หน้าแรก>สารอโศก

ค่ายหนุ่มสาวพุทธทายาท เยาวชนคนสร้างชาติ รุ่นที่ ๑๙

ช่วงเดือนเมษาที่มีอากาศอบอ้าว ลมร้อนพัดผ่าน แต่ก็มีสิ่งสวยงามให้ชื่นชูใจ ภาพของคนหนุ่มสาว ที่หันหลัง ให้กับสิ่งยั่วย้อมมอมเมา รอบข้างอย่างไม่ไยดี มุ่งหน้ามาขัดเกลาตนเอง และแล้วค่ายหนุ่มสาว พุทธทายาท ครั้งที่ ๑๙ ก็ได้จัดขึ้น ณ บ้านราชฯ เมืองเรือ อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เม.ย.๔๕

มาเถิดคนหนุ่มสาว จงก้าวเข้ามาเรียนรู้ ฝึกฝนตนเป็นคนเสียสละ...กิน ๒ มื้อ....ตื่นตี ๔....ไม่ใส่รองเท้า.... ไม่ใช้เครื่องสำอาง.... แต่งตัวเรียบง่าย.... เพราะวัยหนุ่มสาวนี่แหละ ที่จะ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ได้มากที่สุด เพื่อร่วมกัน กอบกู้ชาติไทยคืนมา รุ่นนี้จึงเป็นรุ่น "เยาวชนคนสร้างชาติ"

เป็นครั้งแรกที่ค่ายพุทธทายาทขาดพี่ๆ จากกลุ่มรามฯ และขาดนักศึกษาจากรามคำแหง มาร่วมเข้าค่าย แต่ก็มีพุทธทายาท ทั้งหมด ๘๕ คน มีทีม ม.วช.เขตศีรษะฯ และบ้านราชฯ เป็นพี่เลี้ยง หลายคนบอกว่า น้อยแต่แน่นเนื้อ เป็นรุ่นหัวกะทิ ทำให้แต่ละคนรู้จักกันมากขึ้น

 

๑๗ เม.ย. หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว นัดหมายกันไว้ว่า เวลาบ่ายโมงตรง รวมตัวกันที่เฮือนใหญ่ ครั้งนี้ มีข้อตกลงร่วมกัน ๓ ข้อ
๑.ตรงต่อเวลา ๒.ให้ความร่วมมือในทุกกิจกรรม ๓.พร้อมโดยการเงียบ

หลังจากทำความรู้จักเพื่อนๆ และพี่เลี้ยงในกลุ่มแล้ว ก็ตั้งชื่อกลุ่ม พร้อมรับผ้าพันคอสีประจำกลุ่ม เริ่มด้วย รักษ์วัฒนธรรมไทย สาธิตการกราบที่ถูกต้อง

๑๕.๐๐ น. ฟังปฐมนิเทศน์ โดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก จบลงด้วยการปฏิญาณศีล ๕ เข้าบ้านพัก แล้วขบวนการกลุ่ม ก็เริ่มขึ้นเมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. ด้วยการโฮมแฮงเก็บถั่วลิสงเป็นงานแรก บรรยากาศอบอุ่น ทานข้าวร่วมกัน

พบกับรายการภาคค่ำ "คนมหัศจรรย์" กับ ๔ รูปแบบของ ๔ ชีวิต ดำเนินรายการโดย สมณะฟ้าไท สมชาติโก เริ่มจาก...
น.ส.เรืองตะวัน วงศ์แสนสาน นิสิต ม.วช.วัย ๑๙ ปี ทำงานอยู่ฐานโรงสีและโจ๊กข้าวกล้อง มีความสุขกับงานเสียสละ และมีชีวิตเรียบง่าย ต่างจากวัยรุ่นทั่วไปที่ถูกโลกมอมเมา

นางแก้วแสงบุญ อ่อนกะตา แม้ค้าขายไอศกรีม วัย ๓๘ ปี ที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชนผู้ทุกข์ร้อน รู้ซึ้งถึง มหันตภัย ของการสร้างเขื่อนปากมูล ร่วมประท้วงต่อต้านการสร้างเขื่อน แต่สุดท้าย เธอเลือกที่จะ หันมา เปลี่ยนแปลง ที่ตัวเองก่อน

นายกล้าตรง พรมโสดา วัย ๓๒ ปี ที่น้ำเปลี่ยนนิสัย(เหล้า) พาชีวิตไปใกล้ชิดกับมัจจุราช บนท้องถนน ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา จึงได้รู้สึก สำนึก เลิกคบกับน้ำทองแดง มาร่วมทำความดีกับคนดี ที่ชุมชนบุญนิยมแห่งนี้

และคนสุดท้าย นางมิ่งหมาย บุญเฉลียว ครูใหญ่สัมมาสิกขาราชธานีอโศก วัย ๔๘ ปี ซาบซึ้งกับคำว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง พร้อมทุ่มเทชีวิตที่เหลืออยู่ ให้กับงานศาสนา

สมณะฟ้าไท สรุปสุดท้ายว่า เมื่อยังมีลมหายใจให้รีบสร้างกรรมดี ก่อนที่วิบากกรรมจะตามมา แล้ววันนั้น เราอาจจะหมดโอกาสทำความดีอีกแล้ว

 

