- โดย อัตถ์ พึ่งประยูร -
ใครไม่รู้ทึกทักว่าชีวิตคนเหมือนตัวทาก คนคือทาก ทากคือคน สัตว์ต่างเซลล์จะเกี่ยวโยงผูกพันกันได้อย่างไร ทาก สัตว์ชั้นต่ำไม่มีตีน เวลาเดินใช้ "กระดืบ" ทีละน้อย ๑ กม. ต่อ ๘ ชั่วโมง ระหว่างกระดืบ ช่วงหลัง ของทาก จะโค้ง คล้ายส่วนโค้งครึ่งซีกของโลกที่มันอาศัย ระหว่างกระดืบ มันหยุดเป็นระยะๆ ไม่ใช่พักเหนื่อย แต่หยุดมองหาคู่ที่อาจกระดืบอยู่ใกล้ๆ พร้อมส่งสายตา ไปรอบตัว มีศัตรูมาทำร้ายจะได้กระดืบหลบให้ทันโดยเร็ว ใช่! "ชีวิตคน" เหมือนทาก ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ระมัดระวัง สมกับที่เกิดมามีสัจจะติดตนมาตามธรรมชาติ ได้แก่ เกิดแล้วแก่ แก่แล้วเจ็บ เจ็บแล้วตาย จากเกิดไปหาแก่...ช้าเหมือนทากเดิน เกิดแก่เจ็บตายเหล่านี้คือสัจจะ ธรรมชาติชะลอไว้ให้อย่างเหมาะสม โชคดี มนุษย์มีธรรมชาติให้เดินตามกฎ ขัดขืนหรือ ธรรมชาติลงโทษหลายสถาน คนที่เคารพธรรมชาติ ไม่เกียจคร้าน ยอมปฏิบัติตามกฎ ธรรมชาติจะเกื้อหนุนให้ชีวิตราบรื่นชื่นสุข เจ็บน้อย ป่วยน้อย เจ้าโรคมีเชื้อจ้องคอยหาที่อยู่อาศัยแล้วทำลายชีวิตเสียเมื่อได้โอกาสนั้น มันมีโอกาส เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ถ้ามนุษย์เตรียมพร้อมมาอย่างดี ถีบมันกระเด็นออกจากร่างกายโดยง่าย เพราะมี ความสมบูรณ์ แข็งแรง และภูมิต้านทาน เตะ ต่อย ตุ๊ยตายคามือ กฎแท้ของธรรมชาติมีไม่มากหรอก ถ้า..... มนุษย์ไม่นำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย จิตสำนึกยึดมั่นไว้ว่า "ไร้สาระ" นี่หว่า ไม่ทรมานร่างกายทั้ง "นอกและใน" ผิดแผกจากมนุษย์สามัญเขาปฏิบัติกันอยู่ ไม่สนใจสุรา ยาบ้า ยาเมา ยาอี ฯลฯ ไม่มักง่ายกินอาหารหรือยาก่อนมั่นใจว่ามันไม่มีพิษ ไม่ประมาทจนเกิดอุบัติเหตุให้ บาดเจ็บ พิการ เสียชีวิต พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง รวมทั้งประเทศชาติเสียหาย เสียดาย เสียใจ เกิดเป็นมุษย์ต้องเฉลียวใจใฝ่หาความรู้ที่โน่นที่นี่ จากตำรา จากนิตยสาร จากแพทย์ จากมิตรสหาย กอบเอา ความรู้ รอบตัวเหล่านี้มาป้องกันตัว ไม่ใช่เอามา ทำมาหากิน มันคนละเรื่อง ใครลืม ใครหลีกเลี่ยง ใครหลงอบาย ใครใช้ชีวิตผิดกฎธรรมชาติ คนนั้นคอยรับกฎที่ธรรมชาติตราใว้ ทรมาน คล้ายถูกจองจำ บางคนพูดไม่ออกได้แต่กรอกตา ทรมานบนเตียงนอนเพราะลืม หมายถึง ลืมดูแล "สุขภาพ" ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามปกติ ภูมิใจว่าธุรกิจที่ดำเนินอยู่กำลังประสบผลดี ภูมิใจในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ครอบครัว คิดว่า "ชีวิตกับงานเป็นของคู่กัน" หากแท้จริงแล้ว คู่กันเพียง ส่วนหนึ่งเท่านั้น... ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ นั่นคือ ต้องไม่ห่วงงานมากกว่าห่วงความเปลี่ยนแปลงของ "สังขาร" ธรรมชาติชี้ชัดให้เห็นแล้วว่า สังขารสำคัญกว่า คนหลีกเลี่ยง หมายถึง หลีกเลี่ยง ไม่ใช้ "แรง" ตัวเอง รู้เสียเถิดว่าธรรมชาติเกลียดคนออมแรงแต่ไม่ออมรัก ถนอมแรงนั่งเก๋งติดแอร์ไปทำงาน
ใช้สมองทำงาน อย่างเคร่งเครียด เย็นนั่งรถคันเดิมกลับบ้าน กินข้าวเสร็จ ดูโทรทัศน์นิดหน่อย
แล้วเข้านอน เป็นอย่างนี้ วันแล้ว วันเล่า สำคัญผิดคิดว่าตัวเองยังเป็นหนุ่มเป็นสาว
ยังมีพลังเหลือ (ที่จริงมันค่อยๆ หมดไปตาม ไม่รู้จักสร้างพลังให้ตนด้วยการ ออกกำลังกายที่มีอยู่หลายรูปแบบ พรุ่งนี้เถอะๆ ๆ เลื่อนวันเสริมพลังออกไป ความอ่อนแอ ก็ตามมาพร้อมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ปวดขา ปวดเข่า ปวดหลัง ร้อยพันปวด รวมปวดใจ ก็ทำไมไม่ปวดในเมื่อธรรมชาติ ตรากฎไว้ให้มนุษย์เคลื่อนไหว แรงบ้าง เบาบ้าง แรงให้แรงถึงหัวใจเต้นถี่ กว่าปกติ ให้แรงถึงกล้ามเนื้อทุกชิ้นได้รับการบริหารหมุน เหวี่ยง ดึง ดัน ยืด หด ตามรูปแบบของการกีฬา กินผัก ผลไม้ งา ถั่ว รำ หาตำราการกินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาอ่านเสีย (วันนี้) แล้วปฏิบัติ ผลร้ายของคนฝ่าฝืนธรรมชาติมีมากมาย ดูได้ตามโรงพยาบาล ตามโรงพัก ตามบ่อน ฯลฯ เกิดมาเป็นคนหรือมนุษย์ยากจริงๆ ไม่ถนอมไว้ให้ดีที่สุดหรือ ดีอย่างไร ค้นคว้า เอา... ยังมีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่ง "หลงอบาย" หมายถึง หลงรูป รส กลิ่น เสียง รวมเรียก "อบายมุข" เจ้าผีร้ายตนนี้ ลากมนุษย์ลงเหวมามากแล้ว "หลงกาม" จนไม่มีเวลาให้ลูกเมีย แน่นอน กามมีทั้งรูปรสกลิ่นเสียง "ของใหม่น่าเห่อ" หนักเข้า เมียสิ้น ความอดทน "บ้านแตก" ถูกธรรมชาติเตะกระเด็นไปคนละทิศละทาง (มองไม่เห็น) ลูกว้าเหว่ เลื่อนลอย พลิกชีวิต ไปเป็นลูก "กรรมพร้า" ไม่อยากเขียนว่า "ลูกกำพร้า" เพราะความหมายของ "กำ" ต่างกับ ความหมาย ของ "กรรม" มนุษย์บางคน "หลงไก่" ปีกไก่ ไก่ตอน ข้าวขาหมู สตูลิ้นวัว ชีสเบอร์เกอร์อาหารขยะ ฯลฯ แฟชั่นยุคดิจิตอลนี้มีให้เห็นทุกสังคม ประเทศไทย รวมฝรั่งหลายประเทศ ชีวิตก้าวไปอย่างเชื่องช้า มนุษย์บางคน จึงขอเก็บเกี่ยวความสุขให้เต็มที่ ไม่ว่าสุขกาย สุขใจ ลืมกฎธรรมชาติ ตลอดมา จนปลายชีวิต ต้องเจ็บไข้ นอนป่วย หวนคิดย้อนอดีต หลับตาพึมพำขออภัยธรรมชาติ รู้แล้ว ผิดไปแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว ธรรมชาติไม่อภัยหรอก ไม่ให้ ๑. ความเป็นเด็กที่มีเสียงหัวเราะไร้มายากลับคืนมา ๒. ไม่ให้ความหนุ่มสาวที่กำลังจะผ่านไปหรือผ่านไปแล้วย้อนกลับมา ๓. แสงอาทิตย์ร้อนระอุ สายฝนเย็นฉ่ำ ท่ามกลางแสงสุขุมของดวงจันทร์ สิ่งเหล่านี้ธรรมชาติให้กลับมา แต่วัยมนุษย์ เปลี่ยนไป กลับคืนไม่ได้ ถามว่าทำไมคร้าบ แล้ววางกฎไว้ให้สังขารเกิดความอ่อนแอ หลังคุ้มงอ ผิวหนังย่น เหนียงยาน ตามัว ฟันร่วง หูตึง ฯลฯ ๔. ความมีสุขภาพพลานามัยกระพร่องกระแพร่งเต็มทีนั้นก็ไม่กลับมาเหมือนกัลล์ ๕. ใกล้ตาย หนีไม่พ้น ยิ่งหนียิ่งตาม (เฮะ) เมื่อไม่สามารถหลบหลีก โลกที่มีมายาก็มาขอคืน ที่กล่าวมาทุกข้อ ทุกตอนจงอย่ากวักมือเรียก อย่ากราบกราน ทวนสาบาน ให้คอแตก อย่าคุกเข่าวิงวอน กลับมาไม่ได้หรอก ธรรมชาติตราไว้อย่างนั้นเหมือนอักษรจารึก เรียงรายอยู่หน้าตาลปัตรพระสี่องค์ที่นั่งสวดพระอภิธรรมนั่นไง จำได้ไหม จึงตั้งชื่อเรื่องว่า... "โลกมายา แต่อย่ามีมายากลับโลก" ฝากให้คิด เกิดยาก ตายง่าย (กระไรอยู่) โชคช่วยชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์ กราบขอบคุณธรรมชาติเสีย แล้วดูแลสุขภาพตัวเองเฉกเช่น ดูหนังสือสอบ ดูหนังสือพิมพ์ ดูหนังฟังเพลงกล่อมอารมณ์ ดูหมอเพื่อตรวจชะตาชีวิต ดูสาว ดูหนุ่ม เมื่อได้มา เป็นคู่ เป็นครอบครัว ก็ต้องดูแลพลานามัยตน ตระหนักไปถึงครอบครัวทั้งปัจจุบันและอนาคต โดยไม่หลีกเลี่ยง ไม่หลงอบาย เพราะจะตายไม่รู้ตัว เขาถึงได้เรียกโลกนี้ว่า "โลกมายา" แต่อย่ามีมายากับโลก (อันตราย) ธรรมชาติวางกฎตายตัวไม่เปลี่ยน ถือ "แส้ชุบยาพิษ" โบยคนลืมโลกให้เกิดแผล คนหลงทาง ลืมกฎ ชีวิตสั้น พบความทุกข์ทรมาน เจ็บปวดด้วยแส้เส้นนี้ ทุกย่างก้าวของมนุษย์ ย่างไปสู่เชิงตะกอนนั้น ช้า...เหมือนทากเดิน รู้ไหม...ทากเดินไปข้างหน้า (กระดืบ) อย่างระมัดระวัง มนุษย์จงรู้ โลกเต็มไปด้วยภยันตรายอย่างใหญ่หลวง จงก้าวไปข้างหน้าเหมือนทาก เช้าวันหนึ่ง ทากหยุดชมนกชมไม้ในป่าชื้น สีเขียวครึ้ม หยุดกินน้ำค้างใส ดุจเพชรเม็ดจิ๋ว เกาะใบไม้ ทอประกาย แวววาว สดใสตรงนั้นตรงนี้ เหมือนร่วมกันกล่าวคำ "อรุณสวัสดิ์" แก่ทาก กระแตแต้แว้ด สัตว์สวยงามที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ดูแลความสมดุลของโลก โฉบเอา "ทาก" ผู้น่ารัก ไปเป็นอาหาร อนิจจา! นี่แหละโลกมายา - หนังสือ ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๘ มีนา - เมษา ๒๕๔๘ - |