สารอโศก

๘๕


ดิฉันไม่ได้เรียนวิชาพยาบาลทางโลกมา แต่ดิฉันเรียนวิชาพยาบาลทางใจ เรียนอยู่ สามโรงเรียน คือ
๑. โรงเรียนสงสารก่อน
๒. โรงเรียนมีน้ำใจ
๓. โรงเรียนเข้าใจผู้ป่วย

เป็นความรู้สึกที่มีออกมาเองทางใจ เมื่อรู้ว่ามีคนป่วยก็รีบไปเยี่ยม ดูแล และทำอาหาร ไปส่งทันที ยิ่งพ่อท่านพูดว่าให้พวกเราต้องพึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้ ตัวเอง ก็ยิ่งมีกำลังใจ ทำมากขึ้น คิดในใจว่าใครไม่ทำก็ช่าง ดิฉันทำเองเลยดีกว่า

ดิฉันเคยดูแลผู้ป่วยก็หลายคน รอดก็มี ตายก็หลายคน การดูแลผู้ป่วยต้องทำใจมาก ผู้ป่วยบางคน เอาใจยากมาก แต่ก็ต้องทนให้ได้ เพราะเราเรียนมาตั้งสามโรงเรียนแล้ว ถ้าทำไม่ได้ ก็เสียชื่อว่าเป็นลูกพ่อท่านหมด

ดิฉันรักที่จะทำงานหน้าที่นี้ตลอดไป การช่วยเหลือคนอื่นไม่ว่านิสัยเขาจะเป็นอย่างไร ก็ได้บุญทั้งนั้น ถ้ายิ่งเต็มใจช่วยจริงๆ ช่วยแล้วไม่หวังอะไรตอบแทน ยิ่งได้บุญมากมาย ตอนก่อนนั้น ดิฉันเคยไม่ชอบหน้าบางคน ที่ทำให้ดิฉันเจ็บปวดและกล่าวหาดิฉันอย่างผิดๆ แต่พอรู้ว่า เขาป่วยมาก หรือเกิดอุบัติเหตุ จิตดิฉันก็พุ่งปรู๊ด อยากไปเยี่ยมและดูแล ลืมเรื่อง ที่เคยไม่ชอบขี้หน้า หมดเลย นี่แหละหัวใจของพยาบาล ที่เปรียบเสมือนกับ ความเป็นแม่ ไม่ว่าลูกจะดี หรือไม่ดีอย่างไร แม่ก็ต้องมีเมตตาให้เสมอ

เมื่อถึงเวลาตัวเองป่วยบ้าง ๑ ก.พ. '๔๖ รู้สึกปวดท้องและแน่น วันที่ ๒ ปวดมากขึ้น ไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายอีกก็ไม่ได้ดู ราดน้ำเลย วันที่ ๓ เป็นวันจันทร์ ตอนตี ๔ กว่าๆ ปวดถ่ายอีก เข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ดูเหมือนเดิม ราดน้ำเลย แล้วเข้ามานอนต่อ สักพักท้องมันปั่นป่วนอีก เหมือนจะผายลมออกมา แต่กลายเป็นก้อนเลือดดำๆออกมา มีความรู้สึกว่า มันยังออกมา ไม่หมด ก็เลยไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายออกมาอีกเป็นถ้วย ปวดท้อง ไปเรื่อยๆ มีเลือดสีดำ ออกมา ตลอด จนกระทั่งวันที่ ๘-๙ เลือดสีดำจางลง วันที่ ๑๐ ไม่ดำ วันที่ ๑๑-๑๒ กลับมาเป็น เลือดดำอีก วันที่ ๑๓ เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลรามคำแหง คุณลมระริน ไปเป็นเพื่อน คุณดาบบุญ ช่วยขับรถ ของเขาเอง (รถกรุงเทพฯ-แคลิฟอร์เนีย) ไปส่ง

พอไปทำบัตรผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ก็ถามเป็นอะไรมา บอกว่าปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือดดำ มาหลายวัน เจ้าหน้าที่บอกว่าจะเลือกหมอให้ ดิฉันบอกว่าเอาหมอที่ตรวจไม่เจ็บ เขาก็ยิ้ม เขาถามต่อไปอีกว่า อยู่สันติอโศกใช่ไหม ตอบว่าใช่

มีคนเคยพูดให้ฟังว่า ส่องกล้องมันเจ็บมาก ก็เลยนึกกลัวเจ็บ พอคุณหมอเข้ามา ก็บอกหมอว่า เจ็บในท้องและแน่นๆด้วย ถ่ายมีเลือดดำๆมาหลายวันแล้ว คุณหมอบอกว่า ต้องส่องกล้องดูถึงจะรู้ว่าเป็นอะไร รีบบอกหมอว่า เอ็กซเรย์ได้ไหม แล้วให้ยาไปกินก่อน เพราะความกลัวเจ็บ นั่นเอง คุณหมอก็ยิ้มๆ แล้วเอามือ แตะที่แขนเบาๆ บอกว่าเจ็บนิดเดียว เดี๋ยวหมอ จะให้ยานอนหลับ แล้วพยาบาล ก็พาไป ดิฉันถามว่าอยู่ชั้นไหน บอกว่าชั้น ๓ ดิฉันขอขึ้นบันได พยาบาล ก็พาขึ้นบันได ไปด้วยกัน พอถึงหน้าห้องผ่าตัด พยาบาล ให้นั่งรอก่อน เตียงยังไม่ว่าง ว่างแล้วจะมาบอก

