> ดอกหญ้า

วันวาร เด็กชายตุ้ม

เจ้าปุย

จากหนังสือดอกหญ้า

อันดับที่ 97


พอถึงเกณฑ์ต้องเข้าโรงเรียน พ่อและแม่ก็ส่งผมไปอยู่กับคุณยาย เพราะใกล้บ้าน ของคุณยาย มีโรงเรียนที่สอนภาษาจีน ควบคู่กับภาษาไทย ตอนผมย้ายมาอยู่ เป็นเวลาเดียวกับ ที่พี่ชายคนโต ซึ่งแก่กว่าผม ๒ ปี ต้องย้ายไปเรียนต่อ ป.๑ ที่โรงเรียน ประจำใน อ.ศรีราชา

บ้านของคุณยายเป็นบ้านไม้ ๒ ชั้น ขนาดใหญ่ อยู่กันหลายครอบครัว แต่แยกเป็นสัดส่วน โดยจะมีบันไดขึ้นชั้น ๒ ของตัวเองไม่ปะปนกัน ชั้นบนเป็นห้องใหญ่ห้องเดียว ไว้สำหรับ เป็นห้องนอน ดูโทรทัศน์ และมีมุมทำการบ้าน ของผมด้วย ในห้องมีเตียงเหล็ก ขาลอยสูง ขนาดใหญ่ ๑ ตัว ซึ่งเป็นเตียงนอนของคุณยาย ส่วนผม ปูเสื่อกางมุ้งนอน ที่พื้นข้างๆเตียง ชั้นล่างจะมี ๒ ห้อง ห้องใหญ่ด้านหน้า เป็นห้องโถง อเนกประสงค์ ที่คุณยายใช้ทำงาน นั่งเล่น และเก็บของสารพัด อีกห้องถัดไป เล็กลงหน่อย ใช้เป็นที่กินข้าว และทำครัว ถัดจากห้องครัว ไปทางหลังบ้าน จะเป็นชานบ้าน ซึ่งติดกับคลอง และมีบันไดท่าน้ำ สำหรับตักน้ำ และอาบน้ำในคลอง ด้านข้างของท่าน้ำ เป็นสวนครัวแปลงเล็กๆ ที่คุณยายปลูกตะไคร้, มะกรูด, พริก, โหระพา, กะเพรา และฝรั่งขี้นก ต้นใหญ่ลูกดก รสหวานอร่อย ที่ผมชอบปีนขึ้นไปเก็บ ทุกครั้งที่เที่ยวที่นี่

แม่ให้ผมอยู่กับคุณยาย ๑ อาทิตย์ ก่อนโรงเรียนเปิด เพื่อจะได้คุ้นเคย ตอนเปิดเรียน วันแรก คุณยายปลุกผมแต่เช้า หลังจากอาบน้ำ กินข้าวแล้ว คุณยายก็ช่วยผม จัดกระเป๋า และแต่งตัว พอจัดการกับผมเสร็จ ก็ขึ้นไปชั้นบน เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะพาผม ไปส่งโรงเรียน ระหว่างทางที่เดินไป คุณยายจะจูงมือ พอขึ้นสะพาน ข้ามคลอง ก็จะชี้ให้สังเกต และบอกกับผมว่า "โรงเรียนของตุ้ม อยู่ที่ท้ายตลาด พอข้ามสะพาน ก็ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ พอสุดตลาด ก็ให้สังเกต ๓ แยก มีซอยเล็กๆ ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปในซอย สักหน่อย ก็จะเห็นโรงเรียน อยู่ทางขวามือ"

โรงเรียนของผมมีรั้วสูงๆสีขาว ตรงทางเข้ามีประตูใหญ่ ๒ บาน เหนือประตูมีซุ้ม เขียนชื่อโรงเรียน ด้วยสีเขียวว่า "ประชาเจริญ"

คุณยายพาผมมาส่งให้กับคุณครูที่หน้าประตู และบอกกับผมว่า เดี๋ยวพอเลิกเรียน ตอนบ่ายสามโมง ให้มารอตรงนี้ จะมารับกลับบ้าน พอเลิกเรียนปุ๊บ ผมก็วิ่งมารอ ที่หน้าประตู พอชะโงกออกไปดู ก็เห็นคุณยาย กำลังเดินมาพอดี ผมตะโกน ร้องเรียก แล้ววิ่งออกไปหา ระหว่างทาง เดินกลับบ้าน คุณยายก็คอยชี้ ให้สังเกตอีกว่า จะต้องผ่านอะไรบ้าง และกำชับผมว่า เลิกเรียน ก็ให้ตรงกลับบ้านเลย อย่าเถลไถล ไปที่อื่น

วันรุ่งขึ้น พอกินข้าวเสร็จ คุณยายก็บอก ให้ผมไปจัดกระเป๋า และแต่งตัวเอง ผมใส่เสื้อกางเกง และเข็มขัดเป็นแล้ว แต่ชุดนักเรียน ต้องเอาเสื้อใส่ในกางเกง ผมใส่อย่างไร เสื้อท่อนบนเหนือกางเกง ก็ไม่ยอมเรียบ คุณยายเห็นผมใส่ๆ ถอดๆอยู่หลายรอบ ก็สอนให้ผมล้วงมือ เข้าไปในกางเกง เพื่อดึงชายเสื้อ ใต้ขอบกางเกงลงมา ปรากฏว่า เสื้อช่วงบน จะเรียบมาก พอใส่เสื้อเสร็จ คุณยาย ก็พูดขึ้นว่า "วันนี้ตุ้มไปโรงเรียนเองนะ จำทางได้มั้ย" ผมไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า ยายก็บอก ให้ไปจัดกระเป๋าหนังสือ แล้วไปโรงเรียนได้เลย พอจัดเสร็จ หิ้วกระเป๋าออกมา ที่หน้าประตูบ้าน ก็พอดีมองไป เห็นคุณยาย เปลี่ยนเสื้อใหม่ และกำลัง ลงบันไดมา พอมองเห็นผม คุณยายก็ยิ้ม และพูดว่า "วันนี้ยาย จะเดินเป็นเพื่อน ไปส่งที่โรงเรียนอีกวัน แต่ตอนเย็น เลิกเรียน ยายจะไม่มารับ ให้ตุ้มเดินกลับเอง" ผมรู้สึกดีใจ และหายกังวล ที่ไม่ต้องเดินไป โรงเรียนคนเดียว ผมก็รู้ว่า คุณยายรู้ใจผม และก็ใจดีกับผมมาก ขากลับบ้าน ตอนเลิกเรียน ผมเดินกลับบ้านเอง ได้อย่างสบาย เพราะคุณยาย มาส่ง มารับ ๓ ครั้งแล้ว

หลังจากที่โรงเรียนเปิดมาได้ ๑ อาทิตย์ เวลาเดินไปโรงเรียน ผมก็เริ่มแวะ ดูโน่นดูนี่ ตามร้านค้า ระหว่างทางเป็นระยะๆ โดยเฉพาะ ร้านขายของเล่น ที่ตรงกลางตลาด จะมีตู้กระจก โชว์เครื่องบินเหล็ก สีสวยๆ หลายลำ พอเข้าอาทิตย์ที่ ๒ ผมก็เริ่มรู้จัก และสนิทกับเพื่อนๆ หลายคนที่โรงเรียน หลังเลิกเรียน เพื่อนๆ ที่บ้านอยู่ในตลาด ก็มักจะยังไม่รีบกลับบ้าน จะอยู่เล่นลูกหิน และชวนผมให้เล่นด้วย ซึ่งผมก็ชอบอยู่แล้ว มาวันนี้ แทนที่จะเล่น แค่หลุมเดียวแล้วกลับ ผมเป็นฝ่ายชนะ ก็เลยอยากเล่นอีกหลุม พอเล่นเสร็จ ก็รู้สึกกังวล กลัวว่าคุณยายจะดุเอา เพราะกลับบ้านช้า พอเลิกเล่น เพื่อนที่ชื่อตังกวย ก็ชวนให้เดินทางลัด ที่ผ่านบ้านเขา จะได้เร็วขึ้น ทางลัดของตังกวย เป็นทางเดินเล็กๆ อยู่ด้านหลังห้องแถวไม้ ผมเดินตามตังกวย ไปได้สักพัก ก็ถึงบ้านเขา ตังกวยชี้บอกทางให้ผม แล้วก็เข้าบ้านไป

