ฉบับที่ 199 ปักษ์หลัง 16-31 มกราคม 2546

[01] บทนำข่าวอโศก:มิจฉา หรือ สัมมา
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "การกระทำอาสวะให้สิ้น ต้องเป็นไปตามหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น"
[03] ชาวอโศกนับพันร่วมงานฉลองหนาว ๖ องศา ฟังวัฒนธรรมล้ำค่าจากพ่อท่าน
[04] จับกระแส ตอ. จอ.มอ.จากน้องพ(ลั)บ
[05] กสิกรรมธรรมชาติ เชียงรายอโศกปลื้มปีติกับธ.ก.ส. และเกษตรกร
[06] สกู๊ปพิเศษ: ยุคสมัยที่ชาวอโศกกิจกรรมมีผลเจริญควรจะระมัดระวังอะไรบ้าง
[07] สัมมนาองค์กรสมาชิกเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย
[08] ศูนย์สุขภาพ : เพิ่มพลังให้ชีวิต ด้วยจิตแจ่มใส
[09] ค่าย ม.วช. ที่บ้านราชฯเมืองเรือ
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:ห
[11] คอร์สมหัศจรรย์และค่ายพุทธธรรมที่หินผาฟ้าน้ำ
[12] ระดมสมองเตรียมงาน พฟด.
[13] งานวันเด็ก'๔๖
[14] ข่าวสั้นทันอโศก: ชุมชนดินหนองแดนเหนือเลือกตั้งคณะผู้รับใช้ชุดใหม่
[15] :นางงามรายปักษ์ นางสุภร บุญสุวรรณ (สุดจริง)
[16] งาน "ฟ้าใส-ใจสว่าง-กลางสวนน้ำ"
[17] สมณะเกจิอาจารย์ งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๗ (อาทิตย์ที่ ๑๖ - เสาร์ที่ ๒๒ ก.พ.๔๖)



มิจฉา หรือ สัมมา

ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร อยู่ที่ไหน
แล้วมีคนไม่เห็นด้วย ซึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยในการทำงานของเรา เขาเห็นว่าเราทำงานบกพร่องหรือผิดพลาด ก็นำไปรายงานผู้ใหญ่หรือผู้มีศีล

แต่พอคนที่ทำงานนั้นๆรู้เข้า ก็ตัดพ้อต่อว่าคนที่นำเรื่องไปรายงานผู้ใหญ่ว่า

"ทำไมไม่บอกกับเขาโดยตรง ไปรายงานผู้ใหญ่ทำไม"

อยากจะถามว่า คำพูดนี้เป็นมิจฉา หรือ สัมมา

ถ้าชาวอโศกตีโจทย์นี้ไม่แตกให้กระจ่างชัดเจน ความมิจฉาก็อาจลอยนวลให้ต้องทุกข์มิรู้ดับ

พ่อท่านก็จะพัฒนาคนได้ยาก โดยเฉพาะตัวเราเอง! ที่ยังมิรู้ว่า คำพูดนั้นเป็นมิจฉาหรือสัมมา!?

อย่าลืมว่า ถ้าเรามิรู้กรรมใดเป็นมิจฉาอย่างชัดเจน เราก็จะไม่ละอายที่จะทำต่อไปทั้งในที่ลับและที่แจ้ง.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

จับประเด็นจาก
หนังสือคนคืออะไร?(๑๑)

การกระทำอาสวะให้สิ้น ต้องเป็นไปตามหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น ไม่มีทางอื่น และผู้ที่จะปฏิบัติธรรมได้หลุดพ้นจริงต้องกระทำตน ดังนี้

ดำรงตนอยู่บนบาทฐานแห่งสัมโพชฌงค์ หรือองค์แห่งการตรัสรู้ทั้ง ๗ อันได้แก่

๑.สติสัมโพชฌงค์ คือ มีสติสัมปชัญญะอย่างประเสริฐ รู้เท่าทันอาการกาย อาการจิตของตนตลอดเวลา เป็นสติอย่างพุทธะ รู้ตื่นเบิกบานด้วยสำนึกดี รู้เท่าทันสภาพอันเป็นอกุศลทั้งปวง มิใช่เพียงสติตื่นอย่างสามัญทั่วไป แต่เป็นสติที่รู้ถ้วนรอบ ทั้งกาย และวิญญาณ

