งานคืนสู่เหย้า เข้าคืนถ้ำ สัมมาสิกขา ครั้งที่ ๒

"งานคืนสู่เหย้า เข้าคืนถ้ำ สัมมาสิกขา" ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ที่หมู่บ้าน ราชธานีอโศก มีศิษย์เก่าสัมมาสิกขามาร่วมงานน้อยกว่าครั้งแรก (๔๑๗ คน) ครั้งนี้เหมือนจะพิสูจน์ ศิษย์เก่า สัมมาสิกขาว่าเป็นพันธุ์แท้หรือไม่ เพราะไม่ตรงกับวันหยุด หากรับราชการหรือทำงานเอกชนก็ต้องลา ผู้ทำธุรกิจส่วนตัว ก็อาจสูญเสียรายได้ไปหลายวัน

ภาคเช้าลงทะเบียนแยกตามพุทธสถาน มี ๖ แห่ง คือ ปฐมอโศก, สันติอโศก, ราชธานีอโศก, ศีรษะอโศก, ศาลีอโศก และสีมาอโศก มีผู้มาลงทะเบียน ๒๑๘ คน ฟังธรรมก่อนฉัน "โหมโรง" พ่อท่านบอกว่า อยู่บ้านเถิดลูก พ่อปลูกอโศกให้เจ้า ซึ่งจะแตกกิ่งก้านสาขาขึ้นมาในประเทศไทย ในอนาคต ซึ่งทุกสิ่งที่สร้าง จะเป็นสมบัติ ของชาวอโศก คือสัมมาสิกขาทุกคนที่จะเข้ามาอยู่

ภาคบ่าย พิธีไหว้ครู เริ่มด้วยรายการศิษย์เก่าเปิดใจ มีตัวแทนพี่ศิษย์เก่าจากศีรษะอโศก ๒ คน, สันติอโศก ๑ คน, ปฐมอโศก ๑ คน ดำเนินรายการโดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก

นายหินคม วิลามาศ ศิษย์เก่าศีรษะอโศก "สมัยเรียนอยู่ช่วงมีความสุขก็มี บางครั้งก็รู้สึก ไม่พอใจ อาๆ ที่ขัดใจ ขัดเกลาพวกเรา แต่เมื่อจบออกมาทำให้เรามีความคิดต่างจากโลกภายนอก นำคำสั่งสอน และสิ่งที่ได้ฝึกฝนมา สมัยเรียนมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเข้ากับสังคม การเจอหน้าผู้คน การวางตัวให้เหมาะกับ กาลเทศะ การมีสัมมาคารวะ การให้เกียรติผู้ใหญ่ การให้เกียรติเพื่อนด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ เราถูกอบรม ตั้งแต่เราเริ่มเข้า มาเรียน

ที่พ่อท่านถามว่าอยู่ที่นี่ดีมั้ย ทุกคนก็ตอบว่าดี แต่สามารถมาอยู่ได้หรือเปล่า คิดว่าทุกๆคน ก็มีเหตุผล ของตัวเองนะครับ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนมาในวันนี้ งานที่จัดขึ้นกลางสัปดาห์ เหมือนกับวัดใจว่า จะมีใครมา มากน้อยเท่าไร ถ้าถึงเวลาจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกๆคน อยากจะเข้ามา ช่วยเหลือซึ่งจะมากน้อยตามกำลัง ๖ ปี ที่เรากินข้าว หม้อเดียวกัน เราก็เป็นชาวอโศกอยู่แล้ว ยังไงๆ ก็กลับมาแน่นอนอยู่แล้ว แต่จะมีเรือพ่วง มาด้วยหรือเปล่า"

นายอโศก ศรีสุข ศิษย์เก่าสันติอโศก อาชีพทำสวนผลไม้ไร้สารพิษและทำพลอย "จากวันนั้นถึงวันนี้ เหมือนเป็น ความภาคภูมิใจนะครับ ผมออกไปคนเดียวได้สมาชิกมาเพิ่ม ๒ ครับ เมียหนึ่ง ลูกหนึ่ง ผมอยากจะบอกว่า การอยู่ร่วมกัน ระหว่างครูกับลูกศิษย์ บางครั้งความถูกต้องก็อาจจะไม่ถูกใจ ความถูกใจอาจจะไม่ถูกต้อง สิ่งที่ผิดไป ในครั้งนั้นอยากจะกล่าวคำว่าขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ มีสิ่งที่ประทับใจมากมาย หลายอย่าง อยากจะขอบคุณ คณะครู อาๆที่ทำให้คนเป็นคนมากขึ้น หากไม่มีอาๆผมก็ยังไม่รู้ว่าผมจะเป็นยังไง อยากจะฝากถึงทุกคน ที่ยังอยู่ข้างนอก ใครเข้าใกล้วัด ได้ดีที่สุด แม้ส่วนหนึ่งเราจะไม่ได้ช่วยวัดเต็มร้อย หากเราได้ช่วย ก็เป็นความภูมิใจที่ยังเหลืออยู่ แล้วใครที่ไปผจญโลกถ้าคิดว่าในวัดดีกว่า กลับเข้าวัดเลยครับ ผมยังอยากกลับเลยครับ"

นางสาวอารีรัตน์(บุ๋ม) ศรีโพธิ์ ศิษย์เก่าศีรษะอโศก อาชีพขายอาหารมังสวิรัติ "เคยเป็นเด็กที่หนี ค่ายดูตัว จนอยู่วัด นานถึงสิบปี เมื่อออกไปผจญโลกภายนอก กลับได้นำสิ่งดีๆ ที่ได้ซับซาบ ซึ่งคิดว่าเหมือนไม่ได้อะไร ออกไปอยู่กับโลกภายนอกได้อย่างไม่มีปัญหา โดยเราไม่ไหลไปตาม โลกภายนอกไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การแต่งหน้า และได้รับประโยชน์จากการเขียนบันทึก ที่ได้ฝึกฝน ตอนอยู่ในวัด"

นายสุทธิพงษ์ ศรีเชียงสา ศิษย์เก่าปฐมอโศก นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ม.ขอนแก่น คณะศึกษาศาสตร์ "ชีวิตประจำวัน ของผมทุกวันนี้ ผมนำมาจากวัดทั้งนั้นเลยครับ รู้สึกคุ้มค่ามากกับการมาอยู่วัด ๖ ปี และ ศีล เป็นอาภรณ์คุ้มครองผมได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในกระแสโลกีย์ ผมคิดว่าสัมมาสิกขาที่ออกไป เพื่อกลับมาจะช้า หรือเร็วนั้น อยู่ที่แต่ละคน เพราะทุกคนรู้อะไรดีๆแล้ว หากใครมาก่อน ก็มารอเพื่อนก่อน ใครมาทีหลัง ก็มาเจริญธรรมเพื่อนครับ

ปีที่แล้วไม่มีพิธีไหว้ครูปีนี้ผมว่าดีมากๆเลยครับ คำว่าครูที่นี่มากกว่าคำว่าครูที่อยู่ข้างนอก ผมคิดว่า ผมพูด ไม่ผิดนะครับว่าความหวังของชาติไทยอยู่ที่ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา เพราะไปเพื่อกลับมา ช่วยกัน เข็นกงล้อครับ"

หลังจากนั้นตัวแทน ๖ พุทธสถานมอบพวงมาลัยแทนคำขอบพระคุณคุรุ ที่ได้อบรมสั่งสอนมา ยาวนาน ๖ ปี พร้อมกับเพลง ก้าวตามพ่อ ที่เปิดคลอ และศิษย์เก่าสัมมาสิกขาทุกคน กราบคุรุ และ ตัวแทนคุรุเปิดใจ

ภาคค่ำกินข้าวร่วมกัน สนุกสนานกับวงฆราวาส ศิษย์เก่าร่วมสร้างความบันเทิง แล้วแยกย้าย กันไปพักผ่อน นอนหลับ

วันที่สอง ๑๓ พ.ค. ธรรมะรับอรุณ โดยพ่อท่าน วันนี้พ่อท่านถึงกับย้ายลงมานั่งเทศน์ พูดคุย กับลูกๆ บรรยากาศ เหมือนเอื้อไออุ่น พูดคุยกันเหมือนพ่อๆลูกๆ เมื่อลูกๆกลับมาบ้านมาเรือนทั้งที จะต้อง ไปมีกำหนดการ พิธีการ ทำไม

หลังจากนั้นออกกำลังกาย โฮมแฮง (ร่วมแรง) ทิ้งหยาดเหงื่อเพื่อกตัญญูสถานที่ อันเป็น เครื่องหมาย ของคนดี รับประทานอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัย ประชุมจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่า สัมมาสิกขา พ่อท่านเป็นประธาน การประชุม

ภาคค่ำ ร่วมสนุกสนานกับการแสดงของศิษย์เก่าแต่ละโรงเรียนที่ต่างก็สะท้อนชีวิตในวัยเด็กของการเป็น สัมมาสิกขา และอนาคตที่จะต้องกลับมาช่วยงานศาสนาทดแทนพระคุณของพ่อท่านแน่นอน แต่ขอเวลา อีกสักนิด

วันสุดท้าย ๐๔.๐๐-๐๖.๐๐ น. ศิษย์เก่าพบสมณะ สิกขมาตุ แล้วทำบุญตักบาตรร่วมกัน ศิษย์เก่าแต่ละ พุทธสถานถ่ายรูปร่วมกันกับพ่อท่าน-สมณะ ก่อนฉันพ่อท่านให้โอวาทสุดท้าย และมอบ "จี้เงิน" รูปใบโพธิ์ ให้แก่ศิษย์เก่าที่จบ ม.๖ ที่ยังไม่ได้เมื่อปีที่แล้ว แล้วรับประทาน อาหารร่วมกัน แยกย้ายกันเดินทางกลับ มีบางส่วน อยู่ช่วยเตรียมงานเพื่อฟ้าดิน ก็ขออนุโมทนาสาธุ


งานคืนสู่เหย้าฯ ครั้งที่ ๒ มีศิษย์เก่ามาร่วมงานทั้งหมด ๑๙๔ คน
-แยกเป็นชาย ๑๑๙ คน หญิง ๗๕ คน
-จบชั้น ม.๖ จำนวน ๑๕๔ คน จบชั้น ม.๓ จำนวน ๑๗ คน ออกกลางคัน ๑๖ คน
-สถานภาพโสด ๑๗๔ คน สมรส ๙ คน
-อาชีพนักศึกษา ๑๐๔ คน ทำธุรกิจส่วนตัว ๓๔ คน พนักงาน/รับราชการ ๑๓ คน อยู่เป็นคนวัด ๓๕ คน อื่นๆ ๗ คน
-ในส่วนของการปฏิบัติตัวถือศีล ๕ จำนวน ๑๕๕ คน ถือศีล ๘ จำนวน ๒๓ คน นักบวช ๑ รูป
-กินมังสวิรัติ ประจำ ๑๔๕ คน ครั้งคราว ๓๗ คน ไม่กินมังสวิรัติ ๑ คน
-ดื่มแอลกอฮอล์ประจำ ๑ คน ดื่มเป็นครั้งคราว ๔๖ คน ไม่ดื่ม ๑๒๙ คน
-สูบบุหรี่ประจำ ๑ คน สูบเป็นครั้งคราว ๑๔ คน ไม่สูบ ๑๗๐ คน
-การพนันเล่นครั้งคราว ๑๗ คน ไม่เคยเล่น ๑๗๐ คน และไม่มีใครมีหนี้สิน

 


ก่อนจบ ขอฝากคำกล่าวของพ่อท่านในช่วงอธิษฐาน เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ค. ช่วงทำวัตรเช้า ว่า

".....เราเกิดมาเพื่อศึกษา ไม่ใช่เกิดมาเพื่อระเริง เพื่อหลงไปกับโลก มอมเมาให้เราหัวปักหัวปำไปกับ ลาภยศ สรรเสริญโลกียสุข นั่นเป็นเรื่องของคนโลกย์ๆก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ พระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้โลกุตระ คือการรู้แจ้งซึ่งการหลงวน หลงหมุน หลงมัวเมาอยู่กับโลกธรรมหรือโลกียะ อันประกอบไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

พระพุทธเจ้าตรัสรู้โลกุตระอันเป็นอาริยะ เป็นความประเสริฐ เป็นมนุษย์ประเสริฐที่แท้จริง เพราะฉะนั้น คนที่เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าจึงต้องพยายามให้หลุดพ้นจากโลกียะ ถ้าไม่หลุดพ้น จากโลกียะ ก็ไม่ใช่ ลูกพระพุทธเจ้าอยู่นั่นเอง เพราะโลกก็เป็นอยู่อย่างโลกียะอยู่ตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้ สิ่งที่ประเสริฐสุด ทำตนให้หลุดพ้นจากโลกียะได้ แม้หลุดพ้น จากโลกียะแล้ว ทำจิตให้เป็นนิพพานได้แล้ว สูงสุดแล้ว จะเกิดวนเวียนขึ้นมาในโลกมนุษย์นี้อีก ก็เป็นคนประเสริฐ เป็นผู้มีคุณค่าต่อโลกอย่างแท้จริง ไม่ได้ทำลายโลก ไม่ได้ก่อให้โลกวุ่นวาย ไม่ได้ทำให้โลกเดือดร้อน แต่เป็นผู้ช่วยโลก เป็นโลกานุกัมปายะ อนุเคราะห์โลกโดยแท้จริง