๑๘ เม.ย. เสียงเพลงคนสร้างชาติปลุกให้ทุกคนตื่นมาร่วมฟังธรรมรับอรุณ โดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร บอกย้ำว่า วัยหนุ่มสาวนี่แหละที่จะล้างกิเลสได้เร็ว และกิเลสจะออกได้มากที่สุด ให้หันมาเรียนรู้ตัวเอง เพราะตลอด ๒๔ ช.ม. ในแต่ละวัน เราลืมหันมามองตัวเองมากที่สุด แล้วออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย แบ่งกลุ่มลงฐานงาน ไปขุดหลุม เตรียมปลูกต้นไม้ ที่สวนไวพลัง และขนปุ๋ยที่โรงปุ๋ย ตามหาความเป็นคน ว่าสำคัญแค่ไหน ทุกคน ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานกันดีมาก แล้วกินข้าวร่วมกัน ทำ ๕ ส. ทำปุ๋ย หาฟืน

ภาคค่ำพบกับ อ.ขวัญดิน สิงห์คำ รายการ "จุดไฟชีวิต" บอกเล่าสถานการณ์ ของโลกทุนนิยม ที่เข้ามา มอมเมา ตั้งแต่เยาวชนไทย เกษตรกรไทย ให้ตกเป็นทาสอบายมุข ปุ๋ยเคมี ความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย กับห้าง ต่างชาติ ที่ขนกำไร ออกนอกประเทศ วันละ ๑๐๐ ล้านบาท หากวันนี้ยังไม่รู้สึกสำนึก เมืองไทย จะกลายเป็น อาร์เจนตินา ๒ แน่นอน พร้อมกับเชิญชวนให้เยาวชนหันมาคิดใหม่ทำใหม่ แบบดั้งเดิมกับชีวิตพอเพียง ลดละเลิกอบายมุข สิ่งฟุ้งเฟ้อต่างๆ

๑๙ เม.ย. ธรรมรับอรุณ โดย สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล ขอให้เยาวชน หาทิศทางของชีวิตให้พบ แต่ละคน
เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกอนาคตตัวเองได้ คนเราเกิดมาเพื่อหัดกระทำดี หัดทำดีก็จะได้ดี ถ้าหากฝึกชั่ว ก็จะได้ชั่ว ทั้งดีและชั่ว ล้วนติดตัวไป ทั้งชาตินี้และชาติหน้า แล้วโฮมแฮงกางเต็นท์ เตรียมงาน พ.ฟ.ด. ที่จะมาถึง

ภาคบ่าย ใกล้ชิดชีวิต-เพื่อน แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มเด็กวัด เด็กเคยมาวัด และกลุ่มที่ไม่เคยมาวัด พูดคุย แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน หลายคนมีไฟในการเดินทาง บนเส้นทางสายนี้ต่อไป แล้วลงฐานงาน ทำปุ๋ยร่วมกันทุกกลุ่ม

ภาคค่ำแต่ละกลุ่มพบสมณะ-สิกขมาตุ

๒๐ เม.ย. ธรรมรับอรุณ ชมวิดีโอ ๓๐ ปีแห่งการงาน ชีวิตและผลงานของผู้นำชาวอโศก พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
ภาคค่ำ ชมตะวันตกดิน สัมผัสอากาศเย็นสบายสดชื่นที่ริมมูล ร่วมวงรับประทานอาหาร กับผัดผักบุ้งไฟแดง เมนูคู่ค่าย กิจกรรมรอบกองไฟริมมูล ที่แต่ละกลุ่มสะท้อนแนวคิดผ่านการแสดง ล้วนมีเป้าหมาย สุดท้ายกับ สังคมบุญนิยม แต่ก็ยังขอมีชีวิตอยู่กับโลกใบเก่า ให้หายสงสัยก่อน

๒๑ เม.ย. ธรรมรับอรุณวันสุดท้ายก็มาถึง ตอบทุกคำถามให้หายข้องใจ โดยสมณะเดินดินและสมณะฟ้าไท แล้วล่องนาวาบุญนิยม ชมตะวันขึ้นที่ริมมูล สวยงามจนหลายคนประทับใจ กลับมากตัญญูด้วยการซักมุ้ง ผ้าห่มที่ริมมูล ตักบาตรร่วมกัน รับพรก่อนจาก จากสมณะ-สิกขมาตุ เป็นข้อคิด เมื่อต้องกลับไปต่อสู้ ตามลำพัง รับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อสุดท้าย โดยเฉพาะผัดผักบุ้ง หลายคนตาหวาน เพราะกินผัด ผักบุ้งทุกมื้อ แล้วพิธีอำลาก็มาถึง เริ่มด้วยการเปิดใจกับ ๔ คืน ๕ วันในค่ายแห่งนี้ที่ฝึกฝนตน ด้วยงานหนัก ท่ามกลางแดดร้อน ขัดเกลาทั้งกายและใจ เพื่อกลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลำบากแต่เต็มใจ และมีความสุข ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมทั้งน้ำตา เราจะกลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเริ่มนับหนึ่งที่ตัวเอง เป็นอันดับ แรก เพื่อร่วมกันกอบกู้ ชาติไทย คืนมา แล้วกลับมาพบกันอีกในปีหน้า

"มือสองมือคว้าไกล ตาสองตาคอยจ้อง มีสองขาก้าวเดิน สู่หนทางมุ่งมั่น จะก้าวไปไม่หยุดยั้ง จะฟาดฟัน อย่างหยัดยืน จะมุ่งไปยังจุดหมาย ไม่กลัว"

- / - ฟ้าสีทอง - / -

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๗ เมษายน ๒๕๔๕)