หน้าแรก >สารอโศก

เดินตามรอยพ่อ


วันวิสาขบูชาปี ๒๕๒๓ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้มาร่วมงานที่สันติอโศก ซึ่งก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้ากำลังบวชเรียน และศึกษาทางออกของชีวิต ได้พบเจอหนังสือแสงสูญ เล่มที่ ๑ เปิดอ่าน แล้วสะดุดใจคำว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องสะพัดออกให้หมด จึงทำให้ ข้าพเจ้าสนใจ ใคร่อยากรู้ อยากศึกษา จึงติดตาม มาที่สันติอโศก ซึ่งสมัยนั้น มีการแสดงธรรม ทุกเสาร์-อาทิตย์

จากนั้นข้าพเจ้าเริ่มทดลอง รับประทานอาหารมังสวิรัติ และเริ่มมื้อเดียว (ได้ลาสิกขาแล้ว) ได้ไปร่วมงาน ที่ไพศาลี เห็นคนอายุประมาณ ๖๐-๗๐ เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้ จึงเคร่งมื้อเดียว ไม่สวมรองเท้า

ปฏิบัติตามแนวอโศก พ่อท่านเทศน์อะไร? ลดละเลิกอะไร? ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติตามนั้น ฝึกมาตั้งแต่ ชาวอโศกไปจัดงาน ที่สวนลุมพินี ข้าพเจ้าไปร่วมงาน ขัดห้องน้ำ ห้องส้วม และมีงานที่ ม.รามคำแหง "งานรามบูชาธรรม" ไปร่วมงานทุกครั้ง เก็บกวาดขยะ ขัดส้วม

เมื่อปี ๒๕๒๓-๒๕๒๔ พ่อท่านเน้นเรื่องพุทธเกษตร ข้าพเจ้าก็มีความคิดว่า น่าจะไปเป็น พ่อค้าคนกลาง เพื่อนำผลิตผล มาขายตรง ให้ราคาถูกที่สุด ระหว่างผู้ผลิต ถึงผู้บริโภค แต่ก็ได้แต่คิด

ช่วงแรกๆ ก็ไม่คิดจะบวช เป็นสมณะชาวอโศกหรอก พอฟังพ่อท่านเทศน์ว่า "คนที่จะมาบวชที่นี่ ไม่ต้องเอาอะไรมาหรอก มาแต่ตัว กับหัวใจเท่านั้นพอ" ได้ฟังเท่านั้น ก็เลยตัดสินใจ สมัครบวช

ปี ๒๕๒๔ ได้เป็นปะ (ผู้ปฏิบัติ) ซึ่งเป็นรูปแบบ ฐานะเบื้องต้น ของผู้สมัครบวช ข้าพเจ้าคิดว่า เราอายุมากแล้ว อัตตาก็เยอะ กว่าจะลด จะละ จะเลิกได้ ก็เลยอยากทำฐานตัวเอง ให้มั่นคง จึงอยู่ในฐานะปะ ให้นานๆ เป็นปะอยู่ ๖-๗ เดือน แล้วเลื่อนเป็น นาค อยู่ในฐานะนาค ๑ ปี แล้วได้เลื่อนเป็นสามเณร เป็นสามเณร ๑ ปี กับ ๔ เดือน แรกคิดว่าจะอยู่เป็นสามเณรมาราธอน กะจะอยู่สัก ๒ ปี ปรากฏว่า ถูกเทศน์ให้ฟังบ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจ ขอเลื่อนฐานะ ได้บวชเป็นสมณะ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๗

แม้บวชแล้ว ข้าพเจ้าก็ชอบอ่าน หนังสือสารอโศก เพราะทั้งเนื้อหา และการตอบปัญหาต่างๆ มีให้ศึกษา สาระประโยชน์มากมาย และนำมาฝึกบำเพ็ญ ให้ตัวเอง ในการทำตบะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั้งตบะ หยิบอาหารถาดเว้นถาด เพื่อฝึกตัวเอง ฝืนตัวเอง ด้วยความตั้งใจ

ทั้งได้เดินจาริก เพื่อฝึกความอดทน อดทนต่อผัสสะที่ถูกโจมตี ว่ากล่าวเสียๆหายๆ ในทำนองเป็นพวกนอกรีต พวกคอมมิวนิสต์ และโดนถูกคนว่า ให้ร้ายถึงครูบาอาจารย์ ก็ฝึกความอดทนตรงนี้ ไม่แก้ตัว ถ้าอธิบายได้ ก็บอกเขาให้เข้าใจ ซึ่งมันก็ทำให้เรา ต้องมีสติ จับอาการอารมณ์ให้ได้ ให้มาก เป็นการฝึกอีกวิธี ที่เพิ่มความอดทน อดกลั้นได้สูง

การบิณฑบาต ในการเดินจาริก ก็มักมีแต่อาหาร ที่ไม่ใช่มังสวิรัติ เราก็ต้องบอกคนใส่บาตรว่า ฉันอาหารมังสวิรัติ แล้วบอกให้เขาได้รู้มากขึ้นว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืช ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ และเรื่องเงินทอง ก็มีมาบริจาคมาก คนเขาเคยเห็นพระ ไม่สวมรองเท้า ก็ตอนบิณฑบาต แต่ไม่ค่อยเคยเห็น เวลาจาริกที่ไม่สวมรองเท้า เขาก็มาถวายเงิน เราก็ปฏิเสธเรื่องเงิน บอกให้รู้ว่า ผิดศีลของพระ ทำให้เขายิ่งเกิด ศรัทธามากขึ้น

ปัจจุบันนี้ งานของชาวอโศก มีมากขึ้น กว้างขึ้น การฝึกตนเอง ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็น ควรยึดหลักกินน้อย ใช้น้อย เพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น เกิดประโยชน์สูงและประหยัดสุด และโศลกธรรม ที่พ่อท่านให้ แต่ละปี ข้าพเจ้าก็พยายาม ทำตามนั้นให้ได้

การทำงานข้าพเจ้าคิดว่า ไม่ควรจะเน้นเรื่องของวัตถุมากนัก น่าจะวางได้ ไม่ควรยึด เรื่องของวัตถุ มากกว่าเรื่องจิตวิญญาณ แต่ไม่ใช่ว่า จะทิ้งวัตถุเลย ควรใช้อย่างรู้เหมาะ รู้ควร และเก็บให้ดูเรียบร้อย ไม่ทิ้งขว้าง ชิ้นไหนที่สามารถนำมาประยุกต์ได้ ก็ควรนำมาประยุกต์ใช้ใหม่ จะได้ไม่ทำลาย ทรัพยากร ธรรมชาติมากนัก

งานทุกงานที่ชาวอโศกจัดขึ้น ข้าพเจ้าจะพยายาม ไปร่วมทุกงาน เพราะว่าอาจจะมี สิ่งที่สามารถจุดประกาย ให้ได้เร่งขวนขวาย ให้ได้ปฏิบัติ เช่นงานปีใหม่ แค่งานแสดง ก็สามารถทำให้ จุดประกายความคิด และการขวนขวาย ได้มากทีเดียว

ชาวอโศกมีเด็กมากขึ้น เราก็ควรจะดูแล และอบรมสั่งสอนให้มาก เรียกว่าเสียสละ ทุกเวลานาที ให้กับเด็กๆ ก็ว่าได้ และที่สำคัญมาก สำหรับยุคปัจจุบันนี้ คือ เราจะทำอย่างไร ให้เขาสามารถรวมกลุ่มกันได้ดี เหมือนพวกผู้ใหญ่ เช่น ชาวอโศกอบรมธ.ก.ส. ให้มาศึกษาวิถีชีวิตของเรา ให้มีลักษณะของการปฏิบัติ คือ เป็นนักมังสวิรัติ ลดละอบายมุข เสียสละให้จริงๆ

ทุกชีวิตที่เกิดมา ย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นโลกเก่า โลกปัจจุบัน และโลกใหม่ ข้าพเจ้าคิดว่า มนุษย์ไม่ได้มีอะไร ที่น่าจะนำไปด้วย ในตอนตาย นอกจาก อริยทรัพย์เท่านั้น จะฝ่าฟัน ไปถึงดวงดาว ให้จงได้ และข้าพเจ้าเอง ก็ถือคตินี้ เหมือนกัน คือ จะฝ่าฟัน ให้ถึงดวงดาว ตามรอยเท้าพ่อ

กราบเท้าบูชาพ่อ
สมณะผองไท รตนปุญโญ

(สารอโศก อันดับ ๒๔๔ มกราคม ๒๕๔๕)