ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน (ต่อจากฉบับที่แล้ว) พ่อของการ๎โลส ช่วยเหลือวิ่งเต้นหลายขั้นตอนจนในที่สุดก็ได้ตำแหน่งนี้มา ตอนแรกฉันคงเข้าไป ในฐานะครูน้อย แต่เขามั่นใจว่าด้วยวุฒิการศึกษาของฉัน อีกทั้งวัยของผู้อำนวยการชั่วคราว คนนี้ จะทำให้อนาคตของฉันไปไกลแน่ "และที่สำคัญที่สุดนะ พี่จะได้กลับไปอยู่ปัมโปล๎น่าที่บ้านเราไงล่ะ พี่รู้ไหมว่าพี่มีโอกาสจะได้ไปจากที่นี่" ว่าพลางเขย่ามือทั้งสองของฉันราวกับจะปลุกให้ฉันตื่นจากความฝัน ฉันคงทำหน้าเซ่อพิลึกเลยล่ะ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว...ฉันคงจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ขณะนี้มันสายไปเสียแล้ว "พี่เสียดายที่จะต้องไปจากที่นี่" "ที่พูดนี่ พี่แน่ใจแล้วเหรอ" "แน่ใจสิ โรงเรียนแบบที่เธอบอกมาคงจะมีคนสนใจเป็นร้อย และรับรองว่าต้องมีหลายคน ที่คุณสมบัติ เหมาะสมมากกว่าพี่ ส่วนคนที่จะมาแทนพี่ที่นี่สิ คงจะเป็นคนที่ไม่มีเส้นสายอะไร และคิดจะออก จากที่นี่ทันทีที่มีโอกาส พี่ก็ไม่รู้จะบอกเธอว่าเพราะอะไร จึงอยากอยู่ แต่พี่รู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับที่นี่ พี่คิดว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ พี่มีความสุข แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับเธอ" "นั่นล่ะเป็นสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจว่า พี่จะมีความสุขได้ไงในหมู่บ้านแบบนี้ กับผู้คนอย่างนี้ พี่เปลี่ยนไป มากนะ" "แน่ล่ะ แล้วเธออย่านึกว่ามันง่ายที่พี่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้" "ถ้าแม่มาเห็นพี่เข้าละก็..." ความจริงแล้ว ขณะนั้นฉันก็ไม่อยู่ในสภาพที่น่าพบเห็นมากนัก น้องสาวของฉันกับคนรักมาถึง ในจังหวะที่ไม่ค่อยดีนักเพราะ เด็กของโรงเรียน และฉันเพิ่งจะยกขบวนกันกลับจากเก็บเห็ดบนเขา เสื้อผ้าเลอะเทอะ เราเข้าหมู่บ้านเพื่อแวะเอาเห็ดไปให้พ่อของเด็กๆ ครอบครัวนูอินไปขายที่ตลาด เงินที่ได้ ก็จะเอาไปเข้าห้องสมุดโรงเรียน "พี่ไม่รู้สึกหรอกเหรอว่า ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับหญิงสาวที่มีไฟอย่างพี่ ไม่เห็นเหรอว่ามันไม่มีอนาคต" "เมื่อเธอพูดถึงอนาคต เธอหมายถึงที่ตั้งของโรงเรียน หรือคนรักที่มีรถสปอร์ตสีเหลืองใช่ไหม" ฉันถาม อย่างจงใจเพราะพวกเขาได้สร้างความฮือฮาให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยรถของการ๎โลส มันยังเป็นสมัยที่ แม้แต่รถธรรมดาๆ สักคันก็ทำให้ผู้คนแตกตื่น แล้วจะกล่าวไปไย ถึงรถสปอร์ตสีเหลืองนกขมิ้นคันนั้น "ทั้งสองอย่างแหละ ฉันไม่เห็นว่าเพราะอะไรถึงจะพูดตรงๆ กับพี่ไม่ได้" "ที่หมู่บ้านนี้มีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพี่อยู่บ้าง ซึ่งก็ดูไม่เลวร้ายอะไรนัก" "พวกหล่อนน่าจะรู้ดีว่ากำลังทำอะไร อนาคตของผู้หญิง เหล่านั้นฉันไม่สนเลยสักนิด" "แต่พี่สนใจ" ฉันตอบพลางก้มหน้าด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรอีก แม้จะคิดออก หลายเรื่องหมู่บ้านต่างๆ กำลังจะร้างเพราะคนหนุ่มสาวทิ้งหมู่บ้าน ทำไมพวกเขาถึงไป เพราะเขา ไม่อาจแก้ปัญหาของเขาเองได้ โดยไม่ต้องหนีไปมีชีวิตอยู่อย่างลำบากในเมืองใหญ่ที่แออัด พวกเขา ไม่พร้อมที่จะอยู่ในสภาพเช่นนั้นโดยต้องทน คิดถึงบ้านหลังใหญ่ สวนผัก และทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขาทิ้งไว้ข้างหลัง "พี่ต้องการจะเป็นครูชนบท" ฉันย้ำ "พี่ต้องการให้เด็กของพี่มีโอกาสเรียนและมีความรู้ และด้วยวิธีนี้ เท่านั้นที่พวกเขาจะเลือกอนาคตของตัวเองได้ เด็กบางคนก็ต้องจากที่นี่ไป พี่รู้ดี แต่บางคนก็จะอยู่ เพื่อทำกสิกรรม ดูแลท้องทุ่งและฝูงสัตว์ต่อไป และพวกเขาจะมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ เพราะพวกเขาเลือกงานด้วยตัวเอง พวกเขาจะรักมันเพราะเขามีทางเลือกสองทาง และเขาก็ได้เลือก ทาง ที่ชอบมากกว่า เธอเข้าใจไหม ตัวพี่เองก็หวังว่าจะสามารถถ่ายทอดบางอย่าง จากพี่เพื่อให้เกิด สิ่งนี้ขึ้น" "ฉันไม่รู้ว่าพี่จะทำยังไง แต่ฉันรู้สึกว่ากำลังฟังพระเทศน์อยู่ และก็ไม่อยากจะคิดว่าพ่อจะว่ายังไง เมื่อฉันเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้ฟังว่าพี่อยากจะอยู่ที่นี่มากกว่า ! พ่อคงจะสงสารพี่ ฉันแน่ใจได้เลย และที่แย่ก็คือเมื่อพี่คิดได้ว่าตัดสินใจผิด ก็สายเกินไปเสียแล้ว" "ก็อาจเป็นได้ แต่สิ่งที่พี่จะไม่ทำคือตัดสินใจอะไรที่ตรงกัน-ข้ามกับที่คิดไว้ เพราะพี่อาจจะเสียใจ ในภายหลัง พี่คิดว่าพี่คงเป็นที่ต้องการของคนที่นี่มากกว่าที่ไหนๆ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้แหละ" "พี่ไม่อาจจัดการอะไรกับโลกได้หรอก มันเป็นเรื่องของรัฐบาล ปล่อยให้รัฐบาลดูแลห่วงใย ความต้องการ ของชาวบ้านเถิด ส่วนพี่เป็นห่วงอาชีพและอนาคตของตัวเองก็พอ" "พี่ไม่อยากจะคิดว่า น่าจะเป็นใครก็ได้ที่มาทำงานนี้ คนที่อาจจะฉลาดกว่า รวยกว่าพี่ คนที่จะมา ช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ ก็พี่นี่ไง ! คนที่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว และมีขีดความสามารถเท่าที่มี จะไปหาคนอื่น ทำไม พี่อยู่ที่นี่ก็คงมีประโยชน์อะไรบางอย่าง" น้องสาวมองดูฉันอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นก็หยิบกระจกเล็กๆ ในกระเป๋าสะพายออกมา พลางแต่งตา ด้วยดินสอเขียนขอบตา "ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว พี่ทำให้ฉันหงุดหงิด พี่พูดถึงความรับผิดชอบ ที่พี่คิดว่าสามารถทำได้ ฉันไม่รู้ว่า พี่คิดว่าพี่เป็นนักปราชญ์หรือนักบุญกันแน่" ฉันหัวเราะ "ไม่ใช่ทั้งสองอย่างแหละ ซิลเบีย พี่ว่าเธอกำลังคิดว่าพี่โง่ พี่เพียงแต่อยากจะบอกว่า ไม่ใช่หรอก พี่ขอบใจเธอทั้งสองมาก มากกว่าที่เธอจะเข้าใจได้ โดยเฉพาะความเอาใจใส่ต่อเรื่องของพี่ แต่พี่ก็รับมันไม่ได้ เพราะพี่มีงานที่พี่สนใจและทำให้พี่มีความสุขอยู่ที่นี่ ทางที่ดีพี่ว่า เราพูดกัน เรื่องอื่นดีกว่า เมื่อไหร่เธอทั้งสองจะแต่งงานกันล่ะ" "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ปัญหาจริงๆ ของเราคือเรื่องบ้าน จะหาห้องชุดเล็กๆ สักห้องที่เหมาะสม ก็ยากเหลือเกิน แต่เรากำลังมองอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว มีลิฟต์และลิฟต์ยกของ เครื่องทำความร้อน และน้ำร้อนส่วนกลาง ครัวมีทั้งไฟฟ้าและแก๊ส... ดีไปหมดแหละ แต่ราคาแพงหูฉี่ ยังดีที่พ่อแม่ของการ๎โลสคิดจะช่วยเรา ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีทางเป็นไปได้ เราจะไปกันแล้วยัง ขอโทษ ที่ฉันอาจจะพูดให้พี่โกรธ แต่ฉันก็พูดด้วยความหวังดี" "ไม่หรอก พี่จะโกรธเธอเรื่องอะไร" ฉันไม่ได้โกรธ แต่เศร้าใจเล็กน้อย ฉันไม่อาจแม้แต่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นระหว่างอาหารว่าง ด้วยเรื่อง ตลกของการ๎โลสซึ่งเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี และคุยกับโตมัสเรื่องกะหล่ำปลีและหญ้าอัลฟัลฟ่า ราวกับ เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ฉันโล่งอกเมื่อน้องสาวของฉันและคนรักของเธอขับรถสีเหลืองแปร๋นออกไป และฉันรู้สึกละอายที่คิดว่า เรื่อง รบกวนจิตใจฉันได้ถูกสลัดให้หลุดไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าตัวเองยืนเหม่ออยู่ที่ประตูนานเท่าใด แต่ในใจฉันมีความสงบที่อ่อนโยน ฉันตัดสินใจ ได้อย่างง่ายดาย แทบจะไม่ได้ตรึกตรอง ก็ว่าได้ แต่บางสิ่งบางอย่างในตัวฉันก็บอกว่า ฉันไม่มีวัน ต้องเสียใจ กับการตัดสินใจครั้งนี้ ฉันรู้สึกเป็นอิสระยิ่งนัก ฉันมาที่เบอิเรเชอาอย่างภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเอง ฉันคิดว่าฉันเป็นเจ้าโลก ทั้งหมดนี้ก็เพราะ ฉันสอบได้คะแนนดีมาก ถึงกับได้รับคำชมเชยจากคณะกรรมการ ฉันหลงคิดว่าตัวฉันช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ! จนกระทั่งฉันพบกับความอยุติธรรม พวกเขาไม่ได้ใช้ความสามารถ ความฉลาดของฉัน ไปในทาง ที่ถูกเลย เขาส่งฉันมาสอนหนังสือที่หมู่บ้านเล็กๆ เจ้าโง่ที่อาจหาญ ! เจ้าคิดว่าเจ้าแน่นักหรือ ! ทว่าขณะนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ฉันเป็นคนเลือกโรงเรียนที่เบอิเรเชอานี้เอง และปฏิเสธโรงเรียน ที่อยู่ในระดับดีกว่าโรงเรียนแบบที่จะนำชีวิตฉันกลับไปสู่การเป็นเด็กสาวในเมือง มีชีวิตที่สะดวก สบายกว่า ฉันเลือกจะอยู่ที่นี่ โรงเรียนที่ทั้งเก่าและโทรม ทว่าเต็มไปด้วยเด็กๆ ที่ฉันทุ่มเทพลัง และความรักให้ น่าจะเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับแม่หลังคลอดลูก มีแม่คนไหนที่คิดจะเปลี่ยนลูกที่ขี้ริ้วขี้เหร่ของตน กับลูก ที่สวยงามของคนอื่น แล้วฉันก็พร้อมที่จะลืมน้องสาวกับคนรักของเธอ รวมไปถึงรถสปอร์ตเปิดประทุนสีเหลืองด้วย แต่แน่นอน เรื่องไม่หยุดเพียงเท่านั้น ฉันคิดอยู่แล้วว่า จะต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง เมื่อซิลเบีย กลับถึงบ้าน และฉันก็อยากรู้เสียจริงว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไร ฉันได้รับคำตอบในวันอาทิตย์ถัดมา เมื่อกลับจากเดินเล่นกับเพื่อนๆ ขณะเดินไปถึงประตูบ้าน ฉันต้อง ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเพราะเห็นพ่อของฉันนั่งคุยกับ บาทหลวงอย่างถูกคอ อยู่ที่ม้านั่ง หน้าบ้าน "แล้วแม่ล่ะคะ แม่มาด้วยรึเปล่า" ฉันถามโดยไม่ปล่อยมือที่เขย่าไหล่พ่อ แม่ก็มาด้วย กินอาหารว่างอยู่ในครัว พลางกล่าวชมความน่ารักของเด็กๆ ในบ้าน และเล่าว่า เมื่อน้องชาย ของฉันที่ชื่อซานติอาโก้เกิดนั้น น้ำหนักเท่าไร รวมไปถึงการแสดงความเห็นมากมาย ต่อการเลี้ยงลูก ในปัจจุบัน แม่ว่าหลานๆ แม่แม้จะผอมกว่า แต่ก็ แข็งแรงกว่าพวกเราซึ่งเป็นลูก เพื่อให้เกียรติบรรดาผู้ชาย คุณย่าจึงเอาของที่ดีที่สุดจากห้องเก็บอาหารออกมาต้อนรับ และเมื่อพ่อ กล่าวชมความเอร็ดอร่อยของขาหมูรมควันกับมะเขือเทศ โดยมีบาทหลวงเปโย่ และโตมัสร่วมวงอยู่ ฉันกับแม่ ก็แยกขึ้นไปบนห้อง "เอาล่ะค่ะแม่" ฉันพูดอย่างระมัดระวัง "พอจะบอกได้ไหมคะว่า ซิลเบียไปเล่าอะไรที่ไม่ได้เรื่อง ให้พ่อแม่ฟังบ้าง" แม่หัวเราะและมองไปรอบๆ ตัว "ลูกก็รู้จักน้องดีนี่นา เราทุกคนอยากให้ลูกกลับไปอยู่ที่บ้านเราอีกครั้ง แม่เองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ เลยกับคำตอบของลูก แต่แม่ก็อยากให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าลูกจะทำอะไร แม่ก็เห็นดีด้วย แล้วแม่เห็นว่า ลูกดู มีความสุขดีและอยู่ในที่ที่เหมาะกับลูก" แม่พิจารณาดูห้องและฉันรู้ว่าแม่ชอบ ช่างบังเอิญว่าวันนี้ฉันจัดห้องอย่างพิถีพิถันที่สุดเท่าที่เคย จัดมาผ้าคลุมเตียงฝีมือคุณย่าสมัยยังสาว... เป็นงานศิลป์ทีเดียว ส่วนม่านผ้าลินิน ถักชายด้วย โครเชต์ ฉันเป็นคนทำเอง เมื่อหน้าหนาวที่แล้ว บนโต๊ะเครื่องแป้งไม้โอ๊กมีแจกันดอกไวโอเล็ต ฉันพยายาม ไม่ให้แม่รู้ว่าฉันแอบภูมิใจผลงานของ ตัวเองมาก พ่อกับแม่กลับไปในตอนค่ำ ฉันรู้สึกสงบและมีชีวิตชีวากว่าคราวที่ซิลเบียมาหา เพราะฉันพบว่า พ่อแม่ เป็นสุขกับการตัดสินใจ ของฉัน แม้ว่าท่านจะเสียใจที่ไม่ได้ตัวฉันกลับบ้าน ย่าซึ่งเป็นชาวนาชนบทขนานแท้ เตรียมตะกร้าผลไม้และไข่ไว้ให้ ส่วนเปโย่ก็จับกระต่ายอ้วนพีมาให้ โดยหนีบหูมันมา อิซาเบลก็ต้องการจะให้นมที่เพิ่งรีดได้เพราะแม่บ่นว่าที่ปัมโปล๎น่านั้น แทบจะไม่มี ใครรู้จักครีมสดกันเลย เรียกได้ว่ามันหายไปแล้ว พ่อและแม่ซึ่งฉันมั่นใจว่า ท่านตั้งใจจะมารับตัวฉันกลับไปพร้อมกัน แม้ว่าท่านจะไม่ได้พูดอะไร สักคำ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่หยุดที่จะกล่าวชมและขอบคุณเจ้าของบ้าน สำหรับข้าวของทั้งหมดและทุกอย่าง ที่ได้พบเห็น พวกเขาร่ำลาโดยการสวมกอดและจับมือกัน ฉันไม่เคยรู้สึกอยากจะอ้อนพ่อแม่เท่าวันนี้ "เดินหน้าต่อไปเถิดลูก" พ่อแอบกระซิบ พ่อรู้ว่าลูกกำลังทำสิ่งที่ดีงาม และแม้ว่าจะคิดถึงลูกมาก แต่เราก็จะจากไปพร้อมกับความรู้สึกที่ดีมากๆ และมั่นใจว่า เราได้ปล่อยให้ลูกอยู่ในหมู่ของคนดี" แล้วทั้งพ่อและแม่ก็ส่งรอยยิ้มอิ่มใจ จากรถแท็กซี่ที่พาท่าน ทั้งสองมายังหมู่บ้าน และจะพาท่าน กลับไปยังปัมโปล๎น่าอีกครั้ง - ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๗ ม.ค. - ก.พ. ๒๕๔๘ - |