dokya สัมภาษณ์ ฮิวโก้

สัมภาษณ์ จุลจักร จักรพงษ์ (ฮิวโก้ )


จุลจักร ฮิวโก้ จักรพงษ์ คือชื่อของหนุ่มลูกครึ่งวัย ๒๐ ปีคนหนึ่งที่ใช้ชีวิต อยู่ในต่างประเทศ มาตั้งแต่เกิด เป็นบุตรชาย ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ กับ แอลเลน เลวี่ เป็นหลานตา ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระโอรส ในสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ ซึ่งในเดือน มีนาคมนี้ จะครบรอบ ๑๒๐ ปี วันประสูติ

เมื่อสามสี่ปีก่อน ฮิวโก้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนในสังคม ตามเส้นทางเดินปรกติของ "หนุ่มไฮโซลูกครึ่ง หน้าใส หยิ่งนิดๆ" จากการเป็นนายแบบหน้าปกนิตยสารผู้หญิง นิตยสารวัยรุ่น หลายฉบับ เป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาสินค้า และเป็น พระเอก ละครโทรทัศน์

ในเวลาต่อมาแม้หนุ่มไฮโซหน้าใสผู้นี้จะเป็นดาราวัยรุ่นที่มีชื่อเสียง แต่เขาก็ปฏิเสธการไปออกรายการเกมโชว์ การเดินแบบ กลับชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือมากกว่าไปออกงานสังคมให้เป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ย่านตลาดคลองถม และสะพานพุทธ รู้จักคุ้นเคยเขาดี ยิ่งกว่าพนักงานขายของ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพราะเขา ไปเดินซื้อของมือสอง ที่นั่นแทบทุกสัปดาห์

ล่าสุด มีคนเห็นเขาไปร่วมงานรำลึก ๒๕ ปี เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สามชั่วโมงผ่านไป เมื่อการสัมภาษณ์จบลง เราต้องย้ำกับตัวเองว่า นี่คือคำพูดของเด็กหนุ่มวัย ๒๐ ที่คนในวงการ บันเทิง มองว่า เขาเป็นคนแปลกๆ

"ผมไม่ได้มองชัดกว่าคนอื่น แต่มุมที่ผมมองไม่เหมือนใคร"

สารคดี : ชีวิตวัยเด็กของคุณเป็นอย่างไร

ฮิวโก้ : ผมเกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรียนที่อังกฤษตลอด เคยกลัมมาเรียนเมืองไทย ระยะสั้นๆ ที่โรงเรียน สวนจิตรลดา ตอนชั้น ป.๒ หลังจากนั้น ก็กลับไปเรียบ พับบลิกสคูล ที่อังกฤษต่อ กลับมาเมืองไทยทุกปี ปีละสองครั้ง อยู่กับครอบครัวจริงๆ วันๆก็ไม่ได้คลุกคลีกับใคร นอกจากครอบครัว หรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่น ตามจังหวัดต่างๆ ระยอง เลย เชียงใหม่ ตอนนั้น ผมจึงไม่รู้เรื่องอะไรมากมาย เกี่ยวกับสังคมไทย พอเรียนจบไฮสคูล ก็กลับมาทำงาน ที่เมืองไทย จนถึงปัจจุบัน

สารคดี :ตอนอยู่ที่โรงเรียนประจำหรือพับบลิกสคูลที่อังกฤษ คุณใช้ชีวิตอย่างไร

ฮิวโก้ :ผมเรียนที่โรงเรียนชาเตอร์เฮาส์ คงเหมือนที่เราเห็นในหนัง เป็นพวกโรงเรียนโบราณเก่าแก่ มีกฎระเบียบ มากมาย แต่ทำให้ผมได้ฮามากกว่า เพราะบางทีเราไม่ต้องทำตามกฎเหล่านั้นก็ได้ แต่มันก็ดีอย่าง มันสอนให้เรา ต้องปรับตัว เข้ากับคนอื่นให้ได้ เพราะต้องอยู่กับคนมากมาย ในบ้านหลังเดียวกัน ตลอดเวลาห้าปี โดยไม่ต้องฆ่าหัน คือโรงเรียน เขาจะจัดที่พัก เป็นหลัง เรียกว่าเฮาส์ ในแต่ละเฮาส์ ก็จะมีนักเรียนอยู่ ประมาณ ๑๐ ถึง ๑๒ คน จากทุกชั้น ตั้งแต่รุ่นน้อง ถึงรุ่นพี่ สลับกันไป ต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ ตลอดห้าปี เราจึงต้องเป็นคนที่ สามารถเข้า กับคนอื่น แล้วก็พยายาม ให้คนอื่นทนเรา ได้อะไรมากกว่า แค่ไปหาวิชาความรู้ ในโรงเรียน

สารคดี :เหตุใดคุณจึงตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมที่อังกฤษแล้ว

ฮิวโก้ :ครับ ผมตัดสินใจมาทำงานเพื่อที่จะมีตังค์เลี้ยงตัวเอง คือจะได้เลือกทางของชีวิตเองบ้าง เพราะผมเห็นว่า บางที เด็กหรืออาจจะเป็นพ่อแม่ก็ได้ มักคิดว่าชีวิตมันเป็นเส้นทางที่ต้องทำตามขั้นตอน ถ้าไม่ทำตามก็ผิด แต่ผมว่า ชีวิตจริง มันไม่เป็น อย่างนั้น เสมอไปหรอก ไม่จำเป็นว่า เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ต้องไปเรียนต่อ มหาวิทยาลัย ไปฝึกงาน จบแล้ว เข้าออฟฟิศ ทำงานไปเรื่อยๆ

สารคดี :ทำไมถึงอยากจะหาเลี้ยงชีพตั้งแต่อายุยังน้อย ในเมื่อฐานะทางบ้านก็ดีมาก

ฮิวโก้ : มันรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องมานั่งใช้เงินพ่อแม่ตลอดเวลา ผมไม่สบายใจ ตอนผมอายุ ๑๗ ปี ผมก็เป็น ผู้ใหญ่พอแล้ว ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว ผมไม่อยากเป็นเด็กต่อไป ผมอยากรับผิดชอบอะไรบางอย่าง ถ้าผมทำอะไรผิดพลาด จากการที่ตัดสินใจ ไปเช่นนั้น ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมทำเอง ไม่ใช่เอาเงินของคุณแม่ ไปลงทุนบ้าๆบอๆ แล้วในที่สุด ก็เป็นภาระ ของคุณแม่

สารคดี :คุณคงอยากทำงานก่อนกลับไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย

ฮิวโก้ : เหตุผลที่ทำให้ผมไม่กลับไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในเวลานี้ เพราะผมยังไม่รู้ว่าผมต้องการเรียนอะไร ให้ผมไปเรียนอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ผมไม่เรียนแน่ ชีวิตผมไม่ได้วางแผนอะไรไว้มากมาย นอกจาก ความจำเป็น คือถ้าผมมีความจำเป็นเมื่อไหร่ ที่จะต้องไปเรียนต่อ เพื่อให้ได้ใบปริญญา ผมก็จะทำให้ได้ สมมุติว่า ผมอยากเป็นผู้กำกับหนัง แสดงว่า มันมีความจำเป็น ที่ผมต้องไปเรียน ทางด้านฟิล์ม เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม นั่นแหละ ผมก็จะเรียน แต่ตอนนี้ ชีวิตผม ยังไม่แน่นอน ผมไม่อยากไปยึดติดกับอะไร บางทีไปเรียนปริญญาพวกนี้ เสียเวลาไปสี่ห้าปี แล้วอยู่ๆไม่ชอบขึ้นมา ผมเป็นคน ที่เปลี่ยนใจเร็วมาก เดี๋ยวเห่ออันนี้ เดี๋ยวเห่ออันโน้น เรื่องการเรียน ผมยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะทำอะไร

สารคดี :วัยรุ่นอังกฤษส่วนมากจบชั้นมัธยมก็อยากจะหางานทำก่อนจะตัดสินใจเรียนต่อ

ฮิวโก้ : มีบ้าง มีก่อนจบด้วย เช่นเป็นบ๋อยในร้านอาหาร ส่วนมากก็ไปทำงานช่วยพ่อแม่ แล้วอีกอย่างที่อังกฤษ ในมหาวิทยาลัย จะมีเด็กนักศึกษา ที่ไม่เป็นเด็ก คือคนอายุ ๓๐ ปี ๔๐ ปี อยู่ๆคิดจะกลับไป เรียนต่อก็ได้ ไม่มีอะไร ห้ามคุณเลย แล้วผมชอบ ตรงนี้ คือมันอิสระ ในการเลือก เส้นทางชีวิตมากกว่า แม่ผมก็ไปทำปริญญาโท ตอนอายุ ๓๐-๔๐ ปีกว่า ไม่ได้เป็นปัญหา มันไม่มีอุปสรรคตรงนั้น แต่เมืองไทย ผมไม่เคยเจอ

สารคดี :ที่เมืองไทยเมื่อเด็กเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว มักจะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยเลย

ฮิวโก้ :ผมว่าข้อดีคือวันรุ่นไทยมีความตั้งใจมากกว่าวัยรุ่นอังกฤษ เพราะว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่รู้จักรุ่น ความเกรงใจ ระหว่างรุ่น มีมากกว่า คนเมืองนอก คนไทยก็เลยเชื่อฟังครู มากกว่านักเรียน ในเมืองนอก เชื่อฟังครูอย่างสิ้นเชิง นักเรียนไทยไม่ค่อยเถียง หรือต่อว่าครู เหมือนที่เมืองนอก ดังนั้นโดยธรรมชาติ โดยนิสัยแล้ว คนไทยจะเป็น นักเรียนที่ดี คนไทยเรียนจบไฮสคูลแล้ว ก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยเลย การเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ สำหรับเขา แต่ข้อเสีย ของตรงนี้ก็คือ มันเป็นกฎเกณฑ์ มากเกินไป หลายคนคิดว่า นี่เป็นทางเลือก ของชีวิตทางเดียว ที่ไม่มีทางอื่นให้เลือก จะพูดไปอย่างนั้น ก็อาจจะมีหลายคนว่า โอ๊ย ไม่ดี อย่าไปยุให้เด็ก ไม่ไปเรียนต่อ ผมยอมรับว่า การเรียนต่อ มันเป็น อะไรที่ดี แต่จริงๆแล้ว ไม่จำเป็น ผมว่าหลายคนไปเรียน ไปมหาวิทยาลัย โดยไม่รู้ว่า เขาไปทำไม เช่น บางคนเรียนจบ ปริญญา ประวัติศาสตร์ฮินดู แต่ตอนหลัง เพิ่งรู้ตัวว่า อยากเป็นช่างเหล็กมากกว่า ในขณะเดียวกัน ผมนับถือ คนที่ไปเรียนหนังสือ อย่างมีเป้าหมาย ตั้งใจ อยากมีความรู้ตรงนี้ หรือ อยากมีอาชีพตรงนั้น เพราะว่า เขาอดทนได้ ที่จะเรียนอยู่สี่ห้าปี เพื่อที่จะเป็นอะไร ที่เขาอยากเป็น ผมนับถือมาก แต่คนที่ไปเรียนต่อ ด้วยเหตุผล เพราะไม่กล้า เผชิญหน้า กับชีวิตการทำงาน หรือไปเรียน เพราะว่าคนอื่น เขาไปเรียนกัน ผมว่านี่แย่เหมือนกัน แย่พอๆกับ คนที่ไม่ไปเรียน เพราะขี้เกียจ

สารคดี :แต่ในสังคมไทย ปริญญาตรีเป็นวุฒิที่สำคัญ

ฮิวโก้ : แน่นอน ต้องมีปริญญาถึงจะมีงานทำ ผมอาจโชคดีที่งานของผม คนโง่อย่างผม (หัวเราะ) สามารถทำได้ เพราะอาชีพ ของผม มันไม่ได้อยู่ตรง การใช้ความคิด หรือใช้ความฉลาด แต่มันอยู่ที่การแสดง ซึ่งมันเป็นอะไร ที่สอนกันได้ ในระดับหนึ่ง แต่การแสดง ก็เป็นสิ่งที่คุณเรียน ไม่มีวันจบ

สารคดี : เพราะอะไรครับ

ฮิวโก้ : เพราะว่าการแสดงเป็นงานศิลปะ มันไม่ได้เป็นอะไรที่สอนได้ ผมาว่าบางคนเกิดมา มีพรสวรรค์ตรงนี้ นักแสดง หลายคน ไม่มีพรสวรรค์ ทำงานได้ซักพักก็หายไป แต่นักแสดง ที่อยู่นานๆ ไม่ใช่เพราะเขาจบการแสดงมา หรือ เขาเรียน มานาน แต่เป็นเพราะเขา มีพรสวรรค์ เขาเก่ง เขาเกิดมาอย่างนั้น ผมไม่ได้บอกว่า ผมมีพรสวรรค์ ผมสู้นักแสดง หลายคนไม่ได้เลย แต่เพราะว่า มีคนยังจ้างผม ให้แสดงอยู่

สารคดี : ทำไมถึงชอบเล่นละคร

ฮิวโก้ : ผมชอบเล่นละครเวทีตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว ผมชอบการแสดงทุกแบบ ผมว่ามันเป็นอะไรที่สะใจ เมื่อเรา เป็นคน คนหนึ่ง ที่ให้ความสุข กับคนจำนวนมาก ที่สำคัญ ผมอยากให้คนที่กลับ จากการทำงาน ได้ผ่อนคลาย หยุดโลก ซักชั่วโมงหนึ่ง แล้วมันไม่ใช่ผมคนเดียว ที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น เป็นนักแสดงคนอื่น ช่างกล้อง ช่างไฟ ทุกคนแหละ ที่สร้างโลก ในโทรทัศน์ ให้คนเขาดู ผมว่าละคร มันมีประโยชน์ตรงนี้ ผมชอบเล่นละคร เพราะเป็นหนึ่ง ในงานที่ดีที่สุดในโลก เพราะว่ามันสนุก แล้วการแสดง ก็เป็นงาน ที่ไม่ได้เหนื่อยมาก นักแสดงบางคน บ่นว่าเหนื่อย บางทีท้อ โอเค เหนื่อย อยู่กองถ่าย ตั้งแต่ หกโมงเช้าวันนี้ ถึงหกโมงเช้า วันรุ่งขึ้น แต่เชื่อผมเถอะ เทียบกับงานโรงงาน หรือทำไร่ทำนา โอ้โห สบายจะตาย

สารคดี : คุณเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของความหลากหลายมาก

ฮิวโก้ : ความหลากหลายเป็นเรื่องสำคัญ ความหลากหลายของข้อมูล จะทำให้คนเข้มแข็ง ถ้าคนเขามี ทางเลือก เยอะๆ ก็จะตัดสินใจได้เอง ว่าเขาชอบอะไรกันแน่ ผมว่าวัยรุ่นไทยหลายคน ไม่รู้หรอกว่า ตัวเองชอบอะไร เพราะถูกสื่อ กรอกหูทุกวัน ให้ชอบอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว แทนที่วัยรุ่น จะเป็นวัยที่มีอิสระ มากที่สุด ผมว่าวัยรุ่นไทย เป็นวัยรุ่น ที่ถูกบังคับมากที่สุด มีอิสระน้อยที่สุด เพราะถูกชี้นำ จากสื่อตลอดเวลา

วัยรุ่นเป็นอะไรที่ว่าแรงแบบบ้า จะมีอะไรมันๆ ออกมาตลอดเวลา เพราะเป็นวัยที่มีอิสระมากที่สุด แต่ในเมืองไทย ผมกลับเห็นว่าไม่ใช่ วัยรุ่นไทย โดยเฉพาะ ในกรุงเทพฯ ถูกบังคับมากกว่า ตอนอยู่กับพ่อแม่เสียอีก ถูกบังคับ ตลอดเวลาโดยสื่อ โดยทุนนิยม หรืออะไร ที่ลงท้ายด้วยคำว่า นิยมนั่นแหละ ความนิยมของคนเรา มันถูกบังคับ เพราะมันมี ให้นิยมน้อย มีให้นิยมไม่กี่แบบ

สารคดี : รู้สึกอย่างไรบ้างที่ดารามีอิทธิพลต่อผู้คนจำนวนมากในสังคม

ฮิวโก้ : ผมว่าอย่าไปใส่ใจกับคำพูดของดารามากเกินไป เขาไม่ได้จบอะไรมาที่จะมาสอนคุณได้ อย่างผมเป็นเด็กอายุ ๒๐ ผมจะรู้เรื่องอะไร มากกว่าคุณ เรื่องชีวิตไม่รู้หรอก เรื่องอะไรคนจะมาเชื่อผม ผมไม่ได้จบอะไร ผมไม่ได ้มีความรู้อะไร มากกว่าคนอื่น นอกจากผม อาจจะบอกคุณได้ว่า ถ้าคุณอยากหล่อ คุณลองหันหน้า ไปทางด้านนี้ อาจจะดูดีกว่า หรือ ตอนถ่ายละคร อย่าไปกวนตีน ช่างแต่งหน้า...อะไรอย่างนี้ คือแนะนำแค่นี้ได้ แต่เรื่องการใช้ชีวิต คุณควรสูบบุหรี่ไหม คุณควรดื่มเหล้าไหม คุณควรแต่งตัวเอ็กซ์ๆ ไหม มันเรื่องของคุณ คุณฟังพ่อแม่ดีกว่า คุณฟังครู ฟังพี่ชาย พี่สาว ญาติเพื่อน คุณแม่ หรือคนที่มีอายุมากกว่าคุณ แต่อย่ามาฟังดาราเลย เขาไม่รู้อะไร มากกว่า คนดูละคร คนไทยบางที ดูถูกตัวเองว่า ถ้าไม่อยู่บนจอ ก็ไม่เด่น ไม่ได้เป็นใคร ผมว่าบางทีคนไทย จะคิดว่าตัวเองโง่ บางทีก็คิดว่า ตัวเองด้อยกว่าลูกฝรั่ง ด้อยกว่าฝรั่ง คนที่แสดง อยู่ในจอโทรทัศน์ เขาไม่ได้ดีกว่าคุณหรอก แต่นั่นคือ งานของเขา เขาไม่ได้เป็นเทพ เป็นเทวดาอะไรหรอก งานของเขา ก็คือให้ความบันเทิง กับคุณแค่นั้น นอกจากนั้น เขาไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย โอเค ดาราควรเป็นตัวอย่าง ให้วัยรุ่นอยู่แล้ว ผมเป็นดารา ไม่ควรไปฉีดยากลางถนน ให้เด็กเขาดู แต่นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่ควรจะไปใส่ใจ กับดารามาก

สารคดี : อย่างเรื่องเกมโชว์ ที่คุณไม่ยอมไปออกรายการเลย

ฮิวโก้ : ไม่มีทาง ผมไม่ชอบเกมโชว์ และไม่เคยคิดจะไปออกรายการ เมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าอันนี้ไม่ใช่อะไร ที่ผมชอบ ผมก็ไม่จำเป็นต้องทำ การที่ผมมาทำงานแสดงตรงนี้ ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเอง ผมต้องการรักษา ความเป็นตัวเอง แล้วทำงาน ที่ผมรักและชอบ ถามผมว่า คิดอย่างไรกับเกมโชว์ทางโทรทัศน์ ผมไม่เข้าใจว่า ดูเกมโชว์ แล้วมันสนุกตรงไหน เอาดารา มาเมาท์กัน แล้วมานั่ง ตอบคำถามไร้สาระ แล้วก็แจกรางวัลให้ดารา ที่มีตังค์ เยอะอยู่แล้ว ผมเห็นว่า มันไม่มีลุ้น มันไม่มีอะไรเลย ผมไม่เข้าใจว่า คนที่ทำรายการ ซึ่งเป็นคนฉลาด และเก่งมา ทำไมเขาไม่ลองทำรายการ ที่มีประโยชน์ มากกว่านี้ แล้วดาราที่ไปออกรายการ ทำท่าทางบ้าๆบอๆ ก็ไม่ต้องมาบอกว่า ไปออกรายการ เพราะคอนเซ็ปต์ รายการดี น่าสนใจ ผมว่าไม่เกี่ยวหรอก มันคือผลประโยชน์อย่างเดียว คุณทำเพื่อตังค์ อย่ามาโม้ว่า มันเป็นสีสัน ของรายการโทรทัศน์ ไม่เกี่ยวเลย ผมอาจจะผิดนะ ที่พูดอย่างนี้ บางทีผมก็พูดตรงไป

สารคดี : คุณสามารถพูดได้ เพราะครอบครัวมีฐานะดีมาก ไม่ต้องแคร์อะไรมาก

ฮิวโก้ : ใช่ แต่ผมว่าดาราแต่ละคน ก็ไม่อดอยากถึงขนาดต้องขายกันขนาดนี้ ใช่ ชีวิตผมไม่ได้อดอยากอะไรเลย ทำให้มีทางเลือก เยอะกว่า แต่ถามว่า ถ้าไม่ไปทำงาน คอยนั่งอยู่กับบ้าน ใช้ตังค์พ่อแม่ ผมก็ทำไม่ได้ ไม่ไหว ผมจะขายหน้า ตัวเองมาก บางคนอาจคิดว่า ผมเป็นคนรวย ที่เดินเข้ามา เล่นละครสนุกๆ แล้วก็เดินออกไป แต่ผมเป็นนักแสดง คนหนึ่ง ที่เอาจริงมากที่สุด ผมทำเป็นอาชีพ ความตั้งใจ ที่ผมมีกับงาน ค่อนข้างจะสูง ผมเครียดนะ เวลาทำงาน เพราะผม อยากให้มันดีที่สุด

สารคดี : คุณมีทัศนะอย่างไรต่อเรื่องเซ็กซ์กับความรัก

ฮิวโก้ : เซ็กซ์กับความรัก มันไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าทั้งรักและมีอะไรกันด้วย ก็คงเป็นอะไร ที่สุดยอดอยู่แล้ว หรืออย่างคำว่า แฟน แปลว่าอะไร แปลว่า มีความสัมพันธ์ นอกเหนือจากเพื่อนหรือเปล่า เพราะบางที ผู้หญิงผู้ชายสองคน เป็นเพื่อนกัน วันดีคืนดีเมาๆ ก็นอนด้วยกัน แล้วตื่นขึ้นมา ก็โอเค ไม่มีปัญหา แต่สำหรับผมน่ะ แฟน แปลว่า สองคนที่รักกัน รักกันจนกระทั่ง ยอมรักคนอื่นไม่ได้ และคำว่ารัก ผมหมายถึง ต้องรักในจิตใจ และในร่างกายด้วย แต่ความหมาย ของคำว่าแฟน สำหรับคนอื่น ก็อาจจะไม่เหมือนกัน บางทีคนสองคน เจอกันเพียงคืนเดียว คาดหวังเหมือนกัน คือรักสนุก ชวนกันไปนอน จบแล้วก็จาก ไม่มีใครเสียใจ แต่มันจะเกิด เรื่องเสียใจ หากความคาดหวัง ของสองคน ไม่เหมือนกัน ถ้าคนหนึ่ง ซีเรียส อีกคนไม่ซีเรียส จะมีคนร้องไห้แล้ว (หัวเราะ) จะมีคนโดนยิง โดนฆ่า ในเวลาเดียวกัน เซ็กซ์มันมีความหมาย เยอะมาก แต่สำหรับบางคน มันไม่มีเลย วัยรุ่นหลายคน เชื่อว่าทำบ่อยๆ จะได้เก่ง ตอนเจอ คนที่เรารัก (หัวเราะ) นั่นก็ความเชื่อหนึ่ง ของวัยรุ่น โดยบางคน ไม่สนใจเรื่องโรค คืนเดียว เพื่อความสะใจ ความมัน ความเสียว มันไม่คุ้มหรอก กับสิ่งที่จะตามมา แล้วเมืองไทยเรา มีธุรกิจที่สนับสนุน ตรงนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งไม่เหมือน ที่ไหนในโลก เมืองไทยเรามีอาบ อบ นวดเป็นตึก เป็นอาคาร มีผู้หญิงขายตัวในนั้น แต่รัฐไม่ยอมรับว่า มันมี สังคมไทย ไม่ยอมรับว่า วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ เอากันเหมือนกระต่ายเลย วัยรุ่นไทย ถูกพ่อแม่ ห้ามตลอด "อย่าไปเที่ยวผู้หญิงนะ" "อย่าไปบ้าผู้ชายเลย" แต่ในห้องเรียน กลับไม่มีใคร ให้ความรู้ว่า "นี่ถุงยาง ใส่อย่างนี้นะ จะทำกันต้องอย่างนี้นะ ท่านี้มันอันตราย ถุงอาจแตกได้ มีสิทธิ์ติดโรคเอดส์ได้ หรือติดซิฟิลิสได้"

สารคดี : ดูคุณจะให้ความสนใจกับข้อมูลข่าวสารมากกว่าอย่างอื่น ในการแก้ปัญหา

ฮิวโก้ : ผมเชื่อว่าความรู้และข้อมูลเป็นอาวุธที่ปราบทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นยาเสพย์ติด โรคเอดส์ เราอยู่ในประเทศ ประชาธิปไตย เราต้องให้ทุกคนมีข้อมูล เกี่ยวกับทุกอย่าง เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ แล้วมาวิเคราะห์ และตัดสินใจเองว่า เขาจะทำยังไง กับชีวิตในทุกด้านเลย คุณไม่อยาก ให้คนเสพยา คุณต้องบอกเขา มากกว่านี้ แล้วต้องบอกเขา ด้วยวิธี ีที่ไม่น่าเบื่อ เช่นเราบอกวัยรุ่นว่า อย่าเสพยาเลย เราก็ต้องบอกว่า มันไม่ดีตรงไหน ไม่ใช่บอกว่า อย่ากิน เพราะเราบังคับ ไม่ให้กิน แต่ควรสอนว่า ถ้าหากน้องกิน น้องจะมีสภาพ เป็นอย่างนี้ เอาวิดีโอ ไปให้เขาดูเลย เหมือนที่ทำกัน ในเมืองนอก โอ้โฮ ฟังแล้วหนาวเลย เขาให้ดูคนที่ติดยา แอคซิทรายหนึ่ง ติดยาจนประสาทหลอน แล้วคิดว่า ตัวเองเป็นผลส้ม จึงเอามีด มาปอกผิวหนัง ตัวเองออกจนตาย เวลาสอนเรื่องยาเสพย์ติด เจ้าหน้าที่เมืองนอก เขาจะเอารูปศพ มาให้เด็กวัยรุ่นดู นี่น้องดูให้ดี เสพเข้าไปแล้ว มันจะเป็นอย่างนี้ มีอีกคนเสพยาแล้ว คิดว่าแฟนตัวเอง เป็นงูเหลือม เลยฆ่าแฟน คือต้องรุนแรง ต้องบอกว่า ถ้าจะกิน ก็ห้ามไม่ได้ แต่ถ้ากินแล้ว จะเป็นอย่างนี้ ผมว่า วัยรุ่นไทย ฉลาดพอ ที่จะมองแล้วไม่ ... เออ... กูไม่อยากเป็น อย่างนี้ว่ะ ผมว่าข้อมูล ความรู้ต้องชัดเจน แต่ถ้าเขารู้แล้ว เขายังดันไปเลือกอีก ก็ช่วยไม่ได้

สารคดี : ส่วนหนึ่งที่วัยรุ่นไทยติดยากันมาก อาจเป็นเพราะว่าไม่มีกิจกรรมอะไรจะทำหรือเปล่า

ฮิวโก้ : ผมว่านี่สำคัญเหมือนกัน นอกจากจะเดินตามห้างแล้ว คงไม่รู้ว่าจะไปไหนกัน ผมก็ไม่รู้ ส่วนมาก ผมทำงาน ตอนกลางวัน แต่ถ้าผมว่างขึ้นมาวันหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ผมไม่รู้จะทำอะไรเลย นอกจากไปดูวัด ไปดูอะไรต่างๆ มันก็สวย ไปดูตลาด แต่ว่ามันไม่มีอะไร แกลเลอรี่ก็น้อย ต่างจากที่อังกฤษมาก มีงานศิลปะ ให้ดูฟรีทุกวัน ละครก็มี ให้ดูเยอะแยะ แล้ววัยรุ่นไทย จะทำอะไร เสาร์ อาทิตย์ ก็โอ๊ย ...เบื่อ ตอนกลางคืน ก็เลยต้องปลดปล่อย ความเครียด ความเบื่อ ทุกอย่างให้หมด ทั้งเสพยา ทั้งเรี่องเซ็กซ์ จนติดเอดส์ ผมว่าปัญหาอย่างหนึ่งคือ มันไม่มีอะไร ให้เขาทำกันน่ะ แต่ต้องโทษ วัยรุ่นด้วยนะ อยากทำอะไร ก็สร้างกันเองสิ คุณจะบอกว่า รัฐบาลไม่ทำสถานที่เที่ยวให้ หรืออะไร มันไม่เกี่ยว มามัวโทษ รัฐบาล ตลอดเวลาไม่ได้นะ รัฐบาลไม่ใช่พระเจ้า แล้วมันมีเรื่อง ที่เดือดร้อนกว่า แหล่งท่องเที่ยว ของวัยรุ่น เช่นว่าน้ำท่วม ที่ภาคใต้ จะทำอย่างไรก่อน คือวัยรุ่น อยากทำอะไร วัยรุ่นก็มีพลัง ที่จะทำอะไรเอง วัยรุ่นมีโอกาส ที่จะสร้างอะไร ด้วยมือ ของเขาเอง ถ้ามีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ตั้งชมรมวาดรูป กลางสนามหลวง กันอะไรอย่างนี้ ก็น่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำเยอะกว่านี้