เพราะฉะนั้น ผู้ใดเกิดมาเป็นพุทธ เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้รู้เลยว่า พระพุทธเจ้า ตรัสรู้อะไร และ ไม่ได้ทำตนให้เข้ากระแสแม้แต่เริ่มต้นเป็นการเข้ากระแส เป็นการรู้จักทิศทาง ที่จะไปสู่ความเจริญสูงสุด ในการเกิดเป็นสัตวโลก ที่ประเสริฐสุดคือมนุษย์ ทิศทางที่จะเกิดเป็น มนุษย์ที่ประเสริฐสุดนั้นต้องเข้ากระแส ต้องรู้จัก ทิศทางมนุษย์ที่ประเสริฐ เป็นมนุษย์ไม่มา ทำลายโลก แต่เป็นมนุษย์ที่อุ้มชูโลก เป็นมนุษย์ที่ไม่เห็น แก่ตัว เป็นมนุษย์ที่รู้จักตัวเหตุ ที่ทำลาย ชีวิตที่ทำให้ชีวิตวนเวียนตกนรกขึ้นสวรรค์โลกลวงๆอยู่

เมื่อมาเดินทางเข้ากระแสของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นคนที่รู้จักทิศทางอันนำตนไปสู่ความประเสริฐ เป็นอาริยะ ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นถ้าเราเกิดมาแล้ว เราไม่ได้เดินทางเข้าสู่กระแส อันเป็นทิศทาง แห่งความประเสริฐ เราก็คือผู้เป็นโมฆบุรุษ เป็นผู้เกิดมาพบศาสนาพุทธ หรือเป็นผู้ได้ชื่อว่าเป็นพุทธ เปล่าๆ น่าเสียดายแท้ๆ ซ้ำมิหนำเราจะได้สร้างวิบากอันเป็นหนี้ เป็นบาป เป็นเวรไปด้วยซ้ำ ก็ยิ่ง น่าสมเพชเวทนา ก็ขอให้ทุกคนตั้งจิต เมื่อได้เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้วตั้งจิตตั้งใจ กิเลส มันมีฤทธิ์จริง มันจะนำพาเรา มันจะดึงเราไปโลกีย์ เป็นธรรมชาติ แต่เราต้องอยู่เหนือกิเลส หรือ พยายามตั้งใจหลุดพ้นออกมา อย่าเป็นทาสกิเลสให้ได้ นั่นคือ ความชนะ อันประเสริฐสุด ขอให้ ทุกคนตั้งจิตให้แข็งแรง พัฒนาตนเองให้เข้ากระแส ให้เดินทางเป็นผู้หลุดพ้น ให้ได้ทุกคนเถิด"

นายธรรมนูญ เวียงแก้ว ศิษย์เก่าศีรษะอโศกได้กล่าวว่า "ผมเป็นศิษย์เก่ารุ่นที่ ๒ ประทับใจ ตั้งแต่งาน ครั้งแรก แล้ว ครั้งที่สองก็ต้องมาซิครับ เพราะมันกลายเป็นประเพณีไปแล้ว ไม่อยากให้ มันสูญหายไป ก็จะพยายาม รักษาประเพณีอันนี้เอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ขาดหายไป จากสังคมของ ชาวอโศก ประทับใจคนที่มาร่วมงาน เขาก็สละ เวลา เพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่คนที่ไม่มา ก็รู้สึกเสียดายที่เขาไม่ได้มาฟังพ่อท่านเทศน์ ผมได้อะไรดีๆ ไปหลายอย่าง ผมก็ออกจากวัดไปนาน ได้มาฟังอะไรดีๆก็จะกลับเอาไปทำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อจะทำให้ ชีวิตดีขึ้นครับ"

ศิษย์สัมมาสิกขาโชคดีแล้วที่ชาตินี้ได้มาเจอพ่อท่าน ได้ฟังธรรม เหลือแต่จะพากเพียรพยายาม เอาสิ่งที่ได้ฟังมา น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติจนเกิดมรรคผลแก่ตนหรือไม่เท่านั้น!!!

- ...ป้าแว่น... -

-สารอโศก อันดับที่ ๒๗๐ เมษายน ๒๕๔๗ -