บ้านป่านาดอย
หน้าหนาวปีนี้มาไว ยังไม่ถึงเดือนธันวาก็หนาวแล้ว โดยเฉพาะที่สูงชันเชิงเขาเมืองกาญจน์ที่ผมอยู่
หนาวกว่ากรุงเทพฯ และ จังหวัดต่างๆ ในภาคกลางด้วยกัน
สิ่งที่ปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปีเมื่อถึงฤดูหนาว
คือเรี่ยไรซื้อผ้าห่มไปแจก น่าคิดว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นทุกปี การพักค้าง
ที่โรงเรียนผู้นำ ต้องใช้ผ้าห่มทุกคืน แม้ในหน้าร้อน นี่ใช้มากว่า ๖ ปีแล้ว
ยังไม่ต้องซื้อผ้าห่มอีกเลย
"เราคิดอะไร" เคยเปรียบเทียบ แนวคิดสองด้านของการช่วยสังคมระหว่าง "สังคมสงเคราะห์" กับ "การสร้างคน" แม้สังคมสงเคราะห์
เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำตาม ก็แต่ต้องเน้นการสร้างคน ให้คนยากจน พ้นอบายมุข
เป็นคนดี และมีงานทำ จะได้ไม่ต้องรอรับแจก ผ้าห่มทุกปี
ทุกรัฐบาลเวลาจะไปเจรจาความเมืองกับประเทศไหน
มักจะหนีบเอานักธุรกิจไปด้วย เพื่อช่วยกันหาเงินตรา เข้าประเทศ การไปญี่ปุ่น
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลเอาผู้นำชุมชนไปด้วยถึง ๑๕ คน เจาะลึกเรื่องที่ตรงกับนโยบาย
ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้ เช่นเรื่อง
๑ ตำบล ๑ ผลิตภัณฑ์ ดูงานที่จังหวัดโออิตะ และเมืองโอบายามาแล้ว จะเกิดกำลังใจ
ญี่ปุ่นทำได้ ไทยต้องทำได้
จะสำเร็จไหม คำตอบ ไม่ได้อยู่ที่ผลิตภัณฑ์
แต่อยู่ที่คน คนญี่ปุ่นเอาจริงเอาจังกับการทำงาน ขยัน จังหวัดโออิตะ ใช้เวลา
ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี ส่วนเมืองโอบายามา นานกว่านั้น
คนไทยชอบทำตามแบบไฟไหม้ฟาง
ดูรองเท้าแตะ ทำด้วยยางรถยนต์ ซึ่งรู้จักกันในนามของรองเท้า รพช. เป็นตัวอย่าง
นับได้ว่า เป็นโครงการ ทั้งประเทศ ๑ ผลิตภัณฑ์ ประสบผลสำเร็จ ทั้งการผลิตและการขาย
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมคนหนึ่ง ได้รับการ ชักชวน ให้ไปร่วมโฆษณารองเท้า รพช.ในงานกาชาด
ที่สวนอัมพร มีเท่าไรขายเกลี้ยง ถึงขนาดในวันหลังๆ ของงาน ใครมาซื้อ รองเท้ารพช.
ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า แล้วไปรับของอีกสองอาทิตย์ต่อจากนั้น
ทั้งทนทั้งถูก ใครๆ ชอบใช้
ผมใช้ต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่วันที่ไปช่วยโฆษณา น้องสาวผมสองคนไปญี่ปุ่น แทนที่จะใส่รองเท้าแพงๆ
ให้สมกับไปเมืองนอกทั้งที กลับใส่รองเท้า รพช.ทั้งไปและกลับ
วันนี้รองเท้ารพช.หายไปไหน
หาซื้อยากสิ้นดี เวลารองเท้าหายต้องไปซื้อที่ สวนสัตว์เลี้ยง ที่อื่นไม่มีขาย
ผู้จัดการสวน
สัตว์เลี้ยง เคยรับราชการ ที่จังหวัดจันทบุรี รู้ที่ทำรองเท้าขาย เลยซื้อมาเผยแพร่
เวลานี้ ใครแวะไปที่ร้านค้า สวนสัตว์เลี้ยง กาญจนบุรี เป็นต้องซื้อรองเท้า
รพช. "ทั้งประเทศ ๑ ผลิตภัณฑ์"
นอกจากมีลักษณะไฟไหม้ฟางแล้ว
ก็ไม่ช่วยกันจริง จัดงานขายสินค้าชุมชนเพียง ๗ วัน ๑๐ วันก็เลิก แต่ชาวชุมชน
ที่ทำโครงการ ๑ ผลิตภัณฑ์ ๑ ตำบล ต้องใช้ต้องกินอยู่ทุกวัน
นานๆ จะมีโอกาส ไปกระทบไหล่ดารา จึงไปขายที่ ศูนย์การค้า เสียที ก็วางขายได้
เฉพาะที่จอดรถเท่านั้น
กำลังจะเป็นโครงการไฟไหม้ฟางอีกเรื่องหนึ่งก็คือ
การสนับสนุนให้ชาวบ้านขึ้นรถไฟ ด้วยการจัดประชุม คณะรัฐมนตรีบนรถไฟ ที่กำลังวิ่ง
ใช้เวลาประชุม ๖ ชั่วโมงครึ่ง ประชุมกันเอิกเกริก ที่หลายคนสนใจ ต่อไปนี้
ถ้าไม่มีธุระด่วนจี๋ ก็ไม่จำเป็น ต้องนั่ง เครื่องบิน หันมาประหยัด โดยใช้รถไฟ
หรือรถยนต์ประจำทาง ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยประหยัดเงินได้มาก
ดร.สมศักดิ์ ครูคนหนึ่งของโรงเรียนผู้นำ
มีบ้านอยู่ที่ภูเก็ตเลิกขึ้นเครื่องบินแล้ว หันมาขึ้นรถประจำทาง ที่เรียกกันว่า
รถทัวร์ เพราะค่าเครื่องบิน แพงเป็นสี่เท่า
วันก่อน คุณณรงค์ โชควัฒนาไปสอนที่โรงเรียนผู้นำ
ซึ่งมีคณะนักศึกษาปริญญาโท และคณะผู้บริหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เข้ารับการอบรม
ได้เล่าถึงที่มา และชักชวน ให้เข้าร่วมโครงการ เครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น
ซึ่งครูโรงเรียนผู้นำคนนี้ เป็นบุคคลสำคัญ ที่ก่อตั้งเครือข่าย รวมประชาชน
จากที่ต่างๆ สู้กับการกอบโกยโกงกิน
รัฐบาลก็ทำท่าเอาจริงเอาจัง
เพราะเห็นแล้วว่า ถ้าเอาชนะสงครามนี้ สงครามกับการคดโกง หากเอาชนะไม่ได้
ก็กอบบ้าน กู้เมืองไม่ได้ นอกจากประกาศสงครามแล้ว ยังจัดให้มีการประชุม เชิงปฏิบัติการอีกด้วย
แม้จะลงมือทำทั้งฝ่ายรัฐบาล
และฝ่ายประชาชนก็ตาม ก็ไม่ง่ายที่จะชนะสงครามนี้ เมื่อปลายเดือน พฤศจิกายน
วุฒิสมาชิก ท่านหนึ่ง ได้ออกมาเปิดโปง การสมยอมกันโกงหลวง ที่เรียกว่าฮั้ว
โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ ๘ บริษัทร่วมมือ กับนักการเมือง ทำให้ชาติ ต้องเสียเงินถึง
๘๐๐ ล้านบาท
สมัยผมเป็นผู้ว่าฯ กทม. มีอยู่ครั้งหนึ่งจะป้องกันอย่างไรเกิดการฮั้วกันจนได้
เสนอราคาสร้างถนน แพงกว่าปรกติ โดยไม่มีคู่แข่ง ผมใช้วิธี ล้มการประกวดราคา
แล้วให้ทหารช่างทำแทน ได้ถนนคุณภาพดี และราคาถูกกว่ากันมาก แต่วิธีนี้ต้องนานๆ
ใช้ที ใช้บ่อยก็ไม่ได้
หลายคนได้ข่าวการโกงกินที่ไหนก็หงุดหงิด
หันมาดูสภาผู้ทรงเกียรติหงุดหงิดอีก เอาเงินภาษีอากร ไปจ้างให้มาเป็นส.ส.
