ณ เวลานี้ คนทำหนังสือดอกหญ้าต่างมีงานเพิ่มขึ้นไม่เว้นแต่ละคน ทั้งหมดเป็นงานที่คนอื่นคิดให้ เคยต่อว่าคนช่างคิด ชำนาญการผลิตโครงการ เขาบอกว่า สังคมก็ต้องมีทั้งคนช่างคิด และคนช่างทำ จึงสมดุล สรุปก็คือ เขามีหน้าที่คิด เรามีหน้าที่ทำ

ทำทั้งที่ไม่ได้มีรายได้ตอบแทนสักสตางค์แดงเดียว
ทำเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นงานที่มีประโยชน์ต่อสังคม
แล้วก็ทำเพราะงานที่เขาคิดให้ ก็เป็นงานที่เราถนัดทั้งนั้น... เราทำได้
ถ้าจะถือว่า เป็นผู้บริหาร ก็นับว่าเขาเป็นผู้บริหารที่ดีเยี่ยม... รู้จักใช้คน
ครูบาอาจารย์บอกว่า ก็ดีนี่ มีคนหางานให้ทำ ไม่ต้องลำบากหางานเอง
จริงของท่านนะ มีคนอีกมากมายอยากทำงานหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ไม่ได้ทำ เจ้านายไม่อนุมัติ แทนที่จะดีใจที่ไม่ต้องเหนื่อย กลับโกรธว่าเจ้านายไม่สนับสนุน

ลองทำใจเป็นคนนอก มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะซาบซึ้งถึงคำพระที่ว่า โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ที่ไหนที่เจ้านายขยัน ก็จะมีลูกน้องไม่ค่อยทำงาน เจ้านายที่ไม่ค่อยทำงาน ก็มักจะมีลูกน้องเอาการเอางานดี เจ้านายที่ฉลาด ก็จะมีลูกน้องที่ไม่ค่อยชอบคิด เจ้านายที่มีวิสัยทัศน์แคบ ลูกน้องก็มักจะฉลาดกว่า... สารพัดความแตกต่างซึ่งยากจะยอมรับได้ จึงต้องขัดกันจนล้มคว่ำคะมำหงายไปตาม ๆ

เห็นมีแต่ทีมงานดอกหญ้านี่แหละ ที่สามารถนำความหลากหลายมาหลอมรวมกันได้ ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน ทุกคนเป็นเจ้านายและลูกน้องในตัวเอง บางทีโง่ บางเรื่องฉลาด บางขณะอุตสาหะจัด บางเวลาก็หย่อนความเพียรไปบ้าง

ถ้อยทีถ้อยอาศัย หากเหนื่อยนัก อยากจะปิดกิจการดอกหญ้าลงสักที จดหมายจากท่านผู้อ่านก็ทำให้ปิดไม่ลง... มีเพื่อน ๆ คอยให้ไปเยี่ยมอยู่ที่บ้านทุก ๒ เดือน

เพราะคิดถึงคนอื่น ความยากลำบากของตนเอง จึงดูเล็กน้อยเสียเหลือเกิน

ยามใดคิดถึงแต่ตัวเอง ย่อมโศกเศร้าไม่รู้สิ้น

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๖ มีนา - เมษา ๔๖)