- อัตถ์ พึ่งประยูร -
หายใจรักษาโรค อุแว้ อุแว้ เสียงทารกเกิดใหม่ร้องลั่น ท่ามกลางความปีติของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และญาติๆ ทารกเกิดมา แน่นอน ต้องมีลม หายใจเข้า-ออก ถี่ เร็ว ปอดที่เป็นตัวนำ ให้ส่งเสียงเล็กนิดเดียว ยังบรรจุอากาศได้ ไม่มาก เป็นสัญญาณว่า ต้องผูกพันกับอากาศ (หายใจ) ตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิด เอามือไปอุดจมูกหนูน้อย ขาดอากาศ หายใจไม่ได้ หมายถึง เมื่อสิ้นอากาศก็สิ้นชีวิต อากาศสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์-สัตว์-พืชพรรณ สำหรับมนุษย์ อากาศนำออกซิเจน ออกซิเจนนำเลือดเลี้ยงร่างกาย เลี้ยงสมอง ให้มีความเป็น "มนุษย์" ที่สมบูรณ์ เพราะอาการทั้ง ๓๒ ของมนุษย์เคลื่อน-ไหวไม่ได้หากไม่มีการ "หายใจ" อากาศทำปฏิกิริยากับอวัยวะทุกส่วน เลี้ยงเส้นเลือดใหญ่ เล็ก และฝอยสม่ำเสมอ รวมสมองด้วย ผู้สูงอายุบางคนขาดการออกกำลังกาย (ขี้เกียจ) ไขมันปนมากับเลือด นานเข้าไขมันจับเปรอะเกรอะกรัง อยู่ตาม เส้นเลือดที่ยาวเป็นกิโลๆ เมื่อไขมันนอนขวางทางเดินเลือด เลือดเดินทาง ต่อไปไม่ได้ หัวใจ บีบตัวแรง เพื่อทำหน้าที่ส่งเสบียงไปเลี้ยงร่างกาย ส่งไม่ได้ยังดันส่งจนเส้นเลือดแตก แม้ไม่ดัง "โพละ" เหมือนจังหวะเพลง "อ๊อฟบิท" ที่คุณมีศักดิ์ นาครัตน์ ร้องสมัยโน้น แต่เจ้าของร่าง ไม่หายใจแล้ว แพทย์รายงาน ในแบบฟอร์มว่า "หัวใจวาย" ความจริงหัวใจยังไม่วายหรอก เส้นเลือดมันแตก ไม่มีเลือดไปเลี้ยงหัวใจ หรือไม่ส่งไปให้หัวใจฟอกเลือด สีดำ ให้เป็นสีแดงซะก่อน ต้องรอ รอ ร้องเพลงรอดังคุณสุเทพร้องกล่อมแฟนอยู่ที่โลลิต้า ไนท์คลับ ริมถนน ราชดำเนินกลางสมัยโน้นเหมือนกัน รอได้เพียง ๓๐ วินาที เมื่อเลือดไม่มา หัวใจก็หยุดทำหน้าที่ คือหยุด "หายใจ" ผลของการไม่หายใจก็คือไม่มีชีวิต การหายใจจึงสำคัญมาก แต่กลับไม่มีบทเรียน ไม่มีการสอนถึงวิธีการหายใจ ซึ่งไม่ยากนัก จึงหายใจ ตามความเคยชิน เมื่อร่างกายซึ่งเปรียบเสมือนกองทัพส่งกำลังบำรุงไม่พอ กองทัพอยู่ไม่ได้ ข้าศึกตีแตก ผลปรากฏคือ แตกน้อยอัมพฤกษ์ แตกมากอัมพาต แตกหรือตันตายไม่ทันสั่งเสีย ไม่ต้องอยู่ดูโลก ไม่ทรมาน ลูกเมีย ไม่ทันรู้ตัว ญาติชอบพูดว่าเขาไปสบายแล้ว ไม่ทรมาน ที่กล่าวมาคือเส้นโลหิตแตก ต่อ-ไปจะกล่าวถึงปอด (โป่งจนจะแตก) คนไม่สูบบุหรี่ ปอดสวยงาม ไม่มีคราบ สีดำจับ ดูสกปรก ไม่มีถุงลมโป่งพอง หายใจเข้าออกสะดวก ไม่ต้องหยุดเดินบนสะพานลอย แล้วอ้าปาก พ่นยาฟูดๆ แล้วยืนอีกพักหนึ่ง จึงจรลีลงบันไดกลับไปหาภรรเมียที่ห่วงหาคอยอยู่ เพราะเมื่อหนุ่มๆ ไวกว่า ปรอท ไม่น่าไว้ใจ กล่าวรวมๆ ว่าเมื่อมีโรคภัยเกิดขึ้น มันจะทำลายทุกอย่างที่ร่างกายของเรามีไว้ในการดำรงชีวิต ร่างกายของมนุษย์มีภูมิต้านทานอยู่ประจำ เหมือนมีทหารยามเฝ้าคอยดูแล ความปลอดภัยให้กรมทหารทั้งกรม อยู่มาวันหนึ่งมีเจ้า "ไวรัส" แข็งแรง กว่าเจ้าไมค์ ไทสัน ตีฝ่าแนวป้องกันอันมีเม็ดโลหิตขาวทำหน้าที่อยู่ ฝ่าเข้าไป จนสำเร็จ แนวป้องกันนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า "แอนตี้บอดี้" บอดี้มันใหญ่กว่าจึงแอนตี้มันไม่ไหว มันชวนกันยาตราทัพเข้าสู่ร่างกาย เราจนได้ แนวป้องกันแตก การหายใจ จะหยุด หมายถึง หัวใจไม่สามารถ ทำหน้าที่ "หายใจ" ยกมาอีกสักเรื่องหนึ่ง คนโชคร้ายประสบอุบัติเหตุ ถูกเมียน้อยใช้ไม้หน้าสามตีเต็มเหนี่ยว ตีที่ไหนไม่ว่า มาตีที่ ศีรษะทุยๆ ของสามี สมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ท่านผู้นี้ไม่โดนไวรัสทำลาย แต่โดนไม้หน้าสาม ทำลาย หลบไม่ทัน เป็นเหตุให้สมองแปรปรวนไป หัวใจไม่เกี่ยวเลย แต่สามีก็ขอ "นิทรา" หายใจเข้าออกได้ แต่ไม่พูดไม่จา เดินเหินไม่ได้ นอนกินอาหารทางสายยางนานวัน ลมหายใจมีค่าดังกล่าว มีผู้ผ่านโลกมามาก ศึกษาหาความรู้ทุกรูปแบบ แล้วบันทึกเท็ปเป็นวิทยาทาน ถอดเป็นบทความชักชวน ให้ท่าน ผู้รักสุขภาพอ่าน จดจำ นำมาปฏิบัติท่านอยู่ในเพศบรรพชิต นาม "หลวงปู่พุทธะอิสระ" อยู่วัด อ้อมน้อย จ.นครปฐม ท่านว่า จริงๆ แล้วทุกคนหายใจได้ แต่รู้มั้ยว่าหายใจกันยังไม่เป็น ไม่รู้ว่าชีวิตที่ยืนยาวกับชีวิตที่สั้น มีลมหายใจ ต่างกันอย่างไร นกก็ดี หมูก็ดี ปลา ไก่ หมา แมวก็ดี มันมีลมหายใจถี่ ไม่เป็นจังหวะ เข้าออกไม่สม่ำเสมอ ทางวิทยาศาสตร์ถือว่า ลมหายใจเข้า มันสูดเอาสิ่งดีๆ เข้าไปเพื่อปรุงเป็นโลหิตไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ให้มีพลัง การหายใจยาว หมายถึง การได้สูดเอาของดีเข้าไป แล้วไล่ของเสียตามลมหายใจออกมา ขณะเดียวกันมันเข้าไปทำหน้าที่ "ปรุงพลัง" ให้ร่างกายด้วย คนหายใจไม่เป็น สัตว์หายใจไม่เป็น เราเห็นว่าอายุจะสั้น แมวตายก่อนหมา หมาตายก่อนควาย ควายตายก่อนวัว วัวตายก่อนช้าง ช้างตายก่อนปลาวาฬ จะเห็นว่า มันมีลม "หายใจ" ต่างกัน พวกสูบบุหรี่ นานเข้าปอดรับไม่ไหว เกิดถุงลมโป่งพองดังที่กล่าวมาตอนต้น หายใจไม่สะดวกมากขึ้นๆ แพทย์ต้องเจาะคอ ใส่สายยางเข้าไป ต้องหายใจผ่านสายยาง พลังเสียงไม่มีเลย พูดคุยกันแทบไม่ได้ยิน เสียงที่ออกมาแหบ ๆ ปร่า ๆ พยายามเค้นคำพูดออกมา ด้วยความลำบาก ไม่สง่าผ่าเผยเหมือนแต่ก่อนตอนยืนคุยกับสาว นิ้วชี้กับนิ้วกลางคืบบุหรี่ก้นกรอง ตอนนี้ มันบันดาล ให้คนสูบมีอาการ"กิ๊กก๊อก" บรรยายไม่ถูก เทคนิคของการ "หายใจ" มิใช่เพียงแต่สามารถสัมผัสพลังพิเศษจากธรรมชาติอย่างเดียว สามารถซึมซับ พลังพิเศษ จากธรรมชาติได้ด้วย การหายใจเข้ายาว - ออกยาวนั้น เรากำลังขับไล่พลังร้าย อารมณ์ร้าย และพิษร้ายต่างๆ ในร่างกายออกไป ศิลปะการหายใจปกติ เข้ายาว ออกสั้น ตอนฝึกใหม่ๆ จะรู้สึกอึดอัด ปวดหัว หัวใจเต้นแรง เหนื่อย จงอย่าเครียด กับการฝึก สูดหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนออกช้าๆ ให้เป็นระบบ การฝึกหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายออกยาวๆ จะสามารถขับความร้อนใน ร่างกายที่เกิดจากการเสียดสี ของการทำงาน และขับของเสียที่มีอยู่ใน "กาย" ออกไป อีกตอนหนึ่ง หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า มีเรื่องพิสูจน์ยืนยันได้ว่า การหายใจเข้าออกยาวๆ จนสามารถสกัดจุดต่างๆ ในร่างกายได้ สกัดพิษทำให้ ร่างกาย รู้สึกสดชื่นในขณะสูญเสียพลัง หายใจเป็น เราจะแก่เพียงแค่อายุเส้นผม ผิวหนัง สายตา อวัยวะอื่นๆ ในตัวเราจะไม่แก่ตาม สุขภาพ สดใส มีพลัง มีสมดุล ทำกิจกรรมใดๆ ได้ดี ถ้ายังไม่รู้ว่าการหายใจของเรา เข้ายาว ออกสั้น หรือเข้าสั้น ออกยาว แสดงว่า เราไม่ได้ควบคุม การหายใจ ไม่ใช่เป็น ผู้ฝึกสมาธิ ไม่เป็นสมาธิ ไม่รู้จักสมาธิ เมื่อใดระลึกรู้ได้ว่าเรากำลังหายใจ และการหายใจของเราสั้นหรือยาว ระลึกรู้ตามติดมันได้ ความสงบสันติ เกิดขึ้น นั่นแหละคือ "สมาธิ" "สมาธิ" ที่ไม่วุ่นวายสับสนในขณะนั้น หากพลังสมาธิถูกปล่อยให้ลื่นไหลไปกับความรู้สึกอื่น จัดว่าเป็น "อารมณ์" ไม่ใช่สมาธิ สูญเสียพลัง พวกเราฝึกเรียนที่จะใช้พลัง ไม่ฝึกที่จะทำให้เกิดพลัง ตลอดชีวิตเราพยายามเค้นเอาพลังจากส่วนต่างๆ ออกมาใช้ เราไม่รู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร รู้แต่เพียงว่าอาจมาจากพลังร่างกาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เกิดจากร่างกายโดยตรง เกิดจากอาหาร จากการผ่อนคลาย จากการพักผ่อน พลังที่เกิด "สุดยอด" นั้นมาจาก "หัวใจ" ที่รวมเป็นหนึ่งกับ "กาย" ที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เราง่วง เราเพลีย กายอยากพัก ใจอยากพัก สมองอยากพัก เราไม่เคยพักใจ พักสมอง แม้นอนยังฝัน ยังละเมอ เพราะฉะนั้นพลังที่เกิดขึ้นไม่ใช่จากอาหาร ไม่ใช่จากการนอนหลับ ดูหนัง ดูละคร เล่นดนตรี มันมาจากความสงบ-สันติของจิตจนเกิด "สมาธิ" นั่นแหละบ่อเกิดแห่งพลัง เราไม่ฝึก ไม่สร้าง มีแต่ใช้ เค้นมันออกมา ทั้งที่บางทีก็ไม่มีพลังให้เค้น พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าถึงจุดกำเนิดแห่งพลัง ซึ่งจุดกำเนิดแห่งพลังอันนั้นคือ "ศิลปะ" ของการหายใจ คนหายใจสั้น สัตว์หายใจสั้น จังหวะที่หายใจล้วนสั้น เป็นคนใช้พลัง เป็นผู้มีอายุสั้น คนหายใจยาว มีจังหวะเข้ายาว-ออกยาว เป็นคนมีพลังมาก มีชีวิตยาวไกล จงเรียกหาพลังที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้มนุษย์ ค้นคว้าแล้วนำมาปฏิบัติ เริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายออกยาวๆ สูดเข้าอีกลึกๆ ผ่อนออกยาวๆ ทำอย่างเนิบนาบ เชื่องช้า ทำอย่าง มีศิลปะ ผ่อนคลายเบาสบาย จะรอบรู้ระบบการเดินของลม ขณะที่คุมลมหายใจเข้ายาว ออกยาวนั้น ความรู้สึกทั้งหมดให้จับที่ลมหายใจ อย่าให้มีอารมณ์อื่นปรากฏ เมื่อใดมีอารมณ์อื่นมารบกวน เราก็ลืมคิดถึงการหายใจ เมื่อไปมุ่งอยู่กับสิ่งอื่น ระบบการหายใจจะล่มสลาย ไม่ได้ผล ไม่สำเร็จ ตรงข้ามถ้าทำสำเร็จ สุขภาพ ความอ่อนล้าในการทำงาน เครียด-แค้น-เหนื่อย-เมื่อย-ล้า ผ่อนคลายได้ด้วย "หายใจ" ให้เป็น มีคำถามแทรกขึ้นมาว่า เมื่อเราถอนหายใจ เราได้อะไรขึ้นมา ตอบ ได้ระบายความอึดอัดน้อยใจจากเหตุผลที่ไม่ตรงกันทางความคิด ได้ระบายอารมณ์เดือด ระบาย สิ่งที่รบกวน หัวใจจนว้าวุ่น น้ำเดือดจัดต้องปล่อยไอจากพวยกาพุ่งสู่ภายนอก หากกดไว้ไม่ให้มี ทางออก ภาชนะ ที่บรรจุน้ำเดือดนั้น ก็ระเบิด เกิดความเสียหาย ถอนหายใจเพื่อนำลมร้าย ลมเครียด ออกมาเสียบ้าง จะพบกับความพึงใจได้มากขึ้นอย่างประหลาด การฝึกหายใจ ผู้ฝึกจะรับคุณค่าประมาณมิได้ ไม่ต้องซื้อหา การปฏิบัติให้นั่ง นั่งให้รู้สึกสบายกาย เพราะนั่ง นอน เดิน ต้องหายใจทั้งสิ้น เข้ายาว ออกยาว ร่วมกับสมาธิ การหายใจควรอนุรักษ์ไว้ด้วยหรือ ใครไม่รู้กระซิบถาม อนุรักษ์ของเก่าอย่างนั้นหรือ ใช่ ต้องอนุรักษ์ร่วมกับสมาธิ แล้ววันหนึ่ง ข้างหน้า ไม่ช้าหรอก ความเปลี่ยนแปลง ของ "สังขาร" จะเกิดขึ้น ดั่งคำล้อเลียนที่ ทุกคนรู้จักดี นั่นคือ... สุขภาพและพลังของคุณจะ"เปี๊ยนไป๋" สวัสดี - ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๒๐ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๘ - |