ปัจฉิมลิขิต - กอง บก.


* ผมได้รับทราบความรู้ใหม่ๆ ทั้งส่วนของวิชาความรู้ทางฝ่ายโลก และธรรม เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ การได้สัมผัส กับสิ่งที่ดีงาม แม้จะผ่านทางวิธีการสื่อสาร ยังนับว่าเป็นประโยชน์ต่อจิต-วิญญาณ เหมือนได้เติมศรัทธา ให้มีกำลังอยู่ อย่างสม่ำเสมอ และเพิ่มพูนปัญญา พร้อมกันไปด้วย จากสิ่งที่ ถูกมองข้ามไป ก็ได้เริ่มนำมา พิจารณา ใคร่ครวญใหม่ และพยายามนำไปปฏิบัติที่กาย วาจา ใจ บางสิ่ง บางอย่างแม้ว่า จะทำไม่ได้ในขณะนี้ หากได้นำมา พิจารณาอยู่เนืองๆ คิดว่า คงจะสามารถกระทำ ให้เป็นรูปธรรม ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในโอกาสต่อไป
คุณัช คงจันทร์ / สงขลา

นักกีฬาที่เก่งกาจ ต้องผ่านการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า นักรบกองทัพธรรม ก็ต้องผ่านการฝึกฝนแล้ว ฝึกฝนอีก เช่นกัน ทั้งคิดดี พูดดี ทำดีอย่างนี้... ตำแหน่งยอดนักรบ.. จะไปไหนเสีย !


* ผมจะขอเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ต่อสู้คนชอบทุจริตต่อไป เพราะการทำความดีนั้นมันยาก ได้รับผลช้า แต่ผมก็ทำ ต่อไป
สันติ คำมะวงษ์ / นครราชสีมา

การทำความชั่วบางครั้งก็ ทำได้ยาก และได้รับผลช้า เขาจึงประมาทคิดว่ากรรมชั่วไม่มีผล จึงน่าสงสาร ที่เขาใช้ชีวิต อย่างประมาท การต่อสู้คนชอบทุจริต ก็ขอให้สู้ ด้วยจิตเมตตา กรุณาเถิด


* ขอขอบคุณทุกท่านที่นำเสนอแต่สิ่งดีๆ ให้ ข้าพเจ้าได้รับดอกหญ้าแล้วต้องรีบอ่านทันที ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อย ได้ตอบมา เป็นความบกพร่องของตัวเองที่ต้องแก้ไข ฉบับนี้จึงลงมือตอบรับกลับมา และ ส่งแสตมป์มาด้วย จำนวน ๕๐ ดวง ส่วนการต่อสู้กับกิเลสในตัวเองก็ยังปฏิบัติอยู่ แม้ว่าบางครั้ง จะมีอุปสรรคบ้าง ก็จะต่อสู้ต่อไป จะไม่ยอมแพ้ เด็ดขาด และจะไม่ให้เสียชื่อผู้ปฏิบัติธรรมเด็ดขาด
เพ็ญศรี จันทร์หอม / สมุทรปราการ

ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเด็ดขาด และอาจหาญในการต่อสู้อย่างนี้สิ


*เริ่มกินมังสวิรัติตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ เรื่อยมา งดเว้นเนื้อสัตว์ + ไข่ โดยเด็ดขาด ตอนเริ่มกินใหม่ๆ ถูกคนอื่น ค่อนขอดอยู่มาก (เข้าทำนอง 'มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ') แต่ก็ไม่เลิกนะคะ เพราะถือว่าไม่ได้รบกวนใคร และพยายาม ไม่ไปว่า คนที่กินเนื้อสัตว์ด้วย ไม่สร้างศัตรู ตอนหลังพอคนอื่นเห็นว่า ดิฉันมีสุขภาพดี หน้าตา แจ่มใสขึ้น ก็เริ่มหันมาทานตามบ้าง ดิฉันกินข้าวกล้อง + เมล็ดธัญพืชหลายชนิด (ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ หุงรวมกับข้าวกล้อง + ข้าวมันปูแดง + ลูกเดือยด้วยค่ะ) กินอย่างนี้ เป็นประจำ ทานงาดำด้วย ไม่ค่อยกินขนมหวาน, ไขมัน สาเหตุที่สามารถ กินมังสวิรัติได้ยั่งยืน ไม่ล้มเลิก กลางคัน เพราะเรามีเหตุผลต้นปลายที่ชัดเจนว่า เรากินเพื่ออะไร และควรจะกินอย่างไร จึงจะไม่ขาด สารอาหาร ศึกษาข้อมูล มาอย่างดี กินด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยศรัทธาอย่างเดียว เหมือนคำคมที่ว่า "คนเรา จะมั่นคง เพราะชัดเจน" พอรากฐานมันมั่นคงเสียอย่าง โดนอะไรกระทบ ก็ไม่คลอนแคลนง่ายๆ จริงไหมคะ
ปัทมา แขวงโสภา / กทม.

จริงแท้ทีเดียว ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนางมงาย ต้องมีทั้งการปฏิบัติและมีปัญญาประกอบครบพร้อม นี่คือศรัทธา ที่มีปัญญา ของพุทธศาสนิกชน


* การปฏิบัติธรรมของดิฉัน ไม่ก้าวหน้า รู้สึกจิตตกลงมาก และรู้สึกเบื่อหน่ายค่ะ.. เพราะเจอผัสสะ กระทบ มากค่ะ..ทั้งเพื่อนทั้งลูกๆ หนีขึ้นไปบวชบนวัดก็เจอที่วัดอีก.. จิตตกมากค่ะ..
ลาวัณย์ / เพชรบุรี

'ปัญหา' ไม่ได้อยู่ที่ผัสสะ หรืออยู่ที่ใครๆ หรอก แต่อยู่ที่จิตของเราต่างหาก ที่อ่อนไหวต่อโจทย์ เมื่อเวลา เจอโจทย์ จึงพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ ฉะนั้นน่าจะลองปรับแก้ตัวใหม่ เมื่อ เจอโจทย์ทุกครั้ง ลองหันมา มองที่ตน หาจุดบกพร่อง ของตนให้เจอ แล้วแก้ไขที่ตนก่อนอื่นใดเลย ทำตน ให้ลดละทุกข์ก่อน ลดละ กิเลสตนก่อน แล้วจึงค่อย หันไป มองผู้อื่น แก้ปัญหาผู้อื่น ซึ่งก็ต้องแก้ด้วยจิตเมตตากรุณา และข้อสำคัญ อย่าคาดหวังว่า ทุกอย่าง จะได้ดั่งใจเรา ปัญหาบางอย่าง เราอาจจะแก้ไขไม่ได้เลย แต่เราก็แก้ไขจิตเราได้ ด้วยการวางใจ ไม่ให้เป็นทุกข์


* ได้อ่านแล้วก็เกิดความเข้าใจขึ้นมาว่า แม้แต่ตัวเราเองยังเข้าใจได้ยาก แล้วจะให้ใครที่ไหนมาเข้าใจเรา จึงทำให้ เราทำใจได้
สามเณรวศิน แซ่ยะ / เชียงใหม่

