กว่าจะถึงอรหันต์ พระสัปปทาสเถระ

บวชมายี่สิบห้าพรรษา
ยังหาความสงบใจไม่ได้
กามราคะกลุ้มรุมทำลาย
ยอมตายดีเสียกว่ายอมสึก.

ในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดมนั้น ปุโรหิตของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งนครกบิลพัสดุ์ แคว้นศากยะ ได้บุตรชายคนหนึ่งสืบสกุลชื่อว่า สัปปทาส

เมื่อเขาเจริญเติบโตแล้ว ได้คลุกคลีอยู่กับสหายพวกราชสกุล มีชีวิตอยู่ด้วยความสุขสบายสนุกสนาน จนกระทั่งคราวที่พวกพระญาติของพระศาสดา พากันออกบวชในพระพุทธศาสนา ตัวเขาเอง ก็ศรัทธามากเช่นกัน จึงสละเพศฆราวาสออกบวชด้วย

แต่เพราะมีจิตสะสมกามคุณในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสมามาก ทำให้แม้บวชประพฤติธรรมแล้ว ก็ถูกกิเลสกามราคะครอบงำอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม....ภิกษุสัปปทาสก็ยังพยายามบำเพ็ญเพียร เพื่อล้างกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไป

กระทั่งบวชได้ถึง ๒๕ พรรษา ก็ยังไม่มีวันใดเลยที่ได้รับความสงบใจปราศจากกิเลส แม้ชั่วเวลา ลัดนิ้วมือ (หรือดีดนิ้วมือ) ไม่เคยได้เอกัคคตาจิต(จิตแน่วแน่มีอารมณ์สงบนิ่งปราศจากนิวรณ์ ๕)เลย

อยู่มาวันหนึ่ง เพราะถูกกามราคะกลุ้มรุมอย่างแรงกล้า แม้พยายามต่อสู้ต้านทานกิเลสสุดกำลัง ก็ยากที่จะต้านทานได้ จึงบังเกิดทั้งความท้อแท้ ความเสียใจ ความละอายใจอย่างใหญ่หลวง สุดที่จะอดทนอดกลั้นได้ ถึงกับระเบิดอารมณ์ออกมา ประคองแขนทั้งสองขึ้นร้องไห้คร่ำครวญ ด้วยความรู้สึกว่า

"เราบวชในพระพุทธศาสนานี้ อันเป็นไปเพื่อการสลัดออกจากทุกข์ แต่แล้วเราไม่สามารถถอนตัว ขึ้นมาจากเปือกตม อันคือกิเลสกามทั้งหลายได้ ช่างน่าอัปยศอดสูเสียจริงในพระศาสนานี้"

คิดอย่างอับอายขายหน้าแล้ว ก็ทนต่อความรู้สึกเช่นนั้นไม่ได้ จึงออกจากวิหารไปสู่ที่พักของตน ด้วยคิดว่า

"เราจะใช้มีดโกนปาดคอตัวเองเสีย ชีวิตของเราช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน ควรตายเสียเถิด แต่คนอย่างเรา จะไม่ยอมลาสิกขา (สึก) เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุบอกคืนสิกขา เวียนมา เพื่อความเป็นคนเลวนั้น เป็นความตายในอริยวินัยโดยแท้ เราจะไม่ยอมตายจากอริยวินัยนี้"

เมื่อถึงที่พักจึงเข้าไปในห้อง หยิบฉวยเอามีดโกนมา แล้วสะบัดลับมีดให้คมกริบ สามารถตัดเส้นเอ็น ให้ขาดสะบั้นได้ง่ายดาย จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียง ยกมีดโกนวางพาดไว้ที่ลำคอ หมายจะปาดคอ ครั้งเดียวให้สำเร็จผล

ขณะนั้นเอง....ใบมีดโกนอันคมกริบแตะอยู่ที่ผิวหนังของลำคอ ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วกาย ความวิตกกังวลต่างๆหมดไป จิตก็สงบ กายก็สงบ บังเกิดโยนิโสมนสิการ (การพิจารณา โดยแยบคาย) ใคร่ครวญถึงเหตุและผลตามความจริง แยกแยะในสิ่งดีและชั่วชัดเจน ได้เห็นโทษ ของการฆ่าตัวตายว่า เป็นบาป ได้เห็นโทษภัยของความรักใคร่ร่างกายนี้ว่า เป็นทุกข์อย่างยิ่ง จึงบังเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายนี้ เบื่อหน่ายในกามราคะทั้งหลาย ก็เพราะความเบื่อหน่าย ในกิเลสกามทั้งปวงนี้เอง ทำให้ท่านหมดความสงสัยในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ถึงกับอุทาน ออกมาว่า

"จิตของเราหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงแล้ว จงดูเถิดว่า ความที่ธรรมะเป็นธรรมะที่ดี ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง"

พระสัปปทาสเถระได้บรรลุธรรมแล้ว สำเร็จเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก เป็นผู้มีวิชชา ๓ (ความรู้แจ้งใน ๑.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ=รู้ระลึกชาติของกิเลสได้ ๒.จุตูปปาตญาณ=รู้การเกิด และดับของกิเลสได้ ๓.อาสวักขยญาณ=รู้ความหมดสิ้นไปของกิเลสได้) เป็นผู้ได้กระทำคำสอน ของพระพุทธเจ้าให้สำเร็จแล้ว

- ณวมพุทธ -
อาทิตย์ ๒ พ.ย.๒๕๔๖
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ ข้อ ๓๕๒
อรรถกถาแปลเล่ม ๕๒ หน้า ๑๘๒)

- สารอโศก อันดับที่ ๒๖๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ -