ธรรมดาของโลก จะได้ไม่ต้องโศกสลด ตอน...
อิ่มอย่างทาศ หรือ หิวอย่างไท
หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร ฉบับ 119
หน้า 1/1

ตั้งคำถาม แล้วรอฟังคำตอบจากประชาชน รู้แล้วอาจจะหนาวเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ

ถามอะไรไร้สาระ "อิ่มอย่างทาส" นี่ซิดีกว่าเพื่อน !

เป็นทาสก็จริง แต่อิ่มปากอิ่มท้อง มีหลังคาคุ้มหัว ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องคิดให้กลุ้ม วันนี้จะเอาอะไรใส่ท้อง

เป็นทาสนั้นบอกได้เลยดีกว่า เป๊บซี่ !

วันๆ ไม่ต้องคิดอะไร นอนรอฟังคำสั่ง สั่งซ้ายก็ไปซ้าย สั่งขวาก็ไปขวา

หันไปดูอีกข้าง "ไม่จริ๊ง ไม่จริง" "หิวอย่างไท" นี่ซิถูกต้อง

 

ชีวิตสนุกนักหรือกับการเป็นขี้ข้า ถูกเขาใช้ ถูกเขาโขกสับ

มีกิน แต่ไม่มีอิสระ

อยากจะช็อปปิ้ง อยากจะแต่งงาน อยากจะทำอะไรต่ออะไร ก็ต้องขออนุญาต

ชีวิตเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง สุดแต่นายจะบัญชา

อดๆอยากๆ แต่อิสระเสรีนี้แหละแน่กว่า

ประชาชนสองฝ่ายยืนอยู่คนละด้าน อาจจะตะโกนด่าทอกันอุตลุต

"มึงมันโง่ มึงมันไม่มีสมอง…"

ทะเลาะกันไป แปลกแต่จริง นึกว่าสร้างดาวคนละดวง! สุดท้ายก็คิดอ่านเหมือนกัน ดำรงชีวิตประจำวันเหมือนๆกัน

หลัง IMF ครองเมือง เราสูญเสียเอกราชมากขึ้น

ก่อนหน้านั้นก็เสียอยู่แล้ว แต่เสียแบบ "ไม่เป็นทางการ!"

"เสียอะไรวะ ?" ถ้าคุณตั้งคำถามนี้ก็บอกได้เลย คุณขาดวิสัยทัศน์ คุณตามไม่ทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ แปลเป็นไทยต้องบอกว่า "มึงมันโง่ มึงมันไม่มีสมอง"

เจ็บนี้อีกนาน ถูกด่าสมองควาย ปัญญานิ่ม แต่ควรตระหนักจริงหรือไม่ สำรวจตัวเองทำใจให้กว้าง แล้วพูดดีๆ "จริงของมัน"

เลือก "อิ่มอย่างทาส" เพราะขาด "จินตนาการ" มองข้างหน้าไม่เห็นภาพ คนเราเวลาเป็นทาส ทุเรศขนาดไหน คับแค้นเพียงใด

ชีวิตไม่ใช่นกในกรงทอง แต่เป็นไก่ย่างบนเตาเหล็ก เสียงดังฉู่ฉี่ๆๆๆ น้ำมันหยดติ๋งๆ

สมัยพระนเรศวรมหาราช หลั่งน้ำลงบนแผ่นดินสาบาน ประกาศเป็นเอกราช ไม่เป็นขี้ข้าพม่าต่อไป

ในวันนั้น คนถูกรุกราน ถูกข่มเหง ถูกกลั่นแกล้งโห่ร้องดีใจ ผิดกับบางคนมีชีวิตสุขสบาย มีกินมีใช้ ไม่เคยคับแค้นเพราะพม่า ไม่เคยเจ็บใจชาวพม่า??? ในใจร่ำร้องไม่เห็นด้วย ทำไปทำไม ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว เจียะป้าบ่อสื่อ! ไม่มีอะไรจะทำล่ะสิ!

สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช กลียุคจิกกรงเล็บใส่กบาลคนไทย

พระองค์เห็นแล้วไม่รอด จำต้องตีฝ่าวงล้อมทหารพม่า หนีจากเมืองหลวงอยุธยา ออกมาตั้งหลักรวมพล

จากนั้นค่อยบุกกระหน่ำปราบก๊กเหล่าต่างๆ รวบรวมเป็นหนึ่งเดียว

เพราะมี"จินตนาการ" เพราะมี"วิสัยทัศน์" จึงทรงเสี่ยงชีวิตกอบกู้แผ่นดิน เหน็ดเหนื่อยสุดหัวใจ แม้ชีวิต… พลีแล้ว!

ผู้ใดเห็นตาม… พลีตาม พร้อมร่วมชะตากรรม

สังคมไทยปี ๒๕๔๓ มีวิทยาการมากมาย มีห้องสมุด มีทีวี มีอินเทอร์เน็ต

แต่มองไม่เห็นภัยโหด!

โทษใครดี คุณภาพประชาชนแค่เก่งร้องเพลง เก่งแต่งตัว เก่งเล่นเกม เก่งแสดงออก!

ความผิดนี้ใหญ่หลวง จะโยนให้ใครดี เจอแล้วครูประจำชั้นป.๑ ไม่รู้จักสอนเด็กให้มีจินตนาการกว้างไกล แจ่มชัด มีวิสัยทัศน์อันทรงพลัง!

วงการธรรมะ รู้จักจินตนาการมานานนม มองสิ่งที่เกิดในอนาคต มาอยู่ ณ วันนี้ ชีวิตจะได้ไม่ซ่า ไม่ซน ไม่โอหัง

มรณานุสติเอย ปลงอสุภะเอย

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฯลฯ

พระพุทธองค์แค่ทรงเห็นเทวทูต ๔ จินตนาการท่านเห็นแล้ว เพียบพร้อม วิสัยทัศน์ จึงสละราชสมบัติออกเนกขัมมะ

นักจิตวิทยา คุณหมอทั้งหลายเอาจินตนาการมาบำบัดรักษาโรค ปลุกจิต กูไม่กลัวมึง เราต้องแข็งแรงทุกลมหายใจเข้าออก สิ่งชั่วร้ายจงพากันออกไป

บ้างก็สร้างเป็นพลังมีตัวมีตนไปบำบัดรักษาโรคกันและกัน ชนบทแดนไกลมีหมอเท้าเปล่า เมืองกรุงศิวิไลซ์มี"หมอมือเปล่า" ไว้บำบัด

เขามีมากันนานแล้วละลุง!

คนมองอนาคตไม่ออก ย่อมอยู่ไปวันๆ ขาดความกระตือรืนร้น เพราะสบายอยู่แล้ว

หารู้ไม่ ชีวิตที่สบายวันนี้คืออดอยากในวันหน้า เมื่อทุกอย่างเป็นของต่างขาติ ทรัพยากรจะเริ่มถูกลำเลียงกลับไป

เหมือนหลายๆประเทศ ที่พวกมันทำอัฟริกาทั้งทวีป ของกินของใช้อุดมสมบูรณ์ มันก็มาปกครอง มาปล้นมากอบโกย เอากลับบ้านเมืองของมัน

อัฟริกาอดอยาก ล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง วันนี้ไม่มีใครรับผิดชอบ?

เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน…

แค่กินข้าว ควรต้องเห็นบุญคุณชาวนาผู้ผลิตก็ยังมองกันยาก การจะมองวิกฤตของสังคมยากกว่านั้นหลายเท่า เรียกให้ลูกส.ส. เลิกเที่ยวผับยังง่ายกว่าเป็นไหนๆ

เจ็บแล้วต้องจำ เสียแผ่นดินมากมาย เราทยอยตัดแผ่นดินฝั่งลาว ฝั่งเขมรลงไปถึงทางใต้ มาเลเซีย เพื่อรักษาความอยู่รอด เพื่อความปลอดภัยจากพวกสุนัขจิ้งจอก

วันนี้จึงอย่าไว้ใจฝรั่ง!

เขาไม่ได้รักจริงหวังแต่ง แม้ชาติเอเซียด้วยกันก็อย่าประมาท ตายใจ

ผลประโยชน์ประเทศเขาต้องมาก่อน

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา

เมื่อเติบใหญ่จะได้มีวิชา

เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

ไม่ต้องไปแข่งกินขนม

ไม่ต้องไปแข่งค้าขายเสรี

ISO กี่ตัวก็เหมือนกัน

มันเป็นกับดักที่หากตกลงไปก็ยากจะฟื้นขึ้น ภายใต้คำขวัญ คติพจน์อันสวยหรู เพื่อความเป็นธรรมเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

ใครจะรู้บ้าง มันก็คือเครื่องมือกีดกันประเทศด้อยพัฒนาอย่างฉกาจฉกรรจ์

เต้นตามเขาอย่างมากก็ได้คำชม "ยูเวรี่กู๊ด มาย ด็อกก์ก์"

มองไม่ออกหรืออย่างไร อย่างเราก็แค่หมูสนาม!

