ดิฉันได้มีโอกาสไปส่งคนใหญ่คนโตเดินทางไปต่างประเทศ
ทำให้ได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นไม่เคยได้รับรู้ แล้วก็ตั้งคำถาม
กับตัวเองว่า หากเราไม่รู้จักธรรมะ เป็นปุถุชนธรรมดาๆ ที่อยากได้ใคร่มี
เราจะยินดีกับ 'อภิสิทธิ์' เหล่านี้ไหม ก็คงยินดี เพราะกว่าจะก้าว
มาถึงจุดนี้ ต้องฟันฝ่าอุปสรรค และใช้ความพยายาม อย่างมาก เพื่อจะได้เป็น
อภิสิทธิ์ชน แต่ภาพที่ดิฉันเห็น ที่สนามบิน ในวันนั้น กลับทำให้ดิฉัน
สลดใจอย่างมาก เมื่อคนๆหนึ่ง ได้ก้าวขึ้นสู่ การเป็นอภิสิทธิ์ชน
จะมีคนบางคน ที่ถูกริดรอนสิทธิ์ ของการเป็นสามัญชน แค่สิทธินั้นทุนก็แทบ
ไม่มี เพราะมันถูกซื้อ ด้วยเงิน และอำนาจ เราจะพูดได้เต็มปากเต็มคำหรือว่า
ความสะดวก สบายต่างๆ ที่เราได้รับ ไม่ได้มาจาก ความเดือดร้อน หัวปั่น
ของคนที่อยู่เบื้องล่าง คนที่ไม่มีสิทธิ อุทธรณ์ใดๆได้ แต่ก้มหน้ารับกรรม
ทำหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด เพราะถ้าผิดพลาด นั่นหมายถึง การถูกด่า
ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถูกตัดเงินเดือน และอื่นๆอีกมากมาย เขาก็เป็นคนอย่างเรา
เพียงแต่เขาอาจจะ ความรู้น้อยกว่าเรา ทุนทางการเงิน ด้อยกว่าเรา
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ศักดิ์ศรี ความเป็นคนของเขา จะน้อยไปกว่าเรา
เมื่อเรามีโอกาสดีกว่าเขา เราก็น่าจะเห็นใจเขา แทนที่จะข่มเหง และ
เอาเปรียบเขา
เหตุการณ์เช่นนี้
เกิดขึ้นทั่วๆไป ในสังคมที่เห็น 'เงิน' เป็นใหญ่ เอะอะอะไรก็ 'ใช้เงินฟาดหัวมัน'
จะนึกสักนิด ก็หาไม่ว่า เขาก็มีหัวใจ และเจ็บช้ำน้ำใจได้ เช่นเดียวกับเรา
หลายครั้ง ที่เห็นคนรวยๆ มีคนขับรถ เห็นพฤติกรรม ที่เขาทำ กับคนขับรถแล้ว
รู้สึกเห็นใจ คิดในใจว่า เกิดมาชาติใดๆ ขออย่าได้ต้องไปเป็น คนขับรถของใครเลย
เพราะเห็นแล้วว่า เขาต้องรองรับอารมณ์ ทุกรูปแบบของเจ้านาย บางทีลงที่ไหนไม่ได้
ก็มาลงที่คนขับรถ คนที่มีเจ้านายดี เห็นอกเห็นใจ ก็โชคดีไป คนที่เจอเจ้านาย
ปากร้าย มารยาททราม ก็ต้องทนไป บางคนแก่แล้ว ก็ต้องมาเอาใจ ลูกหลานเจ้านาย
ที่อายุคราวหลาน ซ้ำร้ายเด็ก ก็ยังพูดจาไม่ดี เพราะดูจากพ่อแม่ คนขับรถแก่ๆ
ก็ได้แต่อดทน
บางคนแต่งตัวสวยมาก
ใช้ข้าวของเครื่องใช้ ราคาแพง แต่คำพูดของเขา กับคนที่ต่ำกว่า ไม่น่าเชื่อว่า
จะมาจากปาก ที่เคลือบลิปสติก สีสวยอย่างดี อะไรหนอ ที่ทำให้ เขาเห็นคนไม่ใช่คน
การศึกษา การเลี้ยงดูของพ่อแม่ ฐานันดรศักดิ์ หรืออะไร