สยบอารมณ์ร้าย กลายเป็นคนดี คนสมถะ

เศรษฐกิจซบเซาอย่างนี้ นอกจากจะทำให้ผู้คนหน้าตาบูดบึ้งเพราะค้าขายไม่คล่อง หรือถ้าตกงานอยู่ ก็ไม่รู้ จะได้งานทำเมื่อไหร่แน่ ส่วนผู้มีงานทำ ก็ใช่ว่า จะรอดพ้น จากสภาพเงินฝืด

เหตุนี้ อารมณ์ของชาวประชากระเป๋าแห้งอย่างเราๆ ท่านๆ จึงถูกทั้งความเครียด, ความเกลียด, ความโกรธ, ความแค้น และความอึดอัด รุมเร้าอัดแน่น อยู่ในหัว ทำท่าคล้ายเป็นระเบิดเวลา พร้อมถูกจุดชนวน ให้เปรี้ยงปร้างได้ง่ายมาก

ดังนั้น ด้วยความรักและความห่วงใยของคน สมถะ ขอเตือนให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จากวิกฤติเศรษฐกิจ อย่าได้ท้อแท้ หรือสิ้นหวังในชีวิต ยิ่งถ้าคิดสั้น อยากฆ่าตัวตาย ชนิดให้หายไป จากโลกนี้ซะเลย ยิ่งไม่สมควร ทำเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าคุณคิดสั้น ก็เท่ากับ คุณยอมแพ้ต่อชีวิตแล้ว ทั้งๆ ที่บางคน ยังไม่ทันได้ ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ หรือหันมาแก้ปัญหา ที่มีอยู่สักนิดเลยด้วยซ้ำ

อย่าลืมนะว่า ชีวิตของคนเรา บางครั้งก็ชนะ บางครั้งก็แพ้ ทุกท่านจึงควรทำความเข้าใจถึงความ เป็นจริงของชีวิตว่า มันก็ต้องเป็น แบบนี้แหละ ไม่งั้นจะมีทั้งคำว่า เฮง กับคำว่า ซวย หรือ

ว่าแล้วก็หันมาเล่าถึงเรื่องที่เพื่อนผู้แสนน่ารักส่งอีเมล์มาฝากเกี่ยวกับ วิธีสยบอารมณ์บูด ดีกว่า เรื่องนี้มีชื่อว่า ตะปูในรั้ว (Nail In The Fence)

บอกว่า มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งแม่สุดจะรักและห่วงลูกสาวของตัวเองมาก เพราะแม่เป็นคนช่างสังเกต และรู้ว่าลูกสาว เป็นคนเจ้าอารมณ์ เห็นแป๊บๆ เดี๋ยวก็อารมณ์เสีย เดี๋ยวก็หน้าบูดหน้าบึ้ง

วันนึง แม่จึงมอบถุงที่มีตะปูอยู่ข้างในให้ลูกสาว แล้วแนะลูกว่า ลูกเอ๊ย ถ้าเมื่อไหร่ลูกโกรธ หรืออารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ให้เอาค้อนไปตอกตะปูบนรั้วนะลูก อารมณ์จะได้ดีขึ้น

เมื่อลูกสาวตัวน้อยได้ยินดังนั้น ปรากฏว่า วันแรก เธอตอกตะปูไป ๓๗ ตัว แต่พอผ่านไปนานวันเข้า จำนวนตะปู ที่เธอตอกก็ลดน้อยถอยลง กระทั่งลูกสาว เอาถุงใส่ตะปูไปคืนแม่ บอกไม่ตอกแล้วค่ะ ตอกตะปู มันเมื่อยเหลือเกิน

มารดาผู้อ่อนโยน จึงบอกลูกสาวว่า เห็นไหมล่ะจ๊ะว่า การรู้จักควบคุม อารมณ์นั้นง่ายกว่า การต้องเสียเวลา ไปตอกตะปู ซะอีก หลังจากนั้น แม่ก็บอกให้ลูกดึงตะปูออกจากรั้ว บัดนี้รั้วก็เป็นรูพรุนไปหมดแล้ว แม่ก็สอน ด้วยความรักอีกว่า มองไปที่รั้วซิลูก แม้ว่าอารมณ์บ่จอย ของลูกจะหายไปแล้ว แต่ร่องรอยยังคงหลงเหลืออยู่


แม้ลูกจะรู้สึกเสียใจ ต่อสิ่งที่ได้ทำลงไปสักแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงอย่างไร รอยแผล ของสิ่งนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ทีนี้คุณผู้อ่าน พอจะเห็นถึงด้านลบ ของการเป็น คนเจ้าอารมณ์บ้างหรือยัง.

(จากคอลัมน์ ประทีปส่องใจ นสพ.ไทยรัฐ วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๔)

(หนังสือ ดอกหญ้า อันดับที่ ๙๕ หน้า ๑๒-๑๓)