ทำหน้าที่เข้าประชุม กลับไม่ประชุมเสียอีก แต่รับเงินเดือนเต็มที่ ขึ้นเครื่องบินฟรีไม่อั้น
การหนีประชุม ทำให้ผู้เข้าประชุม ไม่ครบจำนวน ต้องเลิกประชุมกลางคัน ทิ้งกฎหมายที่กำลังพิจารณาให้ค้างเติ่ง
ร่วมมือกันหนีประชุม ทั้งฝ่ายค้าน
และ ฝ่ายรัฐบาล การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ฝ่ายค้านมี
ส.ส. ทั้งหมด ๑๖๑ คน ขาดประชุม ๑๕๒ เหลืออยู่ในสภา ๙ คน ฝ่ายรัฐบาลจาก ส.ส.
๓๓๙ คน ขาดไป ๑๑๔ คน เหลือ ๒๒๕ คน จะครบองค์ประชุมครบจำนวนตามที่กำหนดต้องมี
ส.ส.ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด คือ ๒๕๐ คน แต่วันนั้นมีอยู่ในสภา ๒๓๔ คน จึงต้องเลิกประชุม
เรื่องนี้ตกหนักที่รัฐบาล
แม้คิดเฉลี่ยแล้ว จะขาดประชุมน้อยกว่าฝ่ายค้านก็ตาม เพราะฝ่ายรัฐบาลมีส.ส.ทั้งหมดถึง
๓๓๙ คน เกินครึ่งหนึ่งของสภา นายกฯทักษิณหัวเสีย ประกาศว่า "ถ้าไม่อยากเข้าร่วมประชุมสภา
ก็ไม่ควรมาเป็นนักการเมือง"
การประชุมสภาผู้แทน ที่แล้วๆ
มา ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ถ้ามีการนับจำนวนผู้เข้าประชุม จะเหลือไม่ถึงครึ่ง
เกือบทุกครั้ง การเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องเลือกกันให้ดีกว่า ที่แล้วๆ มา
ถามผู้สมัครตรงๆ ว่าได้เป็น ส.ส.แล้ว จะหนีการประชุมไหม
เรื่องที่ยืนยันว่าในอดีตใครพูดจริงใครพูดไม่จริง
ก็คือการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจให้ประชาชน รัฐบาลที่แล้ว พยายามจะขาย ให้ต่างชาติ
พวกเราที่ออกมาคัดค้าน ได้ส่งคำถามไปว่า ทำไมไม่ขายให้คนไทย รัฐบาลตอบว่า
คนไทยไม่มีอำนาจซื้อ เราเถียงว่ามี ขออย่างเดียว อย่าเอาออกมาขายพร้อมกัน
ทั้งหุ้นของบางจาก ปตท.การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การบินไทย ทยอยออกมา ขายทีละอย่าง
คนไทยซื้อได้แน่
ทุกครั้งที่มีผู้บริหารการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตเข้าไปเรียนที่โรงเรียนผู้นำ ผมจะตั้งคำถามเสมอว่า จำได้ไหม การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ขายหุ้นโรงไฟฟ้าราชบุรี ให้คนไทยคราวที่แล้ว ขายหมดภายในเวลาเท่าไหร่ คำตอบที่ถูกต้องคือ
๑๗ นาที ๓๓ วินาที นับเป็น ประวัติการณ์ ของการขายหุ้น
ปลายเดือนพฤศจิกายนถูกลบสถิติ
ด้วยการขายหุ้นของ ปตท. การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย แบ่งขายให้คนไทยหมด ในเวลา
๑ นาที ๗ วินาทีเท่านั้นเอง
ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง
ผมอยู่บ้านป่า อยู่กับวัวกับควาย
เห็นวัวเห็นควายทุกวัน เมื่อได้ยินใครกล่าวถึงเรื่องนี้ เป็นหูผึ่งอยากทราบ