ระหว่างนั่งรอ พูดกับลมระรินว่า หนีกลับดีไหม(กลัวเจ็บ) ลมระรินตอบว่าแล้วแต่พี่ คิดในใจ ถ้าเรากลับก็เหมือนเราอ่อนแอ อีกใจหนึ่งก็กลัวโดนว่า พวกอโศกอ่อนแอ ไม่อยากให้ใคร ว่าอโศกได้ เพราะดิฉันรักอโศก มากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก ก็เลยตัดสินใจเข้าไป

เจ้าหน้าที่ในห้องบอกให้นอนบนเตียง เดี๋ยวคุณหมอจะมา เขาเอาผ้าสีเขียว มาห่ม และ ผ้าห่มสีขาว มาคลุมอีกชั้น ยังอดทวงยานอนหลับไม่ได้ ดิฉันรีบบอก พยาบาลในห้องว่า คุณหมอบอกว่าจะให้ยานอนหลับ นี่ยังไม่เห็นให้เลย แล้วก็คิดในใจ โรงพยาบาลเอกชน คงเจ็บน้อยกว่า โรงพยาบาลหลวง

คุณหมอเข้ามาในห้องพูดว่า ขอผู้ช่วย คนเดียวทำไมไม่ได้ ๓ คน มีหญิง ๒ คน ชาย ๑ คน คุณหมอพูดขึ้นว่า เอาคนเดียวก็พอ เป็นผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นก็พอแล้ว ดิฉันพูดกับหมอว่า กลัวดิฉันดิ้นหรือ คุณหมอหัวเราะแล้วก็เริ่มทำการตรวจ หยิบขวดอะไรก็ไม่รู้ บีบเข้าปากดิฉัน สามครั้ง ดิฉันถามว่ากลืนได้หรือเปล่า หมอบอกกลืนได้ เผลอเดี๋ยวเดียว คุณหมอก็เอาสาย และกล้องใส่ปาก ผู้ช่วยตัวใหญ่อยู่ด้านหัว หมออยู่ด้าน ซ้ายมือ มีจอคล้าย TV เครื่องเล็กๆ อยู่ข้างเดียวกับคุณหมอ ดิฉันชำเลืองตาดู เห็นกระเพาะอาหาร ผิวบาง สีชมพูอ่อน เป็นกลีบๆ ลอนๆ

กล้องส่ายไปมาในกระเพาะ ไม่มีอาหารอยู่เลย มีฟองเหมือนน้ำลายนิดหน่อย ที่เห็นสะดุด อย่างหนึ่ง ในกระเพาะอาหารคือ เหมือนดอกไม้บานตรงกลางมีสีแดงช้ำ คงเป็นรอยต่อ ระหว่าง กระเพาะกับลำไส้แน่นอน ที่มันอักเสบ หมอบอกว่า มีแผลที่ลำไส้ ต่อจากกระเพาะ ไปหน่อย เป็นแผลใหญ่ พอสมควร ถ้าปล่อยไว้นานอาจทะลุได้ อาจจะถึงขั้นผ่าตัด

วันรุ่งขึ้นหมอเอาฟิล์มมาให้ดู บอกว่า ยังมีเลือดซึมอยู่แต่ฉีดยา ตรงที่เป็นแผล ไม่ให้เลือด ซึมอีก ตอนส่องกล้องให้แล้ว นี่ถ้าหมอให้ยานอนหลับ เราคงไม่ได้เห็น ว่าในกระเพาะเรา เป็นอย่างไร คุณหมอบอกให้ทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อนไปก่อน

ตอนนี้ต้องสงสารกระเพาะให้มากยิ่งกว่าเดิม แต่ก่อนนี้ดิฉันทานอาหารเรื่อยเปื่อย และ เคี้ยวไม่ค่อยละเอียด ขอให้หนักท้องพอทำงานได้ไปวันๆ ทำให้ผู้อื่นทาน มีประโยชน์เพียบ แต่ของตัวเอง อะไรก็ได้ เพราะการได้ช่วยผู้อื่นมันสบายใจดี กราบขอบพระคุณพ่อท่าน สมณะ สิกขมาตุ และญาติธรรมที่เป็นห่วง ขอขอบคุณ คนส่งข้าว-ส่งน้ำเป็นอย่างมากเลย และ ขอขอบคุณ เจ้าของรถกรุงเทพฯ-แคลิฟอร์เนีย ผู้มีน้ำใจดีอย่างมากๆเลย ที่บริการ รับส่ง ตอนป่วยและผู้ป่วยอื่นๆที่ดิฉันไปดูแลส่งอาหาร เพราะคุณดาบบุญ พอเห็น หรือรู้ว่า จะไปดูแลคนป่วย ก็อาสาช่วยขับรถ ไปส่งทันที มีน้ำใจมากจริงๆที่มาช่วย เป็นที่พึ่งเจ็บ พึ่งป่วยให้กันได้

จะทำดีให้มีดีมากกว่านี้

- มีดี รัศมิทัต -

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๗ กุมภาพันธื ๒๕๔๖)