*** ความเป็นมา
เกิดปี พ.ศ.๒๕๐๑ ในครอบครัวเกษตรกร จ.มหาสารคาม เป็นลูกคนโต มีพี่น้อง ๕
คน จบชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ศ.๕)
แล้วมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯเพื่อหางานทำ หาเงินมาเลี้ยง ครอบครัว ทำมาหากินอยู่กรุงเทพฯ
เป็นเวลานาน จนสามารถเก็บเงิน พอที่จะเปิดกิจการ ทำธุรกิจส่วนตัวได้ โดยมีสามีและน้องๆ
ช่วยกันทำ จนประสบ ความสำเร็จ หลายอย่าง ตอนนั้น ทำงานหนักมาก กินข้าววันละมื้อ
นอนพักวันละ ไม่เกิน ๒-๓ ชั่วโมงทุกวัน เพราะมีค่าใช้จ่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าตึก
ค่าจ้างลูกน้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภาษี ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในครอบครัว อย่างไรก็ตาม
เราก็อยู่กัน อย่างสบาย บางครั้งปีหนึ่งๆ จะปิดร้าน พาลูกน้องไปทำบุญประมาณ
๒ ครั้ง เราประกอบธุรกิจอยู่ประมาณ ๑๖-๑๗ ปี
*** ความยุ่งยาก
วันที่ไม่คาดคิดก็มาถึง ธุรกิจเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ถึงขนาดต้องย้ายกลับบ้านที่
มหาสารคาม ตอนนั้น เสียใจมาก แต่จะอาศัยธรรมะจึงพอที่จะแก้ปัญหา และอยู่
ร่วมสังคมกับคนอื่นได้
*** ความหวัง
มีโอกาสเข้ารับการอบรม "โครงการสัจธรรม
ชีวิต" ที่แก่นอโศก จ.ขอนแก่น ประมาณ
ปลายเดือน ตุลาคม ๒๕๔๔ ได้เรียนรู้การทำกสิกรรม ไร้สารพิษ การทำน้ำหมักชีวภาพ
น้ำยาอเนกประสงค์ เมื่อกลับบ้านก็ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มเพื่อทำปุ๋ยหมักไว้ใช้
แต่ก็พบปัญหา หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร หรือเงินลงทุน จึงประชุมพูดคุยกับคน
ใกล้ตัวก่อน โดยชักชวน ให้มาลงขันกันคนละหุ้นสองหุ้น พอให้มีเงินมาใช้หมุนเวียนในกลุ่มได้
แล้วนำเงินนี้ไป ลงทุนทำข้าวเกรียบขาย เพื่อจะได้มีเงินเข้ากลุ่มเร็วขึ้น
เดือนแรก ปรากฏว่า ขาดทุนไป ๑,๐๑๙ บาท แต่ยังมีของเหลือ เดือนที่สองเริ่มมีกำไรพันกว่าบาท
และเดือนที่สาม ได้กำไร สามพันกว่าบาท เราจึงมีเงินพอที่จะไปซื้อวัตถุดิบมาทำ
น้ำยาอเนกประสงค์ แชมพูสระผม ครีมนวดผม สบู่ และซื้อกากน้ำตาลมาหมัก 'น้ำหมักชีวภาพ'
เพื่อทำปุ๋ยหมักต่อไป ถึงขณะนี้มีคนนอกสั่งซื้อปุ๋ยของกลุ่ม ๕ ตัน สมาชิกกลุ่มอีก
๑๕ ตัน รวมเป็น ๒๐ ตัน
*** ความรู้
'ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน'
ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นอีกที่หนึ่งที่ถ่ายทอดความรู้ ด้านน้ำหมัก
ชีวภาพ ปุ๋ยหมักต่างๆ ให้มาก ยิ่งกว่านั้นยังได้เรียนรู้เรื่องธรรมะ ทำให้เข้าใจคำว่า
สัจธรรม มากขึ้น รู้จักการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับ ธรรมชาติ อยู่อย่างเรียบง่าย
พอเพียง
*** ความสุข
วันไหนได้ฟังธรรมะจากพ่อท่าน วันนั้นจะ มีความสุขมาก ซาบซึ้ง เข้าใจสิ่งที่พ่อท่าน
สอน ทุกครั้ง ที่ประชุมก็จะนำธรรมะ ที่ได้ฟังมาแทรกเข้าไปเสมอ และจะเน้น
ให้ทำทุกอย่าง เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งของตัวเราเองและผู้อื่นด้วย
ครอบครัวให้การสนับสนุนด้วยดี สามี (คุณสุชาติ ธัญธนาพงศ์)
ซึ่งทำการเกษตร พร้อมกับดูแล หลานเล็กๆ ๒ คนไปด้วย ช่วย รับตำแหน่งเป็นเลขาฯให้
การปรึกษา หารือและ แก้ปัญหา จึงสะดวกรวดเร็ว ส่วนลูกสาวทั้ง ๓ หลังจากเรียนจบ
ก็ไปทำงานบริษัท เมื่อรู้ว่าแม่จัดตั้งกลุ่ม ทำกสิกรรมไร้สารพิษ ก็มีความยินดี
และ ยิ่งยินดีเมื่อรู้ว่า แม่ปฏิบัติธรรมด้วย ครอบครัวเรา รักษาศีลห้า ไม่ฆ่าสัตว์
และเอื้อเฟื้อ ต่อผู้อื่น แม้เราจะไม่ร่ำรวย แต่เราก็อยู่กัน อย่างมีความสุข