คิดตามหนัง - ตระกูลหยาง - [email protected]

ขงจื๊อ


ขงจื๊อเตือนสติเจ้าแคว้นหลู่ให้เลิกมัวเมากับนางกำนัล กลับมาดูแลรับผิดชอบราชกิจ แต่ไม่เป็นผล ขงจื๊อคิดว่ารับราชการ ที่แคว้นหลู่ก็ช่วยอะไรบ้านเมืองไม่ได้ จึงพาลูกศิษย์เดินทางไปหาแผ่นดินใหม่อยู่ ภรรยาถามว่าคราวนี้ไปนานเท่าไร ขงจื๊อ ก็ตอบไม่ได้ สองพี่น้องตระกูลม่งมาส่งอาจารย์ ม่งเหอจี้ขอโทษอาจารย์ที่ตนไม่ยุบเมือง และถามว่า อาจารย์ยังถือว่าตน เป็นศิษย์หรือไม่ ขงจื๊อตอบว่า "เมื่อผิดรู้จักแก้ไขก็พอ เหอจี้ เจ้ายังเป็นศิษย์ข้าเหมือนเดิม"

ขงจื๊อเดินทางมาถึงแคว้นวุ่ย ลูกศิษย์เห็นว่ามีผู้คนมากมาย จึงถามอาจารย์ว่า
หยางชิว : อาจารย์เมื่อมีประชากรมากมายเช่นนี้ควรทำอย่างไรดี
ขงจื๊อ : ให้ราษฎรมั่งมีโดยเร็วซิ
หยางชิว : มั่งมีแล้ว ต่อไปล่ะ
ขงจื๊อ : ให้การศึกษา รู้จักปฏิบัติตามกฎจารีตธรรมเนียม แบบนี้บ้านเมืองจะได้อยู่อย่างสงบสุข

เจ้าแคว้นวุ่ยได้ยินข่าวขงจื๊อ จึงให้ขุนนางเชิญขงจื๊อเข้าเฝ้า พระองค์ทรงชื่นชมผู้มีความสามารถ หมีจื่อเสียรับพระบัญชา ไปเชิญขงจื๊อ ซึ่งพักอยู่ที่บ้านเหยียนจั๋วโจวต้าฝู ก่อนที่หมีจื่อเสียจะกลับ ได้พบฉีป๋ออี้ต้าฝูซึ่งมาพบขงจื๊อเช่นกัน ขงจื๊อแนะนำ ให้ลูกศิษย์ รู้จักฉีป๋ออี้ โดยกล่าวว่า "ท่านผู้นี้คือฉีป๋ออี้ต้าฝู คนที่ข้าเคยเอ่ยถึงเสมอ รับราชการได้ต่อเมื่อแผ่นดินมีธรรมเท่านั้น"

ขงจื๊อเล่าให้ฉีป๋ออี้ฟังว่าไม่ได้รับราชการแล้ว และเดินทางมาแคว้นวุ่ยเพื่อขอที่พักพิงเท่านั้น ฉีป๋ออี้ผู้สูงวัยกว่า และรู้จัก ขงจื๊อดี บอกว่า ถ้าแผ่นดินไร้ธรรม ตนจะอยู่ป่า ต่างกับขงจื๊อ แม้รู้ว่าทำไม่ได้ก็ยังทำ ขงจื๊อ ยอมรับและกล่าวว่า "เพราะฉะนั้น ข้าจึงมา แคว้นวุ่ย ถ้าสามารถร่วมอุดมการณ์กับผู้มีปรีชาในแคว้นวุ่ย นี้คือความใฝ่ฝันของข้า"

ฉีป๋ออี้ : ถ้าหากเจ้าอยู่แคว้นวุ่ยไม่ได้ดังใจล่ะ จะทำยังไง

ผู้ที่ทำให้ขงจื๊อผิดหวังคือ หนานจื่อ พระชายาของเจ้าแคว้นวุ่ย พระนางต้องการมีอำนาจควบคุมขุนนาง ถ้าใครไม่เชื่อฟัง พระนาง ก็จะไม่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในราชการ และอาจถึงขั้นถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ พระนางขัดขวางไม่ให้ เจ้าแคว้นวุ่ย แต่งตั้งขงจื๊อเป็นเสนาบดี จะเห็นเหตุผลของพระนางจากบทสนทนาต่อไปนี้

หนานจื่อ : ฝ่าบาท คิดจะใช้ขงจื๊อจริงๆ หรือ
เจ้าแคว้นวุ่ย : เขาเป็นผู้ปรีชาโด่งดังไปทั่วหล้า ถ้าหากข้าใช้เขาแล้วทำให้ชื่อเสียงข้าขจรไกลทั่วหล้าได้เหมือนกัน

หนานจื่อ : ฝ่าบาทห่วงแต่ชื่อเสียงของตัวเอง ไม่เคยห่วงข้าเลย อย่างนี้แล้วข้าจะไม่โกรธได้อย่างไรล่ะ ฝ่าบาทเคยบอกว่า ใครไม่เคารพข้า ก็เท่ากับทรยศฝ่าบาทเหมือนกัน

เจ้าแคว้นวุ่ย : ข้าเคยพูดก็จริง แต่ขงจื๊อไม่เคยเสียมารยาทกับเจ้านี่
หนานจื่อ : เปล่าหรือ ขอถามหน่อย ขงจื๊อมาแคว้นวุ่ยตั้งนาน ทำไมไม่มาพบข้าสักที
เจ้าแคว้นวุ่ย : เขาอาจจะไม่รู้ว่าแคว้นวุ่ยมีกฎแบบนี้ ฮูหยินคิดมาก

หนานจื่อ : เขาต้องรู้แน่ ขุนนางหลายคนพบปะเขาบ่อยๆ จะไม่บอกเขาบ้างหรือไง อีกอย่างหนึ่ง ฉีป๋ออี้ ที่ไม่พอใจข้านั้น เมื่อก่อน ก็เคยรู้จักกับขงจื๊อแล้ว ตั้งแต่ขงจื๊อมาถึง ฉีป๋ออี้พบเขาหลายครั้ง พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีหรือจะไม่นินทาข้า จะต้อง ต่อว่าข้า ลับหลังแน่ๆ เลย แบบนี้ไม่เสียมารยาทต่อข้ายังไงหรือ

เจ้าแคว้นวุ่ย : ขงจื๊อไม่ใช่คนแบบนั้น เจ้าคิดมากไปเองมั้ง

หนานจื่อ : ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ในเมื่อเขาไม่ยอมมาพบข้า ก็เท่ากับไม่ให้ความเคารพต่อข้า เมื่อไม่เคารพข้า ก็จะต้องไปคบหา คนที่ข้า ไม่พอใจ ในที่สุดแล้ว เขาจะต้องทำเรื่องคิดไม่ซื่อ แล้วเกิดความเกลียดชังฝ่าบาทในที่สุด

เจ้าแคว้นวุ่ย : ขงจื๊อไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆ ฮูหยิน เออนี่ฮูหยิน ถ้าหากข้าส่งคนเชิญให้เขามาพบเจ้าล่ะ จะดีไหม
หนานจื่อ : ข้าเป็นถึงพระชายา ต้องเชิญเขาด้วยหรือ ข้าอยากจะรู้ว่าเขาจะยอมมาพบข้าด้วยตัวเองหรือเปล่า
เจ้าแคว้นวุ่ย : อย่างนั้นก็หมายความว่า ถ้าขงจื๊อไม่ยอมพบเจ้า ข้าก็ใช้เขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ
หนานจื่อ : แล้วฝ่าบาทจะว่ายังไงล่ะ
เจ้าแคว้นวุ่ย : แหม มันหนักใจนะ

ขงจื๊อ ฉีป๋ออี้ และเหยียนจั๋วโจวปรึกษา หารือกันเกี่ยวกับการแต่งตั้งขงจื๊อ เหยียน- จั๋วโจวแนะนำให้ขงจื๊อไปคารวะ พระชายา ขงจื๊อเล่าว่า หมีจื่อเสีย คอยติดตามขงจื๊อไปทุกแห่ง ฉีป๋ออี้บอกว่า "ฮูหยินน่ะชอบระแวง เจ้าชักช้า ไม่ยอมไปพบเขา นางก็ต้อง ส่งคนมาประกบเจ้าน่ะซิ" ขงจื๊อประหลาดใจว่า "ถ้าทำตามธรรมเนียม จำเป็นต้องเข้าพบพระชายาด้วยหรือนี่"

หมีจื่อเสีย เข้ามาได้ยินพอดี จึงพูดว่า "ขงจื๊อ ข้าว่าท่านกล่าวผิดไปแล้วล่ะ ธรรมเนียมส่วนธรรมเนียม แต่นี่มันแคว้นวุ่ย ผู้ที่มาแคว้นวุ่ย คิดจะรับใช้ราชสำนัก จะต้องไปคารวะพระชายาเสียก่อนซิ" แม้ว่าฉีป๋ออี้จะบอกว่า มีธุระคุยกับขงจื๊อ เชิญหมีจื่อเสีย กลับไปก่อน หมีจื่อเสียก็ไม่กลับ อ้างว่าคงไม่มีความลับอะไร ฉีป๋ออี้จึงแยกตัวกลับไปเอง

ไม่ว่าขงจื๊อจะไปไหน หมีจื่อเสียก็ตามไปทุกแห่ง วันที่เหยียนจั๋งโจวและคนในตระกูลของเขามอบตัวเป็นศิษย์ขงจื๊อ หมีจื่อเสีย ก็เข้ามา อ้างว่า เจ้าแคว้นวุ่ยให้มาอยู่เป็นเพื่อนขงจื๊อ ขงจื๊อเบื่อหน่ายการกระทำของพระชายาหนานจื่อ ที่ให้คนมาคอย ติดตาม เขาเปรียบเทียบว่า "ท้องฟ้าในแคว้นวุ่ยสงบก็จริง เสียดายเห็นแต่ดาวระยิบ ไม่เห็นพระจันทร์ส่องแสง"

ในที่สุดก็ตัดสินใจออกจากเมืองวุ่ยโดยไม่ลา เจ้าแคว้นวุ่ยทรงทราบดีว่าขงจื๊อจากไป เพราะการกระทำของพระชายา และ หมีจื่อเสีย แต่พระชายากลับคิดว่า ขงจื๊อไปอาศัยกงซูซู่ก่อกบฏ เพราะกงซูซู่เป็นปรปักษ์ต่อพระนาง แม้เจ้าแคว้นวุ่ย จะมีพระปรีชา ทรงเข้าใจทุกอย่างดี แต่ก็ทรงขัดพระชายาไม่ได้

แท้จริงขงจื๊อเพียงแต่หลงทาง ระหว่างที่แวะพักกลางทาง ศิษย์ของขงจื๊อที่เป็นผู้นำทางขอโทษอาจารย์ ที่จำทางผิด ทำให้ ทุกคน ต้องลำบาก ขงจื๊อกล่าวว่า "เส้นทางยาวไกลอาจจะหลงทางบ้าง ลำบากเล็กน้อยเป็นเรื่องธรรมดา กินข้าวเถอะ"

กงซูซู่รู้ข่าวว่าขงจื๊อออกมาจากเมืองวุ่ย และคาดการณ์ว่าคงมีสาเหตุมาจากพระชายา กงซูซู่พอใจมาก เขาเอาของกำนัน มามอบให้ขงจื๊อ เพื่อชักชวนให้ร่วมกันกำจัดพระชายา เพราะนาง "ไม่ใช่เพียงแค่แพศยา แต่ยังกุมอำนาจเอาไว้อีก ช่างเป็น ที่น่าอดสู แก่แคว้นวุ่ยจริงๆ" ขงจื๊อปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า "ต่อต้านหนานจื่อ กระทบถึงฝ่าบาท กระทบถึงฝ่าบาทก็คือ ต่อต้านฝ่าบาท เหล่าขุนนางต่อต้านฝ่าบาท ผิดต่อกฎจารีตธรรมเนียม" การสนทนาต่อจากนี้คือ

กงซูซู่ : ขงจื๊อเคยคิดหรือไม่ว่าฝ่าบาทลุ่มหลงนารี จึงเชื่อฟังหนานจื่อทุกอย่าง จึงเป็นภัยต่อแคว้นวุ่ย อย่างร้ายแรง ถ้าหาก ฝ่าบาท ปกป้องหนานจื่ออีก ก็คงต้องเลือกคนที่เหมาะสม ปกครองบ้านเมืองต่อไป

ขงจื๊อ : ใต้เท้ากงซู ข้าเข้าใจเจตนารมณ์ ของท่านแล้ว แต่ว่าพวกท่านคงยังไม่เข้าใจนโยบายของข้านัก
กงซูซู่ : นโยบายของท่านก็คือ ปฏิรูปกฎโจวกุง ปกครองบ้านเมืองใช่หรือไม่
ขงจื๊อ : เมื่อใต้เท้ากงซูเข้าใจนโยบายของข้า ก็คงจะเข้าใจว่าข้าไม่อาจจะช่วยท่านต่อต้านแคว้นวุ่ยได้
กงซูซู่ : ข้าเพียงแต่ต่อต้านหนานจื่อเท่านั้น
ขงจื๊อ : ต่อต้านหนานจื่อ ควรปฏิบัติด้วยธรรม ไม่ควรที่จะไร้ธรรมต่อผู้ที่ไร้ธรรม

กงซูซู่ : ถ้าหากข้ายกทัพมาตี แล้วท่านจะไปคุยด้วยเหตุผลหรือ ถ้าเขาคิดจะจ้องเอาชีวิตท่าน ท่านจะคุยกับเขา ด้วยเหตุผลหรือ ตระกูลข้า รับราชการมาหลายสมัย แต่ตอนนี้กลับถูกยึดทุกสิ่ง ถูกขับไล่มาอยู่ในที่กันดาร มาถึงตอนนี้ หนานจื่อ ยังไม่ปล่อยข้าอีก บีบคั้นให้ข้าต้องจนตรอก กวาดล้างตระกูลข้า ท่านขงจื๊อ คนแบบนี้ยังพูดด้วยเหตุผล ได้อย่างนั้นหรือ

ขงจื๊อ : ใต้เท้ากงซู ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี แต่ท่านเป็นขุนนาง ไม่ควรนำความแค้นส่วนตัว มาทำให้บ้านเมืองพินาศ ข้าว่า ท่านควรยับยั้งตัวเอง

เมื่อหว่านล้อมขงจื๊อไม่สำเร็จ กงซูซู่ก็ส่ง กองทหารมาล้อมที่พักของขงจื๊ออยู่ถึง ๓ วัน เมื่อมีผู้เสนอให้ปล่อยขงจื๊อไป กงซูซู่ กลับกล่าวว่า "ปล่อยเขาไปหรือ พวกเจ้าเคยคิดบ้างไหม คนอย่างขงจื๊อ ถ้ายอมอยู่ช่วยเรา ผู้คนมากมายก็จะมาสวามิภักดิ์เรา เหล่าต้าฝู ในแคว้นวุ่ย ก็จะช่วยเหลือเรามากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้จะกำจัดหนานจื่อและสมุน ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เหมือนพลิกฝ่ามือ"

ทหารพาขงจื๊อมาพบกงซูซู่ ทั้งคู่พูดคุยกันดังนี้

กงซูซู่ : ท่านขงจื๊อ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านเป็นอย่างมาก จึงต้องล่วงเกินท่านบ้าง ขอท่านอย่าได้ถือโกรธ สามวัน มานี้ ข้าได้ทบทวนเป็นอย่างดี คำกล่าว ของท่านมีเหตุผลมาก เป็นถึงต้าฝูควรทำตามกฎจารีตประเพณี ไม่ควรทำผิดจรรยา เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านขงจื๊อ ยอมอยู่กับข้าแล้วซินะ

ขงจื๊อ : ใต้เท้ากงซู ข้ามาวันนี้ ความจริง เพื่อจะมาตักเตือนท่าน แต่ว่าตอนนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะเมื่อกี้ที่ท่านกล่าว ล้วนแต่เป็นคำเท็จ อาวุธพวกนี้บอกแก่ข้า สักวันหนึ่ง ท่านต้องใช้กำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายของท่าน ใต้เท้ากงซู กำลังบ่งบอก ถึงความวุ่นวาย และความตาย ถึงได้เข้าใจจุดประสงค์ที่กักตัวข้าไว้ แต่ว่าข้าจะขอบอกท่าน ข้าจะไม่ยอม ร่วมมือกับคน ที่สร้าง ความหายนะเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะกักตัวข้าชั่วชีวิต

ขงจื๊อกล่าวจบก็เดินหันหลังกลับไปพร้อมจ้งโหยว

กงซูซู่ : ข้าก็ขอบอกท่านเช่นกัน ถ้าไม่ยอม จะกักตัวไว้ตลอดไป

ขงจื๊อกับลูกศิษย์ปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะตีฝ่าออกไป ปรากฏว่าเป็นแผนของกงซูซู่ ที่จะปล่อยขงจื๊อไป เพราะคิดว่า ถ้าการกระทำที่ไร้มารยาทต่อขงจื๊อแพร่ออกไป จะไม่เป็นผลดีต่อการใหญ่ของตนเอง แต่เมื่อรู้ว่า ขงจื๊อกลับไปทางแคว้นวุ่ย กงซูซู่เกรงว่า ขงจื๊อจะรายงานความเคลื่อนไหว ให้เจ้าแคว้นวุ่ยทรงทราบ จึงนำทหาร ติดตามไปพบขงจื๊อ ขงจื๊อจำเป็นต้องรับปากว่า จะไม่กลับแคว้นวุ่ย

แต่เมื่อกงซูซู่ถอยทัพไป ขงจื๊อก็สั่งลูกศิษย์ให้กลับแคว้นวุ่ย จ้งโหยวทักท้วงว่า "ท่านทำเช่นนี้ทำลายชื่อเสียงของท่านนะ ท่านควร รักษาสัจจะนะอาจารย์" ขงจื๊ออธิบายว่า "สาบานภายใต้การใช้กำลังไม่ถือเป็นคำสาบาน อีกอย่างหนึ่ง กงซูซู่ คิดการกบฏ สักวันหนึ่งต้องเป็นภัย แบบนี้จะทำลายความสงบสุขของราษฎรทั้งปวง ในแคว้นวุ่ย อุดมการณ์ของข้า ก็เพื่อหยุดยั้ง ความไม่สงบในใต้หล้า เมื่อยับยั้งความวุ่นวายได้ ถึงแม้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงตัวเอง มันก็คุ้มค่าแล้ว สวรรค์ ต้องเห็นใจข้า"

เจ้าแคว้นวุ่ยได้รับรายงานจากขงจื๊อว่า กงซูซู่จะก่อกบฏ แต่เชื่อว่ากงซูซู่ไม่มีทางทำสำเร็จ จึงไม่วิตกกังวล เจ้าแคว้นวุ่ย ต้องการ รับขงจื๊อมาช่วยงาน แต่พระชายายังคงคัดค้าน คราวนี้อ้างว่า เกรงเหล่าขุนนางจะคิดว่า เกิดความลำเอียง พระนาง ขอให้ขงจื๊อมาพบ ก็จะอยู่เมืองวุ่ยได้ง่ายขึ้น

เจ้าแคว้นวุ่ย : ฮูหยิน ทำไมเจ้าต้องให้ขงจื๊อมาพบเจ้าให้ได้ล่ะ เพราะอะไร

หนานจื่อ : ก็เพื่อฝ่าบาทนั้นแหละ ขงจื๊อเล่นตัว ไม่มาพบข้า แสดงว่าลบหลู่ธรรมเนียมแคว้นวุ่ย ถ้าหากว่า เราทำเป็นนิ่งเฉย จะต้องกระทบ ต่อชื่อเสียงของฝ่าบาท ต่อไปผู้คนจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ขัดขืนคำสั่ง ไม่ให้ความยำเกรง

เจ้าแคว้นวุ่ย : เรื่องไม่เป็นอย่างเจ้าพูดหรอก ขงจื๊อเป็นคนรู้จักมารยาทธรรมเนียม

หนานจื่อ : ฝ่าบาท การให้ขงจื๊อมาพบข้านั้นผิดต่อมารยาทธรรมเนียมอย่างนั้นหรือ หรือว่าคนอย่างข้า จะทำให้เขาเสื่อมเสีย ชื่อเสียงไป ที่ข้าทำลงไปก็เพราะหวังดีต่อฝ่าบาท ในเมื่อข้าไม่สำคัญ ท่านก็อย่ามาเข้าใกล้ข้าอีกก็แล้วกัน

