บ้านป่านาดอย
- จำลอง -
ฤดูแล้งผ่านไป บ้านป่าก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้ฝนมาเร็ว ตกเป็นระยะๆตั้งแต่ต้นเดือน มิถุนายน มองไปในท้องทุ่ง ไร่นาเขียวชอุ่ม เขียวติดต่อกันเป็นพืดถึงในป่าและบนภู เป็นฤดูกาล ที่น่าอยู่ที่สุดของบ้านป่านาดอย ไม่ใช่เฉพาะผู้คนในบ้านป่าเท่านั้นที่ดีใจ สรรพสัตว์ทั้งหลายก็เริงร่าไปตามๆ กัน ยังไม่ทันสว่างดี นกพันธุ์อะไร ต่อมิอะไรส่งเสียงร้องกันให้แซด ตามด้วยฝูงกระรอกพากันมาออกกำลังกาย กระโดดไล่จากยอดไม้นั้น ไปยอดไม้นี้ กระโดดด้วย ส่งเสียงร้องอึกทึกครึกโครมไปด้วย ใครที่ไม่เคย สัมผัสกับบ้านป่านึกไม่ถึงหรอกว่าเจ้ากระรอกตัวเล็กๆ จะตะเบ็งเสียงได้ดัง และไพเราะขนาดนั้น ลิงน้อยตัวหนึ่งคงเบื่อป่า หาบรรยากาศใหม่ๆ มานั่งเล่นอยู่กลางถนน คงออกจากป่า มาบ่อยๆ แต่เราไม่เห็น เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่เราไปอยู่ใหม่ๆ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าในป่าที่อยู่ติดกับ โรงเรียนผู้นำนั้น ลึกๆ เข้าไปมีลิง มีนกยูงด้วย ถ้าจะหาความเพลิดเพลินเจริญใจไปวันหนึ่งๆ อยู่บ้านป่าก็มีความสุขดีอยู่แล้ว อยู่กับนก กับลิง กับกระรอก กับหมาจิ้งจอก ไม่ต้องให้ใครมาว่า มากล่าวจุกจิกกวนใจ คงเป็นเพราะกิเลสยังมีอยู่อีกมาก จึงอยู่สงบๆ อย่างนั้นไม่ได้ ชอบไปยุ่งกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ แม้อายุ เกือบ จะขึ้นเลข ๗ แล้วก็ตาม แต่ไม่ใช่กิเลสต้องการเงินต้องการตำแหน่ง เป็นกิเลสที่ทนดูอยู่ไม่ได้ เท่านั้นเอง เดือนพฤษภา ไปยุ่งเรื่องหวยหงส์แดง เดือนมิถุนาเรื่องผู้ว่าฯ กทม. หลายปีมาแล้วผมไปประชุมในที่แห่งหนึ่ง โชคดีได้นั่งติดกับคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนมีชื่อ ท่านบอกผมว่า ได้ติดตาม ความยุ่งของผมมาตลอด จดหมายของผมที่ออกไปสู่สังคมนั้น เป็นประวัติศาสตร์ ต้องเก็บรวบรวมไว้ ผมนิสัย ไม่ค่อยดี ชอบเขียนแล้วทิ้ง โชคดีที่สื่อมวลชน นำไปพิมพ์ไว้ ตรงนั้นตรงนี้บ้าง มิฉะนั้น คงละลาย หายไป เมื่อเร็วๆ นี้ อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งสนใจประวัติศาสตร์มาก บอกให้ผมเก็บเทป ที่บันทึกการคุย กับคุณสรยุทธ เมื่อคืนวันที่ ๑๗ มิถุนายน ทางโทรทัศน์ช่อง ๙ ในรายการถึงลูกถึงคน เก็บเทป ไว้ให้ดี ถ้าไม่อยากเก็บก็ส่งไป ท่านจะช่วยเก็บไว้ให้เอง "เราคิดอะไร" หนังสือเล่มเล็กๆ ที่อยู่ในมือท่านผู้อ่าน มีส่วนดีอย่างหนึ่ง ช่วยบันทึกเป็นตอนๆ ว่าในสถานการณ์นั้น สถานการณ์นี้ ผมคิดอะไร และทำอะไร เมื่อผมไปที่ชอบๆ แล้วใครสนใจ ก็หาอ่านได้ เวลาผ่านมาเดือนเศษแล้ว ผมเอาจดหมายที่มีถึงท่านนายกฯมาเปิดเผยคงไม่น่าเกลียดอะไร เพราะข้อความรวมๆ ของจดหมาย สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ได้นำไปเผยแพร่แล้ว เป็นจดหมายที่มีน้ำหนัก เพราะเอาหนังสือ ๔ เล่มใส่ซองไปพร้อมกับจดหมาย ท่านนายกฯ ชอบแนะ ให้อ่าน หนังสือฝรั่ง ดีนัก ผมเลยแนะให้อ่านหนังสือไทยบ้าง ส่งให้ท่านอ่านฟรีๆ ไม่ต้องซื้อด้วย บ้านใกล้สี่แยกราชวัตร ๑. การออกสลากเพื่อหาเงินซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล ผลเสียจะมากกว่าผลได้ เพียงให้คนไทย ได้มีโอกาส มีหุ้นสโมสร ก็เป็นการสนับสนุน การพนันเป็นอย่างมากแล้ว ทำให้คนไทยที่บ้าฟุตบอล มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งการพนันบอล จะฟูเฟื่อง ตามมาแน่นอน คนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง หลานชายจบ ปริญญาฐานะดี ต้องฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเงินใช้หนี้ ที่แพ้พนันบอล พ่อแม่ต้องหนี หัวซุกหัวซุน เพราะเจ้าหนี้ตามเอาชีวิต เมื่อมีแผนออกสลาก เพื่อหาเงิน มาซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล ยิ่งเป็นการสนับสนุนการพนัน ให้แพร่หลาย อย่างหาขอบเขต จำกัดไม่ได้ ที่กำหนดราคา สลากใบละ ๑,๐๐๐ บาท เพื่อคนจน จะไม่ซื้อนั้น คงจะไม่จริง ไม่มีเงิน เขากู้ยืมเงินคนอื่นมาซื้อ ไม่มีการลงทุน ที่ไหนในโลก มีโอกาส กำไรเป็นล้านเท่า เหมือนซื้อสลาก ๑,๐๐๐ บาท แล้วถูกสลากได้รางวัล ๑,๐๐๐ ล้านบาท ตอนนี้ถ้ายังแก้ไขไม่ทัน น่าจะเปลี่ยนเป็นการหาทุนด้วยวิธีอื่นที่ ไม่ใช้เงินของรัฐด้วย และ ไม่ออก สลากด้วย ๒. ผมฟัง ดร.ทักษิณ โฆษณาให้คนดื่มนม ผมในฐานะเป็นกรรมการคนหนึ่งของคณะกรรมการ ชมรมอยู่ร้อยปี ชีวีเป็นสุข ได้ติดตาม และทดลองด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการดื่มนมติดต่อกันมานาน ขอยืนยันว่า นมมีพิษ ควรจะกินหรือดื่มอย่างอื่นแทนการดื่มนม (น้ำนมสัตว์) มีเอกสารยืนยัน มากมาย ผมฝากปรีชามาให้ ดร.ทักษิณ ๔ เล่ม เป็นหนังสือ ของหมอ ที่เป็นกรรมการชมรม อยู่ร้อยปีคนหนึ่ง คือหมอบรรจบ ชุนหสวัสดิกุล หนังสือมีชื่อดังนี้ "นม มัจจุราชเงียบ" "นม มิตรแท้ หรือศัตรูสุขภาพ" "กินข้าวกล้องไม่ต้องกินยา กินถั่ว งา ปลา ไม่ต้องพึ่งพานม (วัว)" และ "ละเลิก การดื่มนม เหตุผล ๑๕ ประการ คนรุ่นใหม่ต้องไม่ดื่มนม (วัว)" นมที่ผลิตในเมืองไทยล้นตลาด "กระจุก" ไม่ "กระจาย" จึงต้องสั่งซื้อนมจากต่างประเทศปีละมากๆ จริงอย่างที่ ดร. ทักษิณพูด แต่ไม่ควรยืนยันว่า คนไทยต้องดื่มนม หากโฆษณาดื่มนมกันมากๆ อีกไม่นาน โรคที่เกิดจากการกิน "เนื้อ นม ไข่" จะตามมาอีกมากมาย สวัสดีครับ เมื่อกลางเดือนมิถุนายน ผมนัดสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) และ ส.ส.กรุงเทพฯ ซึ่งสังกัด พรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด นัดพบ ในฐานะเคยรู้จัก เคยทำงานการเมือง ด้วยกันมา สมัยเป็นกลุ่มรวมพลังบ้าง พรรคพลังธรรมบ้าง พรรคไทยรักไทยไม่ส่งผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯ ส.ก. ส.ข. ส.ส. เหล่านั้น ซึ่งเป็นตัวแทนคนกรุงเทพฯ ต้องการมีคนให้เลือกเพิ่มเติม จากผู้ที่เสนอตัวไปแล้ว ทำให้เกิดปัญหาว่า จะทำอย่างไรดี บางคน โทรศัพท์คุยกับผม บางคนอุตส่าห์ไปพบ ที่กาญจนบุรี ผมเลย นัดพบพร้อมๆ กันเสียทีเดียว ที่ร้านอาหารมังสวิรัติ บ้านสวนไผ่สุขภาพ ในฐานะที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม.มา ๖ ปี ผมรับอาสาจะช่วยคัดเลือกให้ ใครเห็นใครเหมาะ ก็ช่วย บอกๆ กันมา ใกล้วันที่ ๒๖ กรกฎาคม (วันเปิดสมัครรับเลือกตั้ง) ผมจะเสนอชื่อ ผู้ที่เห็นว่า เหมาะสม ใครเห็นด้วย ก็ช่วยกันสนับสนุนให้เต็มที่ ใครไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร ถือว่าผมทำหน้าที่ แล้วก็แล้วกัน ไม่ว่าผลจะออกมาประการใด การพบกันวันนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่ติดต่อกันหลายวัน ผมคิดอะไร ผมบอกไปแล้ว ลองมาดูว่า เขาคิดอะไร กันบ้าง หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับ ๒๔ มิถุนายน เขียนถึงเรื่อง "อำนาจและบารมีของมหาจำลอง
ศรีเมือง เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม." ดังนี้ ทั้งยังเป็นผลสะเทือนที่มิได้อยู่ในระนาบอย่างปกติและอย่างธรรมดา ตรงกันข้าม เป็นผลสะเทือนที่นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย หากไม่ประเมินว่าคนอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีความหมาย หากไม่ประเมินว่า การเคลื่อนไหว ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีผลสะเทือน ในระดับที่แน่นอน ไฉนจะเกิดปฏิกิริยาด้วยความรุนแรง และแข็งกร้าวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับเล่า ปฏิกิริยาจากบางคนบางฝ่าย ทาง ๑ เท่ากับเป็นการยอมรับในความหมายที่มีอยู่ของบุคคลอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขณะเดียวกัน ทาง ๑ ก็หวั่นว่าความหมายนั้นจะส่งผลเสียให้กับตนและกลุ่มของตน การฟื้นอดีตของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในเหตุการณ์บนถนนราชดำเนิน เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ จึงปรากฏขึ้น การพยายามโยงให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สัมพันธ์ กับพรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงปรากฏขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความหวาดพรั่นต่ออำนาจและบารมีทางการเมือง ที่มีอยู่ของ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็น "มหา" ถึงแม้จะได้ชื่อว่า เป็นคนธรรมะธัมโม แต่ยากเป็นอย่างยิ่ง ที่จะปฏิเสธ ความแหลมคม ในการเสนอตัว และปรากฏตัวเข้ามาของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยากที่จะปฏิเสธได้ว่ามิได้เป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีการวางแผนและอย่างเป็นระบบ ประการ ๑ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ช่วงชิงเงื่อนไขที่บรรยากาศเสนอตัวเข้ามาของผู้สมัครรับ เลือกตั้ง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ค่อนข้างสับสน สับสนและอย่างเลอะเลือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากพรรคไทยรักไทยโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศลอยตัว ไม่ส่ง ตัวแทนพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นท่าทีเดียวกันกับที่เคยประกาศกรณีการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา ผลก็คือ ไม่เพียงแต่มีหลายคนในพรรคไทยรักไทยประกาศตัวลงสมัครอิสระ หากแต่ภายใน จำนวน ผู้สมัคร ก็มีคุณสมบัติ อันหลากหลายและน่าสงสัยว่าจะมีความเหมาะสมกับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อย่างแท้จริงหรือไม่ ประการ ๑ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองช่วงชิงเงื่อนไขที่เคยเป็นผู้นำกลุ่มรวมพลังผู้นำพรรคพลังธรรม และมีส่วนร่วมกับ กลุ่มพลังไทย เข้ามาเป็นคนจัดการแก้ปัญหาให้ ที่สำคัญก็คือ คนเหล่านี้เป็น ส.ก. และส.ข. ตลอดจน ส.ส. อยู่ในพรรคไทยรักไทย ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กระทั่งมาถึง ณ วันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า คนดี คนเด่น คนดัง ในบทสรุปของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นใคร รหัสยนัยประการหลังนี้เองที่สะท้อนให้เห็นว่าแม้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะเป็นคนธรรมะธัมโม แต่ก็ยึดกุมหัวใจ "การตลาด" ได้อย่างเฉียบคม คนที่ชมชอบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็รอคอยด้วยความมั่นใจ ขณะเดียวกัน คนที่ไม่ชมชอบและไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็รอคอย ด้วยความระทึก เป็นความระทึกอยู่ภายในดวงหทัยว่า ในที่สุดจะเป็นใคร ในฐานะที่เคยผ่านสมรภูมิภูผาทีในราชอาณาจักรลาวมาแล้ว ในฐานะที่เคยใส่หมวกปิดหน้า สวมแว่นตาดำ อยู่ในท่ามกลางมวลชน ในสถานการณ์ก่อน