จะฟื้นตัวอีกนาน !

หมายเหตุ : เกษตรธรรมชาติ ยังหมายถึงการลงทุนน้อย การซื้อหายา ปุ๋ย สารอินทรีย์ ทั้งหลายแหล่ นั่นมิใช่ แนวทางของเรา เกษตรธรรมชาติ ต้องลดต้นทุนให้มากที่สุดด้วย

เห็นทุกข์ คือเห็นธรรมเป็นไฉน?
"คุณหมอบอกว่า มีเนื้องอกในถุง ปล่อยนานไป อาจเป็นอันตราย กลายเป็นเนื้อร้ายมะเร็ง ได้ อยู่ในโรงพยาบาล ๓ คืน วันแรกแผลผ่าตัด เจ็บและปวด ทรมานมากครับ โอย... ต่อไปผมว่าจะอย่างไร ผมจะไม่ผ่าตัดอีกแล้วตลอดชีวิต ถึงจะเกิดโรคร้ายแรง อันใด ก็ปล่อยให้มันเป็นไป จะไม่ผ่าตัดอีกแล้ว ขอเถอะ เจ็บปวด ทุกข์อริยสัจจริงๆ ครับ" ญาติธรรม วิชิต เตวินวัน (อ.เมือง จ.ยโสธร) เล่าจิตสำนึกขณะเจ็บป่วยมา

คนปฏิบัติธรรม จิตจะละเอียดอ่อน ทุกข์ใหญ่ทุกข์น้อย ก็จะยิ่งชัดเจนในชีวิต ผิดกับปุถุชน ยิ่งทุกข์ ยิ่งไม่เข็ดหลาบ ! "ทุกข์อริยสัจ" ในความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่เจอความทุกข์ แล้วรู้ทุกข์ แล้วก็เห็นว่าเป็น ทุกข์อริยสัจ
ทุกข์ตัวแรก ต้องเห็น "ทุกข์ในสุข" แบบยสะกุลบุตร หรือพระสารีบุตร Šพระโมคคัลลานะ สมัยเป็นฆราวาส ถึงจะเข้ากระแสนะฮะ เป็น นิพพิทาญาณ ก็ใช่แล้ว จุ๊ย์ๆๆๆ

ไฟเผาขยะ ตบะเผากิเลส
จะไม่กินจุบจิบ (เย็นจิต ขันที)

ทำงานเสียสละถวาย โดยเฉพาะด้านเกษตรธรรมชาติ (วันชัย ชมบุญเรือง)

จะทำงานเพื่อสร้างชุมชน ที่กำลังก่อตัว (วิไลวรรณ ดวงกุลสา)

จะตั้งใจลดความโกรธ และจะทำงานช่วยกลุ่ม (วิชัย ช่วยตั้ว)

ขอถือศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ลดโทสะ รับใช้ชุมชน (อุบล ช่วยตั้ว)

สังวรศีล ๕ ให้สูงยิ่งๆขึ้น (ณรงค์ ใบภักดี)

จะไม่พูดก่อนทำ จะเป็นคนไม่สั่งการ (ใบภู ทองเงิน)

ถือศีล ๕ ละอบายมุขตลอดชีวิต (อัมพร แก้วกาหลง)

กินถั่วอย่างน้อยวันละ ๑ ฝ่ามือพูน จะไม่ดุ ด่าลูก ตั้งใจพูดคำพูดที่ดี จะพยายามพูดกับ ภรรยาให้มากขึ้น (สุทัศน์ ดิศโยธิน)

คติประจำเดือนนี้

ไฟ
เผาขยะ
ตบะ
เผากิเลส

มีคุณค่าล้น
มากมาย
เคร่งครัดกาย
รสลิ้น

เหลือหลาย
หมดสิ้น
เกิดก่อ เกณฑ์นา
หลีกเว้น มังสา

"นิพพิทา"

(สารอโศก อันดับ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)