สู่ทางธรรม

ฝนซาฟ้าสว่าง น้ำตาจางก็คลายเหงา
แดดกลบลงลบเงา ความปวดร้าวค่อยชินชา
แดดอบให้ดินอุ่น หอมกลิ่นกรุ่นละมุนมา
ต้นรักเริ่มโรยรา แต่ยอดหญ้ายังหยัดยืน
แน่หรือเรื่องชีวิต ฟ้าลิขิตใครอาจฝืน
พลาดผิดไม่คิดคืน แม้ขมขื่นทนฝ่าฟัน
เลิกคิดทุกสิ่งอย่าง แล้วปล่อยวางช่างหัวมัน
อดีตเมื่อผ่านวัน ก็แค่นั้นเครื่องเตือนใจ
ทรัพย์สินทุกสิ่งแนว เมื่อตายแแล้วใช่ตามไป
หนังเนื้อส่วนใดใด เมื่อชีพวายไร้ราคา
ทิ้งให้คนอยู่หลัง หามไปฝังยังป่าช้า
คนรักหรือภรรยา ถึงเวลาก็เปลี่ยนแปลง
เที่ยงแท้แต่บุญกรรม คอยน้อมนำไม่เสแสร้ง
สองสิ่งซึ่งแสดง ได้ชัดแจ้งคือชั่วดี
ใครทำก็ใครได้ แม้มลายไปเมืองผี
กรรมชั่วและกรรมดี คอยตามจี้สุดเส้นทาง
ถือสัตย์มีเมตา ถือศีลห้าอย่าละวาง
เวันบาปทุกสิ่งอย่าง แล้วก้าวย่างสู่ทางธรรม

ธารธรรม
คนริมโขง เขมราฐ ๒๕๔๕


หัวใจแกร่งด้วยถ้อยคำ
ทุกชีวิตย่อมมีฝัน
ทุกคืนวันย่อมหมุนผ่านเลยไป
ขอเธอจงอดทนเข้มแข็งเข้าไว
เธอยังมีฉันคอยห่วงใยทุกเวลา

สู้ต่อไป
ทุ่มเทหัวใจเธอออกมา
แม้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ขอเธอจงรู้ว่าพลังอันยิ่งใหญ่คือใจเธอ

ฟากฝั่งฝัน


สายลมโชย น้อมพาให้ช่อดอกไม้สีม่วงเจือชมพูแกว่งไกวอย่างร่าเริง
ผีเสื้อร่ายรำเข้ามาผสมผสานท่วงทำนองของความเบิกบานในยามเช้า
นกสวยร้องเพลงที่ชื่อว่า "เพลงไพเราะที่ร้องไม่จบ"
ซึ่งไม่มีเพลงใดจะน่าฟังเท่าอีกแล้ว
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยแทรกเข้ามา
ไม่มีใครปฏิเสธว่า เสียงสนุกสนานของเด็กๆเป็นเพลงอมตะ
และเมื่อจิตใจของเด็กน้อยงดงามอยู่กับการอบรมสั่งสอน
ที่ถูกต้องของผู้ใหญ่ที่รักความงามของจิตใจเด็กๆ
นั่นเป็นเสียงเพลงที่ให้ความสุขสมบูรณ์แก่ดวงจิต
ไม่มีเพลงใดจะไพเราะงดงามยิ่งกว่าอีกแล้ว

ความดีที่คนเรากระทำต่อกันเป็นสิ่งประเสริฐ
ดวงใจของคนเรานั้นเป็นสิ่งประเสริฐ
น้อมนำดวงจิตดีงามมอบต่อกัน
ความเห็นแก่ตัวนั้นหยาบต่ำทราม ยังมีสำนึกใช่ไหม
เอาสำนึกสยบความต่ำทรามของตนไว้ ทำให้ได้
แล้วมาชมชื่นรื่นรมย์กับความดีงามของดวงใจคนกันเถิด

ฌาน ชาคริต

ชีวิตมืด
ชีวิตนี้ มีค่า มหาศาล
แต่กลับกลาย เป็นมาร ยากแก้ไข
ยาเสพย์ติด พิษร้าย ทำลายใจ
เพราะเด็กไทย อยากลอง ของอัปรีย์
ชีวิตมืด ด้วยติดยา พาเศร้าหมอง
ความทุกข์ครอง หม่นไหม้ ไร้ศักดิ์ศรี
อนาคต สดใส คงไม่มี
ชั่วชีพนี้ สิ้นหวัง ตายทั้งเป็น

ด.ช.วงศกร ตั้งทรงจิตร
อายุ ๑๔ ปี ม. ๓/๑ ร.ร.กบินทร์วิทยา จ.ปราจีนบุรี

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๓ กันยายน - ตุลาคม ๒๕๔๕)