- ฝั่งฟ้าฝัน -

จิตวิญญาณดวงน้อย ข้านี้
จักอุทิศมอบพลี ศาสนา
เร่งรีบรุดจรลี ตามพ่อ แลเฮย
หนักเกินไกลไขว่คว้า จักสู้ ตามรอย

ข้าพเจ้าเป็นเด็กต่างจังหวัด และข้าพเจ้าก็ได้รับซับทราบ พร้อมกับซึมซับสิ่งที่ดีมาจากครอบครัว และสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้าน ซึ่งย้อนสมัยกลับไปเมื่อสามสิบกว่าปี สิ่งดีๆที่ข้าพเจ้าซึมซับก็คือ "ศาสนา" คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นชอบเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ นี่ก็อาจเป็นอานิสงส์ที่ส่งผลให้แก่ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือธรรมะ เสร็จจากการงาน ข้าพเจ้าก็อ่านหนังสือธรรมะ โดยเฉพาะหนังสือของหลวงปู่พุทธทาส ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษาปฏิบัติที่สวนโมกข์ ช่วงนั้นข้าพเจ้าเป็นวัยรุ่นที่สนใจศาสนา สนใจพระธรรมคำสั่งสอน

ข้าพเจ้าอ่านหนังสือคู่มือมนุษย์ ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ามีความอยากที่ไม่เหมือนใครๆในสมัยนั้น สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากมากเมื่ออ่านหนังสือคู่มือมนุษย์จบ ข้าพเจ้าอยากเป็น "พระอรหันต์" จึงเข้าไปกราบหลวงปู่แจ้งความประสงค์ว่าอยากจะบวช.....แต่หลวงปู่ให้ไปเรียนนักธรรมตรี โท เอก ก่อน

พอดีได้ไปเจอท่านประจวบ ข้าพเจ้าก็เล่าความจำนงค์ให้ท่านฟัง ท่านก็แจ้งว่า ถ้ามีความตั้งใจแรงกล้า ก็ให้ไปศึกษากับสำนักสันติอโศกดูสิ ท่านประจวบก็
เล่ากิจวัตรข้อปฏิบัติของสันติอโศกให้ฟัง ข้าพเจ้าก็ยิ่งชอบแนวทางการปฏิบัติของชาวอโศก แต่ไม่ชอบพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์

ข้อวัตรปฏิบัติของชาวอโศกที่ข้าพเจ้าชอบ เพราะมีการทำวัตร สวดมนต์แปล มีจารีตประเพณีปลุกเสกฯ พุทธาภิเษกฯ โดยเสกคนปุถุชนนี่แหละให้เป็นพระแท้ๆ เป็นพระทางจิตวิญญาณ และไม่ใช้ดอกไม้ธูปเทียน รูปแบบแบบนี้ที่ข้าพเจ้าชอบ และแล้วข้าพเจ้าก็เดินทางไปยังแดนอโศก แต่จิตใจลึกๆก็ยังชอบธรรมะของ
หลวงปู่พุทธทาสอยู่

เข้ามาศึกษากับแนวทางชาวอโศก แรกๆก็ไม่ชอบพ่อท่านหรอก เพราะเวลาพ่อท่านเทศน์ก็ไปตำหนิบางเรื่องของหลวงปู่ ข้าพเจ้าก็แอบแย้งอยู่ในใจ แต่ก็ปฏิบัติตามพ่อท่านไปเรื่อยๆ พอฟังไปปฏิบัติไปก็ได้เห็นความละเอียดลออลึกซึ้งของพ่อท่าน ก็แอบชื่นชม แอบชอบ แอบรักเคารพพ่อท่าน....แต่ในใจก็ยังมีแย้งอยู่ จึงต้องเข้าไปซักถาม

"พ่อท่านครับ มันจำเป็นด้วยหรือในการปฏิบัติธรรมต้องรู้เรื่องโสดา สกิทา อนาคา เพราะสายหลวงปู่เขาไม่สนใจหรอก เขาให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ"

"ต้องสนใจเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดลออของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ดีจริงพระพุทธเจ้าก็ตัดทิ้งไปสิ"

ได้ฟังดังนั้นข้าพเจ้าก็ไม่มีข้อโต้แย้งในจิตใจ

จึงขอบวช....ตามขั้นตอนของชาวอโศก เข้ามาเป็นคนวัด เป็นอารามิก เป็นปะ เป็นนาค เป็นสามเณร เป็นสมณะ และได้มาปักกลดกันที่ปฐมอโศก สมัยนั้นเป็นทุ่งนา มีศาลาเล็กๆหนึ่งหลัง มีสระบัว และได้เกิดเหตุการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะ"ลูกปืน"ชุดแรก ๙ นัด ตามมาด้วยชุดที่ ๒ อีก ๖ นัด

แรกๆก็ไม่กลัวเพราะคิดว่าเขาแค่มาขู่ พอชุดที่สองไม่ใช่ขู่ เขาเอาจริง ลูกปืนยังฝังอยู่ในกลดของข้าพเจ้า ณ ทุกวันนี้ (ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์คุณสันติยา) ชุดแรก ๙ นัดเขามาแจ้งว่าให้ย้ายออกภายใน ๗ วัน พอชุดที่ ๒ อีก ๖ นัด แสดงว่าเขาไล่เราจริง พ่อท่านก็เอาจริงเหมือนกัน ปักหลักแสดงให้เห็นว่าเป็นคนจริง แต่เปลี่ยนแม่ทัพเอาท่านพุทธชาโต คนนครปฐมเข้าไปประจำที่นั่นแทน

เพื่อนร่วมรุ่นสมณะพร้อมกับข้าพเจ้าสมัยนั้นก็จำได้คร่าวๆว่า มีท่านเตชพหุชโน และท่านยุทธนา ข้าพเจ้ามุ่งศึกษากับพ่อท่าน ไม่คิดจะไปศึกษาที่ไหนอีก เพราะได้ไปศึกษาก่อนที่จะมาศึกษาปฏิบัติกับชาวอโศก ข้าพเจ้าไปมาจนเกือบหมดแล้ว จึงได้มาหยุดอยู่ ณ สำนักนี้

ข้าพเจ้าศึกษาเปรียบเทียบจนเห็นผลได้ว่า มีผลในการปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่แค่คำพูดหรือตำรา เพราะมีบุคคลที่ทำได้ ปฏิบัติได้ในการถือศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ วินัย ๒๒๗ ข้อ ลดละเลิกอบายมุขได้ ซึ่งที่อื่นๆที่ข้าพเจ้าไปศึกษามาไม่มีแบบนี้ให้เห็น.....

ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีอุปสรรค มีกรรมวิบาก ข้าพเจ้าเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่ยังไม่อาจก้าวล่วงวิบากกรรมได้ ด้วยมุ่งหวังมาเพื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ไปไม่ถึงซะที อยู่ต่อไปมันเป็นบาปเป็นกรรม ซึ่งมีราคะ โทสะ โมหะ ไม่รู้วิธีลดละอย่างไรให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็ลาหมู่สงฆ์ ลาพ่อท่าน......เพื่อไปเป็นฆราวาสครองเรือน....

ทว่า.....จิตใต้สำนึกข้าพเจ้ามันด่าข้าพเจ้า "สึกออกมาก็เลวพอต่ำพอแล้ว ถ้าขืนไปแต่งงานก็คงจะต่ำไปยิ่งกว่านี้ อย่าต่ำไปกว่านี้เลย พยายามประคองตัวเองให้ดีที่สุด อาจจะเป็นเพราะวิบากของข้าพเจ้าที่จะต้องไปรับใช้ชาติกระมัง ข้าพเจ้าไปเป็นทหาร ๒ ปี แล้วไปทำงานที่โรงงานทอผ้า....ได้เห็นชัดในการเสียเวลาทางโลก ๔ ปี ๕ ปี มันไม่มีแก่นสารให้จิตวิญญาณเลย ไม่คุ้มค่าในการเกิดเป็นคน

อยู่กับพระโพธิสัตว์แม้จะไม่ได้อะไรมากมาย ก็ยังได้เป็นไม้เป็นมือให้พระโพธิสัตว์ เป็นประโยชน์กว่า มีสาระมีคุณค่ากว่า....ข้าพเจ้าได้เจอสุภาษิตบทหนึ่ง "บุคคลที่แช่หรือตกลงไปในสิ่งโสโครก อยู่นานมันยิ่งจับยิ่งหนา" ข้าพเจ้าก็ได้คิด "เออเนอะ ถ้าอยู่นานกับสิ่งโสโครก เดี๋ยวราคะ โทสะจับหนาแน่นขึ้น ตั้งใจจะไม่แต่งงาน เดี๋ยวมันจะอดทนไม่ได้ กลับเข้าวัดดีกว่า"

กลับมา....ข้าพเจ้ากลับมาอยู่กับพ่อท่านอีก....ครั้งนี้ขอแค่มาอยู่เป็นปะ เป็นนาคก็พอแล้ว ไม่คิดจะสูงกว่านี้แล้ว ขอแค่นี้พอแล้ว ปลาบปลื้มแล้ว แต่หมู่สมณะท่านก็ดึง น่าจะสูงกว่านี้ ดึงขึ้นมา ฉุดขึ้นไป จนถึงสามเณร พอมาถึงจุดนี้ ก็คิดแล้วว่า จะไม่ให้ฉุดดึงอีกต่อไปแล้ว จะเป็นตัวของตัวเอง เพราะบางทีข้าพเจ้าไม่พร้อมไม่สมบูรณ์ หมู่ท่านก็มาจูงเรา ตัวเราต้องพร้อมและรู้ตัวเองว่าจะไปได้ระดับใด...

จากที่ไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องโสดาบัน พระอาริยะระดับแรก พอกลับมาอีกครั้งทำให้เข้าใจมากขึ้น ซึ้งกับพระอาริยะระดับนี้ ชัดเจนแล้วชาตินี้ ระดับนี้มีมรรคมีผลไม่เท่ากัน มีแก่น มีญาณ มีศรัทธาหนาแน่นไม่เท่ากัน ละเอียดลออไม่เท่ากัน พระโสดาบันจึงมีทั้งผูกไท มีลูกเต้าที่ไม่เท่ากัน นั่นก็คืออลังการบารมีที่ไม่เท่ากัน

รูปแบบภายนอกเป็นเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งเป็นไปตามบุญกุศล ไปดูถูกกันไม่ได้ บางคนได้รูปแบบภายนอก แต่เนื้อแท้ภายในไม่มี ก็ได้บุญกุศล ในส่วนที่เป็นรูปแบบภายนอกดูถูกกันไม่ได้ แต่ถ้าภาวะจิตเรามีแก่น มีเนื้อแท้ของพระอาริยะ รูปแบบก็เป็นเพียงอันดับรอง

ถ้าชัดเจนในมรรคในผลของการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระพุทธเจ้า และเดินตามร่องรอยของโพธิสัตว์ยุคนี้ จะอยู่ในรูปแบบใดก็ได้ จะต้องรู้ตัวเองว่าอยู่ตรงไหนมีประโยชน์ที่สุด พระโสดาบันบางองค์ พระอาริยะบางองค์ต้องปกครองบ้านเมือง อยู่ตรงจุดนั้นมีประโยชน์มีคุณค่าต่อบ้านต่อเมือง เพื่อประกาศอะไรสักอย่างของศาสนา

ทุกคนที่อยู่กันในแต่ละจุด ใครๆก็ไม่สามารถคาดคั้นให้เขาเป็นอย่างที่ตัวเองเป็น ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าคงคาดคั้นพระอานนท์ให้บรรลุอรหันต์ไปแล้ว และคาดคั้นนางวิสาขาให้บรรลุอรหันต์ก่อนที่จะไปแต่งงาน ข้าพเจ้าว่ามันเป็นเรื่องที่แต่ละคนจะประกาศภพภูมิของแต่ละคน

มิเช่นนั้นสมัยนี้ พวกเราก็คงไม่เชื่อแน่ว่า พระโสดาบันมีลูกได้ตั้ง ๒๔ คน ถ้าสมัยพุทธกาลไม่มีนางวิสาขาให้ดูเป็นตัวอย่าง สมัยนี้ใครจะไปรับรองว่าเป็น
พระโสดาบันได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เราไม่อาจเข้าใจได้มากกว่านี้ แต่คิดว่าแต่ละองค์ของพระโสดาบันคงต้องมาช่วยศาสนา การรู้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รู้ได้ด้วยตนไม่ใช่คนอื่นชี้

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นที่สุดในหมู่ชาวอโศก มีพระอาริยะเบื้องต้นมากมาย ซึ่งกำลังเดินมรรคกันอยู่ รักในศีล เร่งในศีล ก็จะไปถึงฝั่ง ข้าพเจ้าเชื่อมั่นอีกว่า ศาสนาพุทธจะยังยาวนานอีกหลายร้อยปี เพราะข้าพเจ้ามั่นใจในตัวข้าพเจ้า และเชื่อมั่นทุกคนที่เดินตามเส้นทางสายนี้.....

กราบแทบเท้าโพธิสัตว์
* สามเณรกระบี่ฟ้า


 


รักแท้ที่ไม่หลอกลวง
แปลงมาจากรักแท้ ในคืนหลอกลวงของไฮเปอร์

เกิดมาสร้างสรรฉันไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยว
เกิดมาเดี๋ยวเดียว มาสั่งสมบุญให้มากไว้
แต่ว่าไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าตายอยู่ไหน - เมื่อไหร่
ขวนขวายคูณบุญให้ไว ก่อนถึงวันนั้น
มาอยู่ตรงนี้ มารักดี - มีศีล - กินเจประจำ
อหิงสาธรรม นำชีวา-(หรือวิชา)ดูหน่อยจอมขวัญ
อยากบอกให้รู้แสนรักศีลธรรมนัมเบอร์วัน
เอาหัวใจ-ขยัน-สร้างสรร-ติดมือ-ติดตัวไปด้วย
ท่ามกลางผู้คนมากล้นกลเลวหลอกลวง
มีใจกี่ดวงที่คิดไปไกลกว่านั้น
อยากเสกยาบ้า - รักที่ชั่วช้า
เสกสงครามที่ขมขื่น
เปลี่ยนเป็นรักที่สดชื่นคู่อหิงสาธรรมตลอดไป
ในชีวิตนี้ ไม่รักดี ดวงดูมีแต่เศร้า
ปลอบใจคลายเหงาพร่ำสอนตัวสอนใจไปด้วยความหวัง
ไม่น่าเชื่อเลยใจใฝ่บุญอุ่นมีพลัง
ทำให้หัวใจฉันหวัง ปลูกสร้างสังคมอย่างนี้
ท่ามกลางสังคม ในโลกธรรมหลอกลวง
มีใจกี่ดวงที่คิดให้ดีกว่านั้น
อยากเปลี่ยนสังคมอบาย
เปลี่ยนสงครามขมขื่น
เปลี่ยนเป็นเปี่ยมศีลธรรมทุกวันคืนตลอดไป
อยากเปลี่ยนรักที่เลวร้ายชั่วช้า
เปลี่ยนวิชามารที่หลอกลวง
เปลี่ยนให้ใจทั้งปวงแสนรักอหิงสาธรรมตลอดไป
(เฝ้าระวังวิกฤติศีลห้าทุกลมหายใจ)

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๑ มีนาคม ๒๕๔๘ -