เจ้าแคว้นวุ่ย : เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้านะ ฮูหยิน ขอเพียงเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็จะไม่ใช้ขงจื๊อเด็ดขาด

ลูกศิษย์ของขงจื๊อมีความเห็นต่างกันเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคิดว่า ถ้าขงจื๊อไปพบพระนาง ขงจื๊อจะเสื่อมเสีย และขงจื๊อ เคยบอกว่า วิญญูชนบรรลุเป้าหมายด้วยความถูกต้อง ควรไปหาเจ้านายที่มีปัญญาดีกว่า อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ถ้าไม่ไปพบ แล้วเจ้าแคว้นวุ่ย ไม่ใช้ขงจื๊อ อุดมการณ์ของขงจื๊อก็จะไม่สำเร็จ การไปพบพระนางไม่ทำให้เสียหาย ดังที่ขงจื๊อเคยสอนว่า สีขาว แปดเปื้อนไม่ได้

เจ้าแคว้นวุ่ยส่งฉีป๋ออี้และเหยียนจั๋วโจวมาเกลี้ยกล่อมให้ขงจื๊อไปพบพระชายา ฉีป๋ออี้มีความเห็นว่า ถึงแม้ขงจื๊อ จะไป พระชายา ก็ไม่มีผลอะไร พระนางต้องการพบขงจื๊อ เพราะต้องการอาศัยชื่อเสียงของขงจื๊อ

วันหนึ่งมีชายอาวุโสได้ยินขงจื๊อบรรเลงดนตรี จึงพูดกับเหยียนฮุย ลูกศิษย์คนหนึ่งของขงจื๊อว่า "เสียงดนตรีนี้มีความในใจ ผู้บรรเลง มีจิตใจที่ว้าวุ่น ไร้ผู้เข้าใจ จึงอาศัยเสียงดนตรีเป็นสื่อ เมื่อไร้ผู้เข้าใจ ทำเป็นนิ่งเฉยก็ได้ เหตุใดจึงต้องพึ่งพา เสียงดนตรี น้ำลึกว่ายข้ามไปทั้งอาภรณ์ น้ำตื้นถกขาเดินข้ามไปก็พอ" เหยียนฮุยเล่าให้ขงจื๊อฟัง ขงจื๊อ อธิบายว่า

น้ำลึกหมายถึงแผ่นดินไร้ธรรม มืดมิดไร้แสงจันทรา มิอาจเยียวยา ปวงประชาได้เพียงยอมรับชะตากรรม ฉะนั้น ต้องข้ามไป ทั้งอาภรณ์ น้ำตื้นหมายถึง แม้แผ่นดินมืดมิด แต่ก็ยังพอมีหวัง ปวงประชาก็ยังฝ่าฟันไปได้ ดังนั้น สามารถถกขา ข้ามน้ำได้ ผู้ที่กล่าวเช่นนี้ จะต้องเป็นปราชญ์ผู้หยั่งรู้ เจ้าเป็นศิษย์หนึ่งในสิบ ที่ข้ารัก ควรรู้อุดมการณ์ของข้า ตั้งแต่มาแคว้นวุ่ย ต้องเผชิญ อุปสรรคมากมาย เช่น การเข้าพบหนานจื่อ ถ้าไปพบก็ต้องเสียชื่อเสียง หากไม่ไปพบ อาจทำให้ฉีป๋ออี้ และ เหยียนจั๋วโจว ถูกตำหนิ จะทำให้คนเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าว่าควรทำอย่างไร

เหยียนฮุย : อาจารย์คิดว่าสิ่งใดควร ก็สุดแล้วแต่ท่านเถอะ
ขงจื๊อ : ตั้งแต่เจ้าเป็นศิษย์ข้า ไม่เคยกล่าวตำหนิข้าเลย แบบนี้ไม่ได้ช่วยจริง