รู้เรารู้เขา รู้เขารู้เรา ก็จะปลงวางได้ ใจก็จะสบายๆ


* ดิฉันรับประทานมังสวิรัติมา ๙ ปี เพิ่งทราบจากธรรมชาติอโศกในอินเดีย ตอนที่ ๖ (ดอกหญ้าอันดับที่ ๙๙) ว่ากินมังสวิรัติแบบมั่วๆ ดิฉันไม่มีพ่อครัวชาวอินเดียมาทำแกงถั่วดาล แกงส้มยีให้รับประทาน ได้แต่ รับประทาน น้ำพริก ผัก ต้มยำ แกงส้ม ด้วยพืชผักง่ายๆ ตามฤดูกาลในเมืองไทย เพราะดิฉันเป็นคนไทย ที่ตัดสินใจ รับประทานมังสวิรัติ (แบบมั่วๆ) เพราะ
๑. ไม่ต้องการเบียดเบียนใคร
๒. เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
๓. เพื่อชำระล้างจิตใจควบคู่กันไป
เจอะเจอใครก็แนะนำให้ทานมังสวิรัติ จะทานแบบเขี่ยหมูทิ้ง (เจเขี่ย) หรือทานเฉพาะวันสำคัญๆ หรือช่วงเทศกาล ที่หาทานง่ายๆ ก็ตามใจแล้วแต่ศรัทธา พร้อมกับขออนุโมทนาสาธุ ในการทำความดี ของเขาผู้นั้นด้วย จะรับประทาน กันทั้งที ก็ไม่ได้ไปค้นคว้า จากต้นตำรับเค้าหรอกค่ะว่า เขาทานกันอย่างไร และแบบไหน และ ก็ไม่คิด จะต้องไปทาน โดยทำทุกอย่าง เหมือนต้นตำรับเค้า แต่นำมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง โดยยึดว่า ไม่มีเนื้อสัตว์ ให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนไทย พืชพรรณ และลักษณะภูมิอากาศ แบบคนไทย ที่สำคัญ ทานแล้ว ดิฉันก็ไม่ปวดเข่า ร่างกายแข็งแรง ขับถ่ายสะดวก จิตใจ ผ่องใส เหมือนกับคุณ (ที่ทานมังสวิรัติจริงๆ) ทุกประการค่ะ
อารีย์ ชัยสอง / นครราชสีมา

คงจะเหมือนกับการไปหาหมอ บางคนรักษากับหมอคนนั้นหาย แต่บางคนต้องรักษากับหมอคนนี้ จึงจะหาย เราเองนี่แหละ จะเป็นคนที่พิสูจน์ได้ดีที่สุด ๙ ปีแห่ง การฝึกฝน คุณก็ได้รับบทสรุปที่ดี จากตัวคุณเองอยู่แล้ว


*ตอนนี้น่าดีใจค่ะ ปลื้มมากที่แนวทางของพ่อท่าน สามารถเบี่ยงเบนแนวความคิดของ คุณพ่อของหนู ให้มาสนใจ ธรรมะได้มากขึ้นค่ะ เมื่อก่อนคุณพ่อไม่ค่อย เชื่อถืออาหารมังสวิรัติเท่าใดนัก คิดเพียงว่า ถ้าไม่กินเนื้อ จะเอาแรง มาจากที่ไหน แต่เดี๋ยวนี้ คุณพ่อทานมังสวิรัติ ได้สบายมากเลยค่ะ ข้ามภูเขาสูงๆ ๒-๓ ลูก ก็ยังไหว พลังแห่งธรรมะนี่ แก่กล้ามากจริงๆ ค่ะ
นงนุช พรมมูล / เชียงราย

ผู้ที่สามารถทำให้พ่อแม่ที่ไม่มีศีล กลายเป็นคนที่มีศีลได้นี่แหละ พระพุทธองค์ยกย่องว่า เป็นลูกกตัญญู หรือ อภิชาตบุตร


* ดิฉันอ่านหนังสือดอกหญ้าที่ได้รับทุกเล่ม ของเพื่อนดิฉันก็อ่านหมด เมื่อก่อนฉันจะชอบเลือกอ่าน เฉพาะบางหน้า ที่สนใจ แต่เดี๋ยวนี้ อ่านทุกหน้าค่ะ บางเล่มอ่านแล้วอ่านอีก ซ้ำๆ บ่อยๆ เหมือนจะให้จำ และก็จำ และที่สำคัญ ทำให้รู้จักทำใจ ในบางเรื่องค่ะ เมื่อก่อนดิฉันคิดว่า ถ้าตัวเองต้องเจอ เรื่องความรัก ถ้าผิดหวัง ฉันคง ทนไม่ไหว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่พอเจอปัญหานี้เต็มๆ ฉันกลับรู้สึกว่า แค่นี้ไม่ถึงกับ ต้องเศร้ามากมาย ไม่จำเป็น ต้องคร่ำครวญ ชีวิตต้องเจออะไร มากมายกว่านี้ จะท้อได้ไง? ฉันจึงทำใจ ได้มาก ถึงแม้จะต้องผิดหวัง แต่สักวัน ฉันคงเจอกับ ความสมหวังบ้าง
วิลาวัณ์ จี๋คีรี / กำแพงเพชร

คนที่ขยันซ้อมบ่อยๆ เมื่อเวลาลงสนาม ย่อมมีลีลาและกำลัง ที่จะเอาชนะได้ไม่ยากไม่ลำบาก อยากเตือน สักนิดว่า อย่าคาดหวังกับความสมหวัง เพราะทุกอย่างในโลกนี้ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทำตัวเองให้เข้มแข็ง ด้วยการรักษาศีล เริ่มจากศีล ๕ นอกนั้น เป็นองค์ประกอบ ของชีวิต ที่จะไม่มีอิทธิพล ทำให้เรา เศร้าโศก เสียใจ เมื่อถึงคราว ไม่สมหวัง


* การปฏิบัติธรรมช่วงนี้ก็ยังดีอยู่ ศีล ๕ วันธรรมดา ศีล ๘ วันพระ เมื่อก่อนผมเป็นคนใจร้อนและ หงุดหงิด ง่าย เดี๋ยวนี้ใจเย็นขึ้น ใครจะด่าจะว่า ก็เฉยเสียแล้ว ไม่เถียง ไม่โต้กลับ ผมคิดว่า ผมไม่ได้เป็น อย่างที่เขาพูด เขาด่า จะไปโกรธเขา ทำไม โกรธเขาเราก็ไปต่อความยาว สาวความยืด ทะเลาะกันไม่มีสิ้นสุด ผมคิดว่า การปฏิบัติอย่างเดียว ไม่พอที่จะทำให้คน ใจเย็นลงได้ ต้องมีการกินอาหารมังสวิรัติไปด้วย จึงจะใจเย็น ไม่หงุดหงิด ผมสังเกตดูว่า คนที่กินเนื้อสัตว์มาก จะเป็นคนที่หงุดหงิด ใจร้อน โมโหง่าย ตอนนี้คนที่บ้านผม ก็เริ่มจะมากินมังสวิรัติ เหมือนผมแล้วครับ ผมเคยไปที่ปฐมอโศกมาหลายครั้งแล้ว ชอบมาก เพราะเป็น ที่ที่สงบ คนในชุมชน ก็เรียบง่าย มีอัธยาศัยดี ถ้าผมหมดภาระหน้าที่แล้ว ก็อยากจะไป อยู่ปฏิบัติธรรม ที่ปฐมอโศก ตอนนี้ผมมีภาระหน้าที่ ต้องทำอีกมาก แต่ถ้ามีเวลา ผมก็จะไปให้บ่อยๆ ครับ
นรินทร์ อีกจอม / ราชบุรี

การฝึกฝนเอาชนะใจตนแต่ละเรื่อง เป็นการสะสมความเข้มแข็งให้แก่จิตตน ฝึกอยู่กับบ้าน กับการทำงาน ประจำวันนี่แหละ ปฏิบัติธรรมในทุกกาลเทศะ หมดภาระเมื่อใด ค่อยไปฝึกกับหมู่กลุ่ม


* ผมได้รับหนังสือดอกหญ้า และสารอโศกเสมอมา ได้อ่านเป็นประจำ อ่านซ้ำไปซ้ำมา ก็นับว่าแปลก เพราะหนังสืออื่น อ่านเที่ยวเดียวก็ผ่าน อาจเป็นเพราะ หนังสือดอกหญ้า และสารอโศก มีคุณค่า และเนื้อหา เป็นสาระ อ่านแล้วได้เนื้อหาแน่น กระตุ้นให้ตื่นจากความมัวเมา ผมบอกได้เลยว่า ตอนนี้ผมรู้ทันสังคม รู้สิ่งที่มามอมเมา สังคมไทย เป็นเพราะคนไทยหลงระเริง ชอบความสบาย ความสะดวก อร่อย สิ่งสวยงาม และ ความหรูหรา จนสิ่งนี้กลายเป็น จุดอ่อนที่สุดของคนไทย ต่างชาติจึงเข้ามากอบโกย ทุกสิ่งทุกอย่าง จนประเทศ จะล่มจม ยกตัวอย่าง ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ คนไทยแห่ซื้อกันเป็นว่าเล่น จากแต่ก่อน จะโทรศัพท์ ตามความจำเป็น จนเดี๋ยวนี้ ใช้โทรชวนกินข้าว โทรคุยเรื่องไร้สาระ ใช้เทคโนโลยีกัน อย่างฟุ่มเฟือย ช่างเป็นธุรกิจ เข้าถึงจุดอ่อน คนไทยพอดี และยังอีกหลายๆ ตัวอย่าง ที่ดึงเงินคนไทย อย่างน่าเป็นห่วง แต่ผมคนหนึ่งละ ปฏิญานไว้ กับตัวเองว่า จะดำรงชีวิตอย่างวิถีไทย เหมือนอย่าง สังคมชาวอโศก ซึ่งเป็น ตัวอย่างที่ดี ให้สังคมปฏิบัติตาม ผมพิจารณาแล้วว่า ถ้าคนไทยเพียง ๖๐ % อยู่อย่างสังคมอโศก ประเทศไทย คงหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจ สังคมล่มสลายแน่นอน

สิ่งที่ผมกำลังปฏิบัติ อย่างวิถีไทย ก็คือ
๑. เขียนเลขไทย
๒. อยู่อย่างง่าย ประหยัด นิยม สิ่งของทำขึ้นเองจากธรรมชาติ
๓. สนับสนุนสินค้าไทย
๔. นิยมอาหารไทย
๕. ยกย่อง เห็นดีเห็นงามในวัฒนธรรมประเพณีไทย
๖. ฝึกนิสัยอยู่กันแบบเอื้ออารี เกื้อกูลกัน
๗. พยายามศึกษา และนำภูมิปัญญาไทยมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
๘. ฝึกให้ตื่นทางความคิด
๙. กลั่นกรองเทคโนโลยีก่อนนำมาใช้ ใช้อย่างคุ้มค่า และเท่าที่จำเป็น ไม่ผลาญทรัพยากรธรรมชาติ
๑๐. พยายามรู้ทันวัฒนธรรมต่างชาติ และนำมาเป็นจุดป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดความมัวเมา
๑๑. สนับสนุนชาวอโศก
อุดมศักดิ์ สุดมาตรา / ตรัง

ประเทศไทยจะล่มสลายมิใช่ใครอื่นหรอก แต่เป็นเพราะคนไทยที่ตัวเป็นไท แต่หัวใจเป็นทาส ถ้ามีคนคิด และทำ อย่างคุณมากๆ ชาติเราจะฟื้น จากหายนธรรมได้ แน่นอน ขออนุโมทนา จากใจจริง


ดิฉันรู้จักอโศกก่อนสามี แต่กลับปฏิบัติธรรมได้ล่าช้ากว่า ขณะที่สามีเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่ดิฉันชอบ กินปลาอยู่ แต่ก็กินปลาที่ตายแล้วเท่านั้น
เครือมาศ / พะเยา

เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลยนะเนี่ย กินปลาที่ตายแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ก่อนตายมันสละชีวิตให้ ตัดใจเถอะนะ เหลือติ่งเล็กๆนี้ ไว้แสลงหัวใจทำไม เอาพลังใจจากคนข้างๆ (สามี) มาตัดความต้อยติ่ง ตรงนี้ทิ้งเถอะ เขาเอง ก็ได้ชีวิตเขาคืนไป เราเองก็ได้ทำบุญ ตัดจิตตัดใจจากกิเลส จิตใจจะได้เข้มแข็งขึ้น ไหนๆ ก็มี สหายธรรม อยู่ข้างตัวแล้ว ปฏิบัติไปพร้อมกัน เป็นคู่สร้างคู่ศีล น่าเอ็นดูออก


* ผมเองตอนนี้ก็ปฏิบัติธรรมถือศีลกินเจมา ๑ ปีแล้ว หลังจากที่ผมเคยล้มมา ๒ ครั้ง และนี่เป็นครั้งที่ ๓ ที่ผมกินเจอีก ตอนนี้ผมเอาจริงมาก ผมทานข้าวมื้อเดียว แต่ไม่เคร่งมาก ตอนเย็นกินรองท้อง ด้วยผลไม้ และ พยายามลดความโกรธ ตอนนี้ความโกรธของผมไม่ค่อยมี การมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์นั้น ผมทำได้ดีมาก เพราะว่า ผมเป็นคนขี้สงสารคนอยู่แล้ว ส่วนการพูดเพ้อเจ้อนี่ซิครับ ยังทำไม่ได้เลย และในช่วงเข้าพรรษา จะถึงนี้ ผมจะปฏิบัติ ขัดเกลาตัวเองให้มาก ผมจะควบคุมอารมณ์ให้มาก
มานพ คมเฉียบ / พังงา

ขอเป็นกำลังใจกับผู้ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้บนเส้นทางธรรม เอาชนะคนอื่นเป็นหมื่นแสน ไม่เก่งเท่า เอาชนะใจ ตัวเองเลย


* เพราะอ่านหนังสือดอก-หญ้าและสารอโศกทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เข้าใจ ชีวิตดีขึ้น ตามความเป็นจริง รู้ว่าอะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป อะไรคือคุณ อะไรคือโทษ ในชีวิต เรียนรู้ และพยายาม ใช้ความคิดของ ตนให้ถูกต้อง ตามคำสั่งสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะชีวิตนี้ไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกวันจะพยายามกำหนดให้รู้ทัน ความคิดปรุงแต่ง ของตัวเองเสมอ เมื่อเข้าใจแล้ว ทำให้ปล่อยวางได้ คือ จิตใจเบา สบายจริงๆ ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เฉพาะตน มันเป็นปัจจัตตังจริงๆ ค่ะ
สิริภา เมษา /สกลนคร

ถ้าสามารถแยกแยะบุญ-บาป, คุณ-โทษ, ดี-ชั่ว, สัมมาทิฏฐิ-มิจฉาทิฏฐิได้ นี้คือ ก้าวแรกของการเป็นพระอริยะ


* น้อมคารวะดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๐
ต้องขอโทษดอกหญ้า ที่ขาดการติดต่อนานมาก เพราะมีภาระรับใช้ประชาชนไม่ขาดระยะ ในช่วงปิดเทอม งานบริการ ไร้อามิสสินจ้าง งานวิทยาทานภาษาอังกฤษ ผู้สนใจที่อยู่ในโลกมืด งานบริหาร ภายใน หมู่บ้านกองทุน กองทับถมกองทาน อ่านดอกหญ้ายุคสมัยที่แปรเปลี่ยน รู้สึกว่าสิ่งสถิตที่จิตใจ ไม่เคย เปลี่ยนไป แบบไร้ธรรม ดีมากกว่า เกินคาด ที่มีดอกหญ้า คอยตอกย้ำพร่ำเตือน การเก่งธรรมะ กับมอง เห็นธรรมะ เป็นสิ่งที่คน เรียนรู้ธรรมะ ต้องนำไปปฏิบัติ จนมองเห็นธรรม จึงจะเรียกว่า รู้ธรรมะ จนรักษา ธรรมะเอาไว้ได้ ตลอดไป แบบไม่จืดชืด และจืดจาง แต่การรักษาธรรมะ ยุคใหม่ รักษาเพียง ลมปราณ ไม่ได้รักษาด้วยใจ จึงกลายเป็น คนเกินยุค กลายเป็นคนเกิดผิดยุค กลายเป็นยุคหลายพันธุ์ จนบางสายพันธุ์ ดูไม่ออกเลยว่า สายพันธุ์อะไร สายพันธุ์ ผู้ใหญ่ไร้เดียงสาก็มีเยอะ สายพันธุ์เมาอำนาจ ก็เยอะจนเลอะเทอะ คนจริงถูกไฟอำนาจลน คนจน ถูกไฟอำนาจมืดเผาผลาญ ในที่สุด ก็พบแต่ทุกข์อริยสัจ แล้วก็ดำเนินชีวิต ในโลกมืดต่อไป

สิ่งที่สมควร จะระลึกอยู่เสมอ ไม่ใช่ความตาย แต่ควรระลึกถึง
จงอย่าทำ สิ่งที่ ไม่มีสิทธิ์
จงอย่าคิด สิ่งที่ ไม่มีค่า
จงอย่ารอ สิ่งที่ ไม่มีมา
จงอย่าคว้า สิ่งที่ ไม่มีทาง

วิสิษฐ ชัยศรี / บ้านไร้โศกสถิต

ยินดีที่ได้รับรู้ความเป็นไปของคุณ แม้อุปสรรคจะหนักหนา แต่คนกล้าจะไม่ท้อ

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๒ ก.ค. - ส.ค. ๒๕๔๕)