รอบบ้าน
รอบตัว
- อุบาสก ชอบทำทาน -
แนวทางการสร้างพลังจิต
สิ่งที่เข้าใจผิด วันนี้ถ้าพูดถึงการสร้างพลังจิต เรามักจะคิดการใหญ่ไปเสียทุกที
ถ้ามองถูกหวย ก็จะต้อง รางวัลที่ ๑ ถ้าเรียนหนังสือก็ต้องจบมหาวิทยาลัยกันเลย
เหมือนในวงการนักศาสนาที่ถ้าพูดถึงพระโสดาบัน
เขาก็มักจะคิดกันว่า เหาะมาดูให้เห็นกับตาจึงจะเชื่อถือ
ความคิดทำนองนี้จึงบั่นทอนกำลังใจ
บั่นทอนให้ชีวิตหมดหวังที่จะพากเพียรไขว่คว้าสิ่งดีๆ มาใส่ตัว
มโนปุพพัง คมา ธัมมา
ทฤษฎีชีวิตนั้น
พระพุทธองค์ท่านตรัสถึงความยิ่งใหญ่ของจิตใจไว้ว่า "จิตเป็นตัวเกิด
จิตเป็นตัวพา จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธาน"
สุข-ทุกข์ ใช่ไหมครับ
จิตเป็นผู้กำหนด จะเป็นจะตายก็เพราะจิตใจของเรา
หากเข้าใจจุดนี้ก็นับว่า
เราเริ่มมีสัมมาทิฏฐิ แล้วครับ
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ประเทศอังกฤษมีงานวิจัยทางการแพทย์ชิ้นหนึ่ง
เขาค้นพบว่า ผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่ จะมีรอยหยัก ในสมองด้านที่ใช้จดจำทิศทาง
มากกว่าคนธรรมดา
ทฤษฎีนี้ เป็นเครื่องชี้บอกได้นะครับว่า
"เราทำได้!"
หลายๆ อย่างทำทันทีได้ในชาตินี้
แล้วท่านผู้อ่านจะไม่สงสัยว่า ทำไมคนตาบอด หูจึงไวกว่าคนธรรมดา นั่นคือการขวนขวายในชาติปัจจุบัน
you are what you
think สุภาษิตฝรั่งครับ
"เธอจะเป็นในสิ่งที่เธอคิด"
คิดอย่างท้อแท้
ชีวิตก็จะท้อแท้
คิดอย่างสิ้นหวัง ชีวิตก็จะสิ้นหวัง
คิดว่าป่วย เราก็จะป่วยจริงๆ ตามนั้น
จิตมีพลังครับ เราเชื่อว่าตัวเองเป็นอย่างไร
เราก็จะเป็นตามนั้น
พ่อแม่จึงต้องระวังปากให้มากนะครับ
ด่าลูก ดูถูกลูก แกมันโง่ แกมันเลว สักวันปากพ่อแม่ ก็จะเป็น ปากพระร่วง
วาจาศักดิ์สิทธิ์ได้จริง
พลังจิตเพ้อฝัน
เรามักจะมองคนมีพลังจิตว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษที่จะบิดช้อนงอ
หรือส่งกระแสจิต ให้คนอื่น รับรู้ได้ แต่จะมีสักกี่คน ณ วันนี้ที่ทำได้
และถึงแม้ทำได้
อย่างมากก็แค่พาไปออกเกมโชว์ เล่นจำอวด ปาหี่ !
ผมอยากจะเปรียบเทียบบุคคลพิเศษเหล่านี้เป็นข้อยกเว้นจากมนุษย์ทั่วไป
หลายล้านคนจึงจะมี สักคน และ ถึงจะมี ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อโลกมนุษย์
เจ้าตัวเองก็ยังต้องกินยาแก้เครียด
!
พลังจิตในชีวิตประจำวัน
พลังจิตไฮโซเลิกพูดเลยนะครับ
มาพูดถึงพลังจิตที่ต้องใช้ในชีวิต
ประจำวัน น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า
พลังจิตเป็นไฉน
?
การมองโลกอย่างมีความหวัง
การมองโลกอย่างมีกำลังใจ
คนขี้โกรธก็โรคนี้แหละครับ
เป็นคนมองโลก ในแง่ร้าย เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ เราจะรู้ใจคนทำ ได้อย่างไร
ว่าแกล้งหรือไม่แกล้ง เจตนาหรือไม่เจตนา
กระเป๋ารถเมล์ไม่ทอนตังค์
คนอื่นขับรถปาดหน้า ลูกหลานไม่เชื่อฟัง เพื่อนร่วมงานเอารัด - เอาเปรียบ
เจ้านาย ไม่ดีกับเรา ฯลฯ
ทุกเรื่องมี ๒ ด้าน
คือมุมดีกับร้าย เจตนากับไม่เจตนา
กรุณาอย่ามองโลกด้านเดียว
ระวังนะครับ เจ้าอารมณ์เสมอๆ เขาเรียก "มนุษย์ตาเดียว" เป็นคนพิการ
ทางใจ !
เริ่มสร้างพลังวันนี้
เราฝึกซ้อมได้ครับ
อย่าคิดอะไรมุมเดียว หัดมองหลายๆ มุม
เฮอร์แมน เฮสสะ
เจ้าของนวนิยายปรัชญา "สิทธารถะ" บอกว่า "มนุษย์เรามักตัดสินตัวเองที่เจตนา
แต่มักตัดสิน คนอื่น ที่การกระทำ"
เป็นเสียอย่างนี้ จะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไรครับ
พลังเสริม-ตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่
ไม่พูดถึงตัวช่วยก็เหมือนหุงข้าวโดยไม่ใช้ไฟ
จะสำเร็จได้อย่างไร
"การไม่เอาแต่ใจ"
ไม่เจ้าอารมณ์ จะทำให้เราคุมเกมชีวิตได้ดีเยี่ยม เราจะมีพลังชีวิตที่เต็มแน่น
"การมีศีลธรรม"
มีคุณธรรม นับเป็นเรื่องสำคัญ จะให้ตัวเองดี ปลอดภัย สบายใจ ก็ควรทำสิ่งนี้
กับคนอื่นก่อน นะครับ
ผู้ให้ย่อมมีสิทธิ์ได้
ถ้าเราไม่มีศีล ชีวิตก็มีแต่ จะทำให้ผู้อื่นฝันร้าย เพราะตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ฝันดีหรอกครับ
แนวทางการสร้างพลังจิตในหลายๆ
ผู้รู้ที่สอนกันในหลายสถาบัน ท่านผู้รู้จะย้ำเตือนเสมอว่า "ตัวเราต้อง
มีความดีนะ" "ต้องทำความดีนะ"
จินตบำบัด
วันนี้การรักษาด้วยพลัง
จินตนาการ เข้ามามีบทบาทสูงมาก ซึ่งความจริงแล้ว คนไทยเรา ใช้วิธีการนี้
มาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้วนะครับ ตั้งแต่การรดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์
เชื่อในคุณไสยต่างๆ
ความวิตกกังวลก็นับเป็นพลังจินตนาการที่
เข้มแข็ง แต่เป็นไปในเชิงลบครับ
การนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ
สร้างจินตนาการ ให้สิ่งดีๆ ทั้งหลาย อาทิเช่น พลังบริสุทธิ์ ความสุข
สดชื่น พลังความแข็งแกร่ง ธาตุกายสิทธิ์ ฯลฯ หลั่งไหลเข้ามาขณะหายใจเข้า
และความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า โรคภัยไข้เจ็บสารพัด จงไหลออกจาก ตัวเรา...ไปซะ!
นึกคิดบ่อยๆ พลังจินตนาการจะแข็งแรง
เมื่อรู้ศักยภาพด้านนี้
จึงขึ้นอยู่ว่าเราจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือจะใช้บ่อยเพียงใด
นิมิตเป็นไฉน
วันนี้ถ้าเราเห็นภาพปรากฏ ในจิตใจ นั่นแหละครับพลังจินตนาการ ภาพนี้ปรากฏ
หรือ กำหนดขึ้น ศัพท์เทคนิคเรียกว่า "นิมิต" นั่งสมาธิก็เกิดได้
หรือคิดเองโดยไม่ต้องนั่งก็เกิดได้
เรื่องของนิมิตเป็นวิธีคิดที่จะไปสู่ความสำเร็จใครจะเชื่ออย่างไรก็สุดแต่เจ้าของทฤษฎี
จะคิดว่ามีพลังอยู่กลางกระหม่อม
หรือกลางท้องน้อย หรือมีเส้นหลักวางตลอดร่างกายก็ไม่ขัดแย้ง ไม่ผิดหรอกครับ
สมัยหนึ่งเขาว่าแสงเป็นเส้น
คือทฤษฎีโฟตอนต่อมาก็มีคนหักล้างบอกว่าแสงเป็น "ควอนตั้ม"
เป็นเม็ดๆ ต่อๆ กัน ก็สุดแต่มุมมองของใครก็ของเขา ไม่แปลกประหลาด
พลังจินตนาการยิ่งมีสัมผัสจับต้องนวดเฟ้น
ก็ยิ่งเกิดผลสัมฤทธิ์ ผู้รับการรักษาจะยิ่งเกิดพลังคล้อยตามได้ง่าย
เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยนะครับ
ทำไมหมอนวด จึงขายดี !
แตะเพื่อเตือน
แตะเพื่อปลอบ
นวดเพื่อผ่อนคลาย
กระตุ้นเพื่อตื่นตัว.... ฯลฯ
นี่แหละครับ "พลังสัมผัส"
ทำทันที
ท่านจะพบว่า
ชีวิตประจำวันในแต่ละเหตุการณ์ เราบั่นทอนตัวเองให้ย่ำแย่จนน่าตกใจ
คิดไม่ดี
คิดลบ (Negative) ร่างกายจะผลิตสารพิษพ่นใส่ตัวเอง พ่นมากๆ เข้า พิษเหลือเฟือก็จะเริ่มพ่นใส่คนอื่น
วันนี้เรากินอาหารมีสารพิษตกค้างมากมายจากพ่อค้า
จากเกษตรกร อะไรก็ไม่ช้ำใจเท่า "ตัวเอง" เข้ามาผสมโรง เติมสารพิษใส่จิตใจตัวเอง
โกรธ-เกลียด-เบื่อหน่ายคนอื่นได้อย่างไรครับ
ตัวเองนี่แหละผู้ร้ายหมายเลข ๑ !
คติก่อนจาก
"รักชีวิตโปรดผลิตสารดีๆ
หล่อเลี้ยงตัวเอง"
(ดอกหญ้า
อันดับที่ ๑๐๘ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๖)
|