ปุ๋ยมหัศจรรย์ สูตรเพื่อนช่วยเพื่อน
- ครูภูมิปัญญาไทย -

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของชีวิต สุขภาพของเรา จะแข็งแรง สมบูรณ์ ไม่เจ็บใข้ได้ป่วย มี ความต้านทานโรคสูง ก็เพราะเรารู้จักเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ สะอาด ปราศจากสารพิษเจือปน

แต่ทุกวันนี้เรายังหาอาหารหรือพืช ผัก ผลไม้ที่ปลอดสารพิษหรือไร้สารพิษได้ยาก เพราะเกษตรกร ยังไม่หยุดยั้งการใช้สารพิษสารเคมี จนมีคำพูดติดหูที่ ฟังแล้วน่าสลดใจว่า "คนปลูกผักไม่กล้ากินผัก ของตัวเอง คนปลูกผลไม้ เช่นองุ่น ก็ไม่กล้ากินผลไม้ของตัวเอง"

น่าสงสารผู้บริโภคที่ไม่สามารถเลือกพืช ผัก ผลไม้ รับประทานเองได้ เพราะไม่ได้ปลูกกินเอง ไม่มีสถานที่พอ ที่จะปลูก เช่น คนที่อยู่ในเมืองบนตึก เป็นต้น ปัญหานี้ผู้เขียนอยากเสนอแนะวิธีการง่ายๆ ที่เคยทดลอง ได้ผลมาแล้ว นั่นคือ การปลูกไม้กระถาง หรือไม้แขวนที่รับประทานได้แทนไม้ประดับ แขวนให้รอบบ้าน และบริเวณริมรั้ว เลือกผักสวนครัว ผัก พื้นบ้านที่ปลูกง่ายๆ โตเร็ว แข็งแรง เช่น พริก หอม กระเทียม โหระพา กระเพรา มะนาว มะกรูด ผักเถาเลื้อย เช่น ตำลึง มะระ ผักปลัง

ไม้ยืนต้นที่ปลูกใส่กระถางเอาไว้เก็บยอดกินได้ เช่น มะรุม อีหร่ำ กระถิน ผักหวานบ้าน ฯลฯ

การปลูกไม้กระถางซึ่งมีเนื้อที่จำกัด ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้ปุ๋ยหรือดินที่ดี พอให้ต้นไม้ มีอาหารเจริญเติบโต อยู่ได้อย่างดี แม้ไม้ดอกไม้ประดับบางชนิด ก็สามารถใช้ เป็นอาหารเป็นยา ได้หลายชนิดปลูกไว้ดูก็ได้ กินก็ได้

สนใจจะขอดูตัวอย่างหรือศึกษาพันธุ์ไม้ต่างๆและเทคนิคการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เชิญได้ที่ชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ติดต่อคุณวินากร สิทธิพันธุ์ โทร.(๐๓๖)๕๘๑-๙๒๒, ๐๑-๙๙๑-๕๕๙๒

ขณะนี้ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน ได้เปิดโรงฝึกทำปุ๋ยหมัก ให้เกษตรกรและผู้สนใจ เข้าชมขึ้นอีกแห่งหนึ่ง อยู่ติดถนนสายเอเซีย ก่อนถึงทางเข้าตลาดอินทร์บุรีเล็กน้อย เป็นปุ๋ยสูตรพิเศษ มีชื่อว่า "ปุ๋ยมหัศจรรย์ เพื่อนช่วยเพื่อน"

เป็นปุ๋ยหมักที่ใช้อินทรียวัตถุชั้นดีผสม เช่น ละอองข้าวจากโรงสีที่มีทั้งแกลบ รำ และปลายข้าวรวมกันอยู่ มีเค้กอ้อยจากโรงงานน้ำตาลที่มีความหวานของอ้อย และแร่ธาตุอาหารหลายชนิด มีขี้เถ้าดำ จากแกลบ และเค้กอ้อยที่มีความเป็นด่างและมีคาร์บอนสูง มีมูลสัตว์หลายชนิดที่ให้ธาตุฟอสฟอรัส และโปตัสเซียม เป็นธาตุอาหารหลักของต้นไม้ มียูเรียจากธรรมชาติที่ให้ไนโตรเจนสูง ผสมคลุกเคล้า กับน้ำหมักชีวภาพ ที่ได้มาตรฐาน ช่วยย่อยสลายเมื่อหมัก ได้ที่แล้ว จึงนำมา ผสมกับแร่ธรรมชาติ คือ หินภูเขาไฟเกรด A ที่มีในเมืองไทย คือแร่เพอร์ไลท์ที่บดละเอียดก่อนบรรจุถุงจำหน่าย หรือนำไปใช้กับพืชได้ทุกชนิด

เหตุที่ใช้แร่หินธรรมชาติ (เพอร์ไลท์) ผสมเพราะจะช่วยให้ปุ๋ยอินทรีย์มีประสิทธิภาพ ดีขึ้นกว่าเดิม หลายเท่า ทวีคูณ เพราะแร่หินธรรมชาติหรือแร่เพอร์ไลท์ มีคุณสมบัติสำคัญดังนี้

๑. ถ้าใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดู จะเห็นรูพรุนของหินแร่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ในการดูดซึม เก็บความชื้น และของเหลวต่างๆ ไว้เหมือนแหล่งกักเก็บ ที่ไม่ยอมให้สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อพืชถูกพัดไหล หรือซึมหายไป นอกจากนั้นความโปร่งพรุนยังช่วยให้การถ่ายเทอากาศ ภายในดินดีขึ้นในกรณีที่พื้นดินเหนียวจัด จะช่วยให้ดินร่วนซุย รากพืชจะเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างเด่นชัด ถ้าเป็นดินทรายก็จะช่วยให้ดินอุ้มน้ำได้มากขึ้น

๒. แร่เพอร์ไลท์เป็นแร่ธรรมชาติที่มีส่วนประกอบของซิลิก้าปริมาณสูง พอเพียงที่พืชจะดูดซึม ไปใช้เป็น ส่วนประกอบสำคัญ ของเซลล์ผิว เพิ่มความแข็งแกร่งเป็นเกราะป้องกันศัตรูพืช โดยเฉพาะสัตว์ ตัวอ่อนหรือตัวเล็กๆ จะไม่สามารถทำอันตราย ดูดน้ำเลื้ยง หรือรบกวน การเจริญเติบโตของพืชได้ นอกจากนี้แร่ธรรมชาติ (เพอร์ไลท์) ยังมีความคมในตัว ที่ทำให้เกิดความระคายเคือง ต่อผิวของหนอน หรือแมลงจำพวกคืบคลาน ทำให้แมลงจะหลบหนี ไม่กล้าเข้าใกล้

แร่เพอร์ไลท์มีส่วนประกอบที่เป็นธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมอยู่เป็นจำนวนมาก และธาตุเหล่านั้นสามารถละลายน้ำได้ง่าย พืชสามารถเอาไปใช้ได้เลย

แร่เพอร์ไลท์ช่วยปรับสภาพของดินให้เป็นกลาง และช่วยดูดซับสารพิษ ได้ทั้งในน้ำและในดิน ที่มีสารพิษ ตกค้าง สามารถแก้ปัญหาดินเป็นกรดได้อย่างถาวรทำให้ดินร่วนซุย ปรับสภาพโครงสร้างของดิน ให้ดีขึ้น ปลดปล่อยธาตุต่างๆ เช่น อาหารรอง อาหารเสริมเติม ความแข็งแรงให้พืช

แร่เพอร์ไลท์มีส่วนผสมของแร่ธาตุสำคัญคือ ซิลิกอนหรือซิลิก้า ในรูปของแอซิดที่ละลายน้ำได้ดี มีคุณสมบัติ ลดการคายน้ำของพืช ช่วยให้ผนังเซลล์พืช แข็งแรง เกิดการต้านทานโรค ป้องกันการเจาะของไร รา เพลี้ยและหอย ที่เพิ่งวางไข่ ช่วยให้ลำต้นแข็งแรง ล้มยาก ลดการสูญเสียธาตุอาหารที่ถูกชำระล้างในดิน
แร่เพอร์ไลท์ เมื่อหว่านลงไปในดิน ปริมาณของไนโตรเจนและโพแตสเซียม จะถูกชำระล้าง น้อยกว่าดิน ที่ไม่ได้หว่านด้วยเพอร์ไลท์ และเพอร์ไลท์จะเข้าไปตรึงแร่ธาตุอาหารต่างๆ ไว้ ดูดซับแร่ธาตุต่างๆ ได้ดี

การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในดิน เป็นการเพิ่มธาตุอาหารและช่วยให้โครงสร้างของดินดีขึ้น การใส่เพอร์ไลท์ ร่วมกับปุ๋ย ช่วยปรับปรุงดิน เพิ่มปริมาณและคุณภาพธาตุอาหารในปุ๋ยอินทรีย์

แร่เพอร์ไลท์ใช้ได้กับพืชทุกชนิดไม่เป็นอันตรายต่อพืชช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนได้โดย
๑. สามารถปรับสถาพดินที่เป็นกรดหรือดินเปรี้ยว ดินเสื่อม ให้เป็นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก
๒. ดูดซับสารพิษตกค้าง และเชื้อราในดิน
๓. ช่วยดูดซับจับปุ๋ยซึ่งสามารถอยูในดินได้นาน ถึง ๙๐ วัน และพืชกินปุ๋ยถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์
๔. สามารถกำจัดหอยเชอรี่ และหนอนกอ ทำให้เกษตรกรลดการใช้ยาฆ่าแมลงลงได้
๕. ป้องกันปัญหาโรคพืช หยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
๖. การใช้ปุ๋ยลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้นทุนลดลง

ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธาตุธรรมชาติมีประโยชน์ ต่อดินและพืช คือ

๑. เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน ทั้งธาตุอาหารหลัก อาหารรอง อาหารเสริม วิตามิน ฮอร์โมน กรดฮิวมิค (ฮิวมัส) เพียงพอและเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต เสริมสร้างความแข็งแรง ให้ผลผลิตสูงขึ้น

๒. เพิ่มธาตุอาหารและอินทรียวัตถุให้ดินเนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธรรมชาติประกอบด้วยธาตุอาหาร พืช และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อการย่อยสลายธาตุอาหารและตรึงไนโตรเจน ทำให้พืช สามารถดูดซึม ไปใช้ได้ง่าย พืชเจริญเติบโต ให้ผลผลิตดี

๓. ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธรรมชาติจะทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวอนุภาคของดินให้จับตัวเป็นโครงสร้างที่คงทน ต่อการชำระล้างของน้ำ ทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดี ร่วนซุย รากพืชชอนไชเจริญเติบโตได้ง่าย และ ระบายอากาศ ดีขึ้น

๔. ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธรรมชาติมีจุลินทรีย์ ที่สามารถควบคุมและกำจัดศัตรูพิชในดินได้

๕. เมื่อใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธาตุธรรมชาติสม่ำเสมอ พืชจะให้ผลผลิตมากขึ้น น้ำหนักข้าวดีขึ้น สามารถ เก็บไว้ได้นาน เป็นที่ต้องการของตลาด

๖. ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่ธรรมชาติเป็นปุ๋ยที่ปราศจากสารพิษเจือปน จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และพืช ช่วยรักษา สภาพดิน

ผลจากการทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแร่เพอร์ไลท์ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน และเกษตรกร ได้ทดลองนำไปใช้ มีดังนี้

๑. ที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อ.อินทร์บุรี ปลูกต้นไม้ไว้เต็มสวน ทั้งผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ ผักเจริญ เติบโตเร็ว แข็งแรง ให้ผลสมบูรณ์ ปลูกข้าวโพด ก็หวานกรอบจนรับประทานดิบได้ น.ส.พ. คมชัดลึก เคยนำภาพไปลงเป็นข่าวมาแล้ว และทางชมรมฯ ได้ถ่ายทำเป็น VCD ไว้ด้วย เชิญไปเยี่ยมชม ที่ชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน อ.อินทร์บุรี ได้ทุกเวลา มีผักให้เก็บกินได้ทุกวัน

๒. ทดลองกับนาข้าว ปรากฏว่า ต้นข้าวเจริญเติบโต ใบเขียวเข้ม กอใหญ่ ต่างจากข้าวที่ใช้ปุ๋ยเคมี อย่างเห็นได้ชัด เพราะปุ๋ยเคมีทำลายดินจนเกิดสภาพดินเสื่อมโทรม ดินตาย

๓. มีเกษตรกรที่ขายไม้ดอกไม้ประดับที่คลอง ๑๕ อ.องครักษ์ ถิ่นรวมพันธุ์ไม้มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ชื่อ น.ส.น้ำค้าง ฉิมยาย ได้นำปุ๋ยของชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนไปทดลองใช้ ปรากฏว่าต้นไม้งามมาก ลำต้นแข็งแรง ไม่มีโรคแมลงรบกวน ส่งต้นไม้ประกวดได้รับรางวัลที่ ๑ มีใบประกาศนียบัตร รับรอง จากกรมส่งเสริม การเกษตร โดยนายอำเภอองครักษ์ ประธานกรรมการเป็นผู้มอบให้

ยังมีตัวอย่างอื่นอีกมาก เอาไว้จะค่อยๆ ทยอยนำมาเขียนให้อ่านคราวหน้า หากใครสนใจจะไปขอศึกษาดูงาน ฝึกทำปุ๋ยหมัก ทางชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน ยินดีต้อนรับ และบอกสูตรการผสมให้ อย่างไม่ปิดบัง ฝึกให้เป็น จนชำนาญ จะได้ช่วยกันเผยแพร่ให้เกษตรกร รู้จักทำปุ๋ยหมักใช้เอง โดยเลือกใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น ให้มากที่สุด อาจจะไม่เหมือนกับของเพื่อนช่วยเพื่อนก็ได้ และถ้าพื้นที่ดินของใครไม่มีปัญหามาก ก็ไม่จำเป็น ต้องใช้แร่เพอร์ไลท์เลยก็ได้ ยิ่งดินที่อุดมสมบูรณ์ เพราะใช้ปุ๋ยอินทรีย์มานานแล้ว ก็ไม่ต้องหมักปุ๋ย ใช้ให้เหนื่อย อีกต่อไป เพราะปุ๋ยอินทรีย์ยิ่งใช้ดินยิ่งดี แต่ปุ๋ยเคมียิ่งใช้ดินยิ่งเสื่อมโทรม

สนใจ ดูตัวอย่าง พื้นที่และฝึกทำปุ๋ยได้ที่ คุณณรงค์ สิทธิพันธุ์ โรงผลิตปุ๋ยมหัศจรรย์เพื่อนช่วยเพื่อน อยู่ติดถนน สายเอเซีย ก่อนถึงทางเข้า ตลาดอินทร์บุรีเล็กน้อย เดิมเป็นอู่ซ่อมรถ (คลีนิครถยนต์) โทรถาม รายละเอียดได้ที่ (๐๓๖)๕๓๓๐๖๑ หรือ ๐๑-๒๙๔๕๒๙๘

เรามาช่วยกันสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ดิน แล้วดินจะให้อาหารที่ดีแก่เราอย่างมากมายมหาศาล

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๖ มีนาคม - เมษายน ๒๕๔๖ ฉบับ...ย่อมโศกอยู่เช่นนี้)