๒.ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ คือ กระบวนการทำงานวิปัสสนาต่อจากสติสัมโพชฌงค์ แยกแยะดี-ชั่วในตัวเราด้วยปัญญาญาณ วิเคราะห์วิจัยในธรรมทั้งปวง เพื่อเป็นทางแห่งการตรัสรู้

๓.วิริยสัมโพชฌงค์ คือ กระบวนการทำงานต่อจากธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ เพียงพยายามล้างกิเลสทั้งปวง ออกจากตัวเรา หยุด ละ ตัด เลิก กรรมอันไม่ดี และเพียรสรรสร้างทางอันประเสริฐ อันนำเราไปสู่ความหลุดพ้น มิใช่เพียรไปในทางโลกีย์ แสวงหา ลาภยศสรรเสริญ เสพสุขไม่จบสิ้น

๔.ปีติสัมโพชฌงค์ คือ ความอิ่มเอิบใจที่ได้ทำดี ลดกิเลส เป็นผลสืบเนื่องจากวิริยสัมโพชฌงค์ แต่กระนั้นก็ยังเป็นอุปกิเลสฟูใจ หากมากไป กลายเป็นหลงระเริง ประมาทได้ จึงควรประมาณให้พอเหมาะ และทำความสงบระงับในที่สุด

๕.ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ คือ การสงบระงับปีติลงได้นั้นเอง ทำให้จิตนิ่งสุขุมคุมภีรภาพ

๖.สมาธิสัมโพชฌงค์ คือ ผลอันสืบเนื่องจากการตกผลึกของกระบวนสังเคราะห์ของโพชฌงค์ทั้ง ๕ ทำให้จิตเราปราศจากกิเลส ตั้งมั่นเป็นสมาธิ อย่างพุทธแท้ ที่เกิดจากการเจริญวิปัสนาอย่างถ้วนรอบ มิใช่สมาธิเพียงสมถะ หรือ สมาธิอย่างสามัญชนทั่วไป แต่เป็นสมาธิ ระดับอยู่เหนือโลกธรรมทั้งปวง เป็นสัมมาสมาธิ ของพระอริยะที่ถาวร

๗.อุเบกขาสัมโพชฌงค์ คือ ผลสรุปขององค์แห่งการตรัสรู้ ปลงวางทำจิตให้เป็นกลาง เป็นสุญญตาอย่างมีมีวิชชา ไม่ยึดมั่นจิตตัวใด แม้เล็กน้อยให้เป็นอัตตา วางเฉยอย่างรู้แจ้งจริงในสัจธรรม

อุเบกขาอย่างพุทธแท้ ต้องเกิดคุณลักษณะตามมาอีก ๕ ประการ คือ
๑.เราจะรู้สึกได้ถึงจิตอันบริสุทธิ์ผ่องผุดภายใน (ปริสุทธ)
๒.จิตไม่มีอาการมัวหมองแม้เผชิญอุปสรรค (ปริโยทาตา)
๓.จิตมีไหวพริบแววไว ปรับเปลี่ยนได้ตามกาลอันควร (มุทุ)
๔.จิตมีประสิทธิภาพในการทำงาน กระตือรือร้น ขยัน (กัมมัญญ)
๕.จิตเกิดรู้แจ้งกระจ่างในธรรมทั้งปวง ฉลาดปราดเปรื่อง ดุจจุดประทีปในที่มือฉันนั้น (ปภัสสร)

ผู้ที่เจริญในสัมโพชฌงค์ทั้ง ๗ อย่างต่อเนื่องในชีวิต ย่อมถึงกาลบรรลุธรรมมิช้าแน่นอน

การจะบรรลุธรรมได้ไว ต้องมีทั้งเจโตและปัญญาอันสมส่วน ช่วยเสริมหนุนให้บรรลุธรรมได้อย่างบริบูรณ์เป็น อุภโตภาควิมุติ

หากเราขาดส่วนไหน พึงเติมส่วนนั้นให้เต็ม สายเจโตจะมีหลักปฏิบัติที่มั่นคงแน่วแน่ ส่วนสายปัญญา จะมีไหวพริบ ปฏิภาณที่แววไว

สรุปความแล้ว ผู้จะบรรลุธรรมเป็นอุภโตภาคได้ ต้องมีทั้งเจโตและปัญญา และการปฏิบัติที่สมส่วน ทั้งวิปัสสนาสติปัฏฐาน อันเป็นทางเอก และเจโตสมถะเตวิชโช อันเป็นส่วนอนุเคราะห์เสริม.

- พุทธบุตร ลูกหม้ออโศก -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชาวอโศกนับพันร่วมงานฉลองหนาว ๖ องศา
ฟังวัฒนธรรมล้ำค่าจากพ่อท่าน
โรงบุญแจกอาหารผักไร้สารพิษเพียบ !

ฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑
พัฒนากีฬาอาริยะช่วยสังคม ไม่สนับสนุนกีฬาทำลายโลก

หลังจากชุมชนภูผาฟ้าน้ำจัดงานปอยหลวง ๒๐ ปีภูผาฟ้าน้ำในปี'๔๔ และงานฤดูหนาวชาวภูผาฟ้าน้ำ (ปอยน้อย) เมื่อปี'๔๕ ในครั้งนี้ พ่อท่านดำริ ผนวกงานธรรมชาติเข้าไปด้วย ปี'๔๖ จึงเกิดงานประจำปีของชาวอโศก ฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑ ณ ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ (ดอยแพงค่า) ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ มกราคม ๒๕๔๖ โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้ชาวอโศกได้มาพักผ่อน หลังจากตรากตรำงานหนักมาตลอดปี และมีโอกาสพบปะ คบคุ้น สนทนาแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังได้ฟังธรรมล้ำค่าจากพ่อท่าน ชมการแข่งขัน ชิงโล่รางวัล ทวนกระแส กับกีฬาอาริยะ อาทิเช่น หักฟืน ผ่าฟืน เก็บผักป่า สีข้าวด้วยมือ ตักทราย และอิ่มหนำสำราญ กับอาหารนานาชนิด จากโรงบุญฯต่างๆ และ สัมผัสกับอากาศ หนาวเย็น อุณหภูมิ ๖ องศาเซลเซียส มี ม.วช.เขตศีรษะ ที่มาเข้าคอร์สมหัศจรรย์ น.ร.สัมมาสิกขาจากที่ต่างๆ ที่เดินทางมาล่วงหน้า และชาวภูผาฟ้าน้ำ ช่วยจัดเตรียมสถานที่พัก กางเต็นท์ และ สถานที่จอดรถร่วม

เช้าวันที่ ๒๓ ม.ค. พ่อท่านพร้อมปัจฉาสมณะเดินทางถึงเชียงใหม่ แวะฉันอาหารที่ชมร.ช.ม. ซึ่งกำลังเปิดโรงบุญฯ บริการ อาหารฟรี แก่ประชาชนทั่วไป และเปิดมา ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พ.ย.๔๕ จนถึงวันที่ ๔ ก.พ. ๔๖ หลังจากนั้น ได้เดินทาง สู่ดอยแพงค่า

ปีนี้มีสมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรมทั่วประเทศ นิสิตม.วช. นร.สัมมาสิกขาจากที่ต่างๆ และสมาชิกจากมูลนิธิ เพื่อนช่วยเพื่อน มาร่วมงาน มากมาย นับพันคน ซึ่งแต่ละคน ได้เตรียมอุปกรณ์กันหนาว มาอย่างดี โดยเฉพาะเต็นท์ที่พัก ทำให้ดอยแพงค่า ละลานตา ไปด้วยเต็นท์หลากสี

เวทีธรรมชาติภาคค่ำ อยู่บริเวณลานหญ้า(ข่วง)หน้าศาลาซาวปี๋ จัดแบบเรียบง่าย มีแสงไฟจากถ้วยตะไล วางเรียงราย รอบๆเวที ระยิบระยับ งดงามยิ่งนัก มีกองไฟก่อไว้ให้นั่งผิงไฟแก้หนาว พร้อมกับชมการแสดงไปด้วย งานนี้คุณหมออารีย์ จากไร่ มะขามเปรี้ยว ได้มาร่วมงาน และขึ้นร้องเพลง บนเวทีภาคค่ำด้วย

