บันทึกจากปัจฉาฯ
ตอน...กู้ชาติ ในบทเรียนประชาธิปไตยที่งดงาม
แม้จะแพ้พ่าย ก็ภูมิใจที่ได้เสียสละ (๓)

บันทึกฉบับนี้เป็นเหตุการณ์ ครึ่งหลังของเดือนมีนาคม ต่อจากฉบับที่แล้ว ซึ่งเขียนได้เพียง ครึ่งเดือน ขออภัยที่ไม่สามารถ เขียนให้สั้นได้

การชุมนุมปักหลักที่ข้างทำเนียบนี้ ดีกว่าที่สนามหลวงมาก อุณหภูมิไม่ร้อนโหด อย่างสนามหลวง ชัยภูมิไม่เปิดโล่งเกินไป อย่างที่สนามหลวง ทำให้จัดสัดส่วน ของการดูแล ความปลอดภัย รวมถึงสิ่งของ ได้ดีกว่า ที่สนามหลวง มีเพียงด้านหน้า เท่านั้น ที่ผู้คนเดินผ่าน ไปมาได้ ด้านหลัง และด้านข้าง ไม่ต้องพะวงมาก ห้องน้ำ ห้องส้วม ก็สะดวกกว่า นอกจากรถสุขา เคลื่อนที่ของ กทม.แล้ว ยังมีโรงเรียน ประถมศึกษา ของวัดเบญจมบพิตร เปิดให้ใช้ได้ นอกจากนี้ พวกเราก็สามารถ ปรับวิธีการ บรรเทาทุกข์เบาๆ ได้เป็นสัดส่วน มีผ้าขึงกั้น เป็นห้องสุขา น้อยๆ สำหรับสมณะ และฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายหญิง ใช้เต็นท์ที่ปิดได้มิดชิด เป็นห้องสุขาหญิง ส่วนครัว อาหารการกิน ก็ไม่มีปัญหา อานิสงส์ของการเปิดโรงบุญ ทำอาหาร แจกคน จำนวนมาก มาหลายสิบปี ทำให้โรงครัว นอกพื้นที่ กลางถนนอย่างนั้น เป็นเรื่องเล็ก สำหรับชาวอโศก นอกจาก กินกันเอง ในหมู่กองทัพธรรม ยังสามารถ ทำเผื่อแผ่ แจกกลุ่ม พันธมิตรอื่น ได้อย่างสบายๆๆ ไม่ว่าจะเป็น เช้าสาย บ่ายเย็นค่ำ

ยุทธศาสตร์การชุมนุม ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงกันออกมา ให้มากๆ ให้หมดๆๆ จึงเป็นเรื่อง ไม่ลำบากเกินไป สำหรับ เรื่องกิน เรื่องอยู่

วิถีชีวิต...วิถีธรรม ในที่ชุมนุม
พ่อท่านและหมู่สมณะสิกขมาตุบางส่วน ยังคงมาร่วม เป็นกำลังใจ ให้ญาติธรรม รวมถึง กลุ่มพันธมิตร โดยออกจาก สันติอโศก ตั้งแต่เช้า และกลับ ในเวลาหัวค่ำ บิณฑบาต ทุกวัน พ่อท่านเทศน์ทุกวัน แม้อากาศ จะร้อน จากแสงแดด ยามสาย ทั้งคนฟัง ก็ไม่มาก อย่างรายการค่ำ ก็ไม่ได้เป็นปัญหา ในการแสดงธรรม ผู้ฟังบางส่วน นั่งตากแดด ฟังธรรม ที่ใช้ร่ม หรือกระดาษ มุงบังแดด ฟังธรรมก็มี หลายส่วน กระจายกัน อยู่ตามร่มไม้บ้าง ริมรั้วริมกำแพงบ้าง นอกจาก ญาติธรรม และ กลุ่มผู้ชุมนุม จะได้ฟังแล้ว ยังมีตำรวจ ที่รักษาการณ์ อยู่ในทำเนียบ ข้าราชการ ในบริเวณนั้น แล้วยังมี คนฟัง ที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณ สถานที่นั้นเลย ก็คือ ท่านผู้ชม ทางบ้าน ที่เปิดดูรายการจาก AS TV ซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่า มีจำนวน มากน้อยแค่ไหน

ช่วงระหว่างวัน หลังจากฟังธรรม และรับประทานอาหารแล้ว สำหรับญาติธรรม ก็ทำงานกันไป ตามกิจที่มี ของการมา ชุมนุมอย่างนี้ เช่น ปัด กวาด เช็ดถู หั่น ล้าง ปอก ผัด แกง ยก หิ้ว เข็น นั่นก็คือ งานบริการทั้งหมด รวมถึง การรักษา ความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ มีหน่วยงาน ด้านประชาสัมพันธ์ ทะเบียนเอกสาร และพยาบาล ที่ได้ให้บริการ อย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง ของการชุมนุม ส่วนสมณะ กับสิกขมาตุ ก็ไม่มีกิจอะไร ในสถานการณ์ อย่างนี้ นั่งอ่าน หนังสือ บ้าง ช่วยบรรจุสิ่งของ ไว้แจก ผู้มาชุมนุมบ้าง สนทนากับญาติธรรมบ้าง

พ่อท่านอยู่ร่วมตลอดเช้าจรดค่ำ นั่งอ่านข่าวนั่นเป็นหลัก ในช่วงต้น เมื่อท่านผู้นำ ยังคงเกาะ อยู่กับอำนาจ ไม่ยอมลาออก อ้างแต่กติกา โดยไม่สนใจ ที่จะชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา ว่าประพฤติทุจริต ให้กระจ่าง ทำให้การชุมนุม ต้องยืดยาว ออกไป พ่อท่าน จึงนำเอาโน๊ตบุ้ก มาทำงาน เขียนไปด้วย ในช่วงที่ต้อง เร่งเขียน ส่งพิมพ์ ในหนังสือ “เราคิดอะไร” ต่อมา มีผู้คิด หาวิธีให้พ่อท่าน ทำงานสะดวกขึ้น จะได้ไม่เสียเวลา สะดุดชงักงานเขียน ไปกับการตอบรับผู้คน ที่มานมัสการ และ สนทนา ด้วยการ จัดหาเต็นท์ ขนาดใหญ่ พอที่จะสามารถ ไว้โต๊ะเก้าอี้ รวมถึงพื้นที่ พอจะเอนกาย นอนได้ มาให้พ่อท่าน ได้ใช้ทำงาน

ปกติช่วงฉันอาหาร พ่อท่านจะอ่านข่าวไปด้วย และฟังการรายงานข่าว ที่ส่งทั้งภาพ และเสียง มาให้ผู้ชุมนุม ในเต็นท์ กองทัพธรรม ได้ชมกันไปด้วย บางวัน ก็มีคนมาสนทนา รวมถึงบอกเล่า ให้ข้อมูล ในระหว่างฉันนั้นด้วย มีวันหนึ่ง (๒๒ มี.ค.) พ่อท่านฉันไป ทำงานเขียนไปด้วย รวมถึง มีคนผ่านไป ผ่านมา กราบนมัสการ สนทนาด้วยบ้าง ทำให้วันนั้น กว่าพ่อท่าน จะเสร็จกิจ ในการขบฉัน ใช้เวลายาวนาน หลายชั่วโมง วันต่อมา จึงมีผู้นิมนต์พ่อท่าน ไปนั่งฉัน ในเต็นท์ ทำงาน ที่ได้จัดเตรียมไว้นั้น ฉันในเต็นท์ ได้วันเดียว วันต่อมา พ่อท่าน ก็กลับออกมาฉัน ภายนอก ตามปกติ เนื่องจาก งานเขียน เสร็จพอดี

ระหว่างวัน เพื่อช่วยให้เลือดลม เดินได้ดี จึงมีญาติธรรม ที่พอจะมีความรู้ ในการกดนวด อาสามาช่วย กดนวด ให้พ่อท่าน

บิณฑบาต...บริหารกาย...บริหารใจ
ในสถานการณ์ที่สังคมวิกฤติถึงขั้นแบ่งออก เป็นสองขั้ว การเปิดตัวเลือกขั้ว ออกมาร่วม ในกิจอย่างนี้ ย่อมได้รับ ทั้งคำ สรรเสริญ และคำติฉินนินทา เป็นธรรมดา ใครจะสรรเสริญ หรือติฉิน ก็ขึ้นอยู่กับ ข้อมูลข่าวสาร ที่ได้รับ กับภูมิธรรม ของใคร เป็นอย่างไร ก็จะแสดงออกมา ตามที่ตนมี

กิจวัตรอย่างหนึ่งของนักบวช ในที่ชุมนุมก็คือ การบิณฑบาต ในยามปกติ การบิณฑบาต สังคมรู้เห็นสิ่งนี้ กันมานาน ด้วยเป็น วิถีชีวิต เป็นวัฒนธรรม ประเพณีหนึ่ง ของสังคมไทย แต่ในสถานการณ์ ยามนี้ไม่ปกติ ทั้งรูปแบบ และ การแสดงออก ของนักบวช ชาวอโศก แตกต่างไปจาก พระทั่วไป ข่าวที่เคย ประโคมกันหนัก ว่าพ่อท่าน และนักบวช ชาวอโศก เป็นพระนอกรีต ถูกประกาสนียกรรม หรือถูกขับออกจาก คณะสงฆ์ ข้อหาร้ายแรง หนักหนาสาหัส อย่างนี้ พบเห็น ที่ไหน รีบหนีห่างไว้ก่อน เป็นดี ในสายตาของ ผู้ไม่เคยได้สัมผัส หรือศึกษา ความจริง จากชาวอโศกมาก่อน ย่อมคิดเป็น เช่นนั้นได้ ยิ่งการมาร่วม ชุมนุมอย่างนี้ ไม่เคยมีปรากฎ ในศาสนาจักร ของสังคมไทย ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ต่างๆ เหล่านี้ เป็นเหตุปัจจัย ให้ประชาชน ส่วนใหญ่ รับไม่ได้ ไม่ศรัทธา ถึงขั้น กล้าที่จะแสดง ความไม่พอใจ ออกมา ทางกายกรรม วจีกรรมได้ เป็นเรื่องน่าเห็นใจ เขาเหล่านั้นจริงๆ

ดีที่แถวบิณฑบาต มีความสงบนิ่ง ไม่โต้ตอบ ทั้งความพร้อมเพรียง เป็นระเบียบ มีวินัย ก็เป็นพลังอำนาจ อย่างหนึ่ง มีฤทธิ์ ทำให้หนัก เป็นเบาได้ เมื่อแถวบิณฑบาต ผ่านตลาดเทเวศน์ ริมคลองเปรมประชา คนขับรถตุ๊กๆ ๒-๓ คน ส่งเสียง ... ทักษิณสู้ๆๆ จากดัง มาเป็นเบา บางวัน ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร พ่อค้าผลไม้ริมทาง เดินส่งเสียงเบาๆ พอได้ยิน... ของจริง ต้องปลีกวิเวก ได้ยินพูดเช่นนี้อยู่ ๒ วัน วันอื่นๆก็เงียบ แม่ค้า ร้านอาหาร ริมถนน ส่งเสียงตามหลัง แถวบิณฑบาตมาว่า... หลวงพี่ สู้ๆๆ ในย่าน ตลาดเทเวศน์ เช่นกัน คนขับรถกระบะ ไขกระจกข้างลง แล้วส่งเสียง... ขายชาติ แล้วขับเลย ผ่านไป ฟังแล้ว ยังงงๆ ว่ามันมีความหมาย ถึงพวกเรา ได้อย่างไร ส่วนย่านอื่น แทบไม่มีปฏิกิริยาอะไร จะมีบ้าง ก็บนถนน มีเสียงแตร ดังยาวๆ อยู่หลายครั้ง ถ้าให้เดาใจ ก็คงแสดงออก ให้รู้ว่า ไม่พอใจ มีบางคัน หันมามอง ทำตาขวางๆ หน้าบึ้งๆ แต่ไม่พูดอะไร

ในสถานการณ์ขณะนั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เมื่ออยู่ในกลุ่ม ผู้ชุมนุม สภาพตอบรับ เป็นอย่างหนึ่ง ญาติธรรม และพันธมิตร เรียงราย ใส่บาตร ด้วยความนอบน้อม แต่พอพ้นเขต ของผู้ชุมนุม ไม่มีใครบอกได้ว่า คนรอบข้าง คิดอย่างไร กับพวกเรา

สมณะ ๔๐ รูปขึ้น เดินแถวเลียบริมถนน บางทีต้องข้าม ผ่านถนน ไปอีกด้าน เกรงใจ ก็เกรงใจ คนใช้ถนน ยิ่งสถานการณ์ ที่ไม่ปกติอย่างนี้ ก็ยิ่งเกรงใจ หวั่นๆ กับอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้คน เป็นโลกธรรม ที่รู้อยู่ว่า คนไม่เข้าใจ มีมากกว่า คนที่เข้าใจ ขณะที่พ่อท่าน ยังคงเดินหน้า นำแถวบิณฑบาต อย่างเป็นปกติ ไม่มีทีท่า ว่าจะหวั่นเกรง หรือสะทกสะท้าน กับปฏิกิริยา แวดล้อม แต่อย่างใด

เมื่อมีคนใส่บาตรรู้สึกเหมือนมีพวก ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ที่จริงไม่ได้กลัว อดอาหาร เพราะถึงอย่างไร ก็มีอาหาร ให้ฉันแน่ๆ อยู่แล้ว แต่การใส่บาตร ในสถานการณ์ อย่างนี้ บอกถึง การเลือกข้าง รวมถึง ความเข้าใจ ในสิ่งที่นักบวช ชาวอโศก เข้ามา ร่วมในกิจนี้ มันเป็นการบอก ค่าของสังคม อย่างหนึ่งด้วย

ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ มีข้าราชการหญิง ๔-๕ ราย คอยใส่บาตร ประจำ บางวัน แถวบิณฑบาต ไม่ได้ผ่าน กระทรวงศึกษาธิการ ก็ยังอุตส่าห์หอบหิ้ว ตามมาใส่บาตร ที่เต็นท์กองทัพธรรม หญิงคนหนึ่ง หิ้วเอาผลไม้ กล้วยหอม เป็นหวี และ ยังมีส้ม แอปเปิ้ล จำนวนมาก มาขอใส่บาตร ใส่บาตรพ่อท่าน ด้วยกล้วยหอม หวีหนึ่ง จากนั้น หยิบแอปเปิ้ล และส้ม ใส่บาตร สมณะ และ สิกขมาตุที่เหลือ

จุดเดียวกับที่คนขับรถตุ๊กๆแซว ริมคลองเปรมประชานั้น ชายกลางคน นิมนต์ขอใส่บาตร ด้วยอาหารถุงริมทาง ซึ่งมี เนื้อสัตว์ เมื่อพ่อท่านรับแล้ว ฝากคืนว่า ฉันอาหาร มังสวิรัติ พอดีร้านอาหาร ที่บรรจุอาหารใส่บาตร อยู่ข้างๆ แม่ค้าสีหน้า ดูดียิ้มแย้ม บอกว่า งั้นเอาแกงส้ม เป็นอาหารมังสวิรัติ มาใส่แทน เมื่อพ่อท่านทัก ถามว่า ใส่น้ำปลาหรือเปล่า แม่ค้า ยืนยันว่า เป็นมังสวิรัติ ใส่เกลือ ไม่ได้ใส่น้ำปลา แล้วแม่ค้า ก็รีบบรรจุแกงส้ม ใส่ถุง ให้ชายคนนั้น ได้ใส่บาตร จนครบ หมดทุกรูป รวมถึง สิกขมาตุด้วย ทั้งหมดร่วม ๔๐ รูปได้ แสดงว่า จิตใจของผู้ใส่บาตร ใจถึง พอได้ทีเดียว

สารพัด...“โจทย์ฝึกใจ” สารพัด...“วิธีป่วน”
ตลอดชีวิตของชาวอโศก ส่วนใหญ่ ไม่เคยร่วม ในสถานการณ์ อย่างนี้ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ของหลายคน สิ่งที่ไม่เคยรู้ ก็ได้รู้ สิ่งที่ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น แม้จะยาก ลำบากกว่าปกติ แต่ด้วยฤทธานุภาพ ของความรัก ในความเป็นธรรม จึงทำให้ เกิดการ ผนึกรวม พร้อมที่จะปกป้องธรรม จากอำนาจ ที่ไม่ชอบธรรมนั้นๆ เชื่อว่าใจ อย่างนี้ เป็นสภาวะ เดียวกับ ผู้ชุมนุม เมื่อ ๑๔ ตุลา๑๖, ๖ ตุลา๑๙ และ พฤษภาทมิฬ ๓๕

เมื่อมีข่าวว่า ตำรวจ สน.ดุสิต ได้จับคนของพันธมิตร ที่ไปเดินแจกเอกสาร ๔ คน ซึ่งเป็นเอกสาร ที่แจกกันปกติ ในการชุมนุม ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร เสียงของผู้ชุมนุม ก็ฮือฮา วิพากษ์วิจารณ์กันไป ต่างๆนานา หลายคน ส่งเสียง ก่นด่า ออกมา ขณะที่ชาว กองทัพธรรม ไม่ได้ส่งเสียง เช่นนั้น

๒๑ มี.ค.๔๙ ระหว่างฉันอาหาร มีกลุ่มของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร ได้เคลื่อนตัว มาอยู่ด้านหน้า ทางพาณิชย์การ พระนคร บรรดา กลุ่มพันธมิตร ที่มาจากใต้ ได้มาชักชวน พวกเรา ให้ไปช่วยเป็นมวล ยืนกันกลุ่มดังกล่าว ขณะที่ชาว กองทัพธรรม กำลัง รับประทานอาหารกัน จึงไม่มีใคร ไปร่วมด้วย

ครู่ต่อมาได้รับทราบจาก กลุ่มพันธมิตรชาวใต้ แจ้งให้ทราบว่า กลุ่มของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร กลับไปแล้ว เขาได้รับ ค่าจ้าง มาคนละ ๓๐๐ บาท มีคนของ กลุ่มพันธมิตร เข้าไปสืบ แล้วนำเงินมา แสดงให้ดู เป็นหลักฐาน

ขณะฉันไปได้สักพัก ต่อมา มีคนมาประกาศ ให้ไปร่วมกันที่ด้าน พระรูปทรงม้าฯ เพราะมีกลุ่ม รถวินมอเตอร์ไซด์ มากัน เป็นร้อยคัน ประกาศ เพื่อชักชวนคน ให้ไปยืน ประจัญหน้า คล้ายเกรง กลุ่มดังกล่าว จะบุกเข้ามา

ขณะพ่อท่าน ยังฉันไม่เสร็จ กลุ่มคณะทำงานครัว ได้มาประชุมกัน เพื่อหาข้อตกลง ร่วมกัน ในการเปิด โรงบุญ แจกอาหาร ได้ข้อ ตกลงว่า ให้แจกเป็นเวลา พยายามให้เกิด วัฒนธรรมบุญนิยม ที่ผู้ให้ ไหว้ผู้รับ ส่วนเรื่อง ภาชนะ จำเป็นต้อง ใช้โฟร์ม

มีการเตือนเรื่องน้ำดื่ม ให้ระวัง อย่ารับน้ำดื่ม ที่ไม่รู้จัก และไม่ทราบที่มา เนื่องจาก มีข่าวว่า อาจจะมีการนำเอา ยาบ้า ปลอมปน เข้ามาด้วย อันนี้รวมไปถึง อาหาร จากทั่วๆไป ที่ไม่รู้แหล่งที่มาด้วย

๒๒ มี.ค.๔๙ ช่วงบ่าย กลุ่มชาวใต้ ที่ทำหน้าที่ดูแล รักษาความปลอดภัย ได้วิ่งไป ที่ประตูด้าน พาณิชย์การพระนคร สักพัก วิ่งกลับไปที่ อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น

๑๔.๑๖ น. ผู้รักษาความปลอดภัยชาวใต้ คนหนึ่ง ได้เข้ามา ขอให้พ่อท่าน ช่วยเอามือ สัมผัสหัว ให้ด้วย พ่อท่านก็เอื้อ เอามือ แตะหัวให้ เขาบอกเล่าว่า มันมากัน ๓ คันรถ

พ่อท่านบอกให้สติ เอ้าไปดูให้ดีๆ แล้วอย่าไปตีกันนะ

ขณะนั้นมีชายกลางคนๆหนึ่ง สนใจเข้ามาสอบถาม เรื่องการปฏิบัติ มีการพูดถึง กสิน ๔๐ และการแยกรูป แยกนาม การปฏิบัติ มรรคแปด มโนมยอัตตา การละกาม การเห็นนามรูป คือการเห็นกิเลส เห็นอาการ ลิงค นิมิต อุเทศ

๑๕.๒๐ น. มีกลุ่มที่รักษาความปลอดภัย หิ้วชายคนหนึ่ง เดินพากันไป ที่ประตู หน้าทำเนียบ ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเรื่องอะไร

๒๓ มี.ค.๔๙ ขณะพ่อท่าน กำลังแสดงธรรม มีแท็กซี่คันหนึ่ง ขับรถผ่านเข้ามา ฝ่ายรักษา ความปลอดภัย เรียกให้หยุด ขอตรวจ สิ่งของ ที่มีอยู่ในรถ และขอค้นตัว เห็นแล้ว... เกรงความรุนแรงเกินเหตุ ที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย จะใช้ แต่ก็ น่าเห็นใจ เหมือนกัน ในสถานการณ์อย่างนี้ ผู้ทำหน้าที่ ย่อมไว้ใจ คนอื่นยาก ยิ่งเป็นแท็กซี่ ยิ่งต้องระวัง ด้วยมีข่าว มาตลอด ว่าส่วนใหญ่ ไม่เป็นมิตร กับผู้มาชุมนุม ในเมื่อปิด กั้นถนน กันรถแล้วด้วย ทำไมคันนี้ หลุดรอด เข้ามาได้

ช่วงบ่ายได้คุยกับคุณแซมดิน เกี่ยวกับชายคนหนึ่ง มาแจกเอกสาร ได้สอดแทรก สิ่งที่จะทำให้ ผู้ชุมนุม เกิดความสับสน คุณแซมดิน บอกเล่าให้ฟังว่า พวกก่อกวน งานนี้เยอะมาก คืนหนึ่ง จับได้หลายราย อย่างเมื่อคืน มีผู้หญิง นุ่งกระโจมอก จะไปอาบน้ำ ตีสาม แล้วจะเดินผ่าน มาทางเต็นท์ กองทัพธรรม เจ้าหน่วยรักษา ความปลอดภัย เขาไม่ยอม ให้ผู้หญิงผ่าน ให้เดินอ้อม ไปด้านอื่น คือเขา ระมัดระวังภัย ให้กองทัพธรรม อย่างมาก คืนก่อน ก็มีคนมาก่อกวน เจ้าเด็กพวกนี้ ก็วิ่งไป วิ่งมาทั้งคืน มันเป็นวิธีการแกล้ง ให้แห้งตาย อย่างที่ท่านผู้นำพูด เมื่อเช้าแท็กซี่ ขับรถผ่านเข้ามา เขาก็ไม่ยอม สงสัยว่า ทำไม คนจะผ่าน ตำรวจยังตรวจ แต่นี่รถแท็กซี่ มันเข้ามา ได้ยังไง แล้วเผอิญ บัตรประจำตัว ประชาชน ก็ปลอมเสียด้วย หน่วยรักษา ความปลอดภัย เขาจึงไม่ยอม หรือบางที เขาจับได้ว่า มีตำรวจทหาร ปลอมเข้ามา หาข่าว เขาวิ่งไล่จับกัน ตำรวจ ทหาร เขาก็วิ่งเข้าไปหลบ ในทำเนียบ ข้าพเจ้า ออกจะเป็นงง ว่าเขาจะมาหาข่าว เอาไปทำอะไร เพราะเรา ก็ไม่ได้มี อะไรลึกลับ คุณแซมดิน บอกว่า มันเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องรู้ ให้ได้ว่า แกนนำ อยู่ที่ตรงจุดไหน ถ้าจะสลาย ก็จะได้จับกุม ได้เร็ว

สังคมโลกอย่างนี้ ช่างไม่มีความสุข เอาเสียเลย มีแต่เล่ห์เหลี่ยม จะอยู่ร่วม สัมพันธ์ด้วย ก็ต้องระมัดระวัง อย่างยิ่ง

๒๕ มี.ค.๔๙ ระหว่างฉันอาหาร ตำรวจที่ดูแลทางเข้า ไม่ยอมให้รถ ที่มาส่งข้าว น้ำอาหาร กับกลุ่มผู้ชุมนุม เข้ามา ซึ่งเป็นรถของ กองทัพธรรม พล.ต.จำลอง จึงได้ชักชวน พวกเรา เกือบ ๕๐ คน ไปเจรจา ถามเหตุผล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายพัน ตำรวจที่ดูแล ได้มาเจรจาด้วย บอกเป็นความเข้าใจผิด ของลูกน้อง จากนั้นก็ปล่อย ให้รถ บรรทุกอาหาร เข้ามาได้

เป็นความฉลาดของ พล.ต.จำลอง ที่โยนคำถาม เรื่องสามัญสำนึก ให้ตำรวจ ที่ทำหน้าที่ ได้คิดว่า มีคำสั่ง ให้ปิดล้อม ไม่ให้เอาข้าว เอาน้ำ มาให้ด้วยหรือ

๒๗ มี.ค.๔๙ กลับจากบิณฑบาตแล้ว ได้รับแผ่นปลิว ที่แจกให้กับกลุ่ม คาราวาน คนจน สนับสนุน ท่านนายกฯ ที่สวน จตุจักร มีภาพ ที่ไทยรัฐ นำตีพิมพ์ ในช่วงที่ คุณสนธิ ได้มากราบ นมัสการพ่อท่าน โดยมีข้อความ ใต้ภาพว่า “โพธิรักษ์” ศาสดา องค์ใหม่ของ “สนธิ” ส่วนอีกสองแผ่น เป็นภาพ พล.ต.จำลอง และ พล.อ.สุจินดา เข้าเฝ้าในหลวง หลัง เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ มีข้อความ ใต้ภาพว่า จำลอง... ครั้งเดียว ก็เกินพอ!! อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำให้เสียเลือดเนื้อ และ ภาพคุณสนธิ จับไหล่คุณอภิสิทธิ มีข้อความ ใต้ภาพว่า ดีมาก! ...ไอ้น้อง

๑๕.๓๕ น. ชายคนหนึ่ง นำเอาแผ่นปลิว ที่มีผู้มาแจก ชี้ให้ดูข้อความ ตำหนิ ซัดดัม ซึ่งจะทำให้อิสลาม ไม่พอใจได้ จึงต้อง รีบระงับ การแจกแผ่นปลิวนี้เสีย ยังไม่ทันไร ชายมีอายุ ใส่แว่นดำ นำเอาแผ่นปลิวดังกล่าว มาให้ทางเราได้แจก พ่อท่าน รีบทักว่า ใบปลิวแผ่นนี้ ไม่น่าแจก ชายสูงอายุคนดังกล่าว บอกไม่มีอะไร แต่เมื่อพ่อท่านทัก เขารีบเอาแผ่นปลิวคืน แล้วรีบ เดินออกไป

๑๕.๔๐ น. ชายกลางคน อีกคนหนึ่ง ได้มาขอกราบ และบอกว่า ตนเอง ถูกตำรวจตาม อดีต เคยเป็นผู้ช่วย สก. ของพรรค ไทยรักไทย อยากจะมา กินนอนอยู่ที่นี่ ขอให้พ่อท่าน ได้ช่วยเขาด้วย แล้วควักบัตรประจำตัว ประชาชนให้ดู รวมถึง บัตร ผู้ช่วย สก. พ่อท่าน แนะเพียงแค่ว่า เราไม่ได้ทำผิดกฏหมายอะไร ก็ไม่น่าจะกลัวอะไร หลังจากนั้น ก็ไม่รู้ว่า เขาอยู่หรือไม่ อย่างไร เรื่องของเขา เป็นมาอย่างไร เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ ที่บอกให้รู้ว่า คนเรานี่ สารพัดปัญหาจริงๆ

๓๐ มี.ค.๔๙ ประมาณบ่ายสามโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดับนายพล ๔ คน ได้มาเจรจา กับ พล.ต.จำลอง ขอให้ทาง กองทัพธรรม เปิดถนนพิษณุโลก เพื่อความสะดวก ของประชาชน ที่มาเที่ยว งานกาชาด พล.ต.จำลอง ขอให้ผู้ชุมนุม ใช้เส้นทางนี้ ไปก่อน เนื่องจาก ยังมีคณะของผู้ชุมนุม พักอยู่ที่นี่ แล้ว พล.ต.จำลอง รีบผละออกไป โดยให้เหตุผลกับ คณะ นายตำรวจนั้นว่า เดี๋ยวจะต้องเดินทาง ไปที่ ก.ก.ต. แล้วได้แวะ กระซิบกับ คุณแซมดิน ให้เอาเต็นท์ ที่นอน ของพวกเรา มากาง วางไว้ที่ถนน เพื่อให้ดูว่า ยังใช้พื้นที่ถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ไม่ปล่อยรถเข้ามา ท่าทีนายตำรวจ ทั้งสี่ท่าน ไม่พอใจ

สักพักใหญ่ๆ นายตำรวจดังกล่าว ได้นำแม่ค้า มาขอเจรจากับ พล.ต.จำลอง อีก ผู้ชุมนุม ทยอยกันเข้ามา มุงการเจรจานั้น แต่การสื่อสาร คลาดเคลื่อนไป เป็นว่า ตำรวจ พากลุ่มแม่ค้า มาไล่พวกเรา จึงเรียกให้ไป รวมตัวกัน ที่ถนนอีกด้าน บ้างก็ว่า เป็นวิธี สลายการชุมนุม ผลที่สุด ได้ยินเสียงโห่พักหนึ่ง แล้วต่อด้วย เสียงปรบมือ

หลังจากนั้นไม่นาน พล.ต.จำลอง ได้มาบอกเล่าเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้น ให้พ่อท่าน ได้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาต่อรอง ขอเปิด เส้นทางการจราจร แล้วนำหัวคิว แม่ค้า มีเจ๊เล็ก เจ๊ลั้ง มีชาย ๒ คนและหญิง ๒ คน มาขอต่อรอง ให้เปิดถนน พิษณุโลก เนื่องจาก คนจะได้มา งานกาชาดสะดวก แม่ค้าที่เปิดร้านค้า ร้องเรียนมาว่า ขายของได้น้อย เมื่อพูดถึงตรงนี้ จึงได้รับ เสียงโห่ ส่วนเสียงปรบมือ เข้าใจว่า เป็นถ้อยคำที่ พล.ต.จำลอง ชี้แจงว่า พวกเราที่มาชุมนุมกันนี่ ก็ต้องสูญเสีย รายได้ เสียงานการ เหมือนกัน แต่เราทำเพื่อประเทศ ไม่ได้ทำ เพื่อรายได้ ผลประโยชน์อะไร ของพวกเราเลย

คุณแก่นฟ้าได้มาให้ข้อมูลว่า ได้ยินตำรวจ คุยกับแม่ค้าว่า ผู้ที่ไม่ยอม ให้เปิดถนน อยู่ที่คนนี้ คนเดียว เขาหมายถึง พล.ต. จำลอง ซึ่งก็เป็นวิธีการ ของตำรวจ ที่พยายาม หาเหตุ มาสลาย การชุมนุม

เหตุการณ์นี้ทราบภายหลังว่า ทางสถานีโทรทัศน์ ได้นำไปแพร่ภาพ เฉพาะช่วงที่ พล.ต.จำลอง เสียงแข็ง เหมือนทะเลาะ กับแม่ค้า ทำให้เป็นผลลบ ต่อ พล.ต.จำลอง

เป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง ที่ไม่มีในพระสูตรไหนๆ การต่อสู้กับมาร และ อาฬวกยักษ์ ในยุคนี้ เป็นตัวตนรูปร่าง เช่นนี้เอง ภายใต้ สมมุติสัจจะว่า รัฐธรรมนูญ กติกา โกงกิน ทุจริต ขายชาติ ไร้จริยธรรม

การรายงานข่าววันนี้ คณะคาราวานคนจน ได้ไปปิดล้อม อาคารทำงาน ของเนชั่น จากกรณี นสพ. คมชัดลึก ได้ตีพิมพ์ คำกล่าว ของคุณสนธิ อย่างไม่ครบ ทำให้มีเนื้อหา หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเมื่อวาน เครือเนชั่น ได้แสดง ความรับ ผิดชอบ ผู้เขียนข่าว คนนั้น ได้ถูกไล่ออก บรรณาธิการ ถูกปลด และหนังสือพิมพ์ ปิดทำการ ๓ วัน แต่คณะของ คาราวาน คนจน ยังไม่พอใจ ปิดล้อมตึก และตรวจค้น คนทำงาน เข้าออก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้สนใจ กระตือรือร้น ที่จะดูแล มีข่าวซุบซิบ จากนักข่าวว่า รัฐมนตรี น. ปรากฎตัว ที่ปั้มน้ำมัน ไม่ห่างจาก ที่เกิดเหตุ นักข่าวเชื่อว่า รัฐมนตรี น. เป็นผู้อยู่ เบื้องหลัง กลุ่มคนที่ปิดล้อม อาคารเครือเนชั่น

มีหลายคนเป็นห่วงเกรงว่า นี่กำลังกลายเป็นปัญหา ที่จะเอามา เป็นประเด็น ในการใช้ กฏอัยการศึก หรือไม่ หรือ อาจจะเป็น ชนวนไปสู่ ความรุนแรง

๓๑ มี.ค.๔๙ ประมาณ ๑๗ น. กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ประมาณ ๕๐๐ คัน เคลื่อนขบวน ไปที่หน้า สำนักงาน หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ที่ถนนพระอาทิตย์ ผู้นำ เป็นชาย ขาพิการ ได้นำพวงหรีด ไปวางและเผา ที่หน้าสำนักงาน มีเหตุการณ์ เกือบปะทะกัน เมื่อสมาชิก มอเตอร์ไซด์ จำนวนหนึ่ง กรูเข้าหา ช่างภาพ ของ AS TV หลังจาก เผาพวงหรีดแล้ว ขบวน มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ได้ร้องเพลง สรรเสริญ พระบารมี ก่อนขบวน จะเคลื่อนตัวผ่านไป มีประชาชน ที่อยู่ข้างทาง ส่งเสียงโห่ บ้างก็ขว้างปา สิ่งของใส่ บ้างก็ตะโกน ทักษิณออกไป เสียงเพลง ไอ้หน้าเหลี่ยม ถูกร้องขึ้น ไล่หลัง ขบวน มอเตอร์ไซด์นั้น

พิธีกรคุณเติมศักดิ์ จารุปาน กลับมารายงานข่าวต่อว่า เมื่อสักครู่ มีกลุ่มมอเตอร์ไซด์ รับจ้าง ประมาณ ๕-๗ คนปีนกำแพง เข้าไป ในที่ทำงาน พอดีเจ้าหน้าที่ ของผู้จัดการ มีจำนวนมาก เตรียมการตอบโต้ ทำให้กลุ่มมอเตอร์ไซด์ รับจ้างนั้น ถอยออกไป

สารพัด...‘ข้อมูล’...‘คำแนะนำ’...‘ข่าวลือ’
ในสถานการณ์ที่สังคมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ไม่ว่าจะขัดแย้ง ในความคิด ความเชื่อ หรือในผลประโยชน์ อย่างโลกีย์ ก็ตาม สิ่งที่มักเกิด เป็นปัญหาตามมา ก็คือ การให้ร้าย ป้ายสี ข่าวลือ ที่แฝงมา ในรูปของ ข้อมูลข่าวสาร รวมถึง อีกนานา สารพัด วิธีการ ที่จะกลั่นแกล้ง เอาชนะ อีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ แม้ว่าสิ่งเหล่านั้น จะไม่สุจริต ยุติธรรมก็ตาม

พ่อท่านในฐานะผู้นำชาวอโศก จึงเป็นธรรมดา ที่ย่อมจะได้รับ ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ของฝ่ายต่างๆ ในสังคม ทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย รวมถึง ข้อเสนอแนะ คำแนะนำต่างๆ แน่นอนว่า บางข้อมูล ก็เป็นข่าวลือ กันไปเอง โดยปราศจาก ความจริง

๑๖ มี.ค. ๔๙ เสร็จจากบิณฑบาตแล้ว พล.ต.จำลอง ได้มาสนทนากับ พ่อท่าน เรื่องข่าวที่ว่า จะไปปิดล้อม ทำเนียบ ไม่ได้เป็นอย่างที่ มีข่าวนั้นเลย เพียงแค่เรา อยู่ข้างๆ อย่างนี้ เขาก็ลำบากใจแล้ว แต่เรื่องปิดล้อม ได้บอกไปแล้ว แกนนำ พันธมิตร ก็มี มติแล้ว แต่องค์กรต่างๆ มันเยอะเหลือเกิน ไม่รู้จะบอกกันหมด หรือเปล่า

ส่วนเรื่องเต็นท์ที่มีข่าวว่า ไปหาเช่า หาซื้อ แล้วไม่มีใครกล้าขาย พ่อท่านเห็นว่า ให้ซื้อซาแลน มากางเลย แต่เนื่องจาก ทางแกนนำ ก็มีมติมาแล้ว อย่างนี้ เช่นกัน

ข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ศาลยกฟ้อง “สุภิญญา”... หวั่นเศรษฐกิจบอบช้ำ นักธุรกิจ-TDRI จี้แม้ว เว้นวรรคการเมือง คมชัดลึก บิ๊กทหารรุ่น ‘ทักษิณ’ ไม้ค้ำบัลลังก์! มติชน ‘พล.อ.เปรม’ ขอด้วยตัวเอง หยุด ‘แตกแยก’...’แอ๊ด บาว’ ขอร้อง ‘เว้นวรรค’ ...กลุ่มแพทย์ พยาบาล เพื่อประชาธิปไตย เดินขบวนไล่ ‘ทักษิณ’

๑๗ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ มติชน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขอแค่ให้ออก-ไม่เกี่ยวเว้นวรรค ... ทางออก ที่ดีที่สุด สำหรับ นายกฯ ทักษิณ โดย “ประเวศ วะสี” คมชัดลึก ต้นทุน ของระบบทักษิณ โดย รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์

๑๘ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ หมอชนบทดีเด่นปี ’๔๘ หนุนม็อบ แนะแม้ว ยึดหลัก อริยสัจ ๔ ลาออก... ”อุทัย” แสดงข้อเสนอ เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ ทางการเมือง มติชน จดหมายเปิดผนึก ชมรมนักธุรกิจไล่ ‘แม้ว’...นักธุรกิจสีลม ใช้รถหรู รณรงค์ไล่ ‘แม้ว’...ม็อบอีแต๋น ๗ พัน ถึงสวนจตุจักรแล้วฯ... จับผิดรัฐบาลไทยใน ‘เคนยา’ คมชัดลึก คนพิการ ร่วมไล่ ทักษิณ ลาออก ชี้ศรัทธาซื้อไม่ได้

ในบรรดาผู้ชุมนุม กลุ่มที่ปักหลักและมีระบบระเบียบ ทั้งที่พัก และอาหาร การกิน รวมถึง การจัดสถานที่ ในการต้อนรับ แขกเหรื่อ ผู้มาเยือนได้ ก็เห็นมีแต่ กองทัพธรรม อีกทั้งรูปแบบ และพฤติกรรม ที่แสดงออก สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้วันนี้ มีผู้มา ให้คำแนะนำ เสนอแนะ รวมถึงอาสา อยากจะมาช่วย ดูแลรักษา

๑๖.๒๐ น. ชายคนหนึ่งแนะนำตัวเองว่า เป็นคริสเตียน อาสาจะรักษา โรคเบาหวาน และหัวใจให้ได้ ถ้ากองทัพธรรม ใครมีปัญหา เรื่องนี้ พระเจ้าจะช่วยได้ พ่อท่านพยักหน้า ยิ้มๆตอบรับ แล้วไม่ได้คุยอะไรกัน

๑๖.๔๒ น. ชายหญิงวัยกลางคน ได้นำหนังสือ ลามะกลับชาติมาเกิด มาถวาย ให้พ่อท่าน โดยใช้ชื่อ ผู้เขียนว่า ธรรมนูญ โรจนานนท์ เสนอให้พิมพ์สติกเกอร์ พุทธพจน์ ที่เกี่ยวกับผู้นำ ไม่ควรโกหก คนที่พูดโกหก จะไม่ทำบาปอื่น ไม่มีในโลก

๑๗.๒๕ น. ชายกลางคน นำเอาข้อความ การหาทางออก ถวายพระราชอำนาจ ให้ในหลวง ตั้งรัฐบาล พระราชทาน มายื่นส่งให้

พ่อท่านตอบเขาไปว่า เขาถวายฎีกากันมา หลายคณะแล้ว

๑๙ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก พึ่งพระบารมี แก้วิกฤตชาติ มติชน ถอดรหัส... แม้วฟันธง ‘เดี๋ยวมันแห้งตาย ไปเอง’... แถลงการณ์ด่วน ๒ สภา ชี้ความผิด ‘ทักษิณ’ จี้ ‘ลาออก’ โพสต์ทูเดย์ โหรตระกูลชิน... หมอดูพลีชีพ

มีชายวัยกลางคนนำเอกสารมาถวายให้พ่อท่าน ว่าเป็นเรื่อง สำคัญมาก ขอนิมนต์ ให้พ่อท่าน ได้อ่านด้วย แล้วจะมาถาม ความเห็น ในภายหลัง ขณะพ่อท่าน กำลังนั่งอ่าน ยังไม่จบ ดูจากหัวข้อ ของเอกสารนั้น จึงทราบว่า เป็นเรื่องของ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดมีขึ้นแล้ว ในโลก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เขาต้องการสื่ออะไร

๑๖.๔๕ น. หญิงกลางคน แต่งตัวจัดเข้ม เข้ามาในเต็นท์ แล้วขอถ่ายภาพ พ่อท่าน บอกว่า ตนมาจาก สวิสเซอร์แลนด์ ได้เห็นท่าน ในหนังสือพิมพ์ อ่านข่าว ที่เขาเอาระเบิด ไปวางที่ สันติอโศก มาเป็นกำลังใจให้ ท่านอย่าไปโกรธเขานะคะ เขามาเพิ่ม บารมี ให้ท่านค่ะ

๒๐ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ม็อบไม่เปิดถนน โดดขวาง งานกาชาดชะงัก จำลองห้ามรื้อเต็นท์ จนท. วอน ก็ไม่สนใจ, ไทยโพสต์ พันธมิตรยอมถอย ให้กาชาด “จำลอง” ยันไม่คิดขวางกาชาด, เดลินิวส์ ‘แม้ว’ ปากดีไล่ ‘จำลอง’ ไปเลี้ยงหมา เย้ย - เหมาะกว่ากู้ชาติ, โพสต์ทูเดย์ พบนายกฯ ขาดจริยธรรม ๔ ด้าน, คมชัดลึก อารยะขัดขืน ต้องเสริม ด้วยมาตราการ ‘สังคม ลงโทษ’ โดยสุทธิชัย หยุ่น, มติชน มติ ๑๕๐ นักวิชาการ ทั่วประเทศ ‘แม้ว’ เว้นวรรค -ร่วมคว่ำบาตร ...ตร. ยึดหนังสือ ‘แก้วสรร’ ขัดความสงบ!... คาราวานคนจน... ออกแถลงการณ์ ๔ ข้อ หนุน ‘ทักษิณ’

ชาวอโศกที่ประสานกับ บุคคลหลายฝ่าย ในบ้านเมือง มาให้ข้อมูล เชิงลึกว่า เบื้องบน ไม่เห็นด้วย กับการกระทำ ของท่านผู้นำ ผู้หลักผู้ใหญ่ ที่มีตำแหน่ง ในกองกำลังต่างๆ ล้วนไม่เห็นด้วยกับ ท่านผู้นำเช่นกัน และกำลังเดินสาย ตรึงกำลังพล ต่างๆ ห้ามเคลื่อนย้าย กำลังพลใดๆ ให้ฟังคำสั่งตรงจาก ผู้บังคับบัญชา กองกำลังเท่านั้น แม้จะมีคำสั่ง จากใคร ในรัฐบาล ก็ให้รอคำสั่งที่แท้จริงจาก ผู้บังคับบัญชา ที่แท้จริง เท่านั้น ด้วยมีข่าว หลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ฝ่ายกำลังพล ที่สนับสนุน ท่านผู้นำ จะใช้กำลัง เข้ามาสลาย การชุมนุม

นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน ทนไม่ได้ที่ท่านผู้นำ กล่าววาจา เหน็บแนม พล.ต.จำลอง ว่าให้กลับไป เลี้ยงหมา จะดีกว่า และกำลังหาทาง ที่จะแก้ไข สถานการณ์อยู่ ด้วยเห็นใจผู้ชุมนุม และชาวกองทัพธรรม ได้พยายาม อย่างเต็มที่แล้ว ไม่สามารถ ทำอะไรที่แรง หรือหยาบไปกว่านี้ได้ และมีการพูดถึง การใช้ มาตรา ๗ เหมือนกัน

ช่วงระหว่างฉันอาหาร มีคนที่ได้ฟังธรรม สนใจมาซักถาม เพิ่มเติม เรื่องขอบเขต การตัดสิน อาริยะบุคคล ใครจะเป็น ผู้ตัดสินได้

พ่อท่านตอบว่าตัวเอง การอยู่ร่วมกันคบคุ้นกัน ก็พอจะรู้อะไร กันอยู่บ้าง แต่สำคัญ ที่ตนเอง ต้องตัดสิน ตนเองได้

ได้ฟังการรายงานข่าว องคมนตรี มีมติให้ พล.อ.เปรม เป็นประธาน ในการจัดงาน ๖๐ ปี ฉลอง สิริราชสมบัติ แทนท่าน นายกฯ ทักษิณ ทันทีที่จบ การรายงานข่าว มีเสียง ประชาชน ที่ได้ฟัง ต่างตบมือกัน ด้วยความรู้สึกยินดี (ต่อมาเสียงจาก คนในรัฐบาล ตำหนิผู้สื่อข่าว ที่นำเสนอเรื่องนี้ แล้วขู่ว่า จะฟ้อง ดำเนินคดี ขณะที่นักข่าว ยืนยันว่า ข่าวที่ได้รับมา จากบุคคล ในองค์กรนั้นจริง ที่สุดแล้ว ข่าวนี้ ก็เงียบหายไป ท่ามกลาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต่างๆนานา บ้างก็ว่า ในองค์กรนั้น มีผู้สนับสนุน ท่านผู้นำอยู่ บ้างก็ว่า ความไม่กล้า ของเสียงข้างมาก ในองค์กรนั้นเอง)

หลังฉันมีโยมนำเอาพระพุทธรูปของตน มาขอให้พ่อท่าน ช่วยปลุกเสก ให้ด้วย พ่อท่าน ปฏิเสธว่า ปลุกเสกพระเครื่องไม่ได้ ปลุกเสก ได้แต่ คนเป็นๆ เท่านั้น

๒๑ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ‘พระพุทธปางตรีลักษณ์’...มาจากไหน? มติชน พันธมิตร เพิ่มมาตรการ ‘เข้มข้น’ สกัดเลือก ๒ เม.ย. ...คาราวานคนจน สนับสนุน ให้เกิดการเลือกตั้งฯ

๗.๔๙ น. พล.ต.จำลอง ได้มากราบนมัสการพ่อท่าน ก่อนจะเดินทาง ไปที่สีลม เพื่อชักชวน นักธุรกิจ ให้ออกมา เคลื่อนไหว รวมพลัง

พล.ต.จำลอง เล่าว่า ได้รับคำแนะนำ จากนักวิชาการ ก่อนจะถึง วันเลือกตั้ง ๒ เมษายน ควรจัดให้มี การชุมนุมใหญ่ อีกสักครั้งหนึ่ง แล้วเคลื่อนตัว ไปที่ไหน สักแห่งหนึ่ง ให้มีคนมา เป็นหลายๆแสน เพื่อจะได้กดดันต่อ ถ้าเลยไปถึง วันที่ ๒ แล้ว อาจจะมี การทุจริต การเลือกตั้ง อย่างมโหฬาร เพื่อให้ได้ ๒๐-๓๐ ล้านเสียง แล้วจะได้เอามาอ้าง กับพวกเรา

และคุณสนธิได้เล่าให้ฟังว่า ได้โทรคุยกับท่านผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง ท่านก็ว่า ทุกอย่าง เตรียมพร้อม ไว้หมดแล้ว รอเวลา ที่จะสุกงอมก่อน

นอกจากนี้ยังได้พูดถึงกลุ่มนักศึกษา ที่ไม่เข้าใจ อาจจะแตก ออกไปบ้าง เพราะเขา ไปคิดว่า จะเป็นการดึงเอา ระบบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ กลับคืนมาอีก เขาจึงไม่สนใจ มาตรา ๗ เขาต้องการเพียง ให้นายกฯ ลาออกอย่างเดียว ซึ่งออกไป ก็ไม่เป็นไร เป็นกลุ่ม ไม่ใหญ่มาก แล้วเขาก็ไปเคลื่อนไหว อีกอย่าง

๑๗.๒๔ น. พระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ได้มาขอกราบนมัสการพ่อท่าน แล้วบอกว่า ท่านอาจารย์ เสียสละจริงๆ พ่อท่าน ไม่ได้ซักถาม ว่าหมายถึงอะไร และพระ อาคันตุกะนั้น ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร เข้าใจว่า คงหมายถึง การนำหมู่คณะ มาร่วมชุมนุมอย่างนี้ เพราะเรา ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ซ้ำมิหนำ ยังถูกติเตียน จากผู้ไม่รู้ มิใช่น้อย

๑๘.๑๕ น. แกนนำได้มารายงานความคืบหน้า เสียงส่วนใหญ่ ในองค์กร เบื้องสูง อยากจะให้ใช้ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๗ แล้วในวันนี้ แต่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ยังอยากจะให้ สถานการณ์ มันสุกงอม มากกว่านี้อีกหน่อย อาจจะหลัง ๒๕ มี.ค.นี้ก็ได้ เพราะถ้าปล่อย ให้เกิน วันที่ ๒ เม.ย. มันอาจจะเกิด ความรุนแรง ขึ้นมาได้ วันนี้ก็ส่งคน มาก่อกวน เขายังคงพยายาม หามวล ที่สนับสนุนเขา มาให้ได้มากๆ ราวกับจะให้มา เผชิญหน้ากัน

พ่อท่านว่าไม่เป็นไร บอกทางเวทีให้ระดมคนมา ในวันที่ ๒๕ มี.ค.กันให้มากๆเลย จะได้ถือเอาเป็น ความสุกงอม ของ สถานการณ์แล้ว

จากนั้นแกนนำบอกเล่าถึง การไปชักชวน คนออกมา ที่ถนนสีลม บรรยากาศ ตอบรับ ดีมาก

อีกประเด็นหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการเจรจากับ กกต.ท่านหนึ่ง ให้ลาออกจาก ตำแหน่ง เพื่อให้การเลือกตั้ง เป็นโมฆะ จะได้ใช้ มาตรา ๗ ได้ แต่ กกต.ท่านนั้น ไปติดเรื่อง ของบุญคุณ ท่านก็เกรงใจ พล.ต.จำลอง มาก เคารพก็เคารพ แต่เรื่องนี้ มันติด ตรงที่ท่านผู้นำ ก็มีบุญคุณกับเขา แต่ท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่รู้จักกันดีกับ กกต.ท่านนั้น ก็พยายามคุยอยู่ แต่เรื่องนี้ ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะท่านผู้ใหญ่ หลายท่าน เห็นตรงกัน ที่จะให้ใช้ มาตรา ๗ แล้วก็จะแก้ปัญหาได้

๒๒ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ข้าราชการ-องคมนตรี สมาสัยดับไฟ โดย “ประเวศ วะสี” ...คลื่นม็อบ นับหมื่น ปลุกสีลม พันธมิตร นับถอยหลัง ๔๘ ชม. คมชัดลึก ‘ท้าวมหาพรหม’ ถูกทำลาย! โหรทำนาย ลางร้ายบ้านเมือง

ก่อนออกจากสันติอโศก พ่อท่านเปรยว่า จะให้เขียนป้าย ออกเผยแพร่ ข้อความว่า ไม่จบแน่ๆ ถ้าพ่อแม่ ไม่ออกมา ร่วมชุมนุมกัน ให้มากที่สุด ในวันที่ ๒๕ มี.ค.นี้ โดยจะพิมพ์ เป็นแผ่นกระดาษ ขนาดโตหน่อย เพื่อให้ข้อความนี้ กระจาย ไปยัง คนในวงกว้าง เป็นการเรียกร้อง ให้ผู้ที่เห็นด้วย และอยากให้ปัญหา ยุติโดยเร็ว ออกมาแสดงพลัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนออกบิณฑบาต พ่อท่านสอบถามข้อความ ที่ถูกต้อง ทั้งหมด เกี่ยวกับ ข้อความว่า โลกลุกเป็นไฟ อยู่อย่างนี้ ยังจะมัวระเริง อะไรกัน ตัวตกอยู่ ในความมืดแล้ว ยังไม่รู้จักหา แสงสว่าง โดยให้ค้นหาเล่ม และข้อจาก พระไตรปิฎก เพื่อนำมาใช้อ้างอิง ประกอบด้วย

๐๘.๒๑ น.สอบถาม พล.ต.จำลอง เรื่องการชุมนุมวันที่ ๒๕ มี.ค.นี้ เนื่องจาก ข่าวที่ออกมาว่า เป็นความเห็นของ พล.ต. จำลอง เท่านั้น กลุ่มแกนนำ พันธมิตร ไม่ได้เห็นด้วย ได้รับคำตอบจาก พล.ต.จำลอง ว่าไม่ใช่ เป็นความเห็นร่วมกัน ของแกนนำ แต่ที่ข่าว ออกมาอย่างนี้ เป็นความพยายาม ที่จะให้เกิด ความแตกแยกกัน

มีการพูดถึง หมอเหวง ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล พระราชทาน และคุณมีชัย ฤชุพันธ์ ที่ไม่เห็นด้วยกับ การขอ รัฐบาล พระราชทาน

ขณะรอเวลา ที่พ่อท่านจะแสดงธรรม ดูข่าวที่คุณสมศักดิ์ โกสัยสุข หนึ่งในบรรดา แกนนำ ได้กล่าวถึง การให้สัมภาษณ์ ของ พล.ต.จำลอง เกี่ยวกับการปราศรัย เมื่อวาน ที่เปิดประเด็นเรื่อง รัฐบาลพระราชทาน คุณสมศักดิ์ ปฏิเสธว่า ในแกนนำ ยังไม่ได้ คุยกัน ในประเด็นนี้

ข้อมูลอันนี้สอดคล้องกับที่ ดร.วุฒิพงษ์ ได้บอกไว้ เมื่อสองวันก่อน ที่ได้มาสนทนา กับพ่อท่าน โดยกล่าวถึง หลังการ ปราศรัย ประเด็นเรื่อง รัฐบาลพระราชทานแล้ว หรือการใช้ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๗ ทางแกนนำ บางส่วน ไม่เห็นด้วย ยังไม่อยาก จะให้ใช้ เพราะทิฐิเดิม ที่ปฏิเสธระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่เขาก็ไม่มีทางออก

และช่างสอดคล้องกับความเห็นของ ดร.โคทม อารียา ที่มีท่าที หลังจากที่ อาจารย์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ได้กล่าวถึง การใช้ มาตรา ๗ ดร.โคทม มีท่าที ไม่อยากจะให้ใช้ ถ้าจะใช้ ต้องไม่ให้ผิดหลัก รัฐธรรมนูญ หรือหากจำเป็น ก็ให้น้อยที่สุด

ทั้งหมดเป็นมุมมองของผู้ที่ห่วงใยบ้านเมือง แต่มีสิ่งยึด สิ่งเชื่อ ที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องกฏหมาย หรือ ระบอบ การปกครอง อาจเป็นไปได้ว่า ความไม่เห็นด้วย กับการใช้ มาตรา ๗ เพื่อแก้ปัญหา ในปัจจุบัน เกรงจะกลายเป็นปัญหา ในอนาคต

ช่วงระหว่างฉันอาหาร ดูรายงานข่าวจากทีวี ขณะเดียวกัน คุณโสภณ สุภาพงษ์ ได้มาพบ พล.ต.จำลอง สนทนา อะไรกัน อยู่ด้านหลัง เมื่อออกมา ถูกนักข่าว รุมซักถาม เสร็จจาก ให้สัมภาษณ์นักข่าว คุณโสภณ ได้มากราบ นมัสการ พ่อท่าน มีประเด็น พูดถึง ความหยาบแรงของ พันธมิตร มันเป็นเรื่องยาก ที่จะให้คนที่เขารัก คุณทักษิณ จะเห็นดี เห็นชอบด้วยได้ หากผู้ปราศรัย ยังใช้ภาษา ที่หยาบแรง มันจะต้องทำให้ เขาเกิดความรัก ที่ยิ่งกว่า

๒๓ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...มติชน กก.สิทธิฯ ตำหนิ มธ. – กลุ่มพันธมิตร ใช้ ม.๗ ไร้อุดมการณ์ ประชาธิปไตย ...ยืนยันไม่ประกาศ ‘ฉุกเฉิน’ ผบ.ทบ.พบ ‘แม้ว’ ชมม็อบ กินเนสส์ต้องบันทึก ชุมนุมเรียบร้อยที่สุดในโลกฯ ‘สุริยะใส’ แย้มแผนเผด็จศึก ถึงขั้นเปลี่ยน ‘ฐานการเมือง’ ลั่นเส้นตาย ๒๑.๐๐ น.วันนี้ ...ไทยรัฐ อุ่นใจได้ ‘บิ๊กบัง’ ยังนิ่ง โดยทีม ข่าวการเมือง ...ไทยโพสต์ แม้วดึงทหารชนม็อบ ‘พล.อ.สนธิ’ เตือนรัฐบาลเสีย ...ผู้จัดการ “ส.ศิวรักษ์” ชี้ “แม้ว” ดื้อกว่า เผด็จการทหาร ปลุกพลังประชาชน ขับไล่รัฐบาลไร้คุณธรรม ...จี้ กกต. เลิกฟอกโจรลากตั้ง

๑๗.๒๙ น. ก่อนออกเดินทางกลับสันติอโศก คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้มารายงาน ปรึกษา การเคลื่อนตัว ในวันที่ ๒๕ นี้ จะเคลื่อนตัว ประชาชน ไปที่หน้าวัง สวนจิตรลดา เพื่อร่วมกัน ไปถวายฏีกา และถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว

พ่อท่านไม่เห็นด้วย เพราะภาพความรู้สึก ของประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับกลุ่ม ผู้ชุมนุม ยังมีภาพ ที่เขาเข้าใจว่า รุนแรง ถ้าเคลื่อนตัว ไปอย่างนั้น มันเป็นการไป ทำให้ระคาย เบื้องยุคคลบาท ขององค์ในหลวง ถ้ากลุ่มพันธมิตร จะมีมติ ไปอย่างนั้น กองทัพธรรม จะขอถอนตัว ไม่เอาด้วย ทางที่ดีก็คือ แค่ทำพิธีกรรม สักการะ กันอยู่ที่นี่ ก็ดีแล้ว ถ้าจะไป อย่างมาก ก็แค่ตัวแทน หรือ แกนนำ ๕ คนนั้น ก็พอแล้ว อย่าไปกัน หลายคน ไปมากไม่ดี

รายการค่ำ ดุเด็ดไม่น้อย อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ มี พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ ได้ออกมาแฉ พฤติกรรมที่มิชอบ พล.ต.มนูญกฤต ถึงกับระบุว่า คำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุด ถือเป็นสิ่งที่ คุณทักษิณ ได้กล่าวไว้ เมื่อวันที่ ๔ ก.พ.ว่า ถ้าจะออก ไม่ต้องคนหลายคนหรอก แค่พระเจ้าอยู่หัว กระซิบอกเท่านั้น ก็จะออกทันที นี่คือสัญญาณกระซิบ เพราะศาลถือเป็นข้าบาท ของพระเจ้าอยู่หัว

๒๔ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...โพสต์ TODAY เลือกตั้งไม่ใช่คำตอบ หยุดยำรัฐธรรมนูญ โดย นพ.ประเวศ วะสี ...คมชัดลึก นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย โดย สังศิต พิริยะรังสรรค์ (ศูนย์วิจัยธรรมาภิบาล ม.ราชภัฏจันทรเกษม) ...ไทยรัฐ ‘สมบัติแผ่นดิน’ ศาลตัดสิน เลิกแปรรูป กฟผ. ...กรุงเทพธุรกิจ พันธมิตร พึ่งพระบารมี ขอนายกพระราชทาน ...ผู้จัดการ ใบเสร็จการโกงชาติ ของทักษิณ ชินวัตร ...มติชน ม็อบไล่ ‘จำลอง’ พ้นกาญจน์

พ่อท่านสนทนากับ พล.ต.จำลอง เรื่องที่มีข่าวว่า จะเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุม ให้ไปถวาย สักการะ พระเจ้าอยู่หัว ที่วัง สวนจิตรลดา แล้วกล่าวคำปฏิญาณ พร้อมกันนั้น อาตมาไม่เห็นด้วย อย่าทำเลยนะ เพราะสายตา ของประชาชน ยังเข้าใจว่า นี่คือกลุ่มม็อบ ไม่ใช่โปรเทส อย่างที่เราพยายามบอก ถ้าไปอย่างนั้น มันเหมือน จะไปทำให้ ระคาย เบื้องพระยุคคลบาท

พล.ต.จำลอง ปฏิเสธว่าไม่มีการทำอย่างนั้น ได้พูดกันแล้ว เมื่อวาน

จากนั้นได้บอกเล่าถึงความพยายาม จะแก้ปัญหา ขององค์กร ที่เกี่ยวข้องกับ เบื้องบน ซึ่งไม่สามารถ ถ่ายทอดในที่นี้ได้

๑๗.๔๕ น. โทรทัศน์ช่อง ๙ รายงานข่าว แต่เนื่องจากเท็คนิค ของฝ่ายเสียง มีปัญหา ไม่สามารถ ส่งสัญญาณเสียง ออกมา มีแต่ภาพ คุณสุนัย เศรษฐบุญสร้าง ถูกรุมล้อม ตำรวจกันตัว ออกจากกลุ่มชาวบ้าน ทราบภายหลังว่า คุณสุนัย พูดถึง เกษตรกร ที่มาร่วมประท้วง ว่ารับจ้างมา ทำให้บรรดาเกษตรกร ไม่พอใจ ไปรุมล้อม ที่ทำงาน ตำรวจ ต้องกันตัวคุณสุนัย ฝ่าวงล้อม ชาวบ้านออกมา

สัญญาณภาพของรายการ AS TV มีปัญหาที่เต็นท์ กองทัพธรรม ไม่สามารถ รับสัญญาณภาพได้ ฝ่ายเทคนิค ติดต่อไปที่ เจ้าหน้าที่ ของ ASTV ได้รับการชี้แจงว่า สัญญาณถูกรบกวน ไม่ใช่ที่บริเวณ ที่ชุมนุมเท่านั้น ถูกรบกวน ไปทั้งโลก มีเสียงให้โทร ไปตรวจสอบ ที่สันติอโศก รับสัญญาณได้ไหม เพราะคราวที่แล้ว ที่เต็นท์ ก็รับสัญญาณ ภาพไม่ได้ แต่ทาง สันติอโศกรับได้

๑๙ นาฬิกาเดินทางกลับสันติอโศก เนื่องจากต้องการไปดูงาน การเก็บเล่มหนังสือ เราคิดอะไร ที่จะต้องเสร็จ ในวันนี้ เพื่อจะได้แจก ทันพรุ่งนี้

ถึงสันติอโศก ก่อนสองทุ่ม มีสมณะและญาติโยม อยู่ดูการรายงานข่าว กันมาก แสดงว่า ข้อกล่าวหาว่า ถูกกวนสัญญาณ ไปทั่วโลกนั้น เป็นการสันนิษฐาน ของเจ้าหน้าที่ ASTV เอง ความจริง ไม่ได้รบกวนสัญญาณ ไปทั่วโลกเลย เป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ กลายเป็นโรคจิต หรือระแวงคนไปหมด มองอีกฝ่าย เป็นพวกก่อกวน ทุกรูปแบบ มีแต่ความหวาดระแวง ต่อกัน เพราะความจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ คิดกันไปเอง

รายการของอาจารย์เจิมศักดิ์ มี ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ดร.ธีระ เสรีรังสรรค์ ขึ้นพูด การสนทนา ถามตอบ มีสิ่งที่ กล่าวถึง การใช้มาตรา ๗ พระมหากษัตริย์ ย่อมกระทำได้ พร้อมกับ ยกตัวอย่าง กรณีในต่างประเทศ และอ้างหลักการ ที่พระเจ้าอยู่หัว สามารถ กระทำได้เอง ตัดสินใจได้เอง ใช้ดุลพินิจได้เลย และเห็นว่า การวินิจฉัยของ ศาลปกครอง ในวันนี้ ทำให้ ทั้งรัฐบาล หมดความชอบธรรม ที่จะอยู่รักษาการณ์ ต่อไปได้แล้ว อาจารย์ปราโมทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ จะมาร่วม ชุมนุมด้วย กว่าพ่อท่าน จะพักนอน ก็เป็นเวลา สี่ทุ่มเศษ

๒๕ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...ไทยโพสต์ คำพิพากษาประวัติศาสตร์ ศาลปกครอง สั่งยกเลิก ขายสมบัติชาติ ... จับโจร ปล้นแผ่นดิน ...คมชัดลึก คำพิพากษาประวัติศาสตร์ ยุติกระจายหุ้น กฟผ. ...มติชน “ไม่เกี่ยวกับผม เป็นเรื่อง ทางเทคนิค และข้อกฏหมาย ที่จะต้องมาพิจารณา กันอีกทีหนึ่ง” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ...ข่าวสด คำถามถึง พันธมิตรประชาธิปไตย กรณีนายกฯ พระราชทาน โดย ธงชัย วินิจจะกูล ...ภาพ-ประท้วง ...ม็อบอีแต๋น บุก ม.ธรรมศาสตร์ ประท้วง ที่อธิการบดี ขอนายก พระราชทาน

ที่ข้างทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ได้มารายงาน เรื่องบทกวี ที่พ่อท่านเขียน ไปให้กลุ่ม พันธมิตร ได้อ่าน ในตอนกล่าวคำ ปฏิญาณร่วมกัน ในคืนนี้ ทั้งหมดพอใจ ไม่มีปัญหาใด และให้คุณสนธิ เป็นผู้อ่าน ตอนแรก เขาจะให้ พล.ต.จำลอง ขึ้นอ่านนำ แต่ พล.ต.จำลอง เห็นว่า ให้คุณสนธินั่นแหละ ดีแล้ว มีเสียงเสริมแนะว่า ให้คุณสนธิ อ่านอย่างซาบซึ้ง ไม่ใช่ตะคอก ดุดัน อย่างที่ผ่านมา

พล.ต.จำลอง ตอบรับว่า ได้กำชับบอกไปแล้ว แต่เวลาขึ้นเวที ไม่ว่าใครขึ้นพูด มักจะอดไม่ได้ ที่จะต้องตะโกน

อีกเรื่องหนึ่งที่บอกเล่าข้อมูล ให้พ่อท่านได้ทราบ คือ ได้รับโทรศัพท์จาก คุณหญิง จ. (ได้รับการยอมรับว่า เป็นข้าราชการ ซื่อตรง ในการตรวจสอบ เงินแผ่นดิน) ซึ่งไม่ได้สนิท หรือรู้จักมักจี่อะไร คุณหญิงได้แจ้ง ให้ทราบว่า วัด ธ. จะส่งคน มาก่อกวน ปิดกั้น ทางเข้าชุมนุม จุดต่างๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ จะไปกั้น ห้ามอะไรเขาได้ ถ้าเขาจะมาทำ อย่างนั้น

เรื่องรัฐบาลนี้ กับวัด ธ. ได้ยินมา หลายหนแล้ว เคยมีญาติธรรม โทรมาเล่าให้ฟัง ถึงคำบอกเล่า จากคุณหญิง ล. ครั้งที่ สันติอโศก โดนวางระเบิด คุณหญิง คนดังกล่าว สนใจ ถามเรื่องของ ชนิดระเบิด เพราะสามารถ ที่จะรู้แหล่งที่มา ของผู้ บงการได้เลย ซึ่งคุณหญิง ล.ได้ให้ข้อมูล อีกเรื่องหนึ่ง ถึงคุณหญิง ส. (ขุนนางในรัฐบาล) ได้ติดต่อกับ วัด ธ. ให้เงินไป เป็นร้อยล้าน เพื่อให้ช่วยเหลือ ทั้งเรื่องของ การเลือกตั้ง รวมถึง การช่วยเหลือ การชุมนุมของรัฐ

การชุมนุมที่รัฐบาลจัด ในวันที่ ๓ มี.ค.ที่ท้องสนามหลวง ที่ผ่านมา ศิษย์วัด ธ. ได้เข้าไป จัดระเบียบ ในการจอดรถ การจัดการ เรื่องของเวที เครื่องเสียง พวกเราได้คุย กับนักข่าว ที่มาทำข่าว ที่สนามหลวง เขาเล่าให้ฟัง และจำได้ว่า เป็นคนของวัด ธ.

วันนี้ได้ยินเพิ่มเติมว่า รองนายกฯ ภ. เป็นผู้ที่เลื่อมใส และเป็นศิษย์วัด ธ. อีกคนหนึ่งด้วย

ป้ายหาเสียงเขตดุสิตนี้ ของพรรคหนึ่ง ที่มีข่าวว่า สนับสนุนรัฐ มีป้ายของคุณ ล. ซึ่งเป็นศิษย์คนหนึ่ง ของวัด ธ. ดูมันช่าง สอดคล้องกันไปหมด เกี่ยวกับรัฐบาล ทักษิณ กับวัด ธ.

การเคลื่อนไหวเรื่องการคัดค้าน บริษัทน้ำเมา เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยมีคุณ อ. ศิษย์วัด ธ.อีกคน เป็นผู้ให้ทุน ในการจัดหา คนมาร่วมชุมนุม ที่เห็นคนมา เป็นหมื่นๆนั้น ก็คือ ฝีมือของวัด ธ.

๑๐.๒๒ น. ขณะพ่อท่านนั่งรอญาติโยม ไปตักอาหาร เพื่อปัจจเวกขณ์ พร้อมกัน พล.ต.จำลอง ได้บอกเล่าเรื่องที่ กองทัพธรรม ได้ไปชุมนุมคัดค้าน การเอาบริษัท น้ำเมา เข้าตลาดหลักทรัพย์ ที่หน้า ก.ล.ต. มีประชาชน ที่อยู่แถวนั้น ไปฟ้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวหาว่า พวกเรา ทำผิดกฏหมาย กีดขวาง การจราจร เมื่อวานอัยการ ได้สั่งยกฟ้องไปแล้ว โดยบอกว่า ไม่ผิด เพราะพวกเรา ได้มาชุมนุมกัน ในกรอบที่กฎหมาย รัฐธรรมนูญ ให้กระทำได้

พล.ต.จำลอง สรุปว่าเป็นเพราะพลังมวลประชาชน จึงทำให้ จะทำอะไร ก็ทำได้ เพราะที่จริง กีดขวางทางจราจร ก็ผิดกฏหมาย จราจรจริงๆ

พ่อท่านเสริมว่า กฏหมายจราจร มันเป็นกฏหมายลูก กฏหมายรัฐธรรมนูญ ใหญ่กว่า

๑๖.๓๒ น. ฝรั่งคนหนึ่งพูดไทยได้บ้าง เข้ามาสอบถาม และอวยพร ให้ได้ประสบ ผลสำเร็จ

มีคนทยอยเข้ามากราบนมัสการพ่อท่าน และถ่ายภาพ จากภายนอก เข้ามาบ้าง บางราย ก็มาบอก เล่าข้อมูลต่างๆ เท่าที่ เขามี เช่นข้อมูลเรื่อง หวยบนดิน ที่มีข่าวว่า มีการล็อก จริงๆไม่ได้ล็อก ด้วยอุปกรณ์แม่เหล็กแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ คุณ ส. ที่ควบคุมดูแล เพียงคนเดียว หวยแต่ละงวด จะได้เงินพันล้าน ส่วนที่เป็นรางวัล ๒๐๐ ล้าน ที่เหลือ ๘๐๐ ล้าน เขาจะเอา เท่าไรก็ได้ ให้ใครก็ได้ ไม่ต้องไปล็อกเลข ให้มีหลักฐาน มันเพียงเขียนตัวเลขเอาเอง

ฟังแล้วก็ออกจะงงๆ ไม่เข้าใจวิธีการ ขั้นตอนของเขา ในส่วนท้าย เหมือนจะสื่อว่า ส่วนที่เหลือ ๘๐๐ ล้าน เขาจัดสรร ให้กับขุนนางต่างๆ ในรัฐบาลนี้ คุณ ส.เป็นใคร ก็ไม่รู้ ข้อมูลอย่างนี้ จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่รู้จริงๆ คนที่มาบอกเล่า ก็ไม่ได้รู้จัก มักจี่กันเลย

๑๘.๒๐ น. ขณะกำลังดูรายการถ่ายทอด ผ่านทาง ASTV รายการของเวที ที่สะพานมัฆวาน ฝ่ายเทคนิค ได้ตัดภาพ การรายงานข่าว ของช่อง ๑๑ ที่สนามหลวง มีพระจำนวน นับพันๆรูป กำลังสวดมนต์ ราวกับเป็นวิธีการ ของรัฐบาล ที่จะนำ เสนอภาพ ไปสู่ประชาชน ให้ได้เปรียบเทียบกับ กลุ่มที่ประท้วง ขับไล่รัฐบาล เป็นกลุ่ม ที่ก่อให้เกิดปัญหา อาจจะก่อ ให้เกิด ความรุนแรงขึ้นได้ พระนับพันรูป จึงต้องมาสวด เพื่อให้เกิด ความสงบ

๒๖ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...โพสต์ TODAY ห้ามม็อบ...เปรียญธรรมฯ นิมนต์พระ ๓๐,๐๐๐ รูป เจริญพุทธมนต์ ที่สนามหลวง ...พิมพ์ไทย สมณะสันติอโศก เป็นสงห์หรือไม่? ...แฉ ศก. ‘ทักษิโณมิกส์’ นำปท.เข้าไอเอ็มเอฟ ...มติชน หนุนจุดยืน พันธมิตรใช้ ม.๗ ฝูงชนทะลัก ...จาก ‘ฮิตเลอร์’ ถึง ‘ทักษิณ’ สารพัด ‘สื่อเทศมองไทย’ ...คมชัดลึก ภาพ – พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์...หย่อนบัตร ใช้สิทธิเลือกตั้งฯ

ก่อนพ่อท่านจะแสดงธรรม ได้รับข่าวว่า เมื่อเช้าตีห้า มีคนที่มาร่วมชุมนุม เสียชีวิต ไปอีกหนึ่งคน เนื่องมาจาก นอนหลับ ที่กลางถนน หน้าสถานที่ทำการของ สหประชาชาติ มีรถตู้ แล่นถอยมาทับร่าง เนื่องจากผู้ตาย ได้เอาผ้า ปิดคลุมตัว ดูคล้าย กองขยะ ทำให้คนขับรถ ไม่เห็น ว่ามีคนนอนหลับอยู่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้า ที่ไม่น่าจะเกิด แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว จริงๆ

ระหว่าง ฉันอาหารที่เต็นท์ เปิดดูการรายงานข่าว กลุ่มผู้ชุมนุม ไปเดินจาก สนามกีฬา ศุภชลาศัย ไปยัง ดิอิมโพเรียล เราไม่รู้ว่า อยู่ที่ไหน ได้ยินว่า ห่างกันประมาณ ๔ ก.ม. เริ่มจาก คนจำนวนพัน เดินไปเดินไป มีคนมาสมทบ เพิ่มขื้นเรื่อยๆ จนนับเป็น หลายหมื่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับแสนก็มี เดินกัน ขบวนแถวยาว นับ ๓ ก.ม. เป็นการเคลื่อนไหว เพื่อกดดัน เป็นวิธีการ อย่างหนึ่ง ประชาชน ที่เห็นด้วย กล้าแสดงออก มากขึ้น

รายการที่เวที คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต สว.สกลนคร ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย ให้ข้อมูลว่า วันนี้ นักศึกษา รามคำแหง สอบเสร็จ กันแล้ว เขาจะมาร่วมชุมนุม กับพันธมิตรด้วย และยึดแนวทาง สันติ อหิงสา เช่นกัน

๑๖.๕๐ น. คุณทองก้อน วงษ์สมุทร ศิษย์หลวงตามหาบัว ให้ข้อมูลว่า คุณทักษิณ ก่อนเลือกตั้ง ได้ไปโกหก อ้างเบื้องสูง อ้างองคมนตรี หลายต่อหลายครั้ง ครั้งหนึ่ง เคยพูดกับ คุณทองก้อนว่า ธรรมกาย มีเงินมาก ถ้าได้เป็นนายกฯ แล้วจะ หาทาง เอาเงินของ ธรรมกายมาใช้ , การแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์เกี่ยว เป็นสมเด็จ พระสังฆราช แทนสมเด็จ พระญาณสังวร ก็เพื่อจะได้มี สมเด็จพระสังฆราช

๑๗.๓๓ น. ผู้ปราศรัยคนหนึ่งสอนวิชากฏหมาย รัฐธรรมนูญ อ.ยศศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิต ได้กล่าวว่า การชุมนุมของเรา ผมได้เห็นคำว่า อหิงสา อโหสิ มาถึงวันนี้ ไม่มีแล้วครับ คำว่า อโหสิ

๑๗.๕๐ น. ชายสูงอายุ มากราบนมัสการ ว่าตนมาจาก ชิคาโก ได้ติดตามรายการ ที่ผ่านสื่อ ASTV ซาบซึ้ง ที่พ่อท่าน อธิบายว่า ธรรมะจะต้อง อยู่กับการเมือง แยกจากกันไม่ได้ ชายดังกล่าวพูดไป น้ำตา เอ่อคลอเบ้าไปด้วย เดินผ่านมา เห็นท่าน จึงได้มาขอนมัสการ

๑๘.๐๙ น. คุณสำราญ รอดเพชร ได้นำให้ผู้ชุมนุมยืนสงบ ๑ นาที เพื่อแสดง ความไว้อาลัย ผู้เสียชีวิตเมื่อเช้า ที่ถูกรถทับ

๑๘.๒๖ น. คุณจุฬา สุดบรรทัด ได้นำชายคนหนึ่ง เป็นอาจารย์อะไร ฟังไม่ถนัด ได้เห็นวัตรปฏิบัติ และได้มาเห็น สิ่งที่เข้ามา ร่วมชุมนุมนี้ ก็รู้สึกศรัทธาครับ

๑๘.๓๐ น. รายการสถานการณ์ข่าว ของคุณยุทธยง ลิ้มเลิศวาที และคุณอัญชลี ไพรีรักษ์ บอกเล่าว่า รถไฟฟ้า ปกติ จะเป็นคนมีฐานะ ที่จะใช้ วันนี้มีผู้โดยสาร จำนวนมาก ร้องตะโกน ทักษิณออกไป

ขณะเดียวกัน มีผู้สมัคร สว.สระบุรี ในครั้งนี้ได้มากราบนมัสการ และแนะนำ ตัวเอง พร้อมกับขอพร และคำแนะนำ อดีต เคยเป็นผู้สมัคร สส. พรรคพลังธรรม

๒๗ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...ข่าวสด จำลองย้ายทัพม็อบ ลั่นปักหลัก สยามพารากอน ... ตั้ง ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ แม้ว จุดพลุ ดึงฝ่ายค้าน-ม็อบร่วม ...มติชน ทรท.อ้าง ๕ พันธมิตรป่วนเมือง ปั้นข้อหา ‘กบฎ’ จำลองนัดชุมนุมใหญ่ ๒๙ มีนา ...นักวิชาการเสนอทางแก้วิกฤต ขอพระราชทาน ‘ปธ.คนกลาง’ ...สตช.ไม่รับดำเนินคดี ‘แม้ว’ ...โยนลูกให้ฟ้อง ปปช.แทน ...คมชัดลึก ดาราแห่เปิดตัว ร่วมม็อบไล่ ‘ทักษิณ’

๖.๑๕ น.ที่เต็นท์กองทัพธรรม พล.ต.จำลอง ได้มารายงาน ความคืบหน้า เมื่อวาน ไปเดิน จากสนามกีฬา ไปที่ อิมพีเรียล คนออกมา ร่วมเยอะมาก หลายคน ไม่ได้มา ร่วมชุมนุม แต่ไปร่วมเดินที่นั่น ก็เลยมีความคิด ที่จะไปปราศรัยที่ สยาม พารากอน ในวันที่ ๒๙ นี้ แต่กองทัพธรรม ก็ยังจะคงปักหลักที่นี่ แล้วเวทีที่ สะพานมัฆวาน ก็จะรื้อออกไป เพื่อเปิด ให้งานกาชาด ได้ดำเนินไปได้ มีพระเทพฯ เสด็จมาเป็นประธาน

๒๘ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...มติชน จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ ๓ : พี่จำลอง ถึงน้องทักษิณ ... รัฐบาลเสียสติ แห่งชาติ ‘ธีรยุทธ’ ซัด มติฝ่ายค้านไม่ร่วม ‘แม้ว’ ...Vote no Vote ร่วมกันสร้าง การเมืองดีๆ ด้วยวิธี ‘ไม่ลงคะแนน’ ...คมชัดลึก แม่ค้าชี้หน้าด่า ‘ทักษิณ’ กินก๋วยเตี๋ยวสีลม ตามจิกจนกระเจิง ...เปิดคำร้องทุกข์...กล่าวโทษ ‘ทักษิณ’ กรณีแปรรูป กฟผ. ...ไทยโพสต์ หลังการเลือกตั้ง จะเกิดวิกฤติประชาธิปไตย ทั้งระบบ เผด็จการพรรคเดียว พันธมิตรควรพักยก เพื่อชิ่งปัญหาให้ทักษิณ

ก่อนหนึ่งทุ่ม มีชายคนหนึ่งบอกว่า มาจากบางพลัด นำเอาเอกสารมาให้ เป็นข้อเสนอแนะ ให้ตั้ง โรงเรียนพันธมิตร คลินิก พันธมิตร ชุมชนพันธมิตร ฯลฯ แล้วยึดถือหลัก เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อต่อสู้กับ ทุนนิยม

๒๙ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...มติชน ๖๐ อจ.นิติฯ ๑๔ สถาบัน รุกถอนสิทธิ ‘แม้ว’ ...อาจารย์อักษร จุฬาฯ แนะ ‘แม้ว’ อ่าน ๑๐ วรรณกรรมระดับโลก ...ปิดหนีม็อบ ๒ วัน พารากอน-สยาม-ดิสคัฟเวอรี่ ... โฆษก ตร.ยันคดี กฟผ. ... คมชัดลึก ภาพ – กลุ่ม คาราวานคนจน ..ประท้วงหน้าอาคารเนชั่นฯ

มีผู้นำเอาข้อความ ที่ลงในอินเทอร์เน็ต คนในไทยรักไทย กล่าวว่า กองทัพธรรม อาศัยโอกาสนี้ เผยแพร่ลัทธิ

“อาตมาไม่แย้ง ไม่เถียง ถ้าคุณจะเข้าใจว่า เราเผยแพร่ลัทธิก็ได้ ขอยืนยันว่า ลัทธินี้ นี่คืออะไร ลัทธินี้คือ ธรรมะ กองทัพธรรม เรื่องที่เกิดคราวนี้นี่คือ เรื่องนายก ไม่ชอบธรรม ไม่มีจริยธรรม การเมืองไม่มีธรรมะ นี่คือเป้าใหญ่ แน่นอน นายก ก็เป็นหัวหน้า ของคณะรัฐบาล เพราะนั้น ก็เป็นการคัดค้าน ประท้วงรัฐบาล ว่าท่านทำไม่ถูกนะ ท่านทำ ไม่ชอบธรรมนะ มีอะไร ก็สาธยายกันมา ยืนยันกันมา ผู้รู้ออกมา เปิดเผยตัว ออกมาชี้แจง ออกมาอธิบาย หรือมีหลักฐาน ยืนยัน ทางทฤษฎีก็ดี ทางหลักฐาน ที่มันมีจริง อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นทั้งรูปธรรม นามธรรม อย่างนี้ ก็เอาออกมา ยืนยัน อย่างนี้ เป็นต้น เพื่อที่จะประกาศ สัจธรรม”

๑๓ น. บรรดากลุ่มพันธมิตร ที่ร่วมปักหลัก ที่ข้างทำเนียบ ได้ออกเดินจาก สะพานมัฆวาน ไปที่สนามกีฬา แห่งชาติ ศุภชลาศรัย ก่อนเคลื่อนตัว ไปที่ห้าง สรรพสินค้า พารากอน สยามสแคว์

สำหรับคณะกองทัพธรรม บางส่วน มี พล.ต.จำลอง และคณะติดตาม ทั้งกล้อง และผู้ช่วย ประสานงาน ออกจากเต็นท์ กองทัพธรรม ตามไปร่วม ประมาณ ๑๔ น.

AS TV รายงานภาพข่าวการชุมนุมที่หน้าสนามกีฬา

๑๕.๑๕ น. ขบวนผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนตัวจากสนามกีฬา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุม อีกส่วนหนึ่ง ประมาณ ๒๐๐ คน กำลัง จะเคลื่อนตัว ออกจาก ทำเนียบรัฐบาล ไปประท้วง ก.ก.ต. แล้วจะตามไปสมทบ กับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่บริเวณ สยามพารากอน

พ่อท่านเปรยว่า นี่เป็นวิธีการจรยุทธ ถ้าให้เราทำเรา ก็คิดไม่ออก ว่าจะทำอย่างไร การเคลื่อนคน ไปก่อน แล้วค่อยปิดถนน ติดตั้ง เครื่องเสียง ติดตั้งเวทีปราศรัย

๑๖.๔๐ น. สมณะดาวดิน และสมณะกล้าดี ถามพ่อท่านว่า เมื่อกลุ่มใหญ่ เขาไปชุมนุมกันที่ สยามพารากอนแล้ว สมณะ จะมาพัก ปักกลด ที่ข้างทำเนียบนี้ จะได้ไหม

พ่อท่านว่า ตอนนี้เขามีงานกาชาด คนผ่านไป ผ่านมามาก ถ้าจะมาพักปักกลด ยังดูไม่เหมาะ ถ้าไม่มีงานกาชาด ก็คงจะได้

ขณะที่การชุมนุมที่หน้าสยามพารากอน ดำเนินต่อไป ผู้คนกำลังทยอย มามากขึ้น คณะอาจารย์ รวมถึง ศิษย์เก่า และ ปัจจุบัน ของจุฬาฯ เคลื่อนขบวน ไปร่วมชุมนุมด้วย พื้นที่ในการชุมนุม ใช้ตั้งแต่ แยกปทุมวัน ไปจนถึง แยกราชประสงค์

๑๘.๒๕ น. ที่เต็นท์กองทัพธรรมข้างทำเนียบ ประชาชน ที่ไปเที่ยว งานกาชาด เดินผ่านถนน ด้านหน้า เป็นระยะๆ ขณะที่ พ่อท่าน สมณะ และญาติธรรม ที่เหลืออยู่ นั่งดูรายงานข่าว ของ AS TV

มีชายหญิงท่าทีเป็นใบ้ เดินผ่านมา ทำท่าควักกระเป๋า จะเอาเงิน มาถวายให้ แล้วเกิดฉุกคิด เดินกลับไป มือทำไม้กันเอง เราอ่าน ภาษามือไม่ออก ถ้าให้เดา เขาและเธอ คงเข้าใจว่า สมณะไม่ได้รับเงิน หรืออย่างไร นี่แหละ

๓๐ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...คมชัดลึก คนเรือนแสน ยึดพารากอน ยกพลบุก กกต.วันนี้ รวมตัวใหม่ ๗ เมษา ...๑๔ จว. ใต้ไล่ ‘ทักษิณ’ ไม่ออก ไม่จ่ายภาษี ...มติชน รักในหลวง ห่วงประเทศชาติ ไปกากบาท ไม่เลือกใคร โดย สันต์ หัตถีรัตน์ ...ไทยโพสต์ แฉเล่ห์ ‘เทมาเซก’ อัปยศ (ภาพ TEMASEK)

เที่ยงเศษๆ ฝนตกลงมาอย่างหนักหน่วงมาก ทั้งลมและปริมาณฝน ราวกับเป็น หน้าฝนจริงๆ สมณะต้องย้าย ที่ฉันอาหาร หลบเข้ามา ในเต็นท์ ที่มีหลังคา ถึงกระนั้น แรงลม ทำให้เปียก ไปตามๆกัน ต้องใช้ร่มที่ พล.ต.มนูญกฤต และคณะ ได้มา มอบให้พอดี

หลังฉันพ่อท่านเดินไปตรวจดู ตั้งแต่กองอำนวยการ จุดดูแลสุขภาพ จุดจ่ายน้ำ แล้วผ่านเลยไปที่ เต็นท์โรงครัว ผ่านเลย ไปที่แยก สวนมิสกวัน แนวริมแผงกั้น งานกาชาด รถผ่านไปมา หนาแน่น ผู้คน กำลังทยอย มาเที่ยวงานกาชาด กันคึกคัก มีหญิง แต่งตัว ภูมิฐาน ๓ คน ยกมือ นมัสการพ่อท่าน แล้วกล่าวว่า มาให้กำลังใจ ท่านค่ะ

๓๑ มี.ค. ๔๙ ข่าวหนังสือพิมพ์ ...ไทยโพสต์ ภารกิจของคนไทยใน ‘สถานการณ์ไม่ลาออก – ไม่พระราชทาน’ โดย นพ. ประเวศ วะสี ...คมชัดลึก ‘คมชัดลึก’ รับผิดชอบ ปิดตัวเอง ๕ วัน.....ขอพระราชทานอภัยโทษ ...มติชน แถลงการณ์ สมาคมนักข่าว ยุติคุกคามสื่อ - รอพระราชวินิจฉัย ...‘แก้วสรร อติโพธิ’ ไขปม สิทธิแข็งข้อพลเมือง คดีต่อต้าน ‘ระบอบ ทักษิณ’ ...ไทยรัฐ ม็อบค้นรถทุกคัน ล้อม กกต. ‘วาสนา’ ซิ่ง จยย.หนี กดดันให้เอาผิด ‘ทักษิณ’ จนท. ยัวะด่าทอ กันแหลกฯ

๐๙.๐๐ น. การแสดงธรรมก่อนฉันวันนี้ พ่อท่านได้รับนิมนต์ ให้ไปเทศน์ที่เวที ข้างทำเนียบ คุณแซมดิน บอกเป็นผล ทางจิตวิทยา เนื่องจากท่านนายกฯ จะเข้าทำเนียบ ในช่วงสาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนรายรอบรั้ว ของทำเนียบโดยทั่ว

พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ซึ่งได้ไปสนทนา กับพ่อท่าน เมื่อต้นเดือน ที่ผ่านมา เดินสังเกตการณ์รอบๆ จากด้านหลัง แล้วอ้อมไป ด้านหน้า เดินดูอะไรอยู่ห่างๆ

ประเด็นการแสดงธรรมวันนี้ พ่อท่านนำด้วยเรื่อง การเกิด-ตาย ที่เป็นนามธรรม เนื่องด้วย คนส่วนใหญ่ เข้าใจ การเกิด- ตาย ที่เป็นรูปธรรม เท่านั้น

ระหว่างที่พ่อท่านกำลังแสดงธรรม ไปได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดับจราจร ได้มาขอผ้ากู้ชาติ สีเหลือง กับญาติธรรม ได้รับแล้ว ก็พับเก็บ ใส่กระเป๋าเรียบร้อย ก่อนเดินไป ทำหน้าที่ต่อ

๑๐.๔๗ น. ก่อนฉันอาหาร อาจารย์ขวัญดี ได้นำชายสองคน มากราบพ่อท่าน พร้อมกับ แนะนำว่า เป็นข้าราชการ กรมการปกครอง เป็นห่วง เกรงจะเกิด ความรุนแรงขึ้นมา เพราะสถานการณ์ ดูมีแนวโน้ม ที่จะรุนแรงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ม็อบที่ไปล้อม เครือเนชั่น การปิดล้อม ตึกที่ทำงาน กกต. และกำลังจะเคลื่อนไป อีกหลายๆที่

๑๓.๑๔ น. หญิงชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง บอกว่าเป็นพยาบาล ได้มาให้ข้อมูล เกี่ยวกับรัฐบาล สิงคโปร์ แต่ขอไม่ให้ถ่ายภาพ ของตน ด้วยเกรงว่า ตนจะไม่ปลอดภัย เนื่องจาก เทคโนโลยี ของสิงคโปร์ ก้าวหน้ามาก ใครคุยอะไรกับใคร หรือข้อมูล ของใคร มีอะไร ทางรัฐบาล สามารถรู้ได้หมด จึงไม่ต้องการ ให้ถ่ายภาพของตน สิ่งที่ตนมา เพื่อต้องการ มาดูการชุมนุม ต่อต้าน รัฐบาลทักษิณ และเป็นห่วง ประชาชนไทย ถ้าไม่สามารถ ล้มระบบทักษิณได้ ประเทศไทย จะเหมือนกับสิงคโปร์ สื่อถูกปิด ทุกอย่าง ฝ่ายค้าน ไม่มีกำลัง ที่จะทำอะไรได้ องค์กรต่างๆ จะถูกรัฐซื้อหมด และประชาชน จะถูกครอบงำ และ ปิดหูปิดตา ไปอีกนาน คนสิงคโปร์ ไม่สามารถ ที่จะประท้วง หรือคัดค้านอะไรรัฐได้ อย่างที่ไทยกำลังทำอยู่ ขืนทำขึ้นมา ชีวิตไม่รอด

ที่สิงคโปร์ต้องการซื้อชินคอร์ป ก็เพราะเขาต้องการ เป็นที่สุดของ เทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้ เขาเป็นรอง อเมริกา เท่านั้น ขนาด การคุยโทรศัพท์ ถ้าวิจารณ์รัฐบาลไม่ได้เลย ทุกวันนี้ ผู้นำฝ่ายค้าน สองคน กลายเป็นคน ล้มละลายแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เขาเป็น คนรวย การซื้อชินคอร์ป เท่ากับเป็นการเพิ่ม ศักยภาพ ของสายลับ

การที่สิงคโปร์ต้องการลงทุน ในต่างประเทศ เพื่อต้องการที่ดิน และทรัพยากร จากประเทศ นั้นๆด้วย เนื่องจาก ในสิงคโปร์ มีพื้นที่น้อย

นั่นก็คือ ทักษิณกำลังจะเดินตามอย่าง นายลีกวนยูหมด ในทางสังคม ภายนอก ลีกวนยู ได้รับการยอมรับ และบอกว่า ประชาธิปไตย ดีเรียบร้อย แต่ประชาชน ไม่ได้รับรู้ ข้อมูลด้านไม่ดี ของรัฐบาลเลย สิงคโปร์ถูกครอบงำอย่างนี้ มากว่า ๑๖ ปีแล้ว

ข่าวประท้วงในไทย ที่ประชาชนเริ่มไม่พอใจสิงคโปร์ และมีการ Boycott (พร้อมใจกัน ไม่ยอมค้าขายด้วย, คว่ำบาตร) สินค้า ที่มาจากสิงคโปร์กันแล้ว ข่าวอย่างนี้ ทางสิงคโปร์ ก็ไม่รู้เรื่องเลย

ในเวลาต่อมา ทั้งคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ คุณสมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ ได้มาพบ พล.ต.จำลอง และได้มา นมัสการ พ่อท่าน ปรึกษาเรื่อง การจัดตั้ง สมัชชาพันธมิตร เพื่อสานต่อ ให้ประชาชน ได้รับรู้ข่าวสารต่างๆ อีกทั้งเป็นการเรียนรู้ งานการเมือง ภาคประชาชน กันต่อไป

พ่อท่านให้ข้อคิดว่า ถ้าจะทำแรงก็ไม่ว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ก็เข้าใจอยู่ว่า เป็นศิลปะวิธีหนึ่ง ในการสื่อ แต่ขออย่า หยาบ เท่านั้น

๑๙.๒๙ น. ดร.วุฒิพงษ์ เพียบจริยวัตร ได้มากราบนมัสการพ่อท่าน และถวาย หนังสือพิมพ์ พร้อมกันนี้ ได้แสดง ความเป็นห่วง ถึงสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก มีแนวโน้ม ที่จะเกิดความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ น่าอันตราย ไม่ว่าจะเป็น ที่เชียงใหม่ หัวหิน กกต. เครือเนชั่น ล่าสุด หน้าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ตอนนี้ เขาจะเอา นักการเมือง ท้องถิ่น ลูกเสือชาวบ้าน เพื่อที่จะเล่นงาน คุณสนธิเรื่อง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ราวกับเจตนา จะให้เหมือน ๖ ตุลาฯ

วันที่ชุมนุมกันที่สยามพารากอน ปัญญาชน เยอะมาก แต่การให้เนื้อหา สาระนี่ น้อยไปหน่อย จึงคิดจะไปจัด รายการ เวทีเล็กๆอีก โดยจะเชิญเพื่อนๆ อาจารย์ จากที่โน่น ที่นี่ มาเปิดเวที ตามมหาวิทยาลัย เพื่อให้ปัญญา ไปเรื่อยๆ

สำหรับรากหญ้า ที่เป็นปัญหานั้น ก็ปล่อยไปก่อน ถ้าจะให้ข้อมูล กับเขาได้ คงต้องใช้ เวลานาน ซึ่งเป็นเรื่อง ระยะยาว ส่วน ระยะสั้นนี้ ผมว่า ถ้าจะแพ้ชนะกัน อยู่ที่คนชั้นกลาง ถ้าชนะแล้วนี่ รากหญ้า ก็คงไม่ยาก วันนี้นี่คนที่ อยากไล่ทักษิณ หัวเมืองนี่ แรงกว่าที่กรุงเทพ เพราะข่าวสาร ข้อมูลไปถึง อย่างโพล เมื่อวานนี้ อันที่หนึ่ง ไม่พอใจ รัฐบาลทักษิณ ก็พุ่งขึ้น คราวที่แล้วนี่ ๕๕ ต่อ ๔๕ คราวนี้เป็น ๖๕ ต่อ ๓๕ แล้ว อันที่สอง คนที่ต้องการ ไล่ทักษิณ ออกจากตำแหน่ง ก็ยังคง เหมือนเดิม คือ ๗๐ ต่อ ๓๐ ก็ถือว่า อยู่ในอัตราสูง ไม่มีผู้นำประเทศไหน อยู่ได้นะครับ ผมว่า เป็นกรณีพิเศษ ที่เกาะเก้าอี้ เหนียวแน่นมาก อันที่สามก็คือ คนที่ดูเรื่อง การเลือกตั้งนี่ คิดว่า การเลือกตั้ง จะโกง ถึงโกงมาก ๗๔ % แล้วที่น่าสนใจ มากกว่านั้น ก็คือว่า หลังเลือกตั้ง เสร็จแล้ว เหตุการณ์ จะเลวร้ายลงนี่ ๘๓% เชื่อว่าเหตุการณ์ เลวร้ายลง

ถ้าชนะในเรื่องนี้ได้ การปฏิรูปสื่อ ให้สื่อเป็นเสรี แล้วการเมือง ภาคประชาชน ก็จะเป็นไปได้

-------------

ฝรั่งถาม ชาวพุทธที่แท้จริง พระที่แท้จริงเป็นอย่างไร
๑๙ มี.ค. ๔๙ ที่ข้างทำเนียบ รายการก่อนฉันอาหารวันนี้ เป็นการสนทนา ซักถาม โดยกลุ่ม นักศึกษา นานาชาติ อ.เท็ด เมเยอร์ มหาวิทยาลัย นานาชาติ เว็ปสเตอร์ ประเทศไทย ชะอำ เพชรบุรี เป็นผู้พามา สนทนา

อ.เท็ด : สวัสดีครับทุกท่าน ผมชื่อเทสนะครับ เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัย นานาชาติ ที่ชะอำ มหาวิทยาลัย เว็ปสเตอร์ ที่เรามาวันนี้นะครับ คือผมสอนวิชา เกี่ยวกับ บทบาทของพระสงฆ์ ในประเทศไทย และวิชานี้ เราสอน ตลอด ๔ เดือน ก็เราจะพา นักศึกษา ไปค้างคืนที่วัด หลายประเภท อย่างเช่น เราจะไปคุยกับ พระกัมมัฏฐาน ที่นครศรีธรรมราช หรือว่า อาจจะไปคุยกับ ประธานสถาบัน แม่ชีไทย ที่ราชบุรี ช่วงนี้เราศึกษาเรื่อง เกี่ยวกับชาวอโศก และก็การเคลื่อนไหว ในศาสนาพุทธ ที่ผ่านมาใน ๒๐-๓๐ ปี ปกติเราจะขอ ไปคุยกับสมณะ ที่ปฐมอโศก แต่สมณะ ที่ปฐมอโศก บอกว่า ช่วงนี้ ไม่ค่อยมีคนอยู่ น่าจะต้องไปกรุงเทพฯ นะครับ หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเราตกลงกันว่า จะมาขอคุย กับชาวอโศก ที่หน้า ทำเนียบรัฐบาล นะครับ

คือคำถามหลักสำคัญคำถามหนึ่ง คือเราจะรู้ได้ยังไง ว่าใครเป็นชาวพุทธ นะครับ หรือว่า ชาวพุทธ คือใคร คือผมถาม อย่างนี้ เพราะว่า เพียงแค่มาค้างคืน ที่โรงแรม ที่กรุงเทพฯ และก็ต้องถามทาง มาที่นี่นะครับ เมื่อคืนก็คุยกับ สามีภรรยา คู่หนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่า รักทักษิณนะครับ และตอนที่บอกว่า มาสัมภาษณ์ ชาวอโศก เขาบอกว่า ชาวอโศก เป็นสำนักเถื่อน คือ ไม่ได้เป็น พระที่แท้จริง เพราะฉะนั้น มีคำถาม ๒ อย่าง คือเราจะรู้ ได้ยังไง ว่าชาวพุทธเป็นแบบไหน ชาวพุทธคือใคร และก็พระ ที่แท้จริง เป็นยังไง เป็นแบบไหน เราจะรู้ได้ยังไง ว่าใครเป็นพระ ที่แท้จริง

พ่อท่าน : เป็นชาวพุทธจะดูตรงไหน ก็ต้องดูที่ความประพฤติ พฤติกรรม ในภาษา พระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่า จรณะ ข้อที่ ๑ ก็คือ จะต้องดูว่า เป็นคนมีศีลหรือไม่ ศีลข้อ ๑ คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อที่ ๒ ไม่ลักทรัพย์ ข้อ ๓ ไม่ประพฤติผิด ในทางคู่ สามี ภรรยา ข้อ ๔ ไม่พูดปด ข้อ ๕ ไม่ดื่มน้ำเมา ศีลพื้นฐาน สามัญนี่ ๕ ข้อ นี้ก็เป็นขั้นที่ ๑

ขั้นที่ ๒ ก็คือ สำรวมอินทรีย์ ระมัดระวังในตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ระมัดระวัง ถ้าตานี่ เห็นของสวย ของงาม เห็นอะไร ที่ยั่วยุ ในทางตา นี่จะต้องหัดสังวรณ์ อย่าไปหลง อย่าไปรีบมีกิเลส ไม่หลงไปกับ ที่เขามอมเมา เขาปลุกเร้า คนนั้นคือ คนที่มี ความประพฤติ เป็นชาวพุทธ

ข้อ ๓ โภชเนมัตตัญญุตา จะต้องระมัดระวัง เมื่อเรามีชีวิต อยู่สามัญนี่ สิ่งที่เรา รับประทาน เรากิน เราใช้ ที่เรียกว่า อุปโภค กับบริโภค เครื่องกินเครื่องใช้ต่างๆ ต้องระมัดระวัง ต้องตั้งศีล ถือศีล ว่าอันนี้เราจะไม่กิน อันนี้เราจะไม่ใช้แล้ว มันแพงไป สวยไป หรูหราไป มากเกินไป จะไม่กินแล้ว มันไม่มีความจำเป็น หรือว่ามันดี อย่างนี้ เป็นต้น เช่น เราจะไม่กินของอย่างนี้ จะไม่ใช้ ของอย่างนี้ เราไม่กินเหล้า ไม่กินน้ำเมา ไม่กินเนื้อสัตว์ อย่างนี้ก็เป็นศีล จะไม่ใช้เงิน ให้มากไปกว่านี้ อะไรนี่ ก็เป็นศีล

อ.เท็ด : คือฝรั่ง หรือแม้แต่นักศึกษา เยาวชน ช่วงนี้อาจจะรู้สึกว่า สิ่งที่หรูหรา มันผิดตรงไหน ทำไมเราไม่ควรบริโภค สิ่งที่แพงๆ หรือว่าถ้าเราเงิน ก็บริโภคไม่ได้หรือ หลายท่าน อาจจะรู้สึกอย่างนั้น

พ่อท่าน : ถ้าเผื่อว่าคนเรา จะส่งเสริมให้ความหรูหรา สิ้นเปลือง และแพงมากๆ เข้านี่ คนก็จะนิยม เมื่อส่งเสริมให้คนนิยม ของหรูหรา ของฟุ่มเฟือย ของเปลือง ของแพง จิตของคน ก็จะฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย มันไม่ประหยัด มันจะใช้เกิน กินเกิน และ ก็จะเปลือง มากมาย และจะแย่งชิงมากขึ้น สังคมก็จะยากลำบาก ในหลักธรรมของ พระพุทธเจ้า สอนให้มักน้อย ให้รู้จัก ลดละ ให้พอ ให้น้อยลง ๆ ๆ เป็นคนประหยัด มัธยัสต์

ถ้าเผื่อว่าไปสอน หรือว่าพากัน แนะนำกัน ส่งเสริมกันไป ในทางมากๆ ชอบมากๆ หรูหราใหญ่ๆ คนจะนิยม หรือว่า จิตจะถูก น้อมนำ จิตจะถูกครอบงำ ไปในทางฟุ้งเฟ้อ ในทางหรูหรา ในทางมากๆ เพราะไม่เข้าใจ ทิศทางของ การดำเนินชีวิต และ ก็แนะนำกัน หรือว่าชักจูงกัน ปลุกเร้ากัน ให้นิยมหรูหรา นิยมมากๆ นิยมเยอะๆ เพราะงั้น ถ้าคนนิยม แม้กระทั่ง สอนกัน ให้มุ่งไปหาเงิน หาทอง ให้ร่ำรวยมากๆ สังคมก็ไปไม่รอด เพราะว่า คนเรามีกิเลส กิเลสก็ยิ่งโลภมาก ก็ยิ่ง ต้องการมาก เมื่อต้องการมาก ก็ต้องแย่งชิงมาก ตะกละตะกลาม เอาไว้เป็นของตัวเอง มากๆๆๆ เมื่อคนมุ่ง ที่จะร่ำรวย มากๆ มีมากๆ ตั้งแต่ขอทาน ไปจนกระทั่ง ถึงมหาเศรษฐี ก็อยากได้มากๆ ทั้งนั้น คนจึงพยายาม ที่จะสร้างจิต ที่มีกิเลส ให้กิเลส อยากได้มากๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จึงเกิดการแย่งชิง ตั้งแต่ขอทาน ไปจนถึงมหาเศรษฐี แย่งชิงกันรวย ทั้งนั้น สังคม จึงทะเลาะเบาะแว้ง และก็คดโกง สังคมจึงไม่ดี

ความจริงแล้วคนเรานี่ เป็นคนจน แต่สร้างสรรมากๆ ไม่ต้องเอาไว้ เป็นของตัวเรา เองเลย เศรษฐกิจ จะดีมาก คนเข้าใจผิดกัน เข้าใจผิดว่า ชีวิตจะต้องกินมากๆ ใช้มากๆ มีหรูหรา มีอะไรต่ออะไร บำเรอจิตใจตัวเอง ความจริงในจิตใจ มีกิเลส กิเลสจึงได้รับ การบำรุง บำเรอ ให้เขาได้เสพ ให้เขาได้สมใจ กิเลสก็ยิ่งโตๆ กิเลสมีทั้ง ความโลภ เห็นแก่ได้ มีทั้ง ความรุนแรง ความโกรธ ความแค้น ความอำมหิต เมื่อกิเลสมากๆ ก็จึงทำอะไร ร้ายแรง รุนแรงในสังคมได้

นี่คือสิ่งที่เป็นจริงเกิดจริงในสังคม เพราะฉะนั้น คนที่เป็นพุทธนี่ จึงจะต้องศึกษา ธรรมะพระพุทธเจ้า และ ก็หัดฝึกตน

เมื่อปฏิบัติได้ผลจริง คนจึงจะเป็นคนแตกต่าง จากคนทั่วไปในโลก ท่านเรียกว่า เป็นข้อที่ ๔ ของจรณะ ของ การประพฤติ

ข้อ ๔ ชาคริยานุโยค ท่านบอกเป็นคนตื่นจากหลับ คือคนนี่เหมือนนอนหลับ อยู่ในโลกฝันๆ ในโลกแห่งความฝัน เขาฝัน ที่จะสุข มีสวรรค์ มีอะไร ที่หรูหรา ฟู่ฟ่า สดสวย งดงาม จะต้องมีเงินมาก จะต้องมียศ มีอำนาจสูงๆ จะต้องมี คนที่ชมเชย โด่งดัง จะต้องได้ความสุข จากของที่ชอบ ทางตาเห็นรูป ทางเสียง ท่านเรียก กามคุณ ๕ นั่นน่ะ จะต้องได้มาบำเรอ ตนเอง ทั้งของที่สนใจ ความสวย ความไพเราะ ความหอม ความอร่อย อะไรพวกนี้ และก็อีกอันหนึ่งก็คือ สมใจในตัวเอง เรียกว่า เป็นความยึด ความเห็น ของตนเอง และเราก็จะต้องได้ดังใจ ของตนเอง เขาเรียกว่า อิสระ แต่มันไม่ใช่ ภาษาพระ ท่านเรียกว่า บำเรออัตตา คนสามัญทั่วไป จะอยู่ในโลก แห่งความฝัน ที่จะต้องได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างนี้แหละ คนที่มาปฏิบัติ ตามธรรมะ ของพระพุทธเจ้าแล้ว จะตื่นจากความฝัน หลงๆ มัวเมานี้

ข้อที่ ๕ ศรัทธา ข้อที่ ๖ หิริ ข้อที่ ๗ โอตตัปปะ ข้อที่ ๘ พหุสัจจะ ข้อที่ ๙ มีวิริยะ มีความเพียร ข้อที่ ๑๐ มีสติ ข้อที่ ๑๑ มีปัญญา ไม่ใช่ของธรรมดา เป็นปัญญา อีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ปัญญา อย่างโลกๆ

จากนั้นข้อ ๑๒ ๑๓ ๑๔ อธิบายยากแล้ว เป็นเรื่องของจิต จะเกิดเป็นฌาน ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ อีก ๔ ก็รวมเป็น จรณะ ๑๕ (ขออภัย ที่ต้องรวบรัด เพื่อไม่ให้บันทึกฯ นี้ยืดยาวไป และตัดประเด็น คำถามอื่น ผู้ใดสนใจ ติดต่อ ฝ่ายเผยแพร่ได้)

รับกลด รุ่นกู้ชาติ
ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ของทุกปี นักเรียนสัมมาสิกขา ที่จบ ม.๖ ที่ผ่านมา จะไปรับกลด กันที่ ปฐมอโศก แต่ปีนี้พิเศษ จำต้อง มาจัดกัน ที่ข้างทำเนียบนี่ เพื่อความลงตัว ของทุกฝ่าย

๑๙ มี.ค. ๔๙ หลังฉันอาหารแล้ว เวลา ๑๓.๓๙ น.เริ่มพิธีแจกกลด คุรุใบลาน ได้กล่าวนำ ถึงความเป็นมา ในพิธี รับกลด ของนักเรียน สัมมาสิกขา ที่จบชั้น ม.๖ ในวันนี้

พ่อท่านเปรียบเทียบของมหาวิทยาลัยอื่นๆ เขาเรียน ก็เรียนที่ มหาวิทยาลัย เวลารับปริญญา เขายังมารับ ที่สวนอัมพรเลย ของเรา ปีนี้ จะมารับที่ ข้างทำเนียบบ้าง ก็ไม่แปลก

คุรุของสัมมาสิกขาแต่ละแห่ง เป็นผู้อ่านรายชื่อ ของนักเรียนที่จบ และได้รับกลด จากพ่อท่าน เป็นรายๆไป เริ่มจาก ปฐมอโศก ศีรษะอโศก ศาลีอโศก สีมาอโศก ราชธานีอโศก และสันติอโศก

--------

พ่อท่านให้โอวาท หลังแจกกลดเสร็จหมดทุกคนแล้ว จากบางส่วน ดังนี้
เป็นเรื่องแปลกของการรับกลดในปีนี้ เป็นรุ่นกู้ชาติ เหตุการณ์ที่ต้อง มารับกลด ที่นี่ มันเป็นเหตุการณ์ที่ ไม่มีใคร คาดคิด มาก่อน อาตมาก็ไม่ได้รู้ตัว มาก่อนว่า จะมาเป็น อย่างนี้ ถ้าใครปรับสมองไม่ทัน ก็จะปวดหัวได้

