บ้านป่า
นาดอย
โดย... จำลอง
หลังสงกรานต์มีฝนหลงฤดูหลงมาเป็นระยะๆ
พืชพันธุ์ไม้ทั้งข้างล่างและที่อยู่บนภูเขาโดยรอบเขียวชอุ่มเหมือนหน้าฝน
คนมือบอนจุดไฟเผาป่าจุดเท่าไรก็ไม่ติด เพราะใบแห้งที่ร่วงหล่นอุ้มความชุ่มชื้นสะสมเอาไว้
นก กระรอก ไก่ป่า ส่ง เสียงร้องกันเซ็งแซ่ ดีใจที่ได้ฝน
คนกรุงที่มีความจำเป็นต้องกระจุกตัวเองอยู่ในเมือง
น่าจะหาโอกาสกระจายไปสัมผัสบ้านป่านาดอยเสียบ้าง จะหาย คลายเครียดลงได้มาก
การรักษาตัวให้มีสุขภาพดีตลอดนั้นอากาศเป็นเรื่องสำคัญมาก
อาหารก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมและนัก ปฏิบัติธรรมกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า
"ชาวอโศก" เผยแพร่อาหารมังสวิรัติมากว่า ๒๐ ปีแล้ว เปิดร้านอาหาร
มังสวิรัติเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ขายบนศูนย์การค้า และตามย่านชุมชนทั่วไป
เมื่อกลางเดือนเมษายน ร้านมังสวิรัติที่อยู่ใน
"บ้านสวนไผ่สุขภาพ" (ริมถนนพหลโยธิน ติดธนาคารทหารไทย
สาขา สนามเป้า) มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เพราะหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงทั้งรูปและบทความเผยแพร่ให้ผู้อ่าน
ทราบว่า อาหารจานเด็ดมีอะไรบ้าง อร่อยๆ ทั้งนั้น ขายในห้องปรับอากาศ
ราคาไม่แพง ที่จอดรถเหลือเฟือ ใครต่อใคร จึงพากันไปอุดหนุนอย่างคับคั่ง
แม้จะขยายร้านออกไปแล้วก็ยังไม่พอต้อนรับลูกค้าอยู่ดี
พลเอกโอภาส โพธิแพทย์ ท่านเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นก่อนผม
๕ ปี เขียนเกี่ยวกับอาหารการกินลงในหนังสือพิมพ์ มานานแล้ว ผู้ที่ติดตามข้อเขียนของท่านมีจำนวนมากมายทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัด
วันนั้นท่านเกริ่นกล่าวเรื่องในอดีต
สมัยเป็นผู้บังคับกองทัพทหารปืนใหญ่ที่เชียงใหม่ นายทหารในกองพันของท่าน
คนหนึ่ง เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับผม สนิทกันมาก ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน
ผมกับคุณศิริลักษณ์ไปเที่ยว เชียงใหม่ เลยแวะไปเยี่ยม พลเอกโอภาสท่านกำลังเตรียมขบวนออกท่องป่าภาคเหนือ
เราเลยขอติดไปด้วย
เวลาผ่านมาห้าสิบกว่าปีผมยังไม่ลืมการท่องป่าคราวนั้น
ถนนไม่มี มีแต่ทางเกวียนที่เต็มไปด้วยหลุมใหญ่ๆ ลึกๆ เคล็ดขัดยอกไปทั้งตัวตลอดเวลาของการท่องเที่ยว
ถัดจากเล่าเรื่องความหลัง พลเอกโอภาส
ก็เล่าให้ผู้ฟังทราบว่าท่านได้ไปพบร้านอาหารบ้านสวนไผ่สุขภาพโดย
บังเอิญ เข้าไปในร้านได้ลองลิ้มชิมรสอาหารมังสวิรัติแล้วก็ติดใจ ต้องไปใหม่พร้อมกับกล้องถ่ายภาพ
เมื่อมาทราบ ภายหลังว่าผมกับคุณศิริลักษณ์เป็นตัวตั้งตัวตีอยู่ด้วยท่านยิ่งดีใจ
ตอนที่ผมเป็นนักเรียนนายร้อยปีหนึ่ง
ท่านอยู่ปีห้า ท่านและเพื่อนร่วมรุ่นปกครองผมมา ผมต้องไปทำเวรปัดกวาด
เช็ดถูใต้เตียงนอนท่านทุกเช้า ท่านเรียกชื่อเล่นๆของผมว่า "ตาจ๋ำ"
ตามเพื่อนๆ ผม
เวลาผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว ผู้ที่ติดตามอ่านเรื่องของท่านยังไปร้านมังสวิรัติคับคั่งมิได้ขาด
ผมเองไม่ได้พบท่าน หลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่รายการ "ท่องเที่ยวทรมาน"
คราวนั้นแล้วยังไม่เคยพบท่านอีกเลย พอทราบเรื่องผมรีบ โทรศัพท์ไปขอบคุณท่าน
แม่ครัวทั้งหลายที่ร้านอาหารมังสวิรัติ
บ้านสวนไผ่สุขภาพ ตัดพ้อต่อว่า ว่าก่อนเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์น่าจะ
กระซิบให้ทราบก่อน เพื่อเตรียมทำอาหารเป็นพิเศษให้มากกว่าปรกติ
ปลายเดือนเมษายน หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นก็ลงข่าวเกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติอีก
มีผมร่วมเป็นข่าวอยู่ด้วย ใครอ่านก็อด ห่วงใย ส.ส.ศันสนีย์นาคพงษ์
ไม่ได้ ส.ส.ที่ประชาชนหลายคนนิยมชมชอบ กำลังจะแย่ เพราะไปกินอาหารตามอย่าง
อดีตหัวหน้าพรรค คือตามอย่างผม ขาดอาหารผิวเหลืองไปทั้งตัว
ผมรีบโทรศัพท์ไต่ถามทันที คุณศันสนีย์ยืนยันว่าร่างกายยังแข็งแรงอยู่
มือไม้เหลืองจริง เหลืองมานานแล้วเพราะรับ ประทานมะละกอมาก ระยะหลังๆ
เกลียดเนื้อสัตว์ หันมากินอาหารมังสวิรัติบริสุทธิ์บ้าง กินแบบเจเขี่ยบ้าง
เมื่อไปตรวจโรค หมอพบว่าร่างกายขาดธาตุเหล็ก
และหมอก็ยืนยันว่ากินมังสวิรัติต่อไปได้โดยไปเพิ่มผักสีเขียวให้ มากขึ้น
คุณศันสนีย์เล่าว่าเมื่อผู้สื่อข่าวที่สนิทกันทราบ ก็เอาไปเขียนโยงกับผมให้สนุกๆ
เท่านั้นเอง
ผมรีบให้คนนามสกุลเดียวกับผมที่ร่ำเรียนเรื่องอาหารและยามาช่วยโทรศัพท์ให้คำแนะนำคุณศันสนีย์
เพื่อจะได้ยืน หยัดกินมังสวิรัติต่อไป คุณศิริลักษณ์เคยทดลองให้ผมดู
เอามะเขือพวงสดๆ มาทอดในกระทะ ประเดี๋ยวเดียวก็มี สีดำออกมา พิสูจน์ให้เห็นว่าเต็มไปด้วยธาตุเหล็กมากมาย
เมื่อต้นเดือนเมษายน คุณหมอกระแส
ชนะวงศ์ไปสอนที่ โรงเรียนผู้นำ ท่านเอ่ยกับผมว่า สงครามอิรักเกิดขึ้นมาเกือบ
เดือนแล้ว ชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องรับกรรมไปด้วย บาดเจ็บ
ล้มตาย ขาดแคลนอาหาร เราน่าจะหารือกันว่าช่วย ชาวอิรักได้อย่างไรบ้าง
ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ รีบติดต่อประสานงาน
ประชุมกันวันที่ ๙ เมษา บ้านสวนไผ่สุขภาพ แล้ววันที่ ๑๑ เมษา ก็ชวนกันแถลงข่าวที่ตึกรัฐสภา
ลงมือทำงานกันทันที
ชาวซิกข์นามธารีรีบโทรศัพท์ถึงท่านสิริสัตย์