และระหว่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ มาแล้ว ทำให้สำนึกตระหนักในเรื่องงานลับของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีอย่างเต็มร้อย ตรงนี้เองที่ทำให้ความลับในเรื่องตัวบุคคลที่ผ่านการคัดสรรว่าเป็นใคร จะยิ่งอยู่ในความสนใจ ของคน กรุงเทพมหานคร เป็นอย่างสูง เป็นอย่างสูงจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๗ อันเป็นเวลาของการสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น นางปวีณา หงสกุล หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ล้วนต้องรอคอยด้วยความระทึก ในดวงหทัย กันทั้งสิ้น เห็นหรือไม่ว่า อำนาจและบารมีทางการเมืองตลอดจนความสามารถในการข่าวและ ประชาสัมพันธ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังมีอยู่ อย่างเต็มเปี่ยม เป็นความสามารถที่จุดประกายความสนใจได้ตั้งแต่เรื่องต่อต้านกฎหมาย ทำแท้งเสรี ขณะเดียวกัน ทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดก็ยังอยู่ในจุดร่วมทางความคิด ที่ไม่สามารถ ประเมินได้ว่า การเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะออกหัวหรือก้อย ความลับตรงนี้ต่างหากคืออำนาจที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
กำลังบริหารจัดการอยู่
ส่วนไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๒๒ มิถุนายน เขียนในหัวข้อ
"กล้าได้กล้าเสีย"
ขึ้นตัวอักษรโตๆ ว่า "จำลอง
มาแล้ว" ใครต่อใครต่างก็ร้องสาธุ.... แต่พอเสียงปี่เสียงกลองการเมืองเริ่มจะบรรเลงเพราะใกล้ฤดูเลือกตั้งเข้ามา ก็ปรากฏภาพ พล.ต. จำลอง ขึ้นมาทันที หมากก้าวสำคัญ ที่ทำให้โดดเด่นขึ้นมาก็คือ การให้นายกฯทักษิณ ยุติการออก หวยหงส์ ซึ่งปรากฏว่า ได้รับการขานรับ เป็นอย่างดี จากนั้นก็มีความเคลื่อนไหวในเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้มีการมองกันว่าพล.ต.จำลอง ไม่ได้เป็น ตัวตั้งตัวตี เพราะ ส.ส.-ส.ก.-ส.ข.กทม. ที่สังกัดพรรคไทยรักไทย ไม่พอใจที่พรรค ไทยรักไทย ไม่ส่งผู้สมัคร อีกทั้งผู้ใหญ่ในพรรคพยายามผลักดันให้พรรคสนับสนุนนางปวีณา หงสกุล ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ ที่มีความจำเป็น ต้องลาออกจาก พรรคชาติพัฒนา เพราะจะเข้ามาร่วมรัฐบาล และรวมกับ ไทยรักไทย ในอนาคต นี่คือความจำเป็นที่ทำให้นางปวีณาจำเป็นต้องลงสมัครแต่ภายใต้เงื่อนไข ที่ขอให้นายกฯ ทักษิณ สนับสนุน ในการชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นเล่ห์กลทางการเมืองที่ถูกจับไต๋ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ลูกพรรคไทยรักไทยในกทม.ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พยายามที่จะดิ้นรน อย่างสุดขีด เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จึงไปเจรจากับ พล.ต.จำลอง เพื่อหาคนมาลงสมัคร และจะให้ ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่อีกมุมมองหนึ่งเชื่อกันว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะมาจากลูกพรรคไทยรักไทย เท่านั้น แต่คงจะเป็น ความปรารถนาของ พล.ต.จำลองเช่นกัน ที่ต้องการได้ผู้ว่าฯ กทม. ภายใต้การกำกับ ดูแล แน่นอนว่าพื้นที่กทม.นั้นมีความสำคัญต่อ ส.ส.