สารคดี : งานอดิเรกของคุณ คือการเที่ยวชมของเก่า แม้กระทั่งไปช่วยขุดฟอสซิลไดโนเสาร์

ฮิวโก้ :คือไดโนเสาร์มันไม่มีแล้ว แล้วผมคงไม่มีวันได้เห็นตัวจริง การสัมผัสที่ใกล้ที่สุด ก็คือไปดู กระดูกฟอสซิล ของมัน เพราะว่า มันเป็นอะไร ที่เหนือจินตนาการ มันยังรับไม่ค่อยได้ ว่าเคยมีสัตว์เหล่านี้ เดินไปเดินมาบนโลก เช่นเดียวกับ เรื่องทาง โบราณคดี โบราณคดี เป็นงานที่ต้องใช้ จินตนาการเยอะเหมือนกัน เพราะหลักฐานน้อย แม้แต่นครวัด หรือพีระมิด หรือ อะไรต่างๆ เราไม่รู้หรอกว่า เหตุผลที่เขาสร้างมัน เพราะอะไร เราวิเคราะห์กันได้ อ๋อ.... ตรงนี้แกะเป็นพระศิวะ พระอินทร์ อะไรก็ว่าไป แค่คุณก็ไม่ได้ทางรู้จริงๆ คุณจึงจำเป็น ต้องใช้จินตนาการ การแลกเปลี่ยนไอเดีย ที่ค่อนข้างเปิดและกว้าง เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า เราผิดหรือถูก ผมจึงชอบ โบราณคดีตรงนี้ มันเป็นวิทยาศาสตร์อันหนึ่ง ที่คล้ายๆศิลปะ มากที่สุด

สารคดี : การที่วัยรุ่นไทยใช้ครีม Whitening มันสะท้อนความคิดอะไร

ฮิวโก้ : มันสะท้อนว่าสื่อมี power กับวัยรุ่นไทยเยอะมาก ดูจากเทปสิ เพลงไหน ถ้าอัดมิวสิกวิดีโอมากที่สุด อันนั้นก็จะดังสุด และผมคิดว่า การที่มีพรีเซนต์เตอร์สวยๆ คนหนึ่งมาบอกคุณว่า คุณหน้าขาว แล้วจะดีขึ้นนะ นั่นคือ การให้ข้อมูลผิด ผมรู้ว่า บริษัทอยากได้กำไร รายการโทรทัศน์ ก็อยากได้โฆษณา แต่ต้องมีความรับผิดชอบบ้าง กับสิ่งที่คุณทำเอาไว้ สิ่งที่คุณ โฆษณาไว้ เพราะว่าวัยรุ่นรับหมด แต่หากเกิดมีวัยรุ่น ใช้ครีมทำหน้าขาว ของบริษัท คุณแล้ว เป็นโรคแพ้ อะไรบางอย่าง หรือใช้จน ผิวเสียตอนแก่ เขาจะมีสิทธิ์ ฟ้องหรือเปล่า ผมว่าบริษัทเหล่านี้ ต้องมีความรับผิดชอบ มากกว่านี้

สารคดี : คุณอยากจะบอกวัยรุ่นที่ใช้ครีม Whitening ว่าอย่างไร เพราะตอนนี้ กลายเป็นครีม ชนิดที่มียอดขาย สูงสุดไปแล้ว

ฮิวโก้ : หน้าคุณเป็นหน้าคุณ มันเป็นร่างกายคุณ คุณเปลี่ยนแค่ไหน มันก็เปลี่ยนไม่ได้ตลอด คุณต้องซื้อครีม ไปใช้เรื่อยๆ แต่โอเคนะ ถ้าคุณอยากขาวจริงๆ ก็เอาเลย คุณก็มีสิทธิ์ที่จะทำนะ ประเด็นของผมก็คือ เหตุผลที่คุณ อยากทำหน้าขาว คืออะไรกันแน่ คุณทำเพราะ คุณคิดว่า คุณสวยขึ้นจริงๆ หรือเป็นเพราะ มีคนหรือโฆษณา มาบอกคุณว่า หน้าขาว ทำให้ คุณสวยขึ้น แทนที่คุณ จะตัดสินใจเองว่า ความสวยงาม คืออะไร ผมว่ามันเป็นอะไร ที่ส่วนตัวนะ บางคนชอบผู้หญิงขาว หมวย เอ็กซ์ บางคนชอบดำ คล้ำ บางคนชอบผอมๆ บางคนชอบอวบๆ มันไม่ผิดตรงที่ เขาตัดสินใจ ที่จะใช้ มันผิดตรงที่ เขาตัดสินใจ ที่จะใช้ เพราะเขาเหมือนถูกบังคับ ไม่ถึงกับขั้น บังคับนะ แต่มันใกล้เคียงมาก

สารคดี : คุณคงถูกสอนมาไม่ให้เป็นคนที่เชื่อเรื่องอะไรง่ายๆ

ฮิวโก้ : ใช่ ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ตอนเด็กๆ แม่เคยสอนผมว่า เล็ก แตาไฟมันร้อนนะ ลูกจะไปจับเตา หรือไม่ ก็เป็นเรื่อง ของลูกนะ แต่แม่เตือนไว้แล้ว คือแม่คอยเตือน ให้คำปรึกษาทุกอย่าง แต่เรื่องจะทำ หรือไม่ทำ เป็นเรื่องของผม แม่ผมสอนอย่างนี้ อย่ายอมรับอะไรง่ายๆ ประมาณว่า ใครสั่งสอนอะไรมา ก็ "อ๋อ เหรอครับ" คือผมเป็นคนดื้อ ก่อนที่ จะเชื่ออะไร ต้องมีข้อมูล มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะทำให้ผมเชื่อ เป็นคนที่อยากพิสูจน์อะไร ด้วยมือผมเอง ข้อมูล เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่มีข้อมูลก็วิเคราะห์ก็วิเคราะห์อะไรไม่ได้ เราก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ เราก็รับแต่คำสั่งอย่างเดียว ซึ่งผมว่า มันไม่สนุกหรอก รับแต่คำสั่งอย่างเดียว ต้องลองคิด ลองใช้หัวคิดเองได้บ้าง ซึ่งมันก็มีข้อเสียบ้าง ทำให้ผมเป็นคนดื้อ

สารคดี : คุณจึงไม่ค่อยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อมาก

ฮิวโก้ : ผมอาจจะมีอิสระจากสื่อมากกว่า เพราะผมไม่ค่อยยอมรับให้มันเข้ามาในชีวิตผมมากเกินไป ผมถือว่า ไม่จำเป็น ผมไม่ค่อยดูโทรทัศน์มาก ถ้าผมดูก็ชอบดูหนังสารคดี สื่อไม่ค่อยเข้ามาเกี่ยวข้องกับผม แต่วิทยุยังสามารถ บุกเข้ามา ในบ้านผมได้ บางทีผมก็ต้องปิด เพราะไม่ไหว มีโฆษณาอันหนึ่ง ที่ได้ยิน มันหลอกเด็กชัดๆเลย เป็นแปรงสีฟัน ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ บอกว่า เป็นแปรงสีฟัน สำหรับวัยรุ่น ผมไม่เห็นว่า ปากวัยรุ่น จะต่างกับ ปากผู้ใหญ่ยังไง ถึงต้องการแปรง อีกชนิดหนึ่ง คือมันหลอกเด็ก ชัดๆเลย ถ้าคนเรา ไม่รู้จักสังเกตตรงนี้ เราจะถูกหลอก จนไม่มีตังค์เหลือใช้แล้ว ผมว่าน่าเกลียดมาก

สารคดี : แต่คุณเองก็ใช้ของแพงๆ อยู่เหมือนกัน

ฮิวโก้ : ของดีใครๆ ก็อยากได้ มีตังค์ผมก็ซื้อ แต่เหตุผลที่ผมซื้อ มันอาจจะต่างจากบางคน สมมุติว่า ผมจะไปซื้อ แว่นตากุชชี่ ผมก็ซื้อ เพราะผมคิดว่า ถ้าผมใส่หนึ่ง ดูดี สอง กันแดดใช้ได้ สาม เบาดีใส่แล้วสบาย นั่นคือเหตุผล ที่ผมซื้อ ผมไม่ได้ซื้อ เพราะคนอื่น บอกผมว่า ถ้าคุณใส่ คุณจะเท่ขึ้น ไม่เลย คนเราซื้อของ ซื้อเสื้อผ้าที่คิดว่า ใส่แล้ว ทำให้เราดูดี แต่ตราบใดที่เรา ซื้อเพราะว่า คนอื่นบอกว่า ถ้าอยากเท่ ต้องซื้อแบบนี้ อันนั้นมันผิด นั่นถูกบังคับแล้ว ในเรื่องความชอบส่วนตัว ไม่ควรมีใคร มาบังคับเราได้ คุณเป็นเด็ก วินมอเตอร์ไซด์ คุณก็ต้องใส่เสื้อกั๊ก แสดงว่า คุณเป็นเด็กวิน คุณเป็นพยาบาล คุณก็ต้องใส่ ชุดพยาบาล แต่นอกเหนือจากนั่น คุณจะใส่อะไรก็ได้ แต่เมื่อมีสื่อ มาบอกว่า ถ้าคุณไม่ใส่อย่างนี้แล้ว คุณจะไม่เท่ คุณจะเชย ..... วัยรุ่นไทย ให้ความสำคัญ กับแฟชั่น มากเกินไป ทำให้คนรู้สึกแย่ เพราะว่า ไม่มีมือถือรุ่นใหม่ ไม่มีหน้ากากมือถือที่สวย ผมเคยได้ยิน วัยรุ่นสาวสองคน คุยกัน ในรถไฟฟ้าว่า "โอ๊ย... น่าเบื่อจังเลย มีหน้ากากเดิม " (หัวเราะ) มึงเอ๊ย คิดกันได้แค่นี้ เสียดาย (ถอนใจ)

สารคดี : ถ้าคนเหล่านั้นเป็นพี่น้อง คุณอยากบอกอะไรเขา

ฮิวโก้ : ผมไม่ได้อยากสั่งให้ใครทำอะไรนะ ผมอยากให้เขารับเวรรับกรรม ที่เขาทำเอง (หัวเราะ) แต่ถ้าผม เป็นพ่อ เป็นแม่ ผมไม่รู้ว่า เขาจะฟังรึเปล่า ผมจะบอกว่า ถ้าเพื่อนและครอบครัว และคนที่รักคุณจริงๆนะ เขาไม่สนหรอก ว่าหน้ากากโทรศัพท์ มันสีอะไร หรือคุณหิ้วกระเป๋า ยี่ห้ออะไร ไอ้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าไปดูถูกกันเลย มันเป็นแค่ของ มันแค่เป็นความชอบส่วนตัว แล้วมานั่งซีเรียส มาร้องห่มร้องไห้ เรื่องกระเป๋า กันทำไมก็ไม่รู้ ไปขายตัว เพื่อซื้อกระเป๋า เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาบอกเลยว่า มีไก่เยอะมาก แล้วคนเหล่านี้ ไม่ใช่ไม่มีตังค์นะ แต่ก็อยาก มีมากๆ เพื่อซื้อพวกกระเป๋า ยี่ห้อดีๆ ผมว่าเขาเพี้ยน กว่าผมอีกนะ สมมติว่า คุณขายตัว เอาตังค์ไปเลี้ยงพ่อแม่ ที่ไม่มี อะไรจะกิน หรือไปส่งน้องชาย เรียนหนังสือ ยังพอเข้าใจได้ แต่ไปขายตัว เพื่อเอาเงิน ไปซื้อกระเป๋าแพงๆ อันนี้ผมว่าบ้า นี่โรคจิตของสังคม เราสุดๆเลย

สารคดี : คุณเป็นดาราวัยรุ่น ที่ไปร่วมงานรำลึกครบรอบ ๒๕ ปี เหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ด้วย

ฮิวโก้ : อ๋อ ... ใช่ (หัวเราะ) ผมไปดูรายการบนเวที มีละคร มีดนตรี ผมไม่เห็นว่ามันน่ากลัวตรงไหน ผมไปร่วมงาน ไม่ใช่ว่า ผมเป็นคอมมิวนิสต์ หรือผมเป็นกบฎอะไร แต่ความรู้ของผม ในเรื่องนี้มันน้อย ผมอยากรู้ว่า คนรุ่นนั้นคิดยังไง เหตุการณ์เดือนตุลา ที่เกิดขึ้นเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร คนบางคน ที่อยู่ในเหตุการณ์ เขาทำตัว อย่างนั้นทำไม ผมอยากรู้ ตรงนั้นมากกว่า แล้วผมเห็นด้วย กับหลายอย่าง ที่เขาพูด และไม่เห็นด้วย หลายอย่าง ที่เขาพูด ผมสนุกตรงนั้น คนพวกนี้ เมื่อสมัยที่เขาเป็นหนุ่มสาว อย่างน้อย พวกเขามั่นใจในตัวเอง กล้าที่จะแสดงออก วัยรุ่นเมื่อ ๒๕ ปีที่แล้ว ยอมตาย เพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ ผมอยากรู้ตอนนี้ หากบ้านเรา มีเผด็จการ เด็กนักศึกษาไทย จะทำอะไรกัน ผมว่าไม่ทำอะไรกันเลย ผมยังจำได้ว่า เมื่อตอนเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ผมอายุ ๑๐ ขวบ อยู่ที่ ลอนดอน แม่พาผมไปประท้วง ที่สถานฑูตไทย คนที่ไปประท้วง มีแต่คนรุ่นแม่ คนรุ่นน้า แต่นักศึกษาไทย ไม่ค่อยเห็น คุณอย่าคิดว่า บ้านเมืองจะสงบตลอด ในอนาคต ไม่มีอะไร แน่นอนหรอก

สารคดี : คุณรู้สึกอย่างไร ที่ชาวบ้านต่างจังหวัด มาประท้วงที่หน้าทำเนียบ

ฮิวโก้ : ที่มีคนใช้รถ ด่าพวกนี้ว่า ทำให้รถติด คนที่ด่าชาวบ้านเหล่านี้ คงลืมไปแล้วว่า ประเทศนี้มันสร้างด้วยอะไร มันสร้างด้วยเลือด ด้วยเหงื่อ ด้วยน้ำตาของคนเหล่านี้ แต่พวกนี้บ่น เพราะขับรถไปถึงออฟฟิสสาย โอ๊ย... (หัวเราะ) ผมว่าสิทธิ์ ที่จะไปประท้วงนี้ เป็นอะไรที่สำคัญมาก

สารคดี : เพราะอะไร

ฮิวโก้ : เพราะไม่อย่างนั้น รัฐบาลหรือใครที่ปกครองเราอยู่ สามารถเหยียบย่ำเรา ได้ตลอดเวลา โดยที่เราไม่มีสิทธิ์ พูดอะไร แล้วประชาชน ก็จะมาบ่นกัน ทีหลังว่า ทำไมเขาถึงทำ กับเราอย่างนี้ เรายังโชคดี ที่มีการประท้วง เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่อย่างเมืองจีนน่ะสิ ประท้วงไม่ได้ โดนรถถังวิ่งทับไปเลย

สารคดี : คิดยังไงที่ตอนนี้มีบริษัทข้ามชาติ เทสโก โลตัสจากอังกฤษ เข้ามาเปิดสาขา ในเมืองไทยมาก

ฮิวโก้ : ก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อดีก็คือ ความหลากหลายในสินค้า ที่เราสามารถเข้าไปซื้อ จากหลายประเทศ มันสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศด้วยธุรกิจ มันเปิดโอกาส ให้คุณทำงาน ในบริเวณที่คุณปลอดภัย ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้สินค้าไทย ต้องพัฒนา ให้มีคุณภาพดีกว่า ถ้าเราจะสู้ ส่วนข้อเสียก็คือ ความหลากหลาย ของสินค้าในร้าน อาจจะเยอะขึ้น แต่มันทำลาย ร้านค้าขนาดเล็กข้างนอก คนที่ไม่อยากไปทำงาน ในห้างใหญ่ๆ อยากมีบริษัทของเขา อยากกำหนด ชีวิตตัวเอง ก็ถูกบีบ ให้เลิกกิจการไป ปัญหานี้ที่เมืองนอกก็เกิดขึ้น ตามถนน ในเมือง มีแต่ร้าน Boots ร้าน Tesco ร้าน Mark $ Spencer เต็มไปหมด จนร้านค้าเล็กๆ อยู่ได้ยาก ส่วนตัวผม ก็ไม่ชอบนะ ที่ห้างใหญ่ๆ เข้ามาแรงขนาดนี้ แล้วเข้ามาบีบ ธุรกิจคนไทยออกไป แต่ถามว่า ห้ามได้หรือเปล่า นอกจากจะเป็นประเทศบ้าๆบอๆ อย่างเกาหลีเหนือ ก็คงไม่ได้ ปัญหามันแก้ไขได้ยังไง ผมว่าไม่ยาก คือทำโซนนิ่ง ให้พวกห้างใหญ่ๆ พวกนี้ไปอยู่นอกเมือง เหมือนอย่างที่ทำกัน ที่เมืองนอก แล้วในเมือง ยังมีตลาดนัดต่างๆ พวกร้านขายปลา ขายอาหาร จะมีสนามรบทางการค้า ก็ต้องเสมอภาคกันหน่อย

สารคดี : ทำไมคุณชอบไปเดินซื้อของแถวสะพานพุทธ

ฮิวโก้ : แถวสะพานพุทธ คลองถม มีของเก๋ๆ แปลกๆ เยอะ แล้วราคาถูกดี ผมไม่เห็นว่า ของมือสอง จะไม่ดีตรงไหน อย่างพวกเสื้อยืด ของเก่าออกแบบสวยกว่า ผมชอบสไตล์เก่าๆ ผมชอบของเก่า ทรงมันสวยกว่า ผมติดยุค ประมาณเมื่อ ๒๐-๓๐ ปีที่แล้ว รู้สึกว่า ตัวเองเกิดมาช้าเกินไป ผมก็เห่อของผม เขาบ้าเพชร ผมบ้าย้อนยุค นั่นคือความบ้าของผม มันชอบ มันเก๋ มันสวย ดูไปดูมา มันมีฝีมือ ผมรู้สึกว่า วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เขาทำน่ะ เหมือนเขาใส่ใจ แล้วเขารักงานที่เขาทำ

สารคดี : ไม่ค่อยสนใจภาพลักษณ์ตัวเองว่าใช้ของไม่มีราคา

ฮิวโก้ : มีสองอย่างที่กำหนดชีวิตผม คือความจำเป็นกับความชอบ ถ้าเรื่องอะไรที่ผมชอบ ผมก็จะทำ ถ้ามัน จำเป็นจริงๆ ผมก็จะทำ แต่ถ้ามันไม่จำเป็นแล้ว ผมไม่รักนะ ไม่มีทางที่ผมจะทำ อย่างเช่น การรักษา ภาพลักษณ์ ของตัวเอง คนอื่นในวงการ เขาจะแคร์ภาพลักษณ์ ตัวเองมาก เช่น ถ้าดาราคนนี้ ต้องถ่ายแบบ ขึ้นปกนิตยสาร ก็จะมานั่งแคร์ว่า ถ่ายกับใคร ถ่ายปก กับคนนี้ไม่ได้ หรือไม่ยอมเล่นละคร กับดาราคนนั้น เพราะมันคนละระดับกัน นี่มันบ้าไปแล้ว ไร้สาระ หรือผมไม่ค่อย ไปงานสังคม งานโชว์อะไรที่ใครๆ ในวงการเขาไปกัน ให้เป็นข่าว ตามหน้า หนังสือพิมพ์ ซึ่งผมไม่ต้องการ เป็นข่าวแบบนี้ ไม่มีใคร มายุ่งกับเรา แล้วผมก็ไม่ยุ่งกับใคร มันไม่ใช่ความจำเป็น ของชีวิตผม ที่จะให้คนเห็นผม อยู่ในสังคมตลอดเวลา นอกจาก ถ้าเพื่อนเปิดร้านอาหาร ผมไปแน่นอนอยู่แล้ว

สารคดี : ก็เลยชอบไปเดินซื้อของคลองถมมากกว่าเดินห้างสรรพสินค้า

ฮิวโก้ : รับรอง ถ้าผมจะซื้อเสื้อสวยๆให้แฟน ผมคงไม่ซื้อที่สะพานพุทธ แต่ไม่แน่ บางทีซื้อนะ แต่ถ้าจะซื้ออะไรดีๆ แบบดีๆเลย ผมไม่คิดในแง่ยี่ห้อ แค่คิดว่ามันสวย ถ้าผมชอบ ผมมีสิทธิ์ที่จะซื้อ แต่ยอมรับว่าเดินคลองถม เดินสะพานพุทธ มากกว่า เอ็มโพเรียม เพราะของมันหลากหลายดี สองอาทิตย์ ต้องไปครั้งหนึ่ง ไปดูว่า มีอะไรบ้าๆบอๆ ใหม่ไหม ของเล่นเก่า ชอบสะสม สวยดี

สารคดี : ทำไมคุณมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าคนอื่น

ฮิวโก้ : ผมเป็นคนนอก สังคมไทยยอมรับผมไม่เต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะเขาเห็นว่า ผมเป็นลูกเสี้ยวลูกครึ่ง ผมใช้ชีวิต ในเมืองนอก ได้เจอความหลากหลายของสื่อ ผมไม่ค่อยดูโทรทัศน์ ส่วนมาก ผมอ่านหนังสือตลอดเวลา อย่างน้อย เล่มสองเล่ม ไม่มีช่วงที่ไม่อ่าน เพราะคนเรา ไม่มีวันที่ข้อมูลจะพอ คนเราต้องมีความรู้ตลอดเวลา ผมไม่มีวันอิ่มข้อมูล โชคดีที่ผมคล่อง ภาษาอังกฤษ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือชั้นดี ของรัสเซีย แอฟริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หนังสือเหล่านี้ ถูกแปลเป็น ภาษาอังกฤษ หมด ผมคิดว่า อ่านเพื่ออะไร ผมก็อ่านได้ ภาษาไทย เป็นภาษาที่สวยงามมาก ผมว่า เป็นภาษา ที่เขียนเพลงเพราะกว่า ภาษา อังกฤษด้วยซ้ำ แต่ในแง่ของการหาข้อมูล หาความหลากหลาย ต้องภาษา อังกฤษ แม้แต่ที่จีนแดง รัฐบาลพยายามห้าม ไม่ให้มีข้อมูล แก่ประชาชน แต่เมื่อเขาอ่าน ภาษาอังกฤษได้แล้ว มีคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตนะ คุกของสมอง ก็ถูกทำลาย

สารคดี : คุณชอบอ่านหนังสือประเภทไหน

ฮิวโก้ : ไม่ค่อยชอบอ่านนิยาย นิยายส่วนมากก็อ่านไปเพลินๆ ส่วนมากเรื่องที่ผมชอบอ่าน คือเรื่องจริง เรื่องประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์แบบท่องจำ ว่าปีพุทธศักราชอะไร ใครทำอะไร แต่เป็นประวัติศาสตร์ ที่นักเขียน เขาเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ เอามุมมองใหม่ มาแสดงให้ดู เกี่ยวกับสงคราม หรืออะไรก็ว่าไป เคยอ่าน ประวัติศาสตร์ว งการภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับยุค ๖๐-๗๐ ที่พวกผู้กำกับใหม่ๆ ขึ้นมาปกครองฮอลลีวู๊ด ผมว่าน่าสนใจ คือผมชอบประวัติศาสตร์ เพราะว่า คุณไม่สามารถ เข้าใจอะไร ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต ถ้าคุณไม่เข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้น ในอดีต อย่างเช่นเรื่อง ตาลีบัน อัฟริกานิสถาน ที่ไปถล่มตึก เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะคนบ้าคนหนึ่ง ที่คิดว่า วันดีคืนดี จะเอาเครื่องบิน ไปชนตึก.... มันเกิดขึ้นจาก เรื่องที่ก่อมาเรื่อยๆ ผมไม่ได้ ว่าเขาถูก หรืออเมริกาผิด แต่ที่สำคัญ คุณต้องเข้าใจว่า มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ทุกอย่างมันมีเหตุผล อย่างเรื่อง สงครามยุโรป มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วหลังสงคราม จบไปแล้ว มีความเปลี่ยนแปลง อะไรบ้าง ทำไมอเมริกา ตอนนี้เป็นประเทศ ที่มีอำนาจ มากที่สุดในโลก หลายคนอาจจะถาม ก็ต้องดู ประวัติศาสตร์ มันจะทำให้ เข้าใจโลก มากขึ้น แล้วจะเห็นภาพกว้าง มันสำคัญตรงนี้

สารคดี : คุณเป็นคนที่สนใจศาสนาพุทธ แล้วความเป็นพุทธที่อยู่ในตัวคุณคืออะไร

ฮิวโก้ : ความเป็นพุทธ ที่นำมาใช้ในชีวิตก็คือ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับอะไรมาก เพราะว่ามีสี่อย่าง ที่แน่นอนในชีวิตก็คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นอกจากนั้นอย่าไปหวังอะไรมาก เพราะว่ามันไม่แน่นอน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด คือไม่มีอะไรแน่นอน อย่าไปยึดติด กับตรงโน้น อย่าไปยึดติดกับตรงนี้ เพราะมันอาจเปลี่ยน อีกอย่างคือเรื่องกรรม แค่ดูประวัติศาสตร์ อ่านประวัติศาสตร์เยอะๆ ก็รู้ว่ากรรมมีจริง บางทีมันเข้าใจยาก อย่างตอนนี้ ผมตบหน้าพี่ ตามหลักแล้ว พี่ก็คง ต่อยหน้าผม แต่ถ้าไม่ต่อยวันนี้ ก็คงต้องต่อย วันหน้า ชัดเจนเลย คือกรรมไม่ได้เป็นอะไร ที่เหนือธรรมชาติ และสุดท้าย คือเรื่องความโลภ เราจะปล่อย ความโลภ ควบคุมชีวิตเราแค่ไหน ซึ่งยอมรับว่า ความโลภ มันควบคุม ชีวิตผม มากพอสมควร แต่อย่างน้อย ยอมรับว่า มันคือความโลภ

สารคดี : ดูเหมือนคุณจะสนใจพุทธศาสนานิกายเซนมากกว่า

ฮิวโก้ : ถ้าถามว่าพระพุทธเจ้าเป็นเทพ เป็นพระเจ้า เป็นคนที่เหนือพระเจ้าหรือไม่ อันนี้ผมไม่รู้ แต่มีหนังสือหลายเรื่อง ที่เขียนเรื่อง ชีวิตพระพุทธเจ้า เขียนว่า ก่อนท่านตาย ท่านพูดว่า อย่ายกย่องฉันเป็นเทพ ดังนั้น ผมเป็นพุทธอยู่ในใจ คือศาสนาพุทธ มันเป็นอะไร ที่ไม่เกี่ยวกับตึก ไม่เกี่ยวกับคนอื่น มันเกี่ยวกับตัวเราเอง มันเกี่ยวกับ วิญญาณ ของเราเองว่า จะพัฒนามันแค่ไหน ดังนั้นการไปไหว้รูปปั้นทอง หรือห้อยพระรอบคอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เกือบทุกคนปฏิบัติ แต่สำหรับผมแล้ว ความเชื่อ ความศรัทธาของผม ต่อความเป็นพุทธ ไม่ได้อยู่ในสิ่งของ แต่อยู่ในตัวเราเอง อยู่ในใจ เราเอง แล้วไม่ได้ ไปบีบบังคับ คนอื่นทำ ไม่ต้องไปให้เขาเข้าใจ แต่ทุกครั้ง เวลาผมเข้าวัด ผมก็ก้มลง กราบ พระพุทธรูป ใส่บาตรก็ยังใส่ ความเคารพตรงนั้น ก็ยังมีอยู่ ผมชอบศาสนาพุทธ อีกอย่าง ตรงที่ไม่เคย ประกาศ สงครามกับใคร นั่นคือ แสดงว่า เป็นศาสนาที่โตแล้ว แต่บางศาสนา ซึ่งสอนให้คน เป็นคนดีทั้งนั้น แต่ถูกกษัตริย์ นักการเมือง นักบวชในสมัยก่อน นำไปใช้ทำสงคราม ผมจึงชอบ ศาสนาพุทธ ตรงที่ไม่เคย มีความรุนแรง

สารคดี : แล้วคิดจะเขียนหนังสือไหม ช่วงนี้ดาราหันมาเขียนหนังสือกันเยอะ

ฮิวโก้ : ผมว่าคนอายุ ๒๐ เขียนหนังสือไม่ได้หรอก

สารคดี : ทำไม

ฮิวโก้ : เพราะประสบการณ์ชีวิตไม่พอ ผมไม่เคยอ่านหนังสือดี ที่คนอายุต่ำกว่า ๓๐ เขียน หนังสือ นิยาย หรือเรื่องราวที่ดี คนอายุ ๒๐ อย่างผม ยังทำไม่ได้หรอก สังเกตอะไรทุกอย่างไม่ได้ ยังไร้เดียงสาบางอย่าง แต่คนที่มีอายุมาก มีประสบการณ์มาก เขาจะเข้าใจมากกว่า แล้วจะเล่าเรื่องได้ดีกว่า ผมยังไม่เข้าใจชีวิตพอ ยังเขียนไม่ได้หรอก

จาก นิตยสาร สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับ ๒๐๕ ก.พ.๒๕๔๕ หน้า ๗๕-๙๐ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์: สัมภาษณ์

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๐ มีนาคม - เมษายน ๒๕๔๕)