|
ศาลาฟังธรรม
สันติอโศก
สมัยที่ยังเป็นเรือนทรงไทย
และยัง ไม่ได้รื้อสร้าง
ศาลาวิหาร |
โดยก่อนหน้านี้คือ ในปี ๒๕๑๕ คุณกิติยา
วีระพันธ์ ได้ถวายเรือนทรงไทยหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกุ่ม
อ.บางกะปิ (เขตบึงกุ่ม) กทม. ให้ท่านไว้แล้ว และเนื่องจากอยู่ในกรุงเทพฯ
จึงเป็น "ศูนย์กลางอโศก" (ขณะนั้นมี ศีรษะอโศก อยู่ที่ ต.กระแซงใหญ่
อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกิดขึ้นเมื่อ ๒๓ ม.ค. ๒๕๑๙ และ ศาลีอโศก
อยู่ที่ ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เกิดขึ้นเมื่อ ๖ มิ.ย.
๒๕๑๙ ส่วนธรรมสถานแดนอโศก ได้ย้ายมารวมกับปฐมอโศก ซึ่งตั้งอยู่ที่
ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ปีต่อมาคือ ๒๓
ก.ค. ๒๕๒๓ จึงเกืดเป็นพุทธสถานปฐมอโศก ) เมื่อท่านพาหมู่กลุ่มมาลงหลักปักแหล่ง
ณ ที่นี้ ก็ได้ตกลงใช้ชื่อว่า "พุทธสถานสันติอโศก" เนื่องจากเกิด
"ธรรมสถาน" (แดนอโศก) แล้ว จึงใช้คำว่า "พุทธสถาน" ส่วน "สันติ"
หมายถึง ความสงบ และคำว่า "อโศก" ก็ยังคงใช้ชื่ออันเป็น ที่มาของหมู่กลุ่ม
ส่วน คุณกิติยา วีระพันธ์ ผู้ถวายที่ดินแปลงนี้ ก็ได้ชื่อใหม่จากพ่อท่านว่า
"สันติยา" ตั้งแต่บัดนั้นมา (ต่อมาเปลี่ยนเป็น "สันติมา") เรือนไทยหลังใหญ่นี้เอง
เป็นจุดกำเนิดของ "พุทธสถานสันติอโศก" และ "พระวิหารพันปีเจดีย์บรมสารีริกธาตุ"
ในปัจจุบัน
ย้อนมาถึงมูลเหตุที่ทำให้ "คุณสันติมา"
(หรือ กิติยา วีระพันธ์) ถวายที่ดินพร้อมบ้านทรงไทยหลังนี้ให้
"สมณะโพธิรักษ์" นั้น คุณสันติมา ได้เคยบอกเล่าไว้ว่า เมื่อชีวิตประสบความทุกข์ใจอย่างมาก
ได้อ่านพบข่าวการบรรยายธรรมของสมณะโพธิรักษ์ในสมัยนั้น (จากน.ส.พ.ฉบับหนึ่ง)
จึงได้ติดตามไปฟังที่วัดอาวุธฯ เกิดศรัทธาเลื่อมใส และเป็นช่วงที่กำลังสร้างบ้านหลังนี้อยู่พอดี
จึงได้แจ้งความประสงค์ถวายเรือนไทยที่สร้างไว้ด้วยใจชอบนี้ แก่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
คิดว่าให้ท่านได้ใช้สอยเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง ดีกว่าจะมาอาศัยอยู่กันเพียงไม่กี่คน
ส่วนคุณสันติยาและลูกๆ ก็มาอยู่เรือนทรงธรรมดาที่ได้สร้างไว้ให้คนงานก่อสร้างเรือนไทยพัก
นั่นเอง
|