ผมกังวลว่า ถ้าเดินไปคงจะกลับถึงช้า ก็เลยวิ่งดีกว่า เริ่มวิ่งมาได้สักพัก ใกล้ถึงทางแยก ที่จะเลี้ยวไป ถึงถนนกลางตลาด ก็พอดี มีลูกหมาตัวหนึ่ง วิ่งโผล่ออกมาจากบ้าน ตัดหน้าผม อย่างกระชั้นชิด จนเกือบโดนผมเหยียบ ผมจะหลบก็ไม่พ้น ได้แต่ชะลอ ความเร็วลง แล้วเลี้ยวหลบลูกหมาไป พอหลบพ้นไปแล้ว ก็จะวิ่งให้เร็วขึ้น ก็ได้ยิน เสียงหมาเห่า และมีเสียงฝีเท้า วิ่งไล่กวดตามมาติดๆ จนผมต้องหันหลัง กลับไปมอง เห็นเจ้าหมาใหญ่ สีดำๆ ขาวๆ หน้าตาดุร้าย วิ่งแยกเขี้ยว ไล่ตามมาทันพอดี และอ้าปาก กัดเข้าที่ด้านหลังขาอ่อน ของผมเข้าอย่างจัง ผมตกใจมาก ทั้งเจ็บและกลัว ก็เลย สะบัดขา วิ่งออกไปอย่างแรง ทำให้ขาหลุดจากปาก ของเจ้าหมาร้ายนั้นได้ แล้วผม ก็วิ่งหนีไป อย่างไม่คิดชีวิต จนมาถึง ถนนกลางตลาด หันกลับไปมองดู ไม่เห็นมันตามมา ก็เลยวิ่งช้าลง จนถึงบ้าน

พอโผล่เข้าไปในบ้าน คุณยายก็ถามว่า "ทำไมวันนี้ถึงกลับมาช้า ไปเถลไถล ที่ไหนมา หรือเปล่า ถ้ามีการบ้านก็รีบไปทำ เดี๋ยวจะได้มาอาบน้ำ และกินข้าว" ผมตอบว่า "เปล่าครับ" แล้วรีบขึ้นบ้าน เพื่อทำการบ้าน และจะได้ดูแผล ที่ถูกหมากัดด้วย ผมเลิกขากางเกงขึ้นดู ที่ขาอ่อนด้านหลัง มีแผลเป็นรู ๒ รู เลือดยังไหลอยู่ ส่วนด้านหลัง จะมีรอย เป็นทางอีก ๒ แนว เลือดยังซิบๆอยู่ ผมหากระดาษ มาซับเลือด และกดเอาไว้ เลือดจะได้หยุด ทำการบ้านไป ก็คอยดูแผลไป ก็เลยทำได้ช้า จน ๕ โมง ได้ยินคุณยาย เรียกให้ไปอาบน้ำ จะได้กินข้าวก่อนมืด

ผมรีบลงมาเตรียมเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัว ไปที่ท่าน้ำ แต่ก็ยืนคิดอยู่ว่า จะอาบน้ำในคลอง เหมือนอย่างเคยดี หรือจะตักอาบ จากตุ่มดี เพราะน้ำในคลอง ไม่ค่อยสะอาด เดี๋ยวเข้าแผล จะทำให้ยิ่งเจ็บแผล มากขึ้น สุดท้าย ผมตัดสินใจ ตักน้ำในตุ่มอาบ คุณยายเห็นเข้า ก็แปลกใจ ถามว่า "ทำไมวันนี้ ไม่อาบน้ำในคลอง" ผมก็ตอบคุณยาย เลี่ยงไปว่า "มันจะมืดแล้วครับ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลง"

พออาบน้ำเสร็จ และก็กินข้าวเรียบร้อย ผมก็ขึ้นบ้าน ทำการบ้านต่อ ปกติแล้ว ผมจะทำการบ้าน เสร็จก่อนกินข้าว เพื่อว่าหลังกินข้าวแล้ว จะได้ดู โทรทัศน์ก่อนนอน มาวันนี้ ได้แต่คอยดูแผล ก็เลยทำไม่เสร็จ การบ้านส่วนที่เหลือ ก็เป็นคัดจีน คุณครู ให้เอาพู่กัน จุ่มหมึกดำ แล้วเขียนลงในช่อง ของตัวหนังสือ ที่เตรียมไว้ ปกติ ผมจะเขียนได้เร็ว และสวยด้วย แต่มาวันนี้ เขียนไม่ค่อยถนัด เพราะเจ็บแผล และตอนนี้ มันก็เริ่มจะปวด มากขึ้นแล้ว คุณยายเห็นผม เขียนๆ หยุดๆ ก็นึกว่า ผมเขียนไม่เป็น ก็เลยมาช่วยจับมือ เขียนทีละตัว ให้ผมรู้ว่า ตัวหนังสือตัวไหน จะต้องเริ่มเขียน จากไหนไปไหน กว่าจะทำการบ้านเสร็จ ก็ดึกแล้ว คุณยายก็เลยบอกว่า วันนี้ไม่ต้อง ดูโทรทัศน์ ให้เข้านอนเลย

ผมมุดเข้าไปในมุ้ง ที่คุณยายกางไว้ให้ แต่พอล้มตัวลงนอน ก็นอนไม่หลับ เพราะเจ็บแผล และตอนนี้ ก็ปวดหนึบๆ มากขึ้นทุกที ผมนอนพลิกตัว กลับไปกลับมา หลายครั้ง จนคุณยาย ได้ยิน จึงพูดว่า "ตุ้มรีบนอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ จะตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ทัน" ผมตอบคุณยายไปว่า "ครับ" แล้วก็พยายาม ปิดตาแน่นๆ จะได้นอนหลับ แต่มันก็ ไม่ยอมหลับ เพราะปวดแผลมากขึ้นๆ ผมนึกว่า ถ้าได้ใส่ยาบ้าง มันก็คงจะดีขึ้น และไม่ปวดเท่านี้ แต่ในใจ ก็นึกกลัว ถ้าบอกคุณยาย ว่าถูกหมากัด คุณยายก็ต้องถาม จนรู้ความจริงว่า ผมเถลไถล แอบกลับทางลัดจนถูกหมากัด และก็คงจะต้องดุผม เอามากๆเลย ยิ่งคิด ยิ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปหา จนคุณยายได้ยินอีก คราวนี้คุณยาย ถามเสียงดังว่า "ตุ้มเป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่ยอมนอนหือ" มาคราวนี้ ผมทนปวดแผล ต่อไปไม่ไหวแล้ว เป็นไรเป็นกัน ก็เลยตอบ คุณยายไปว่า "ปวดขาครับ" คุณยายก็ถามว่า "ปวดขาเป็นอะไรฮึ" ผมตอบว่า "โดนหมากัดครับ" พอผมพูดจบเท่านั้น คุณยายมาถึงมุ้ง ของผมทันที แล้วถามว่าโดนกัดตรงไหน ผมเปิดแผลให้ดู แล้วคุณยาย รีบไปเอาน้ำยา มาล้างแผลให้ จนสะอาด แล้วใส่ยา คุณยายทำแผล ให้ผมอย่างดี ไม่ได้ดุผมสักคำ คุณยายคงรู้ว่า ผมกลัวโดนดุ ก็เลยไม่ยอมบอกว่า โดนหมากัด

วันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมา แผลที่ถูกหมากัด ก็ค่อยดีขึ้น หายเจ็บหายปวดไปมาก คุณยายบอกว่า "เดี๋ยววันนี้ตอนไปโรงเรียน คุณยายจะไปด้วย ไปดูว่า หมาของบ้านไหน ที่กัดเอา เพื่อว่าเกิดมันบ้าขึ้นมา เราจะได้รู้"

คุณยายเดินจูงผมมาตามทางเดิน มาได้ตั้งนาน เกือบถึงท้ายตลาด ก็ยังไม่ถึงซะที คุณยายก็ถามขึ้นว่า "บ้านไหน ที่หมากัดเอา" ผมตอบว่า "จำไม่ได้ครับ เพราะตอน ถูกหมากัด ผมไม่ได้เดินถนนนี้ ผมเดินทางลัด หลังบ้านเค้า" ผมต้องบอกความจริง และ พาคุณยาย เดินอ้อมกลับไป เข้าทางลัดหลังเรือนแถว พอเดินเข้าไปใกล้บ้าน ที่ถูกหมากัด ก็เห็นมีลูกหมา ๒ ตัว วิ่งออกมาจากบ้าน ตามมาด้วย เจ้าหมาใหญ่ ขนปุยสีดำ-ขาว ตัวนั้น ผมจำมันได้ดี แต่วันนี้ ตัวของมันก็ดูไม่ใหญ่ และหน้าตาของมัน ก็ดูไม่ดุร้าย เหมือนเมื่อวาน ผมหยุดเดิน และกระตุกแขนคุณยาย ให้รู้ว่า เป็นบ้านหลังนี้ และเป็นเจ้าหมา ตัวนี้แหละ ที่กัดผม คุณยายบอกว่า "บ้านหลังนี้ คุณยายรู้จัก" แล้วร้องเรียก เจ้าของบ้าน เจ้าของบ้าน เดินออกมา และถามคุณยายว่า "วันนี้มีธุระอะไร ถึงได้เดินมาถึงนี่ และทำไม ไม่เข้ามาทางหน้าบ้าน" คุณยายตอบว่า "เมื่อวานนี้ หลานชาย ถูกหมากัดเอา ก็เลยมาดูหน่อยว่า เป็นหมาของบ้านไหน" เจ้าของบ้าน พูดต่อว่า "ปกติแล้วเจ้าปุยมันเชื่อง ไม่เคยกัดใคร แต่ตอนนี้มันมีลูกอ่อน มันหวง ลูกของมัน ก็เลยดุหน่อย และที่มันกัด เพราะว่า เมื่อวานลูกหมา มันวิ่งออกไปหลังบ้าน และหลานลื้อคนนี้ วิ่งมาพอดี เกือบจะเหยียบ ลูกของมัน เจ้าปุยตกใจ กลัวลูกของมัน จะเป็นอันตราย ก็เลยวิ่งไล่ตาม ไปกัดเอา เจ้าปุย มันเป็นหมา ที่บ้านอั๊วเอง คงไม่เป็นบ้าหรอก แล้วจะคอยดูให้"

ผมกับคุณยายเดินจากมา เพื่อไปโรงเรียน ระหว่างทาง คุณยายก็ไม่ได้ดุ อะไรผม เพียงแต่พูด ให้รู้และจำได้ว่า คุณยายเคยบอก และเตือนแล้วว่า ให้รีบกลับบ้าน อย่าเถลไถล คงหมายถึง อย่าเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ หรือทางลัด ที่ไม่เคยไป และผมคงต้อง เชื่อผู้ใหญ่ ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเคยได้ยิน คนเขาพูดว่า "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด".

วันวาร ..เด็กชายตุ้ม "เจ้าปุย" ดอกหญ้า อันดับที่ ๙๗ หน้า ๗๔ - ๘๐