คนไทยบางคนโตจากนอก จบจากนอก วิถีคิดก็ต้องมาจากนอก ในกรอบความคิดของเขาของนอกย่อมดีกว่าเพื่อน

ดาราไทยก็หน้านอก

กินอยู่ก็แบบนอก

ความรู้ความคิดก็แบบนอก

วิถีคิด วิสัยทัศน์ก็นอกๆ

มีแต่เรื่องตายเท่านั้นที่ยังเป็นคนไทยวันยังค่ำ คือ "ตายอย่างเขียด!"

การรุกราน การรบเพื่อยึดอธิปไตย เปลี่ยนรูปแบบมาหลายสิบปี

ก้าวแรกรุกรานทางเศรษฐกิจ ก้าวต่อไป การรุกรานทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ กินแฮมเบอร์เกอร์ หรือกินสุกี้ หรือกินจอห์นนี่ วอล์คเกอร์

รุกเข้าไปในจิตใจทุกผู้ทุกคน สร้างค่านิยมตามแบบของเขา และจบลงที่ความเป็นมิตร ชื่นชมของคนต่างชาติ ประเทศนั้นดี ประเทศโน้นก็ดี

จะมาอาศัยกินอยู่ในแผ่นดินไทยก็ได้เลย เราเพื่อนแท้ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ!

เพราะขาดวิสัยทัศน์

เพราะมัวแต่สนุกกับการอยู่รอด

เพราะมัวแต่ห่วงปากท้องของครอบครัว

เพราะมัวแต่ห่วงภาพพจน์

เพราะขาดความคิดเสียสละ "เราจะให้อะไรแก่สังคม"

ความรู้ทุกวันนี้ลึกซึ้ง สลับซับซ้อน ศัพท์ใหม่จึงเกิด ความรู้ ต้อง "บูรณาการ" ทุกวิชาต่างเกี่ยวพันกันและกัน มุ่งเรียนวิชาโดด ก็เหมือนมองโลกแค่มิติเดียว เหมือนมองคนถูกลูกชายของฉันเหยียบตีน ช่างไม่เป็นผู้ใหญ่รู้จักให้อภัยเลย ก็ลูกผมยังเล็กไม่รู้ประสีประสา ว่าแล้วก็หันไปปลอบลูกชายตัวดี เอ่เอ๊…เอ่เอ๊…

เห็นใครตั้งชมรมคนกู้เมือง ตั้งสมาคมต่อสู้เพื่อแผ่นดิน ชมรมคนรักไทย ฯลฯ

จิตทาสคิดลบหลู่ พวกมือไม่พายเอาตีนราน้ำ พวกไม่มีอะไรทำ พวกเสียผลประโยชน์ ฯลฯ

เฉลียวใจสักนิด ใครกันที่หลงผิด?

ใครกันที่มิจฉาทิฐิ มองบ้านเมืองผิดเพี้ยน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

เทวทัตฤาจะรู้ตัวเองเป็นเทวทัต แต่ท่านมั่นใจว่าคิดถูก ทำถูก มองหมิ่นพระพุทธองค์ไม่เอาไหน ปฏิปทาอันเคร่งครัด ไหนว่าดีไยไม่ประกาศเป็นกฎให้สาวกปฏิบัติ

ฉันมังสวิรัติตลอดชีวิต

ใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร

นอนโคนไม้เป็นวัตร

บิณฑบาตเป็นวัตร

"ปัญญา" ไม่มี โอกาสทำสิ่งอัปรีย์ย่อมเกิดได้ทุกจังหวะ !

"ดวงปัญญา" ไม่ใช่เรียนสูง แต่จิตใจเปิดกว้าง พร้อมจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดอยู่รอบตัว

เศรษฐกิจปล่อยเติบโตอย่างเสรี ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก ทุนน้อยค่อยเจ๊งเลิกรา ทุนหนาก็สู้ได้นานกว่า

พอมีศูนย์การค้าเมื่อหลายสิบปี ร้านเล็กๆ ใกล้ๆบ้านเริ่มเจ๊ง

พอมีแม็คโคร โลตัส ขายทุกอย่างในราคาขายส่ง ร้านเล็กๆใกล้บ้านเจ๊งรอบสอง

แถมยังติดป้ายขณะก่อสร้าง "เรากำลังจะมาเป็นพี่น้องของท่านเร็วๆนี้!" ตลกกว่าคณะเชิญยิ้มเป็นไหนๆ