สถานที่ฟังธรรมก่อนฉัน อยู่บริเวณเดียวกันกับลานเวทีภาคค่ำ ให้ญาติธรรมนั่งฟังตามธรรมชาติ มีไฟดวงใหญ่ จากแสงอาทิตย์ ให้พลังความร้อน ขับไล่ความหนาว โดยจัดให้พ่อท่าน ขึ้นนั่งแสดงธรรม อยู่ด้านหน้าศาลาซาวปี๋

โรงบุญฯอยู่บริเวณด้านขวาของเวที มีสัญลักษณ์ร่มกระดาษสีขาวคันใหญ่กางอยู่บริเวณซุ้มอาหาร แจกอาหารกัน ตั้งแต่เช้า จนถึงค่ำ ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวน้ำรสเด็ด กระเพาะเจร้อนๆ ไอศกรีมเย็นๆ สำหรับผู้ต้องการ ปรับอุณหภูมิภายใน และภายนอก ให้สมดุลย์ แคบหมูเจทอดกรอบ ขนมครกควันฉุย ข้าวเกรียบปิ้งร้อน หอมกรุ่นจากเตา ข้าวหลามเผาร้อนๆ ส้มตำรสแซ่บ ข้าวเหนียวกล้องนึ่ง ถั่วเน่ารสเลิศ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย หมั่นโถว กะหรี่ปั๊บ แฮมเบอเกอร์ น้ำสมุนไพรแก้หนาว น้ำอาร์ซี ข้าวอาร์ซี ขนมปังโฮลวีท แยมผลไม้ ฯลฯ มีญาติธรรมใช้บริการตลอดทั้งวัน

ที่พักฝ่ายหญิงจัดไว้ที่เขตหญิง, บริเวณชุมชนและชั้นบนของโรงครัว(เฮือนเญียะกิน) ส่วนของฝ่ายชาย จัดไว้ที่เขตชาย และ บริเวณป่าไผ่

คืนวันที่ ๒๓ ม.ค. เป็นการทดลองแสงสีเสียงจากเครื่องปั่นไฟ มีการแสดงตามธรรมชาติของผู้มาร่วมงาน บางคน ขึ้นมา ร้องเพลง ที่เพิ่งแต่งเสร็จหมาดๆ ทำให้ทั้งผู้ร้อง และผู้ฟัง ต่างลุ้นซึ่งกันและกัน จนกว่าจะจบเพลง บางคน ก็เสียงดี ระดับ นักร้องอาชีพทีเดียว

สำหรับรายการในแต่ละวัน มีดังนี้
๖ โมงเช้าเป็นต้นไป อิ่มอุ่นคลายหนาวกับอาหารนานาชนิดจากโรงบุญต่างๆอย่างไร้การถือสา

๘ โมงเช้า พ่อท่านนำหมู่สมณะ-สิกขมาตุบิณฑบาตในชุมชน ท่ามกลางสายหมอก และใบหน้า อันยิ้มแย้ม ของญาติธรรม ที่รอใส่บาตร ตลอดเส้นทาง โดยทางโรงครัว ได้จัดเตรียมข้าวห่อใบตอง ให้ญาติธรรม นำไปใส่บาตร ด้วยมิตรไมตรี

๙ โมงเช้า ฟังธรรมล้ำค่าจากพ่อท่านบนลานธรรมชาติ

๑๑ โมง รับประทานอาหารร่วมกัน
ประมาณบ่ายโมง ชมการแข่งขันกีฬาอาริยะทวนกระแส ที่ให้สาระและความสนุกสนานเบิกบานใจ

๖ โมงเย็น ชมการแสดงตามธรรมชาติบนเวทีธรรมชาติ

บ่าย ๒ โมงของวันที่ ๒๕ ม.ค. ประชุมสุขภาพบุญนิยม ที่กำหนดเป็นบุญญาวุธหมายเลข ๔

เช้าวันที่ ๒๖ ม.ค. ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อฟ้าดินที่ศาลาซาวปี๋ และภาคค่ำ อบอุ่นกับรายการเอื้อไออุ่น คุยกัน ตามประสาพ่อลูก แบบธรรมชาติอโศก

