นายร้อยห้อยกระบี่
page: 9/15
ไม่ถึงคราว

๙. นายทหารใหม่

ตอนเป็นนักเรียนนายร้อยปี ๑ ถึง ปี ๔ ผมคิดจะเป็นทหารราบมาตลอด พอมาอยู่ปี ๕ เป็นหัวหน้านักเรียน เกิดเรื่อง จนเกือบจะถูกไล่ออก ผู้ที่เอาเรื่องเป็น นายทหารราบ เลยคิดไม่ใคร่ชอบ ทหารราบไปด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เป็นนายทหารเงินเดือน ๑,๐๕๐ บาท เมื่อไรจะมีที่ มีบ้าน มีรถเก๋ง อาจเป็นเพียง นายทหาร ที่อยู่ต่างจังหวัด เวลาเกษียณ ขนของออกจากบ้านหลวง ขึ้นรถไฟ ไม่รู้จะไปไหน เพราะตลอดเวลา รับราชการ บ้านไม่มี

เลือกเป็นนายทหารเหล่าสื่อสารดีกว่า โอกาสจะก้าวหน้า ก็มีเหมือนกัน เมื่อเรียนโรงเรียน เสนาธิการแล้ว ก็ก้าวหน้าเหมือนๆ กับนายทหารเหล่าอื่น ที่สำคัญก็คือ ตอนนั้น สหรัฐอเมริกา สนับสนุน กองทัพไทยเต็มที่ มีทุนไปนอกมาก สำหรับทหารราบ มีแต่หลักสูตร สั้นๆ เพียงห้าหกเดือนเท่านั้น สู้ทหารสื่อสารไม่ได้

ไปเรียนเมืองนอกนานๆ ได้เรียนมาก มีความรู้มาก เที่ยวมาก ซื้อของได้มาก และเก็บเงิน ได้มาก ผมเลือกเป็นทหารสื่อสาร ได้ไม่นาน ก็สอบคัดเลือก ไปเรียนเมืองนอก ปีแรกก็ได้ที่ ๑ ซึ่งเป็นหลักสูตร นานที่สุดถึง ๑ ปีกว่า สมดังความตั้งใจ โดยไปเรียนที่นิวเจอร์ซีก่อน แล้วไปต่อที่ มลรัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ทางใต้ ของสหรัฐอเมริกา

ตลอดเวลาที่อยู่เมืองนอก เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เพราะเมืองเราสมัยนั้น ยังไม่มี ตึกสูงๆ ศูนย์การค้า ตลาดสดแบบฝรั่ง ตื่นเต้นแม้กระทั่ง บันไดเลื่อน การได้ทุนไปเรียนเมืองนอก แม้จะเที่ยว หรือซื้อของบ้าง เราใช้จ่าย อย่างประหยัด เงินก็มีเหลือมากอยู่ดี ของใน ค่ายทหาร ราคาถูกเป็นพิเศษ เจ็บป่วยก็รักษาฟรี

กลับจากนอก ก็ย้ายไปอยู่กองร้อยทหารสื่อสาร ที่สวนลุมพินี (ซึ่งตอนนี้รื้อหมดแล้ว สร้างเป็นโรงเรียน เตรียมทหาร) มีพี่จิ๋ว พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บังคับกองร้อย ตอนเย็นไปหาลำไพ่ ทำงานพิเศษ ที่ฝ่ายเทคนิค สถานีโทรทัศน์ กองทัพบกช่อง ๕ ได้เงินเดือนพิเศษ เพิ่มอีกเดือนละ ๓๐๐ บาท ทำอยู่กับพี่ตุ่ม พลตรีจารุพันธ์ บูรณสงคราม

บางครั้งก็ติดตาม พ.อ.การุณ เก่งระดมยิง ไปติดตั้งเครื่องถ่ายทอด สัญญาณโทรทัศน์ ที่เขา วงพระจันทร์บ้าง ไปตั้งเสาอากาศ ที่ชายแดน ภาคอีสานบ้าง

อยู่กองร้อยสื่อสาร ที่สวนลุมฯได้ไม่นาน พี่จิ๋วก็เดินทางไปเรียนต่อ ที่โรงเรียนเสนาธิการสหรัฐ พี่ชาญ พลโทชาญ หาญยุทธ ขึ้นมาเป็นผู้บังคับกองร้อย และผมเป็น รองผู้บังคับกองร้อย แทนกันเป็นทอดๆ

บ้านพักนายทหารมีจำกัด พี่จิ๋วกลัวว่า ผมจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จะไม่ได้อยู่บ้านหลวง จึงนัดแนะกัน วันที่พี่จิ๋วย้ายออก ผมก็ย้ายเข้าไปแทนพอดี

ผมอยากรวย อยากมีบ้านของตัวเอง จึงต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น ผมหากิน ด้วยการ สอนพิเศษค่ำๆ มาตั้งแต่จบ เป็นนายทหารเดือนแรกๆ สอนที่โรงเรียน กวดวิชา วัดพิชัยญาติบ้าง วัดเทพธิดาบ้าง วันหยุด รับไปสอนหนังสือเด็ก ตามบ้านก็เอา

ทางด้านศาสนานั้น ตามธรรมเนียมไทยๆ ผู้ชายชาวพุทธ จะเป็นคนสุก เป็นคนโดยสมบูรณ์ ก็ต้องบวช เดิมผมคิดจะไปบวชวัด ท่านอาจารย์พุทธทาส ที่ไชยา แต่ติดขัดหลายอย่าง ตาแนะให้บวช กับท่านเจ้าคุณวิเชียรมุนี ที่วัดใต้ ตลาดพลู ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มีชื่อเสียง อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ที่ซอยสายสัมพันธ์ ออกบิณฑบาตง่าย ญาติโยมแถวนั้นพร้อมเพรียง ทราบภายหลังว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงผนวชที่วัดใต้ ทางวัดได้รักษา หลายสิ่ง หลายอย่าง ของพระองค์ท่าน ไว้ให้คนรุ่นหลังดู จนถึงทุกวันนี้

พระที่บวชรุ่นเดียวกัน มีทั้งนายทหารบก และนายทหารเรือ และนายทหารอากาศ ผมสอบนักธรรม นวกะได้ที่ ๑ ได้รางวัล จากหลวงพ่อ เจ้าคุณวิเชียรมุนี เมื่อบวช ตามประเพณี ได้ครบเวลา ๓ เดือน ที่ลาราชการ ก็กลับไปรับราชการต่อ

หลวงพ่อท่านทำงานหนัก นอกจากกิจของสงฆ์แล้ว ท่านยังทำความสะอาด ปัดกวาดวัด เป็นประจำ วัดใต้มีสุนัขจรจัดมาก มีคนเอาไปปล่อยเสมอๆ เช้าขึ้น สุนัขก็ปล่อย ของเสียได้เลอะเทอะ เต็มวัดไปหมด คนที่เอาสุนัขไปปล่อยวัด บาปกรรมจริงๆ นอกจาก ไม่ช่วยพระแล้ว ยังหางานให้พระอีก ฝังจิตฝังใจ ผมเรื่อยมา ตั้งแต่คราวนั้น ไม่ใช่เฉพาะ วัดใต้วัดเดียว วัดไหนๆเหมือนกันหมด

ปี ๒๕๓๑ ผมจึงได้หารือกับข้าราชการ กทม. ชั้นผู้ใหญ่ และประสานงาน กับกรมปศุสัตว์ จัดชุดทำหมันเคลื่อนที่ ออกบริการให้ชุมชน และวัดต่างๆโดยไม่คิดเงิน ทำหมันสุนัข และแมว ฉีดยาคุมกำเนิด ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า เป็นการให้บริการฟรี เป็นครั้งแรก มีจุดนัดพบที่วัด ปี ๒๕๓๒ ก็ดำเนินการอีก เป็นครั้งที่ สอง ช่วยพระ และชาวบ้านได้มาก สุนัขจร จัดลดน้อยลง อย่างเห็นได้ชัด

