หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

บ้านป่านาดอย โดยจำลอง ศรีเมือง


เมื่อเร็วๆ นี้ ผมพบอดีตปลัดกระทรวง คนหนึ่ง เมื่อคุยถึงเรื่องบ้านเรื่องเมืองท่านรีบออกตัวทันทีว่า ไม่สนใจแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยว อยากจะเข้าวัด ท่าเดียว ผมต่อว่า ว่าทำอย่างนั้นได้อย่างไร

ถ้าอายุมากจนทำอะไรไม่ใคร่ไหวหรือมีโรคภัยร้ายแรงคอยเบียดเบียนก็ไปอย่างหนึ่ง นี่เพิ่งเกษียณอายุราชการหยกๆ ร่างกาย ก็สมบูรณ์ แข็งแรงดี เถียงกับผมเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง เถียงสู้ผมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแนวความคิด

ผู้ที่ช่วยกันต่อต้านไม่ให้รัฐบาลที่แล้วขายหุ้นบริษัทบางจากให้ต่างชาติเมื่อสามปีก่อนกลุ่มหนึ่ง เป็นตัวแทน ของหลายชมรม ประชุม ปรึกษาหารือกันว่า รัฐบาลใหม่ซึ่งยืนยันเสมอๆ ว่า ใหม่ทั้งความคิด ใหม่ทั้งการกระทำ ๑ ปีผ่านไป ยังไม่ได้ คิดใหม่ ทำใหม่ เรื่องบางจากเลย จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ชื่อ "คณะกรรมการ ส่งเสริมบางจาก เพื่อชุมชน" ให้ผม เป็นประธาน ในฐานะ อายุมาก และติดตามเรื่องนี้มามาก

เป็นคณะกรรมการที่มีหน้าที่ทำงานอย่างเดียว ไม่ได้เงินเบี้ยประชุมไม่ได้อะไรสักอย่าง ถูกต้องตามชื่อหนังสือ "เราคิดอะไร" ฉบับนี้ "เงินมิใช่ทรัพย์ของคน กรรมต่างหากคือทรัพย์แท้" มีกรรมการ ๖ คนเท่านั้นเอง คุณ ณรงค์ โชควัฒนา, ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์, ดร.วุฒิชัย นีรนาทวงศ์, ดร.เย็นใจ เลาหะวนิช , ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ และ ผม

คณะกรรมการพบเรื่องที่น่าเป็นห่วง ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างที่แล้วๆ มา บริษัทบางจากจะต้องปิดกิจการ ในปีหน้า อย่างแน่นอน จึงนัดพากัน ไปเรียนให้ผู้ใหญ่ ในบ้านเมืองทราบ ๒ ท่าน คือ ท่านประธานองคมนตรี ในฐานะ ที่เป็นปูชนียบุคคล โอนบางจาก มาเป็นของคนไทย (เมื่อปี ๒๕๒๘) และท่านนายกรัฐมนตรี

ประเทศอาร์เยนตินาล้มละลายได้ไม่นาน นักต่อสู้เพื่อสังคม ๒ ท่าน คือ ดร. นิติภูมิ นวรัตน์ และคุณอมรินทร์ คอมันตร์ ได้เดินทาง ไปดูความชุลมุนวุ่นวาย ของประเทศนั้นด้วยตัวเอง แล้วกลับมาเล่าให้บางคนบางกลุ่มฟัง

คณะกรรมการส่งเสริมบางจากเพื่อชุมชนเห็นว่าการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เรื่องบางจาก เรื่องเดียวนั้น น้อยเกินไป เล็กเกินไป ไหนๆ นายกฯ ก็เสียสละฟังพวกเราแล้ว จึงน่าจะเพิ่มเรื่องบทเรียน จากอาร์เยนตินาเข้าไปด้วย

ก่อนพบ นายกฯ นอกจากคณะกรรมการ จะเชิญคุณอัมรินทร์ ประชุมแล้ว เรายังได้ขอรายละเอียด จากกระทรวง การต่างประเทศ มาพิจารณาประกอบอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยง "การฟังความข้างเดียว" ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นายกฯ ได้ฟังเรื่อง บางจาก และอาร์เยนตินาจนหูชา (แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้นายกฯ หูตึงอย่างแน่นอน)

ผมขอให้คุณอมรินทร์ ช่วยเขียนบทความ สั้นๆ ให้ และนึกถึงสมาชิก "เราคิดอะไร" ว่า หลายท่านคงไม่มีโอกาสฟัง คุณนิติภูมิ และ คุณอมรินทร์ พูดเรื่องอาร์เยนตินา จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อ คุณอัมรินทร์ติดงานอื่น แต่ก็ส่ง บทความ ถึงผมทัน "เราคิดอะไร" ฉบับนี้พอดี


บทเรียนจากประเทศอาร์เยนตินา โดย อมรินทร์ คอมันตร์
ประเทศอาร์เยนตินา มีเนื้อที่เท่ากับประเทศอินเดีย ในขณะที่ประเทศอินเดียมีประชากรพันกว่าล้านคน ประเทศ อาร์เยนตินา มีประชากรแค่ ๓๗ ล้านคน มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน แกŠส และแผ่นดินที่สมบูรณ์

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเทศอาร์เยนตินาเคยเป็น ๑ ใน ๑๐ ของประเทศ ที่ประสบความสำเร็จ ทางด้าน อุตสาหกรรม และ การเกษตร แทบไม่มีหนี้สินใดๆ กับต่างประเทศ

มาบัดนี้ประเทศอาร์เยนตินาประสบความหายนะ ล้มละลาย ประชาชนยากจนถึง ๒๗ ล้านคน คนนับล้านไร้ที่อยู่ ที่ทำกิน ทั้งนี้สาเหตุ ที่สำคัญๆ มาจากการที่นักการเมืองใช้เงินซื้อเสียง ซื้อตัวนักการเมือง ใช้นโยบาย หลอกลวง ประชาชน พอได้อำนาจ ขึ้นมา บริหารประเทศ ก็หาทางกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง และพรรคพวก ด้วยวิธี การต่างๆ เช่น การเอาแผ่นดิน ไปขาย ให้ต่างชาติ เอารัฐวิสาหกิจมาแปรเป็นหุ้นปั่นเงินเข้ากระเป๋า แล้วนำออก ไปขายต่างชาติ แทบหมดสิ้น กู้เงินจาก องค์การ ต่างประเทศ เช่น IMF เพื่อนำไปลงทุน ในโครงการใหญ่ๆ เช่น สนามบิน ถนน ฯลฯ เพื่อที่จะสามารถ แสวงหา ค่าคอมมิชั่น จากโครงการดังกล่าวได้

การขายรัฐวิสาหกิจของอาร์เยนตินา ได้ทำกันอย่างแนบเนียน เมื่อประมาณสิบปีที่แล้วมา รัฐบาลชุดนายอัลฟองชิน ได้พยายาม ผลักดัน กฎหมายขายแผ่นดิน ขายรัฐวิสาหกิจและการทำมาหากินให้แก่ต่างชาติ ผู้นำฝ่ายค้าน ยุคนายเมเนน ได้คัดค้าน แนวทาง ดังกล่าว จนการเลือกตั้งครั้งต่อมา ได้ใช้ทั้งเงินซื้อเสียง กับกระแส จาก ประชาชน ได้นายเมเนนเป็นประธานาธิบดี ต่อมา รัฐบาล ของนายเมเนน ทรยศต่อประชาชน จนขายแผ่นดิน ในชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี ต่างชาติเข้ามาครองเกือบ ๔๐% ของประเทศ คนในชาติ นับล้านๆ ไร้ที่อยู่ที่ทำกิน ขายรัฐ วิสาหกิจ จนแทบจะไม่มี สมบัติของชาติเหลือ ให้ทุนต่างชาติมาทำลายทุน ในชาติ จนคนชั้นกลาง ของประเทศ กลายเป็นคนยากจนเกือบหมด

หลังจากที่กระแสตื่นตัวของประชาชนที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับความหายนะของอาร์เยนตินา เริ่มมีมากขึ้นๆ ผู้บริหารประเทศ ขณะนี้บางคนได้ออกมาโวยวายว่า "อย่าพูดเรื่องอาร์เยนตินา ประเทศไทยไม่มีทางเป็น อย่างอาร์เยนตินา ใครที่พูดเรื่อง อาร์เยนตินา ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกแก่ประชาชน จะสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน" และยังกล่าวต่อไปอีกว่า "ถ้าไม่ขาย รัฐวิสาหกิจ จะทำให้ประเทศล่มจม อย่างประเทศอาร์เยนตินา"

ความจริงแล้ว การที่มีบุคคลหลายกลุ่มหลายเหล่าขณะนี้ออกมาพูดเกี่ยวกับอาร์เยนตินา ซึ่งการพูดดังกล่าว มักจะพูด ตามสโมสร หรือตามสถานที่จัดอภิปราย เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นจริงแก่ประชาชนเพราะสื่อโทรทัศน์ของรัฐ ไม่มีใครกล้าเชิญ บุคคล เหล่านี้มาพูด เพราะกลัวรัฐบาล ทุกคนเขาเอาเรื่อง อาร์เยนตินามาพูด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ที่จะป้องกันแก้ไข ไม่ให้ประเทศไทย ประสบความหายนะ เหมือนอย่างอาร์เยนตินา เขาไม่ได้พูด เพื่อที่จะให้ ประเทศไทย ประสบความหายนะ เหมือนอาร์เยนตินา

แน่นอน ต้องมีผู้บริหารประเทศและนักการเมืองเลวๆ บางคนต‰องไม่ชอบได้ยินเรื่องอาร์เยนตินา และไม่อยาก ให้ประชาชน ได้รู้เรื่องอาร์เยนตินา เพราะมันทำให้พวกเหล่านั้นเสียผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่จะแปรรูป รัฐวิสาหกิจ ด้วยการขาย ในตลาด หลักทรัพย์ หรือเอาออกมาขายให้แก่ประชาชน

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอาร์เยนตินา ผู้บริหารประเทศ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องและนักการเมืองบางคน จะได้รับ ผลประโยชน์ อย่างมหาศาล ตั้งแต่การแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษา รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง จะต้องตั้งบริษัทที่ปรึกษา ไม่น้อยกว่า ๒-๓ บริษัท และ ต้องใช้เงิน นับร้อยนับพันล้านเปโซ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีโอกาส ที่จะได้รับส่วนบุญ จากบริษัทที่ปรึกษา มากน้อยแล้วแต่ จะตกลงกัน แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ผู้บริหารประเทศ ผู้ใกล้ชิด ญาติพี่น้อง จะร่วมมือกันปั่นหุ้น ร่วมกับบริษัทปั่นหุ้น ต่างชาติ กวาดเงิน เข้ากระเป๋าพวกตัวเองอย่างมหาศาล เพราะคนเหล่านี้ จะรู้ข้อมูล และสามารถใช้สื่อ ที่เป็นของตน คอยประกาศ ออกข่าว ยั่วยุให้หุ้นขึ้นหรือลง ให้ประชาชน ได้ตลอดเวลา

ก่อนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ผู้บริหาร ประเทศจะส่งคนของตัวเองเข้าไปคุมคณะกรรมการ และ ฝ่ายบริหารของ รัฐวิสาหกิจนั้น คนเหล่านี้ ภาพในสาธารณะดูเผินๆ น่าเชื่อถือ บางคนจบดอกเตอร์ บางคนเป็นนักบริหารอาชีพ ที่คนรู้จัก พอสมควร นโยบาย ที่คนเหล่านี้ ได้รับจากรัฐมนตรี เจ้านายของตนคือ

ข้อแรก ต้องพยายามให้ประชาชนเอือมระอาระบบการทำงานพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่น คอยออกข่าวว่า รัฐวิสาหกิจ นั้นๆ มีการโกงกิน มีอภิสิทธิ์ การทำงานขาดสมรรถภาพ พนักงานล้นงานฯลฯ

ข้อที่สอง สร้างความแตกแยกขึ้นในรัฐวิสาหกิจ มีการจัดระบบจัดการแผนกต่างๆ ให้เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้น แก่กัน เพื่อเป็น การตัดทอนกำลัง ของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และเมื่อมีโอกาส ก็จะเอาหน่วยงานอิสระ ที่เป็นชิ้นเนื้อ ปลามัน ออกมาขาย ได้อย่างสะดวก ปราศจากการขัดขวาง

ข้อที่สาม หากมีการต่อต้านขึ้น ผู้บริหารประเทศและข้าราชการ ตลอดจนนักการเมืองบางคน จะซื้อตัวผู้ที่ ออกมา คัดค้าน การขาย รัฐวิสาหกิจด้วยการใช้เงิน ก้อนโต หรือไม่ก็ให้เป็นหุ้นคนละ ๕-๑๐% เพื่อปิดปากพนักงาน และ ผู้คัดค้าน

ข้อที่สี่ ในระยะแรกมักจะสร้างความเอือมระอาจากประชาชน เพื่อที่เมื่อแปรรูปรัฐวิสาหกิจใหม่ๆ ราคาหุ้นจะได้ต่ำ หลังจาก ที่ตนเอง เครือญาติและพรรคพวก ใช้อภิสิทธิ์กว้านซื้อหุ้นไว้แล้ว ก็จะเอาเงินของรัฐมาโหม โฆษณา เพื่อให้หุ้นขึ้น แล้วพวกตัวเอง ก็จะเอาออกมาทุ่มขาย ได้กำไรเข้ากระเป๋า จะทำอย่างนี้อยู่ ๓-๔ รอบ จนหุ้นต่างๆ ตกอยู่ในมือ คนต่างชาติ เป็นส่วนใหญ่

ข้อที่ห้า ผู้บริหารประเทศจะชักชวนบริษัทปั่นหุ้นต่างชาติเข้ามาร่วมกันปั่นหุ้นรัฐวิสาหกิจ บางครั้ง มีการเอาเงิน จากภาษีอากร ของประชาชน ไปร่วมทุนกับต่างชาติ สบคบกันเพื่อมาปั่นหุ้นหลอกคนในชาติ

ข้อที่หก เมื่อมีผู้คัดค้านการขายรัฐวิสาหกิจมากขึ้น ผู้บริหารประเทศและทางการจะออกมาบอกว่า จะไม่ขาย แต่จะเอาเข้า ตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็จะบอกว่าจะแบ่งขายไม่กี่เปอร์เซ็นต์ รัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่ไว้ไม่น่าเป็นห่วง หุ้นที่ขาย จะขายให้แก่ คนในชาติ เป็นหลัก ค่อยแอบเอาออกมาขาย พอสุดท้ายกิจการรัฐวิสาหกิจต่างๆ ตกไปอยู่ ในมือของต่างชาติ เกือบหมด

ข้อสำคัญประการหนึ่งก็คือ ผู้บริหารประเทศและทางการ มักจะหลอกลวงประชาชน และ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ดังนี้

ข้อหนึ่ง เป็นการเพิ่มมูลค่าของรัฐวิสาหกิจ แปรเป็นหุ้น หุ‰นละ ๕ เปโซ วันข้างหน้าจะมีมูลค่าเป็น ๕๐๐ เปโซ อย่างนี้ ไม่ชอบหรือ เขาจะไม่บอกว่า วันหนึ่งมันจะเหลือ ๑ เปโซ ก็เป็นได้แน่

ข้อสอง พนักงานรัฐวิสาหกิจจะไม่มีวันถูกให้ออก แต่ตามข้อเท็จจริง เมื่อแปรรูปแล้ว พนักงานรัฐวิสาหกิจ ถูกให้ออก บางแห่ง มากกว่า ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราว่างงานของคนอาร์เยนตินาสูงถึง ประมาณ ๓๐%

ข้อสาม หลอกลวงประชาชนว่า เมื่อแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วค่าบริการสาธารณูปโภค เช่น น้ำ ไฟ โทรศัพท์ ทางด่วน จะถูกลง แต่เมื่อแปรแล้ว ปรากฏว่าราคาค่าบริการ สูงขึ้นมากมาย

ข้อสี่ หลอกลวงประชาชนว่า แปรรูปแล้วบริการจะดีขึ้น ผลปรากฏว่า เมื่อแปรรูปแล้ว บริการต่างๆ เลวลงกว่าเก่า เพราะเอกชน ต้องการที่ จะเอากำไรเป็นหลัก ด้วยการลดต้นทุน ทุกวันนี้บริการต่างๆ ด้านสาธารณูปโภค ของ อาร์เยนตินา จึงแย่ไปทุกสาขา

ข้อห้า เวลาพนักงานสหภาพรัฐวิสาหกิจ ออกมาคัดค้านการแปรรูป รัฐบาลจะป้ายสี ว่าพนักงานเหล่านั้น ทำเพื่อ รักษา ผลประโยชน์ ของตนเอง ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่แล้ว เขาทำเพื่อไม่ให้ผู้บริหารประเทศ มาปู้ยี่ปู้ยำ กับทรัพย์ สมบัติ ของประเทศชาติ และประชาชน

ข้อหก รัฐบาลได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินมหาศาลจะทำป้ายโฆษณาหลอกลวงประชาชน ตามทางด่วน ให้เงิน โฆษณา ทางโทรทัศน์ และวิทยุ เพื่อหลอกลวงประชาชน ถึงผลดี ที่จะได้จากการแปรรูป

อาร์เยนตินาแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาเป็นหุ้น จนตกอยู่ในมือต่างชาติและคนบางกลุ่ม ที่สำคัญที่สุด คือรายได้ จากรัฐวิสาหกิจ ที่เคยตกแก่รัฐ และนำมาสร้างความอยู่ดีกินดีแก่คนในชาติกลับไหลออก ไปต่างประเทศ เหมือนกับเลือด ที่ไหลออก จากร่างกาย ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการขึ้นค่าบริการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ แต่ละอย่าง ต่างชาติ ปีหนึ่งนำเงินออก จากประเทศ อาร์เยนตินา นับแสนๆ ล้านเปโซ ทุกวันนี้น้ำประปาในอาเยนตินา แพงกว่า น้ำประปาในยุโรป ทั้งๆ ที่อาร์เยนตินา ๓๗ ล้านคน มีคนจนติดดิน ถึง ๒๕ ล้านคน

เมื่อเห็นว่ารัฐวิสาหกิจมีการโกงกิน มีการจัดการไม่ดี ทำไมไม่กำจัดการโกงกิน ทำไมไม่ปรับปรุงการบริหารให้ดี และที่สำคัญ รัฐวิสาหกิจ มันเป็นของคนในชาติทุกคนอยู่แล้ว แล้วจะมาหลอกว่า จะขายให้แก่คนในชาติ เท่านั้น ก็เท่ากับ เป็นการแบ่งแยก โอกาส และฐานะทางการเงิน ของคนในชาติ อีกประการหนึ่ง ไม่ใช่เพราะ นักการเมือง และ พรรคพวกหรอก หรือ ที่เป็นส่วน สำคัญหนึ่ง ไปสร้างเครือข่ายโกงกินกัน ตลอดจนเล่นพวก ในรัฐวิสาหกิจ

การขายรัฐวิสาหกิจของอาร์เยนตินา เป็นสาเหตุหนึ่งของความหายนะของชาติ และประชาชน ประชาชน จะกินน้ำ ใช้น้ำ ก็ต้องซื้อ จากอังกฤษ จะใช้ไฟก็ต้องซื้อ จากฝรั่งเศส สหรัฐฯ จะใช้สายการบินก็ต้องซื้อตั๋ว จากประเทศ สเปน ทั้งๆ ที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสมบัติ ของคนทั้งชาติ เคยมีเคยใช้เป็นสมบัติของตัว มาวันหนึ่ง พวกผู้บริหาร ประเทศ ข้าราชการและนักการเมืองชั่วๆ เอาออกมา แปรรูป แทนที่ จะคิดปรับปรุงให้ดี แล้วเก็บไว้ เป็นสมบัติ ของคนทั้งชาติ

เคยกล่าวไว้เสมอว่า ประเทศไทย ไม่เพียงแต่ จะกินยา เม็ดเดียว กับที่ ไอเอ็มเอฟ เคยให้อาร์เยนตินากิน แต่แนวทาง และหลักการ การแก้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของอาร์เยนตินานั้น ประเทศไทย ลอกมาใช้ แทบทุกอย่าง และที่สำคัญก็คือ นักการเมืองอาร์เยนตินา ใช้เงิน ซื้อเสียง ในการเลือกตั้ง เมื่อได้อำนาจ เขาก็กอบโกย ผลประโยชน์คืน ด้วยการขายรัฐวิสาหกิจ จนประเทศ ป่นปี้

ทางรอดของประเทศไทยที่จะไม่เป็นอย่างอาร์เยนตินามีอยู่ทางเดียว คือ อย่าให้ผู้บริหารประเทศ ข้าราชการ นักการเมือง ทำตามอย่างอาร์เยนตินา หยุดขายแผ่นดิน ขายรัฐวิสาหกิจ ขายการทำกิน ฯลฯ ให้ต่างชาติ และ มีประชาชนเท่านั้น ที่จะตื่น ขึ้นมา แล้วตะโกน ห้ามคนเหล่านั้นได้ หรือจะคอยให้หายนะเสียก่อน แล้วค่อย มาตะโกน ตามท้องถนน อย่างคน อาร์เยนตินา ทำอยู่ในขณะนี้

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕)