ชื่อใหม่ ม่านพร ขวัญสำราญ
ชื่อเดิม นวพร ขวัญสำราญ
พี่น้อง ๕ คน เป็นคนที่ ๓
ภูมิลำเนา จ.ชัยภูมิ
เกิด ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘
สถานภาพ สมรส มีบุตร ๒ คน

การศึกษา ปริญญาตรี การศึกษา วิชาเอกการประถมศึกษา
ปริญญาโทบรรณารักษ์ศาสตร์ จาก มศว.มหาสารคาม

อาชีพเดิม รับราชการครู

สถานที่ทำงาน ร.ร.ชุมชนบ้านแก้งคร้อ ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

พบอโศก ปี พ.ศ.๒๕๒๘ เมื่อกองทัพธรรมไปที่ ร.ร.สตรีชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เมื่อพบประทับใจ ความชัดเจนฉะฉาน ในการสื่อภาษาจากการแสดงธรรมของสมณะ ยิ่งกว่านักรู้ทั้งหลายทั่วไป ที่เคยได้ฟัง ได้พบมาก่อน ประทับใจการแสดงธรรมของพ่อท่าน คมชัดมาก ถูกตรง ไม่มีข้อหลีกเลี่ยงได้เลย

หลังจากพบได้เปลี่ยนแปลงตนเองทันทีทันใด ตัดผมสั้น ไม่ดัดผม ไม่แต่งหน้า ใส่ชุดม่อฮ่อม นุ่งผ้าถุง ไม่นอนกลางวัน กินอาหารมังสวิรัติ ๒ มื้อ นำเสื้อผ้าไหมชุดสวยๆ งามๆ ไปให้เพื่อนบ้าน ใกล้เรือนเคียงทั้งหมด ไม่นอนที่นอนสูงใหญ่ ไม่ใช้เครื่องประดับตกแต่ง

* กิจกรรมก่อนเข้ามาอยู่วัด
-จัดกลุ่มนักเรียนพุทธธรรมที่โรงเรียน รับสมัครนักเรียนที่สนใจถือศีล ๕ เป็นสมาชิกวารสารดอกบัวน้อย กิจกรรมหลักของนักเรียนพุทธธรรม ๑. ทำความสะอาด ล้างห้องน้ำของโรงเรียน ๒. ทำเห็ดนางฟ้า ๓. ขายปาท่องโก๋,ขนม ๔. ทำอาหารรับประทานกันเอง เมื่อพบปะประชุมกัน ๕. ประชุมกันสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ๖. เข้าค่ายนักเรียนพุทธธรรมปีละ ๑ ครั้ง(กิจกรรมที่ ๖ ทำร่วมกันทั้งกลุ่มชัยภูมิอโศก)

-ทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้กลุ่มชัยภูมิอโศก (หลายรอบ) กิจกรรมกลุ่มมีการประชุมพบปะเปิดใจนิมนต์สมณะมาเป็นประธานเดือนละ ๑ ครั้ง โดยญาติธรรมในกลุ่มผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอาสาเป็นเจ้าของสถานที่(เจ้าภาพ) ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ จนกระทั่งปี ๒๕๓๙ จึงได้สถานที่หินผาฟ้าน้ำเป็นที่ประชุมกลุ่ม ซึ่งตอนนั้นไม่คิดจะเป็นชุมชน แม้โรงเรียน แม้สังฆสถาน

หลังจากได้สถานที่ที่หินผาฟ้าน้ำแล้ว เมื่อปี ๒๕๓๙ ด้วยความรู้สึกรับผิดชอบในหมู่กลุ่ม ปี ๒๕๔๐ จึงลาออกจากราชการ มาอยู่ที่หินผาฟ้าน้ำ เริ่มจากปลูกศาลาฟังธรรม ๑ หลัง และครัวกลางเล็กๆ ๑ หลัง ต่อมาปี ๒๕๔๑ จึงเกิดเป็นชุมชนหินผาฟ้าน้ำ เกิดเป็นสัมมาสิกขาหินผาฟ้าน้ำ ปี ๒๕๔๔ และเกิดเป็นสังฆสถานหินผาฟ้าน้ำปลายปี ๒๕๔๔ สรุปว่าเข้ามาอยู่วัดก่อน แล้วจึงเป็นวัดตามมา

* กิจกรรมหลังจากเข้ามาอยู่วัด
ตอนเกิดชุมชนหินผาฟ้าน้ำ ได้รับหน้าที่เป็น ผู้รับใช้ในชุมชนผู้ประสานงานกลุ่ม ทั้งในหมู่ญาติธรรมข้างในและนอกชุมชน เนื่องจากที่ดินที่ใช้เป็นสถานที่ส่วนกลางของกลุ่ม ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ จึงรวมกลุ่มกันจัดตั้งสหกรณ์กู้ดินหินผาฟ้าน้ำ เพื่อขอใช้ที่ดินให้ถูกต้อง ทำหน้าที่เป็น ประธานสหกรณ์ ดังกล่าว จนกระทั่งขอเปิดโรงเรียนสัมมาสิกขาหินผาฟ้าน้ำ โดยรับหน้าที่เป็น ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในนามของสหกรณ์ฯ ทำหน้าที่ ประธานสาขาพรรคเพื่อฟ้าดิน ลำดับที่ ๑๑ ตลอดจน ผู้ประสานงานศูนย์ฝึกอบรมหินผาฟ้าน้ำ ในขณะเดียวกันทำหน้าที่ ผู้ดูแลฐานกสิกรรม ฐานขยะของชุมชนฯ และฐานงานอื่นๆที่ขาดคน

* ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ความเห็นที่ต่าง เพราะแต่ละคนมีการสั่งสมมา กันคนละอย่าง ผิดบ้างถูกบ้าง ส่วนใหญ่จะเห็นว่าตนถูก

* แนวทางแก้ไข พยายามมองตน ปรับเปลี่ยนความเห็น วางใจ ให้ค่าเพื่อนร่วมงานให้มากกว่า ค่าของงาน แม้จะมั่นใจว่าตนถูก หรือแม้จะถูกกว่าจริงๆก็ต้องวางใจให้ได้

* ข้อปฏิบัติที่คิดว่ายากที่สุด การทำหน้าและใจให้ยิ้มแย้มตลอดวัน ส่วนใหญ่จะเป็น หน้าเอาจริง มากกว่า ตั้งตบะก็แล้ว พยายามฝึกๆๆอยู่ค่ะ

* คติประจำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ ซื่อสัตย์ จริงใจ คือค่าของคน มีใจเบิกบาน เป็นคนหน้ายิ้ม

* เป้าหมายชีวิต ลดกิเลสตนควบคู่ไปกับการช่วยงานชุมชน งานโรงเรียน และงานสังฆสถาน (งานศาสนา) ตลอดไป

* ข้อคิดข้อฝากให้หมู่กลุ่ม การอยู่ร่วมกันถ้าครั้งใดมีการเห็นต่าง หากเรายึดไม่วางใจ วันนั้น เราจะทุกข์มาก แต่หากแม้เราเห็นต่าง และมั่นใจว่าถูก แต่เราไม่ยึด เรากลับยอม วันนั้นมีความสุข สบายจริงๆเลย จิตที่ดีทำให้ความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นแท้ๆ

- สารอโศก อันดับที่ ๒๖๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ -