อานุภาพของการอ่าน The Power of Reading

หลิว กิ่ง พงแปลโดย อธิธัช สาทรกิจ จากนิตยสาร Tzu Chi, Buddhism In Action, Fall 2002


บ่ายวันเสาร์ที่แสนอบอ้าววันหนึ่งของเดือนมิถุนายน ผมได้รับเชิญไปฟังปาฐกถาโดย หลิน เทียน ไหล ที่ร้านหนังสือเอสไล้ท์ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านการค้าทันสมัยที่สุดของกรุงไทเป

'หวังว่าคงจะน่าสนใจนะ' ผมปาดเหงื่อบนหน้าผากและพึมพำกับตัวเอง ขณะก้าวเข้าไปในบริเวณชั้นล่าง ของร้านหนังสือซึ่งใช้เป็นที่แสดงปาฐกถา หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผมจึงตระหนักว่าตนเองโชคดีขนาดไหน ที่ตัดสินใจมาฟังปาฐกถา แทนที่จะงีบหลับอยู่กับบ้าน การบรรยายครั้งนี้นับเป็นการพูดที่ดีที่สุด เท่าที่เคยฟังมาในช่วงสองปี

หลิน เทียน ไหล คือใคร
เขาคือกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายของสำนักพิมพ์คอมมอนเวลท์/โกลเบิลวิว ผู้นำด้านสิ่งพิมพ์ ของไต้หวัน ด้วยสถิติ การพิมพ์หนังสือใหม่ ออกมาหนึ่งเล่ม ทุกสามวัน แต่คงเป็นการยากที่ใครจะเชื่อว่า เมื่อ สิบสามปีก่อน หลินซึ่งเป็นแค่ลูกชาวนาที่ไม่มีแม้แต่ที่ทำกิน เคยทำงานเป็นภารโรง โรงเรียนมัธยม หัวเหลียนมาก่อน สมัยนั้นเขาต้องทำงานจิปาถะ เช่น ตัดหญ้า ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาด สระว่ายน้ำ ฯลฯ ในช่วงกลางวัน และเจียดเวลาพักผ่อนตอนกลางคืนเพื่ออ่านหนังสือ ด้วยนิสัยรักการอ่านนี้เอง ทำให้ อาจารย์ใหญ่ มอบตำแหน่งบรรณารักษ์ ประจำห้องสมุดโรงเรียน ซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อ และไม่มีใคร อยากทำให้ หลินรับงานด้วยความยินดี เพราะต่อไปนี้ เขาก็สามารถอ่านหนังสือได้ อย่างสบาย แม้ในเวลากลางวัน

เรื่องราวชีวิตของหลินที่ผันตัวเองจากหน้าที่ภารโรงขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีจุดเริ่มมาจาก การประกวด เรียงความ ที่สำนักพิมพ์จัดขึ้น โดยมีเงื่อนไขให้ผู้เข้าแข่งขันเขียนเรียงความ จากหนังสือเรื่อง ความสุข ของการทำงาน โดย ดร.เดนนิส เวธลี่ย์ และเรนี่ วิทธ์ หลินเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน เขาจึง ลองเสี่ยงโชค ส่งเรียงความเข้าประกวด หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขาก็ได้รับจดหมาย จากสำนักพิมพ์ ซึ่งมีข้อความว่า "ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์หลิน คุณเป็นผู้ชนะเลิศการประกวด" ทางสำนักพิมพ์ สันนิษฐาน เอาเองว่า ใครก็ตามที่สามารถเขียนเรียงความได้ดีขนาดนี้ ต้องมีอาชีพครู สอนเรียงความ อย่างแน่นอน หลินได้มีโอกาสรู้จักกับศาสตราจารย์ ชาร์ลส์ เกา นักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง และ เป็นประธาน ของสำนักพิมพ์ นั่นเป็นจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา หลินจดหมาย ติดต่อ ท่านศาสตราจารย์อยู่ถึงสามปี จนท่านเชิญชวนให้เขาเข้าทำงานกับสำนักพิมพ์ในปี ค.ศ.๑๙๘๙ หลิน ตัดสินใจ ลาออกจากงาน และเดินทางไปกรุงไทเปโดยมีเงินติดตัวเพียง ๑๐,๐๐๐ หยวนไต้หวัน (ประมาณ ๑๑,๐๐๐ บาท)

เขาเริ่มงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่คุมคลังสินค้าโดยพักอยู่ที่โกดังแห่งนั้นด้วย หลินดีใจเหลือที่จะกล่าว กับโอกาส ที่จะได้อ่านหนังสือทุกเล่ม ที่สำนักพิมพ์จัดพิมพ์ขึ้น ด้วยการทำงานอย่างทุ่มเท และ กระตือรือร้น หลังจากนั้น ไม่กี่ปี เขาก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่าย ต่อมาอีกไม่นาน ความมานะ บากบั่น ทำงานหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็ส่งผลให้หลินก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย ผู้ช่วย พิเศษ ของประธาน บริษัท และ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามลำดับ จนได้เป็นกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ของสำนักพิมพ์ ซึ่งไม่เคยมีใครเคยดำรงตำแหน่ง มาก่อนในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๐๒ และถึงแม้ว่า ตำแหน่งหน้าที่ การงานของเขา จะเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน ก็คือทัศนคติ ในการทำงาน ของเขา หลินยังคงทำงานอย่างกระตือรือร้น มีความสุขกับการจัดพิมพ์หนังสือดีๆ และนำเสนอ ถึงมือผู้อ่าน ให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้

"รางวัลอันทรงคุณค่าที่สุดที่ผมได้รับจากการทำงาน ไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตหรือเงินเดือนสูงๆ แต่เป็นโอกาส ที่ผมสามารถ เข้าถึงงานเขียนที่มีคุณค่า รวมทั้งรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบปะนักเขียนคนสำคัญๆ ซึ่งเขียน หนังสือ ให้สำนักพิมพ์ของเรา" หลินกล่าวอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าผู้ฟังกว่าสองร้อยคน

หลินให้สัญญาว่าจะพิมพ์หนังสือดีๆ เพื่อผู้อ่านในท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น เขายังได้กล่าวถึงคุณสมบัติ เฉพาะ ของบรรดา นักเขียน ผู้มีชื่อเสียง อันได้แก่ความตั้งใจและทุ่มเทเต็มร้อย ให้กับความเชี่ยวชาญ เฉพาะทาง ของตน มีระเบียบวินัยและจรรยาบรรณสูง สนใจใฝ่เรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเต็มใจแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น ผมฟังแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ก็กล้าพูดได้เต็มปากว่า หลินมีคุณ- สมบัติที่สูงส่ง เหล่านั้น ครบครัน อยู่ในตัวของเขา

สำหรับผมแล้ว มันช่างเป็นเรื่อง น่าอัศจรรย์ใจที่การประกวดเรียงความ และหนังสือเพียงเล่มหนึ่ง สามารถ พลิกผันชีวิต ของชายคนหนึ่ง ได้มากมายถึงเพียงนี้ พวกเราคงเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับ ความฝัน ของคน อเมริกัน ธรรมดาๆ คนหนึ่งซึ่งฟันฝ่าอุปสรรคจนผันชีวิตตนเอง จากกระท่อมไม้หลังน้อย ไปสู่ทำเนียบขาว อันทรงเกียรติ ที่ไต้หวันก็เช่นกัน ใครคนหนึ่งอย่างหลินสามารถยกฐานะทางสังคมของตน จากภารโรง ขึ้นไปสู่ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ และทั้งหมดนั้น เป็นจริงได้ด้วยอานุภาพ ของการอ่านหนังสือ ช่างมหัศจรรย์ และงดงาม น่าประทับใจจริงๆ !

มาอ่านหนังสือกันเถิด

 

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๗ พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๔๖)