>สารอโศก

- ป.ปรีดา [email protected]


คนบาป....
ชุมชนสหกรณ์การเกษตรจังหวัดเชียงราย จัดระเบียบห้องทำงานใหม่ ขยายกว้างกว่าเก่า ผมกับ ช่างแหลง รับเหมา ทำเคาน์เตอร์ พอทำได้ ๕ วัน ถึงวันหยุดเป็นวันอาทิตย์ งานรับเหมา เราไม่หยุด วันนั้น ภารโรง กับเพื่อนอีก ๒ คน ทำลาบไก่ ชวนช่างแหลงกินด้วย ไก่ที่ถูกเชือดวันนั้น เป็นไก่ชน ของภารโรงเอง ซึ่งชนแพ้ เมื่ออาทิตย์ก่อน ทำให้เจ้าของ เสียเงิน จึงชวนเพื่อน ทำลาบกินเสีย คงจะเป็นการลงโทษ "ประหาร" ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกาใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่เคยทำเงินให้เจ้าของ มานักต่อนักแล้ว

โอ้! เกิดมาเป็นไก่ชนก็เป็นแบบนี้แหละหนอ! ชนชนะเจ้าของได้กินเหล้า และ อาหารอย่างดี ไก่เอง รางวัลที่ได้รับ คือความบอบช้ำ และ เจ็บปวด คราวแพ้ รางวัลที่ได้รับคือ "ตาย" สถานเดียว ยุติธรรม แล้วละหรือนี่

อันว่าธรรมดากินลาบกินเลี้ยงก็ต้องกินเหล้า วันนั้นมีเหล้ากินกันสนุกสนานเฮฮา จนอิ่มหนำ เมาได้ที่แล้ว ตกลงชวนกัน ไปยิงนกตกปลา แต่ช่างแหลงไม่ไปด้วย เพราะไม่ได้หยุดงาน ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้ร่วมด้วย เพราะถือศีล กินเจ ยังห้ามเขาเสียอีกว่า มันบาป เขาไม่เชื่อฟังเราหรอก ก่อนไป ยังแสดงฝีมือให้ดูอีก ยกปืนเล็กยาว ลูกกรด จุดสองสอง ขึ้นส่องไปบน หลังคาโรงสี แล้วลั่นไก...ปัง.... โอ้โฮ! แม่นยำจริงๆ นกกระจอก ตัวนิดเดียว กลิ้งตกจากหลังคา ลงมาตายสนิท หยิบขึ้นมาดู โดนหัวพอดี แล้วเขาก็โยนทิ้งไป ยิงเล่นสนุกๆ เท่านั้นเอง

จากนั้นทั้ง ๓ คน เขาก็ออกไปพร้อมปืน และคันเบ็ดคนละคัน พอเขาไปกันแล้ว ผมพูดคุยกับช่างแหลงว่า "วันหยุด น่าจะหยุดพักผ่อนกันจริงๆ ไม่ควรชวนกันไปทำบาป เบียดเบียนสัตว์เลย"

ช่างแหลงว่า "ช่างเขา นั่นเขาไปพักผ่อนกันละ ด้วยการยิงนกตกปลา หรือไม่ก็ล้อมวงจั่วดรัมมีกัน หรือ ไม่ก็เล่นไก่ชน"

พอออกไปได้สักพักใหญ่ ภารโรงกระหืดกระหอบกลับมา พูดเร็วถี่ "แหล็ง...แหล็ง... แหล็ง...แหล็ง ยืมรถที ๆ ๆ คนเป็นลม ๆ ๆ" ได้กุญแจ จากช่างแหลงแล้ว สตาร์ตขับออกไป เหมือนจะบิน ทับเป็ด กำลังข้ามถนน ตายสองตัว จากนั้น ก็หายจ้อย ไปตั้งนาน คงจะเอาคนเป็นลมที่ว่านั้น ไปโรงพยาบาล

พอเย็นใกล้สี่โมง เอารถมาส่งคืน จึงรู้เรื่อง ไม่มีใครเป็นลมอะไรหรอก มีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวรู้...

ออกจากชุมชนสหกรณ์ไป เขาไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งที่บ้านริมลาง สังสรรค์กันอีกเล็กน้อย แล้วชวนกัน ไปช้อตปลา ในลำน้ำลาง ใกล้บ้านเพื่อน นั่นแหละ เพราะเพื่อน เขามีเครื่องมือช้อตปลา ไว้เป็นอาชีพเสริม

พอช้อตปลาไปสักครู่ เกิดพลาดลื่นลงตลิ่งถึงน้ำ ไฟเกิดช้อตเอาคนเข้าชักดิ้นชักงอ ไม่มีใครทันได้ช่วย กว่าจะปิด สวิทช์ไฟได้ ก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว จึงช่วยกันหามขึ้นรถ ส่งโรงพยาบาล หมอก็ช่วยไม่ได้ เพราะตาย แต่ต้นทางแล้ว ได้แต่บันทึก การพิสูจน์ศพให้เท่านั้น

ต่อมาญาติผู้ตายจะเอาเรื่องถึงโรงพัก ตำรวจจะดำเนินคดี เรียกผู้เกี่ยวข้อง ทั้งสาม มาสอบสวน ตกลงกัน ระงับ เลิกล้มคดี แต่ต้องจ่ายหนึ่งแสนบาท ผู้ต้องหา ต่อรองลดเหลือ ๙๐,๐๐๐ บาท คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท ทั้ง ๓ คน แต่เงินจะไปแบ่งให้ใครนั้น อย่าไปรู้เลย ที่แน่ๆ ญาติผู้ตายได้ ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าทำศพ เรื่องจึงลงเอย จบกัน เงิน ๙๐,๐๐๐ บาท ขณะนั้นมีค่ามาก (๒๕ บาท ต่อ ๑ ดอลลาร์) หากขณะนี้ ต้องใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟ ได้ ๓,๖๐๐ ดอลลาร์แล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้ นับว่าเป็นบทเรียนราคาแพงมาก สังเวยพฤติกรรมนี้ นับร้อยๆชีวิต ไก่ ๑ นกกระจอก ๑ คนตาย ๑ เป็ดอีก ๒ ที่เห็นๆ ๕ ชีวิตแล้ว กุ้ง หอย ปู ปลา อีกต่างหาก ถ้านับไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ชีวิต

แต่พวกเขาก็ไม่เข็ดหลาบ ไม่หลาบจำ ไม่มีจิตสำนึกเสียเลย ยังคงดื่มเหล้า เล่นชนไก่อยู่ เหมือนเดิม

(ข้อมูลจาก คุณแก้วมูล เภตรา)
หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถ ส่งมายังคอลัมน์นี้หรือส่งมาทาง email ข้างต้น

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕)