จดหมายจากญาติธรรม

ด้วยรู้คุณ เห็นค่า....จึงปฏิบัติบูชาเป็นมรรคเป็นผล

ตั้งใจมานาน แต่กว่าจะหาองค์ประกอบที่ครบพร้อม และลงมือเขียนได้ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน

ข้าพเจ้าคงจะรู้สึกเสียใจไม่น้อยหากข้าพเจ้าไม่ตัดสินใจเขียนหรือเขียนช้าไป โดยปล่อยให้เวลา เนิ่นนาน จนบุคคล ที่จะเขียนถึงได้จากโลกนี้ไป สรุปแล้ววันนี้ยังทันไม่สายเกินไป เพราะ ๑. คนเขียน ยังอยู่ ๒. บุคคลที่จะเขียนถึงยังอยู่ ๓. ผู้ที่อ่านและรับฟังก็ยังอยู่มากพอสมควร

ท่านและหมู่กลุ่มของท่าน ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีต่อ "งานวัด" เนื่องจากเป็นงานวัดที่เรียบร้อย สะอาด สะอ้าน สงบ ไร้อบายมุข งานวัดครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ความรู้สึกเดิมๆของข้าพเจ้า เปลี่ยนไป เริ่มรู้สึก ศรัทธากับ ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่า "นักบวช" ก็ครั้งนี้นี่เอง

ถึงกระนั้นก็ตามความศรัทธานั้นก็ไม่เต็มที่เต็มกำลัง เพราะยังไม่ค่อยจะเชื่อว่าถูกต้องตรงธรรม อย่างที่สายตา มองเห็นจริงหรือไม่ ต้องคอยตรวจสอบพิสูจน์ โดยการลงมือปฏิบัติไปด้วย พร้อมกัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ ๑๖ ปีเศษ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความบกพร่องเสียหาย ความไม่งดงามของ ท่านโพธิรักษ์ และหมู่กลุ่มของท่านเลย เว้นเสียแต่เป็นความบกพร่องเสียหายในส่วนของบุคคล ซึ่งบกพร่องน้อยก็แก้ไขกันไป ถ้าบกพร่องหรือเสียหายเกินขอบเขตต้องให้หมู่คัดออกไป เช่น ถ้าอยู่ ในรูปของนักบวช หากปาราชิกก็ต้อง ถูกธรรมวินัยคัดออกจากหมู่กลุ่มตลอดชีวิต หากเป็น ฆราวาส ก็ลงโทษหนักเบา ไปตามความผิดนั้นๆ ข้าพเจ้าเห็น ท่านโพธิรักษ์และหมู่กลุ่มของท่าน รักษา ธรรมวินัยของสงฆ์และระเบียบวินัยของฆราวาสได้เคร่งครัด ถูกต้องตรงธรรม ทำให้ ความศรัทธานั้น ก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

ก่อนจะพบท่าน หมู่กลุ่มของท่าน ข้าพเจ้าเคยรู้สึกเป็นทุกข์กับชีวิตมาก เพราะชีวิตช่วงนั้น เต็มไปด้วย การแสวงหาความสุข ไม่เคยมีใครมาสอนข้าพเจ้าเลยว่า มีสุขแบบโลกียสุข กับ โลกุตรสุข ธรรมชาติของคน และคนที่พร่ำสอนทั่วไป ก็สอนเพียงแต่โลกียสุข สุขที่จะต้อง แสวงหา จากอบายมุข ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ที่ได้จากการตอบสนองความยิ่งใหญ่ ในใจตน ก็เพียงเท่านั้น

ชีวิตช่วงนั้นของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยการดิ้นรนแสวงหา ตอบสนองความต้องการของตัวเอง หาจุดจบ จุดพอไม่พบ มีแต่จะบานปลายเป็นปากกรวยไม่มีที่สิ้นสุด ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกเบื่อโลก ทั้งๆที่ชีวิต ของข้าพเจ้าสามารถตอบสนอง ความสุขของตัวเองด้วยวัตถุเงินทองได้ไม่ยากเย็น อะไรนัก ข้าพเจ้า เริ่มมองหาวัด มองหาพระสงฆ์ดีๆ แต่เมื่อสัมผัสจากหนังสือของลูกศิษย์ ที่เขียน ถึงอาจารย์ หรือ ที่ อาจารย์เขียนเอง ดูจากทิฏฐิ และวัตรปฏิบัติ มันกลับไม่ใช่แนวทาง แห่งการดับทุกข์ บางที เหมือนกับ พระสงฆ์รูปนั้นปฏิบัติตัวได้ดีพอสมควร แต่ท่านกลับไม่มี หมู่กลุ่ม อุบาสก อุบาสิกา ปฏิบัติมรรคองค์ ๘ มันเหมือนกับการเห็นแก่ตัวไม่ครบวงจร เอาตัวรอด เฉพาะตัว ศาสนาจึงผิดทาง เพราะไม่เป็นที่รวม สังคมของคนดี

ในที่สุดก็กลับเหมือนบุญบันดาล ข้าพเจ้ามาพบท่านหมู่กลุ่มของท่าน ได้ฟังคำสอนของท่าน สัมผัส ทิฏฐิ ของท่าน วัตรปฏิบัติของท่าน ข้าพเจ้าเกิดความเลื่อมใส ศรัทธา ในแนวทางจึงเริ่ม ลงมือ ปฏิบัติตามทันที ข้าพเจ้ามั่นใจว่าข้าพเจ้าปฏิบัติได้ถูกต้องตรงธรรม ตามแนวทางที่ท่าน นำทำ กิเลส ตัณหา อุปาทาน จึงลดลง ได้จริง ทุกข์ของข้าพเจ้าลดลงโดยลำดับ ข้าพเจ้าจึง ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ จากศีล ๕ เป็นศีล ๘ และปฏิบัติศีล ในแต่ละข้อให้ละเอียดยิ่งขึ้น

ใครต่อใครต่างก็ถูกโลกนี้เสี้ยมสอนให้แสวงหาความสุขด้วย วัตถุ เงินทอง แต่ท่านโพธิรักษ์ ไม่ให้หลง วัตถุ เงินทอง สอนให้แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ เสียสละ จากสังคมเล็กไปสู่สังคมใหญ่

ในวันนี้ข้าพเจ้าจึงเล็งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า วัตถุและเงินทองเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ของชีวิต ไม่ใช่ส่วนประกอบ ที่สำคัญที่สุดของชีวิตเลย จิตใจของข้าพเจ้าไม่เดือดร้อน ไม่เป็น ทุกข์มาก ในทุกวันนี้ เพราะขจัด ตัดตัวหลงใหลวัตถุเงินทองลงไปได้โดยลำดับ

ท่านโพธิรักษ์ไม่ได้ต้องการวัตถุหรือเงินทองที่จะนำไปบำเรอตัวท่าน ข้าพเจ้าจึงไม่มีหนทางใด ที่จะกตัญญู ต่อท่านได้ดีไปกว่า การทำงานให้ศาสนาและลดกิเลส โลภ โกรธ หลง ให้ได้ทุกๆ วันตลอดไป
# บุญบันดาล จ.ขอนแก่น

- ศาสนาเป็นพลังรวมสังคมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พุทธศาสนาไม่ใช่เพียงปรัชญา เพ้อฝัน หรืออุดมการณ์ ที่เป็นจริงได้เฉพาะในอุดมคติเท่านั้น แต่กลับเป็นสาระ มีลำดับ ขั้นตอน พิสูจน์ได้ มีรายละเอียด ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก หากได้ปฏิบัติจริงด้วยตนเอง จะเปรียบเทียบ ได้เลยว่า ชีวิตหลังจากได้ปฏิบัติธรรมถูกทางแล้วจะมีความเป็นมิตร จิตใจจะแจ่มใสเบิกบาน ไม่เดือดร้อนใจง่าย ดังแต่ก่อน ที่สำคัญจะเอาภาระไม่แยกตัวออกจากสังคม ดังที่ได้เห็นพ่อท่าน นำพาทำเป็นตัวอย่าง และ ชาวอโศกอีกหลายๆชีวิตได้ทดลองปฏิบัติพิสูจน์กันจนทุกวันนี้ ก็ยัง ไม่เสื่อมถอยเลย --บ.ก.


เลิก! ไม่เอาอีกแล้ว
ดีครับ....ได้ความรู้ได้สาระหลายๆอย่าง ใจเย็นลง ปัจจุบันผมได้หยุด-ละ-เลิกเหล้า เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และบุหรี่เด็ดขาดแล้ว แต่ก่อนผมเป็นคนขี้โมโหโกรธง่าย จะระบายด้วยเหล้าบุหรี่ ผมดื่ม - สูบมาประมาณ ๑๕ ปี คิดจะเลิกมานานแล้วแต่ทำไม่ได้

เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นวันดีฤกษ์ดีสำหรับผม เนื่องจากวันที่ ๓๑ ธันวาคมแต่ละปี ครอบครัว ผมจะต้องมีการพบปะสังสรรค์ฉลองร่วมดื่มกินกันทุกปี พี่น้อง ๙ คน มีครอบครัว กันหมดแล้ว ต้องกลับมาบ้านเกิดมาสังสรรค์ปีใหม่ กินกันทั้งคืนพูดคุยทุกข์สุขกัน มีเรื่องอะไร ดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง กินกันจนรุ่งเช้าวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ ยังกินกันต่อไม่เลิก (มีเฉพาะผม กับพี่ชาย ๒ คนและญาติๆชายเท่านั้น)

แต่วันนี้(๑ ม.ค. ๔๗)ผมจะต้องกลับไปทำงาน(เข้าเวร) ประมาณ ๙ โมงกว่าๆ ผมขับรถกลับเข้า ที่ทำงาน ในสภาพที่เกือบไม่ไหวแล้ว ในระหว่างทางบ้านกับที่ทำงานประมาณ ๓๐ กิโลเมตร พักรถ ประมาณ ๕ ครั้ง กว่าจะถึงที่ทำงาน เข้าที่ทำงานประมาณเที่ยงแล้วนอนทั้งวันทั้งคืน ทำงานเข้าเวร ไม่ได้ ระหว่างทางขับรถมาแทบจะบังคับรถไม่ไหว จะหลับไม่หลับอยู่ตลอดเวลา ผมจึงคิดว่า "เราน่า จะตายเพราะเหล้าบุหรี่แน่นอน" นับจากนั้นมาหยุดละเลิก! ไม่เอาอีกแล้ว เพื่อนๆ ที่ทำงานยังงงๆ เลยว่า เลิกได้ยังไง แต่ก่อนน้ำหนัก ๔๘-๔๙ กิโล ตัวผอมมาก ปัจจุบัน ถึงวันนี้ ๒๓ มี.ค.๔๗ น้ำหนัก ขึ้น ๕๗ กิโลแล้ว ดูดีขึ้นเยอะสุขภาพดีขึ้นมาก
# สมาชิก ๒๕๔๖๑๐ จ.อุบลฯ

- อนุโมทนาสาธุ! กับใจที่ตัดได้เก่ง สำคัญที่ใจใฝ่ดี เห็นโทษภัยในเหล้า-บุหรี่ชัดเจน พิจารณา ทบทวน ตอกย้ำเสมอๆ ตราบที่ยังมีลมหายใจ เราต้องเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตใช่ไหม! --บ.ก.


มาช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและลูกหลานให้ปลอดภัยกันเถอะ
ดิฉันมีเรื่องที่หนักใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมสมัยนี้ การประพฤตินอกรีตนอกรอยของเด็กวัยรุ่น เด็กผู้หญิง แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย เป็นเหตุให้มีการฉุดคร่าข่มขืนกันบ่อยๆ เด็กวัยรุ่นทั้งหญิง ชาย ก่อกวนเมือง ผู้ร้ายชุกชุมไม่ปลอดภัยแม้แต่อยู่ในบ้าน การจราจรเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ เพราะ คนขับ คนเดินถนน ไม่เคารพกฎ จราจร ถนนหนทางแม่น้ำลำคลองมีคนทิ้งขยะไม่เลือกที่ มลพิษ ต่างๆ ที่คนเราสร้างขึ้นและนิยมใช้แล้วทิ้ง เช่น ถุงพลาสติก แผ่นเท็ปซีดี ขวดพลาสติก ถ่านไฟฉาย ฯลฯ ยิ่งนานวัน ปัญหาก็เพิ่มมากขึ้น

ดิฉันมองเห็นแต่ชุมชนอโศกเท่านั้น ที่ยังคงรักษาสภาพบ้านเมืองให้เหมือนเดิม โรงเรียน สัมมาสิกขา สัมมาสิกขาลัยวังชีวิต เด็กแต่งตัวสุภาพ มารยาทเรียบร้อย รู้จักทำงาน เคารพ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ทางพุทธสถาน ก็เอาใจใส่อบรมเป็นอย่างดี ดิฉันไปซื้ออาหาร ชมร.เชียงใหม่ เขาไม่ยอมใช้ถุง พลาสติก ผู้ซื้อต้องเอาหม้อปิ่นโต ไปใส่อาหาร ดิฉันประทับใจมาก ดิฉันอยาก มาอยู่ชุมชนอโศก ชวนลูกหลานมา แต่เขาไม่มา ถ้าดิฉันพบอโศก แต่ยังสาว อายุน้อยคงมาอยู่ นานแล้ว ถ้าเมืองไทยเรา กินอยู่แบบอโศก บ้านเมืองคงอยู่ร่มเย็นเป็นสุขมากๆแน่เจ้า
# ป้าบัว ยศยิ่ง จ.ลำพูน

- หลายคนรู้ปัญหาและรู้ว่าต้องแก้ไข เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีกำลังแข็งแรง ทำได้มาก ก็ทำมาก ทำให้เต็มกำลังที่มี แม้ไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่ม เพียงให้ความร่วมมือ สนับสนุนก็น่าอนุโมทนา ยิ่งแล้ว --บ.ก.


ถือศีลห้า พาให้คลายทุกข์ใจ
ดิฉันได้รับหนังสือแล้วดีใจมาก มีเพื่อนบ้านได้ขออ่านด้วย พ่อแกอายุได้ ๘๗ ปีกว่าแล้ว บอกเธอ ว่า เอาไปอ่านแล้วอย่าไปทิ้งนะ ได้รู้ว่าเธอสนใจอ่าน เธอเป็นคนทำงานลูกจ้าง เป็นคนทำสวน ตัวคนเดียว ชอบอ่านหนังสือ ดิฉันเห็นดีที่ได้รับหนังสือให้เพื่อนบ้านได้อ่านกัน มีคนแก่ ไปไหน ไม่ได้ และลูกแก ถูกฆ่าตาย เป็นสาวแก่ อายุ ๕๖ แล้ว ฆ่าชิงทรัพย์ได้ทอง ๑ บาท แกเสียใจ บ้านแกลูกแก ก็ไม่มีคน อยู่เลย กลางวันพ่อแก มาอยู่ แต่กลางคืนไม่อยู่ แกว่าอ่านแล้ว สบายใจดี

ชีวิตนี้เราจะเอาอะไร เราเอาความดีธรรมะมีศีลเดินตามพ่อท่าน มีพระมีพ่อท่าน ทำไมดิฉันยังไป ไม่ได้ อายุเราก็ ๕๑ แล้ว ยังห่วงหาเงินให้ลูกหลานอยู่ มีลูกชายยังเมาเหล้าอยู่ ดิฉันทุกข์ใจมาก ไม่รู้จะทำใจให้ดีได้ยังไง ฉันทำ กรรมมากจริงหนอ ทุกข์ใจลำบากกาย ชาตินี้คงไม่ได้พบกับ ความสุข บ้างเลย ขอความช่วยเหลือ ช่วยบอกวิธี ทำใจให้ฉันด้วยนะ
# ประทวน ศักดิ์ศรี จ.นครสวรรค์

- วิธีทำใจให้เป็นบุญเป็นกุศล ต้องไม่เบียดเบียนใครๆให้เขาเดือดร้อน เป็นต้นว่า ไม่ฆ่า ไม่ทำร้าย ชีวิต ไม่กินอาหารเนื้อสัตว์ ไม่ขโมยของที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ผิดลูกผิดสามีภรรยาของใคร ไม่พูดโกหก ไม่พูด คำหยาบ ไม่พูดให้คนทะเลาะกัน ไม่พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ และลด-เลิก -เหล้า -บุหรี่ หวย การพนัน ทุกรูปแบบ ทั้งหมดนี้ ผู้ที่ต้องการสบายใจ คลายทุกข์คลายเดือดร้อน ต้องลงมือทำเองอย่างตั้งใจ ทำให้ได้ทุกวันก็จะสบายใจทุกวัน ทำน้อยก็สบายใจน้อยๆ ทำได้มาก ก็จะสบายใจมาก ไม่เดือดร้อนใจ ... ก็อย่าเพิ่งเชื่อ ต้องลองทำดูก่อนนะ! --บ.ก.


รู้-ยอมรับ-ปรับแก้ ที่ตนก่อน...แม้ยาก ควรต้องลองทำดู
เราเป็นคนชอบเอาแต่ใจตนเอง โกรธง่ายหายเร็ว ขี้อ้อนพ่อแม่ เราทำวิบากกรรมต่อแม่จนแม่ป่วย ตรอมใจ อยู่เกือบปี ใจเราไม่นึกสงสารท่านเลย ตอนนั้นเป็นวัยรุ่นหลงรักสาว หลงอบายต่างๆ นำแต่ ทุกข์มาให้ท่าน พ่อแม่เตือนบางครั้งทนไม่ได้ก็เถียง ท่านจะตีเราหนี สุดท้ายแม่สิ้นใจ เราคิดถึง ท่านมาก ตรอมใจคิดถึงท่าน อยู่สามปีจึงได้สร่างซา ต่อมาพ่อป่วยเหตุเพราะเราเป็น คนก่อ ให้ท่านทุกข์ใจ

จนปี ๒๕๑๓ เรามาเป็นครูแต่งงานกับภรรยาคนใหม่ ภรรยาคนเก่าทิ้งให้อยู่กับพ่อตาแม่ยาย ยิ่งเพิ่ม ทุกข์หนัก ให้พ่อ แต่เราไปเยี่ยมท่านในวันเสาร์อาทิตย์แบ่งเงินเดือนที่ได้ให้ท่านได้ใช้บ้าง แต่ท่าน ก็ทุกข์ เพราะเราอยู่ นั่นแหละ ป่วยเพราะลูกเป็นเหตุและถึงแก่กรรมลง

ข้าพเจ้าได้รับกรรมนั้นสนอง ปัจจุบันนี้ลูกชายคนโตอายุ ๓๙ ปี เป็นไม้เบื่อไม้เมากับข้าพเจ้า (ในอดีต) ปัจจุบัน ได้ปรับตัวเข้าหาเขา แต่เขาก็ยังมีจิตถือสาที่พ่อทำอกุศลกับเขา เขาชอบ อบายมุขทุกอย่าง (เว้นยาบ้า) ปัจจุบัน เขาปล่อยตัวหนัก ติดเหล้ากาแฟ ฯลฯ ดีที่เขาเรียนช่าง ไฟฟ้า ช่างศิลป์ ซึ่งเขา ชอบมาก เป็นคนชอบสะอาด ไว้ผมยาว เล็บยาว เขาชอบทะเลาะมีเรื่อง กับ ทุกคนในบ้าน เขาต้องการบ้าน อยากอยู่คนเดียว บางครั้งเมื่อพ่อแม่ ติงเตือนเขาเถียงถึง ไล่พ่อแม่ หนีจากบ้าน มาครั้งสุดท้าย น้องชายทนไม่ได้ เพราะเขาปิดล๊อคประตูบ้าน ไม่ให้ น้องชาย เปิดร้านซ่อมจักรยาน, มอเตอร์ไซค์ ตบตีกันสองครั้ง ครั้งสุดท้ายพี่ชายหัวแตกเย็บไป หลายเข็ม นี้คือผลกรรมมันตอบสนองผมแล้ว ผมรับด้วยมีสติตามกรอบธรรม ที่พ่อท่าน เทศน์สอน ขอจบเท่านี้ก่อน ยังมีวิบากกรรมอีกมากมาย โอกาสหน้า จะเขียนมาเล่าสู่ฟังอีก
# ธรรมทาน จ.สกลนคร

- หากคุณพ่อ ผู้เป็นเสาหลักของบ้าน หนักแน่นอดทนมากๆ (ทำความชัดเจนในกรรม-วิบาก) ฝึกรู้ อารมณ์ตน มองลูกรักด้วยปรารถนาดี พูดคำสามัคคี ประสานคนในครอบครัว ทำนำให้เห็น เป็นรูปธรรม ให้เขาสัมผัสได้ ถึงความรัก ความปรารถนาดีของพ่อ ที่มีต่อทุกๆคน คงต้อง เหน็ดเหนื่อย คงต้องเสียสละ คงต้องยอมให้อย่างมาก แต่โอกาสทำคืนอย่างนี้ ไม่ได้มีมาเยือน บ่อยๆ หรอกนะ แม้รู้ว่ายาก ก็เป็นเรื่องที่ควรต้องทำมิใช่หรือ --บ.ก.


กระจกมหัศจรรย์ สะท้อนตัวตนที่ยังมืดบอด...
มีความรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รับหนังสือที่มีคุณค่าอย่างนี้ คนแก่บางทีก็อยู่คนเดียวได้อาศัย การอ่าน และฝึกปฏิบัติอยู่ประจำ เชื่อกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว สารอโศกและดอกหญ้า นอกจาก จะช่วย ให้คลายเหงาแล้ว ยังช่วยให้แสงสว่างแก่ดวงตาที่เคยมืดบอดมีอคติ เริ่มประจักษ์แจ้ง ในสัจธรรม ของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นความเป็นธรรมดาของเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยากอยู่ หรือ อยากไปก็ไม่ว่า หรือจะนำไปไหนก็ยินดีจะไปด้วย แล้วความรู้สึก เป็นมิตรกับ สารอโศกและดอกหญ้า ก็แปรเปลี่ยน เห็นว่าสารอโศกและดอกหญ้าคือครูบาอาจารย์ เป็น แสงสว่างให้สิ่งที่เกินกว่าจะเรียกว่า ความรู้ แต่น่าจะเรียกว่าปัญญา เป็นโอสถแสนวิเศษ ทั้งบำรุง และ รักษาใจ เป็นกระจกมหัศจรรย์ ที่ส่องให้เห็นตัวเอง รู้จักตัวเองจนทะลุปรุโปร่ง ว่ายังมีความเป็นตัวเป็นตน อย่างเหนียวแน่น มิจฉาทิฏฐิ ยังครอบงำ ยังมืดบอด ไม่รู้ไม่เห็น สัจธรรม มากมายกว่าที่เคยรู้เคยเห็น อีกหลายเท่านัก

ปัจจุบันจึงทั้งรักเคารพบูชาเทิดทูนยิ่ง การปฏิบัติของดิฉันก็ยังกินอาหารเจมาตลอดค่ะ ไม่ได้ตก ไข่ก็ไม่ได้กิน พยายามรักษาศีลห้าข้อให้บริสุทธิ์ค่ะ แต่ก็ยากมาก แต่ก็จะพยายามที่สุดค่ะ โดยศีล ข้อที่ ๑ ยังยากอยู่ ดิฉันพยายามอดทนไว้ จะไม่ให้ตกเป็นอันขาดค่ะ
# คุณยายคำภา แก้วเคน จ.นครพนม

- เอาใจช่วยคุณยายให้ใช้กระจกมหัศจรรย์ ส่องค้นหาความไม่รู้ของตัวตนภายใน อย่างอุตสาหะ ใช้ความพยายาม รักษาศีลห้าทำให้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังที่มี อนุโมทนากับพลังแห่งความเพียร ของผู้มีอายุ สมดังที่ผู้รู้ท่านว่า ผู้มีอิทธิบาท คือ ผู้มีอายุ --บ.ก.


เมื่อยังไม่หมดปัญหา จึงยังต้องคาใจ
ข้อวัตรปฏิบัติ ตอนนี้ก็ยังลุ่มๆดอนๆอยู่บางครั้ง ออกมาจากหมู่มิตรดีสหายดีมาอยู่กับสังคม ภายนอก ก็หนักใจ ไม่เบา เข้ากันไม่ได้ อยู่ใครอยู่มัน ก็เจ็บปวดบ้าง แต่ก็พยายามเน้นเป้าหมาย ของตัวเอง มองคนอื่น เป็นกระจกเงา เราทำของเรา เขาทำของเขา หลายครั้งรู้สึกโดดเดี่ยว เดียวดาย อยากกลับไปซบไออุ่นในรังวังชีวิต มิตรดี สหายดี แต่ยังมีวิจิกิจฉาปัญหาคาใจ ไม่ทะลุ ซักที ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ ตรงนี้ ให้ดีที่สุด แม้จะหลุดโลกตกระกำลำบาก ก็ยอม เพราะเป็น วิจิกิจฉามาตลอด ชีวิตเริ่มติดอบาย (สบาย) บ้างแล้ว บางครั้งเป็นตัวเป็นตนโทนโท่ โตเบ้อเล่อเท่อ เจ้าตัวขี้เกียจตัวเพ่งโทษ มันมักจะโผล่ มาเล่นงานตอนที่เผลออยู่บ่อยๆ ไม่เว้น แม้กระทั่ง ตอนบิณฑบาต บางทีพอโยมใส่บาตรสองสามเจ้า ก็คิดจะกลับวัด ได้แค่นี้ ก็เหลือ ฉันแล้ว อกุศลจิตเกิดเป็นประจำ เผลอไม่ได้ บางทีก็มาในรูปแบบ ของสำนึก โธ่เรามาเป็นพระ เป็นเจ้าแล้วยังจะมาเพ่งโทษโยม ขี้เกียจอีกต่างหาก อย่าอยู่เลยสึกดีกว่า ฯลฯ แทนที่จะคิด ปรับปรุงแก้ไขกลับทำใจท้อแท้ให้แย่ยิ่งหนักเข้าไปอีก ค่ายกลของมารยา ลึกลับ ซับซ้อน มีพิษมาก หากไม่ระวัง นี่เป็นการต่อสู้ตัวอย่าง เป็นหนังตัวอย่างเพียงฉากเดียวสั้นๆ แต่จริงๆ แล้ว มีบทที่ยาวและดุเด็ดเผ็ดมัน ฯลฯ

การได้อ่านหนังสือที่บรรจุลงบทละครชีวิตจริง ก็ยิ่งมีกำลังใจให้ต่อสู้ ไม่รู้จะแพ้หรือชนะ แต่ก็รู้สึก อบอุ่น เมื่อเราได้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว ยังมีคนคอยให้กำลังใจ ยังมีคน อยากเห็นเราชนะ ยังมีคนคอยเชียร์ ยังมีเพื่อนร่วมต่อสู้ ยังมีผู้รู้คอยบอกทาง และยังมีสายตา เป็นพันล้านคู่ ที่คอย ดูแลเรา เขายังไม่กล้าลงมาสู่ สนามรบ เขารอดูตัวอย่างแห่งความสำเร็จ

ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามรักษาตัวเองให้บรรลุเจตนาตามความเห็น หากวันหนึ่งทะลุเป้า หรือว่า ชัดแจ้ง หมดสงสัย ก็จะเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่านี้
# จริยวังโส จ.เชียงใหม่

- ขอบพระคุณพระคุณเจ้า ที่กรุณาตอบรับหนังสือพร้อมกับเล่าประสบการณ์สู่กันฟัง หลายๆ ท่าน ก็ได้รู้ว่า บวชแล้วก็ยังต้องสู้อีกหลายเรื่อง แม้จะเปลี่ยนเหตุ-ปัจจัย-องค์ประกอบแวดล้อม ไปบ้าง แต่กิเลสแท้ตัวจริง ยังอยู่รอให้ล้างออกเช่นเดียวกัน --บ.ก.


กายทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ตาม
การปฏิบัติธรรมของกระผมนั้น ผมปฏิบัติมาตั้งแต่หนุ่มๆก่อนรู้จักอโศก เช่น ผมไม่นอนฟูก มีหมอน เก่าๆ ห่อด้วยผ้าขาวม้าเก่าๆที่ขาดกลางทำเป็นปลอก ใช้เสื่อปูบนพื้นแล้วนอน ไม่มี แม้แต่ผ้าปูที่นอน ในชีวิตผมไม่เคยใส่สร้อยคอ เคยมีนาฬิกาข้อมือก็เลิกผูก สุราบุหรี่เครื่องดื่ม ชูกำลัง ไม่เคยดื่มเลยตลอดชีวิต เลิกดื่มนมกระป๋อง น้ำอัดลม กระผมไม่เคยเที่ยวบาร์ คาราโอเกะ เลย ในชีวิต แต่ก่อนเคยชอบดูฟุตบอลและมวยในทีวี เดี๋ยวนี้เลิกได้สำเร็จ เมื่อก่อน ผมไปวัด เวลามีงานศพ คือชอบไปงาน ศพมาก แต่ปัจจุบันนี้โรคกระดูกหลัง และกระดูกเข่าเสื่อม ทำให้การนั่งกับพื้นและการนั่งเก้าอี้ ที่ไม่มี ที่พิง จะปวดและทรมานมากจึงต้องเลิก กระผม พยายามปฏิบัติด้วยตนเอง เสมอมา ตั้งแต่หนุ่มๆ กระผมเป็นเด็กกำพร้าแม่ตาย ตั้งแต่เกิดได้ ๒-๓ เดือน พ่อก็ไม่อยู่ด้วย ไปมีแม่ใหม่ อยู่ต่างจังหวัด กระผมรู้จักสนิทสนม กับพ่อเมื่ออายุผม ๒๗ ปีแล้ว กระผมจึงขาดโอกาส ในทุกทาง แถมกระผม ยังมีโรค ประจำตัว มาตั้งแต่เกิด คือเป็นโรค ภูมิแพ้ ชีวิตที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และมีโรค ประจำตัว มาตั้งแต่เกิด ทำให้กระผมสนใจ อ่านหนังสือและสนใจธรรมะ โดยแต่ก่อน จะอ่านของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ตอนหลัง ก็มาอ่าน และ ฟังเท็ปของอโศก และรู้สึก ซาบซึ้งมาก แต่เพราะสังขาร และร่างกาย โรคประจำตัวทั้งเก่า และใหม่ ทำให้การจะไปปฏิบัติธรรมอยู่กับหมู่กลุ่มหมดหวัง ก็ได้แต่อ่าน ฟัง และปฏิบัติ อยู่ที่บ้าน

รายการโทรทัศน์ไอทีวี "วิถีธรรม" ของท่านจันทร์ผมชอบมาก ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บป่วย แต่ผมก็มี ความสุข กับ ธรรมะ การได้อ่านและได้ปฏิบัติ ได้ฟังเท็ป ทำให้ใจหมดความกังวล กับชีวิต และ ความเจ็บป่วยของสังขาร การเจ็บของกายไม่ทำให้ร่างกายอยู่เหนือจิตได้ เพราะธรรมะเป็นโอสถ อันวิเศษของใจที่ทำให้ใจอยู่เหนือกาย กายทุกข์ใจไม่ทุกข์ตาม กายทรมานใจไม่ทรมานตาม พยายาม ให้ใจอยู่เหนือทุกข์ไว้เสมอ

นี้คือผลการปฏิบัติการฟังการอ่านสารอโศก ดอกหญ้า และเราคิดอะไร จึงขอขอบพระคุณต่อ สมาคม เป็นอย่างสูงยิ่ง ที่ได้ส่งหนังสือให้กระผมอ่านเสมอมา และต่อไปกระผมจะตอบรับมา เสมอๆ แม้จะ ไม่ชำนาญ ในการเขียนหนังสือ ก็จะพยายามเขียนมาให้บ่อยขึ้น
# เปลี่ยน ขุนจางวาง จ.สตูล

- น่าภาคภูมิใจกับเป็นชีวิตที่ขัดเกลาตนมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ต้องเปื้อนกับอบายมุขหลายอย่าง ในมุมมอง ทางโลกย์ อาจจะขาดโอกาสมากมาย ซึ่งต่างจากทางธรรม ที่นับว่าเป็นชีวิต ที่ได้ ฝึกฝนตน ในหนทางที่ดีที่แข็งแรง ในทางธรรม เป็นทุนติดตัวมาจนปัจจุบัน ฉะนั้น อนาคต น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ขอเป็น กำลังใจให้ ก้าวเดินต่อไป ให้มั่นคง --บ.ก.

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๐ เมษายน ๒๕๔๗ -