๒๗ ม.ค. ร่วมรับประทานอาหารเอกภัตร ฝึกเนกขัมมะเรื่องอาหารให้กับตนเอง แล้วเก็บสัมภาระ อำลาดอยแพงค่า ด้วยความขอบคุณยิ่ง เพื่อกลับไปฝึกตนให้แข็งแรง เข้มข้น ทนทาน ยืนนาน แน่นลึก นึกนบ และสัญญาว่า จะมาเยือนที่นี่อีก แน่นอน

สำหรับผู้ร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมงานในครั้งนี้ ดังนี้

น.ส.ถึงฝัน ปั้นวิชัย ศาลีอโศก "มาครั้งแรกค่ะ ได้ต่อสู้กับอากาศหนาว ได้ฟังธรรมจากพ่อท่าน ได้เจอเพื่อนเก่าๆ ได้เห็นโรงบุญ รู้สึก ประทับใจ บรรยากาศอบอุ่นค่ะ เป็นงานของชาวอโศกที่สบายๆ ไม่ซีเรียส แต่สำหรับตัวเองต้องคุมตัวเองอยู่"

น.ส.ปลูกฝัน รักษ์พงษ์อโศก ปฐมอโศก "มาเป็นครั้งที่ ๓ การจัดงานเริ่มลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับ ที่พัก อยู่กับ ธรรมชาติ ปฐมฯมาแจกโรงบุญฯ ๓ วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๓-๒๕ บรรยากาศสนุกสนานทั้งผู้ให้และผู้รับ งานนี้ อากาศดีหนาว แม้จะกลัวความหนาว แต่เมื่อขึ้นมาแล้วก็ทนได้"

คุณชัดคม ภูผาฟ้าน้ำ "ปีนี้อากาศหนาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา พี่น้องเป็นกันเอง เหมือนมาบ้านของตัวเอง งานไม่หนักครับ มีหลายคน มาช่วยกัน ที่จะหนักก็เรื่องขนของ รถที่เตรียมไว้เสีย ใช้งานได้คันเดียว ทำให้ฉุกละหุก บริการพี่น้องไม่ทั่วถึง โรงบุญฯ ก็ลงตัว"

คุรุเพ็ญเพียรธรรม สิ้นป่าโลกีย์ สันติอโศก "บรรยากาศคลายเครียด มีความเป็นพี่เป็นน้องอย่างง่ายๆ สัมผัสได้ ทางความรู้สึก กินอยู่ อย่างธรรมชาติ สถานที่กว้างขวาง ให้พักผ่อนอย่างธรรมชาติ สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ซีเรียส เรื่องที่พักที่อยู่ เป็นอิสระ ส่วนใหญ่ จะเตรียมเต็นท์กันมา เหมือนได้มาปิคนิค อากาศดีมาก ประทับใจพ่อท่านที่เอื้อ ให้เวลากับลูกๆ ทั้งวัน เดินดูลูกๆ กินทั้งมื้อเช้า มื้อเย็น"

คุณหมออารีย์ วชิรมโน นครพนม "มีความสุขมากครับ ดีใจมากที่พบกับชาวอโศก แต่พวกเรายังสุขภาพเสียกัน จะต้องยิ้ม หัวเราะ ให้มากกว่านี้ เพราะบางคนยังเครียด ปีนี้มีเวลาน้อย อยากจะบรรยายให้มากกว่านี้ ปีหน้า จะขับรถไปเอง จะได้อยู่ หลายๆวัน บรรยายให้พวกเรา ให้ได้ความรู้มากกว่านี้"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จอ.มอ.จากน้องพ(ลั)บ

น้องพ(ลั)บ :
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณครูครับ
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณครูครับ
คือสมมตินะครับ สมมติว่าคุณครูเมื่อตอนยังเป็นนร.สัมมาสิกขา คุณครูต้องลงฐานงานครัว(ตั้งแต่ตีห้า) คุณครูยังงุนงงอยู่ คุณครูลืม ล้างหน้า ล้างมือ คุณครูเอามือขยี้ขี้ตา แล้วเอามือขยำข้าวคลุกกะปิ(เจ) คุณอาบอกว่าจะถวายสมณะ
คุณครูจะบอกคุณอาไหมครับ คุณครูจะบอกคุณอาไหมครับ ผมไม่อยากให้ท่านสมณะฉันอาหารไม่สะอาด ผมไม่อยากให้ท่านท้องเสีย
คุณครูจะบอกคุณอา แล้วคุณอาจะว่าไหมครับ คุณอาจะตีไหมครับ

