ยังโง่ไม่เสร็จ...เหรอ?...หายโง่ ธรรมชาติอโศก

"พระพุทธองค์ทรงสรรเสริฐการทำงานเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน หากเสียประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง ก็หยุดการงานนั้น และหยุดอย่างไม่ต้องเสียใจ"

รฤกถึงความหลัง
ราวยี่สิบกว่าปีก่อน เมื่อฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นนักเรียนโข่ง แก่กว่าเพื่อนร่วมรุ่นเจ็ดปี เป็นอย่างต่ำ เพื่อนที่เรียน อักษรศาสตร์ จุฬาฯ รุ่นเดียวกัน เป็นอาจารย์คณะโบราณคดี ที่ฉันสังกัด ในฐานะนักศึกษา นั่นมิใช่ประเด็น ที่ต้องขยาย ในรายละเอียด สิ่งที่ปรารถนา จะนำเสนอคือ ผลแห่งการ เป็นนักกิจกรรม ที่ฉันได้รับ ในขณะเป็นนักศึกษา แห่งสถาบันนั้น

เมื่อก้าวย่างเข้าไปในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง ท่านคณบดีเรียกมาถามว่า 'ซีไอเอ หรือ เคจีบี ส่งคุณมา' หมายถึง หน่วยสืบราชการลับ จากประเทศสหรัฐฯ หรือรัสเซีย จ้างมาหาข้อมูลกระมัง? เนื่องจากฉันรู้สึก คุ้นเคยกับท่าน จึงถามกลับไปว่า "อาจารย์ว่าองค์กรไหน จ่ายแพงกว่าคะ"

ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจกรรมมากกว่าการเข้าห้องเรียน (ตรงส่วนนี้นักศึกษา ไม่พึงเอาอย่าง ที่ถูกแล้ว ควรแบ่ง เวลาเรียน และทำกิจกรรม ให้เหมาะสม) ฉันเป็นกรรมการชมรมศิลปะพื้นบ้าน โดยมี 'น้องช้าง' เป็นประธานชมรมฯ ฉันเป็นฝ่าย ประชาสัมพันธ์ ด้วย 'เที่ยวบิน' แล้ว ฉันน่าจะเป็นประธานชมรมฯ แต่ฉันคิดว่า ควรให้โอกาส žคลื่นลูกใหม่ 'น้องช้าง' ขณะนั้น อยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนฉัน ใกล้จะจบแล้ว กิจกรรมหนึ่งของชมรมฯ ซึ่งฉันเป็นผู้ดำริคือ เอาเด็กผมจุก ผมแกละ และผมโก๊ะตามสลัม มาวาดภาพ เพื่อให้เขาได้มีโอกาส ทางสังคม เด็กผมโก๊ะคนหนึ่ง ได้รับรางวัลที่หนึ่ง ในการประกวดศิลปะเด็ก ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นแม่งาน รูปวาดของเขา ได้ลงปกหนังสือ เกี่ยวกับงานพัฒนาเล่มหนึ่ง ชื่อ สังคมพัฒนา

วันหนึ่ง ฉันไปที่สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เพื่อขอนิตยสารชัยพฤกษ ฉบับการ์ตูน มาแจกเด็กๆ คุณรงค์ ประภาสโนบล ซึ่งเขียนการ์ตูน ให้กับนิตยสาร ชัยพฤกษ์ และชัยพฤกษ์ฉบับการ์ตูน ในขณะนั้น ใจดีมาก 'พี่รงค์' ไม่รู้จักฉันเป็นการส่วนตัว แม้สักนิด แต่ยินดีเอาภาระ จัดการรวบรวมหนังสือ ให้อย่างเต็มใจ และเข้าใจ ฉันได้รับคำแนะนำว่า 'หากทำจดหมาย จากสถาบันฯ ขอไปเป็นพิธีกรรม สักหน่อยก็จะดี' ฉันดำเนินการ ร่างจดหมาย ในนามชมรม ศิลปะพื้นบ้าน ที่จริงแล้ว ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ที่ฉันรั้งอยู่ ก็สามารถเขียน ขอในนามนั้นได้ แต่เนื่องจาก ตั้งใจดี (ทว่าไม่มีสติ) ปรารถนา จะชูบทบาท ของ 'น้องช้าง' จึงทำจดหมาย ขอไปในนาม ประธานชมรมฯ

รอ' น้องช้าง' ลงนามหลายเพลา หากันไม่พบ ฉันจึงสวมวิญญาณ 'น้องช้าง' ลงลายเซ็นของเธอ ในจดหมาย เพราะขี้เกียจ เปลี่ยนจดหมายใหม่ (ตรงนี้เป็นผลอย่างมหาศาล แก่ชีวิตของฉัน ซึ่งเป็นบทเรียน อันมีค่าที่พึงจดจำ)

ฉันหอบหนังสือชัยพฤกษ์การ์ตูนจำนวนหนึ่ง จากสำนักพิมพ์ ไทยวัฒนาพานิช (ขณะนั้น อยู่ละแวกหัวลำโพง) มาวางไว้ที่ห้อง สภาคณาจารย์ ติดกับที่ทำการสโมสรนักศึกษาฯ โดยมิได้แจ้งแก่ใคร วางไว้แบบซ่อนๆ เพราะเกรงคนมือบอน จะฉวยเอาไป เดี๋ยวจะไม่ถึงเด็กๆ

ต่อมา ฉันได้รับจดหมาย จากสโมสรนักศึกษาฯ ขอให้ชี้แจง ประเด็นซักฟอก โดยคณะกรรมการนักศึกษาฯ ข้อหามีการกระทำ ที่ส่อไปในทางทุจริต ข้อยืนยันสองข้อ ในสิบสี่ข้อ ที่ผูกมัด ผู้ต้องหา อย่างชนิดดิ้นไม่หลุด คือ

๑.เธอปลอมลายมือประธานชมรมฯ เพื่อเอาหนังสือชัยพฤกษ์ฉบับการ์ตูน มาเป็นสมบัติส่วนตน ผู้ที่พิมพ์ จดหมายนั้น ยินดีเป็นพยาน

๒.พบหลักฐานการซ่อนหนังสือชัยพฤกษ์การ์ตูน ในห้องสภาคณาจารย์

เมื่ออ่านจดหมายจบ ฉัน 'ออกงิ้ว' อย่างไม่เคยซ้อม ตะโกนด่า คณะกรรมการนักศึกษาฯ ที่นั่งล้อมโต๊ะ ในห้องสภาคณาจารย์ เพื่อรอตอบ ข้อซักฟอกจากฉัน ภาษาพ่อขุนฯ หรั่งพรูออกมา ราวกับรฤกได้ว่า เคยเกิดในสมัยนั้น ความตอนหนึ่ง จำได้แม่นยำ ว่า

"ถ้าพวก-งไม่ถอนข้อกล่าวหา-ูจะแจ้งความ พวก-ง ข้อหาหมิ่นประมาทให้-ูเสียชื่อเสียง

ในที่สุด คณะกรรมการก็สลายตัว และถอนข้อกล่าวหา หากใช้ภาษิต "โกรธโง่ โมโหบ้า เป็นบรรทัดฐาน ฉันทั้ง 'โง่' และ 'บ้า' แม้ข้อกล่าวหา จะยุติแล้วก็ตาม ฉันยังด่าพวกเขา ไล่หลังไปหลายยก หากวิเคราะห์ ในเชิงทฤษฎีแห่ง 'กรรม' ฉันคงเคยใส่ไคล้ใครไว้ อย่างหนักหนา ในอดีตอันยาวนาน

อีกแล้วครับท่าน
หลังจากนั้น ฉันไม่เคยเข็ดขยาด ในการทำความดีชนิด 'ทำคุณบูชาโทษ' เมื่อเล่าเรื่องต่างๆ ที่ฉันถูกกระทำซ้ำๆ แก่บรรดาเพื่อนสนิท 'อีกแล้วครับท่าน' เพื่อนคนหนึ่ง เปรยขึ้นอย่างยิ้มๆ ฉันถูกวิพากษ์ว่า เป็นคนที่ดูท่าทาง ฉลาดปราดเปรียว แต่ที่แท้เป็นคน 'นาอี๊ฟ' (มาจากคำว่า naive แปลโดยนัยะว่า 'ซื่อบื้อ' คงหมายถึง 'ไม่ทันความซับซ้อน ของจิตมนุษย์') หากพูดเป็นภาษาไทย เพื่อนเกรง จะกระทบใจ เลยเอ่ยทับศัพท์ ภาษาอังกฤษ เพื่อลดความรุนแรง ในการวิพากษ์ (แท้จริงแล้ว ฉันไม่รู้ทันกิเลส ของคนนั่นเอง)

ราวเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฉันช่วยงานบุคคลหนึ่งอย่างทุ่มใจ ด้วยจิตปรารถนาดีต่อเขา และเห็นว่า จะเกิดผลที่ดี ต่อเยาวชน อานิสงส์ทางด้านกายภาพ คือน้ำหนักลดลงแปดกิโลกรัม ภายในสี่เดือน โดยไม่ต้องไป ศูนย์ลดน้ำหนัก

โง่ไม่เสร็จ
ต่อมา เพื่อนคนเดิม ที่รับรู้วีรกรรมวีรเวรของฉัน มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา ยี่สิบกว่าปี เจ้าของวลี 'อีกแล้วครับท่าน' กล่าววลีนี้ซ้ำ และให้สติพูดว่า 'หากเขาเล่นเพลงร็อค คุณก็ไม่ต้องเต้นตาม คุณจะไม่เสียพลัง' เพื่อนอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า 'ลองดูจิตของเราว่ามันกระเพื่อมขนาดไหน เมื่อได้ฟังถ้อยคำ ที่เขากล่าวหา อย่าไปสนใจเขา ดูใจเราให้ชัด พอแจ้งแล้ว เห็นอาการของมัน เราจะหยุด ความแกว่งของจิตได้ ด้วยปัญญา'

ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ ซึ่งผ่านกระบวนการทางสังคมโลก มาเกือบแปดสิบปี การตกผลึก ทางวิญญาณของท่าน กลั่นออกมา เป็นข้อเสนอแนะแก่ลูก

แม่บอกว่า "หากจะช่วยใครอย่าหวังแม้แต่เขาจะชื่นชมเรา เมื่อเรามิได้เป็นเช่นที่เขาว่า เราก็ไม่ต้องทุกข์"

พ่อบอกว่า "พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ การทำงานเพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน หากเสียประโยชน์ ด้านใดด้านหนึ่ง ก็หยุดการงานนั้น และหยุดอย่าง ไม่ต้องเสียใจ"

ฉันเข้าใจคำว่า 'ประโยชน์ตน' ที่พ่อพูด คือ มิได้หมายถึงประโยชน์ด้านวัตถุ เมื่อสติของเรา ยังไม่เต็มรอบ กัลยาณมิตร ผู้ชี้ประโยชน์ด้านจิตวิญญาณ เป็นเรื่องจำเป็น นับว่าฉันโชคดีมาก ในประเด็นนี้

เมื่อสองปีที่แล้ว สมณะโพธิรักษ์ กรุณาตั้งชื่อให้ว่า 'หายโง่' เป็นอนุสสติ หากฉันยังคงว้าวุ่น งุ่นง่าน ท้อแท้ ผิดหวัง เพ่งโทษ โกรธขึ้ง วันหนึ่ง ฉันอาจถูกถามว่า

"หายโง่ไม่เสร็จ...เหรอ เดี๋ยวเอาชื่อคืนมานะ"

๒๓ มีนาคม ๒๕๔๕

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๐ มีนาคม - เมษายน ๒๕๔๕)