- จำลอง -
โรงเรียนผู้นำแม้จะอยู่ป่าอยู่ดอย ก็ยังคงคึกคักเหมือนเดิม มีผู้คนแวะเวียนไปพักค้างเป็นระยะๆ สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวคณะโรงเรียนผู้นำทราบว่า สังคมคิดอะไร ห่วงอะไร สนใจความเป็นไปของบ้านเมืองแค่ไหน ข้าราชการระดับรองอธิบดีของกระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ๑๒๐ คน ไปฝึกอบรมเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ตามติดด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ๑๔๑ คน และปิดท้ายด้วยข้าราชการระดับบริหารของกรมประชาสัมพันธ์ และกรมพัฒนาที่ดินรวมกัน ๑๒๐ คน ก่อนสิ้นเดือนก็มีพระภิกษุจากจังหวัดต่างๆ ที่กำลังศึกษาที่วัดชลประทาน ๖๐ รูป ไปสัมมนาที่โรงเรียนผู้นำ ๒ วัน ๑ คืน ภัยใต้เป็นเรื่องที่ทุกคณะห่วงใยเป็นพิเศษ ถามคำเดียวกันว่าผมคิดอะไร เห็นว่าควรแก้อย่างไร ในฐานะที่ผมเป็นทั้งทหารและนักปฏิบัติธรรมเพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและศาสนา ผมตอบประสาผมว่าใน ๓ จังหวัดภาคใต้ จะต้องให้ความปลอดภัยก่อน แล้วตามด้วยการพัฒนา หากทุ่มเงินเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ในขณะที่ผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวออกไปทำมาหากินตามปรกติในเวลากลางวันและกลางคืนไม่ได้ เงินมากมายดังกล่าวก็พัฒนาไม่ได้ผล ผมให้ความเห็นก่อนเหตุการณ์แปลกใหม่เกิดขึ้น ปรากฏว่าวันที่ ๒๒ เมษายน คนร้ายได้ เผาสถานที่ต่างๆ ใน ๑๓ อำเภอของจังหวัดนราธิวาส รวม ๗๔ แห่ง มีทั้งโรงเรียน สำนักงาน อบต. สถานีอนามัย ตู้โทรศัพท์สาธารณะ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ นายอำเภอแว้งและลูกน้องจับคนร้ายได้ ๑๐ คน เป็นเด็กอายุ ๑๕ ถึง ๑๙ ปี พร้อมของกลางซึ่งมีทั้งระเบิดเพลิงและอุปกรณ์สำหรับวางเพลิง เด็กทั้ง ๑๐ คน ถูกผู้บงการใช้ยาเสพติด ล่อพร้อมกับจ่ายเงินจ้าง นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ ตลอดเวลา ๔ เดือน ที่ไฟใต้ลุกโชน เราเพิ่งจับได้คาหนังคาเขาคราวนี้เอง ถ้าเราเข้มงวดเรื่องการรักษาความปลอดภัย จับคนร้ายได้อย่างนี้ ก็สามารถพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านได้ แล้วภาคใต้ก็จะร่มเย็นอย่างยั่งยืน ขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ได้ทราบข่าวทางโทรศัพท์จากนักหนังสือพิมพ์อาวุโสและจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่รู้เรื่องภาคใต้ดีมาก ว่าเด็กวัยรุ่นอีกเช่นกัน แต่เปลี่ยนใหม่ไม่เผาบุกเข้ายิงตำรวจทหารเอาดื้อๆ ชนิดตายเป็นตาย เหตุเกิดที่จังหวัด ปัตตานี ยะลา และสงขลา เมื่อเวลาประมาณตีสี่ของวันที่ ๒๘ เมษายน มีคนตายถึง ๑๒๑ คน ทั้งฝ่ายผู้ร้ายและฝ่ายเจ้าหน้าที่ เด็กผู้ร้ายส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและมีเด็กชาวพุทธร่วมด้วย วัยรุ่นใช้มัสยิดกรือเซะเป็นที่มั่น (มัสยิด, โบราณ- สถานที่มีชื่อ สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์) ฝ่ายบ้านเมืองเอากำลังเข้าล้อมยังยึดไม่ได้ ผู้ร้ายตะโกนเป็นภาษายาวีผ่านเครื่องขยายเสียงว่า "นี่เป็นสงครามศาสนา" เมื่อคราวที่จับเด็ก ๑๐ คนได้นั้น ชาวบ้านนัดแนะกัน ช่วยดูแลลูกหลานของตนให้อยู่ในสายตา ไม่ปล่อยให้ไปก่อเหตุ คราวนี้น่าคิดว่าแม้เหตุจะเกิดที่ ๒ จังหวัด ยะลากับปัตตานีก็จริง แต่อาจมีเด็กจากนราธิวาสไปร่วมด้วย แสดงว่าคุมเด็กไม่อยู่ พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็ไม่รู้ว่าลูกหลานของตัวไปไหน ถูกฆ่าตายหรือเปล่า คงต้องตามไปดูที่ค่ายอิงคยุทธบริหารซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทัพภาคที่ ๔ ส่วนหน้า เพราะส่งศพ ๑๒๑ ศพไปพิสูจน์ที่นั่น ผู้สื่อข่าวอาวุโสที่คุยทางโทรศัพท์กับผมเป็นคนกลาง ไม่ใช่เอาแต่สนับสนุนรัฐบาลตะพึดตะพือ ยืนยันว่าตัวการครั้งนี้ มีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ เจ้าพ่ออิทธิพล และข้าราชการที่สูญเสียผลประโยชน์ ต้องการจะโค่นล้ม ดร.ทักษิณ ไฟใต้จะดับได้หมดสิ้นจริงๆ เมื่อไร ไม่มีใครเดาถูก แต่คนไทยทุกคนในจังหวัดต่างก็อยากจะให้สงบโดยเร็ว เสียหายชีวิตและทรัพย์สินไปมากมายแล้ว ไม่น่าจะสูญเสียอะไรเพิ่มอีก เรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ยืดเยื้อมานานพอๆ กับภัยใต้ ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าแปรรูปแล้วจะดีกว่าเก่ามากมายอย่างไรบ้าง มีให้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ฝ่ายคัดค้านก็เถียงด้วยเหตุผล พร้อมกับยกตัวอย่างประเทศที่ล้มเหลวเพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาแล้วพร้อมกับยืนยันว่า ฝรั่ง ชื่อดังคนหนึ่งคือศาสตราจารย์ สติ๊กลิทซ์ อดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดี สหรัฐคนก่อน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว เคยเป็นประธานอาวุโสของธนาคารโลกมาแล้วด้วย ศาสตราจารย์สติ๊กลิทซ์ คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าประเทศไหนจะแปรรูป คัดค้านทั้งนั้น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่ง การกอบโกยโกงกินขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นตามมา ผมถูกถามอยู่เป็นประจำว่า คิดอะไร ผมคิดว่า กิจการที่ประชาชนต้องกินต้องใช้อยู่ทุกวันคือ ไฟฟ้า และประปา ไม่ควรจะแปรรูป แต่ไม่ใช่ปล่อยไว้อย่างเดิม จะต้องมีการปรับปรุง เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ การถกเถียงเรื่องการแปรรูปน่าจะเกิดโอกาสให้เสนอความเห็นพร้อมๆ กันทั้งสามฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐวิสาหกิจ และฝ่ายประชาชน (ที่ไม่เห็นด้วยกับ ๒ ฝ่ายแรก) จัดให้โต้กันตามสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เป็นโอกาสดีให้ประชาชนส่วนใหญ่หูตาสว่าง เสร็จแล้วก็ให้ประชาชนทั้งประเทศออกความเห็นว่าจะเลือกเอา แบบที่ ๑, ๒ หรือ ๓ โดยการหย่อนบัตรความเห็นเหมือนๆ กับหย่อนบัตรเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่เลือกอย่างไร รัฐบาลก็ปฏิบัติตามนั้น นายกฯ ทักษิณพูดอยู่เสมอๆ ว่าจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว แต่จะฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ การชุมนุมประท้วงของกฟผ. และรัฐวิสาหกิจพันธมิตร รุกคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งคือ จะตัดน้ำตัดไฟ สถานที่ราชการของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ที่ค้างจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งสามารถตัดได้ตามกฎหมาย เกิดมีการตัดน้ำตัดไฟสถานราชการจริงๆ ตามคำขู่ ฝ่ายรัฐบาลคงปวดหัว อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ไปรับการฝึกอบรมที่โรงเรียนผู้นำถามความเห็นผมเสมอๆ คือเรื่องอิรัก เนื่องจากผมเป็นประธาน "คณะกรรมการรวมน้ำใจชาวไทยสู่ชาวอิรัก" และผมเคยเป็นทหารไปรบนอกประเทศมาแล้ว ผมพูดมานานว่า หากเกิดการรบพุ่งกัน อยู่เรื่อยๆ รัฐบาลนายกทักษิณจะถูกประชาชนเรียกร้องให้รีบถอนทหารไทยกลับแน่ เราส่งทหารไปช่วยฟื้นฟูไม่ใช่ไปรบ ถ้าทหารไทยมีอันเป็นไปเพิ่มมากขึ้นประชาชนไม่ยอมแน่ ผิดกับที่เราเคยส่งทหารไปรบที่เกาหลี เวียดนาม และลาว เพราะนั่นส่งไปรบ การรบเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทหารจะต้องเจ็บต้องตาย จึงไม่มีใครร้องให้ถอยทัพกลับ ฝ่ายต่อต้านอเมริกันทำตามแผนใหม่อย่างได้ผล จ้องจับคนอเมริกันและชาติพันธมิตรเป็นตัวประกัน อยากรักษาชีวิตเพื่อนร่วมชาติไหม ถ้าอยากก็ต้องถอนทหารกลับบ้าน มิฉะนั้นจะฆ่าอย่างทารุณ ขณะกำลังเขียนต้นฉบับนี้อีกเช่นกัน ชาวอิตาลีถูกจับ ๓ คน ถ้าไม่ถอนทหาร ครบ ๕ วัน จะฆ่าทั้งหมด ๓ คน อิตาลีส่งทหารไปอิรักมากเป็นลำดับ ๓ (อเมริกา ๑๓๕,๐๐๐ คน อังกฤษ ๘,๗๐๐ คน อิตาลี ๓,๐๐๐ คน โปแลนด์ ๒,๔๐๐ คน ยูเครน ๑,๖๕๐ คน สเปน ๑,๓๐๐ คน... ไทยเรา ๔๔๐ คน น้อยที่สุดคือฟิลิปินส์ ๑๐๐ คน) สามประเทศที่ประกาศถอนแล้วคือสเปน ฮอนดูรัส และโดมินิกัน ประเทศสเปน ถอนเพราะเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หน่วยก่อการการร้ายอัลเคดาได้ระเบิดรถไฟและสถานีรถไฟหลายแห่งในกรุงมาดริด ประเทศสเปน บาดเจ็บล้มตายมากมาย ชาวสเปนออกมาประท้วงให้ถอนทหารกลับจากอิรัก เผอิญมีการเลือกตั้งพอดี ฝ่ายที่สัญญาว่าจะถอน ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล เลยถอนทหารทันที เรื่องที่กระทบความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนขณะนี้คือเรื่องน้ำมัน ชาวบ้านชาวช่อง วิตกกันว่าน้ำมันคงจะขึ้นราคาเร็วๆ นี้ เพราะ ราคาน้ำมันในตลาดโลกแพงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง เงินที่รัฐบาลตรึงราคาน้ำมัน (ยอมขาดทุน) ใช้ไปแล้วถึง ๖,๐๐๐ ล้านบาท (น้ำมันเบนซินขาดทุนลิตรละ ๑ บาท ๘๐ สตางค์ ดีเซลลิตรละ ๑ บาท ๒ สตางค์) ทำท่าจะตรึงต่อไปไม่ไหว สินค้าต่างๆ จะต้องเขยิบขึ้นแน่นอน ซึ่งขึ้นแล้วไม่มีวันลง ไม่เหมือนน้ำมันที่ขึ้นได้ลงได้ เมื่อปลายเดือนเมษายนรัฐบาลโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ประกาศว่า ไม่ต้องห่วง รัฐบาลจะตรึงราคาน้ำมันต่อไป ตอนนี้พร้อมจะกู้เงินเพิ่มเพื่อเอามาใช้ในการตรึงราคาน้ำมันไว้เรียบร้อยแล้ว ประชาชนน่าจะประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น รัฐบาลจะได้เสียเงินตรึงราคาน้อยลง ผมกำลังคิดจะใช้รถบรรทุกตุ๊กตุ๊กในโรงเรียนผู้นำ เพราะใช้น้ำมันน้อยกว่ารถกระบะที่ใช้อยู่ในเวลานี้มาก ส่วนตัวผมเองเวลาขับขึ้นลงบริเวณเชิงเขา ใช้ จยย.มานานแล้ว หากเป็นพื้นราบใช้ จย. (จักรยาน) ธรรมดาๆ ตะโกนบอกกันปาวๆว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าซื้อของนอก ก็ได้แต่เตือนได้แต่พูด แต่ไม่พร้อมใจกันลงมือทำ ตัวอย่างเห็นชัดๆ รถที่ประกอบจากเมืองนอก คันละ ๑๐๐ ล้านบาท มีคนจองเรียบ ผลจึงปรากฏว่าเมื่อเดือนมีนาคมประเทศไทยซื้อสินค้าจากต่างประเทศเป็นประวัติการณ์ สินค้าที่ซื้อเข้าประเทศเพิ่มขึ้นมากมายนั้น รถยนต์อยู่ในระดับต้นๆ บ้านอื่นเมืองอื่นเขาชาตินิยม เช่น เกาหลีใต้ในท้องถนนมีรถอยู่ ๓ ยี่ห้อ คือ ฮุนได แดวู และเกียร์ เพิ่มมาใหม่ๆ อีก ๑ ยี่ห้อคือ แซมซุง ก็เกาหลีอีกเช่นกัน ใครๆ เขานิยมชาติเขา แต่คนไทยกับไปนิยมชาติอื่น เกิดมาอีกกี่ชาติจึงจะสู้เขาได้ ปีนี้ฉลาด หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน คาดจำนวนคนตายช่วงวันสงกรานต์จากจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นด้วย ตายจริงๆ เลยน้อยกว่าตัวเลขที่คาดไว้ แม้กระนั้นก็มีจำนวนน่าตกใจ ช่วงเวลา ๑๐ วัน (๙ ถึง ๑๘ เมษายน) ตาย ๖๕๔ คน บาดเจ็บ ๓๖,๖๔๒ คน ผมกำลังริจะมีส่วนเข้าไปยุ่งกับการรักษาโรคไตให้คนยากคนจน เลยทราบจากหมอว่า คนที่รอเปลี่ยนไตเข้าชื่อกันไว้มากมายหาไตไม่ได้ ต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ถ้ารัฐบาลจะเตรียมการให้พร้อม ใช้การประชาสัมพันธ์ให้ดีๆ สงกรานต์แต่ละปีจะได้ไตช่วยชีวิตคนนับพัน อย่างสงกรานต์ปีนี้ตาย ๖๕๔ คน ได้จากคนตายไป ๒ ไต ไปเปลี่ยนให้คนใข้ คนละไต ให้รอดชีวิตได้ถึง ๑,๓๐๘ คน เตือนเท่าไรไม่ฟัง อยากตายมากๆ ในช่วงสงกรานต์ก็ตามใจ ไหนๆ จะตายทั้งทีควรให้มีประโยชน์ บริจาคไตให้โรงพยาบาลไว้ล่วงหน้าเลย พูดแต่เรื่องตายบ่อยๆ ก็ดีเหมือนกันจะได้เตือนตัวเอง เมื่อปี ๒๕๒๒ ผมมีอายุ ๔๔ ปี เขมรแตก อมมิวนิสต์มีทีท่าจะบุกต่อเข้ามาประเทศเรา ผมและคณะร่วมกันจัดตั้งกองกำลังประชาชนไว้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารเพื่อสู้กับข้าศึก โดยมีท่าน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธาน ผมเป็นกรรมการและเลขานุการ "โครงการประชาชนอาสาสู้ศึก (ปอส.)" ราษฎรหลายอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมอและพยาบาลภายใต้การนำอันเข้มแข็งของคุณหมอ กัลยา บำรุงผล ต้องฝึกอย่างหนัก พอๆ กับทหารที่จะเข้าสู่สงคราม ฝึกหลายรุ่น เตรียมไว้พร้อม แต่คอมมิวนิสต์ หยุดอยู่แค่เขมร ไม่บุกเข้ามาตามที่ประเมินสถานการณ์ไว้ จึงไม่ต้องใช้กองกำลังพลเรือน การรวมตัวอย่างเหนียวแน่นของคนหลายอาชีพ เพื่อเผชิญสงคราม เป็นความประทับใจของชาว ปอส. และผู้ที่ทราบเรื่องราว ติดตาติดใจมาจนถึงวันนี้ หมอกัลยา พี่ใหญ่ของ ปอส. จะจัดงานวันรำลึก ๑๘ สิงหาคม ครบรอบ ๒๕ ปี ของการก่อตั้ง ได้ส่งรูปความหลังไปให้ผม ผมส่งให้อาจารย์นราทิพย์ (อายุ ๕๐ ปี) ผู้ช่วยครูโรงเรียนผู้นำซึ่งช่วยรวบรวมรูปเก่าๆ ของผม ขณะที่อาจารย์นราทิพย์ กำลังเลือกกรอบรูปอยู่ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง เด็กที่ขายกรอบรูปก็เอ่ยถาม "ป้า ในรูปนี้ป้าชี้ให้หนูดูรูปหน่อย คนไหนลูกป้า" อาจารย์นราทิพย์หัวเราะ เด็กแกนึกว่าผมเป็นลูกแต่งเครื่องแบบนักเรียน รด. เผลอแป๊บเดียว จากหน้าตาหนุ่มเท่านักเรียน รด. ตอนนี้แก่หง่อมแล้ว ศิลปินทั้งนักร้องและนักวาด ร่วมกับคน หลายวงการ จัดแสดงคอนเสิร์ตทีสันติอโศก วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤษภาคม เพื่อหาทุนช่วยรักษาพยาบาล กวีเอกแห่งยุคคนหนึ่ง ซึ่งเป็น ศิลปินแห่งชาติ คือคุณอังคาร กัลยาณพงศ์ ผมจำคำคมของท่านไว้เตือนตัวเอง และเตือนคนอื่นด้วย โดยเฉพาะคนที่เคร่งเครียด กับการแสวงหาเงินและตำแหน่ง นึกขึ้นได้ ขอนำคำนั้นมาเผยแพร่ ดึกนี้ชีวีก็สั้นลง ประสงค์สิ่งใดละในหล้า - เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๖๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗ - |