ฉันยังไม่เข้าใจ ชุดารา ภักดีจันทร์

เช้าแล้วข้าเกิดอารมณ์ขันขึ้นมาตะหงิดๆ

เพราะฉะนั้น ต้องขันซะหน่อยตามธรรมเนียม เพราะข้าเคยขันทุกเช้าเป็นประจำ ถ้าหากวันนี้เงียบไปเฉยๆ เจ้านายพุงอ้วนที่เอียงคออยู่จะแปลกใจ ผิดที่ผิดทางขึ้นมา เกิดหาว่าข้าเจ็บไข้ได้ป่วย ประเดี๋ยวจะเอา พริกขี้หนูแดงๆ ยัดคอข้าอีก จะได้เผ็ดแสบปากกันเปล่าๆ

"กรุ๊ก กรู้...กรุ๊ก กรู๊...กรุ๊ก กรู้...กรุ๊ก"

ข้าบินอยู่นานชั่วบินลัดทุ่งทีเดียว เออ...ข้าก็เปรียบเทียบเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเองแหละ ความจริง เวลาได้ ออกจากกรง ข้าไม่บินไปไหนไกล เพราะกลัวกลับบ้านไม่ถูก การไปติดอยู่ที่อื่น นี่ลำบากนะ เวลาหิวขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะหากินที่ไหนอย่างไร คงวุ่นพิลึก ข้าเลยแค่โฉบมาอยู่ บริเวณหลังคาบ้าน แต่บางทีนึกครึ้มๆขึ้นมา ก็มีเหมือนกัน ที่ย่องไปดูไอ้พวกกระจอก มันเล่นไล่ตีกัน แถวเสาไฟฟ้า ก็น่าสนุกดีอยู่หรอก ถ้าเสียงของมัน ไม่เกรี้ยวกราด ต่อรูหูจนเกินไป แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี่ เป็นเรื่องนานมาแล้ว เดี๋ยวนี้เจ้านายข้า ไม่เคยให้ออก จากกรงเลย

อือ...นิ่งอยู่นานแล้ว ขันอีกทีดีกว่าตามสูตรสำเร็จที่เคยทำมา

"กรุ๊ก กรู้ๆๆๆ"

ข้าขันอยู่นานชั่วบินลัดทุ่งทีเดียว เฮ้ย!อย่าเพิ่งวิจารณ์ซิ ก็บอกแล้วไงว่าไม่เคยบินไปไหน ข้าจินตนาการ ส่งเดชอยู่ซ้ำๆซาก แบบนี้เสมอแหละ เพราะประสบการณ์มีจำกัด กรุณาเข้าใจนก ในกรงขัง อย่างข้าด้วย ข้ามีพี่น้อง มากมาย ไม่ใช่พวกพิราบขาว ที่ว่างงาน ได้เที่ยวผายปีกอาบแดด ให้คนเอาไปเป็น สัญลักษณ์ แห่งเสรีภาพ

เฮ้อ...อย่าเพิ่งเสียดสีนกอื่นอยู่เลย เช้านี้ข้ารู้สึกเสียงดี---คอจริงๆ ขันอีกทีเถอะ เพื่อจะได้ดู พฤติกรรมแปลก ของเจ้านายอีก

"กรุ๊ก กรู้ๆๆ"

นั่นไงๆ ข้าว่าแล้วเชียว เจ้านายข้ามานั่งยิ้มแป้นเลย ดูซิดวงตางี้หวานฉ่ำเป็นสับปะรดแฉะ เลยทีเดียว ทั้งยังทอแสง เป็นประกายซะด้วย