พอมีร้านเซเว่น ร้านแฟรนไชส์ มินิมาร์ท ฯลฯ ร้านที่กำไรเข้ากระเป๋าคนเดียว รวบรวมของใช้ของจำเป็นเอาไว้ที่ร้านแห่งเดียว เน้นสะดวกสบายรวดเร็ว

ร้านเล็กๆ เจ๊งรอบสาม ตะปูตอกฝาโลงปิดสนิท ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

เศรษฐกิจพอเพียง ชุนชนแข็งแรง อย่าคิดว่า อยู่ตามชนบทไร่นาป่าเขา สังคมเมืองก็มีเช่นเดียวกัน เปลี่ยนจากทำเกษตรมาเป็นค้าๆขายๆ

ซื้อของแค่คนละชิ้น เพื่อนบ้านของเราเขาก็พออยู่รอด

ซื้อที่อื่น ๑ ชิ้น เหมือนค่อยๆตัดเส้นเลือดทีละเส้น !

ทุกวันนี้ ระหว่างกิจการของนายทุนใหญ่ กับเจ้าของร้านชาวบ้าน เราเลือกใคร?

แค่ซื้อของยังมองไม่ออก ปากก็บอกเลือก "หิวอย่างไทย" แต่การกระทำกลับกลายเป็น "อิ่มอย่างทาส"เสียทุกที หลักการสวยหรูแต่ต้องเจาะลึก "พฤติกรรมการดำรงชีวิต"

รู้แล้วยังทำ เรียกพวก เห็นแก่ตัว (โลภะ) ไม่รู้แต่ก็ยังทำก็ต้องเรียกพวก ขาดวิสัยทัศน์ (โมหะ)

สงคราม ณ วันนี้ วิวัฒนาการไร้เทียมทาน

จากอาวุธมีดผาหน้าไม้ ปืน ระเบิด ฯลฯ สร้างใหม่ ซ่อนเร้นเห็นยาก เป็นอาวุธ "เศรษฐกิจ"

โจมตีด้วยระบบการค้า

โจมตีด้วยเงินกองทุนอันมหาศาล

ไม่มีประเทศไหน รอดจากเหยื่อหฤโหดนี้ได้ ไม่มีประเทศไหนรอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ไม้ยมกอีกสิบตัว เพื่อยืนยันว่าน่ากลัวจริงๆ)

การส่งอาวุธไปสมทบพวกก่อการร้าย เริ่มจืดจางในบางประเทศ เหนือชั้นกว่า คือยื่นเสนอให้ทุนการศึกษา แก่ลูกหลานผู้นำของประเทศเป็นเป้าหมาย(เหยื่อ)

ประหยัดกว่าอาวุธ เพราะได้หมดสิ้นลงไปถึงวิญญาณ!

เมืองไทยจะใช้ก็ไม่มีใครห้าม ลูกอเมริกามันก็รวยไป ขอเป็นลูกเขมร พม่าใกล้ชายแดนก็แสนคุ้ม ทุนการศึกษาปีละไม่กี่แสน แต่ ๑๐ ปี ข้างหน้า เราจะได้พี่น้องร่วมสาบานเป็นโขยง

เปิดห้องเรียนสัก ๑ ห้อง สอนเรื่องสงครามทุกรูปแบบให้แจ่มแจ้ง

เด็กวันนี้จะได้ไม่โง่เหมือนพวกเราในวันหน้า

ชีวิตต้องมีศักดิ์ศรี

หาแต่มีคนคิดเพียงอิ่มปากอิ่มท้อง สังคมไทยก็รอดยาก

คนเรานั้น รักชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใดๆ แต่เหนือชีวิตคือ "ศักดิ์ศรี"

ลูกผู้ชายฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้

การเป็นตัวของตัวเอง ตัดสินด้วยตัวเอง มิใช่บงการชี้นิ้วจากคนนอก ก็เป็นศักดิ์ศรี

การฮาราคีรีของซามูไรญี่ปุ่น ก็เป็นศักดิ์ศรี

พูดคำว่า "รักชาติ" วันนี้มีสักกี่คน ฟังแล้วเลือดลมพลุ่งพล่าน?

มโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์
แขนมอบถวายทรงธรรม์ เทิดหล้า
ดวงใจมอบเมียขวัญ และแม่
เกียรติศักดิ์รักข้า มอบไว้แก่ตัว.

(เราคิดอะไร ฉบับ ๑๑๙ คอลัมน์ ธรรมดาของโลก จะได้ไม่ต้องโศกสลด)