ธรรมประทับใจ (๙๕)
รักพิสุทธิ์

ฉันเข้าหมู่กลุ่มชาวอโศกมา ๑๑ ปีเต็มพอดี ความรู้สึกตอนนี้ คือ ฉันเป็นสมาชิกคนหนึ่ง ของครอบครัวใหญ่ นิสัยโดยส่วนตัวของฉัน คือ เอาแต่ใจ ทำอะไรตามภพตนเองเสมอๆ หมู่พี่น้อง จึงมักเห็นฉันตะลอนๆ ไปจำพรรษาต่างพุทธสถานเป็นปกติ

เมื่อปี ๒๕๔๔ ฉันต้องไปอยู่เป็นเพื่อนหลานที่ศีรษะอโศกหนึ่งปี มีโอกาสคบคุ้นกับพี่น้อง ทางศีรษะอโศก หนึ่งในนั้นคือเด็กหญิงตัวเล็กๆน่ารักๆคนหนึ่ง เธอชื่อ "น้องที" หรือ "ไพรบุญ ก้อนสุวรรณ" อายุตอนนั้นประมาณ ๔ ขวบ มีแม่อยู่ในชุมชน มีพี่ๆอยู่ ม.วช. และสัมมาสิกขา น้องที เป็นเด็กช่างพูด ช่างซัก ช่างถาม เราสนิทกันมาก แม้ฉันจะย้ายกลับปฐมอโศกสองปีแล้ว เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม

เรามีโอกาสเจอกันในงานสำคัญปีละประมาณ ๓ ครั้ง และปีนี้เธอก็ไปร่วมงานพุทธาฯ ที่ไพศาลีด้วย เรามีเวลาได้นั่งพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถึงคนนั้นคนนี้ แล้วก็คุยถึงอาๆ ที่น้องทีรัก ซึ่งตอนนี้มีชีวิตคู่เป็นครอบครัว อยู่ในหมู่ชุมชนวัฒนธรรมศีรษะอโศก ฉันถาม น้องทีว่า ถ้าฉันจะแต่งงาน น้องทีจะว่ายังไง เธออึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วก็มองฉันด้วยสายตา เหมือนกำลังอบรมเด็กตัวเล็กๆ

"อารู้ว่ามันทุกข์ แล้วอาจะแต่งทำไม!?"

"มันทุกข์ยังไง?" ฉันซักต่อ

"มันเหมือนงูร้ายที่ชูหัวฉกกัน ทำร้ายกัน หยั่งงี้" เธอยกแขนสองข้างทำมือประกอบ "แล้วอาก็จะลำบาก เดือดร้อน"

"เอ... ก็เขาไม่ได้ร้ายเหมือนงูนี่ เขาใจดีออก"

"ใจดี ยังไง?" เธอซักไม่ลดละ

"ก็...คอยเป็นห่วงเป็นใย ช่วยงานสารพัด ดูแลอาอย่างดีด้วย"

เธอเงียบไป ครู่หนึ่งก็พูดต่อ

"ถ้าเขาเป็นคนดีจริง เขาต้องดูแลทั้งน้องที ดูแลทุกๆคน ช่วยเหลือคนทั้งโลก เหมือนพระพุทธเจ้าเลยสิ !"

คราวนี้ฉันอึ้งบ้าง เมื่อฉันยังมีเหตุผลอ้าง เหมือนไม่ยอมจำนน เธอก็บ่นเหมือนระอาเต็มที

"อา...ถ้าอายังไม่เปลี่ยนใจ น้องทีจะจับอามัดใส่ยานอวกาศ ส่งออกไปนอกโลกเลย"

ฉันกับเพื่อนต้องหัวเราะขำกับความช่างคิดของเขา

"อา...อาไปอยู่สอนเด็กที่ศีรษะอโศกดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอกัน"

คราวนี้ ฉันขมวดคิ้ว มองหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ

"น้องที หนูเอาคำพูดนี้มาจากไหน"

"ก็...น้องทีเคยนั่งหยั่งงี้" เธอนั่งขัดสมาธิ มือวางบนหัวเข่าแล้วหลับตายิ้มน้อยๆ "แล้วความคิดแบบนี้ มันก็เกิดขึ้นเอง"

ฉันพยักหน้าหงึกๆเหมือนกับจะไปทำบ้าง สุดท้ายเธอก็ฉุดกระชากลากแขนฉัน ให้พาไปดู บ้านดิน ที่กำลังสร้างกันอยู่ ฉันบอกเขาไปว่า.....

"พอดีเลย เขาก็ช่วยทำบ้านดินอยู่ เดี๋ยวน้องทีช่วยพูดกับเขาเหมือนที่พูดกับอาเลยนะ" เธอหยุดยื้อ ชะงักมือที่ฉุด กลับผลักเล็กน้อย แล้วกำชับว่า

"อาไม่ต้องไปเลย อาอยู่ที่นี่แหละ" แล้วเธอก็เดินไปกับคุณแม่ โดยไม่เหลียวหลังมามองฉันเลย

รายการภาคค่ำวันนั้น ฉันจึงซึม จนพี่ๆทักว่าผิดปกติไปนะ กระแสความคิดความเห็น ที่เป็นศีล เป็นธรรม ถูกป้อนเข้าหน่วยเก็บข้อมูลความจำของเด็กตัวเล็กๆได้ชัดขนาดนี้ก็น่าทึ่งแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ปฏิบัติการจริงที่เด็กหญิง (ไม่เห็นแก่ตัว) "ไม่เอาแต่ใจ" เพื่อรักษาคนอื่น สิ่งนี้มันชัดซึ้งยิ่งกว่า

การแสดงความห่วงใยของพี่ๆน้องๆ มีทั้งแบบตรงๆแบบอ้อมๆ บางคนก็ให้โอกาส "เรียนรู้ทุกข์ ด้วยตนเอง" (ซะ) "ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง กันอยู่" แต่วันนี้ ฉันน้ำตาซึม แสนประทับใจ ได้สำนึกละอายแก่ใจต่อความรักความจริงใจ ที่เด็กน้อยอนุบาลอย่างน้องที มอบให้กับอา ผู้ได้มาอยู่ร่วมในสังคมผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกัน อย่างน้อยความบริสุทธิ์ใจ ที่หนูน้อยมอบให้ จะช่วยให้ผู้ที่กำลังมีหัวใจสีชมพูทุกดวง ได้สะดุด แล้วหันมาทบทวน มุมมองดีๆ ที่น้องทีมอบให้กันดูบ้าง

- ตะวันดิน พยุงดี -
มีนาคม ๒๕๔๗

- สารอโศก อันดับที่ ๒๖๘ มกราคม ๒๕๔๗ -