โบนี่ มาร์ติน ตอน ๑๔

สัปดาห์ต่อมา รถบรรทุกคันหนึ่งบรรทุกเตาอบไฟฟ้าแล่นเข้ามาในหมู่บ้าน ส่วนพ่อของโบนี่ เดินทางมา ด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมกับสุนัขตัวหนึ่ง มันเป็นสุนัขพันธุ์คอลลี่ สีครีมเข้มๆ แต้มสีดำกระจายทั่วตัว

"นี่มันตัวอะไรกัน" โบนี่ มาร๎ติน ถามด้วยน้ำเสียงเกือบจะดูถูก

"ก็หมาไงละลูก" พ่อตอบ "มันชื่อตร็อย"

ความรู้สึกดูหมิ่นอยู่ได้ไม่นาน เพราะสุนัขน้อย ทำท่าเปิ่นๆ ตลก ๆ

นี่ยังไม่พูดถึงความตื่นเต้นของการได้รับเตาอบใหม่ ซึ่งทำให้โบนี่ ใส่ใจอยู่กับเตาอบทั้งวัน

แม้ว่าตร็อยจะรื้อเสื้อผ้าของเด็กทารกที่กำลังจะเกิด สู้กับไก่ โจมตีหมู อึและฉี่ในที่ที่ไม่ควร กัดทึ้งต้น เจราเนียม ที่ระเบียง แต่ตร็อยก็แสดงความสำนึกผิด เมื่อถูกดุ โบนี่สังเกตเห็นเช่นนั้น จึงคิดว่า น่าจะเป็นเพื่อนกันได้

"ลูกรัก" พ่อเอ่ยขึ้น "หมาตัวนี้ไม่ใช่สำหรับลูก แต่พ่อให้ลูก ยกเป็นของขวัญ ให้กลาร่าต่างหาก"

"ให้คนงี่เง่ายังงั้นน่ะเหรอ ไม่มีวันหรอก ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนก็ตาม" โบนี่ประกาศ อย่างพยายามรวบรวม ความโกรธแค้น ทั้งหมดที่มี

ใครก็ตามในหมู่บ้านที่เห็นตร็อยต่างพากันหลงใหลมัน ไม่มีใครเคยเห็นสุนัข ที่น่ารัก และอัธยาศัยดี อย่างนี้มาก่อน

เมื่อกลาร่าเห็นตร็อย (จากระยะไกล เพราะไม่ยอมเฉียดกรายเข้าใกล้โบนี่) ก็ยืนอ้าปากค้าง เห็นได้ชัดเลยว่า กลาร่าหลงเสน่ห์ ของตร็อยเข้าแล้ว

กลาร่าทนได้แค่สามวันเท่านั้น พอวันที่สี่ก็ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้โบนี่ ด้วยท่าทีเอียงอาย เข้ากันดีกับ บุคลิกของเธอ สาวน้อยพูดว่า

"โบนี่ เธอจะยกโทษสิ่งที่ฉันพูดไปได้ไหม ลุงเอร๎เนสโต้อธิบายให้ฉันเข้าใจแล้วว่า เธอทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับกาเนโล่ ที่น่าสงสาร"

โบนี่ตัวแข็งทื่อด้วยความอัศจรรย์ใจ

เมื่อเด็กหญิงขายขนมเปรูนียัสให้กับชาวต่างชาติ กลาร่าจะหน้าแดงเอียงอาย ซึ่งดูเข้ากันได้ดี กับเด็กหญิงน้อยๆ คนนี้ ขณะที่พูดนี้ กลาร่ายิ่งหน้าแดง กว่าตอนขายขนมอีก เมื่อถามโบนี่ว่า

"เธอจะยกโทษให้ฉันไหม"

"น...แน่นอน" โบนี่อึกอัก

ราวกับว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตร็อยอยู่ตรงนั้นด้วย กลาร่าอุทานว่า "อุ๊ย ! หมานี่นา เธอไปเอามา จากไหนเหรอ"

เด็กหญิงไม่ได้รอคำตอบ เธอทำบางสิ่งที่มีแต่ตัวเธอเองที่จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับตร็อย แล้วมันก็ตอบ ด้วยเสียง ครางหงิงๆ ซึ่งแสดงความ รักใคร่อย่างแท้จริง

ห้านาทีหลังจาก ที่กลาร่าเล่นกับตร็อย กามีโล่ ซึ่งเดินผ่านมาพอดี พูดกับโบนี่ว่า

"ไอ้น้องชาย ตอนนี้แกไม่เหลือ แม้แต่หมาแล้วสิ"

"ไม่เป็นไรหรอก" โบนี่ตัดสินใจ ว่าจะเป็นคนดี จึงบอก กับกลาร่าว่า "หมาตัวนี้ สำหรับเธอ"

"สำหรับฉันน่ะเหรอ" กลาร่าดีใจจนเนื้อเต้น เธอกระโดดกอดโบนี่อย่างลืมตัว และหอมแก้มเด็กชาย ฟอดใหญ่ ต่อหน้าผู้คนที่เดินอยู่ในจัตุรัส

โบนี่เอามือป้ายหน้าอย่างโกรธๆ พร้อมกับพูดว่า

"อย่ามาจูบฉันนะ มันเชยสุดๆ"

บทส่งท้าย
เตาอบไฟฟ้าทำงานดีจริงๆ จนกระทั่งต้องซื้อเพิ่มอีกเตาหนึ่ง เพราะเครื่องเดียวผลิตขนม ไม่พอขาย คุณป้าอังกุ๊สเตียส ต้องจ้างบรรดาแม่บ้าน มาช่วยทำขนมเพิ่ม

วันหนึ่ง พ่อของโบนี่พูดขึ้นว่า

"พรุ่งนี้ฉันจะไปประเทศญี่ปุ่น คนที่นั่นชอบกินขนมหวานมากเลย พวกคุณอยากให้นำขนม ไปลองขาย ดูไหมครับ"

"ดีสิ" บรรดาหุ้นส่วนตอบตกลง พร้อมกับให้ขนมเปรูนียัสไปเป็นตัวอย่างหลายกล่อง

"พ่อต้องระวังอย่าทำขนมหายนะครับ" โบนี่เตือน

"ไม่ต้องห่วง" พ่อยืนยัน แล้วหันไปถามกามีโล่ว่า "ไปด้วยกันไหม"

"ไปไหนครับ" เด็กหนุ่มถาม

"ไปญี่ปุ่นไง บินไปกับเครื่องบินของฉัน ไหนว่าเธออยากเป็นนักบินไม่ใช่หรือ จะได้คุ้นเคยกับการบิน เธอจะไปที่ ห้องนักบินก็ได้นะ"

"อย่ามาแหกตากันหน่อยเลย" กามิโล่ตื่นเต้นดีใจ จนไม่รู้ตัวว่า หลุดคำพูดอะไรออกไป

"หนุ่มน้อย" มานูเอลเตือน "บนเครื่องบินของฉัน ห้ามพูดคำหยาบนะ ถ้าเธออยากไปด้วย คงรู้นะว่า จะต้องทำอย่างไร"

"ครับ แล้วแต่คุณจะสั่งครับ" กามีโล่พึมพำ แทบจะเป็นลมไปด้วยความตื่นเต้น

มานูเอลคาดการณ์ได้ถูกต้องเหมือนทุกครั้ง ขนมเปรูนียัสประสบความสำเร็จมากมาย ในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีทางอื่น นอกจากจะต้องสร้างโรงงาน ที่มีเตาอบจำนวนมาก

"ฉันว่าที่อเมริกาก็ต้องชอบขนมนี้เหมือนกัน" พ่อเสริม "เราน่าจะลองไปขายที่โน่นดูนะ"

"พ่อระวังหน่อยนะครับ" โบนี่เตือน "อย่าให้เราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งๆ ของพ่อ ยังจำที่พ่อทำธุรกิจเจ๊ง ได้ไหมครับ ตอนนี้พ่อต้องรับผิดชอบอะไร เยอะขึ้นแล้วนะ"

ที่พูดอย่างนี้เพราะแม่ของโบนี่คลอดบุตรแล้ว และได้ฝาแฝดด้วย เป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ซึ่งหน้าตา คล้ายโบนี่ทั้งคู่ โบนี่จึงเป็นพ่ออุปถัมภ์ ตอนทำพิธีรับศีลล้างบาป เสื้อสเว็ตเตอร์ ที่ถักเตรียมไว้ มีไม่พอ ลูเซียและกลาร่า จึงต้องรีบถักเสื้ออย่างเร่งด่วน พอเด็กหญิงทั้งสองถักเสื้อ ตร็อยก็ทำหน้าที่รื้อออก เป็นเรื่องสิ้นหวังจริงๆ แต่ถ้าโบนี่ตีตร็อย กลาร่าก็จะทะเลาะกับโบนี่ อย่างดุเดือด จนเด็กชายขยาด

ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง ทุกคนกลับไปเรียนหนังสืออย่างกระตือรือร้น สาเหตุหนึ่งก็คือ การได้กลับไปพบ คุณครู อาลีเซีย ซึ่งนับวันจะสาวขึ้น สวยขึ้น และน่ารักมากกว่าเดิม

"แล้วมอเตอร์ไซค์ของครูล่ะ" โบนี่ถามคำถามแรก ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างคุกคาม เมื่อเด็กชาย เห็นคุณครู มาถึงโรงเรียน ด้วยรถประจำทาง

"ตอนนี้ครูขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้แล้วละ" คุณครูอาลีเซียตอบหน้าแดง

"อ้าว! แต่ครูไม่ได้ประกาศไว้หรือครับว่า จะทำแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ" โบนี่ติง

"ใช่จ๊ะ" คุณครูมีท่าทีเสียใจ "แต่ครูกำลังจะมีน้อง ครูจะมีลูกน่ะ"

"แล้วคนเดียวหรือสามคนล่ะครับ ที่หมู่บ้านนี้ไม่มีใครรู้หรอก มันร้ายกาจจริง" โบนี่พูดปลงๆ

โบนี่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง เพราะเขารู้สึกหลงรักหมู่บ้านนี้แล้วเต็มหัวใจ เด็กชายรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้งดงาม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มานูเอลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กับเงินเป็นล้าน ที่หมดไปกับการทำ ทางเดินเท้าใหม่ วางระบบไฟฟ้า ตัดถนน นอกจากนี้ เมื่อทุกคนมีรายได้มากขึ้น จากการสร้างโรงงานเปรูนียัส ต่างพากัน ตกแต่งบ้าน ทาสีบ้านใหม่ ให้ขาวเอี่ยมอ่อง ทั้งภายนอกและภายใน

สิ่งที่เลวร้ายเพียงประการเดียว เห็นจะเป็นว่าหลังกลับจากการขายเปรูนียัส ที่ประเทศญี่ปุ่น กามีโล่ เห็นว่า การไปขายขนมที่ 'ลา เปญ่า เด ฟรานเซีย' เป็นเรื่องเสียเวลา ตรงกันข้าม โบนี่กลับหวนรำลึกถึงยามบ่าย ในฤดูร้อน ขณะที่พวกเขา เดินลงจากยอดเขา มาตามเส้นทางลัดเลียบแม่น้ำ

เมื่อโรงงานสร้างเสร็จ ลุงเอร๎เนสโต้พูดว่า

"ลุงไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก พวกเธอจะไปขายขนมไกลถึงประเทศญี่ปุ่น หรือจีนก็ช่าง แต่ลุงจะไปขายแถว ๆ ที่ลาของลุง เดินทางไปถึงเท่านั้น"

และก็เป็นเช่นนั้น ลาของลุง จะบรรทุกขนมไปขายตามบ้านต่างๆ ในหมู่บ้าน 'ลาส บาตวยกัส' และหมู่บ้านใกล้เคียง

โบนี่ มาร๎ติน ตามลุงเอร๎เนสโต้ไปขายขนมบางครั้ง และบางทีก็เดินทางด้วยเครื่องบิน ไปกับพ่อ ยังประเทศต่างๆ ที่ห่างไกล สรุปแล้ว โบนี่ชอบทั้งสองแบบ

คุณหมอนาเกร่า เขียนหนังสือเล่มหนึ่งให้ชื่อว่า
"โบนี่ มาร๎ติน (เกือบจะ)โชคร้ายที่เกิดมารวย..." และขึ้นเรื่องว่า "วันที่โบนี่ มาร๎ติน ได้รับสล็อตแมชชีน เป็นของขวัญ ทำให้โบนี่กลายเป็นเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน..."

จบบริบูรณ์

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๒ ก.ค. - ส.ค. ๒๕๔๕)