พวกมนุษย์นี่แปลกพิลึกพิลั่น ข้าเป็นนกแท้ๆ เขายังอุตส่าห์ เอาใส่กรงมาแขวน ให้ข้ากินอยู่หลับนอนด้วย ถึงในห้องในหับ แถมก่อนนอน เจ้าพุงพองบนเตียงนั้น ก็ต้องเข้ามาสุงสิง กับข้าก่อนทุกที ลูบหัว ลูบหางเอย คลำปีกฉีกขาเอย จับพลิกหงายท้องเอย สารพัดสารพัน พร้อมกับพร่ำอยู่ ไม่ขาดปากว่า ลักษณะดีๆ... รำคาญจริงๆ แหม! นกจะหลับจะนอน ไม่รู้จักเกรงใจกันบ้างเลย

ความเพี้ยนของเจ้านายข้ายังมีอีกเยอะ เชื่อไหมล่ะ เวลาเช้าๆนะ พอข้าขันขึ้นมาทีไร เจ้าพุงพอง เจ้านายที่นอนอยู่ บนฟูกสามชั้น เป็นต้องผงกหัว ขึ้นเคาะอาการ ตามจังหวะของข้า ไปด้วยทุกที แต่บางที ก็หนักกว่านั้น คือจะเด้งตัวผึงขึ้นมานั่ง พยักหน้าหงึกหงัก อยู่ที่ขอบเตียง พร้อมกับพึมพำ "เสียงดีๆลูกพ่อ" อยู่ไม่หยุด ไม่หย่อน เหมือนคนเสียจริต

ระยะหลังมานี่เจ้านายข้ายิ่งเพี้ยนเข้าไปใหญ่ ตั้งแต่มีมนุษย์แปลกหน้าสี่ห้าคน เข้ามารุมล้อม ดูข้า วันนั้นแล้ว ทำให้ข้าพลอยฟั่นเฟือน แทบไม่ได้หลับได้นอน ดูเอาเถอะ เช้าๆยังไม่ทันได้แหกขี้ตา ก็ต้องรำคาญ ประสาทหู กับเสียงดีดนิ้ว ของเจ้านาย ที่ดังป๊อกๆๆ อยู่ข้างกรง พอข้าเกิดอารมณ์ขัน ขึ้นมาเข้า ก็ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ แล้วจ้องด้วยประกายตาชื่นชม ราวกับข้าเป็นหญิงสาว มหาเสน่ห์คนหนึ่ง ยังไงยังงั้น เท่านี้ยังไม่พอ ข้ายังต้องระคายหู กับคำซ้ำซาก ของเขาที่ว่า "ชนะเลิศ ลูกพ่อต้องชนะเลิศ" หลังจากดวงอาทิตย์ โหนฟ้าขึ้นไป ไม่กี่ระดับ ข้าเองก็ยังไม่อิ่มน้ำ อิ่มข้าวดี โธ่เอ๊ย! เจ้านายข้า เขาหิ้วกรง ออกไปโน่นแล้ว เอาไปผูกเชือก ชักขึ้นไปปลายเสา ที่หน้าบ้าน เขาเห็นว่า ข้าเป็นธงชาติ หรือไงไม่รู้ ก็ดีอยู่หรอก กับการได้สูดอากาศสดใส ยามเช้าๆ แต่ข้าสุดรำคาญ กับไอ้พวกกระจอกนะซิ ตะกละมากเลย ไอ้พวกนั้น มันยกพวกมา ตั้งมากมาย มาถึงแล้ว ไม่เคยพูดพร่ำ ทำเพลง เอาแต่โผล่หัว เข้ามากินข้าวเปลือก ในกรงอย่างเดียว เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ อาหารข้าหมดเรียบ แถมยังขี้รดกรง ให้บำเหน็จซะอีก ข้าไม่รู้ จะพูดยังไงจริงๆ กับไอ้พวก นกกระจอกนั้น

เหตุที่พูดมายืดยาวทั้งหมดก็ไม่ใช่อะไรหรอก อยากจะบอกว่า ค่อนข้างจะเพี้ยน รักข้ามากกว่าเมีย ของตัวเองเสียอีก วันก่อน ลูกคนเล็ก เผลอขว้างก้อนหิน มาโดนกรงข้าเข้า ยังถูกจับฟาด เสียเกือบเป็น เกือบตาย

เฮ้อ!...ช่างเถอะ เกิดเป็นเด็กก็น่าสงสาร วกเข้าหาเรื่องเดิมกันอีกทีดีกว่า

เช้านี้ข้าขันได้สามคาบแล้ว เจ้านายพุงพองของข้ายิ้มแป้น และกระโดดผลุง ลงจากเตียง แล้วเช่นกัน ทีนี้ไม่ต้องบอก ก็คงรู้แล้วละว่า ต้องตรงมาหาข้าแน่ นั่นเห็นไหม ยิ้มตาวาวเข้ามาแล้ว ตอนนี้เขาเปิด ประตูกรง โผล่มือเข้ามาจับข้า ออกไปด้วย แน่ะดู ทำท่าจะกอดจูบข้าซะแล้วไหมล่ะ หน้ายังไม่ได้ล้าง เลยนะเนี่ย

"ชนะเลิศ วันนี้ลูกพ่อต้องชนะเลิศ"

อีกแล้ว เอาอีกแล้ว ชนะเลิศอีกแล้ว ข้าจะเกลียดยิ่งกว่าหนอน ในห้องส้วมซะอีก

ข้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้เหมือนกันว่า พวกที่รูปร่างเหมือนข้านั้น ถูกนำมาจากไหน เต็มไปหมด พวกมันต่างอยู่ในกรงสวย ที่แขวนเป็นแถวๆ ไว้บนเสาเหล็ก แต่ละตัว เกาะคอนโก่งคอ พร้อมกับทำท่า หลุกหลิก เหมือนสาวๆ หน้าเวทีคอนเสิร์ต ที่ข้าเคยเห็น ในโทรทัศน์ เสียงพวกมัน ขันแข่งกัน ฟังดู คลุ้มคลั่งไปหมด ขี้หูก็สะเทือน แทบจะหลุดออกมาข้างนอกแล้ว ไม่ยอมเงียบกันซะที

บนพื้นดินที่เป็นสนามกว้าง ข้าเห็นรถยนต์หลายรูปแบบจอดเรียงรายกัน อยู่โดยรอบ พวกมนุษย์ มากันมากมาย หน้าตาและการแต่งกาย ของแต่ละคน แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนๆกันคือ พวกเขาเงยหน้า มองกรงโน้นกรงนี้

หลังจากกรงถูกแขวนไว้ กระผมยังไม่เห็นท่านเจ้านายเลยครับ (พูดสุภาพแบบนี้ไม่ใช่นิสัย ของข้าหรอก ดัดจริต เอาเท่านั้น) อ้าว!...นั่น เห็นแล้ว พอพูดถึงก็มาทันทีทีเดียว เหมือนพระเอกในละครโทรทัศน์ ไม่มีผิด ยืนกุมขมับ มองข้าอยู่นั่นไง หน้าตาก็เหยเก เหมือนจะร้องไห้ด้วย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ข้าสงสัยจริงๆ

มีมนุษย์สองสามคน เดินมาหยุดอยู่ใต้กรงข้า พวกเขามีสีหน้าประหลาดใจ แล้วข้าก็ได้ยิน คำสนทนา

"ไอ้ตัวนี้ ไม่ขันเลยนี่หว่า ส่งมาประกวดได้ยังไง"

"สงสัยนกเถื่อนว่ะ ไม่งั้นก็ตื่นสนาม"

พวกเขายุกยิกปากกันอีกหลายคำ ก่อนเลยไปกรงอื่น มีมนุษย์หน้าใหม่มาอีกหลายคน แต่ข้าไม่อยากสนใจแล้ว ว่าพวกเขา จะพูดพิลึกพิเรนท์อะไรอีก

วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์ขันเลย ในหัวอกมีแต่อารมณ์เครียด อากาศก็ร้อนอบอ้าว พวกมนุษย์ทั้งหลาย ก็ดูวุ่นวาย ยิ่งพวกในกรงต่างๆ ส่งเสียงขัน คลุ้มคลั่งเข้าไปอีก อารมณ์เครียดของข้า ก็แทบจะเปลี่ยน เป็นอารมณ์บ้า ข้าเลยบิน กระแทกรอบทิศทาง เพื่อจะฉีกกรงออกมา ไม่นานข้าก็เห็นเหล็กตะขอยาว ชูขึ้นมา ปลดกรงข้าลงไป

เช้าแล้ว ข้ารู้สึกเป็นสุขขึ้นมาก กับการได้เปลี่ยนที่อยู่ กรงใหม่ความจริงน่าจะเรียกว่า คอกมากกว่านั้น แม้จะดูทึบ ครึ้มไปบ้าง แต่ก็กว้างขวางดี ที่เป็นสุขเหลือกล่าวคือ ข้าไม่ต้องรำคาญ ประสาทสัมผัส อยู่ในห้อง ของเจ้านายอีกแล้ว ก็เจ้าพุงพองนั่นแหละ เป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง ให้เกิดขึ้น เขาบอกกับมนุษย์ ข้างบ้านว่า ข้าเป็นเสนียด (โธ่ หลงคิดตั้งนานว่า ข้าเป็นนกเขา) ข้าเลยได้มาอยู่ในคอกไก่ ที่เรือนคนใช้ แล้วเจ้านายข้า ก็หาไอ้ตัวใหม่ ที่เขาคิดว่าเป็นนกเขา ไปไว้ในห้องแทน

เจ้านายข้าคงคิดถูกแล้วแหละว่า ถึงเอามาไว้ที่นี่ ข้าก็คงไม่หนีไปไหนแน่ เพราะตอนนี้ ข้าสบายดี ทั้งที่กิน และที่อยู่ แย่งข้าวเปลือกกับไอ้โต้ง ฟังมันขัน แล้วข้าก็บินจับคอน ดูนั่นดูนี่ ช่างแสนจะเป็นสุข ทั้งบรรยากาศรอบนอก ก็เป็นใจให้สดชื่น ดูซิ ลมเย็นพัด ยอดไม้เอนไหว และ กัลปพฤกษ์ ออกดอก เป็นช่อเหลือง เรืองไรน่าชื่นชม ขณะนี้ข้ากำลังมอง ไอ้พวกกระจอกหนุ่มสาว ที่จู๋จี๋กันอยู่บนกิ่งไม้ ข้าเพิ่งรู้ว่า พวกนี้ก็มีสุนทรีย์ ในหัวใจเหมือนกัน

นับจากวันที่ข้ามีอารมณ์เครียดวันนั้นแล้ว ไอ้พุงพองแสนจะเกลียดขี้หน้า ข้าที่สุด เข้าใจยากจริงๆเลย เจ้านายข้า อ้าว!...พอพูดถึง ก็มาทันทีเหมือนพระเอกละครอีกแล้ว เขาเดินหิ้วกรงนก ตรงมาทางนี้ซะด้วย ไอ้ตัวที่อยู่ในกรง รูปร่างหน้าตา ก็ไม่ผิดกับข้านี่หว่า แล้วทำไม มันจึงไม่เป็นเสนียด เหมือนข้า

เจ้าพุงพองเดินเข้ามาเกือบถึงแล้ว อารมณ์ขันแกมทะลึ่งของข้า บังเอิญก่อตัวขึ้น ในบัดดล เพราะฉะนั้น จึงต้องขันซะหน่อย ให้เจ้านายได้ฟังเสียง อันเพราะพริ้ง ของยอดเสนียด อย่างข้า

"เอ๊ก อี้ เอ็ก กก...เอ้ก"

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๑ พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๔๕ ฉบับ จุดเเทียนพรรษา)