กรุงเทพฯค่อนข้างสูง เพราะหากว่าได้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นพวกเดียวกัน ก็จะชิงความได้เปรียบ พรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ที่มุ่งหวัง จะให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่สิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือ การที่นายกฯได้ทำนายสเปกของผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่จะได้รับ การต้อนรับ จากคนกรุงเทพฯ จะต้องมีคุณสมบัติ อายุไม่เกิน ๖๐ ปี และต้องลงสมัครในนามอิสระ จึงจะได้รับการเลือกตั้ง โพลของนายกฯทักษิณ จึงสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของพล.ต.จำลอง ที่ต้องการได้ผู้สมัคร ที่เป็นคนหนุ่ม มีการศึกษา มีภาพลักษณ์ ที่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต. จำลอง ไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ จึงมิอาจแยกจากกันได้ การที่พล.ต.จำลองบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย แต่เกี่ยวกับคนรักไทย และ คนกรุงเทพฯ จึงต้องออกมา ทาบทามบุคคลต่างๆ เพื่อให้ลงสมัคร แบบนี้ไม่ใครก็ใครต้องโกหกกันสักคนแหละ แน่นอนว่า พ.ต.ท.ทักษิณที่ตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ตัวนี้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ความหมาย ของมันน่าจะอยู่ที่ว่า กลัวแพ้ และจะต้องวางลีลาและบทบาท เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ กัน ระหว่าง ไทยรักไทย กับ ชาติพัฒนา คิดถึงการเมืองใหญ่และการจะได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งมากกว่า เช่นกัน คงคิดว่าการตัดสินใจของพรรคคงจะไม่เกิดปัญหาให้แก่ลูกพรรคใน กทม. เพราะเชื่อว่า คงจะเกลี้ยกล่อม ให้ยอมรับการตัดสินใจได้ แต่เมื่อไม่ได้ผล การที่ พล.ต.จำลองออกมาเคลื่อนไหว จึงเข้าล็อก พอดิบพอดี ดังนั้นความเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลองที่บอกว่า ทำเพื่อคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ทำเพื่อพรรค ไทยรักไทย ให้อมพระมาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อ ...ทุศีลกันอีกแล้วล่ะครับ "สายล่อฟ้า" ผู้ใช้นามปากกาว่า "สายล่อฟ้า" เรียกชื่อโรงเรียนผิดไปนิดหนึ่งว่า "โรงเรียนผู้นำการเมือง" ที่จริงไม่มี คำว่า การเมืองห้อยท้าย เพราะโรงเรียน ผู้นำการเมือง สอนให้หาลาภหาตำแหน่ง แต่โรงเรียนผู้นำ สอนให้ลดความเห็นแก่ตัว ซึ่งตรงกันข้าม บอกว่าผมออกมาเคลื่อนไหว เพราะต้องการกำกับดูแลผู้ว่าฯ กทม. ผมเองไม่รู้ว่า จะกำกับดูแล ไปทำไม ที่สำคัญคือ เขียนว่า คำยืนยันของผมที่ว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทยนั้น ผมโกหก เหลือเวลา อีกไม่นาน ก็จะพิสูจน์ว่า ใครพูดผิดกันแน่ หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก"
ประจำวันที่ ๑๙ มิถุนายน เขียน "ทางออกไทยรักไทย"
มีข้อความดังนี้ เป็นการนัดพบที่มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างดี ทั้งเวลาและสถานที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมี สื่อมวลชนไปทำข่าวกัน มากหน้าหลายตา ทั้งที่ปัจจุบัน พล.ต.จำลอง ไม่ได้มีบทบาทอะไรในพรรคไทยรักไทย นอกจากอยู่ในฐานะ ที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรี ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เท่านั้น การออกโรงของอดีตผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ จึงถูกมองว่า ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา อย่างที่กล่าวอ้างว่ามี ส.ก., ส.ข. หลายคน ต้องการหารือหลังจากพรรคไทยรักไทยไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เพราะโดยทั่วไปการนัดหารือพบปะ ก็เป็นเรื่องปกติ ที่สามารถทำได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ไม่จำเป็น ต้องให้ เอิกเกริก หรือเป็นข่าว ใหญ่โตอย่างนี้ เว้นแต่มีนัยบางอย่างที่ต้องการสื่อออกไป! ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศเด็ดขาด ที่จะ ไม่ส่งผู้สมัคร ในนามของพรรค แม้จะยกข้ออ้างไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองท้องถิ่น แต่ใครๆ กลับเชื่อว่า เป็นเพราะถูกปฏิเสธจาก "ดร.ปุ" ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มากกว่า ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ว่า คนของพรรคไทยรักไทยในสนามกรุงเทพฯ ทั้ง ส.ส. ส.ก. รวมไปถึง ส.ข. ต้องตกอยู่ในสภาพ "อ้างว้าง" และเสียวสันหลังสุดขีด เพราะหากไทยรักไทย ปล่อยให้คนอื่น มายึดฐานการเมืองท้องถิ่น ที่กรุงเทพฯได้ ก็จะยิ่งอันตรายต่อพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไม่ต้องสงสัย กลุ่มการเมืองกรุงเทพฯ ของพรรค ที่นำโดยนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คงยอมไม่ได้ เช่นเดียวกับยอมไม่ได้ หากต้องให้คนของพรรคไปสนับสนุนนางปวีณา หงสกุล ที่กลายเป็นตัวเก็ง อันดับหนึ่ง ทันที หลังมีข่าว ดร.ปุ อาจไม่ลงแข่งขัน ครั้นจะไปสนับสนุนคนอื่น ย่อมต้องติดปัญหาเรื่องการควบคุมดูแล ทางออกจึงต้องพยายาม เฟ้นหาคนของตัวเองลงสมัคร แต่เมื่อไม่สามารถลงในนามพรรคได้แล้ว ก็ต้องหาวิธี "พะยี่ห้อ" ไทยรักไทย เพื่อหวังดึงคะแนนนิยม จากคนที่ชื่นชอบพรรคไทยรักไทยอยู่ก่อนแล้ว กับอีกส่วนหนึ่งเพื่อรับประกันความผิดพลาด คือต้องดึงคะแนนจากคนกรุงเทพฯ ที่ยังชื่นชอบในตัว "มหาจำลอง" มาเป็นแรงเสริม คงจำกันได้ พล.ต.จำลอง กับสุดารัตน์ ใช่คนอื่นไกล หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังธรรม นั่นเอง การเคลื่อนไหวและเปิดตัวของมหาจำลอง ณ คาบนี้ จึงเป็นไปอย่างที่เห็น!!!
"คม ชัด ลึก" อีกเช่นกัน
ฉบับวันที่ ๑๘ มิถุนายน เขียนเกือบเต็มหน้า "มหา
๕ ขัน สวมบทอัศวิน สำนึกบุญคุณ เกื้อหนุนทรท." มีความว่า มีเหตุผลอะไรที่ "มหา ๕ ขัน" อย่าง จำลอง ศรีเมือง ต้องสวมบทอัศวินขี่ม้าขาว ลงมาควานหาตัว ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ด้วยตัวเอง??? เพราะแม้ "จำลอง" จะชักแม่น้ำทั้งห้ามาสนับสนุน แต่ดูเหมือนเหตุผลเหล่านั้นยังไม่ใช่ จุดไคลแมกซ์ ของเรื่องเสียทีเดียวนัก ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องต้องการแสดงความ "รับผิดชอบ" ในฐานะที่เป็นคนผลักดันให้บุคคลที่เดินทางมาร่วมประชุมเมื่อเย็นวันพุธที่ผ่านมา ลงสมัคร "ส.ส.-ส.ก.-ส.ข." มาตั้งแต่ สมัยมีพรรคพลังธรรม ดังนั้น เมื่อคนเหล่านี้มีปัญหาเพราะไม่รู้จะสนับสนุนใครเป็น "ผู้ว่าฯกทม." ภายหลังจาก ทักษิณ ชินวัตร ประกาศ ไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคไทยรักไทย จึงจำเป็นที่ "เขา" จะต้องลงมาช่วยหาทางออก เพื่อให้เกิดความสบายใจกันทุกผ่าย หรือแม้แต่เหตุผลเรื่อง "สำนึกบุญคุณ" ที่คนกทม.เลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ถึงสองสมัยซ้อน และได้ดิบได้ดีมาจนทุกวันนี้ ขณะเดียวกันก็มีเหตุผลที่อาจฟังขึ้นปนอยู่บ้าง และเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า อยู่ในความคิดคำนึง ของคนกทม. นั่นคือ...ผู้สมัครที่เปิดตัวออกมายัง "ไม่โดนใจ" เท่าที่ควร ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ครบเครื่อง และมีคะแนนทิ้งห่างกว่ากันชนิด "ขาดลอย"!!! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังพอจะมีเหตุผลสำคัญที่ไม่น่ามองข้าม นั่นคือ...