ในที่สุดขงจื๊อก็ตัดสินใจเข้าพบพระชายา พระนางบอกว่า จะช่วยให้ขงจื๊อดำรงตำแหน่ง ต้าฝู ด้วยหวังว่า "คนทั่วหล้า จะได้รู้ว่า แคว้นวุ่ยมีสตรีคนหนึ่ง ที่สามารถต้อนรับผู้ปรีชาด้วยกฎธรรมเนียมที่ถูกต้องได้" ขงจื๊อจึงกล่าวว่า การที่พระนาง จะช่วยขงจื๊อนั้น ก็ผิดธรรมเนียม แล้ว บ้านเมืองจะวุ่นวาย จึงไม่อาจทำตามได้

เมื่อจ้งโหยวรู้ว่าขงจื๊อไปพบพระชายา เขาต่อว่าอาจารย์ว่า "ปกติท่านสอนพวกเราว่ายังไง แต่ทำไมท่านกลับทำเช่นนี้ นางแพศยา เชิญก็ไม่ควรไป หรือว่าท่านหลงใหลนางอีกคน" แม้จะถูกลูกศิษย์ต่อว่าอย่างรุนแรง ขงจื๊อก็ไม่ได้โกรธ เพราะเข้าใจ ความหวังดีของจ้งโหยว

ส่วนเจ้าแคว้นวุ่ย รับฟังความเห็นจากพระชายาว่า "เขาซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาท ไม่เคยคิดร้ายเลย เรื่องนี้ข้าสบายใจแล้ว แต่ว่า เขาหัวแข็งเหลือเกิน" จึงกล่าวว่า "คนหัวแข็งก็มีข้อดีได้ คนเรานี้นิสัยก็ต่างกันนะ แต่ก็ต้องเป็นผู้มีปรีชาสมารถจริงๆ"

พระชายาใช้กลวิธีต่างๆ นานาอันผิดธรรมเนียมและไม่ให้เกียรติขงจื๊อ ฉีป๋ออี้ยังรู้สึกอับอายที่แคว้นวุ่ยไร้มารยาทธรรมเนียม ขงจื๊อ ถึงกับออกปากว่า "ข้ายังไม่เคยเจอ พระองค์เห็นแก่สตรียิ่งกว่าธรรมเนียมเสียอีก" ฉีป๋ออี้ชวนขงจื๊อ ไปอยู่ด้วย และเปิดรับลูกศิษย์

๔๙๓ ปี ก่อนคริสตศักราช เจ้าแคว้นวุ่ย เชิญขงจื๊อมาพบเพื่อปรึกษาปัญหาองค์ชายคิดการกบฏ แต่ขงจื๊อกลับพูดถึง เหตุที่ องค์ชาย เป็นกบฏเนื่องจากอับอาย ที่พระนางประพฤติตัวไม่เหมาะสม ถ้าจะคลี่คลายเรื่องนี้ ควรทำตามกฎธรรมเนียม อย่าปล่อย ให้พระชายาทำตามอำเภอใจ เจ้าแคว้นวุ่ยไม่สนใจคำแนะนำของขงจื๊อ ได้แต่ยืนยันว่ามาปรึกษาเรื่อง การรับศึก ไม่ใช่ กฎโจวกุง ขงจื๊อจึงอ้างว่า ตนรู้แต่ปกครองบ้านเมือง ไม่เคยเรียนรู้เรื่องกลยุทธ์

ขงจื๊อตัดสินใจเดินทางไปแคว้นจิ้น แต่ได้ยินข่าวว่าตู้หมิงตู๋ต้าฝูและซุ่นหัวถูกฆ่าตาย ทั้งสองสนับสนุนกฎโจวกุง ขงจื๊อ จึงล้มเลิก ความคิดเดิม แต่กลับเดินทางไปแคว้นซ่ง ที่นั่น ซือหม่าฝานทุยครองอำนาจและกดขี่ข่มเหงราษฎร เจ้าแคว้น ก็ทรงเชื่อทุกอย่าง ตามที่ซือหม่าฝานทุย กราบทูล

คนของซือหม่าฝานทุยได้ยินขงจื๊อตำหนิเจ้านายว่าไร้ความเมตตา ทำให้แผ่นดินปั่นป่วน วุ่นวาย ราษฎรต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่เป็นสุข จึงนำความที่ได้ยินไปรายงานซือหม่าฝานทุย