หลวงพ่อท่านพร่ำสอน ไม่ให้เชื่อเครื่องลางของขลัง ไม่ให้ถือฤกษ์ถือยาม แต่ให้เชื่อคำสอน ของสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สึกจากพระ ผมก็เอา พระเครื่อง ที่สะสมไว้ ออกแจกจ่ายหมด มีความมั่นใจ อย่างแน่วแน่ ไม่วอกแวกวอแว หลวงพ่อท่าน สอนถูกต้อง ส่วนคนอื่น จะเชื่อถืออย่างไร ก็ช่างเขา ผมบวชทั้งที ต้องมีดี ติดตัว

ระหว่างที่บวช ผมเฝ้าสังเกต หลวงพ่ออย่างใกล้ชิด เวลาท่านสรงน้ำ ท่านไม่ถูสบู่ ใครถวายสบู่ท่าน ท่านก็ยกให้ พระองค์อื่นต่อ แต่ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผล และไม่ได้สอน ให้ทำตาม คนอื่นที่ไม่คุ้น อาจหาว่า หลวงพ่อไม่สะอาด แท้จริงแล้ว ท่านสะอาดทั้งกาย และใจ สะอาดดีกว่า อีกหลายคน ที่ถูสบู่ วันละ ๓ ครั้ง


เราติดต่อดูใจกันมา ตั้งแต่ผมเป็นนักเรียนนายร้อย และคุณศิริลักษณ์เป็นนิสิต คณะเภสัช จุฬาฯ ได้จังหวะแต่งงาน เมื่อปี ๒๕๐๗ ด้วยพิธีที่เรียบง่ายๆ ไม่ได้กวนผู้ใหญ่ ในวงราชการ มาเป็นประธาน ให้ยุ่งยาก ให้คุณพ่อคุณแม่ ของคู่บ่าวสาว เป็นประธานดีที่สุด จัดงานที่ สโมสรนายทหาร โรงเรียนนายร้อย นายทหารรุ่นพี่รุ่นน้อง ช่วยกันจัดงาน คนละไม้คนละมือ เป็นกันเองดีแท้

ตอนนั้น คุณศิริลักษณ์ ชื่อนงลักษณ์ เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ตั้งใจเย็บหมอน ให้เป็นของขวัญ โดยเอาอักษรหน้า ของชื่อผม กับชื่อเจ้าสาว มาปักรวมกัน เกิดปัญหา อ่านแล้วไม่สวย คุณศิริลักษณ์ จึงเปลี่ยนชื่อ ที่นำหน้าด้วย น. มาเป็น ศ. จนถึงทุกวันนี้

แต่งงานได้ ๓ เดือน ผมก็ได้รับคัดเลือก ให้ไปฝึกงาน ที่ฮาวาย ๖ เดือน เป็นโอกาส ที่จะได้เรียนรู้ และเก็บเงินอีก กลับจากฮาวาย ก็ชวนกัน ไปปลูกกระท่อมกลางทุ่งนา ที่ลาดพร้าว เริ่มตั้งแต่ใช้ตะเกียง และใช้น้ำบ่อ ต่อมา ก็กู้เงินธนาคารเพิ่มเติม รวมทั้ง ขอยืมเงิน คุณแม่คุณศิริลักษณ์ อีกส่วนหนึ่ง ปลูกบ้านสองชั้น เป็นตึก ค่อนข้างภูมิฐาน ตั้งแต่เป็นร้อยเอก

บ้านอยู่ไกลที่ทำงาน ต้องใช้รถ คุณศิริลักษณ์ใจดี ขายแหวนหมั้น สมทบทุน ซื้อรถแน็ช ลอยลม เก่าๆ จากฝรั่ง ที่ปรึกษาประจำกองร้อย ซึ่งกำลังจะเดินทาง กลับอเมริกา ผมจึงมีพร้อม ทั้งบ้าน ที่ดิน และรถ ตั้งแต่ยังเป็น นายทหารหนุ่มๆ