การออกมาเป็นบันไดลงให้"ทักษิณ" คล้ายกับกรณีออกโรง "เบรก" ซื้อหุ้นลิเวอร์พูล เพราะแม้จะเป็นความจริงที่ว่า "ทักษิณ" ประกาศไม่ส่งผู้สมัคร แต่ในความเป็นจริง "ทักษิณ" และพรรคไทยรักไทยไม่มีวันทิ้งการเมืองสนามนี้ไปได้ แม้เพียง ๑%!!! ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า "ผู้ว่าฯกทม." คนใหม่จะทำงานเข้าขากันได้ดีกับรัฐบาล และทำงาน ร่วมกับ ส.ก.-ส.ข. และ ส.ส.กทม.ได้ จำเป็นจะต้องเป็นบุคคลที่คนเหล่านี้เห็นสอดคล้องกัน จึงเป็นเหตุของการเรียกใช้บริการ "มหาจำลอง" ผ่านทาง ส.ก.-ส.ข. รวมทั้ง ส.ส.ที่ส่วนใหญ่ เคยอยู่ใต้ร่มเงา พรรคพลังธรรม มาเก่าก่อน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แม้ "จำลอง" จะห่างหายไปจากวงการการเมือง ภายหลัง เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ แต่ระยะหลัง ก็มักออกมาปรากฏตัวเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ขณะเดียวกัน แม้จะปรากฏเป็นข่าวออกมาในทำนอง "ไม่ลงรอย" กับ "ทักษิณ" เป็นระยะ โดยเฉพาะจากกรณีลอยแพ "ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" แต่ "จำลอง" ก็ยังคงเป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และยังคงมีสายสัมพันธ์ ที่ตัดไม่ขาด สังเกตได้ชัดจากที่ "ทักษิณ" ยอมเดินลงบันไดที่ "จำลอง" ทอดมาให้ด้วยการล้มเลิกออกหวยหุ้น เพื่อซื้อหุ้นสโมสร ลิเวอร์พูล ฉะนั้น... ในเมื่อ "ทักษิณ" ไม่มีวันทิ้งสนามการเมือง กทม. แต่ขณะเดียวกันก็ประกาศไปแล้วว่า ไม่ส่งผู้สมัคร โดยที่เหตุผลลึกๆ เป็นที่รับรู้กันดีว่าพรรคไทยรักไทย "ไม่มีตัว" บวกกับคะแนนนิยม ในสนาม กทม. แกว่งสูง ทำให้โอกาสชนะอยู่ในขั้น "เสี่ยง" จึงจำเป็นต้องอาศัยเครดิต "จำลอง" การันตีตัวผู้สมัคร โดยที่พรรคไทยรักไทยพร้อมให้การสนับสนุน อย่างเต็มที่ โอกาสชนะ จึงจะ "เป็นไปได้" มากกว่า!!! เพราะอย่างหนึ่ง ต้องยอมรับอีกว่าชื่อเสียงของ "จำลอง" ยังพอขายได้ แม้จะไม่แรงเหมือนเมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้วมา แต่คน กทม.ก็ยังรู้จักมักคุ้นและภาพของความใจซื่อ มือสะอาด สมถะ และ ตรงไปตรงมา ก็ยังคงติดตาคน กทม.อยู่ และเมื่อเทียบกับสถานะของรัฐบาลในยาม "ขาลง"แล้ว "จำลอง" ก็ถือว่ายังมีเครดิตกว่ามาก โดยเฉพาะ เครดิตที่ได้จากการติด "ดิสเบรก" เรื่องหวยหุ้นลิเวอร์พูลที่เพิ่งมาสดๆ ร้อนๆ ยิ่งส่งให้ภาพ "จำลอง" ในสายตาคนกทม. มองว่าไม่ใช่คนของพรรคไทยรักไทย ร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่จึงเป็น "จุดแข็ง" ที่ทำให้ข่าวการควานหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของ "จำลอง" มีราคาและน่าสนใจ ขึ้นมาทันที ขณะเดียวกัน เมื่อมองในมุมของ"ผู้สมัคร" "จำลอง" ก็ยังได้เครดิตจากการเป็น"พวกเดียว" กับ "ปุระชัย" ผู้ซึ่งคนกทม. เทคะแนนให้เป็น "ผู้ว่าฯกทม." ชนิดสุดลิ่ม ทิ่มประตู และจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีผู้สมัครคนใดจะชนะใจคนกทม.ได้ขาดแม้สักคนเดียว ดังนั้น...ถามว่าถ้า "จำลอง" คิดจะสนับสนุนใครขึ้นมาแทนที่ จะไม่ได้รับการไว้วางใจจากคนกทม. เชียวหรือ??? อย่างน้อยคน กทม.ก็ต้องมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า คนที่จะมาแทนที่ย่อม "ไม่ด้อย" ไปกว่า ที่สำคัญ "จำลอง" ก็ย่อมต้องหาคนที่มีภาพ "ไม่ใช่" คนของพรรคไทยรักไทยให้มาเป็น "รอยด่าง" ของตัวเองแน่ เพราะอย่าลืมว่า คุณสมบัติของ "ปุระชัย" เกือบจะทุกด้านติดอยู่ในใจคนกทม.ชนิดฝังลึก และมันก็สะท้อนออกมาชัดเจนแล้ว จากการแถลงข่าวของ "จำลอง" "...ซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พูดโกหก ไม่หลอกคนกรุงเทพฯ มีไหวพริบ ปฏิภาณ ตัดสินใจ ได้อย่างรวดเร็ว ลุยงานทั้งกลางวันและกลางคืน... ...มีความรู้ความสามารถ กระทบไหล่ผู้ว่าฯของต่างประเทศได้ ต้องเป็นคนที่พวกเรารู้จักดี พูดจา กันรู้เรื่อง และไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่สำคัญต้องประสานงานกับรัฐบาลได้ และ อายุต้องไม่เกิน ๖๐ ปี" นาทีนี้ "จำลอง" จึงย่อมต้องมีคนที่อยู่ในใจและทาบทามไว้พร้อมแล้ว ในระดับหนึ่ง อย่างหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เป็นคนที่ "รู้จัก" ดังนั้น...ประเมินในเบื้องต้น น่าจะหนีไม่พ้นคนในแวดวง "โรงเรียนผู้นำการเมือง" ที่ "จำลอง" ตั้ง มากว่า ๑๘ ปี และย่อมต้องมีลูกศิษย์ลูกหา รวมถึงคนสนิทมากมายหลายรุ่นหลายคน มีชื่อที่น่าสนใจทยอยปรากฏออกมามากมาย นับจากวันที่ "จำลอง" แถลงข่าว แต่ที่ดูจะเข้าเค้า ณ วันนี้... ลองมองไปที่ มานะ มหาสุวีระชัย และ พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เพราะทั้งคู่เป็นศิษย์ก้นกุฏิของ "จำลอง" และเป็นคนที่ไม่มีภาพไทยรักไทย ร้อยเปอร์เซ็นต์!
ตอนท้ายบอกว่า คุณมานะและ พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เป็นศิษย์โรงเรียนผู้นำ ก็ไม่ใช่อีก พล.ต.ท. เสรีพิศุทธิ์ เป็นครูโรงเรียนผู้นำ มากว่า ๑๐ ปี ส่วนคุณมานะไม่เคยเข้าโรงเรียนผู้นำเลย ทีนี้มาดูข่าวของ "คม ชัด ลึก" เมื่อ ๒๒ มิถุนายน เขียนถึงข้อวิจารณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ปชป.เชื่อ "มหาจำลอง" เดินเกมพาดบันไดให้ "ปุ" ลงผู้ว่ากทม. ชี้แผน ทรท.เตรียมปรับครม.เด้ง "ปุ" ออก เพื่อใช้เป็นข้ออ้าง ในการลงสมัคร เตือนอย่าเป็นร่างทรงให้ใคร ด้าน ทรท.โบ้ย ไม่เกี่ยว มหาจำลอง เฟ้นตัวผู้สมัคร นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่หาคนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกต คือน่า จะหาคนลงสมัคร และเป็นคนที่พรรคไทยรักไทยจะสนับสนุน แม้ไม่สนับสนุนอย่างเปิดเผย แต่ก็อาจสนับสนุนในทางลับ "การดำเนินการของ พล.ต.จำลอง ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับการประเมินของนายกฯ ระบุว่า ได้มีการทำโพลล์ และพบว่า ผู้ที่จะได้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะอายุไม่เกิน ๖๐ ปี ถ้าเอ่ยชื่อออกมาจะได้รับ คะแนนนิยม ในการเลือกตั้ง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่า น่าจะเป็นการเคลื่อนไหว ที่จะหา บันไดให้ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะเป็นไป ตามโพลล์ที่นายกฯ ระบุไว้ล่วงหน้าแล้ว" นายองอาจ กล่าว นายองอาจ กล่าวอีกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หลังวันที่ ๑๔ ก.ค. นี้ นายกรัฐมนตรี จะปรับครม. ให้สอดคล้องกับที่ ร.ต.อ.ปุระชัย ออก เพื่อให้ ร.ต.อ.ปุระชัย มีเหตุผลและข้ออ้าง ลงสมัคร รับเลือกตั้งอิสระได้ แต่เห็นว่า ไม่ควรสมัคร โดยเป็นร่างทรงให้ใครคนใดคนหนึ่ง นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย ยืนยันว่าพรรคไทยรักไทย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง เพราะพรรคมีมติไปแล้วว่า จะไม่ส่งใครลง อีกไม่นานก็รู้ครับว่าวิจารณ์ถูกหรือผิด บทความของผมใน "เราคิดอะไร" เล่มนี้ พิเศษไปกว่าฉบับก่อนๆ คือครบเครื่อง มีทั้ง "เราคิดอะไร" และ "เขาคิดอะไร" - เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๖๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗ -
|