ฉบับที่ 180 ปักษ์แรก 1-15 เมษายน 2545

[01] บทนำข่าวอโศก: รักษ์ศีล 8 ให้ยืนยาว
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "ท่องไปกับพ่อฯ"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ: "สดจากปัจฉาสมณะ โดย สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ"
[04] นางงามรายปักษ์: "นางทองห่อ ไชยรัตน์ "
[05] กสิกรรมธรรมชาติ: "โศกนาฏกรรมชาวไร่ที่แคนาดาในโลกยุคจีเอ็มโอ"
[06] ข่าว: "ชมร.เชียงใหม่เริ่มบุญนิยมอีกระดับ ทำอาหารแจกลูกค้าทุกเดือน"
[07] ข่าว: "ปลุกเสกฯ ฝึกเจโตฯ คึกคัก เพ่งเผากิเลสตนเพื่อศาสนา ด้วยอนุสาสนีปาฏิหาริย์"
[08] ศูนย์สุขภาพ: "พิษจากฝุ่นในบ้าน"
[09] ข่าว: "ม.6 จาก 3 สถาบันมุ่งฝึกตนที่ภูผาฯ ดำเนินชีวิตเรียบง่ายในค่าย 'มหัศจรรย์' "
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า
[11] ข่าว: "พุทธธรรมสันติอโศกสัมมนาที่ของกลุ่มบูรพาอโศก"
[12] ข่าว: "สันติอโศกจัดงานปิดภาคใหญ่ ผนวกงานเอื้อไออุ่นสู่ชุมชน"
[13] ข่าว: "สมณะมัชฌิมะ(5-9 พรรษา) ประชุมที่บ้านราชฯ และร่วมเดินจาริกครั้งที่ 3"
[14] ข่าวสั้นทันอโศก: "พรวันสงกรานต์'45 จากผู้อายุยาวยืน"
[15] ตารางงานกสิกรรมไร้สารพิษ เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 9 ณ ชุมชนราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี



รักษ์ศีล 8 ให้ยืนยาว

ผู้รู้กล่าวว่า การทำดีเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าการทำดี คือ การทำความดีได้ อย่างต่อเนื่อง

การเข้าร่วมงานปลุกเสกฯเพื่อฝึกถือศีล 8 ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่การรักษาศีล 8 ได้ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฐานของฆราวาสย่อมเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

ถ้าถามว่า การรักษาศีล 8 ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ดีไหม ชาวพุทธเราย่อมตอบ เป็นเสียงเดียวกันว่า ดีแน่

แต่จะทำอย่างไรจึงจะสามารถรักษาศีล 8 ได้อย่างต่อเนื่อง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมทั้งหลายมีฉันทะเป็นมูล

ฉันทะ ก็คือ ความยินดี พอใจ

ดังนั้นการรักษาศีล 8 ได้อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องเริ่มจากการมีความยินดี พอใจในศีล 8

โดยเฉพาะในงานปลุกเสกฯที่ผ่านมา หากใครสามารถสร้างความยินดี พอใจในการ ฝึกตัวเองได้จนไม่รู้สึกเบื่อ และยินดี พอใจที่จะฝึกฝนตัวเองแบบไม่อยากให้จบงาน ไวๆ ก็ย่อมเป็นพื้นฐานหรือเป็นมูลให้เรามีพลังในการรักษาศีล 8 ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะสิ้นสุดงานไปแล้ว ก็พยายามหยิบยกมาทบทวนให้เกิดความยินดีพอใจที่ได้ไปฝึก ถือศีล 8 ในงานปลุกเสกฯเสมอๆ

แล้วสักวันเราก็จะสามารถรักษาศีล 8 ได้อย่างต่อเนื่องด้วยความยินดีพอใจ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ท่องไปกับพ่อฯ

ธรรมะพ่อท่านฉบับนี้เปลี่ยนบรรยากาศกันเล็กน้อย แต่รับรองว่าไม่ด้อยในเรื่อง เนื้อหาสาระอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม ท่านญาติธรรม สามารถ ค้นหาประโยชน์ อันมากมายด้วยตัวของท่านเอง ในธรรมะพ่อท่านเรื่องนี้ ซึ่งจะนำเสนอต่อเนื่อง ในรูป แบบของจดหมาย บันทึกเรื่องราวที่ `ปัจฉาฯ เฉพาะกิจ' บันทึกไว้ ครั้งที่มีโอกาส ได้ติดตามคณะเดินทาง ของพ่อท่าน ไปกิจธุระที่ชุมชนต่างๆ ที่จะปรากฏต่อไป ในจดหมาย ซึ่งญาติธรรมอ่านแล้ว จะได้รับธรรมะหลากหลาย ที่สะท้อนได้จาก การติดตามเรื่องราว การทำงานของพ่อท่าน แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ไม่กี่วันเท่านั้นก็ตาม ก็ต้องขอกราบ ขอบพระคุณ ท่านผู้เขียน ที่ได้กรุณา บันทึกเรื่องราว อันเป็นธรรมะ จากพ่อท่านมา ณ ที่นี่ ด้วย

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2545
กราบนมัสการครับ
ตีสี่ออกจากปฐมอโศกกับคณะของพ่อท่านถึงสีมาอโศก 07.45 น.

เวลา 08.15 น. ประชุมชาวสีมาอโศก 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ การอบรมลูกหนี้ ธ.ก.ส.,บัญชีรายรับ-รายจ่ายและการศึกษา

สรุป เรื่องอบรมลูกหนี้ ธ.ก.ส. ทำมา 7 รุ่น วันนี้รุ่นที่ 8 มาก็ประสบผลสำเร็จดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความร่วมมือสนับสนุนดี

ส่วนเรื่องบัญชีก็ให้ทุกหน่วยงานนำเงินเข้ากองกลางให้หมด ใครยังทำไม่ได้ก็ให้ พิจารณาออกจากงาน หยุดงาน หรือยุบฐานไป

ด้านการศึกษามีการขอตั้ง มวช.และสัมมาสิกขาพยายามที่จะยกเลิกการเป็นวิทยา เขตของศีรษะอโศก แต่ให้เป็นของสีมาอโศกเอง

ช่วงบ่าย พ่อท่านรับนิมนต์ไปเยี่ยมญาติธรรมที่ป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งป่วยมาประมาณ 5 ปี ดูมีกำลังใจที่ดี เบิกบานแจ่มใส แม้ต้องต่อสู้กับโรคร้าย พ่อท่านให้กำลังใจว่า ร่างกายไม่ดีแล้ว ให้ทำใจให้ดี การตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว

เด็กนักเรียนก็อยากจะพบพ่อท่าน แต่พ่อท่านไม่มีเวลาแล้ว เพราะเย็นพ่อท่านพบสมณะ สีมาฯ สะสางปัญหาของสมณะพ่อท่านบอกว่า การปฏิบัติธรรม เหตุผล คือเรื่องบ้า อัตตา คือ เรื่องจริง และเมื่อเช้าพ่อท่านสรุปการประชุมว่า ให้สมณะเข้ากันให้ได้ มาบวชแล้วไม่ทำลายอัตตา มาบวชทำไม สึกไปอยู่กับทางโลกโน่น. (อ่านต่อฉบับหน้า)

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2545 ทำวัตรเช้า พ่อท่านแสดงธรรมแก่ผู้เข้าอบรม ธ.ก.ส. สรุปว่า คนเราเกิดมา เพราะตามไม่รู้จึงหลงล่าลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทรัพย์แท้ คือ กรรม การเอากำไรเป็นบาป เพราะไปเอาเปรียบเขามา เป็นทุนนิยมซึ่งจะไปไม่รอด เรามาทำระบบบุญนิยม สังคมจะเกิดเศรษฐกิจที่ดี ความเป็นอยู่จะดีขึ้น เพราะมีการ แบ่งแจก แบ่งปันกัน

06.17 น.เดินทางออกจากสีมาอโศกแวะเยี่ยม ชมร.โคราช ก่อนออกเดินทางต่อ มีผู้ถามว่า ขาดอะไรมั๊ย (เช่น น้ำดื่ม) พ่อท่านก็ตอบกลับไปว่า "ขาดคนมาปฏิบัติธรรม" สิ้นเสียงก็มีผู้ขอต่อว่า "พ่อท่านช่วยหามาให้ด้วยค่ะ"

เวลา 06.45 น.ล้อหมุนถึงร้อยเอ็ดอโศก เวลา 10.05 น. พ่อท่านแสดงธรรม แก่ญาติธรรม และชาวบ้านที่มาต้อนรับ สรุปว่า ศาสนาพุทธ สอนให้คนมาลดละ มักน้อย เป็นคนจน ที่อุดมสมบูรณ์ มีการแบ่งแจก เอื้อเฟื้อเกื้อกูล ไม่แย่งชิง ขากลับ ออกมาร่วมถ่ายรูปกันที่สี่แยก ในหมู่บ้าน ที่มีป้ายต่อต้านชาวอโศก ทั้งป้ายเล็ก ป้ายใหญ่นับสิบป้าย (เดิมมี 2 ป้าย)

14.00 น.เดินทางต่อ ถึงสวนส่างฝัน จ.อำนาจเจริญ เวลา 16.00 น. มีผู้เข้า อบรมลูกหนี้ ธ.ก.ส. รุ่น 6 เป็นวันแรก พ่อท่านให้โอกาสลูกๆ เข้าคารวะ พูดคุยพอประมาณ จึงเดินดูสถานที่ ที่มีการเพาะปลูก พืชผักผลไม้ อากาศสดชื่นดี มีลมชายทุ่งพัดเอื่อยๆ อบอุ่น มีคลองชลประทานผ่าน ผู้ดูแลบอกว่าถ้า มาหลังออกพรรษา บริเวณรอบๆ จะสวยงาม พ่อท่านและทีมปัจฉาฯ สรงน้ำในสระ ทำให้ได้ยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายความเมื่อยขบ ที่ต้องนั่งรถนานๆ

เวลาประมาณ 1 ทุ่ม พ่อท่านเอื้อไออุ่นลูกๆ มีตัวแทนกลุ่มแก่นอโศก ถวายชื่อที่พากัน ขอเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยมีคำนำหน้าชื่อว่า "แก่น" รวม 26 คน ให้พ่อท่านตรวจดู ผล มีซ้ำกัน 8 คน นอกนั้นผ่าน ต่อจากนั้น ญาติธรรมกลุ่มบุญค้ำบุญคูณ และเด็กๆ หลายคนเข้ามา ขอชื่อใหม่จากพ่อท่าน โดยบอกชื่อเดิม จริตนิสัย และชื่อใหม่นั้น ชอบแนวไหน เช่น แนวธรรมชาติบวกธรรมะ เช่น ป่าบุญ บางคู่สามี-ภรรยา ก็ตั้งคู่กัน เช่น สร้างทำ-สร้างทาน มีเด็กชายคนหนึ่ง อายุ 4 ขวบ ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อความซน พ่อท่านก็เลยให้ชื่อใหม่ ว่า "ฝากพระ" ได้ยินบางท่านพูดว่า คงจะหายดื้อคราวนี้แหละ!

ก่อนจบรายการ พ่อท่านสรุปว่า ตัวท่านเองเข้าใจศาสนาพุทธแท้ๆ จึงเอามาบอกกัน มาสร้างสาธารณโภคี รุ่นเราทำไว้ รุ่นหลังตามมาอีก 2-3 รุ่น คนเขาจะเข้าใจ ทำไปเราจะมีจารีตประเพณี เป็นกลุ่มแก่น สร้างขึ้นมาเป็นหลักฐาน ลึกกว้างไป เรื่อยๆ หลายคนอบรมเขาก็คิดเข้าหาตัวเอง อบรมเขาถ้าเราไม่ดี มันไม่ได้ ไม่งั้น มันเสียทั้งตัวเองเสียทั้งผล เขาจะเห็นว่ามาหลอกเขา ตัวเองทำไม่ได้ไปสอนเขา ก็จะขมีขมันตัวเอง จบรายการเวลา 21.16 น.

จากการได้เดินทางติดตามพ่อท่าน ทำให้ได้เห็นว่า แม้การเดินทางจะเหนื่อยอยู่แล้ว แต่พ่อท่านยังเอื้อลูกๆ ไม่แสดงให้เห็นเลยว่า เหนื่อยเพลีย ในสถานการณ์ใดๆ ท่านก็ยังสดชื่น เบิกบานอยู่เสมอ.

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 ไม่ได้ลุกทำวัตรเช้ากับผู้เข้าอบรม จะได้ให้พ่อท่านพักเต็มที่

บิณฑบาต ผู้คนใส่บาตรมาก วันนี้มีสมณะ 7 รูป ปกติมีแค่ 2 รูป ชาวอีสาน กระตือรือร้น ขวนขวายใส่บาตรดี เดินนานร่วม 2 ช.ม. อากาศเย็นๆ เพราะลมพัดแรง

ก่อนฉัน พ่อท่านแสดงธรรมเรื่อง ความฮัก 10 มิติ ภาคภาษาอีสาน อ่านหนังสือมา แล้วทั้งเล่มเก่า และที่เขียนใหม่ มาฟังอีก ก็ยิ่งเป็นการซ้ำ ให้ชัดยิ่งขึ้น สรุปคือ ความรักต้องไม่เห็นแก่ตัว รักแล้วเป็นประโยชน์คุณค่า แก่คนที่เรารัก ทรัพย์แท้ๆ คือ กรรม คนมารวย ไม่เก่งเท่าคนมาจน พระพุทธเจ้าเป็นคนจน คนเราดีที่สุด สุดยอดของคนคือ ไม่เอาอะไร ทุกวินาทีเป็นกรรม กรรมเป็นสมบัติ ทรัพย์แท้อยู่ที่สมรรถนะ และขยัน

ราวๆ บ่ายโมง ออกจากสวนส่างฝัน ถึงศีรษะอโศก เวลา 15.15 น. เด็กๆ เห็นพ่อท่าน ต่างดีใจกันใหญ่ ใครๆเห็นพ่อท่าน ก็จะชวนคนใกล้ๆมากราบ ค่ำนี้ผู้เข้าอบรมฯ ธ.ก.ส. รุ่นที่ 11 ของศีรษะอโศก แสดงละครของแต่ละกลุ่ม พ่อท่าน ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจ กระทั่งเวลา 20.12 น. พ่อท่านก็เปิดโอกาส ให้ทีมนกกระ จอกเทศ ซึ่งเป็นคณะทำงานอบรมฯ เข้าพบ ขอกำลังใจจากพ่อท่าน พ่อท่านบอกว่า งานอบรมทำให้พวกเรารวมตัวกัน และพูดถึงการอบรม ที่สวนส่างฝันว่า มีศิลปะประกอบดี ส่วนที่สีมาอโศก ยังแข็งๆอยู่ พูดถึงความขัดแย้งว่า ตัวการก็คือ อรูปอัตตา โดยเฉพาะ การเอาแต่ใจตัว

ตามพ่อท่านครั้งนี้จะได้ยิน 2 คำนี้บ่อย ไปที่ไหนก็พูดก็เน้น อีกข้อความหนึ่งก็คือ "เหตุผลคือความบ้า อัตตาคือความจริง" ฟังแล้วได้ทบทวน ตรวจสอบ ตัวเองไปด้วย ตรวจสอบความบ้า และความจริงของตัวเอง จบด้วยฝากท้ายจากพ่อท่านว่า "เอาให้ดี เอาให้ได้ ได้ให้ดี" ภันเตผืนฟ้า อนุตตโร บอกว่า ให้นำไปเป็นโศลก งานปลุกเสกฯปีนี้ แต่พ่อท่านไม่ทันได้ยิน

ก่อนกลับที่พัก หลังจากพ่อท่านเตรียมจำวัด โดยกราบสามครั้งแล้ว จะกราบลาพ่อท่าน ขอบพระคุณ ที่ท่านเปิดโอกาส ให้ได้ปรนนิบัติรับใช้ และกราบขอขมา ในสิ่งที่ผิดพลาด บกพร่อง.