ซือหม่าหนิวน้องชายของซือหม่าฝานทุย ชื่นชมขงจื๊อมาก และแนะนำให้พี่ชายไปพบขงจื๊อเพราะขงจื๊อเชี่ยวชาญการปกครอง จะเป็น ผลดีต่อพี่ชาย เมื่อซือหม่าฝานทุยไม่ยอมพบ ขงจื๊อ ซือหม่าหนิวให้เหตุผลว่า เจ้าแคว้นให้ซือหม่าฝานทุย ดูแล บ้านเมือง ถ้าซือหม่าฝานทุยไม่ยอมพบขงจื๊อจะเสียมารยาทธรรมเนียม บรรพบุรุษของขงจื๊อก็เป็นอดีตเจ้าผู้ครอง แคว้นซ่ง

ซือหม่าฝานทุยไม่ให้ขงจื๊อเข้าเมืองและยังขับไล่ออกจากแคว้นซ่งอีกด้วย ขงจื๊อจึงเปิดรับศิษย์อยู่นอกเมือง เพื่อสอน มารยาท ธรรมเนียม ให้แก่ชาวซ่ง วันหนึ่ง ขณะที่ศิษย์ รุ่นพี่กำลังสอนลูกศิษย์ชาวซ่งให้มีความนอบน้อมโดยกล่าวว่า

ที่พวกเจ้าเห็นอยู่นี้คือมารยาทธรรมเนียม ภายนอกเรียกว่าความเคารพ รู้จักมารยาทจะได้รู้จักเคารพต่อผู้อื่น สามารถทำให้ จิตใจ เกิดความเมตตา ถ้าหากทุกคนสามารถรักใคร่กลมเกลียว แผ่นดินทั่วหล้าก็จะมีความรุ่งเรืองและผาสุก การให้ ความเคารพนั้น แสดงถึงความนอบน้อม ต้องเคารพซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาท ไม่ควรคิดหลอกลวงผู้อื่น

ขณะนั้นมีกลุ่มทหารกรูกันเข้ามาเพื่อโค่นต้นไม้ อ้างว่าซือหม่าฝานทุยจะสร้างโรงไม้ จ้งโหยวสั่งให้หยุด บอกว่า "พวกเจ้า ไม่ได้ มาโค่นต้นไม้หรอก พวกเจ้ามาก่อเรื่องใช่ไหม จะบอกให้นะ ใครกล้าโค่นต้นไม้ต้นนี้ ข้าจะฆ่ามันซะ"

ขงจื๊อสั่งให้จ้งโหยวเก็บอาวุธ เพราะว่า กำลังไม่สามารถชนะใจคน ขงจื๊อพยายามเจรจากับคนของซือหม่าฝานทุย แต่ไม่ เป็นผล ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังใช้ขวานฟันต้นไม้ ขงจื๊อก็สั่งลูกศิษย์ให้ทำความเคารพ ลูกศิษย์ เดินมาเข้าแถว อย่างเป็น ระเบียบ ขงจื๊อนำลูกศิษย์ทำความเคารพ ชาวบ้านที่มุงดูอยู่เห็นเช่นนั้นก็เข้ามาจะทำร้ายพวกที่โค่นต้นไม้ และมีขุนนาง คนหนึ่ง เข้ามายับยั้งการโค่นต้นไม้ด้วย

ซือหม่าฝานทุยโกรธมาก สั่งคนให้ไปฆ่าขงจื๊อ ข้อหาส้องสุมกำลัง ยุยงให้ชาวบ้านก่อการกบฏ ซือหม่าหนิว มาเตือนขงจื๊อ ให้รีบหนีไป ขงจื๊อกับลูกศิษย์ต้องแยกกันหนีโดยนัดไปพบกันที่แคว้นจิ้น ก่อนที่คนของซือหม่า ฝานทุยจะบุกเข้ามาเผา กระโจม ที่พักของขงจื๊อ จบราบหมด

(อ่านต่อฉบับหน้า)

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๒๒ พ.ย. - ธ.ค. ๒๕๔๘ -