รถแน็ช จำได้ว่าซื้อราคารวมทั้งภาษี ๑๖,๐๐๐ บาท เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๓๒ ประมูลขาย ยกเงิน ให้กาชาดหมด ได้เงินถึง ๑๗๐,๐๐๐ บาท คุณศิริลักษณ์ เจ้าของรถที่แท้จริง ตัดใจได้ ยกแหวนหมั้น เคลื่อนที่ให้กาชาด โดยไม่โหยหา อาลัยอาวรณ์

ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง แม้ร่างกายที่หวงแหน ประคบประหงม ก็ยืมเขามา ถึงเวลาต้องคืนไป ต้องพรากจากกัน ไม่มีอะไร ที่ไม่พราก อยู่ที่ว่า จะช้า หรือเร็วเท่านั้น

มีบ้านใหญ่ๆดูๆไปแล้วก็เป็นทุกข์ ต้องเสียเงินเสียเวลารักษาดูแล เมื่อลงมือปฏิบัติธรรม จริงๆจังๆ ก็พบว่า กำลังเดินสวนกับ พระพุทธองค์ เราไม่ต้องการ จะลอกเลียน เพื่อให้ ทัดเทียม ถึงจะพยายามอย่างไร ก็ทำให้เทียม พระองค์ท่านไม่ได้ แต่เราต้องการ ให้ทุกข์น้อยลง จึงต้องพยายามเดินตาม ด้วยการ กินน้อย ใช้น้อย ทำงานมาก ถ้ามีเหลือ ก็จุนเจือสังคม

ตัดใจขายบ้านใหญ่ไปผ่อนบ้านเล็ก เลิกตกแต่งบ้าน เอาเวลาไปช่วยสังคม ความเห็นแก่ตัว ที่เคยมีมาก ก็ลดลง วัดหยุดใช้เวลา บรรยายธรรมบ้าง เผยแพร่อาหารมังสวิรัติบ้าง ทำได้เต็มที่ เพราะลูกเต้าไม่มี พันธะต่างๆ ก็ไม่มี

โชคดีที่ได้ฝึกเอาชนะใจตนเองไว้ก่อน อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เพลี่ยงพล้ำ เมื่อไปทำงาน ที่เกี่ยวข้อง กับเงินมากๆ ทั้งตำแหน่ง เลขาธิการ นายกรัฐมนตรี และตำแหน่ง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร

หน้าบ้านและหลังบ้านปิดสนิท การเสนอผลประโยชน์ใดๆ ไม่มีทางเข้าถึงได้ ภูมิใจ ที่พูดได้เต็มปาก และพูดอย่างใด ทำได้อย่างนั้น

“ไม่ว่าเงินจะมากกี่ล้าน โอกาสจะอำนวยแค่ไหน เราจะไม่มีวันโกง” เพราะเราคือ ผู้ที่ยึดมั่น ในพระศาสนา ที่แท้จริง ไม่มีศาสนาใดในโลก ที่ชื่นชมกับการคดโกง เราทนต่อ การพิสูจน์ เสมอ

อยู่ในเพศฆราวาส แต่ปฏิบัติธรรมเคร่งครัด คำว่า “ครึ่งคนครึ่งพระ” จึงเป็นฉายา และคำว่า “มหา” จึงเรียกกันทั่วไป

เมื่อเป็นนักการเมือง เป็นวุฒิสมาชิก เป็นเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ผมยังปฏิบัติธรรม เคร่งครัด คงเส้นคงวา ไม่ย่อหย่อน ไปกว่าเดิม

นักการเมืองยิ่งต้องมีธรรมะ ถ้าไม่มี จะกลายเป็นนักกินเมือง

เมืองไทยไม่โตใหญ่อะไรนักหนา ตั้งหน้าตั้งตากิน ก็สิ้นชาติเท่านั้นเอง

ชีวิตจำลอง
   [เลือกหนังสือ]
นายร้อยห้อยกระบี่
page: 9/15
ไม่ถึงคราว
   Asoke Network Thailand