รอบบ้าน รอบตัว - อุบาสก ชอบทำทาน -

ความดีต้องมีตัวตน

"โลกลุกเป็นไฟอยู่อย่างนี้ ตัวตกอยู่ในความมืด ไยไม่รู้จักหาแสงสว่าง !"

พุทธพจน์บทนี้ เตือนมนุษย์โลกมานานกว่า ๒,๕๐๐ ปี แล้วนะครับ แสดงว่ามนุษย์เราตกต่ำ มีความมัวเมา มีความเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

และท่านก็ได้บัญญัติแนวปฏิบัติในการพัฒนาตัวเองไว้ เป็นคัมภีร์เล่มใหญ่ เป็นสูตรตัดเพชร เป็นสูตรแห่งการซักฟอกตัวเองที่ทรงประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์เจ้า เช่นเดียวกับท่านนบี มะหะหมัด

แต่พอเราระดมองค์กรทางศาสนามาวางแผนเชิงรุก ปลุกกระแสความดีให้ขึ้นจากหลุม !

เรากลับอ้ำอึ้ง งุนงง จะเริ่มตรงไหนดี !

แค่ตั้งคำถาม โลกแห่งซาตาน เขาก็รุกคืบหน้าไปอีกหลายกิโล !

กองทัพมารหรือกองทัพอมนุษย์นั้น เขามีคำตอบง่ายมากเลยครับ

อะไรคือความชั่ว? ตอบ ความเห็นแก่ตัว

ทำอย่างไรจะเพิ่มความเห็นแก่ตัวให้มากขึ้น ? ตอบ ส่งเสริมสิ่งที่เป็นความสุขของมนุษย์ให้มากที่สุด !

กองทัพมารนะครับ ดูตาก็รู้กัน ต่างคนก็ไปเร่งทำโดยไม่ต้องนัดหมาย

จะเหลือก็แต่กองทัพธรรมที่มีกำลังน้อย ในสภาพต่างคนต่างพาย จึงไม่สามารถเคลื่อนภูเขา น้ำแข็งให้ขยับได้

คิดถึงนิทานเรื่องหนึ่ง พลังนกกระจาบที่พร้อมใจกันบินกระพือทีเดียว ตาข่ายก็หลุดลอย !

เนื่องจาก "คุณงามความดี" กลายเป็นชนกลุ่มน้อย จึงต้องเพิ่มยุทธศาสตร์จากต่างคนต่างทำมาเป็นแบ่งกำลัง "มาลงเรือลำเดียวกัน มาช่วยกันพาย !" ในอีกด้านหนึ่ง

ยุคโลกาภิวัตน์ผู้คนเริ่มสับสนในคุณค่าของ ชีวิต ไม่ต้องอื่นไกล เพียงดูการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ก็พอจะมองเห็นว่า คนในสังคมใช้เกณฑ์ตัวไหนตัดสิน

วันนี้จึงต้องสู้กันด้วยภาพ !

อยากจะให้ย้อนดูอดีตบางเรื่องสัก ๓-๔ เรื่อง

เมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมือง ทำงานการเมือง ก่อเกิดมาตรฐานนักการเมืองขึ้นมา ในระดับหนึ่ง น่าเสียดายที่ท่านผละทิ้งวงการนี้ไป

สมัย ต๋อง ศิษย์ฉ่อย เป็นแชมป์สนุกเกอร์ ระดับโลก เยาวชนไทยหันมาเล่นกีฬาประเภทนี้ขนานใหญ่ หลายๆ โรงเรียนถึงกับมีความคิดจะตั้งโต๊ะสนุกเกอร์ ทั้งๆ ที่แหล่งสนุกเกอร์เดิมนั้นมีภาพลักษณ์เป็น "อโคจร"

คุณภราดรก็มาปลุกกระแสการเล่นเทนนิส

นักยกน้ำหนักไทย (หญิง) หลังจากได้เหรียญ ทองมาในระดับโอลิมปิก วันนี้กีฬายกน้ำหนักก็เริ่มเริงร่า

เราคงต้องยอมรับนะครับว่า "กระแส" เป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่เราจะปลุกกระแสให้ต่อเนื่องได้นานแค่ไหน

ธุรกิจการค้าก็ใช้วิธีการนี้ ดึงดารามีชื่อมาโฆษณาสินค้า

วารสาร สสส. มีอยู่ฉบับหนึ่งที่เชิญชวนให้คิดเป็นภาพ โดยบอกว่า "เพียง ๑ ภาพ มีค่ามากกว่าหมื่นคำอธิบาย"

เพราะฉะนั้น ถ้าวันนี้เราจะปลุกกระแสจริยธรรม เราจึงต้องหาตัวตนที่จับต้องได้มาเป็นนาย (นาง) แบบโฆษณา

หาดารามาช่วยทำงานชิ้นนี้ ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ของประเทศก็ต้องทำด้วย

ยุคที่ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร เป็น รมต.กระทรวงมหาดไทย ท่านลงพื้นที่โดยนอนค้างวัด ใช้ชีวิตง่ายๆ ท่านนายกฯทักษิณก็ใช้แนวทางนี้ แม้ใครจะหาว่าสร้างภาพก็เรื่องของเขา แต่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่มอบให้แก่สังคม

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนครับ !

สมัยพลตรีจำลอง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ท่านขึ้นป้ายไว้เลย วันเกิดของผมงดกระเช้าทุกชนิด

ท่านทำงานตั้งแต่ตี ๕ !

วันนี้ผมฝันถึงคุณเบิร์ด ธงไชย จับมือกับบริษัทแกรมมี่จัดคอนเสิร์ตครั้งต่อไป เน้นคุณธรรม ของครอบครัว เน้นแนวปฏิบัติที่ลูกควรมีต่อพ่อแม่

คุณธงไชยรักแม่มาก ถ้าได้ทำเรื่องนี้ พ่อแม่อีกมากมายก็จะมีความสุขที่ลูกทำตามที่ คุณธงไชยสอน คุณแม่ผู้ไปดีแล้ว หากท่านรับทราบจะปลื้มปีติขนาดไหน

ครับ นอกจากสร้างภาพโดยเน้น "ตัวบุคคล" เรายังต้องสร้างภาพโดยเน้นที่ "พฤติกรรม" อีก ต่างหาก ซึ่งต้องควบคู่ไปด้วย

หากเป็นคริสตศาสนิกชน เขาก็เข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เป็นมุสลิมเข้ามัสยิดทุกวันศุกร์ แล้วชาวพุทธล่ะครับ ?

ภาพรายอาทิตย์มีแล้ว ก็ต้องมีภาพรายวัน
- มุสลิมละหมาดวันละ ๕ ครั้ง
- นั่งสมาธิทุกวัน
- สวดมนต์ทุกวัน
- กินมังสวิรัติทุกวัน
- ถือศีลทุกวัน ฯลฯ

คนที่สนใจธรรมะ เขาก็เดินทางอยู่แล้ว นะครับ

แต่ถ้าเป็นประชาชนทั่วไป อะไรล่ะครับที่น่าจะสื่อด้วยภาพ ลองช่วยกันคิดต่อนะครับ

ความดีในชีวิตส่วนตัว จะไม่พูดความไม่ดีของเพื่อนให้คนอื่นฟัง จะตื่นนอนตี ๕ จะออกกำลังกายทุกวัน ฯลฯ

ความดีในบ้าน (ของลูก) จะช่วยงานบ้าน แบ่งเบาภาระพ่อแม่ จะขอถูกบ้าน จะขอกวาดบ้าน จะขอล้างชาม ฯลฯ

ความดีในครอบครัว (ของสามีภรรยา) จะกลับบ้านเมื่อเลิกงาน จะช่วยงานของสมาชิกในครอบครัว จะกินข้าวร่วมกัน จะพาสมาชิกไปเที่ยวด้วยกัน จะสวดมนต์พร้อมกัน จะไปออกกำลังกายด้วยกัน ฯลฯ

ใครคิดเรื่องอื่นออกก็ช่วยกันคิดต่อนะครับ

ความดีในที่ทำงาน จะไม่นำสิ่งของในสำนักงานไปใช้ส่วนตัว จะมาทำงานตรงเวลาและไม่เลิกก่อน จะไม่อิดเอื้อนเมื่อเพื่อนเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ จะไม่นินทาเพื่อนแม้จะจริง ฯลฯ

ใครคิดเรื่องอื่นออกก็ช่วยกันคิดต่อนะครับ

หากเราเน้นการปฏิบัติความดีด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญา นั่นก็แปลว่า จะต้องให้ความสำคัญกับ รูปแบบก่อนอื่น เพราะรูปแบบจะเป็นตัวแสดงที่ชัดเจนที่ผู้คนสามารถเรียนรู้ได้ง่าย

อะไรที่เห็นแล้วต้องอธิบาย จึงไม่ใช่การ เผยแพร่ในเชิงกว้าง

เรามาช่วยกันคิดต่อนะครับ ถ้าจะทำคุณธรรมเชิงรุก

ภาพเชิงกว้างควรจะมีอะไร ?

ภาพเชิงลึกควรจะเป็นแบบไหน ?

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการศึกษานอกจากวิชาศีลธรรมที่น่าจะเป็นวิชาบังคับแล้ว วิชาปรัชญาก็น่าจะทำให้เรามั่นคงในคุณธรรมมากขึ้น จึงไม่ควรละเลย มิฉะนั้นแล้วสิ่งที่ดีๆ ก็จะกลายเป็น "ศีลพตปรามาส" ไปอย่างน่าเสียดาย

ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๖ พฤศจิกายน- ธันวาคม ๒๕๔๗