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2545 เช้ากราบพ่อท่าน เป็นการขอโอกาสรับใช้ และแสดงสัมมาคารวะ ต่ออาจารย์ พ่อท่านนำบิณฑบาตในชุมชน คุณขวัญดิน สิงห์คำ นำดูจุดสำคัญๆ เช่น โรงเก็บกระ เทียม โรงปุ๋ย โรงทำอ้อยทราย และโฆษณา ประชาสัมพันธ์เก่งเหมือนเดิม

ประทับใจเด็กนกกระจาบ ตอนเช้าๆ พากันมากวาดถนน โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาควบคุม ไปแต่ละที่ จะมีนักเรียนทำงานกัน อย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่มีการเล่น ระหว่างทำงาน สมกับเป็นหมู่บ้านเด็กจริงๆ ไปทางไหน ก็มีเด็กอยู่เป็นหลัก ที่นี่สอนกันได้อย่างไร ทำไมถึงเข้าถึง จิตวิญญาณเด็กได้ขนาดนี้ เทียบกับปฐมโศก ยังห่างกัน 1 ขั้น เด็กปฐมฯ ถ้าเล่นน้อยลงจะดี ถ้าเพิ่มการเอาใจใส่ ให้วิญญาณได้จะดี ความเข้าใจส่วนตัว คิดว่า สมณะ คุรุ พื้นฐานของคน ชุมชนนี้แหละ รวมกันเป็นเบ้าหลอม ผู้ให้มีค่ารวมเช่นใด เด็กก็มีคุณธรรม คุณภาพตาม ค่าเฉลี่ยนั้นๆ เปรียบเทียบสามฐานะ ของผู้ใหญ่ ทั้งสองที่แล้ว ต่างกันจริงๆ

ก่อนฉันพ่อท่านแสดงธรรม และ ตอบปัญหาผู้เข้าอบรมฯ ธ.ก.ส. โดยสรุปคือ ให้เรามาเป็นคนจน จนอย่างสมบูรณ์ จนอย่างประเสริฐ เอื้อเฟื้อ เสียสละ เป็นคนจน ที่มีประโยชน์ต่อโลก เป็นคนสร้างสรร แจกจ่ายเจือจาน บุญนิยมจะไม่รวย ใครสะสมให้ตัวเองรวย เป็นคนเลว ทุนนิยม คือ กอบโกย ให้ตัวเองมากๆ ให้พวกพ้อง ใครฉลาดมาก ก็เอาเปรียบได้มาก ลัทธิทุนนิยมเลวร้าย ทำให้สังคมไปไม่รอด โทรทัศน์ หลอกทุกวัน ดูมากก็โง่มาก หาได้เท่าไร ก็ไม่พอกินพอใช้ เพราะถูกหลอก เอาไปหมด ผีจริงอยู่ในคน คือ จิตวิญญาณโง่ จอโทรทัศน์คือ เวทีให้ผีมาเต้นหลอก ช่วงโทรทัศน์แต่ละช่วง คือ โรงผี

ขณะฉันภัตตาหาร พ่อท่านเปิดโอกาสให้นักเรียน ม.6 ที่ผ่านขบวนการกลุ่มที่ภูผาฯ มาแล้ว เข้าพบ และแต่ละคน เปิดใจถึงความรู้สึก จบลงด้วยการ ร้องเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมา เนื้อหาคือ "เราจะรวมกันให้ได้" ตามด้วย ม.วช.เปิดใจ แถมท้ายด้วย ม.วช.ที่ถือศีล 8 ไม่ได้ 1 คู่ มาคืนเข็มให้พ่อท่าน พ่อท่านรับคืน โดยไม่ถามอะไรสักคำ พ่อท่านมาเปิดเผยทีหลังว่า เห็นตั้งแต่ที่สวนส่างฝันแล้วว่า คู่นี้แปลกๆ และบอกชื่อทั้งคู่ การจำชื่อลูกๆได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่น่าทึ่ง ในความจำ ของพ่อท่าน ท่านจำได้ขนาดว่า ใครมาขอเปลี่ยนบ่อยๆ ทั้งๆ ที่นานๆ พบกัน ขนาดผมทำงาน กับนักเรียน เจอกัน พอนานวันเข้า ก็ลืมชื่อแล้วก็มี ต้องแง้มสมุดดูอีกครั้ง

อำลาศีรษะอโศก
ตอนบ่ายโมง คุณจ้อย มรฐ.และอโศกน้องชาย พาไปดูหินทรายที่ อ.น้ำยืน ใกล้ๆไร่ผลไม้ที่อโศกทำอยู่ เผื่อว่าพ่อท่าน จะสนใจ และคิดนำไปใช้ ประโยชน์

จากลานหิน บ่ายสองตรง มุ่งสู่ราชธานีอโศก ถึงตอน 15.45 น. เก็บของเข้าที่ พ่อท่านก็นำสำรวจ ตรวจตราจุดต่างๆ ก่อนจะเข้าที่ทำงาน เมื่อลืมตา พ่อท่านอยู่กับงาน ตลอดเวลา ขนาดเวลานั่งรถเดินทาง แทนที่จะงีบจะหลับ พักเอาแรง แต่พ่อท่านใช้เวลานั้น อ่านหนังสือพิมพ์ แม้เทปในรถหมดรอบ จนวนมาเริ่มต้นใหม่ ยังรู้และบอกคนคุมเครื่อง ให้เปลี่ยนม้วนใหม่ ขณะที่ลูกศิษย์ ที่ติดตาม ก็หลับๆตื่นๆ ไปตามๆกัน ความอุตสาหะพากเพียรของพ่อท่าน เป็นสิ่งที่เป็นแบบอย่างอันดี เป็นผู้ที่บริโภค อย่างเป็นเจ้าของ ที่แท้จริง.

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2545 เมื่อคืนภันเตแน่วแน่ สีลวัณโณ บอกว่าพรุ่งนี้เช้า ปลุกพ่อท่าน ตีสามสิบห้า จึงเข้านอน ตั้งแต่สามทุ่ม นอนเพลิน จนภันเตมาเรียก เพราะได้เวลาแล้ว พ่อท่านนำทำวัตร และเทศน์ทำวัตรเช้า เนื้อหาก็พูดถึง อัตตา 3 โดยเน้นที่ อรูปอัตตา ให้ลดละ โดยพูดคำเดิมที่ว่า "เหตุผลคือความบ้า อัตตาคือความจริง" มีคุณหินอ่อน คอยพูดแทรก เป็นระยะๆ ถามสามเณรกระบี่ฟ้าว่า สมณะรูปอื่น เทศน์แล้ว เป็นแบบนี้มั๊ย ก็ได้คำว่า ไม่เป็น มีแต่กับพ่อท่าน เพราะพ่อท่านมีเมตตามาก

พ่อท่านนำบิณฑบาตในเมือง มีกระแสว่า หลังปีใหม่แล้ว คนใส่บาตรมากขึ้น พ่อท่าน พูดว่า "บิณฑบาตมื่อนี่หมาน" หมายถึง บิณฑบาตวันนี้ได้ของเยอะ ไม่ได้ไปไหน หลังฉัน ประจำการที่กุฏิ มีภันเตฟ้าไทแวะคุยด้วย คุยกับภันเตทีไร ได้ความรู้เพิ่มทุกที เสียดายภันเตก็งานมาก เวลาจะคุยกันจึงน้อย เด็กๆ สมุนพระราม พากันนำสำรับ มาถวายพ่อท่าน เป็นภาพที่ประทับใจ เวลาเล่น จะเล่นกันเป็นกลุ่ม สนุกสนานเฮฮา เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ เป็นสีสันของบรรยากาศ สำหรับชุมชน ที่กำลังก่อร่าง สร้างตัว แม้แต่คุณน้อย (ร้อยแจ้ง) ก็พาเด็กๆเล่น พาเด็ก สนุกสนานเฮฮากัน ส่งเสียงลั่น ด้วยความเบิกบานใจ

ภันเตหินมั่น สีลาปากาโร อยู่ที่บ้านราชฯ และที่ไม่คิดว่า จะได้พบกันที่บ้านราชฯ คือ ภันเตธรรมทาบฟ้า และสมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ พี่น้องเคยอยู่ด้วยกัน เจอกันรู้สึกอบอุ่นใจ จากกันหลายวันเจอกัน ความเป็นพี่เป็นน้อง ยังคงเดิม เกือบสี่ทุ่ม พ่อท่านจึงมาพัก งานเขียนของพ่อท่านมีมาก และเดือนนี้ มีเวลาทำงาน เพียง 22 วัน เพราะต้องไปงานพุทธาฯ พ่อท่านเปรย เมื่อหลายวันก่อน พอหันมองดูตัวเองแล้ว รู้สึกว่า ยังมีหลายอย่าง ที่ทำเพื่อสนอง กิเลสอัตตา บำเรอตนเอง ให้สมใจตนเอง ยังเห็นแก่ตัว ช่างห่างไกลลิบลับ กับพ่อท่าน ผู้ทำงานทุกอย่าง โดยไม่หวัง จะได้อะไร กลับคืนมาให้ตัวเอง ท่านจึงยิ่งใหญ่ เพราะท่านเป็นผู้ให้ ที่แท้จริง.

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ช่วงบิณฑบาต ภันเตหินแก่น นมวังโส ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขบวนการกลุ่มไปถึง ไหนแล้ว ไม่คิดว่า ภันเตท่าน จะสนใจเรื่องนี้ จึงตอบว่า ยังไม่ถึงไหนเลยครับ การทำงานกับคนนี่ยากมาก กับนักเรียนนี่ไม่เท่าไหร่ แต่กับครูนี่ยากมาก ถ้าเปรียบกับ การก่อสร้าง ตอนนี้ก็อยู่ในขั้น เทพื้นเท่านั้นเอง ยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน

วันนี้ลองคิดว่า ระหว่างการทำงาน กับแวดวงนักเรียน กับการติดตามพ่อท่าน จะเลือกอันไหนดี! คิดว่าการติดตามพ่อท่าน ก็มีส่วนช่วยนักเรียนทางอ้อม เพราะสิ่งที่พ่อท่านทำอยู่ ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อเด็กๆ อยู่แล้ว การอยู่ใกล้พ่อท่าน ก็เหมือนการได้คบบัณฑิต ผู้มีปัญญา มีความรอบรู้ ท่านเป็นแบบอย่าง ของผู้ขยัน เบิกบาน ทำงานไม่รู้ว่าเหนื่อย หรือไม่เหนื่อย อยู่ใกล้ท่าน ได้รู้ ได้ฟัง ในหลายสิ่ง ที่ไม่เคยฟัง ทำให้มีไฟมีพลัง ที่จะปฏิบัติธรรม ลดละกิเลส ให้ยิ่งๆขึ้น ส่วนการอยู่กับนักเรียน ก็เหมือนการเลี้ยงลูกอ่อน มีเรื่องราว มีปัญหา มีผัสสะมากมาย เป็นตัวสะท้อน ให้รู้จักอัตตา มานะ ราคะ โมหะของตัวเอง ได้รู้ ได้เห็น ตัวตนของตน และ พยายามปฏิบัติ ลดละกิเลสลงไป การได้ช่วยเด็ก ก็เป็นประโยชน์เขา ได้ลดละกิเลสในตัวเรา ก็เป็นประโยชน์ตน

ถามตัวเอง ตอบตัวเองว่า มีโอกาสติดตามพ่อท่าน ก็เหมือนมาประจุไฟ ให้แรงขึ้น แล้วเอาแรง เอาพลังนั้น ไปทำงานต่อ ข้อบกพร่องของตนเอง เห็นได้ชัด ในเวลาที่ผ่านมา คือ ยังนิ่งไม่พอ ยังสงบไม่พอ เย็นไม่พอ เมตตาไม่พอ ที่จะทำงานได้ดี ตั้งใจว่า กลับไปครั้งนี้ เป็นการไปเริ่มต้นใหม่ ฝึกจิตใจให้นิ่ง-สงบ-เย็น-เมตตา-อุเบกขา ให้มากพอ ที่จะทำงาน กับคน คนที่ดิ้น-ซัดส่าย-เร่าร้อน-เอาแต่ใจ-ฝึกตัวเราจากเขาให้ได้

โดย ปัจฉาฯเฉพาะกิจ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สดจากปัจฉาสมณะ โดย สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ

งานปลุกเสกฯครั้งที่ 26 ที่เพิ่งผ่านไป พ่อท่านมีอาการท้องอืดและท้องเสีย แถมมีไอ บ้างเล็กน้อย

ผู้เขียนเข้าใจว่าอาการท้องอืด มาจากวิถีชีวิตที่พ่อท่านต้องนั่งทำงานวันละ 15 ช.ม. หรือกว่านั้น ชีวิตขาดความสมดุลในอิริยาบถสี่ นั่งเป็นส่วนใหญ่ นอนเป็น ส่วนรอง 6-7 ช.ม. เดินกับยืนน้อยเต็มที เป็นเช่นนี้มากว่า 20 ปี

ยิ่งช่วงงานมีการประชุมหลายคณะ ในช่วงหลังทำวัตรเช้า ทำให้ไม่ได้เดินบิณฑบาตเลย มีผลส่งให้ระบบการย่อย ทำงานได้ไม่ดี ประกอบกับยา และอาหารถวาย หลายตำรับ จากความเชื่อ ที่หลากหลาย (ไทย จีน อินเดีย ฝรั่ง) อาการท้องเสียครั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่า มาจากมาซาล่าผสมน้ำผึ้ง ที่คุณไม้ร่ม ทำถวายให้ คุณไม้ร่มขออภัยว่า ครั้งนี้ ใส่ขมิ้นมากไป ฝ่ายพยาบาล ที่ดูแล ยืนยันว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่พ่อท่านฉันมาซาล่า แล้วท้องเสีย ครั้งแรก ที่บ้านราชฯ นั่นก็มีอาการไอด้วย ครั้งที่สอง ที่สันติอโศก คุณไม้ร่ม ทำเป็นลูกกลอนมา คุณไม้ร่มยืนยันว่า คนอินเดีย กินมาเป็นพันๆปีแล้ว "แต่กับอาตมา ท้องเสียมา 3 ครั้งแล้ว" พ่อท่านกล่าว

เรื่องอาหารถวาย คงเป็นเรื่องยากที่จะห้าม สำคัญอยู่ที่พ่อท่านเอง พิจารณาแล้ว สมควรฉัน เพื่อเอื้อทาน หรือเลี่ยง เมื่อเห็นว่าจะเสี่ยง กับพิษภัย ส่วนญาติโยม ควรวางใจ ถวายแล้วก็แล้วกัน พ่อท่านจะฉันน้อย หรือไม่ฉันอย่างไร ก็เป็นเรื่องของพ่อท่าน ไม่ควรแสดงท่าที บีบคั้น หรือ คะยั้นคะยอ ให้ฉันของตน ยิ่งช่วงงาน อาหารถวาย ยิ่งมากกว่าปกติ ถ้าพ่อท่านต้องฉัน เพื่อรักษาน้ำใจ ของคนถวายทั้งหลาย ท้องไส้พ่อท่านเอง จะลำบาก เป็นไปได้ไหมว่า "อาหารหลายสูตร ยาหลายตำรับ จะทำให้พ่อท่าน อายุสั้น" การที่มีการรักษา ทั้งแผนไทย แผนจีน แผนฝรั่ง ไปพร้อมกัน แล้วมีคำพูด เปรียบเปรยว่า "จะเป็นแมวสีไหน พันธุ์อะไร ก็ไม่เกี่ยง ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน" ถ้าคิดอย่างตรรกะตาม จะเป็นไปได้ไหมว่า "แมวหลากสี หลายพันธุ์ จะกัดกันเอง จนตาย ที่เหลือรอด ก็ไม่มีแรงจับหนู"

สิ่งที่อยากจะให้ช่วยกันคิด โดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการประชุมต่างๆในช่วงหลัง ทำวัตรเช้า ทั้งงานพุทธาภิเษกฯ และปลุกเสกฯ เป็นไปได้ไหม ที่งานในครั้งต่อๆไป จะเลื่อนไปประชุม เวลาอื่น อาจจะเป็นช่วงก่อน หรือหลังรายการภาคบ่าย ช่วงหลังทำวัตรเช้า อยากจะให้หลีกเว้น การประชุมใดๆ เพื่อพ่อท่าน จะได้มีเวลา ใช้อิริยาบถเดินบ้าง โดยบิณฑบาตในชุมชน ญาติโยมที่อยู่ห่างไกล นานๆจะได้ทำบุญ ใส่บาตรพ่อท่านบ้าง เป็นการยาก ที่จะหาเวลาอื่น ให้พ่อท่านได้เดิน เพราะจะมีคนมา ปรึกษาโน่นนี่ บ้างก็มากราบ มาคุยทั่วๆไป บ้างก็มาขอ ให้ตั้งชื่อใหม่ หรือ พ่อท่านเองก็ จะมีงานเขียน หรือไม่ ก็อ่านข่าว ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็อยู่ในท่านั่ง แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุป ที่ยืนยันได้ว่า การเดินบิณฑบาต จะช่วยทำให้พ่อท่าน ท้องไม่อืด ได้จริงหรือไม่ ก็น่าจะเห็น แก่ช่วงเวลา ให้พ่อท่าน ได้ผ่อนคลาย สมองบ้าง

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


นางทองห่อ ไชยรัตน์

ชื่อ นามสกุล นางทองห่อ ไชยรัตน์
วัน เดือน ปี เกิด เกิดเดือน 12 ปีฉลู
อายุ 78 ปี
ภูมิลำเนา จังหวัดนครปฐม
การศึกษา ไม่มี
สถานภาพ แต่งงาน บุตร 7 คน
ส่วนสูง 146 ซ.ม.
ส่วนสัด 39-37-41
น้ำหนัก 52 กิโลกรัม

 พื้นเพ

แม่ค้าขายผักผลไม้ พ่อเป็นเถ้าแก่รับซื้อข้าว ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะช่วยแม่ค้าขาย จนกระทั่งอายุ 33 ปี จึงได้แต่งงาน มีบุตรด้วยกัน 7 คน(เสียชีวิตไป 2 คน) สามี ไปบวชอยู่วัดข้างนอกใกล้ จ.นครปฐม บุตรทุกคนมีฐานะทางครอบครัวดี

 พบธรรมะ

ปี 2540 ลูกชายชื่อสมเจตน์ พามาอยู่ที่ชุมชนศาลีอโศก โดยพักอาศัยอยู่บ้านญาติ ธรรมที่นี่ได้ 1 ปี ต่อมายายจึงปลูกบ้านอยู่ที่นี่ โดยมีรายได้ จากค่าเช่าที่ และจากลูกๆ เป็นบางคราว

 เสียสละ

ได้บริจาครถ 10 ล้อและรถกระบะให้ศาลีอโศก รถกระบะให้ทักษิณอโศกและรถ แลนด์โรเวอร์ให้ภูผาฟ้าน้ำ บริจาคเสื้อผ้าให้ นร.ศาลีอโศก ถวายยาให้สมณะอาพาธ น้ำท่วมบ้านราชฯ ยายก็ซื้อเรือแปะบริจาค 4 ลำและช่วยเงินอีกจำนวนหนึ่ง

 น้ำใจงาม

ยายสุขภาพยังแข็งแรง ขยัน ปลูกผักสวนครัวรอบบ้าน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ มีเมตตาจิต ต่อทุกชีวิต ใส่บาตรเป็นประจำ ได้ฟังธรรมทุกวัน มีเพื่อนบ้านที่อบอุ่น อยู่ใกล้ชิด สมณะ และได้ขัดเกลาจิตวิญญาณของตัวเอง

ปัจจุบันยายมีความสุขด้วยแรงบุญกุศลที่มีในอดีต-ปัจจุบัน ด้วยใบหน้าที่อิ่มบุญและชีวิต ที่เรียบง่ายในชุมชนศาลีอโศกแห่งนี้.

นักข่าวเบอร์จู๋น รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


โศกนาฏกรรมชาวไร่ที่แคนาดา ในโลกยุคจีเอ็มโอ

ตั้งแต่เกิดก็คือเกษตรกร เรียกว่าพอลืมตาก็รู้จักวิธีการปลูกพืชผักได้แล้ว เขาเป็นคน รุ่นที่ 3 ตั้งบรรพบุรุษอพยพมาจากดินแดนแถบทวีปยุโรป

เพอร์ซี่เล่าให้ฟังว่า "ผมอยู่ที่เมืองบรูโน รัฐสแคตชาวาน อากาศค่อนข้างหนาว ครอบครัวผม ปลูกต้นคาโนล่า (Canala) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ให้น้ำมันแล้วก็เจอฟ้องร้อง จากบริษัทมอนซานโต้ (Monsanto) ว่า ผมใช้เมล็ดพันธุ์ของเขาซึ่งเป็นเมล็ด พันธุ์จีเอ็มโอ พูดง่ายๆ ก็คือผิดกฎหมายทั้งๆที่ครอบครัวผมปลูกและพัฒนาสาย พันธุ์ของเมล็ดโดยวิธีการตามธรรมชาติมา 50 กว่าปีแล้ว"

เพอร์ซี่ยังเล่าต่อว่า ในเมื่อพัฒนาเมล็ดตามธรรมชาติได้ แล้วจะซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ตัดแต่งยีนทำไม ดังนั้น จึงเกิดคดีการฟ้องร้องขึ้น

"เพื่อนบ้านผมใช้เมล็ดจีเอ็มโอของบริษัทนี้ทั้งนั้น เมื่อเขามาสุ่มตรวจไร่ของผมก็เจอ ไปด้วย อาจเป็นเพราะลมพัดละอองเมล็ดเข้ามายังไร่ผม อีกอย่างบ้านผมก็เคยโดน พายุทอร์นาโดเช่นกัน เป็นไปได้ทั้งนั้น"

เพอร์ซี่รำลึกถึงเหตุการณ์ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ตัดแต่งยีนคาโนล่า มาบีบให้ยอมความต่อไป ว่า ถ้าเพื่อนบ้านพบว่าใครปลูกคาโนล่าจีเอ็มโอของเขาแล้ว ไม่เสียค่าเมล็ดก็ให้บอก ด้วย อาจมีรางวัลให้ ไม่น่าแปลกใจว่า เกือบทั้งหมดจึงหันมาใช้เมล็ดพันธุ์ของบริษัท นี้

"เขาโฆษณามากว่า เมล็ดนี้จะทนต่อยาปราบวัชพืชราวด์อัพได้อย่างดี เท่ากับว่าจะ ได้ลดยาฆ่าแมลง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ยิ่งฉีดยาฆ่าแมลงไม่ได้ผลก็ต้องฉีดยามากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้พืชตายกลับทิ้งผลของยาฆ่าแมลง ยาฆ่าแมลงก็เป็นยาของบริษัทเขา เขามาตรวจไร่ของผม ถือว่าบุกรุกแต่ก็ไม่ผิดกฎหมาย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน บริษัททำเหมือนตนเองเป็นตำรวจ"

ทำให้เขาต้องเสียเงิน 15 เหรียญต่อ 2 ไร่ครึ่ง หรือ 1 เอเคอร์ เกษตรกรหลาย คนก็เจอวิธีการนี้ โดนฟ้องและก็ต้องยอมความนอกศาล ก็จะได้เงินไม่เท่าไหร่แค่ 13,000 ดอลลาร์ ทำให้ชาวนาคนอื่นไม่กล้าฟ้อง

แต่สำหรับเพอร์ซี่ "ไม่"

"ถ้าผมยอม ผมก็ต้องบอกว่าผมผิด และ ก็รับเงินไปซึ่งไม่ถูกต้อง อีกอย่างผมก็อยากจะ ให้เป็นคดีตัวอย่าง ผมก็อยากฝากบอกชาวนาไทยเหมือนกัน อย่าไปยอม เรื่องจะให้Šปลูกเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอ เพราะเท่ากับว่าคุณต้องเสียค่าเมล็ดมากมายทั้งๆที่เมล็ด สามารถเกิดให้ธรรมชาติได้"

"ถ้าบริษัทที่ผลิตจีเอ็มโอทั้งหลาย สามารถกล่อมให้เกษตรกรใช้เมล็ดของตน ในที่สุด บริษัททั้งหลายก็จะครอบครองโลกได้อย่างแน่นอน"

เพอร์ซี่เสริมต่อไปว่า ทุกวันนี้คนในอเมริกาและแคนาคาก็อยากจะให้รัฐบาลประกาศ ติดฉลากจีเอ็มโอเช่นเดียวกัน แต่ทว่าบริษัทเหล่านี้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลทำให้ ทำไม่ได้

"ก่อนหน้านี้สัก 2 ปี ก็ยังเจอเมล็ดพันธุ์พืชที่บริสุทธิ์ในอเมริกาเหนือ แต่แล้วเมื่อมี การพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชจีเอ็มโอของ 6 บริษัท ก็ไม่เหลือเมล็ดพันธุ์ตามธรรมชาติแท้ อีกต่อไป ผมยังต้องไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์แท้จากยุโรปเลย"

"ตอนนี้ไทยยังปลอดภัยอยู่ที่ยังไม่มีเมล็ดจีเอ็มโอ แม้ว่าผลิตภัณฑ์อาจมีปนเปื้อนบ้าง ก็ ต้องขึ้นกับรัฐบาลประเทศนั้น อย่างยุโรปก็ห้ามนำเข้าเมล็ดและถ้านำเข้าก็ต้องติด ฉลากด้วย ผลก็คือประชากรไม่ยอมรับ เขาใช้สิทธิของเขาไม่ซื้อ ก็ทำให้ขายไม่ได้"

เพอร์ซี่ทิ้งท้ายไว้ว่า

"เกษตรกรไทยต้องไม่ยอมเรื่องนี้ อย่าให้รัฐบาลนำเข้าเมล็ดจีเอ็มโอ ใช้สิทธิของ ชาวนาไทยออกมาเรียกร้องเพื่อความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ต่อไป".

ชนิตร์นัยน์ ณ บางช้าง
(จาก น.ส.พ.มติชนรายวัน 10 มี.ค.2545)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชมร.เชียงใหม่เริ่มบุญนิยมอีกระดับ ทำอาหารแจกลูกค้าทุกเดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2545 ญาติธรรมกลุ่มภูผาฟ้าน้ำรวมพลังไปช่วยงานที่ ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาเชียงใหม่(ชมร.ช.ม.) เพื่อทำ อาหารมังสวิรัติแจกแก่ลูกค้าทุกคนที่มาบริโภคที่ร้านในวันนี้ ส่วนลูกค้าที่ต้องการ อาหารไปบริโภคนอกสถานที่ก็ให้ซื้อตามปกติ

เพื่อพัฒนาระบบบุญนิยมในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม ที่ขายถูกกว่าท้องตลาดอยู่แล้ว แต่ กลุ่มภูผาฟ้าน้ำที่บริหาร ชมร.เชียงใหม่ตามนโยบายของสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมเห็นว่า เราควรพิสูจน์บุญนิยมในระดับที่สูงขึ้นในขั้นสูงสุด คือ แจกฟรี ถ้าสามารถทำได้ก็พึง รีบทำ

การค้าบุญนิยมจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ขายต่ำกว่าท้องตลาด ขายเท่าทุน ขาย ขาดทุน และแจกฟรีเป็นที่สุด

บรรยากาศการแจกอาหารในวันนี้ มีความอบอุ่นและคึกคักกันดี ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย 2 โมง โดยที่ลูกค้ามิได้รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อนเลย แถมในวันนี้ยังมีลูกค้ามามากกว่าปก ติ แต่ชาวชมร.ช.ม.ก็ให้บริการอย่างยิ้มแย้มเบิกบานกันดี

นอกจากนี้อาหารที่ใช้ทำแจก ก็เลือกเฉพาะที่แน่ใจว่า ไร้สารพิษเท่านั้น เพื่อเป็น ของขวัญและเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าทุกคนที่มารับบริการ

พืชผักไร้สารพิษ ที่นำมาใช้ปรุงอาหาร ก็ได้มาจากชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ลานนาอโศก บ้าน ญาติธรรมและลูกค้าที่นำมาสมทบ อาหารจึงมีมากมายหลายชนิด

คุณใบจริง นาวาบุญนิยม เหรัญญิกของชมร.ช.ม.ให้สัมภาษณ์ว่า "ทุกจุดในร้านต่างก็ สนุกสนานในการทำงานโดยเฉพาะหลังร้านที่มีแผนกล้างถ้วยชาม ภาชนะต่างๆ ก็มี เด็กๆ ซึ่งเป็นลูกหลานญาติธรรมมาช่วยโดยมีพี่แจ็คเป็นหัวหน้า งานลุล่วงไปได้ด้วยดี ทุกคนเตรียมตัวจะเดินทางไปงานปลุกเสกฯ จึงช่วยกันเก็บร้านได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันเวลารถออกเดินทาง

ลูกค้าได้รับทั้งอาหารกายและอาหารใจฟรีในวันนี้ เพราะแจกหนังสือดอกหญ้าด้วย มี ลูกค้าหลายคนขอทำบุญด้วยเงิน แต่เราไม่รับได้บอกไปว่า `คุณมารับประทานอาหาร คุณก็ได้บุญแล้วค่ะ'"