พิธีกรรม มันเป็นองค์ประกอบของชีวิต เป็นองค์ประกอบศิลป์ ผู้เรียนรู้ ทางศิลปะมา จะมีความเข้าใจ องค์ประกอบ ที่จัดขึ้นมา เพื่อให้คนสัมผัส แล้วเกิด ความเข้าใจ ผู้เป็นศิลปิน จะใช้สิ่งเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบ ทุกอย่าง แม้ที่สุด ต้องประมาณ ถึงจิตวิญญาณ เขาจะรับรู้อย่างไร ถ้าเขาสัมผัสแล้วเจริญ จิตใจดีขึ้น อันนั้นเป็นผลสำเร็จ ของการจัด องค์ประกอบ

สำคัญที่ ๖ ปี นอกจากความรู้สามัญ ที่ทั่วไปเขาเรียนกัน เราก็เน้นเรื่อง ศีลธรรม หลายคน ก็เห็นแล้วว่า ศีลธรรม เป็นเรื่อง พิเศษ ที่โรงเรียนทั่วไปไม่มี นอกจากนี้แล้ว เราก็สอนให้ความรู้ ในเชิงวิชาชีพ ซึ่งเป็นการงาน ในแต่ละแห่ง อาจจะไม่ตรงกัน ราชธานีอโศก ไม่มีโรงพิมพ์ สันติอโศก ไม่มีพื้นที่ ทำกสิกรรม

อาตมาพยายามให้พวกเราได้เรียนรู้ฝึกฝน หลายคน จบไปแล้ว ก็ไปทำงานอาชีพ เลี้ยงตัวได้เลย ไม่ต้องไปกวนพ่อแม่ หรือ คนที่ชอบ วิชาการ ก็เรียนต่อกันไป ถึงปริญญาโท หลายคนนะ โรงเรียนเราตั้งมา แค่สิบปีเศษ ยังไม่มากอะไร

อาตมาภูมิใจมากตรงที่ ผู้ที่จบไปแล้ว มีศีล มีธรรม พอสมควร

สังคมประเทศชาติทุกวันนี้ มันด้อยศีลธรรม แต่เด็กของเรา ที่จบไปแล้ว ยังคงมีศีล อาจจะมี บางผู้บางคน ที่ไม่มีศีล ถือว่า ๙๐ %มีศีล

จบไปแล้วก็ตาม ชีวิตเราจะต้องอาศัย พึ่งพากัน คนนอก เราก็คบ คนในเราก็คบ อาตมามั่นใจว่า ความเป็นพี่น้อง ของคนนอก กับชาวอโศก จะต่างกัน

ทุกวันนี้ คนที่เรียนจบปริญญามา มีลักษณะซับซ้อน โกงสังคมกันเยอะ เขาไม่รู้ว่า เขาโกง เขาได้ค่าตัว มาแพงๆ แต่เขา ไม่รู้ว่า นั่นคือโกง เขาใช้วิธีการ ที่ซับซ้อน โกงสังคม

อาตมาหวังใจว่า ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา จะไม่ไปโกงสังคม ไม่ไปโกง อย่างซับซ้อน จากสังคม

อย่างข้าราชการทุกวันนี้ มีรายได้ที่ฉ้อฉล เรื่องนี้ก็พูดฝากไว้ เท่านั้น

ใครจะอยู่ช่วยในชุมชนเลยยิ่งดี อย่างเหตุการณ์นี้ ต้องอาศัย ความร่วม ความรวม ผนึกกันเข้ามา จึงเกิดฤทธิ์แรง ที่จะทำอะไร ให้เกิดเป็นผลได้

การมาชุมนุมนี้ เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน ถึงการผนึกกัน แล้วใช้ศิลปะ เพื่อทำให้เกิดผล ไปสู่เป้าหมาย

ถ้าไม่มีการผนึกกันป่านนี้ ไม่เหลือแล้ว แพ้อย่างราบคาบ ไปแล้ว

คนที่เกิดมาแล้ว ไม่ได้ธรรมะของพระพุทธเจ้าไปเลย ตลอดชีวิต คนอย่างนี้ พระพุทธเจ้า เรียกว่า เป็นคน โมฆะบุรุษ

หลังจากพ่อท่านให้โอวาทแล้ว ตัวแทนคุรุ ของสัมมาสิกขา แต่ละแห่ง ได้ขึ้นมากล่าว ให้ข้อคิด อีกเล็กน้อย

เสร็จแล้วถ่ายภาพหมู่ นักเรียนที่จบ ร่วมกับคุรุ สมณะ สิกขมาตุ ของแต่ละแห่ง

ก่อนแยกย้ายกันไป ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ได้จัดพิธีรับรุ่นน้อง ด้วยการให้กล่าวถึง ถ้อยคำ เลือดพี่ เลือดน้อง คล้องวิญญาณ สานวัฒนธรรม บุญนิยม หลายเที่ยว เพื่อให้เกิด ความผนึกรวม มีส่วนร่วมกัน ให้มากที่สุด เพลง คนสร้างชาติ เพลงกองทัพธรรม ก็ถูกนำมาร้องด้วย ก่อนไปถ่าย ภาพหมู่ ระหว่าง พี่กับรุ่นน้องล่าสุด

ฝากฟ้า ฝากลม ฝากแดด ฝากฝน...ถึงใครคนหนึ่ง
การแสดงธรรม ในที่ชุมนุม หลักทศพิธราชธรรม ถูกนำมาอธิบาย อยู่หลายครั้ง เป็นเรื่อง ไม่ง่ายเลย กับการ กล่าวธรรม ในที่ชุมนุม ขนาดสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ที่มีประสบการณ์เพียบ ยังยอมรับว่า เป็นเรื่องยาก ที่จะพูดอะไร ในสถานการณ์ อย่างนั้น ดูพ่อท่าน ก็ไม่สะดุดขัดอะไร เทศน์เหมือน ไม่ต่างจาก ที่ไหนๆ ส่วนคนฟัง จะรู้เรื่อง หรือไม่รู้เรื่องนั้น อีกเรื่องหนึ่ง

ประเด็นที่มีผู้ท้วงว่า ในพระไตรปิฎก (เรื่องมัชฌิมศีล) พระพุทธเจ้า ตรัสสอน ภิกษุไว้ว่า ไม่ควรพูดเรื่อง พระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคน กล้าหาญ เรื่องโลก ฯลฯ ซึ่งผู้ไม่เข้าใจ นัยสำคัญ ของสิ่งที่พระพุทธเจ้า ทรงหมายถึง ในที่นี้ ก็จะเผินๆ คิดไปตามภาษา ที่ยกตัวอย่าง ในส่วนนั้น ว่า อ๋อ.... ถ้ามันเกี่ยวกับเรื่อง ดังตัวอย่าง ที่กล่าวถึงมานั้น มันก็คือ เรื่องเกี่ยวกับ การเมือง นะซี จริง.... ถ้าเข้าใจ อย่างพาซื่อ แค่เปลือกๆ ก็ใช่ แต่แท้จริงแล้ว ตัวอย่าง ที่พระองค์ ยกขึ้นมาตรัสถึง ในศีลข้อนี้ มันไม่ใช่ มีแค่นั้น มันมีอื่นๆอีก มีทั้ง... เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่อง ดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนล่วงไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ และความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ ฯลฯ อีกเยอะ

เห็นไหมล่ะว่า มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ การเมืองอย่างเดียว มันเกี่ยวกับ เรื่องการบ้าน ก็มี เกี่ยวกับเรื่องอะไร ต่ออะไร อีกมากมาย ที่จริงก็เกี่ยวกับ ทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นแหละ แต่ผู้เข้าใจไม่ "สัมมา" ก็จับเอาแต่ ที่ตนจะนำมา เพ่งโทษ ตีความเอาว่า ท่านห้ามพูดเรื่อง เกี่ยวกับการเมือง เป็นต้น

พ่อท่านชี้แจงเรื่องนี้ว่า ถ้าคนพาซื่อ เผินๆจับเอาแต่ภาษา ที่พระองค์ ทรงยกตัวอย่าง ขึ้นมากล่าวถึงนั้น ว่าเป็นเรื่อง ที่ห้ามพูด ก็คงพูดถึงเรื่องอะไร ก็ไม่ได้เลย เพราะสังเกต ให้ดีๆเถิด ท่านตรัสตัวอย่าง เรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ จะเห็นได้ ไม่ว่าเรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า... เรื่องคนตาย คนเกิด เรื่องความเจริญ และความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ ฯลฯ พระองค์ก็ตรัส ถึงทั้งนั้น ซึ่งเป็นตัวอย่าง ไปทั้งนั้น ถ้าหากตีความ เอาตื้นๆ แค่ว่า เอาเรื่องตามภาษา ที่ท่าน ตรัสถึงนี้ เท่านั้น ว่าล้วนพูดถึงไม่ได้ ก็คงไม่ต้องพูด เรื่องอะไรกันเลย เพราะเรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนล่วงไปแล้ว เรื่อง เบ็ดเตล็ด เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ และความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ ก็ต้องพูดถึงไม่ได้ ถือเป็นเรื่อง ต้องห้าม ไปหมด แล้วจะให้พูด ให้สอน เรื่องอะไรกันล่ะ? เพราะเรื่องความเจริญ และความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ ก็คือ เรื่องทุกเรื่อง ที่พระพุทธองค์ ตรัสถึงนั่นเอง อันพึงเรียนรู้ หรือพึงพูดถึงกัน ให้รู้เรื่อง ให้ทะลุทะลวง แจ่มแจ้ง ละเอียดลออ

ที่จริงแล้ว นัยสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงหมาย ไม่ให้ปฏิบัติ นั้นคือ หมายเอาตรงที่ว่า "ให้เว้นขาด การพูด เรื่องทั้งหลาย นั้นๆ อย่างเดรัจฉานกถา" นั่นต่างหาก ทำความเข้าใจให้ดีๆ ชัดๆแม่นๆ ก็แล้วกัน ไม่ใช่หมายความว่า ห้ามพูดเรื่องต่างๆ ที่ตรัสมานั้น ตรงตัว ภาษาซื่อๆ

จากพระไตรปิฎก เล่ม ๙ ข้อ ๑๑๐ นี้ ท่านขึ้นต้นด้วยพระวจนะ ที่ชัดเจนว่า "ภิกษุเว้นขาดจาก ติรัจฉานกถา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ ด้วยศรัทธาแล้ว ยังประกอบติรัจฉานกถา เห็นปานนี้ คือ พูดเรื่องราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ ...ฯลฯ เป็นต้น

แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสถึงตัวอย่างต่างๆ ไปจนจบ ...เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ และ ความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ แม้ข้อนี้ ก็เป็นศีล ของเธอ ประการหนึ่ง ดังนี้

เห็นไหมว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงหมายแค่ภาษา ที่ตรัสถึงตัวอย่าง เรื่องอะไร ต่ออะไร ต่างๆนั้น เท่านั้น แต่พระองค์ หมายเอาว่า ให้พูดเรื่อง เหล่านั้นแหละ แต่จงพูดชนิดที่ "เว้นขาดจาก ติรัจฉานกถา" ต่างหาก ไม่ใช่ ห้ามพูด เรื่องต่างๆนั้น ตรงๆซื่อๆ

"ติรัจฉากถา" ที่พูดอย่างไทยๆ ติรัจฉานก็เดรัจฉาน หรือเดียรฉาน กถาก็คือการพูด ติรัจฉานกถา จึงหมายความว่า "การพูดที่ขวาง ต่อทางนิพพาน หรือ การพูดที่พาไปสู่ ความเป็นเดรัจฉาน" เดรัจฉาน นั้นคือ สัตว์ที่ไม่ใช่คน สัตว์ที่ เดินตามแนวขวาง หรือแนวนอน สัตว์ที่ถือว่าต่ำกว่าคน ก็หมายความว่า การพูดที่นำพา ให้ต่ำลง จากความเป็นคน นั่นเอง การพูดที่พาให้เสื่อม ไม่ใช่ห้ามพูดถึง เรื่องต่างๆ ที่ทรงกล่าวถึงมา เหล่านั้นแน่ๆ

อาจเป็นเพราะข้อกล่าวหาว่า สมณะชาวอโศก ไม่ใช่พระบ้าง เป็นสำนักเถื่อนบ้าง ทำให้พ่อท่าน ได้นำเอา พระไตรปิฎก เล่ม ๙ ว่าด้วย จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มาอ่านอธิบาย ยืนยัน ตามพระไตรปิฎก ซึ่งค้านแย้ง กับสิ่งที่ สงฆ์กระแสหลัก ประพฤติกันอยู่ มากมายหลากหลายเรื่อง แม้แต่เรื่องฌาน และเรื่องปาฏิหาริย์ ที่พ่อท่าน เข้าใจ ต่างจากพุทธศาสนิกชน ส่วนใหญ่ ก็พูดถึงด้วย

เมื่อกล่าวถึงหลักการที่เห็นแตกต่าง ความเชื่อที่แตกต่าง การปฏิบัติที่แตกต่าง ย่อมต้องบอกถึงผล ที่แตกต่างด้วย ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง ยกตัวอย่างรูปธรรม ความเป็นจริง ของชุมชนชาวอโศก มาประกอบการอธิบาย นามธรรม จากพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อยืนยันเป็นหลักฐานความจริงว่า ไม่ใช่ปรัชญา ปากเปล่า หรือ มีแต่โวหาร คารมที่ปราศจากความเป็นไปได้

แต่การยกตัวอย่าง ความเป็นไปได้แล้ว ของชุมชน ชาวอโศก ผู้รู้ที่ยังมีอคติ ผู้รู้ที่ยังมีอัตตา ย่อมมองได้ว่า.... อวดตัว อวดตน.... หลงตัวหลงตน.... ยึดตัวยึดตน.... ยกตนข่มท่าน.... อัตตวาทุปาทาน.... ของจริงต้องนิ่งใบ้ ที่พูดได้ ไม่ใช่ของจริง หรืออีกนานา สารพัดถ้อยคำ ที่จะสะท้อนกลับมา ต้องยอมรับว่า ชาวอโศกส่วนหนึ่ง ได้แสดงภาวะ ดังที่ว่านั้น จริงๆ เมื่อสมาชิก ๕-๑๐-๒๐ แสดงอะไร ออกมา ไม่ว่าจะเป็นลบ หรือบวก ย่อมส่งผลถึง หมู่คณะ ๑๐๐ แน่ อีกนัยหนึ่ง ทหารปลายแถว ไปก่อเรื่องเสียหาย ผู้บังคับบัญชา ย่อมพลอยฟ้า พลอยฝน ถูกติฉินไปด้วย

ตราบใดที่ชาวอโศกยังมีอัตตา ดังกล่าวนั้น ผู้รู้ในสังคมก็ยังมีอคติ และอัตตา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น จึงเป็นธรรมชาติ เป็นปรากฏการณ์ธรรมดา ที่จะถ่วงดุล กันและกัน ชาวอโศก ที่อยู่กันมาหลายๆปี คงจะเคยได้ยิน ที่พ่อท่านกล่าว "อาตมา เอาความรู้ ทางศิลปะ มาใช้ในการทำงาน ศาสนาด้วย อย่างสำคัญ ผลงานของอาตมา จึงไม่ใช่ แค่รูปภาพ ไม่ใช่แค่รูปปั้น ไม่ใช่แค่ สิ่งก่อสร้าง ไม่ใช่แค่วรรณกรรม ไม่ใช่แค่ เพลงดนตรี ไม่ใช่แค่ ท่าทางลีลา นาฏกรรม เท่านั้น แต่รวมทั้งหมด และผลงาน ของอาตมา คือภาพของชุมชน มวลมนุษย์ ที่มีทั้งกาย และจิตวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วย ทั้งเส้นแสง เงาสี ที่เป็นจิตรกรรม ทั้งก้อนแท่ง ที่เป็นปฏิมากรรม ทั้งผลงานก่อสร้าง ที่เป็นสถาปัตยกรรม ทั้งข้อเขียน ทั้งกวีกานท์ ที่เป็นวรรณกรรม ทั้งเพลงดนตรี ที่เป็นคีตกรรม และทั้งนาฏกรรม จนถึงพฤติกรรม ที่เป็นท่าทาง ลีลา ของมนุษย์ รวมทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม จารีตประเพณี บรรจุอยู่ใน ชุมชน หมู่บ้าน อันมีผืนภูมิทัศน์ ที่ประกอบด้วย ดินน้ำลมไฟ อากาศ วิญญาณจริง ฉะนี้แหละคือ ชิ้นงานของอาตมา" การแสดงธรรม ในที่ชุมนุม ครั้งนี้ พ่อท่านก็ย้ำ ให้ความรู้ เรื่องศิลปะนี้อีก

ลักษณะที่ไม่ค่อยไปด้วยกันเลย ขัดแย้งกันแท้ๆเลย เรียกว่า คนละฝั่ง Contrast กันอยู่ Opposite กันอยู่ จะจับ มารวมกัน อย่างไร หรือให้มา เชื่อมกันเข้า อย่างไร ประสานกัน อย่างไร ทั้งๆ ที่อยู่ในลักษณะ ต้านกันเลย ค้านแย้งกันด้วย อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเขาจะต้อง มีความเข้าใจว่า เราจะจัดสรรอย่างไร ให้รวมอย่างไร จนกว่า จะดูองค์รวม ก็ดูได้ว่า โอ้....มันยังไม่แตก ยังเป็น Unity หรือว่าเป็นเอกภาพอยู่พอสมควร แต่ในเอกภาพนั้นมีความหลากหลาย อย่างที่เคยพูดแล้วว่า ลักษณะทุกอย่าง มันเป็นลักษณะ Unity of diversity คือเป็นเอกภาพ ที่มันมี ความหลากหลาย แตกต่าง ผสมผสานอยู่ในนั้น แต่อยู่กันได้ รวมแล้ว อยู่กันอย่างดูดี เป็นเอกธรรม เป็นมวล ที่กลมกลืนกัน Harmony กลมกลืนกันได้ ทั้งๆที่มีลักษณะ เห็นอยู่ว่า หลายๆ อย่างแตกต่างกัน แต่มันก็อยู่กันได้ อย่างนี้ เป็นต้น นี่แหละ เป็นความสามารถ ที่เราจะต้องศึกษา

สภาพที่เราต้องการให้เกิดงานครั้งนี้ มีสีสันอย่างไร มีโทน มีสีรวม มันก็มีลักษณะ แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่มันต้อง เข้ากันได้ และมี Tonality อย่างไรพวกนี้ ซึ่งเป็นความรู้ ทางศิลปะ ที่ต้องเข้าใจ หลากหลาย มากมาย เพราะฉะนั้น เวลาที่จะจัดสรร จะจัด Composition จะจัดองค์ประกอบศิลป์เนี่ย ต้องมีความรู้พวกนี้ ทีนี้อาตมาว่า อาตมา เข้าใจศิลปะ ในระดับโลกุตระ หรือในระดับของมนุษยชาติหรือสังคมหมู่ ไม่ใช่เป็นการเข้าใจอย่างตื้นๆ เท่านั้น มันเป็นความเข้าใจ ทั้งแนวกว้าง และแนวลึก ที่มีมากมาย ในความเป็นคน อาตมา ศึกษาธรรมะด้วย เพราะฉะนั้น จึงเข้าใจเรื่อง จิตวิญญาณด้วย และต้องใช้ความรู้ ทางจิตวิญญาณ อย่างยิ่ง ที่จะจัดสรร และจัด Composition ของจิตวิญญาณด้วย จะจัดอย่างไร มันถึงจะได้ลีลา ได้ทั้งองค์รวม Holistic มีทั้งปฏิสัมพัทธ์ Interaction มีทั้งสิ่งที่ จะมีแนวโน้มแนวนำ สิ่งที่จะเหนี่ยวนำ เป็น Convergence สิ่งที่จะเข้ามา สู่จุดที่ต้องการ คือ Interest Point ที่เราจะต้องรู้ว่า จุดอะไร ที่เราต้องการ อย่างนี้เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้ ที่อาตมาเอามาใช้ ทุกวันนี้ อาตมาใช้ศิลปะ ในการทำงาน มาตลอด ศิลปินทั้งหลายแหล่ ที่วาดรูป เขียนรูป ที่พยายามถ่ายรูป ที่พยายามปั้นรูป ที่พยายามสร้างศิลปะ อะไรต่างๆนานา ไม่ว่าจะใน จิตรกรรม ปฏิมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม หรือว่านาฏกรรม กับดนตรีกานท์ อะไรก็ตาม ซึ่งเป็นรากเหง้า ของศิลปะ Pure Art ๕ อย่างแต่โบราณ ศิลปะต่างๆนั้น เขาเอามาใช้ ทำกับวัตถุทั้งนั้น แต่อาตมา เอามาใช้กับ ทั้งวัตถุ ทั้งคน ทั้งวิญญาณ เอามาสร้างคน เอามาใช้ สร้างสังคม

กับประเด็นข้อสงสัยว่า การเป็นนักบวช มาร่วมชุมนุม อย่างนี้ ไม่เหมาะ เพราะมันเป็น สถานที่อโคจร พ่อท่าน ก็ได้ชี้แจง ในประเด็นนี้ไว้ โดยเอาความรู้ ทางศิลปะ มาอธิบาย ประกอบด้วย เช่นกัน ดังนี้ ในที่นี้ มันอโคจร อย่างยิ่ง ถ้าว่ากันจริงๆ ตามประสาของ เถรสมาคม บอกนี่ที่อโคจร โพธิรักษ์มานี่ ไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่พุทธ ก็ถูกของเขา ตามความเข้าใจของเขา แต่เราว่า เป็นที่น่าโคจร ด้วยเหตุการณ์ ด้วยกาละ ด้วยความเหมาะควร ที่เกิดขึ้น ในสังคม ประเทศ เราก็จึงมาทำ

การจะพิจารณาว่า เหมาะควร หรือไม่เหมาะควร เป็นอโคจร หรือไม่อโคจร อยู่ที่ว่า เราไปทำแล้ว เป็นไงล่ะ ถ้าไปแล้ว สมณะของเรา ก็ไปเสริมไปช่วย ให้ผู้คน สังคม เหตุการณ์ สถานะในที่นั้น เกิดความโลภ-โกรธ-หลง หรือ ที่สำคัญ คือ ตัวสมณะเอง เกิดโลภ เกิดโกรธ เกิดหลง ในการไปครั้งนั้น การไปอย่างนั้น ก็อโคจรแน่ คือกาละนั้นไม่ควรไป สถานที่นั้น ก็ไม่ควรไป แต่ถ้าไปแล้วทำให้ตนและคนอื่นลดโลภ ลดโกรธ ลดหลง ลงมาได้ ถ้าอย่างนี้ก็เหมาะควร ไม่ได้เป็น ที่อโคจรหรอก สมณะก็ไปนั่งกันทุกวัน ไปนั่งกัน เป็นปึก อย่างเงี้ย ก็ไม่ได้เที่ยวไป เพ่นพ่าน เที่ยวไป ได้แสดง อะไรที่เละๆ เทะๆ จนเขาตู่ เขาท้วง เขาตำหนิมา ว่าไปทำให้เกิด ความโลภ-โกรธ-หลง ในเหตุการณ์นั้น ให้คนในที่นั้น รุนแรง จัดจ้านเพิ่มขึ้น แต่สมณะของเราเข้าไป กลับช่วยให้ลด ความรุนแรง ลดโลภ-โกรธ-หลง ไปก่อให้เกิด ความสงบ และ มีทั้งวิธี ช่วยให้เกิด ความสงบ เราก็สงบเสงี่ยม จะเดินไปเข้าห้องน้ำ ห้องท่า อะไร ก็เดินไปบ้าง จะมีธุระ นิดๆ หน่อยๆ ก็เดินบ้างอะไร จะไปเป็นแถว เป็นแนว เป็นระเบียบ สิ่งเหล่านี้ เป็นศิลปะ ที่งดงามจริงๆ ไม่ว่าจะเดินไป สมณะไปที งามเป็นระเบียบ เดินเป็นแถว บิณฑบาต มีไอ้นู่นไอ้นี่ ถึงคราวถึงเวลา สิ่งนี้เป็นเส้นแสงเงาสี ของศิลปะ งานนี้ ทั้งนั้นเลย ก็ขอบคุณพวกเรา อย่างมากเลย แม้แต่สมณะ ที่ได้มากระทำ ลงไป มีส่วนมีฤทธิ์ผล ที่ทำให้เกิด ความสงบรำงับ ให้เกิดความยอมรับ ถึงเรื่องธรรมะ สังเกตได้ว่า งานนี้เราไปนั้น ตอนแรก เถรสมาคม จะเอาโทษ แล้วข่าวออกมา มหาโช ใครๆออกมา จะต้าน อย่างนั้นอย่างนี้ เสร็จแล้วตีไม่ขึ้น คุณภาพเนื้อหาธรรม ของเรา มันเข้าท่ากว่า มาถึงวันนี้ ฝากไว้ก่อนๆ เสร็จงานนี้ เขาจะชำระ ก็ว่าไป ตามประสาเขานะ ...ฝากไว้ก่อน

คือเขารู้ คือจริงๆเขาก็ฉลาดพอสมควร เขาก็รู้ว่า อะไรควรไม่ควร ข่าวออกมา เขาจะหน้าแตก หรือเปล่า ไม่รู้ เหมือนกันนะ สุดท้ายไม่มีอะไร ก็ไปสวดมนต์ ที่สนามหลวง เหมือนกัน นี่อาตมาว่า มันไม่ใช่ผิดนะ อาตมาเห็นด้วย สวดมนต์ให้ ๖๐ ปี ที่ได้ครองราชย์ สามหมื่นองค์ เต็มสนามหลวง สวยงามดี อาตมาว่า ก็ดีแล้วหละ ถูกกาลเทศะ ก็ทำได้ดี ก็แสดงออกบ้าง ดีเหมือนกันน่ะ แม้จะมีคน มองว่า ที่ออกมาสวดมนต์คราวนี้นี่ มีอะไรซ่อนแฝง หรือเปล่า ก็ตาม อาตมาว่า มองเห็นชัดเจนว่า เออ....ก็ดีงาม มีประโยชน์ทางธรรม แสดงออกก็ดี อย่างนี้เป็นต้น

เราต้องเข้าใจว่า ความควรหรือไม่ควร ความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ให้ดีๆ อย่าไปนั่งเพ่งโทษไอ้นั่น ไปว่าอันนี้ ไปอะไรต่ออะไร มันไม่เข้าท่าอะไร เพราะฉะนั้น มองสิ่งที่ดี ก็ดีไป สิ่งที่ไม่ดีเออ....เราละเว้นก็ละเว้น ไม่ละเว้น เราอยากจะตำหนิได้ ก็ตำหนิ อาตมาก็ช่างตำหนิ นักตำหนิคนหนึ่ง จนเขาหาว่า ปากจัด ที่แท้อาตมา แค่ปากชัด มาหาว่า ปากจัดอะไร เอาละ ก็ขยายความ อะไรบ้าง เล็กๆ น้อยๆ

เรื่องกรรม ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญ พ่อท่านก็กล่าวถึง จากบางส่วน ที่สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้ ศาสนาพุทธ เชื่อกรรม เชื่อวิบาก เป็นของของเรา กรรมที่คุณ ไปโกงเขามา สองหมื่นล้าน หรือจะเท่าไรก็ชั่ง เงินสองหมื่นล้าน ไม่ติดตัวไปหรอก มีแต่กรรมที่ตนทำการโกง ซึ่งเป็นบาปนี้แหละ ติดตัวไป น่ากลัวมาก กรรมเลี่ยง ไม่ได้ ตายไปก็ตกนรก เดี๋ยวนี้ก็ตกนรก

อย่ามาอ้างแต่กฎหมาย อ้างแต่กติกาเลย และกรรมที่เลี่ยงนี่อีก ก็คือกรรมบาป เติมเข้าไปอีก เพราะกรรมที่เลี่ยงนี้ ก็เป็นอกุศล ตราบใด ที่ยังต้องมี กรรมที่เลี่ยงอยู่ ทุกกรรม ก็บาปทุกกรรม เติมซ้ำอยู่ร่ำไป หรือคนทำชั่ว แล้วก็ต้อง โกหก ว่าตนไม่ชั่ว ทุกกรรมที่โกหก ก็บาปซ้ำบาปซ้อน เสริมซ้ำเสริมซ้อน เข้าไปอีก ไม่จบกันง่ายๆ

จากนั้นพ่อท่านได้กล่าวถึงว่า เห็นคนที่ได้รับวิบากอยู่มากในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนเล่นหุ้น ประกันภัย การทำธุรกิจ การใช้อำนาจ ต่างๆ ซับซ้อน ทับซ้อน กลบซ้อน เป็นอีกสำนวนภาษาหนึ่งที่บอกถึงการประพฤติมิชอบ ที่พูดเหมือน ฝากฟ้า ฝากลม ไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ให้ช่วยออกมาแก้ไข สถานการณ์ ได้แล้ว "มาถึงวันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้ว จากคำตัดสิน ของศาลปกครองสูงสุด โดยสามัญ รัฐบาลต้อง ลาออก ได้แล้ว ทั้งความรู้และความจริง มาถึงวันนี้ มีหลักฐานต่างๆ ที่ชัดเจน จนไม่มีคำตอบ ในคำถามใดๆอีกแล้ว มีอย่างเดียว ทำอย่างไร ท่านนายกฯ จึงจะออก และต้องหยุด พฤติกรรม หน้าที่ใดๆด้วย

การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการต่อสู้บทใหม่ ที่ใช้ความรู้ และความจริง ไม่ได้ใช้กำลัง ทำร้ายกัน อย่างสมัยโบราณ ซึ่งนั่น เป็นนิยายน้ำเน่า บทเก่า อันใดที่จริงกว่า ถูกกว่า ก็ต้องยอมให้ ถ้าผู้บริหารผิด ก็ต้องลดละทิฐิ ต้องรู้จักละอาย เลิกลา วางอำนาจลงมา ขอยืนยันว่า น้ำหนักของเหตุการณ์ มันถึงจุดแล้ว อย่าได้รอ ให้เสียเลือด เสียเนื้อกันก่อน ค่อยออกมาใช้เลย เป็นความชัดเจน ที่ต้องตัดสินได้แล้ว ผู้ที่มีฐานะ มีหน้าที่ รับผิดชอบ ควรทำได้แล้ว"

กับข้อสงสัยของผู้ชุมนุมหลายคน ที่ต้องการ ให้จบเร็วๆ ไม่อยากให้ชุมนุม ยืดเยื้อ ยาวนาน พ่อท่านได้ไขความนี้ว่า การชุมนุมครั้งนี้ ก็คงจะต้องยืดเยื้อ ก็คงจะต้อง ยาวต่อไปอีก ทำไมต้องชุมนุมกัน อย่างยืดยาว เหตุที่มัน จะต้องยาว ก็เพราะว่า มันไม่แรง เราพยายาม ไม่ให้มีความรุนแรง เรามีแต่ความสุภาพ มีแต่ความนิ่มนวล คนก็เลย ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวด เมื่อไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวด คนก็จะไม่ค่อย รู้ทุกข์ เพราะเมื่อไม่รู้ทุกข์ เขาก็ไม่พยายามเลิก ไม่พยายามออก มันเป็นเรื่องจริง ยิ่งคนที่ ดื้อๆ ดึงๆ ด้านๆ ทนๆ มันก็ยิ่งยาก ทับทวีขึ้นไปอีก นี่เป็นสัจจะ

แล้วเราก็ไม่ปรารถนาที่จะทำให้เกิดความรุนแรง เจ็บปวด แต่เราพยายาม ที่จะใช้ ความจริง ใช้ความรู้ ใช้หลักฐาน ต่างๆ ที่จะออกมายืนยัน ออกมาเปิดเผย ออกมา อธิบาย ชี้แจงถึงความชอบธรรม ความผิด ความถูก ความควร ความไม่ควร แม้ที่สุด ความดี ความชั่ว มาพูดกัน ให้ชัดเจน อธิบายกัน ให้แจ่มกระจ่าง กันไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น จึงจะต้อง เหน็ดเหนื่อย ในการเผยแพร่ จะเรียกว่า สอนก็ใช่ จะเรียกว่า เผยแพร่ก็ใช่ จะเรียกว่า ทำความเข้าใจ ก็ถูกต้อง เพื่อจะให้เกิด ความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ กันให้ดีขึ้นๆ มันเป็นการเผยแพร่ สัจธรรม

เหตุการณ์ครั้งนี้ ที่มันเป็นจุดที่ ทุกคนรู้ดีก็คือ จุดแห่งการบกพร่อง ในเรื่องจริยธรรม หรือในเรื่องของ ธรรมะนั่นเอง เพราะฉะนั้น เราพัฒนาถูกเป้าแล้วหละ ธรรมะไม่ใช่ ความโหดร้าย รุนแรง ฆ่าแกง ทะเลาะวิวาท มันเป็นเรื่อง ตรงกันข้าม กับที่กล่าว มาแล้ว นั่นคือธรรมะ เมื่อคนที่ยังไม่มีธรรมะ ยังไม่พยายาม ที่จะให้ สิ่งที่เป็นธรรมะนั้น เข้าไปในตัว เขาก็ต้องป้องปัด เขาก็ต้องไม่รับ หรือจริงๆ ก็คือไม่รู้ ไม่รู้นี่ เป็นการระบุโทษ ที่หนักที่สุด คืออวิชชา ไม่รู้คือสุดโง่ สุดดักดานเลย ว่างั้นเถอะ ไม่รู้ในธรรมะ ไม่ใช่ว่ ไม่รู้ในเรื่องอื่น คนรู้นี่รู้สารพัด รู้ในวิธีการโกง การกิน รู้จักวิธีการ ที่จะทำความซับซ้อน ที่จะได้เปรียบ รู้วิธีที่จะเอาชนะ คะคาน วิธีที่จะทำร้าย คนอื่นต่างๆ นานา รู้สารพัด รู้ศาสตร์ต่างๆ รู้การสร้าง สิ่งที่มอมเมา สร้างสิ่งที่เป็นพิษ สร้างสิ่งที่ร้ายแรง สร้างอะไร ที่ไม่เหมาะไม่ควร สร้างความเก่ง สร้างความนิยม สร้างลาภยศ สรรเสริญ มาให้กับตน เขาก็รู้ได้ ทั้งนั้นแหละ แต่เขาไม่รู้ธรรมะ ไม่รู้ใจตนเอง ที่มีกิเลส ไม่รู้การห้ามใจตน ที่มีกิเลส จึงมีแต่ บำเรออัตตา บำเรอกาม

ประเด็นสุดท้าย ที่น่าสนใจยิ่ง พ่อท่านประกาศชัยชนะ โดยสัจจะแล้ว แม้กรรมการ จะไม่ตัดสินอะไร แต่คนดู ตัดสินกันได้เองแล้ว เหตุการณ์บ้านเมือง ขณะนี้ กำลังต่อสู้กัน กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นตัวตนกลุ่มใหญ่ มาถึงวันนี้ อาตมาเห็นเลยว่า เราประกาศ ชัยชนะได้แล้ว เป็นการชนะโดยสัจจะ เหมือนคนดูมวย สมัยนี้ เป็นมวยที่ ไม่โหดร้าย สู้กัน อย่างมีลีลา ที่น่าดู มีน้ำใจ ต่อให้กรรมการ เข้าข้างอีกฝ่าย ตัดสินให้อีกฝ่ายชนะ ทั้งๆที่ฝ่ายแพ้ ประกอบ ไปด้วย ศิลปะ มีความรู้ มีความจริง เป็นชัยชนะ ที่มีสัจจะโดยจริง แม้เราจะกลายเป็น ฝ่ายแพ้ก็ตาม โดยสายตา ของกรรมการนะ เหมือนเราแพ้คดี ที่ไปถูกฟ้องศาล นั่นแหละ นั่นน่ะ กรรมการยกมือ ให้อีกฝ่ายหนึ่งชนะ เราแพ้ แต่เราก็พิสูจน์ ตัวเราเองว่า เราชนะ ในสนามจริง ไม่ใช่อยู่ที่ กรรมการตัดสิน

เปรียบเหมือนนักมวย ที่ชกกันบนเวที เราเป็นนักมวยชนิด ฟุตเวอร์คดี หมัดมวยดี เก็บหมัด แย๊บหมัด ชกเอาคะแนน ได้ดี ไม่ใช้หมัดน็อค เพราะรู้สึกว่า น็อคมันรุนแรง เราเป็นมวยลีลา มวยศิลปะ มวยชั้นสูง ใช้ศิลปะ ใช้ปัญญา ใช้ลีลา เก็บคะแนน อาตมาว่า คนดูในสนามนี่ เห็นชัดแล้ว แต่นักมวย น็อคกันไม่ลง ไม่ได้ชนะทางน็อค ชนะทาง เก็บคะแนน แต่เป็นเพราะว่า เขากินยาสมุนไพร ต้มรากหญ้ามาโด๊ป จึงยังไม่โยนผ้า ยอมแพ้สักที ทั้งๆที่เหตุผล หลักฐาน ลีลา ศิลปะ สู้กันไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นผู้พิพากษา จะตัดสิน จากหลักฐาน ความจริงของ ๒ ฝ่าย แม้จำเลย จะปากแข็ง ไม่ยอมรับผิด ก็ตัดสินได้แล้ว

สำหรับอาตมาตัดสินประสาอาตมาไปแล้ว ขอให้พวกเรา ภูมิใจเถอะ ชนะแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดใหม่ ในสังคม -

รักข์ราม. -
๑๘ ก.ค. ๒๕๔๙

มีต่อฉบับ ๒๙๖

สารอโศก ฉบับ ๒๙๕ บันทึกจากปัจฉาฯ