คุณครู ต.อ. :
เด็กที่พูดความจริงนะคะ ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนหรอกจะตีลง บอกคุณอาไปเลยว่า หนูเผลอทำผิด คุณอาจะได้แก้ไขใหม่ แล้วคราวหลัง หนูจะได้ระวังมากขึ้น
ล้างมือให้สะอาด ก่อนทำอาหารทุกครั้งนะคะ

น้องพ(ลั)บ :
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีอีกเรื่องที่จะปรึกษาคุณครูนะครับ
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีอีกเรื่องที่จะปรึกษาคุณครูครับ
แล้วสมมตินะครับ สมมตินะครับว่า คุณครูเป็นคนทำแชมพูหม้อนั้นเสีย เพราะวันนั้นคุณครูเบื่อ คุณครูอยากเลิกฐานงานเร็วๆ คุณครูไม่ใส่ใจ การผสมสูตร คุณครูทำแบบขอไปที คุณครูกรอกแชมพูใส่ขวด คุณอาก็ไม่รู้ไม่เห็น แต่อีกเดือนต่อมา สินค้านั้น ถูกตีกลับ ชุมชนชื่อเสียงเยินยับ
เป็นคุณครู คุณครูจะบอกคุณอาไหมครับ คุณครูจะบอกคุณอาไหมครับ คุณอาจะดุไหมครับ ผมอยากแก้ตัวใหม่ ผมอยากให้ สินค้า ของชุมชน เป็นตัวอย่างที่ดี

คุณครู ต.อ. :
คุณอาจะไม่ดุหรอกค่ะ เพราะถ้าหนูเป็นเด็กกล้าหาญ สารภาพว่าหนูผิดพลาดอย่างไร คราวหน้าเริ่มต้นใหม่ มีจิตใจจดจ่อ รับผิดชอบ ต่องาน งานของหนู ก็จะละเอียดประณีตขึ้น

น้องพ(ลั)บ :
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณครูอีกแล้วนะครับ
คุณครูครับ คุณครูครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณครูอีกแล้วครับ

คุณครู ต.อ. :
น้องพ(ลั)บนะ น้องพ(ลั)บ...... ถ้าน้องพ(ลั)บ ไม่ได้เดินตามที่คุณครูใหญ่ สอนไว้ว่า
"สะอาด ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ เสียสละ มีน้ำใจ" แล้วล่ะก็
เดี๋ยวน้องพ(ลั)บ ก็จะต้องมาร้องเพลง
"ใครๆ ก็ไม่รักผม แม้แต่พัดลมยังส่ายหน้าเลย..." ให้คุณครูต.อ.ฟังอีกนะ

สุขสันต์วันเด็กจ้ะ
ขอให้เด็กๆ ทุกคนสนุกกับงาน เพื่อพ่อท่านของพวกเรานะ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เชียงรายอโศกปลื้มปีติกับธ.ก.ส. และเกษตรกร
ในการอบรมสัจธรรมชีวิตรุ่นที่ ๑๕

คุณเอนก ทะลือ อายุ ๓๘ ปี พนักงาน ธ.ก.ส. อ.งาว กล่าวว่า "การอบรมนี้ผมเห็นประโยชน์จริงๆครับ ผมเคยไปสังเกตการณ์ ที่ไพศาลีมา ๑ ครั้ง ผมได้ลองมาทำน้ำยาอเนกประสงค์ใช้ และทำน้ำหมักชีวภาพ รดต้นไม้ บริเวณบ้านผมด้วย ได้ผลดีมากครับ ผมค่อยๆ ลดสิ่งฟุ่มเฟือยลง และพยายามปฏิบัติตามคำสอน ให้มากเท่าที่จะทำได้ ผมรู้สึกปลื้มปีติยินดี กับเกษตรกรมาก พูดแล้ว ขนลุกจริงๆ ที่เห็นเกษตรกร เขาได้ผลดีจริงๆ ดีใจกับเขาด้วย"