คุณรัตนาภรณ์ (หนึ่งในธรรม) บุญยัง ผรช.ชมร.ช.ม. กล่าวว่า "การแจกอาหารŠเพื่อรณรงค์ให้สมาชิก ชมร.ช.ม.รู้จักรับประทานอาหารจากพืชผักไร้สารพิษ โดย เน้นผักพื้นบ้าน ผักป่า ซึ่งได้นำมาทำเป็นอาหารให้สมาชิกทุกคนได้รับประทานฟรีที่ ร้านในวันนี้ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้พิสูจน์ 'บริโภคบุญนิยม' อย่างเห็นผลว่าเป็นไปได้ ที่ สำคัญเป็นการรวมน้ำใจของญาติธรรม ซึ่งต่างคนต่างได้นำผักมาจากบ้าน รวมทั้ง จากชุมชนภูผาฯ ลานนาฯโดยเป็นผักไร้สารพิษที่ปลูกเอง รวมทั้งผักป่า-ผักพื้นบ้าน มากมาย มาช่วยกันทำอาหารแจก รู้สึกอบอุ่นในความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพลังรวมใน การทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์ 'บุญนิยม' ของเราชาวอโศก"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปลุกเสกฯ ฝึกเจโตฯ คึกคัก
เพ่งเผากิเลสตนเพื่อศาสนา ด้วยอนุสาสนีปาฏิหาริย์

เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร กระชับความสัมพันธ์เครือข่ายต่างๆ เพื่อเพิ่มอธิศีลให้กับตนเอง

งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 26 และโครงการพัฒนาประชาธิปไตย ด้วยการเมืองระบบบุญนิยม ครั้งที่ 2/2545 จัดขึ้น ณ ชุมชนศีรษะอโศก ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-6 เม.ย. 2545

ก่อนเริ่มงาน สมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรม นร.สัมมาสิกขาฯ และ ม.วช.จากเขตต่างๆ เดินทางมาช่วยเตรียมงาน ในช่วงของการเตรียมงาน มีฝนตก แทบทุกวัน แต่ในระหว่างงาน ฝนกลับหยุดตก ราวปาฏิหาริย์

ครั้งนี้มีสมณะเกจิอาจารย์ทั้งหมด 44 รูป และสิกขมาตุเกจิอาจารย์ 16 รูป ทำ หน้าที่ปลุกเสก ด้วยอนุสาสนีปาฏิหาริย์ สร้างคนให้เป็นพระ เกิดอาริยญาณ

สำหรับรายละเอียดของงาน มีดังต่อไปนี้

31 มี.ค. (09.00-10.00 น.) พิธีเปิดงาน โดยรอง ผวจ.ศรีสะเกษ นายจารุพงษ์ พลเดช หลังจากนั้นพ่อท่าน นำปฏิญาณศีล 8

ทำวัตรเช้า
เริ่มเวลา 03.30-05.30 น. พ่อท่านแสดงธรรม จากหนังสืออีคิวโลกุตระ ในหัวข้อ "อีคิวโลกุตระ" อธิบายแจกแจงรายละเอียด ตั้งแต่รูปฌาน-อรูปฌาน ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ ต่อจากงานพุทธาฯ ลึกซึ้งและมากคุณค่า ไม่เกินคำโฆษณา เพราะท่านจะไม่เคย ได้ยิน ได้ฟังมาก่อน จากอาจารย์รูปไหน ในเมืองไทย

ธรรมก่อนฉัน
เริ่มเวลา 09.00-10.00 น. สมณะและสิกขมาตุ แสดงธรรมหมุนเวียน ในแต่ละวัน ยกเว้นวันที่ 1 เม.ย. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปาฐกถาธรรมเรื่อง บุญกรรมของจำลอง และในวันสุดท้ายของงาน เป็นการสรุป งานปลุกเสกฯ ครั้งที่ 26

ธรรมภาคบ่าย
เริ่มเวลา 14.00-16.00 น. สมณะ สิกขมาตุแสดงธรรม หมุนเวียนเช่นเดียวกัน ยกเว้นวันที่ 2 เม.ย.เป็นการสัมมนากลุ่มย่อย ใกล้ชิดชีวิตสมณะ การสัมมนากลุ่มย่อย แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ 1.สร้างดิน กสิกรรมเตรียมแปลง สำหรับปลูกผัก 2.เตรียมหมักแปลง สวนรวมบุญ 3.เตรียมที่ปลูกยางนา เพื่อเศรษฐกิจชุมชน 4.ใส่ปุ๋ยชีวภาพ ฉีดจุลินทรีย์ 5.ปุ๋ยกู้ชาติ ชมการสาธิตการทำปุ๋ย ของกลุ่มบ้านม่วง และใกล้ชิดสมณะ มีการฝึกเจโตสมถะ ฟังธรรมที่ลานขวนขวาย ศาลาใหญ่ และ บริเวณซุ้มสมณะ - สิกขมาตุเกจิฯ บรรยากาศคึกคัก ทุกคนให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดีด้วยใบหน้า ยิ้มแย้ม แจ่มใส ในวันที่ 4-5 เม.ย.เป็นรายการตอบปัญหา สร้างพระแท้ๆของพุทธ โดยพ่อท่าน

ธรรมภาคค่ำ
บริเวณลานขวนขวาย เริ่มเวลา 18.00-20.00 น. เป็นรายการสัมภาษณ์ปฏิบัติกร ในหัวข้อต่างๆ และในวันที่ 3 เม.ย. เป็นการสัมภาษณ์ เกษตรกร และเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. ที่ผ่านการอบรม หลักสูตรสัจธรรมชีวิต จากศูนย์ต่างๆ ว่า กลับจากการอบรมแล้ว แต่ละท่าน มีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปในทางที่ดี อย่างไรบ้าง และในคืนสุดท้าย ของวันที่ 5 เม.ย.เป็นรายการ 2 นาทีทองของเกจิฯ ซึ่งสมณะ และ สิกขมาตุเกจิฯ แสดงธรรมสั้นๆ เป็นคติเตือนใจ และให้กำลังใจ แก่ญาติธรรม รูปละ 2 นาที ดำเนินรายการ โดยพ่อท่าน บรรยากาศทั่วไปของงาน อากาศค่อนข้างร้อน ในช่วงเช้า อากาศจะเย็น สบายที่สุด การงานแต่ละแผนก มีนิสิต ม.วช. นร. และผู้สมัครเรียน รร.สัมมาสิกขาฯ แต่ละ แห่ง เข้ามารับผิดชอบ อย่างขยันขันแข็ง

2 วันแรกของงานญาติธรรมให้ความร่วมมือมาลงทะเบียนเป็นอย่างดี มีญาติธรรมนำ สบู่ซักล้างและเท็ปธรรมะ มาแจกให้กับผู้มาลงทะเบียน นอกจากหนังสือ สารอโศก ที่แจกเป็นประจำอยู่แล้ว อาหารภายในงาน ปรุงด้วยพืชผักผลไม้ไร้สารพิษ โดยญาติธรรม แต่ละกลุ่ม หมุนเวียน เข้ามารับผิดชอบ ในแต่ละวัน และมีแกงถั่ว เพื่อสุขภาพบริการทุกวัน

ทำวัตรเช้า หลังรับประทานอาหาร มีการประชุมต่างๆ เช่น การประชุมกสิกรรม ธรรมชาติ ประชุมใหญ่พรรคเพื่อฟ้าดิน สัมมนาพี่เลี้ยง จากศูนย์ต่างๆ ประชุมเครือ ข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ ประชุมพาณิชย์บุญนิยม ประชุม ต.อ.

หลังรับประทานอาหาร มีรายการธรรมะขึ้นกระดานดำ บริเวณลานทราย หน้าโรงซังข้าวโพด สนทนาธรรม ซักถามปัญหา สำหรับคนใหม่ บริเวณหน้าโบสถ์ และลานวิหารพระธาตุ และฝึกเจโตสมถะ เป็นอุปการะต่อฌาน บริเวณลานขวนขวาย เวทีภาคค่ำ โดยสมณะ-สิกขมาตุ หมุนเวียน ไปแสดงธรรม ซึ่งได้รับความสนใจ จากญาติธรรม เป็นอย่างดี

ระหว่างงานมีแบบสอบถามประเมินอาริยธรรมของญาติธรรม ซึ่งก็ได้รับความŠร่วมมืออย่างดี เช่นเดียวกัน และเปิดจองหุ้นบริษัท ภูมิบุญ เนเชอรัล เฮลธ์ โพรดัคส์ จำกัด ที่ดำเนินการ ในระบบบุญนิยม จำหน่ายสินค้า ของกลุ่มชุมชน ชาวอโศกเป็นหลัก มีญาติธรรมสนใจ มาจองพอควร นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตต่างๆ มากมาย เช่น สาธิต การทำปุ๋ย การทำนมถั่วเหลือง เป็นต้น

ในส่วนของที่พักญาติธรรมได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ บริเวณส่วนหน้าใกล้ ศาลาฟังธรรม จัดไว้สำหรับผู้กางกลดและมุ้ง และบริเวณด้านหลัง สำหรับผู้กางเต็นท์ และก่อนรับประทานอาหาร นิสิตทีมพลาภิบาล ได้มาให้ความรู้ เกี่ยวกับสุขภาพ และทีม 5 ส. นำเสนอ วิดีโอภาพ บริเวณที่พัก ของผู้มาร่วมงาน ทั้งที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และ ยังไม่เข้าข่าย 5 ส.

6 เม.ย.วันสุดท้ายของงาน เวลา 09.00 น.สมณะเดินดิน ติกขวีโร อ่านสถิติ ต่างๆของผู้มาร่วมงาน เสร็จแล้วผู้ประสานงานจากนิสิต ม.วช. 3 คน สรุป บรรยากาศ ตั้งแต่เตรียมงาน จนเก็บ(หาง) รวมถึงประโยชน์ตน ที่ได้รับ จากการทำงานครั้งนี้

ปิดท้ายด้วย สิกขมาตุรินฟ้า นาวาบุญนิยม ย้ำว่าศาสนาพุทธเป็นกรรมนิยม นับเป็น โอกาสทองที่พวกเราได้ทำงานอบรม ธ.ก.ส. ให้ทุกคน กลับไปเพิ่มอธิศีล ให้กับตัว เอง อย่าลืม เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร

และสมณะเดินดิน ติกขวีโร ฝากว่า ความดีให้ทำทันที อะไรคือสาระที่ควรทำ ให้กับตัวเอง ชีวิตของเราที่เหลืออยู่ ไม่มากนัก ควรมาร่วม ทำกุศล กับผู้มีกุศลบารมี ให้มากๆ และสิ่งที่ควรจัดการ มากที่สุดคือ ตัวเรา

เสร็จแล้วรับประทานอาหารร่วมกัน แล้วแยกย้ายกันไปเพ่งเผากิเลสตัวเอง เพื่อมาร่วมกัน ทำงานศาสนา ช่วยมวลมนุษยชาติต่อไป

สำหรับผู้มาร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้

นางดาวเพ็ญ นาวาบุญนิยม ราชธานีอโศก "มาร่วมงานเป็นครั้งที่ 21 ครั้งนี้ธรรมะเจาะถึงเวทนา 108 ละเอียดลออลึกซึ้ง ชอบธรรมะบนกระดานดำ เหมาะสมกับแต่ละฐานะบุคคล ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ ได้กระชับความสัมพันธ์ กับเครือข่ายต่างๆ ในการประชุม คกร. ประทับใจ 2 นาที ทองของเกจิฯ จดไว้เตือนใจทุกรูปเลย มาครั้งนี้เหมือนมาพักบ้านเก่า"

นางนิตยา ขาวนวล จ.สงขลา "มาร่วมงานครั้งแรก ฟังรู้เรื่องเข้าใจ ชอบทำวัตรเช้า และธรรมะก่อนฉัน สั่งจองเท็ปทำวัตรเช้า เพื่อกลับไปฟังทบทวน จะ ได้ธรรมะดีขึ้น เรื่องอาหารวางกับพื้น ดูไม่เหมาะสม เพราะอาจมีเศษทราย ตกหล่นลงไปได้ เวลาเดิน ควรห่างจากอาหาร สักระยะ เห็นมีคนวัดหญิง เดินผ่านด้วย ควรแก้ไข"

นายทรอย แซนโทส (ท่องไท สันโดษ สัญชาติอเมริกัน) ปฐมอโศก "มาครั้งที่ 2 แล้ว งานนี้ผมรู้สึกอึดอัด เพราะกำลังต่อสู้กับ จิตฤาษีในตัวเอง คนอยากทักทายผม แต่ผมอยากอยู่เงียบๆ แล้วผมก็รู้ว่า จิตฤาษีไม่ดี ผมพยายามทำใจ ให้เบิกบาน ก็กำลัง ต่อสู้อยู่ 50:50 ชอบรายการหลังอาหาร เตรียมความพร้อม ปีนบันไดฟัง อีคิวโลกุตระ โดยท่านสิริเตโชดีมาก ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น แม้ทำวัตรเช้า ผมจะงงเหมือนเดิม ที่ควรแก้ไข คือ ผมว่ามีการถ่ายภาพ มากเกินไป คือ ตากล้องมีหลายคน เรื่องนี้ จำเป็นหรือเปล่า ควรจะมีสักคนก็พอ และการถ่ายทอดภาพในศาลา ถ่ายคนโน้นคนนี้ ทำให้เสียสมาธิ ควรถ่ายพ่อท่านรูปเดียว หรือที่เกี่ยวข้อง ก็น่าจะพอ อาหาร 1 มื้อ สำหรับผมไม่ยาก โดยเฉพาะ อาหารธรรมชาติรู้สึกดี"

นายสัมพันธ์ แสวงผล จ.ภูเก็ต "มาร่วมงานเป็นครั้งที่ 4 ชอบทำวัตรเช้ามากที่สุด ฟังเข้าใจ ผมคิดว่าคำพูดของพ่อท่านทุกประโยค มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ มีข้อ คิดแฝงอยู่เสมอ ถ้าเราฉุกคิด เป็นธรรมะอยู่ตลอดเวลา ที่ควรปรับปรุงคือ ควรประชาสัมพันธ์ ชี้ชวนให้คน มาลงทะเบียน ให้มากกว่านี้ และ กรณีที่คนนำของเก็บได้ มาประกาศหาเจ้าของ ผู้ที่รับของ ควรเก็บข้อมูล จากผู้นำมาให้ ให้มากที่สุด เพื่อจะได้คืน เจ้าของที่แท้จริง"

น.ส.แก่นกลั่นบุญ แก้วตั้ง สันติอโศก "มาเป็นครั้งที่ 3 ปีนี้ฟังแล้วได้ ธรรมะที่ตรงกับตัวเอง บรรยากาศกับพี่ๆน้องๆ คนที่หายหน้าไป ก็ระลึกถึง ยิ่งมั่นใจ กับอโศกมากขึ้น เห็นการเติบโตของอโศก ยิ่งชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น ที่ควรแก้ไข คือ ตัวเอง ในเรื่องขวนขวายงานให้มากขึ้น รับรู้งานของหมู่ ให้มากขึ้น เพราะมักจะได้ยินเสมอว่า ตรงโน้นตรงนี้ขาดคน อยากให้พ่อท่าน มีอายุยืนยาว ดูความสำเร็จ".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พิษจากฝุ่นในบ้าน

ฝุ่นในบ้าน ที่เห็นว่าเป็นอันตรายชัดเจนที่สุด ก็คงเป็นฝุ่นที่อยู่ในห้องนอน เพราะเป็น ฝุ่นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจมากที่สุด คือ ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ จะมีอาการทั้งไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ จนกระทั้งรุนแรงมากที่สุดคือ โรคหอบหืด

สาเหตุของการแพ้ฝุ่นในบ้านก็เนื่องมาจากสารที่ปนเปื้อนมากับฝุ่นได้แก่ ตัวไร ซึ่ง เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในบ้าน ตามที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม เมื่อเราหายใจเอาตัว ของมันเข้าไป จะเกิดอาการหอบหืดขึ้นทันที การป้องกันง่ายๆ คือ การเอาเครื่องนอน หมอนมุ้ง ผ้าห่ม ไปตากแดดบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ตัวไรอยู่ไม่ได้

คนที่ชอบนอนที่นอนสูง ใหญ่ก็ต้องเอาที่นอนไปเคาะฝุ่นออกและตากแดดบ่อยๆ โชคดีที่พวกเราไม่ค่อยมีใคร ได้นอนที่นอนเช่นนั้น จึงเป็นการลดภาระลงอีกระดับหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ตาม เครื่องนอนอื่นๆ ที่เราใช้ ก็ควรต้องนำมาซัก และผึ่งแดดบ่อยๆเช่นกัน นอกจากไร จะเป็นตัวปนเปื้อน ของฝุ่นในบ้านแล้ว ยังมีสารเซลลูโลส ที่มาจากพืช คือ มาจากการสลายตัวของ หนังสือหรือกระดาษต่างๆ เสื้อผ้าเก่าๆ ที่เก็บไว้ในห้องนอนนานๆ ก็จะมีการสลายออกมา เป็นฝุ่นเซลลูโลส ซึ่งฝุ่นนี้ร่างกายของเรา ก็จะเกิดอาการแพ้ได้ง่ายมาก เช่นเดียวกับฝุ่นที่มีตัวไรผสมอยู่

ดังนั้นจึงควรป้องกันฝุ่นในบ้านเซลลูโลสนี้ด้วยการไม่เก็บ เศษกระดาษเก่าๆ หรือเสื้อผ้าเก่าๆ ไว้ในห้องนอน ควรมีการทำ 5 ส.ในห้องนอน อย่างต่อเนื่อง คือ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัยอยู่เป็นประจำ ท่านจะห่างไกลจากการแพ้ฝุ่นในบ้าน เมื่อทำ 5 ส.ในห้องนอนแล้ว ก่อนนอนทุกคืน ควรจะทำ 5 ส.ให้แก่จิตใจของเราด้วย ท่านอาจจะนั่งนิ่งสงบๆ สวดมนต์ไหว้พระ หรือพิจารณาสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง แล้วท่านจะหลับอย่างสบาย ถ้าท่านฝันก็จะ ฝันแต่ในสิ่งที่ดี มีกุศล ตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่นมีกำลังกายกำลังใจที่จะต่อสู้ในวันรุ่งขึ้น ลองดูก็ได้ค่ะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ม.6 จาก 3 สถาบันมุ่งฝึกตนที่ภูผาฯ
ดำเนินชีวิตเรียบง่ายในค่าย "มหัศจรรย์"

เมื่อวันที่ 15-24 มี.ค.45 มีการจัดอบรมค่ายมหัศจรรย์ รุ่นที่ 7 (รุ่นจับเสือ) มีนัก เรียนสัมมาสิกขาที่จบ ม.6 จาก 3 พุทธสถาน ได้แก่ ศาลีอโศก สันติอโศก ราช ธานีอโศก รวม 7 ชีวิต และยังมีลูกหลานญาติธรรมชาวเชียงใหม่อีก 2 ชีวิต มีสิกขมาตุและอาๆ จากศาลีฯ และสันติฯ ร่วมเดินทาง มาเป็นกำลังใจ ให้ผู้เข้าอบรม การอบรมครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ขัดเกลากิเลส (ขัดใจตน) เพิ่มสัมมาทิฏฐิ สร้างความยินดี เพื่อทำประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านแก่สังคมต่อไป

ต่างคน ต่างสถาบัน ต่างสถานที่ได้มาฝึกใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศที่ หนาวเหน็บเช่นเดียวกัน พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนสภาวธรรมซึ่งกันและกัน วันละ 3 เวลา โดยมีสมณะคอยให้สัมมาทิฏฐิ หัดสำรวมวจีกรรมโดยการพุทธัง (งดพูด) พิจารณาตรวจสติขณะเดินตามสมณะบิณฑบาต (เดินจงกรม) คุยกันฟังกันให้เวลากัน มากขึ้นก็เข้าใจกันมากขึ้น เป็นการสร้างมนุษยสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าอบรมอีกด้วย

นอกจากฝึกตรวจสอบจิตแล้ว ผู้เข้าอบรมยังได้มีโอกาสเรียนรู้และปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่ เรียบง่ายของชาวชุมชนภูผาฟ้าน้ำ บริโภคผักป่าไร้สารพิษ ที่มากด้วยประโยชน์ อยู่กับ ธรรมชาติ อยู่กับความไม่มีอะไร ผู้เข้าอบรมทุกคนมีความพยายามและมีใจยินดีที่จะ ปฏิบัติ แม้จะไม่ง่ายนัก ที่ต้องอดทน สู้กับความทุกข์ (ขัดใจตน) แต่พวกเขาก็ตระหนักดี ว่า สิ่งที่ยากกว่านั้น คือ การรักษาและกระทำให้ได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ผู้เข้าอบรมได้แสดงความรู้สึกต่อการเข้าค่าย ดังนี้

นายสุพจน์ พงษ์เจริญไพบูลย์ (ชะวา) "ที่ผมมาเข้าค่ายนี้ ผมชัดเจนในตนเองครับ มาเพื่อขัดเกลาตนเอง ฟังสมณะเทศน์ครั้งแรก รู้สึกว่ามีปีติยินดี รู้ตัวว่าโชคดี..."

นายเพชรสายฟ้า เพ็ญศศิธร (แนน) "ตอนแรกรู้สึกแค่มาตามเพื่อนมาตามระบบ ไม่ค่อยอยากฝึก คิดแต่ว่ามาแล้วจะได้เที่ยวป่า พักผ่อนหาสิ่งใหม่ๆ แต่พอได้ฝึกแล้ว รู้สึกสนุกได้กระตุ้นตัวเองให้รู้จักตัวมากขึ้น ได้รับแต่สิ่งดีๆ น่าอยู่มาก ถ้าไม่ติดตรง ความอยากผมจะมาอยู่ที่นี่ ชอบครับ อยู่แล้วได้ทั้งกำลังกายและใจ รู้สึกภูมิใจที่ครั้ง หนึ่งในชีวิต ผมเคยเป็นคนมหัศจรรย์ เข้าคอร์สมหัศจรรย์ครับ"

นายอดิเรก เผอิญดี "นับเป็นบุญที่ได้มา คอร์สนี่ทำให้ผมได้หันมามองตนมากขึ้น ตั้งŠคำถามว่าตัวเองต้องการอะไร ผมพยายามตั้งใจจดเขียน และหัดสรุป ในแต่ละวันทั้งที่ ไม่ชอบ เพื่อจะนำมาทบทวนไม่ให้หายไป

รู้สึกประทับใจสมณะที่เอาภาระ ท่านเน้นในเรื่องของจิตใจ ให้พยายามอ่านใจตน เอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมก็ตั้งใจ ที่จะทำตาม แม้จะสงสัย ในการปฏิบัติ ค่อนข้างเยอะ แต่อย่างน้อย ผมก็ได้ทำสิ่งที่คิดว่ายาก และมีประโยชน์ตนและท่าน"

นายปรเมษฐ์ ทัศโน "มาครั้งนี้ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งดีมากๆที่เกิดขึ้นในตนเอง คือ ได้เข้า ใจและรู้กว้างขึ้นกว่าเดิม ได้ผสมความรู้เก่ากับใหม่ ความรู้ใหม่เป็นเหมือน ไม้ขีดไฟเพียงก้านเดียวที่มาจุดถังน้ำมัน เป็นเหมือนกุญแจไขประตูไปอีกมิติหนึ่ง ทำ ให้ได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงอย่างบอกไม่ถูก ขอสัญญาว่า จะเดินทางสายนี้ ต่อไปครับ"

นายดุษฎี มุนีเวช "ได้รับความรู้ที่เป็นสัจธรรมมากขึ้น ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะ คิดถึงศีลให้มากๆ เพื่อให้ตนเองมีจิตสูงขึ้นแต่อัตตาต่ำลง มาครั้งนี้ ทำให้รู้จักมองมุม ตรงกันข้าม ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่รู้จักวิธีในการแก้ไขจึงไม่รู้ทางออก ต่อไปผมจะ พยายามเอาชนะกิเลสและหมั่นพิจารณาจิตของตน"

น.ส.สุพิณทอง นุ่มนวล "เห็นว่าตัวเองได้พัฒนาขึ้นอยู่เหมือนกัน พัฒนาออกจาก โลกที่มีแค่เรากับเพื่อนที่สนิทไปหาโลกใหม่ที่มีใครๆอีกหลายคน ได้ฝืนใจข่มใจ ได้ฝึก มองตัวเอง อยู่บนนี้ไม่มีผัสสะมากเหมือนข้างล่าง เหมือนทุกคนพร้อมจะปฏิบัติแบบ เดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันได้ ตัวถือสาไม่ค่อยมี คนก็น้อย คือแบบทดสอบ ยังไม่มาก แต่จะว่าไปก็ดี ทำให้เราได้จับเสือ (ผัสสะ) ตัวเล็กๆก่อนจะไปเจอ เสือใหญ่กว่านี้

จับเสืออย่างเดียวยังไม่พอ ยังทำให้ได้ฝึกมองโลกในแง่ดีขึ้น มองคนอื่นในทางบวก สรุปคือให้รู้จักชื่นชมคนอื่น ตำหนินั้น ให้ขุมทรัพย์ตนเอง เพื่อจะได้พัฒนาตน ให้สูงขึ้น เรื่อยๆ..."

น.ส.ฝนทอสาย บุญสุภาพ "ไม่รู้สึกกับการเดินทางไกล อาจเป็นเพราะ เหนื่อย โรงครัว ศาลาฟังธรรม ศาลาบรรพชนก็ไกล น้ำก็เย็นแม้แต่ตอนเที่ยง อาหารก็น้อย ที่พักก็เล็ก เลยทำให้คิดถึงบ้านเก่าที่เคยอยู่มา

พอฝึกได้ 8-9 วัน ก็เพิ่งเข้าใจอะไรได้มากขึ้น โดยการชี้แนะของสมณะ ทำให้ได้ เปรียบเทียบบ้านเก่าบ้านใหม่ เป็นนักปฏิบัติธรรมต้องอยู่ได้ทุกที่ วันสองวันแรกไม่ทัน คิด แต่สมณะบอกว่าคนเราต้องโง่ก่อนฉลาดอยู่แล้ว ทำให้ความมั่นใจและความยินดีที่Šไม่มีเลยพุ่งขึ้นเต็ม 100 %

คอร์สนี้ได้ฝึกหลายอย่าง แต่การที่ต้องหาผลผลิตจากภูผาฯรู้สึกว่ายาก ต้องขึ้นเขาลง ห้วยกว่าจะได้มา แล้วยังต้องเจอกับวันพุทธัง ต้องกินข้าว`เอกภัต' ซึ่งตรงกับวัน จันทร์ เป็นข้าวที่มีอะไรก็ใส่รวมกันไปหมดก็นึกหวั่นใจเหมือนกัน แต่ใจก็พาตัวให้ ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ทำอะไร ต้องคิดเสมอ ต้องอยู่ง่ายและกิน ง่าย

กิเลส ความอยาก ผีร้ายเปรียบเสมือนเสือ ต้องใช้สติและการพิจารณาเป็นอาวุธใน การกำจัด และทำให้รู้ว่า เราต้องมีสติให้มากขึ้น ต้องคิดถึงศีล ให้มากๆ ในทุกย่าง ก้าวของชีวิต"

น.ส.ศศิธร เรียวชัยภูมิ "มาเพราะรู้ว่ามีประโยชน์ วันแรกๆก็ดียังทนได้ อาจคง เพราะยังไม่โดนจุดที่เรายึด แต่พอผ่านไปสัก 5-6 วันกิเลสเริ่มดิ้นแรง เรื่องปริญญา แบบโลกๆซึ่งยังยึดอยู่มากจริงๆ อยู่มาจนถึงวันกลับก็คิดว่าอยู่ที่นี่ได้นะ เริ่มลงตัวแล้ว อยู่ที่นี่ประทับใจชาวชุมชนในความเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ถือสากัน รู้สึกอบอุ่นดี

กลับไปอยากทำประโยชน์ตนและสถาบันการศึกษาของเรา อยากตอบแทนบุญคุณผู้มี พระคุณ อยากทำความดี ไม่อยากปล่อยให้เวลาเปล่าประโยชน์ เข้าคอร์สแล้วทำให้ เรามีหิริโอตตัปปะมากขึ้น จะพยายามไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้ (ศีล 5 ทานมังสวิรัติ) ค่ะ".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

หน้าปัดชาวหินฟ้า

:: เจริญธรรม พบกับน.ส.พ.ข่าวอโศกฉบับที่ 180(213) ปักษ์แรก 1-15 เม.ย.2545

:: ฉบับนี้อยู่ในช่วงประเพณีสงกรานต์ วันปีใหม่ของไทยเราแท้ๆ แต่ตั้งเดิม ฉบับนี้เลย ถือโอกาสนำพร จากใจผู้มีอายุยาวมาฝากลูกหลาน ชาวอโศกกันด้วย พลิกไปอ่านให้ชื่น ใจได้ในฉบับ

:: อีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาด คือ คอลัมน์ "สดจากปัจฉาสมณะ" อ่านแล้วจะซึ้งกับหัว ใจพระโพธิสัตว์ แล้วพวกเราในฐานะลูกควรทำอย่างไร จิ้งหรีดว่า ผู้เขียนท่าน แนะได้น่าคิดฮะ

:: มาแล้วจ้าๆ...สถิติผู้มาร่วมงานปลุกเสกฯ ปีนี้ ได้มาว่า กทม.ยังคงรักษาสถาน ภาพแชมป์ใหญ่..ญ ไว้ได้ (281 คน) ตามด้วยเจ้าภาพ จ.ศรีสะเกษ (249 คน) และอันดับสามได้แก่ จ.อุบลราชธานี (225 คน) โดยผู้ร่วมงานอยู่ในช่วงอายุ 41-50 ปีมากที่สุด (515 คน) เอ...อย่างนี้จะตีขลุมเอาเองว่า ชาวอโศกเมือง กรุงก็มีเจโตทนความลำบากกับเขาได้เหมือนกัน สาธุ...จี๊ดๆ

:: ขุมทรัพย์งานปลุกเสกฯ...รอง ผวจ.ศรีสะเกษกล่าวเปิดงานปีนี้ได้อย่างน่าประทับ ใจ แถมยังนั่งฟังธรรมจากพ่อท่านจนจบ เห็นแล้วน่าชื่นชมจริงๆ.. เรื่องของมีค่า ที่นำมางานปลุกเสกฯ หรืองานใดๆ ของชาวอโศก จิ้งหรีดเห็นว่า ไม่เอามา หรือเอาไว้ติดตัว ก็น่าจะเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ต้องกังวล และตัดปัญหา เรื่องของมีค่าหาย เพราะที่ใด มีคนมามาก พวกผีเปรต ที่แอบแฝง เข้ามาขอส่วนบุญ ก็จะมาด้วยเป็นธรรมดา.. การตักอาหาร ถ้าไม่เห็นแก่เพื่อน จนรีบเลื่อนภาชนะอาหารให้เพื่อน ก็ควรคิดถึงคนตรงข้าม ที่มิใช่เพื่อนห่างไกล ในแถวอาหารด้วยเช่นกัน..

:: เรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ในการสร้างชาติให้ก้าวหน้า งานปลุกเสกฯคราวนี้ ก็มีการประชุมคุรุสัมมาสิกขา ทุกแห่ง ก็ได้ข้อสรุปว่า ลองร่างหลักสูตร การศึกษาบุญนิยม ที่มีแนว ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา ของแต่ละแห่ง มาให้ดูกัน ในวันที่ 3 มิ.ย.2545 ที่บ้านราชฯ เพื่อให้เหมาะกับ วิถีชีวิต ของชุมชน แต่ละแห่ง จิ้งหรีดขอแสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่ง..

:: ฝ่ายร้านอาหารมังสวิรัติของชาวเรา โดยเฉพาะ ชมร. ทุกสาขา คุณเล็ก (ดาบบุญ) เสนอว่า น่าจะขายอิ่มละ 20 บาท ใครกินอาหารเหลือ เพราะตักมากินมากเกินไป ก็จะถูกปรับ ซึ่งพ่อท่านก็ว่า ไอเดียดี เป็นการฝึกให้คนรู้จัก ประมาณในการกิน (ไม่ให้เหลือ) พ่อท่านเลยช่วย ตั้งชื่อการค้าอาหาร แบบนี้ว่า "อิ่มเอง" ซึ่งก็จะประหยัดแรงงาน โดยเฉพาะฝ่ายขาย ได้หลายคนทีเดียว..

:: มีสิ่งที่น่าประทับใจในการจัดงานครั้งนี้คือ เราไม่ต้องใช้ผักชีโรยหน้าอีกแล้ว เพราะการโรย เมล็ดถั่วเขียว ในบริเวณที่ต้องการ ให้มีสีเขียว แบบพรึบเดียว ก็เขียวได้นั้น ได้ผลดียิ่งกว่า ผักชีโรยหน้าเสียอีก ไม่เชื่อก็ไปดู ได้ที่ศีรษะอโศก ซึ่งไม่ต้อง ซื้อญ้งซื้อหญ้า มาแปะให้เขียวเลย เป็นการบำรุงดินอีกทางหนึ่งด้วย ถ้าไม่มีพื้นที่ ก็สามารถปลูกในกระถาง แล้วเอามาวางเรียงกัน ก็ดูงามได้ แบบง่ายๆ แหม! ประโยชน์สูง-ประหยัดสุดแบบนี้ ผักชีก็ขายไม่ออกซิฮะ..

:: ในภาคบ่าย จิ้งหรีดเห็นสมณะนวกะ รวมกลุ่มไปขอฟังธรรม จากสมณะ เถรานุเถระ ดูแล้วน่า ประทับใจจัง ก็ขอชื่นชม ในความขวนขวาย ใฝ่การศึกษา แม้แต่ญาติโยม ในวันแยกกลุ่ม ย่อยไปทำกิจกรรมต่างๆ ก็ได้รับความสนใจ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ กลุ่มนั่งเจโตสมถะ นำโดยท่านมั่นแจ้ง กับท่านเก้าก้าว ก็มีญาติโยม รวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แม้จะเพิ่งเปิด ฐานนี้เป็นครั้งแรก...จี๊ดๆ

:: อัศจรรย์ใจ...งานปลุกเสกฯปีนี้มีอะไรใหม่หลายอย่าง แต่ที่น่าอัศจรรย์จนทำให้คน ฮือฮาทั้งนักบวชและญาติธรรม ถึงขนาดอุทานออกมาเสียงดัง จนคนใหม่ที่ไม่รู้ก็ต้อง พลอยเงียบสนใจไปด้วย ก็ในช่วง 2 นาทีของเกจิฯนั่นไง พอเห็นท่านพิสุทธิ์ พิสุทโธขึ้นพูดในรายการนี้ บรรยากาศก็เงียบ อย่างใจจด ใจจ่อว่า ท่านจะพูดอย่างไร เพราะตลอด 26 ปีของงานปลุกเสกฯ,พุทธาภิเษกฯ หรืองานไหนๆ ท่านไม่เคยขึ้นพูด เลย!

:: เชื่อไหมขนาดท่านพูดเกิน 2 นาที ผู้เคาะระฆังยังถึงกับนะจังงัง เพราะถูกเทวดา ง้างมือไม่ให้ตีระฆัง อีกทั้งคนฟังก็ยังเป็นใจ อยากฟังต่อ ไม่รู้สึกว่า ท่านได้พูดเกินเวลา ไปแล้วด้วยซ้ำ แถมขึ้นพูด ท่านก็พูดดังไปทั่วโลก เพราะโฆษณาเว็บไซด์ให้เปิด อินเตอร์เน็ตที่ท่านนำสาระจาก น.ส.พ.ข่าวอโศก พิมพ์เผยแพร่ ในคอมพิวเตอร์ได้ นี่เรียกว่า พอท่านเปิดปากเทศน์ที ก็ดังสั่นสะเทือนไปทั่วโลกเลยนะฮะ...จี๊ดๆ

:: อานิสงส์ของการเดิน!...ช่วงงานปลุกเสกฯ จิ้งหรีดเกาะอยู่ใกล้ๆ ฟังท่านคมคิด ทันตภาโว ภันเตของสมณะมัชฌิมะเล่าเรื่องระหว่างเดินจาริกจากบ้านราชฯมา ศีรษะฯว่า มีโยมมาคุยด้วยและบอกว่า ได้เห็นสมณะเดินจาริกตั้งแต่ปี'43 แล้ว อยากนิมนต์ให้อยู่ฉันที่หมู่บ้าน แต่คณะจาริกต้องเดินทางต่อ โยมก็ไม่ละศรัทธาอุตส่าห์ ลุกขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่ตี 2 เพื่อจะทันมาใส่บาตรก่อนสมณะออกเดินทางตอนตี 3 จิ้งหรีดฟังแล้วพลอยเห็นอานิสงส์ของการเดินเพิ่มอีกเรื่อง ยังๆ ไม่หมด เพราะเดินŠทางคราวนี้ มีเรื่องต้องขยายต่อ จะได้ร่วมอนุโมทนากัน ก็เรื่องท่านคมคิดนั่นแหละที่ เดินจาริกอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นดีกว่า เพราะวันสุดท้ายได้เป็นสมณะเถระ เพราะครบ 10 พรรษาในวันที่ 28 มี.ค.พอดิบพอดี แต่ท่านก็ออกตัวว่า ท่านกลายเป็นน้องเล็ก ของสมณะเถระ จิ้งหรีดฟังแล้วเห็นตัวอย่างของความอ่อนน้อมถ่อมตนฮะ ส่วนท่านชุ่ม บุญและท่านโพธิสิทธิ์ ก็ไม่น้อยหน้าได้อานิสงส์ไปไม่น้อย เพราะงานนี้เดินจนยางแตก (ฝ่าเท้าพองแตก)...จี๊ดๆ

:: ติดใจ๊ ติดใจ...2 นาทีจากเกจิฯ ที่หลายต่อหลายคนบอกว่าชอบจริงๆ จิ้งหรีดก็ เหมือนกัน แหม! เห็นเวลาแค่ 2 นาทีแค่นี้ก็เถอะ หลากหลายนับได้ถึง 4 ภาษา มี ทั้งอีสาน ปักษ์ใต้ (โดยท่านดินดี สันตจิตโต ชาวอีสานแต่กำเนิด แต่งานนี้แหลงใต้ ฮะ) เขมร และญี่ปุ่น (โดยท่านเก้าก้าว พร้อมอุปกรณ์ประกอบเรื่อง) ได้ ประโยชน์เป็นข้อเตือนใจกันโดยถ้วนทั่ว สาธุ...จี๊ดๆ

:: เก็บตก...อารมณ์ขันของชาวอโศกในงานพุทธาฯที่ผ่านมา เรื่อง ผลการตรวจ 5 ส. ที่บอกว่า "ได้มีการพัฒนาดีขึ้นเป็นบางส่วน หลังจากได้ฟังสมณะและสิกขมาตุเทศน์ แต่ก็ยังมีบางส่วน ที่ยังรอการพัฒนา อีกเล็กน้อย เช่น ที่พักฝ่ายชาย ด้านทางเข้าซ้ายมือ ก่อนถึงโรงแชมพู จะมีเสื้อผ้าพาดไว้กับราว เหมือนร้านขายผ้าสำเร็จรูป มีสีสันสวยงาม ตระการตา มุ้งสีเขียวและสีชมพูหวาน แหว๋ว แต่รอการเก็บชาย ให้ดูเป็นระเบียบ ที่พักฝ่ายหญิง ด้านติดกับห้องน้ำสิกขมาตุ คงชอบคนผมยาว สังเกตได้จากมุ้ง ผูกแกะไว้ สองชายดูปลิวไสวดี และใกล้ๆกันนั้น มีมุ้งสีขาวสองหลัง สงสัยมาไกล เลยต้องมีข้าวของเยอะแยะ และคงกลัวน้ำหนักลด เลยกักตุนเสบียง เผื่อมื้อต่อไป ส่วนบริเวณข้างโรงเรียน คงจะหาที่ตากผ้าได้ยาก เพราะสมาชิกเยอะ เลยใช้วิธีตาก แบบธรรมชาติ ใกล้เข้าไปอีกนิด บริเวณห้องเรียน ซึ่งเป็นที่พัก ก็อุดมไปด้วย ข้าวของ มากมาย และสงสัย จะรีบไปศาลา เลยไม่มีเวลา เก็บมุ้ง ที่พัก นร.ฝ่ายหญิง หลากหลายไปด้วย สีสันของเต็นท์ มุ้ง ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าแบบ วัยรุ่น ไม่ทราบว่า นักเรียน ต้องรับภาระ มากเกินไปหรือเปล่า จึงไม่ค่อยมีเวลา มาเก็บที่นอน ของตนเอง ที่พักนักเรียนชาย ก็อยู่กันแบบธรรมชาติ รอบๆ สระ ก็มีหลากหลาย บรรยากาศ ทั้งเต็นท์ กลด และมุ้ง ส่วนจะเรียบร้อยแค่ไหน ก็ขอเชิญชมได้ ซึ่งวันต่อไป เราก็จะมีคณะกรรมการ ที่ไปตรวจดู ได้ไปช่วยจัดทำ บางส่วนให้ท่าน เพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อย และ ตามมาตรฐาน 5 ส." จิ้งหรีดรู้สึกชื่นชม ในอารมณ์ขัน ของคณะกรรมการ 5 ส. ที่มีศิลปะ จึงทำให้ผู้ฟังรับได้ ในความปรารถนาดี ที่คณะทำงาน มีอยู่เต็มเปี่ยม ยืนยันพุทธพจน์ที่ว่า "การงานใดไร้ ซึ่งศิลปะ ย่อมไม่มีผลมาก"...จี๊ดๆ

:: ทำวิจัย...น.ศ.ปริญญาเอก อุบาสิการินธรรม อโศกตระกูล คุรุสัมมาสิกขาวังชีวิต กำลังศึกษาปริญญาเอก สาขาการศึกษา นอกระบบโรงเรียน คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเก็บข้อมูล ทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอก การพัฒนารูปแบบ การจัด การศึกษา นอกระบบโรงเรียน ตามแนวคิด ของชาวอโศก โดยในงานปลุกเสกฯ ได้มาสัมภาษณ์สมณะ - สิกขมาตุฝ่ายการศึกษา รวม 12 รูป และคุรุ 5 คน และ จะขอเก็บข้อมูลเพิ่มเติม จากชาวชุมชนอีก ในภายหลัง จิ้งหรีดเห็นหัวข้อ เรื่องวิทยานิพนธ์แล้ว ก็ขอกรีดปีก เชียร์เต็มที่ เพราะจะเป็นประโยชน์ อย่างกว้างขวาง...จี๊ดๆ

:: การประชุม...ในงานปลุกเสกฯ มีการประชุมหน่วยงานชาวอโศกหลายต่อหลาย หน่วยงาน อาทิ กสิกรรมธรรมชาติ เพื่อเตรียมงาน พฟด. ซึ่งจะจัดในวันที่ 4-6 พ.ค.2545 ที่ราชธานี อโศก ลักษณะงาน จะคล้ายๆงานตลาดอาริยะ แต่เปิดขายในระบบบุญนิยม ครบทั้ง 4 ระบบ คือ ขายต่ำกว่าท้องตลาด ขายเท่าทุน ขายต่ำกว่าทุน และแจกฟรี ทุกปีมีสินค้ากสิกรรม แต่ปีนี้ มีสินค้าแปรรูป จากกสิกรรม เช่น ชา สมุนไพร ฯลฯ แต่ต้อง ผ่าน อย.หรือ ต.อ.ก่อน โดยในงานนี้ ต.อ.จะนำเครื่องมือ ไปตรวจด้วย ส่วนผู้จะ นำสินค้า ไปจำหน่ายในงาน ขอให้ติดต่อผ่านแม่ข่าย ของแต่ละพุทธสถาน และจะต้องมี คุณสมบัติ 2 ข้อ คือ 1.เป็นผู้ที่ผ่านการอบรม ธ.ก.ส. จากเครือข่ายฯ 2.สินค้า ต้องไร้สารพิษ จิ้งหรีดก็ขอเชิญชวน ผู้สนใจไปร่วมงานกันได้

:: เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ ได้มีการเสนอ ให้แต่ละศูนย์ ทำรายงาน การอบรม ในแต่ละรุ่น ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อการทำงาน ในอนาคต โดยขอให้ส่งไป ยังศูนย์กลางฯ ที่ราชธานีอโศก เดือนละครั้ง

นี่ก็เป็นข้อมูลบางส่วนที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง...จี๊ดๆ

:: สังขารไม่เที่ยง...ได้ข่าวว่า คุณทองม้วน ธัญญานนท์ ญาติธรรมกลุ่มปากช่อง นอน รักษาตัวอยู่ รพ.มหาราช อ.เมือง จ.โคราช ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.44 ด้วยอาการ ของโรคเบาหวานและไต จิ้งหรีดสอบถามดูอาการก็รู้ว่า กำลังใจยังดีแม้มีแผลที่ส้น เท้าขวา ส่วนใครที่ยังไม่เป็นโรคอะไร ก็อย่าได้ประมาทนะฮะ พึงรีบทำความเพียร เสียแต่ร่างกายยังแข็งแรง เพราะเมื่อเจ็บป่วยจะทำความเพียรให้เกิด ประโยชน์ตนและท่านได้ยากนะฮะ...จี๊ดๆ

:: มรณัสสติ นายเร ฤทธิคุปต์ อายุ 79 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2545 เวลา 05.00 น. ฌาปนกิจศพวันที่ 27 มี.ค.2545 ที่เมรุปฐมอโศก

:: ก่อนจากขอฝากโอวาทปิดประชุมพาณิชย์บุญนิยมของพ่อท่านที่ว่า "ระบบพาณิชย์บุญนิยม เชื่อว่าเป็นไปได้ อยู่ที่พวกเรา มีความตั้งใจจริงที่จะทำ ขอให้ พวกเรา ประณีตประหยัด เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะสามารถลดราคาสินค้า ลงได้อีก"

พบกันใหม่ฉบับหน้า

จิ้งหรีด

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พุทธธรรมสันติอโศก สัมมนาที่ของกลุ่มบูรพาอโศก
เน้นความสัมพันธ์อย่างมีสาระ

งานสัมมนาผู้ปกครองพุทธธรรมสันติอโศก เมื่อวันที่ 23-24 มี.ค.45 ณ สวนศรีบูรพา จ.ปราจีนบุรี แม้ปีนี้ผู้ปกครองจะมาน้อยกว่าปีก่อนๆ แต่มีเด็กสัมมา สิกขากลุ่มศูนย์ และ กลุ่มเด็กเล็กที่ติดตามพ่อแม่มาด้วย ทำให้เกิดมวลหมู่มากพอควร กิจกรรมในงาน เน้นสร้างพัฒนาการระดับจิตใจครบระบบสถาบันครอบครัว ทั้งพ่อแม่ และเด็ก ซึ่งจะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เกิดคุณภาพที่แท้จริงในครอบครัว นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์ ทั้งระหว่างผู้ปกครองด้วยกัน และกับชาวสวน บูรพาฯ ในขณะที่เด็กๆที่มาร่วมงานก็ได้รับความสนุกสนานและได้ฝึกฝนพัฒนา จิตวิญญาณไปด้วย

งานเข้าค่ายสัมมนาปีนี้มีผู้ปกครองจำนวน 29 คน คณะครู 5 คน ทีมพี่กลุ่มศูนย์และ นร.สส.สอ.43 คน ชาวชุมชนศรีบูรพาฯและผู้สังเกตุการณ์ 2 คน โดยมีสมณะนึกนบ ฉันทโส สมณะกล้าตาย ปพโล สมณะตรงมั่น อุชุจาโรและสิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า ไปร่วมงานด้วย

คณะผู้ปกครองเดินทางมาถึงสวนบูรพาฯ เวลาประมาณ 09.00 น.คณะครูได้กล่าว ต้อนรับ และเข้าสู่เกมค้นหา จุดมุ่งหมาย กระชับความสัมพันธ์ มิตรภาพในกลุ่มผู้ปกครอง และสลายพฤติกรรมไปในตัว โดยมีข้อคิด ก่อนเล่นเกมว่า "การดำเนินชีวิตเปรียบ เสมือนการเดินทางไกล ซึ่งเราจะต้องรู้ว่า เราจะไปทางไหน ถ้าไม่รู้ทิศทางหรือ ปล่อยไปตามบุญตามกรรม ก็ไม่อาจถึงในที่แห่งไหนได้เลย คนเราก็เช่นกัน ถ้าไม่รู้ว่าตัวเอง ต้องการสิ่งใดในชีวิต ชีวิตก็เป็นบุคคลที่เร่ร่อน หาหลักแหล่งไม่ได้"

เวลาประมาณ 13.00 น. เป็นการกล่าวต้อนรับและเปิดงานจากชาวชุมชนศรี บูรพาฯ เสร็จแล้วจัดกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ให้ตั้งแคมป์แบบลูกเสือ โดยให้ครัวอยู่ ตรงกลางที่พักของแต่ละกลุ่ม

กิจกรรมในงานมุ่งหมายเพื่อลดอัตตามานะ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้หมู่กลุ่ม ยก ระดับจิตวิญญาณด้วยการไม่ถือสา ให้อภัยซึ่งกันและกัน เพิ่มความละเอียดรอบคอบ เพื่อจะได้นำพากลุ่มไปสู่เป้าหมายของกิจกรรมที่วางเอาไว้ เช่น การผจญภัย ในยามค่ำคืน เพื่อทดสอบความกล้า การแสดงภาคค่ำ ของลูกๆหลานๆ ชาวพุทธธรรม การสาธิต มารยาทไทย การประกวดอาหารประเภทต่างๆ เป็นต้น ซึ่งแต่ละกิจกรรม ให้ความสนุกสนาน และ แฝงสาระไปพร้อมๆ กัน

ส่วนอีกกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การให้ผู้เข้าค่ายแต่ละคนได้แสดงถึง "ความคาดหวัง ของตัวเองต่อครอบครัว" ว่าในอดีตมีความคาดหวังไว้อย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร และในอนาคตต้องการให้เป็นไปในทิศทางใด โดยสื่อออกมาด้วยการวาดรูป แล้วนำ มาวิเคราะห์พูดคุยกัน โดยส่งตัวแทนกลุ่มละ 2 คนออกมาอธิบายภาพที่ตัวเองวาด

และที่ขาดเสียไม่ได้ และได้กลายเป็นวัฒนธรรมของชาวอโศกที่น่าชื่นชมก็คือ กิจ กรรมกตัญญูต่อสถานที่ ซึ่งครั้งนี้ผู้เข้าค่ายได้ช่วยกันถางหญ้า โดยมีน้องๆพุทธธรรม บริการน้ำดื่มอย่างน่าเอ็นดู

กิจกรรมต่างๆได้ดำเนินไปจนกระทั่งเวลา 14.30 น.ผู้เข้าค่ายถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน ตามด้วยพิธีอำลากล่าวขอบคุณชาวชุมชนเป็นอันเสร็จกิจกรรม และได้เดินทางกลับ เวลา 15.00 น.

สำหรับข้อเสนอแนะที่รวบรวมได้เกี่ยวกับการสัมมนาครั้งนี้พอสรุปได้ดังนี้

1.  การบริหารเวลายังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร (ยังไม่ค่อยตรงต่อเวลา)

2.  สมณะควรมีบทบาทมากกว่านี้ เช่น ควรมีส่วนร่วมในการสรุปแต่ละกิจกรรม

3.  เวลาของการสัมมนาน้อยไป

4.  น่าจะมีเวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเลี้ยงลูกมากกว่านี้

5.  กิจกรรมควรชัดเจนกว่านี้

6.  สรุปเป้าหมายและสิ่งที่ได้น้อยไปและไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

7.  ขาดการวางแผนที่ดี ทีมงานมีการพูดคุยประสานงานกันน้อยไป

8.  บางคนเชื่อมั่นตัวเองมากไปหน่อย (ประมาท)

สำหรับความรู้สึกของผู้ร่วมงาน มีดังนี ด.ญ.พุทธพนม อุปราสิทธิ์ อายุ 8 ปี กทม. "สนุก ดีใจที่ได้มาเสียสละ ทำความดี ได้ความรู้ รู้จักรอ อดทนและความสามัคคี อยากให้มีงานแบบนี้บ่อยๆ และอยากให้คน มาร่วมงานเยอะๆ ค่ะ"

คุณบุญล้อม แสวงผล อายุ 30 ปี กทม."อบอุ่น เป็นกันเองดี ได้รู้จักคนมากขึ้น แต่ ครูน้อยการประสานไม่ลงตัว ขาดช่วงการสรุปโดยสมณะและสิกขมาตุ อยากให้ข้อคิด ว่า การทำงานใดๆก็ตามควรไตร่ตรองและสามัคคีให้มากที่สุด"

คุณเคียงฟ้า คำสามปอนด์ (ครูอ๋อย) อายุ 28 ปี ครูพุทธธรรม "สนุก ผู้ปกครองน่ารัก แต่ มาร่วมงานน้อย ที่ดูเยอะเพราะกลุ่มเด็กๆ รู้สึกดีที่มีรุ่นพี่มาดูแลน้องๆ เป็นอิสระไม่Šเป็นภาระผู้ปกครอง ผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือทำกิจกรรมดี ตนเองสุขภาพไม่ดี รู้สึกว่าหงุดหงิดที่ช่วยงานไม่ได้เต็มที่ คิดว่าถ้าครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งพ่อ แม่ลูก ทุกคนคงจะมีความสุขมาก"

คุณกัญญา กิตติพัฒน์วงศ์ อายุ 45 ปี กทม."มีความสุข สดชื่น ได้ออกกำลังกาย เป็น ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ หากมีผู้นำที่ดีจะพาไปรอดปลอดภัยเหมือนมีพ่อท่าน ที่คิด ว่าน่าปรับปรุงคือ ห้องน้ำมีน้อยเกินไป"

คุณเตือนฤทัย งามวงษ์ อายุ 46 ปี ชาวชุมชนศรีบูรพาฯ "ทำให้ที่นี่มีสีสันมากขึ้น อยากให้ชาวบ้านมาเห็นความเป็นอยู่ของพวกเรา ที่อยากเสนอแนะคือ อยากให้กลุ่ม ครูและกลุ่มชุมชนได้มีการปรึกษาวางแผนงานร่วมกันก่อนทำกิจกรรม เพื่อทางชุมชน จะได้จัดเตรียมงานและอุปกรณ์ให้"

สมณะตรงมั่น อุชุจาโร "ในความเป็นพ่อแม่ ทำให้มีอำนาจในการเลี้ยงดูลูกๆ ซึ่งจะ เกิดความผิดพลาดได้ง่ายและบ่อย จึงอยากให้ผู้ปกครองใคร่ครวญกลั่นกรองก่อนที่จะ ถ่ายทอดสิ่งต่างๆให้ลูก"

สมณะกล้าตาย ปพโล "พวกเราถ้าไม่มีใจยกให้กัน บางทีอาจไม่ชอบใจกันได้ คน อโศกต้องไวที่จะปรับเปลี่ยนตนเอง ปรับใจเข้าหาหมู่ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ได้ยาก กลุ่ม ผู้ปกครองมีจุดเด่นที่ ความสนุกสนานร่าเริง ซึ่งเป็นความประทับใจที่เห็นมาแต่ไหน แต่ไร ทำให้ผู้มาใหม่เข้าได้ง่ายและไม่เคอะเขิน สิ่งที่ผู้ปกครองได้สื่อออกมาเป็น ภาพที่ชัดเจน อยากให้ทุกคนทำให้เข้าสู่เป้าหมายของตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนใหญ่พวก เราเป็นสายปัญญา ทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกเป็นคนดีด้วยเหตุผลไม่ใช่บังคับจิตใจ กัน"

สมณะนึกนบ ฉันทโส "ประทับใจที่หลายคนตั้งใจลดทิฐิของตนเองเพื่อลูกๆ อยากให้ผู้ ปกครองมาสร้างพลังรวมหมู่ให้เป็นจารีตประเพณี แปลกใจมากที่เด็กๆและผู้ใหญ่ สามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ งานอย่างนี้อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มีผลมาก ต่อมวลชุมชน การมาสัมมนาอย่าวางใจมากเกินไป จะเป็นการเปิดช่องให้ขโมยเข้า มาขโมยทรัพย์สินของเราได้...".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สันติอโศกจัดงานปิดภาคใหญ่ ผนวกงานเอื้อไออุ่นสู่ชุมชน
นักเรียน สส.สอ.ที่จบเปิดใจไม่อยากไกลวัด

สันติอโศกจัดงานเอื้อไออุ่นและปิดภาคการศึกษา พ่อท่านเมตตาลูกๆ เปิดโอกาสให้ ลูกๆ ถามปัญหา ชาวชุมชนร่วมใจกันออกร้านอาหารเลี้ยงเด็ก นักเรียน ม.6 ที่จบ การศึกษาเปิดใจขอบคุณชาวชุมชน

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.45 ชาวชุมชนสันติอโศกร่วมใจจัดงานเอื้อไออุ่นและวันปิดภาค การศึกษา ซึ่งแต่ละหน่วยงาน ได้มีการออกร้าน บริการอาหารฟรี ทำให้บรรยากาศ ครึกครื้นยิ่งขึ้น

ช่วงเวลา 08.00 น. สมณะ สิกขมาตุออกบิณฑบาต ซึ่งเด็กนักเรียนพากันใส่บาตร ด้วยรอยยิ้มที่สดใส หลังจากนั้นเสียงเพลงบนเวทีก็ได้เริ่มขึ้น ชาวชุมชน และนักเรียน ต่างทยอยมาตักอาหาร พร้อมดูการแสดงบนเวที

พ่อท่านได้ลงมาเอื้อบรรดาลูกๆ โดยพูดคุยและเปิดโอกาสให้ซักถามปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ 09.00-11.00 น. ซึ่งต่างให้ความสนใจถามไถ่ปัญหากันมากมาย งานนี้คาดไม่ถึง ว่า พ่อท่านซึ่งมีภาระมากมายจะเมตตาให้เวลาบรรดาลูกๆ ขนาดนี้ ทำให้แต่ละคน ซาบซึ้งในความกรุณาของพ่อท่านกันยกใหญ่

หลังจากพ่อท่านคุยกับลูกๆเสร็จแล้ว กิจกรรมบนเวทีก็มีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทั้งของ ชาวชุมชนและเด็กสัมมาสิกขา ซึ่งให้ความสนุกและเพลิดเพลินไม่แพ้กัน มีการแจก รางวัล ศีลเด่น-เป็นงาน-ชาญวิชา รายการเปิดใจขอบคุณชาวชุมชนของนร.ชั้น ม.6 ซึ่งสร้างความปลื้มปีติ ให้ชาวชุมชน และความอบอุ่น ให้กับน้องๆด้วย งานดำเนินไป จนกระทั่งเวลา 14.00 น. จึงได้ยุติลง ด้วยรอยยิ้ม แห่งความอบอุ่น

สมณะกอบชัย ธัมมาวุธโธ ได้พูดถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า "สาเหตุก็คือ ถือโอกาส ประโยชน์สูง ประหยัดสุด เพราะรายการเอื้อไออุ่นก็ไม่ได้จัดมานานแล้ว ก็เลยจัด รวมกับงานปิดภาคเรียนซะเลย ดูแล้วได้ประโยชน์มากกว่า ส่วนบรรยากาศเกินคาด ตรงที่ พ่อท่านมาเอื้อไออุ่นลูกๆ เห็นจิตโพธิสัตว์แท้ๆที่พ่อท่านมีจิตให้ และพวกเราก็ ยินดีที่จะรับ เพราะรู้ถึงคุณประโยชน์ที่จะได้รับ พ่อท่านนั้นเป็นศูนย์แห่งข้อมูล เป็นที่ ตั้งแห่งศรัทธา ฉะนั้นมีพ่อท่านความอบอุ่นก็เกิดขึ้น ถึงแม้จะมีการถามตอบแบบซ้ำซาก ก็ตาม สิ่งที่อยากจะฝากคือ กิจกรรมเอื้อไออุ่น ซึ่งพ่อท่านพาทำ การมาร่วมรวมกัน จึงคือการมาช่วย เพราะความอบอุ่นเกิดมาจากการรวมกัน ขึ้นอยู่กับพวกเราต้อง ช่วยกัน"

คุณสมหมาย ทัศโน ผู้ปกครองนักเรียน "ดีใจค่ะที่ได้มาออกร้านน้ำแข็งใส ตอนเด็กๆ ชอบ ก็เลยนำมาให้เด็กๆได้ทานกัน อีกอย่างได้นำกลองมาบริจาคให้โรงเรียนด้วย อยากเห็นเด็กๆสนุกสนานมีความสุขกับการเรียนและการทำงาน"

นร.เกษราภรณ์ แจ่มใส ซึ่งได้รับรางวัล ศีลเด่น - เป็นงาน - ชาญวิชา ระดับม.ต้นในงานนี้ กล่าวว่า "วันนี้อบอุ่นดีค่ะ มีหลายคนหลายฐานะมาร่วมงาน นานๆมาเจอกันรู้สึกดี อยากฝากถึงชาวชุมชนว่า ขอขอบคุณที่ดูแลพวกเรามาตลอดจน ปิดภาค ภูมิใจค่ะที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาคุ้นเคยกับอาๆชาวชุมชน ขอบคุณสำหรับความอบ อุ่น ปิดเทอมจะตั้งใจทานอาหารมังสวิรัติให้ได้ตลอดค่ะ".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สมณะมัชฌิมะ (5-9 พรรษา) ประชุมที่บ้านราชฯ
และร่วมเดินจาริกครั้งที่ 3

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันที่ 25 มี.ค. 2545 สมณะมัชฌิมะ 16 รูป เดิน ทางมาประชุมที่บ้านราชฯ บริเวณริมมูล ใกล้คานเรือ ทางด้านหาด แนมตะเว็น มีสมณะ เดินดิน ติกขวีโร ให้โอวาทเปิดการประชุม โดยสรุปให้สมณะ บำเพ็ญเพียร ตามหลัก สัมมาอาริยมรรค ต้องรับการติงเตือนให้ได้ การทำงาน ไม่ควรทำตามใจตน แต่ให้ถือตามส่วนกลางเป็นที่ตั้ง และควรสังวรระวัง ในเรื่องสื่อวิดีโอด้วย

จากนั้นสมณะมัชฌิมะ เปิดใจพูดคุยกัน สมณะมัชฌิมะ ทั้งหมดมี 28 รูป แต่เนื่องจาก ติดงานหลายแห่ง จึงมาร่วมประชุมได้ เพียง 16 รูป

หลังจากาฟังโอวาทเสร็จแล้ว สมณะดินธรรม สิทธิธัมโม และ สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข ได้เดินทางกลับศีรษะอโศกก่อน เพราะติดธุระ

เช้าวันที่ 26 มี.ค.เวลาประมาณ 04.30 น. สมณะ 14 รูปได้ออกเดินจากบ้านราชฯ ไปยังศีรษะอโศก มี นร.สัมมาสิกขา ราชธานีอโศก ชั้น ม.3, นิสิตสัมมาสิกขา วังชีวิตบางส่วน และญาติธรรม รวม 60 คนร่วมเดินไปด้วย โดยแวะฉันอาหารมื้อแรก ที่บ้านก่อ มีญาติโยม และชาวบ้านราชฯ นำอาหารมาถวาย สมทบด้วย ในช่วงก่อนฉัน ได้ให้แต่ละคน ที่ร่วมเดินเปิดใจ ถึงประโยชน์ที่ได้รับ จากการเดิน และสมณะทั้งหมด ให้โอวาท เป็นกำลังใจ หลังจากนั้น ญาติธรรมทั้งหมด ก็เดินทางขึ้นรถ ไปศีรษะอโศก เพื่อช่วยเตรียมงานปลุกเสกฯ และสมณะนาไท อิสสรชโน เดินทางกลับบ้านราชฯ เนื่องจากติดธุระ

ส่วนสมณะ 13 รูปที่เหลือ เดินจาริกต่อ ใช้เวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 26-28 มี.ค. ถึงศีรษะฯเวลา 08.00 น. แล้วขึ้นไปกราบ พระบรมสารีริกธาตุ หลังจากฉัน อาหารเสร็จแล้ว ได้ประชุมต่อ โดยพูดถึงความบกพร่องต่างๆ ในรอบปี แล้วร่วมกันหา วิธีแก้ไข และปีหน้า อาจจะเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ เพื่อจะได้ประโยชน์ มากขึ้น และ กำหนดประชุมครั้งต่อไป ตามวาระ งานประจำปี ของชาวอโศก เสร็จแล้ว สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ให้โอวาทปิดประชุม

สำหรับความรู้สึกในการเดินทางครั้งนี้ สมณะคมคิด ทันตภาโว กล่าวว่า "คิดว่า ประสบความสำเร็จ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หลายๆอย่าง มีความสามัคคี ไม่แตกแยกกัน ระหว่างเดิน ไม่เจอฝน ออกเดินตั้งแต่ตี 4 ช่วงพักกลางวัน ก็คุยกัน พอ 4 โมงเย็น ก็ออกเดินต่อ เดินช่วงเดือนหงาย บรรยากาศดีมากๆ

สิ่งที่น่าปรับปรุงคือ การเปิดใจ ของแต่ละรูป น่าจะหาวิธีให้น่าฟัง และมีบรรยากาศ ร่วมกันให้มากกว่านี้ เพราะแต่ละคนเดินกันมา เหนื่อยก็อยากจะพัก แต่ต้องมาพบกัน ก่อนนอน บางทีคุยกันเลยง่วง

ชีวิตการปฏิบัติธรรม ถ้าเราได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ก็จะเกิดความอบอุ่น มีความเป็นพี่ เป็นน้องมากขึ้น แม้ในส่วนของฆราวาส เรื่องขบวนการกลุ่ม ก็สำคัญมาก น่าจะได้รับประโยชน์ ในด้านจิตวิญญาณ เพราะพวกเราต่างคนต่างอยู่ ต่างทำงาน ไม่ค่อยมีเวลา ได้คุยกัน การได้คบคุ้น เป็นญาติอย่างยิ่ง ทำให้เกิด เมตตามโนกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตากายกรรม จะเกิดขึ้น ในการได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน ในการเดินทาง"

สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ "รู้สึกประทับใจขบวนการกลุ่ม มีรูปแบบการเดินที่ดี ประทับใจ ทั้งชาวบ้าน ที่มาใส่บาตร ตั้งแต่ตีสามครึ่ง และญาติธรรม ที่อุตส่าห์ ขับรถตามมา ใส่บาตร โดยส่วนตัว ก็ได้รู้จักตัวเอง เพิ่มขึ้น ได้ฝึกตน และรู้ข้อบกพร่อง ของตัวชัดขึ้น ทำให้มีการปรารภ ความเพียร และ มีความภาคภูมิใจ ในชีวิต อนาคาริก".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พรวันสงกรานต์'45 จากผู้อายุยาวยืน

พ่อท่านทำงานสร้างหมู่กลุ่มมานาน นับเนื่องเข้าทศวรรษที่ 4 แล้ว มีญาติธรรม มากมายทุกเพศทุกวัย รวมทั้งผู้มีอายุยาว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของไทย แต่ดั้งเดิม 13 เม.ย.45 ทีมข่าวพิเศษถือโอกาสนี้ กราบขอพรจากผู้มีอายุยาวชาว อโศกที่เป็นนักมังสวิรัติและอายุยาวยืน 80 ปีขึ้นไป มอบแด่ญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ

1.  พ่อเต่ง อภิวงศ์ อายุ 82 ปี เชียงใหม่ "ให้ขยันหมั่นเพียร ช่วยการงานสังคม"

2.  พ่อกาใจ คณรินทร์ อายุ 82 ปี เชียงใหม่ "จงมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอด ไปเทอญ"

3.  ยายทิม พานนางรอง สีมาอโศก อายุ 81 ปี "ขอให้ลูกหลานอดทนรักษาความดี"

4.  ยายหล่ำ(เพียรธรรม) จันทร์จิต สีมาอโศก อายุ 83 ปี "ขอให้สุขกายสุขใจ ให้ เจริญๆ"

5.  ยายเย็น สุขสวัสดิ์ สันติอโศก อายุ 83 ปี "ขอให้สุขสบาย มีศีลมีธรรม ร่างกาย แข็งแรง มีจิตใจศรัทธาช่วยเหลือผู้อื่น"

6.  ยายวิมูลย์ ทยาธรรม อายุ 82 ปี "อย่าให้มีโรคภัย ให้แข็งแรง ให้สืบศาสนา ปฏิบัติธรรมไปนานๆ"

7.  พ่อวิรัตน์ บุตรดีสุวรรณ เลไลย์อโศก อายุ 82 ปี "ให้ทำดี จงทำดี"

8.  ยายอร หงส์พันธุ์ อุบลราชธานี อายุ 82 ปี "ขอให้มีความสุข ความเจริญ"

9.  พ่อจันแดง ถานะ ปฐมอโศก อายุ 81 ปี "ขอให้ปฏิบัติตนให้ดีๆ"

10.  พ่อหรั่ง พ่วงกลัด สมุทรปราการ อายุ 81 ปี "ขอให้เรียนเก่งๆ"

11.  ยายจำปา สิทธิโชติ หนองคาย อายุ 84 ปี "ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขในศาสนา ขอ ให้บรรลุธรรม"

12.  ยายมะลิซ้อน ชูกลิ่น ศรีสะเกษ อายุ 80 ปี "ขอให้มีความสุขความเจริญ ขอให้ ได้พระนิพพาน"

13.  ยายบุนนาค ชาญเชาว์ สันติอโศก อายุ 84 ปี "ขอให้ทุกคนมีความสุข"

14.  ยายฟอง ศรีอำไพ ศาลีอโศก อายุ 88 ปี "ขอให้สุขกาย สุขใจ เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้น"

15.  ยายบุญโฮม บุญถูก ปฐมอโศก อายุ 83 ปี "ขอให้ทำจริงๆ ตั้งใจให้มั่นคง ช่วยพ่อท่านให้ตลอดถึงนิพพาน ให้เป็นคนใจดี อายุยืน"

16.  ยายหวัน ประทะกัง ศีรษะอโศก อายุ 87 ปี "ขอให้บุญมั่นขวัญยืนเหมือนยาย ให้ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานได้พึ่งพาอาศัย ขอให้รับใช้ศาสนาตลอดไป"

17.  ยายจุม สุนาวัน ลานนาอโศก อายุ 81 ปี "ขอให้ลูกหลานทำดี มีศีลธรรมทุกๆ คนเทอญ"

18.  ยายสำอางค์ กิตติเวช สันติอโศก อายุ 86 ปี "อยู่มีศีลมีธรรม ให้เจริญ ปฏิบัติ ดี ทำงานดี ซื่อสัตย์"

19.  ยายคำพันธ์ (ค้ำจุน) จารุภาชน์ อายุ 84 ปี ราชธานีอโศก "ให้มีอายุยืนยาว มั่นคงในศาสนา ขอให้สืบทอดศาสนาต่อไป"

20.  ยายสุรัตน์ สิงห์น้อย ศรีสะเกษ อายุ 82 ปี "ขอให้ทุกคนจงเป็นคนดี มีคุณธรรม มีศีลธรรม โอบอ้อม เสียสละเพื่อผู้อื่น"

21.  นายวันนา บุตรดีสุวรรณ ปฐมอโศก อายุ 86 ปี "ให้เป็นผู้มีศีลธรรมที่ดีงาม เพื่อเป็นอุปนิสัยใจคอที่เยือกเย็น เป็นที่รัก แก่เพื่อนๆ ด้วยกัน ตลอดถึง ครูอาจารย์ ที่ได้สั่งสอน ให้ความรู้ และขอให้มีความสุข ความเจริญตลอดไป"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

งานกสิกรรมไร้สารพิษ เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 9
ณ ชุมชนราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

วัน เดือน ปี 03.30 - 05.30 น. 05.30-09.00 น. 09.00 -
10.30 น.
10.30-12.00 น. *09.00-17.00 น. 17.00 -
18.00 น.
18.00 -
20.00 น.
4 พ.ค.
2545
ธรรมรับอรุณ
สร้างความ
อุดมสมบูรณ์
ให้จิต
วิญญาณ
จัดร้าน
ตามใจ
พิธีเปิดงาน รับประทาน
อาหาร
และสาธิต
การแปรรูป
ผลิตภัณฑ์
ต่างๆ
จำหน่าย
สินค้า
ผลิตผล
กสิกรรม
และผลไม้
ไร้สารพิษ
พักผ่อน
ตาม
อัธยาศัย
นำเสนอผลงาน
แลกเปลี่ยน
ประสบการณ์
เกษตรกรทุกภาค
5 พ.ค.
2545
ปฏิบัติการ
แปลง
กสิกรรม
เสวนา
การพัฒนา
เครือข่าย
กสิกรรม
ไร้สารพิษ
ให้ยั่งยืน
แผนการตลาด
ยึดหัวหาด
กสิกรรม
ไร้สารพิษ
6 พ.ค.
2545
พรก่อนจาก เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

 

-ในงานนี้มีการจำหน่าย พืชผักผลไม้ไร้สารพิษ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากชุมชนต่างๆที่ ได้ผ่านการอบรมคุณธรรมมาแล้ว -มีกล้าไม้และพันธุ์ไม้มาจำหน่ายในราคาถูก
-จำหน่ายเครื่องจักรกลทางเกษตรและเทคโนโลยีที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน
-มีสมุนไพรและเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับผู้สนใจปัญหาสุขภาพ
-มีปุ๋ยจุลินทรีย์สูตรพิเศษจำหน่าย พร้อมแจกสูตรและสาธิตให้ดู
-มีสาธิตการแปรรูปอาหาร และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ จ่อมเห็ด เท็มเป้ เม็ดกะบกอบเกลือ ลูกชุบ ข้าวเกรียบ การหมักดอง แช่อิ่มผลไม้, หัวไชเท้า ผักกาดดอง วิธี ทำซีอิ้ว-เต้าเจี้ยว น้ำเต้าหู้ ก้อนเต้าหู้ และผลิตภัณฑ์ จากเต้าหู้ น้ำพริกสูตรต่างๆ แจ่วบอง ฯลฯ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
67/1 ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. 10240 โทร.02-3745230 ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ 1,300 ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]