คุรุยักยิกซิงยีมหาราช พระศาสดาองค์ที่ ๑๒ ที่เมืองปันจาบประเทศ อินเดีย
ท่านให้ลูกศิษย์นำเงินมาบริจาคเป็นก้อนแรก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ก่อนเวลาที่แถลงข่าวไม่นาน
ก่อนหน้านั้น ๑ วัน ชาวอโศกกำลังจัดงาน
"ปลุกเสกพระแท้ๆ" ที่ศีรษะอโศก จังหวัดศรีสะเกษ ได้ประชุมกันเรื่องนี้
ตัดสินใจบริจาคข้าว ๑๐๐ กระสอบทันที
ชาวอโศกถือหลักว่า "ใครทำสงครามช่างเขา
เราทำสันติภาพอย่างเดียว"อย่าว่าแต่สงครามกับเพื่อนมนุษย์
ด้วยกันเลย กับสัตว์เล็กสัตว์น้อยเราก็ไม่ทำลายล้างอยู่แล้ว
ปรึกษาหารือจัดตั้งเป็น "คณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรัก"
เห็นว่าผมเคยทำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว สมัยเป็นผู้ว่าฯกทม. ชวนชาวกรุงเทพฯ
และจังหวัดใกล้เคียงขนของกินของใช้ไปช่วยชาวใต้สมัยที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
ภาคใต้เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ยกขบวนไปช่วยกันถึง ๓ ครั้ง
ครั้งแรกมีรถบรรทุก ๖ ล้อและ ๑๐
ล้อจำนวน ๘๕ คัน วิ่งต่อๆ กันยาวเป็นกิโลเมตร เมื่อช่วยกัน ๓ ครั้งแล้ว
เงินก็ยัง เหลือ จึงตั้งมูลนิธิเมืองหลวงห่วงเมืองใต้นครศรีธรรมราช
๓ ล้านบาท และเมืองหลวงห่วงเมืองใต้
สุราษฎร์ธานี ๒ ล้านบาท เอาดอกผลมาช่วยยามเมืองใต้เกิดเภทภัยติดต่อกันมาถึงปัจจุบัน
อีกครั้งหนึ่งตอนผมเป็นรองนายกฯ
ตอนนั้นดร. ทักษิณ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ
ประเทศ ญี่ปุ่น ตึกรามบ้านช่องพังทลาย ชาวโกเบไร้ที่อยู่นับแสนๆ คน
ขาดผ้าห่มกันหนาว รัฐมนตรีหลายคนเห็นว่าญี่ปุ่นเป็น ประเทศร่ำรวย และไม่ได้ขอร้อง
เราจึงไม่จำเป็นต้องไปช่วย
ส่วนผมคิดอีกอย่างหนึ่ง คนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา
จะจนหรือจะรวย เมื่อเรารู้ว่าเขาตกทุกข์ได้ยาก แม้ไม่ขอร้อง เราก็ต้องช่วย
ผมบอกกับรัฐมนตรีร่วมคณะว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องไปช่วย เพราะชาวญี่ปุ่นหลายคน
เคยช่วยผมมา ผมจะไปเป็นการส่วนตัว หรือไปเป็นทางการเท่านั้น
ในที่สุดผมในฐานะรองนายกฯ ดูแลเรื่องการต่างประเทศก็เป็นหัวหน้าคณะ
ตัดสินใจเช้าวันศุกร์ สายๆ ของวันเสาร์ รุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง ตอนเย็นวันศุกร์ผมโทรศัพท์ให้
ดร.วิชิต สุระพงษ์ชัย รัฐมนตรีคมนาคม ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้จัด การใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ
มาก่อน ให้ช่วยหายืมเงินจำนวนหนึ่ง แล้วผมจะใช้หนี้ภายหลัง
ติดต่ออยู่นานก็ยังไม่ได้เงิน โชคดี
ดร.ทักษิณ เอาเงินดอลลาร์ส่วนตัวให้ผมปึกหนึ่ง คิดเป็นเงินไทยกว่า