คุณกนกวรรณ กระโจม อายุ ๓๒ ปี เกษตรกรหญิงจาก อ.งาว "จริงๆแล้วจะมาเอาความรู้เรื่องอาชีพ สนใจอาชีพ ที่จะไป ทำมาหากิน มากกว่า นึกไม่ถึงเลยว่า จะมีบุญได้มาพบพระแท้ๆ ที่สอนให้เข้าใจชีวิตได้ขนาดนี้ พระแบบนี้ อยากพบมานานแล้วค่ะ เพราะจริงๆ เป็นคนชอบศาสนา แต่หลายปีมานี้ ไม่ค่อยศรัทธาพระ เลยไม่อยากไปวัด ไม่นึกว่า ยังมีพระแบบนี้ อยู่ในชาวอโศกนี่เอง อยากพาลูก มาเรียนกับอโศก มีความตั้งใจ อยากเรียนทำอาหารมังสวิรัติ และจะขออยู่ช่วยงาน จนถึงวัน ๕ ธ.ค. อยากช่วยทำงาน ให้ชุมชนนี้บ้างค่ะ" (ผู้เขียนขอสาธุด้วยจริงๆนะคะ)

คุณสมหวัง ทิกานนท์ อายุ ๔๐ ปี รายนี้มาแรกๆ อาการหนักกว่าเพื่อนเพราะอยู่ได้ ๒ วันก็เกิดอาการเรียกง่ายๆว่า "ลงแดง" ตัวสั่น มือสั่นงันงก หน้าซีดเหลือง ไม่รับประทานอาหาร สติเบลอๆ ถามตอบไม่ค่อยรู้เรื่อง หลงลืมทุกอย่าง จำไม่ได้ว่ามาอยู่ที่ไหน มาทำอะไร พยาบาล ต้องดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด ต้องให้ทั้งน้ำผึ้งและอาหารเสริม อย่างไม่มีใครเคยได้มาก่อน ถ้าไม่เช่นนั้น คงเป็นลม และหมดสติ เพราะน้ำตาล ในเลือดต่ำแน่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่า ๒ วันสุดท้ายอาการดีขึ้นมาก เหมือนคนปกติ จึงคุยกันได้ความว่า มีอาชีพ ต้มเหล้าขาย ต้องชิม ความอร่อย เกือบทุกวัน วันไหนเหล้าเหลือ ก็ต้องเก็บหางจนหมด เพื่อนบ้านบอกวา กินทั้งวัน จนลูกเมีย ต้องหาม กลับบ้าน บ่อยๆ เพราะกลับเองไม่ได้ วันสุดท้าย ก่อนกลับคุณสมหวัง มีความหวังในชีวิตใหม่ ให้คำมั่นสัญญา อย่างมีสติรู้ตัวว่า จะพยายาม เลิกขายเหล้า และเลิกกินเหล้า ขนาด ๕ วันยังอดได้ จึงคิดว่า ตัวเองต้องทำได้จริงๆ ... แล้วจะไม่ให้ พวกเราปลื้ม ได้ยังไงล่ะคะ

ยังมีอีกหลายชีวิตที่พิชิตเหล้าบุหรี่หวย ของฟุ่มเฟือยต่างๆ แต่คงต้องขอเล่าสู่กันฟังแค่นี้ก่อนนะคะ อยากทราบว่า ฝนตก ที่เชียงราย ช่วงนั้น... หนาวถึงคนทางนี้บ้างหรือเปล่า แล้วความปลื้มปีติ ของชาวเชียงรายอโศก ท่านล่ะปลื้มปีติกับเรา บ้างหรือเปล่าคะ.

กิ่งกาญจน์ รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ยุคสมัยที่ชาวอโศกกิจกรรมมีผลเจริญควรจะระมัดระวังอะไรบ้าง เทวดาในหมู่ชาวอโศกควรมีลักษณะเช่นไร และอีก ๒ ปี พ่อท่าน จะมีอายุครบ ๖ รอบ แต่ละชุมชนควรจะเตรียมอะไรกันบ้าง ขอเชิญพบกับคำให้สัมภาษณ์ของสมณะเดินดิน ติกขวีโร

ยุคนี้เป็นยุคที่ชาวอโศกกิจกรรมมีผลเจริญ งานการเข้ามามากมาย แต่คนของเรา
มีอยู่เท่าเก่า หรือมีน้อยกว่าเก่า ท่านคิดว่าน่าจะมีข้อระมัดระวังอะไรบ้างคะ

