- อุบาสก ชอบทำทาน - ฝึกฝนคนทำงาน ให้ "เป็นงาน" และ "เก่งงาน" คำขวัญประจำปี ๒๕๔๗ ของชาวอโศกคือ "ไม่รอ-ไม่หวัง-แต่เราทำ" และเราคงไม่รอใครทั้งสิ้น เพราะจะเสียเวลาไปเปล่าๆ เริ่มที่ตัวเองดีกว่ามัวรอการเปลี่ยนแปลงจากผู้อื่น! วันนี้ปฏิรูปการศึกษาจะเป็นมรรคผลแค่ไหน อย่าได้คาดหวัง อย่าคิดว่าเป็นยาวิเศษ ที่จะแก้ปัญหา การศึกษาไทยได้สำเร็จ โดยหลักการอาจค้นพบแนวทางอันประเสริฐ ก็จริงนะครับ แต่ "บุคลากร" ไม่ตั้งใจ ไม่จริงใจ และรวมไปถึงไม่มีคุณภาพ แล้วจะไปรอดได้อย่างไร? ดาบกายสิทธิ์อยู่ในมือคนกระจอกมันก็ไร้ค่านะครับ หรือเรากำลังหลอกตัวเองไปวันๆ ฝากผีฝากไข้กับการปฏิรูปการศึกษาที่คาดหวังจะเป็นแหวนวิเศษ พัฒนาเด็กไทยไปสู่ทิศทางที่ปรารถนา! จากการสำรวจ "พฤติกรรมในการทำงาน" วันนี้เรากลับพบปัญหาที่หนักใจคนทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ในหน่วยงานใดก็ตาม ยิ่งคนทำงานที่จบมหาวิทยาลัยไม่กี่ปี ก็จะยิ่งหนักกว่าเขา ในเกือบ ๕๐ พฤติกรรมเชิงลบ เราพบว่า พฤติกรรม "ขาดความเข้าใจในการปฏิบัติงานบางอย่าง" มักจะอยู่ในอุปสรรคลำดับต้นๆ เสมอมา นี่แหละครับ ลักษณะการทำงานที่ไม่เป็น-ไม่เก่ง อะไรคือต้นเหตุ? ครับ ก็ต้องโทษการศึกษาที่ผ่านมาเป็นหลัก มีข้อสันนิษฐานดังนี้ครับ - ไม่ค่อยทำการบ้านด้วยตัวเอง ท่านผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับ ทำไมนักศึกษา ที่ขยันทำกิจกรรม จึงมักประสบความสำเร็จในการ ทำงานมากกว่าพวกเรียนเก่ง? เพราะในกิจกรรมต่างๆ เป็นบทเรียนชั้นดี ในการหล่อหลอมให้เขาแกร่ง-เก่ง มีความฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหา ในการเอาตัวรอด! อยากให้ลูกหลาน "เป็นงาน-เก่งงาน" ลองเปิดใจฟัง เหตุผลของเขาสักนิดนะครับ เคล็ดลับก็คือ ขอให้ทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทำการบ้าน ทำรายงาน การทำอะไรด้วยตัวเองเท่ากับฝึกฝนให้เส้นปฏิภาณไหวพริบในการเข้าใจปัญหา และแก้ไขปัญหาได้เติบโต เจริญก้าวหน้าไปสู่ความแข็งแกร่ง ต้องเริ่มที่เด็กครับ เหมือนการให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่เกิด ร่างกายจะแข็งแรง คนที่ร่างกายอ่อนแอ เมื่อโตขึ้น เราอาจจะพบว่า ตอนเป็นทารกอดกินนมแม่! พ่อแม่บางคนวิตกกังวลเกินเหตุเมื่อลูกทำการบ้านไม่ได้ บางโรงเรียนทำธุรกิจด้วยการสอนนักเรียนทำการบ้านในตอนเย็น ช่วงรอผู้ปกครองมารับ ก็ดูดีสำหรับผู้ใหญ่ แต่ลูกหลานเราต่างหากที่เส้นปฏิภาณทั้งหลายจะฝ่อตาย พลังทะลุทลวงปัญหาหายไปเพราะไม่เคยฝึกฝน แม้แต่การค้นคว้าทำรายงาน เด็กต้องวางแผน ต้องเข้าห้องสมุด ต้องค้นหาวัตถุดิบจากแหล่งต่างๆ ทั้งหมดนี้คือการฝึกฝนเพิ่มพลังแห่งไอคิว และวันนี้ที่มีการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีหรือโทก็ตาม ผู้เรียนตั้งใจเรียนเพื่อรู้ หรือสักแต่ว่า ให้ผ่านๆ ไป? คุณภาพทางการศึกษาของไทยสังคมไทยจึงตกต่ำ อย่างน่าใจหาย หลายๆ มหาวิทยาลัยทำการศึกษาให้เป็นธุรกิจ เน้นผลกำไรมากกว่าคุณภาพ หลายมหาวิทยาลัยจึงออกข้อสอบง่ายๆ เพื่อให้ผ่านๆ ไป ครูบาอาจารย์ก็ออกข้อสอบปรนัย เลือก ก ข ค ง ด้วยต่างอ้างว่า "ไม่มีเวลา" ความรู้วันนี้จึงเหมือนต้นไม้ที่เขาตอนมา มีแต่รากฝอย ไม่มีรากแก้ว ให้ผลได้บริโภค แต่อายุไม่ยืน และแสนจะอ่อนแอ คุณภาพของคนจึงเหมือนต้นไม้ที่ตอนมา ทำอะไรด้วยตัวเองจึงมิใช่แค่นี้นะครับ มีอีกครับ การหัดเข้าร่วมกิจกรรมในโรงเรียน ก็จะยิ่งทำให้มีความสามารถสูงขึ้น และตัวช่วยตัวสุดท้ายที่น่าสนใจก็คือ "การหัดทำงานบ้าน" พ่อแม่หลายคนมิจฉาทิฐิเพราะเหตุรักลูกผิดๆ กลัวลูกจะไม่เก่ง กลัวจะลำบาก ก็เลยคิดแต่จะให้ลูกเรียนเก่งอย่างเดียว หารู้ไม่ว่า การทำงานบ้าน นั่นแหละ เป็นครูคนแรกที่จะฝึกให้ลูกของเราเป็นคนทำงานเป็นและเก่ง งานบ้านนั้น หมายถึง การฝึกบริหาร จัดการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ให้ลุล่วง สรุปความแล้ว จะให้เก่งงาน ต้องเริ่มที่เด็ก โดยเริ่มทั้งที่บ้าน และในโรงเรียนของเด็กนั่นเอง นี่แหละครับ ความหมายของการศึกษาที่เป็นบูรณาการ ที่จะทำให้แกร่ง เชื่อมั่น มีไหวพริบ มิใช่เก้งก้าง ไม่มั่นใจ และซื่อบื้อ! ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๑ มกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
|