ธุรกิจกำไร : พระเจ้าองค์ใหม่ของมนุษยชาติ

"God is dead?" เป็นทฤษฎีของฝรั่ง ที่นับวันจะถกเถียงกันมากขึ้น แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควาย ก็เข้ามาแทรก เสียแล้ว นั่นก็คือ กำเนิดทฤษฎีใหม่ "God have a second"

นี่ซิครับ น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ

นั่นก็คือ "พระเจ้าเบื้องบน" กับ "พระเจ้าเบื้องล่าง" และนับวัน เบื้องบน ก็จะเสียพื้นที่ยึดครอง ให้เบื้องล่าง ไปเรื่อยๆ

มีรูปเคารพติดโชว์อยู่ในบ้านผู้คนที่ยอมเป็นสาวกมากมาย !

นอสตราดามุส หลับตาเห็นภาพอนาคตก็คงเป็นนิมิตในลักษณะพระเจ้า ๒ องค์นั่งคนละบัลลังก์ องค์แรก มีบุคลิก เคร่งขรึม เอาจริง แต่องค์ใหม่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่งตัวสดใสสวยงาม

คุณล่ะครับ เจอแบบนี้จะเลือกใคร ?

นอสตราดามุสก็คงจะตีความในนิมิตไม่ออกเป็นแน่ เหมือนเห็นคนพ่นควันออกจากปาก นึกว่ามนุษย์กินไฟ หารู้ไม่ว่า กำลังสูบบุหรี่กัน อย่างเมามัน

พระเจ้าองค์ใหม่ที่แท้ก็คือ "ระบบธุรกิจ" นั่นเอง ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และกำลังฆ่ามนุษย์ให้ตายอย่าง
ช้าๆ วันแล้ววันเล่า

เหมือนขุยไผ่ที่ฆ่าต้นไผ่ เหมือนต้นกล้วยออกหน่อใหม่ แล้วต้นแม่ก็ค่อยๆ ล้มตายไป

"ธุรกิจ" เป็นเรื่องของการค้าขายที่มีเป้าหมาย คือ "ผลกำไร" และการสร้างผลกำไร ก็จะมีแนวทาง เหมือนกันหมด นั่นก็คือ กระตุ้นการบริโภคของประชาชน

ต้องมี-ต้องเป็น-ต้องได้ จึงจะเป็นชีวิตที่ถูกต้อง!

บางธุรกิจนอกจากจะได้เม็ดเงิน ยังได้ชื่อเสียงเพิ่มเติม จึงเป็นธุรกิจที่มีลูกเลˆนมากขึ้นกว่าธุรกิจอื่นๆ เช่น ดารา นักร้อง นักกีฬา เป็นต้น

เพียงกระตุ้นต่อมโลกธรรมของมนุษย์ โดยมีคำว่า เก่ง-ยอดเยี่ยม-แชมเปี้ยน แค่นั้นผู้บริโภค ก็ศิโรราบ ยอมเสียเงิน เสียเวลาของชีวิต มาจงรักภักดีต่อคนๆ นั้น!

ในธุรกิจแสวงหากำไร จึงไม่มีเป้าหมายสู่ความหวังดี ความมีน้ำใจ ถึงจะมีก็เป็นเพียงฉากหน้า เป็นอุปกรณ์ เป็นวิธีการหนึ่ง เท่านั้นเอง

รอให้เสือไม่กินกวางก่อนนะครับ จึงค่อยเชื่อว่าเขาทำธุรกิจด้วยคุณธรรม

สิ่งที่น่ากลัวขึ้นไปอีกก็คือ "ธุรกิจต้องขยายตัว" ถอยไม่ได้ จึงกลายเป็นอุปสงค์ -อุปทาน หรือการผลิต กับการบริโภค ที่ไม่มีจำกัดขอบเขต มีแต่เดินหน้า และเร่งให้เร็วขึ้น จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง !

ผมคิดถึง "เปรต" ในพระไตรปิฎกครับ มันมีรูปร่างสูงใหญ่เท่าต้นตาล ปากเท่ารูเข็ม ท้องป่องกลางมโหฬาร กินเท่าไหร่ ไม่มีอิ่ม เพราะมีท้องที่ใหญ่โตจนกินเท่าไหร่ก็ย่อยไม่ทัน

"เปรตอาจารย์กู้" ชิดซ้ายไปเลยครับ สู้ "เปรตการค้า" ไม่ได้หรอก

การแสวงหากำไรก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมโหฬารในทุกๆ ด้านเลยครับ

พระเจ้าองค์ใหม่ท่านก็จะสร้างคนในรูปแบบของท่าน ซึ่งไม่ว่าจะมีรายละเอียดอย่างไรก็ไม่พ้น รูปร่างของ "เปรตโบราณ" ไปได้

ครับ "กินไม่ทันหิว!"

"อยากเกินความต้องการ!"

"โหยเกินความปรารถนา!"

สมุนหรือผู้รับใช้ของพระเจ้าองค์ใหม่นี้ท่านเลือกแล้วก็คือ "สื่อสารมวลชนทุกระบบ มีโทรทัศน์ -วิทยุ -น.ส.พ. -อินเตอร์เน็ต ฯลฯ" เป็นต้น

รวมพลังโฆษณา ชวนเชื่อ-เป่าหู-ย้ำคิด-ย้ำเตือน วันแล้ววันเล่า แล้วเราจะเหลืออะไร?

เคยมีคนสร้างหนังเชิงวิทยาศาสตร์ที่ผู้ร้ายจะยึดครองโลก ด้วยการสะกดจิตคนทั้งโลก ดูเหมือน เพ้อฝัน นะครับ แต่ถ้ามาดู ณ วันนี้ ฝันที่ว่ากลายเป็นเรื่องจริงแล้วครับ

สื่อสารมวลชน นอกจากจะตกเป็นเครื่องมือศิโรราบแล้ว ยังมีสมุนรับใช้ตัวใหญ่อีกตัวหนึ่งก็คือ "ดาราศิลปิน" เอามาเป็นตัว ปลุกกระแสได้อย่างวิเศษ

สินค้าตัวไหนอยากขายดีก็ดึงดารานักร้องมา แค่นั้นแหละ ตื่นวัวหรือจะสู้ตื่นคน !

ผมคิดถึงยมบาลสมัยก่อน มีสมุนซ้ายขวาชื่อ สุวานกับสุวรรณ ส่งคนลงกระทะทองแดง

พระเจ้าองค์ใหม่ก็มีลีลาคล้ายกัน ท่านมีสมุน ๒ ข้างกระหนาบรับใช้ชื่อ "สื่อสารมวลชน" กับ "ดาราศิลปิน" และ จะส่งคน ลงกระทะเงินทอง เผาชีวิตให้มอดไหม้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ระทึกขวัญกว่าหนังของอัลเฟรด ฮิทค็อกซ์ เสียอีก

มาดูซิครับว่า พระเจ้าองค์ที่ ๒ ท่านฝากอะไรไว้ในแดนดิน

๑. ทำลายสิ่งแวดล้อม กล่าวกันว่า ของกิน ของใช้ทุกชิ้นยิ่งผลิตก็เท่ากับหยิบยืมทรัพยากรของ ลูกหลาน ในอนาคต มาใช้ล่วงหน้า

ผู้ใหญ่วันนี้จึงรังแกเด็กล่วงหน้าเป็นสิบเป็นร้อยปี!

การเพิ่มกำไรก็คือการเพิ่มผลผลิต เพิ่มสาขาให้มากขึ้น ทรัพยากรที่มีอยู่จึงเติบโตไม่ทัน วิกฤติของโลก จึงอุบัติขึ้น ด้วยหลักการ อิทัปปัจยตาเป็นธรรมดา

๒. ทำลายความเป็นมนุษย์ วิถีคิดของคนเราจะเปลี่ยนไปกลายเป็น "ต้องมี-ต้องเป็น-ต้องได้" มิฉะนั้น จะผิดธรรมชาติ

แต่ธรรมชาติของมนุษย์พันธุ์ใหม่เติบโตจาก แรงกระตุ้นของกลุ่มธุรกิจทั้งสิ้น โดยผ่านสื่อมวลชนทุกรูปแบบ เมื่อ "วิถีคิด" เปลี่ยน "วิถีชีวิต" ก็ต้องเปลี่ยนตาม

ลูกเป็ดที่ออกจากเปลือกไข่ มันจะยึดถือสิ่งที่มันพบเห็นก่อนเป็นพ่อแม่ และพร้อมจะเดินตาม ไปทุกหน ทุกแห่ง

ใครจะเชื่อละครับว่า เด็กรุ่นใหม่หลายๆ คนต้องใช้โฟมล้างหน้า ใช้เครื่องสำอาง ต้องกินโค้กแทนน้ำ หรือ แม้แต่กินนมก็เถอะ

เรากำลังถูกเปลี่ยนโปรแกรมจากชีวิต "เรียบง่าย" ไปสู่ชีวิต "ยุ่งยาก"

วันนี้คนเมืองกำลังมีความทุกข์ และคนชนบทกำลังล่มสลายเพราะฝีมือใคร?

"วัตถุนิยม" ก็มีผลพวงเช่นนี้เอง

เมื่อความเป็นมนุษย์ถูกทำลายลง

ระบบคุณธรรม ระบบการศึกษา ระบบการเมือง ระบบดีๆ ในโลกนี้ ก็จะสูญหายไปหมดสิ้น

การแสวงหากำไรใครว่าเป็นเรื่องเล็ก แท้จริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่มหาศาลที่คนเราคาดไม่ถึง

แต่เราหยุดการเคลื่อนไหวไม่ได้หรอกครับ อย่างมากก็ต้องชะลอไว้ให้เติบโตอย่างช้าๆ

ช้าไว้ก่อน พ่อสอนไว้

รัฐบาลที่ดีจึงมิใช่เร่งอัดฉีดระบบเศรษฐกิจให้โชติช่วงนะครับ เพราะจะเป็นดาบ ๒ คม การส่งเสริม นายทุนเล็กๆ จึงถือว่าเป็นชะลอความวิบัติของสังคมได้ในระดับหนึ่ง

ความจริงแล้วทฤษฎี "พระเจ้าองค์ใหม่หรือพระเจ้าองค์ที่ ๒" ก็ไม่ใช่อื่นไกล เป็น "ซาตาน" ที่เปลี่ยนวิธี การจัดการธรรมดา เป้าหมายเดิม แต่เปลี่ยนวิธีให้แนบเนียนขึ้น ก็เท่านั้นเอง !

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๔ พ.ย. - ธ.ค. ๒๕๔๕ จำนวนพิมพ์ ๒๒,๐๐๐ เล่ม)