มนุษย์สีขาว ปฏิบัติธรรม

ก่อนจะลงจากคาน

เป็นเวลาสองทุ่มตรง ที่แผนกหลังคลอดและนรีเวช ได้รับคนไข้หญิง วัย ๓๒ ปี รายนี้เข้ามาในแผนก

ร่างที่นอนแบ็บมาบนรถเข็น ขาวซีด ดูราวกับว่า ไม่มีเลือดสักหยดหยาด อยู่ในตัว เธออ่อนเพลียมาก จากการซักประวัติ คนไข้รายนี้ ตั้งครรภ์ได้ ๖ เดือน (ครรภ์นี้ เป็นครรภ์ที่ ๔) เช้าวันนี้ เธอได้ไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่กำลัง นั่งอยู่นั้นเอง ลูกอ่อนในท้อง ก็ไหลออกมา กองอยู่กับพื้น สายรกขาดจากตัวเด็ก ในเวลาต่อมา แต่รกยังไม่คลอด ทำให้มีเลือดสีแดงสด ไหลรินออกมาเรื่อยๆ เธอจึงไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล ประจำอำเภอ แห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่นั่นบอกว่า เธอเสียเลือดไปมาก และที่โรงพยาบาลนั้น ไม่มีเลือดกรุ๊ป AB(เอบี) ซึ่งคือ กรุ๊ปเลือดของเธอเลย ทางโรงพยาบาล จึงส่งคนไข้รายนี้ มาที่นี่

เมื่อมาถึงนั้น คนไข้เสียเลือดไปมากแล้ว ชีพจรเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อา...เธอกำลังอยู่ใน สภาวะช็อค เสียแล้ว!

ทั้งแพทย์และพยาบาล จึงต้องให้ความช่วยเหลือ อย่างรีบด่วน คนหนึ่งให้น้ำเกลือ อีกคนเจาะเลือด ส่งไปยัง ธนาคารเลือด เพื่อขอเลือดมาให้โดยเร็ว

แพทย์ได้ใช้ Speculum (เครื่องมือใช้ตรวจ ภายในสตรี) ใส่เข้าไป ก็พบว่า มีสายรก และรกบางส่วน จุกคาอยู่ที่ ปากมดลูก จึงคีบออกมา แล้วขูดมดลูก เพื่อเอาบางส่วนของรก ที่ยังเกาะแน่นอยู่กับ ผนังมดลูก ออกให้หมด (ขูดดิบๆ เดี๋ยวนั้นเลย ไม่ได้วางยาสลบหรอก) คนไข้ดิ้น บิดตัวไปมา ด้วยความเจ็บปวด หลังจาก ขูดมดลูก เสร็จแล้ว ความดันโลหิต เหลือเพียง ๗๐/๐ มม.ปรอทเท่านั้น (ซึ่งในคนปกติ ความดันเท่ากับ ๑๒๐/๘๐ มม.ปรอท) ชีพจรเร็วมาก

เมื่อได้เลือดมาแล้ว จึงรีบหาเส้นเลือด เพื่อที่จะแทงเข็มให้เลือด แต่ขณะนั้น เส้นเลือดดำตีบ แทงได้ลำบาก เสียแล้ว ทั้งแพทย์และพยาบาล พยายามแทงเข็ม ที่จะให้เลือด อยู่หลายครั้ง แต่พอแทงได้ คนไข้ก็ชักแขน หนีซะอีก จนทำให้ เส้นที่แทงได้แล้วนั้น แตก และบวมขึ้นมา เลยต้องสาละวน หาเส้นเลือดใหม่ อีกพักใหญ่ เมื่อเจ็บปวดมากๆ คนไข้ก็จะไม่ค่อย ให้ความร่วมมือ เท่าใดนัก (แต่ก็เป็นบางคน อีกนั่นแหละ)

เธอผู้เป็นคนไข้นี้ แท้งบุตรมา ๓ ครั้งแล้ว (รวมครั้งนี้ด้วย) เธอได้บุตรชายคนโต ไว้เพียงคนเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เธอก็ยังอยากจะได้ลูกผู้หญิง อีกสักคนหนึ่ง อยู่นั่นเอง

ฉันคอยหมั่นเช็ค ความดันโลหิต กับชีพจร ให้เธอบ่อยๆ ปรับอัตราหยดเลือด และน้ำเกลือ ให้เร็วขึ้น เลือดหมดไปแล้ว เป็นขวดที่ ๓ แต่สีหน้าของเธอ ก็ยังดูซีดเซียว อิดโรยอยู่

เลือดที่ออกมาจากมดลูก ในขณะนี้ มีเล็กน้อยเท่านั้น

ฉันฉีดยาปฏิชีวนะ ให้เธอหนึ่งเข็ม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และให้ยาแก้ปวดด้วย ครู่ใหญ่ต่อมา เธอก็หลับไป ด้วยความอ่อนเพลีย โดยมีสามี นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ตลอดเวลา

ฉันยืนมองร่างนั้น อย่างสงสารจับใจ นี่เป็นเพราะเธอ แต่งงานทีเดียว เธอจึงต้องมาพบกับ สภาพที่เจ็บปวด ทรมาน และเสี่ยงต่อ ความตายเช่นนี้ ในขณะเดียวกับที่ สามีของคนไข้ นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องเสียเลือด ไม่ต้องโดนขูดมดลูก เจ็บๆด้วย ทำไมหนอ...ผู้หญิงเรา จึงต้องมาประสบกับ อันตรายอย่างนี้

ฉันละจาก คนไข้เตียงนั้นมา เมื่ออาการของเธอ ปลอดภัยแล้ว เสียงเด็กอ่อน ข้างเตียงคนไข้ แต่ละคน แผดเสียงร้องจ้า ดังเพรียกไปหมด มีบางเตียงที่สามี มิได้เอาแต่นอนหลับสบาย หากแต่ลุกมา ช่วยเลี้ยงลูกบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็คือ คนไข้ที่เพิ่งคลอด เพิ่งเสียเลือดมาหยกๆ นั่นแหละ ที่ลุกขึ้นมา อย่างระโหย อ่อนเพลีย เพื่อดูลูก เลี้ยงลูก

ทำไมหนอ... ผู้หญิงเรา จึงต้องมาประสบกับ ความลำบากอย่างนี้

มีผู้หญิงหลังคลอดบางราย ไข้ขึ้นสูง เพราะนมคัด และปวดมาก ฉันได้ไปช่วย เอาลูกสูบยาง ปั๊มน้ำนมออกให้ คนไข้แต่ละคน หน้าบิดเบี้ยวเหยเก ทั้งๆที่ฉันก็พยายามทำ อย่างเบามือแล้ว น้ำนม พุ่งออกมาเป็นสาย เหมือนน้ำพุ กลิ่นน้ำนมนี่ เหม็นคาวจัง ไหนจะเหม็นคาว น้ำคาวปลา ที่ออกมาจาก มดลูกอีกล่ะ คนไข้หลังคลอดนี่ ทรมานจังเลย

นมคัดนี่ ฉันว่ามันคงเหมือนฝี ที่สุกกลัดหนองนั่นแหละ พอเอาหนอง ออกหมดแล้ว อาการปวด ก็จะทุเลาขึ้น แต่นมคัดนี่สิ อีก ๓-๔ ช.ม.ต่อมา ก็จะเริ่มคัดใหม่อีก

ฉันพยายามทำ อย่างเบามือ ด้วยความสงสาร ผู้หญิงด้วยกัน อย่างที่สุด คนไข้เหล่านี้ ก็เหมือนน้อง เหมือนพี่ ของเรานั่นแหละ

ขณะนั้นเอง ตาของฉัน ก็เหลือบไปเห็น สามีคนไข้ ที่นอนหลับอย่างสนิท อยู่ข้างเตียง โดยที่เขาไม่ต้อง มาเปรอะเปื้อน น้ำคาวปลา ไม่ต้องปวดนม เพราะนมคัด อย่างผู้หญิงเลย

เสียงอาเจียนโอ้กอ้าก ดังมาจากคนไข้ อีกรายหนึ่ง ซึ่งตั้งครรภ์ได้ สองเดือนกว่าแล้ว แต่กินอะไรไม่ได้ มาหลายวัน เธอผู้นี้แพ้ท้อง อย่างรุนแรง กินอะไรเข้าไป ก็อาเจียนตลอดเวลา จนหมดแรง เลยต้องมานอน ให้น้ำเกลืออยู่ที่นี่ ฉันจะไปฉีดยา แก้อาเจียนให้หนึ่งเข็ม ใบหน้าที่อ่อนเพลีย ของคนไข้ น่าสงสารนัก อาเจียน แต่ละครั้ง ก็มีแต่น้ำลาย เพราะในท้อง ไม่มีอาหารอะไร เหลืออยู่เลย

ฉันยืนมอง บรรดาคนไข้เหล่านี้ ด้วยความรู้สึก สงสารเวทนา อย่างบรรยายไม่ถูก หากฉันจะพูด กับพวกเธอว่า การแต่งงาน การมีคู่เป็นทุกข์ คนไข้เหล่านี้ จะว่าฉันสติไม่ดี หรือมองโลกในแง่ร้าย หรือเปล่านะ

แต่อันที่จริงแล้ว ฉันมองโลก ในแง่ของความเป็นจริง ต่างหาก

อดนึกถึง วันก่อนไม่ได้ พี่ผู้ช่วยพยาบาล อีกแผนกหนึ่ง เธอมาหาฉัน และร้องไห้ฟูมฟาย อยู่พักใหญ่ พี่เขาเล่า ให้ฟังว่า สามีของพี่ ซึ่งเป็นนายตำรวจนั้น ไปมีเมียน้อยเสียแล้ว ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมา หลายปี จนลูกโตๆ กันหมดแล้ว

พี่เขาร้องไห้อยู่นาน ฉันก็ช่วยพูดปลอบใจ เท่าที่จะทำได้

อยากจะบอกพี่เขา เหมือนกันว่า ความรักนี่ มันคือสิ่งมายา ไม่จีรังยั่งยืน เหมือนปุยเมฆบนฟ้า ที่ก่อตัวขึ้นแล้ว ก็ลอยไปมา ตามกระแสแรงลม แล้วก็สลายตัวไป ในที่สุด แต่ก็คิดว่า คงไม่เข้าใจง่าย จึงได้แต่พูด ให้กำลังใจ ตามฐานะ

ฉันไม่โทษ พี่ที่เป็นนายตำรวจ คนนั้นหรอก เพราะทราบดีว่า สัตวโลกไม่อิ่มในกาม ตราบใด ที่กิเลสเขา ยังไม่หมด ความรักของเขา จะหยุดอยู่ที่เราได้อย่างไร มันจะแปรเปลี่ยนไป ตามเหตุปัจจัย และอุปาทาน ของเขานั่นเอง

ชีวิตของฉัน เมื่อได้เข้ามา ปฏิบัติธรรมแล้ว ได้เรียนรู้เท่าทัน อารมณ์ต่างๆ ได้รู้ได้เห็น จากประสบการณ์ ของคนไข้ และเพื่อนร่วมงาน ทำให้ฉันทราบว่า ความรักที่แท้จริง มันคือสิ่งมายา ไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น เพราะอุปาทาน ความไปหลงปรุง แล้วติดยึดไว้ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็พร้อมจะจืดจาง และสลายไป ตามเหตุปัจจัย ที่แปรเปลี่ยนไป นั่นเอง ต่อให้ รักกันมากแค่ไหน ว่ารักจนหมดใจ สักวัน ดอกไม้ก็ต้องโรย

การที่ฉันได้มาทำงาน ที่ได้เห็นความทุกข์ทรมาน ของผู้หญิง ที่แต่งงานแล้ว ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉันจึงอยากจะบอก เพื่อนหญิงด้วยกันว่า อยู่บนคานน่ะ ดีแล้ว อย่าลงมาเลย ส่วนคนที่ลงมาแล้ว ก็ขอให้อยู่เป็นสุขๆเถิด อย่าได้หาทุกข์เ พิ่มอีกเลย (เช่นมีลูก, มีสามีใหม่ฯลฯ) คนที่สามีเปลี่ยนใจไป ก็จงดีใจเถิดว่า เจ้าหนี้ เขากำลังจะยกหนี้ ให้เราแล้ว เรากำลังจะออกจาก ตะรางแล้ว! (ก็ต้องพยายามมอง ให้เห็นความจริง แม้จะยากลำบาก ก็ตาม)

พระพุทธเจ้า ก็ทรงกล่าวว่า โศกภัยเกิดจากความรัก ไม่มีความรักเสียแล้ว โศกภัยก็ไม่มี

พ่อท่าน เคยสอน ลูกๆอโศกไว้ นานแล้วว่า การแต่งงานเป็นทุกข์
"การแต่งงาน ไม่ใช่การเอาห่วง มาคล้องคอ อย่างเดียวเท่านั้น
การแต่งงาน คือการสร้างมารขึ้นมา คอยประหัตประหารตัวเอง
ให้ห่างจาก การบรรลุพระนิพพาน อย่างแท้จริงด้วย
มาร...คือ พญาแห่งความทุกข์ทรมาน
หรือผู้คอยชักนำ ให้คนไปสู่ทางต่ำเสมอ"

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า จะมีลูกอโศกกี่คน (ที่จริงกี่ร้อยกี่พันคน) ที่จะเอาชนะตัวนี้ได้ "มาร"

ก่อนจะลงจากคาน คิดใคร่ครวญอีกทีเถิดนะ

"ลูกไกลพ่อ"
๕ มิถุนายน ๒๕๓๓

(สารอโศก อันดับ ๑๔๔ สิงหาคม กันยายน ๒๕๓๓)