กำลังวิตกกังวลกันว่าควายไทยจะสูญพันธุ์
ที่จะสูญไม่ใช่เป็นเพราะควายไม่แพร่พันธุ์ ควายที่โรงเรียนผู้นำตกลูกทุกปี
ควายอ้วนไม่สังเกตให้ดี ก็ไม่รู้ว่าท้อง เผลอๆ ตกลูกอีกแล้ว ตัวที่ออกมาหลังสุด
อายุประมาณ ๑ เดือน
ควายสูญพันธุ์ เพราะควายมีไม่พอกิน
ถ้าไม่อยากให้สูญก็ไม่ยาก เลิกกินเนื้อควายเสีย คนโบราณ สอนนักสอนหนาว่า
วัวควาย มีบุญคุณ อย่าไปกินเขา คนรุ่นหลังๆ ไม่ถือเป็นเรื่องบุญคุณ คำว่าบุญคุณ
คำว่าน้ำใจ กำลังจะสูญสลาย ไปจาก สังคมไทย น่าเสียดาย
ท่านอาจารย์พุทธทาสเทศน์เรื่องนี้ไว้ละเอียดว่า
นอกจากจะต้องนึกถึงบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่ ญาติผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า
เจ้าแผ่นดินประเทศชาติแล้วต้องนึกถึงบุญคุณของป่าไม้ แม่น้ำ ลำคลอง และสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย
ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของชาวนาจังหวัด
อยุธยาคนหนึ่ง แล้วไม่สบายใจ "ไม่รู้สึกเสียดายถ้าควายสูญหายไปจากทุ่งนาไทย
เพราะไม่ต้องใช้ควายอีกแล้ว มีรถไถ เข้ามาแทน ซึ่งชาวนาชอบมากกว่าควาย"
ทุ่งนาถ้าขาดควายก็เหมือนไม่ใช่ทุ่งนา แม้จะไม่ใช้ไถนา ถ้าทำได้ ก็น่าจะเลี้ยงไว้บ้าง
เพื่อนึกถึงอดีต นึกถึงบุญคุณที่ควายเคยมีต่อชาวนาไทย
พูดถึงชาวไร่ชาวนา ผมยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า
ถ้าแก้ไขความยากจนข้นแค้นของชาวไร่ชาวนาไม่ได้ทันท่วงที บ้านเมืองเรา พังแน่
และการแก้ไขก็มีสูตรตายตัวคือ ชาวไร่ชาวนาต้องปรับวิถีชีวิตตนและครอบครัว
ใช้จ่ายเกินตัว และปรับวิธี การทำไร่ ทำนาเสียใหม่ ลดการใช้สารเคมี ปลูกพืชหลายๆ
อย่างๆ ไม่เอาชีวิตไปฝากไว้กับพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง ทำให้พอกินก่อน เมื่อมีเหลือ
ก็ขาย
ด้วยการยืนหยัดยืนยันและแม่นในวิธีแก้ปัญหานี้
ธนาคาร ธกส. เลยขอให้คณะเราซึ่งมีเครือข่ายอยู่ในบางจังหวัด ช่วยฝึกอบรม
เกษตรกรพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐบาล
โรงเรียนผู้นำก็เป็นศูนย์ฝึกแห่งหนึ่ง
ซึ่งจะต้องรับภาระเรื่องนี้ด้วย แม้งานจะมีอยู่เต็มมือ ในการฝึกอบรมผู้นำก็ตาม
บ้านที่มีอยู่ ขณะนี้เกือบ ๕๐ หลัง ไม่พอแน่ๆ ถ้าจะสร้างเพิ่มต้องใช้เงินอีกเป็นล้าน
จะเอาเงินที่ไหน จึงประชุมปรึกษาหารือกัน ซื้อเต็นท์ดีกว่า เต็นท์หลังเล็กๆ
มีให้ครบทุกคน
ฝึกให้นอนในที่แคบๆ
เพื่อให้เหมาะกับบ้านหลังสุดท้ายในชีวิตของทุกคน
ติดดินจริงๆ ชาวไร่ชาวนานอนเต็นท์
เก๋ไปอีกแบบ
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๓๗ ธันวาคม ๒๕๔๔) |