๑ ล้านบาท ผมค่อยอุ่นใจ เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปต่างประเทศทั้งที ไม่มีเงินติดตัวเลยเป็นไปไม่ได้
เรานำผ้านวมอย่างดีไปบริจาค ๔๐๐
ผืน ไปกว้านซื้อข้าวหลามรอบองค์พระปฐมเจดีย์ได้ ๗๐๐ กว่ากิโลกรัม เอา
บรรทุกขึ้นเครื่องบินหมด เป็นรัฐบาลต่างชาติรัฐบาลแรกที่เขาไปถึงโกเบ
ผมโชคดี ไม่ต้องเบิกเงินหลวง และไม่ได้ใช้เงินที่
ดร.ทักษิณให้ติดตัวไป ผมนำกลับไปคืนเป็นปึกเรียงหมายเลขเหมือน เดิม
ค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง มีเศรษฐีชาวญี่ปุ่นที่มั่งคั่งของเมืองโอซากาออกให้หมด
ค่าขนของขึ้นเครื่องบินก็ไม่ต้องจ่าย เลย สายการบินญี่ปุ่นช่วยหมด
คณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรักจึงขอให้ผมรับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะ
การรวบรวมข้าวสารและเงินเพื่อ ไปซื้อข้าวสาร ไม่ใคร่มีปัญหาเท่าใดนัก
ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรข้าวสารจึงจะไปถึงชาวอิรัก
ประเทศอิรักถูกคว่ำบาตรจากประเทศต่างๆ
มานาน ๑๒ ปี สายการบินที่มีเครื่องบินไปอิรักมีจำนวนน้อยมากยิ่งตอนที่
ยังมีการรบพุ่งกันอยู่ ถ้าขนของไปทางเครื่องบินต้องไปลงที่ประเทศตุรกีหรือจอร์แดน
และค่าบรรทุกก็แพงมากมาย
ผมนึกถึงเครื่องบินบรรทุกของทหารที่ผมเคยใช้สมัยไปรบเวียดนาม
แบบซี ๑๒๓ เป็นเครื่องบิน ๒ เครื่องยนต์ ใหญ่กว่า นั้นคือ ซี ๑๓๐ เครื่องบินใบพัดเช่นกันแต่
๔ เครื่องยนต์ ผมรีบติดต่อผู้บังคับกองบินที่ ๖ ของทหารอากาศทันที
นาวา อากาศเอก นิรันดร์ ยิ้มสรวล อัธยาศัยดีมาก ให้รายละเอียดทุกอย่าง
และพร้อมจะจัดเครื่องบินไปอิรักในช่วง สงกรานต์ คณะกรรมการเรายังไม่พร้อมผมจึงบอกผู้บังคับกองบินว่าไปเที่ยวสงกรานต์ก่อนเถิดไม่ต้องเตรียมพร้อม
หลังสงกรานต์แล้วค่อยว่ากันใหม่
เครื่องบินซี ๑๓๐ บรรทุกได้อย่างมาก
๑๐ ตัน ใช้เวลาบินจากกรุงเทพฯ ไปอิรัก ๑๕ ชั่วโมง ต้องแวะเติมน้ำมันกลาง
ทางอีก ๒ ชั่วโมงก่อนออกเดินทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องช่วยติดต่อขออนุญาตผ่านน่านฟ้าประเทศต่างๆ
ตามเส้นทางบิน
ผมคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ทราบว่ากระทรวงการต่างประเทศกำลังจะขนของไปช่วยอิรักด้วยเครื่องบินซี
๑๓๐ จำนวน ๑ ลำ ผมจึงขอร้องท่านให้ขนโปรตีนเกษตรของคณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรักอีก
๑ ลำ ท่านก็ ตกลง กำหนดจะไปต้นเดือนพฤษภาคม
เราจะส่งทั้งทางเครื่องบินและทางเรือ
ขณะนี้ข้าวสารและอาหารแห้ง (โปรตีนเกษตร) เรามีพร้อมแล้ว เรือออกจาก
ท่าเรือกรุงเทพฯ วันที่ ๓ พฤษภา เดินทางใช้เวลา ๗ วัน การขนส่งด้วยทางเรือดังกล่าว
โครงการอาหารโลก ช่วยเรา ขนส่งข้าว ๓๐ ตัน ไปจนถึงมือชาวอิรักที่ขาดแคลน
ซึ่งจะมีผู้แทนของคณะกรรมการเราเดินทางไปมอบให้ชาวอิรักด้วย
รัฐมนตรีมหาดไทยโทรศัพท์ขอบคุณคณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรัก
ที่รับภาระจัดการเรื่องนี้ ตัวท่านเอง ก็จะเดินทางไปอิรักบ้างเช่นกัน
ท่านสมาชิก"เราคิดอะไร"หากจะร่วมทำบุญติดต่อโทรศัพท์
๐-๒๒๔๑-๓๘๐๕-๖, ๐๑- ๘๓๑๔๘๙๖ และ ๐๙-๙๒๕๘๓๗๐ โทรสารหมายเลขเหมือนกับโทรศัพท์เลขแรก
โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางจาก ประเภทออมทรัพย์ เลขที่
๐๓๕-๒-๘๒๐๑๗-๒ ชื่อบัญชี "นายวฤทธิ์ ชินสาย และนางจุฬา สุดบรรทัด
เพื่อโครงการ รวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรัก"
คณะกรรมการได้เขาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช
และกราบคารวะท่านจุฬาราชมนตรี ซึ่งท่านจุฬาราชมนตรีได้ร่วม บริจาคเงินด้วย
ท่านมุขนายก มีชัย กิจบุญชู ได้บริจาคเงินในนามองค์กรศาสนาคริสต์โรมันคาธอลิคแห่งประเทศไทย
เป็นเงินก้อนแรก ๕๐๐,๐๐๐ บาท
คณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรัก
ได้รับความร่วมมือจากสถานีวิทยุต่างๆ ให้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ฟังเกี่ยวกับ
เรื่องนี้ ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน ที่คัดค้านมีน้อยมาก เช่น รายหนึ่งร่วมให้ความคิดเห็นว่า
เราน่าจะช่วยให้คนยาก จนในบ้านเมืองเราหมดไปเสียก่อนจึงจะออกไปช่วยประเทศอื่น
ก็เป็นเรื่องที่น่าจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
ทางเราก็ตอบไปตามความจริงว่า ประเทศที่ร่ำรวยมากในโลกทุกประเทศยังมีคนยากคนจนอยู่ตลอด
ถ้าจะรอให้ไม่มีคนยากจนคงจะไม่ได้ช่วยประเทศอื่นกันพอดี
ในการประชุมครั้งแรกที่บ้านสวนไผ่
คุณณรงค์ โชควัฒนา ผู้บริจาคโปรตีนเกษตร ๓๐ ตัน ให้ความเห็นว่า
ทุกข์ยาก ของชาวอิรัก เป็นเรื่องที่คนไทยทุกศาสนาต้องช่วยกัน ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาสนิกชนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ผู้ฟังหลายคนที่พูดเข้าวิทยุก็พูดทำนองเดียวกันนี้
สงครามที่เกิดขึ้นในอิรัก คนไทยไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วย
เราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเป็นประเทศเล็ก
เสียงไม่ดังในเวทีโลก แต่การช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรม ประเทศเล็กแค่ไหน
ก็มีส่วนช่วยได้ทั้งนั้น ดังที่พวกเรากำลังทำกันอยู่เวลานี้
อยากจะให้คนไทยหลายๆ คน โดยเฉพาะสมาชิกเราคิดอะไรยืนหยัดว่า
"ใครทำสงครามช่างเขา
เราทำสันติภาพอย่างเดียว"
|