- อัตถ์ - เพลงแม่กล่อม ลูกเอ๋ย นอนเถิดนอนเสียเจ้า เพลงที่แม่กล่อมน้อง เคยกล่อมผมมาก่อน เลยมาสี่ปีผมยังจำได้แล้วก็ร้องเพลงที่แม่กล่อมได้ด้วย ผมว่า เนื้อทำนองไพเราะ ความหมายลึกซึ้งชวนฝัน เปลที่น้องนอน ผมนอนมาก่อน สิ่งของที่น้องใช้ เบาะนุ่มๆ ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า แม้ช้อนป้อนข้าว แม่นำมาใช้อีก ด้วยความประหยัด เสียงกล่อมแม่แรงขึ้น บางครั้งเนื่องจากน้องเล็กไม่ยอมนอน แม่ไกวเปลลอยสูงมากจนมือที่น้องจับตาข่ายข้างเปลหลุด
ต้องล้มตัวลง แม่ สำทับว่า หลับตา หลับตา ผมจำคำนี้ได้... เวลาผ่านไป แต่ความคิดของผมไม่ผ่านไปด้วย ผมเรียนอยู่ ม.๔ น้องเล็กเรียน ม.๑ ทุกครั้งที่ผมถามถึง "พ่อ" แม่หันหน้ามามองนิดหนึ่ง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยท่าทางหม่อลอย เห็นชัด แม่จะซึมเหมือนใช้ความคิด ยิ้มเจื่อนๆ เกิดขึ้น บนใบหน้าแม่เสมอ วันหนึ่งแม่ทนความอยากรู้อยากเห็นของผมไม่ได้ แม่เล่าให้ฟัง มันเหมือนนิยาย อ่านแล้วทั้งเจ็บทั้งเศร้า แม่ว่าสองปีก่อนจะมาอยู่บ้านหลังนี้ บ้านเราอยู่ปากซอย "มิตรจิตต์" เป็นซอยตัน ท้ายซอยมีอู่ซ่อมรถ รถที่พ่อขับไปทำงานเก่ามาก สามวันดีสี่วันเสีย พ่อนำรถไปซ่อมที่อู่ท้ายซอยประจำ แต่ละครั้ง ใช้เวลาหลายชั่วโมง พ่อว่าต้องคอยจนช่างซ่อมเสร็จ แล้วจึงขับมาจอดที่ว่างข้างบ้าน เช้าวันหนึ่ง พ่อไปรับรถที่ซ่อมค้างไว้เมื่อคืน พ่อขับจากอู่ผ่านเลยไป ไม่แวะที่บ้าน โดยมีสาววัยรุ่น นั่งคู่ไปด้วยกัน แม่คิดว่าคงเป็นเด็กลูกหลานแถวท้ายซอยขออาศัยพ่อไปทำงาน คงลงกลางทาง วันนั้นพ่อกลับบ้านดึก เคยโทรมาบอกก็ไม่โทร คอยจนตีหนึ่งพ่อจึงกลับ แต่ขับเลยบ้านไปสักครู่ จึงกลับมา พ่อขึ้นบ้าน ได้กลิ่นเหล้า เสื้อมีกลิ่นควันบุหรี่ พ่อว่าวันเกิดเพื่อนที่ทำงาน เขาเลี้ยง สนุกเพลินไป จนลืมโทรมาบอก วันนั้นพ่อเข้านอนโดยไม่อาบน้ำ แม่ไม่พูดอะไร คิดว่านานๆ ที พ่อควรได้สนุกสนานสังคมกับเพื่อน กลิ่นเหล้าออกมาจากลมหายใจของพ่อจนแม่นอนไม่หลับ เสาร์ต่อมา พ่อโทรมาบอก หัวหน้าฝ่ายเลี้ยงเพราะเลื่อนขั้นไปรับตำแหน่งใหม่ขอกลับดึกสักวัน พ่อกลับ ตีสาม กลิ่นติดตัวด้วยเหล้า-บุหรี่ตามเคย ทุกเสาร์พ่อปฏิบัติตัวเป็นหนุ่มสังคม เงินเดือนที่เคยพอใช้กลับไม่เคยเหลือ พ่อว่าหัวหน้าฝ่ายชวนเที่ยว ไปเพราะเกรงใจ บางครั้งก็ต้องคอยช่วยออกค่าเหล้าค่าเบียร์ ให้ด้วย แม่ทนไม่ได้ อยากรู้ความจริง เดินไปบ้านน้าจุกท้ายซอยถามว่า พ่อนั่งรถคู่กับสาว ผ่านบ้านไป โดยไม่แวะ เสมอๆ สาวนั้นเป็นใคร น้าจุกว่า หลานสาวเจ้าของอู่ คุณไม่รู้เหรอ ดูเขาสนิทสนมคล้ายเป็นแฟนกัน แม่กลับบ้านด้วยความว้าวุ่น นึกถึงอนาคตของลูกทั้งสองทันที ต่อไปจะเป็นอย่างไร แม่คิดว่า ขอดูใจพ่อสักหน่อย พ่อได้ใจกลับบ้านดึกบ่อยๆ เมื่อกลับมาพ่อปลุกแม่งัวเงียลุกขึ้น ทะเลาะกัน ประจำ ผลสุดท้ายแม่ก็ขอหย่า ดูจะเป็นที่สมใจพ่อ หลงเมียใหม่จนลืมนึกถึงลูกเมีย เป็นไปได้ผู้ชายไร้ศีล คือ พ่อของลูก พ่อย้ายบ้านไปอยู่ที่อู่ซ่อมรถท้ายซอยเหมือนเยาะเรา เยาะผู้หญิง ที่ไม่มีความผิดอันใด นอกจากเป็นเมียเก่า ที่เก่าจริง ทุกเช้า พ่อขับรถผ่านบ้านไปทำงานกับเมียใหม่ ลูกไปโรงเรียนแล้วจึงไม่เห็นภาพนี้ ทุกเย็น พ่อขับรถผ่านบ้านที่เคยอยู่กับลูกๆ เลยไปท้ายซอย เป็นภาพที่แม่ทนไม่ได้ บาดตาบาดใจสุดทน แม่จำพูดปดว่า พ่อไปดูงานต่างจังหวัดกับลูกทั้งสอง เพราะไม่อยากให้ลูกสับสน เสียใจตั้งแต่วัยเด็ก แม่ขายบ้านราคาถูกมาก แล้วรีบย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ เพราะต้องการหนีสิ่งที่แม่ไม่คิดว่า มันจะเกิดขึ้น ในชีวิตของแม่ ........................... เวลาผ่านไปอีก ผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เชื่อผมไหมครับ ผมไม่มีแม่ ไม่มีพ่อมาร่วมเป็นสักขีพยานในความสำเร็จ ของชีวิตผมเช่นคนอื่น มีเพียงเพื่อนร่วมรุ่นสองสามคนยืนถ่ายภาพประวัติศาสตร์ร่วมกัน แม่ เสียชีวิตด้วยความตรอมใจ วันนั้น ก่อนสิ้นชีวิต แม่เรียกผมกับน้องไปกอด น้ำตาแม่ไหลพราก น้องปล่อยโฮใหญ่ จนพยาบาลเบือนหน้าหนี จำได้แม่สอนผมและน้องว่า... ลูกเอ๋ย จงปฏิบัติตัวให้เขารัก ฟัง ให้มาก พูดให้น้อย ปัญญาจะปราดเปรื่อง จงเป็นผู้ให้ เพราะยิ่งให้ ยิ่งได้มา ผมจำคำสั่งสอนของแม่ นำมาใช้กับสังคมของผมเสมอ ได้ผลดียิ่ง แม่สอนต่อไปว่า... คนเราเกิดมาเหมือนว่ายน้ำอยู่บนคลื่นลูกใหญ่กลางทะเลหลวง ค่ำคืนความร้อนหายไป ความหนาวเย็น เข้ามาแทน นี่คือมรสุมหรืออุปสรรคของชีวิตคน แม่ว่า โลกไม่ปรานีใคร ผู้ชนะเท่านั้นที่โลกปรบมือแล้วยิ้มให้ เคยพบไหม ผู้แพ้ได้รับการปรบมือ ผู้ชนะ พบรอยยิ้มตามมาด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ผู้แพ้ต้องเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง แล้วยังฟังเสียงโห่อีกแบบหนึ่ง นี่คือสัจจะ ลูกเอ๋ย ชีวิตมนุษย์เป็นอย่างนี้ ต้องกลัวความจน กลัวให้มากกว่ากลัวผี ผีหลอก เราหลอกผีได้ แต่ความจน จนแล้วจนเลย หลอกความจนไม่ได้ เพื่อนฝูงหนีหน้า พี่น้องเมินไกล วันใดประสบความ ทุกข์ยาก วันนั้นส่งกระแสจิตมาสู่แม่ อย่าทิ้งน้อง ดูแลน้องให้ดี แม่จะอยู่นรก หรือสวรรค์ แม่เป็นแม่ตลอดกาลของลูก ไม่ว่าลูกจะอยู่ในคฤหาสน์หรือในตะแลงแกง ชาติหน้าเกิดเป็นลูกแม่อีกทั้งสองคน นะลูกนะ... - หนังสือ ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๘ มีนา - เมษา ๒๕๔๘ - |