เมื่อกิจกรรมมีผลเจริญ งานการก็จะมีหลายๆด้าน ข้อที่ต้องระมัดระวังก็คือ ความขัดแย้งจะมากตามไปด้วย ชุมชนเล็กๆบางชุมชน คนก็น้อยแต่นาก็ทำไว้มาก พวกที่รักธรรมชาติก็อยากจะพาคนไปเอาดินมาปั้นทำบ้าน แต่พวกทำนาก็อยากจะได้คนไปช่วยเกี่ยวข้าว ส่วนพวกที่อยู่ชุมชน ก็อยากจะได้คน มาช่วยโรงครัวทำอาหาร เพราะมีแต่คนมาช่วยกิน แต่ไม่มีคนมาช่วยทำ คนก็มีแค่กลุ่มเดียว แต่งานไปหลายด้านหลายอย่าง ทำให้เกิดเขม่นกัน ไม่ชอบใจกัน เราเองคงต้องมาทบทวน ทิศทางเป้าหมายของชีวิต ของแต่ละคนว่า พวกเรา มาปฏิบัติธรรมกัน มาพัฒนาจิตใจ หรือจิตวิญญาณกัน แต่เดิมชุมชนเราไม่ได้ทำนากันเลย เราก็อยู่ได้ แต่เวลาทำ เราก็จะทำ ให้มากสุดๆเลย เราจะเอาแต่ให้มากที่สุด แต่ไม่ค่อยคิดถึง เรื่องสิ่งที่ดีที่สุด

หรือว่าฝ่ายที่รักธรรมชาติ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยมีบ้านที่ทำด้วยดินเหนียว เราก็อยู่กันได้ แต่เวลาเราทำเรื่องนี้ขึ้นมา สิ่งนั้น ก็จะสำคัญที่สุด ต้องทุ่มเท ให้มากที่สุด จะไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย แต่จริงๆที่ผ่านมาเราไม่มีเรื่องนี้ ชุมชนเราก็อยู่กันมาได้ อย่างไม่มีปัญหาอะไร อันนี้คิดแบบสุดๆ ให้เห็นว่า จริงๆแม้ไม่มีเลย เราก็อยู่กันได้ แต่มีปัญหาตรงที่ว่า พอเราจับงานนี้ขึ้นมา งานนั้นก็สำคัญที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด ด่วนที่สุด เราก็จะไปสุดคาที่ ตายคาที่ ไปกับเรื่องกับงานของตัวเอง ตรงนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ความเป็นอยู่ไม่ผาสุก แล้วเกิด การระหองระแหงกันขึ้นมา

ดังนั้นเมื่อกิจกรรมมีผลเจริญ ต้องชัดเจนว่า เราต้องทำชีวิต-จิตใจ-มรรคผลของเราให้เจริญ แต่เวลาเราไปจับงาน จับวัตถุขึ้นมา ก็จะกลายเป็น พวกวัตถุนิยม เอาเป็นเอาตายกับวัตถุ จะต้องเอาวัตถุให้ดีที่สุด เอาให้ได้อย่างใจเราคิดให้ได้ ถ้าเรายึดวัตถุ เราก็จะเป็นพวก วัตถุนิยม

อีกพวกหนึ่งเห็นทุกข์หรือเห็นคนอื่นเขาไปจับวัตถุ ไปลุยงานมาแล้วเขาทุกข์ พวกนี้จะไม่กล้ารับผิดชอบ ไม่กล้าจับงาน ไม่กล้าคิด สร้างสรรอะไร เพราะกลัวทุกข์ จะเอาแต่ใจสบายๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร สบายๆ พวกนี้เป็นพวกจิตนิยม

ซึ่งสุดโต่งทั้งสองพวก เราจะเป็นพุทธนิยม หรือเป็นสายมรรคมีองค์ ๘ ได้ ก็คือเราต้องทำงานนี่แหละ แต่มีทิศทางว่า ทำงานเพื่อชีวิต-จิตใจที่ดีงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะเอาให้ได้ ส่วนวัตถุนั้น มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน เหมือนอย่างราชธานีอโศก เราตั้งใจจะปลูกผัก ให้เขียว ให้เต็มพื้นที่ให้หมด แต่พอน้ำมา แทนที่จะเขียวหมด กลับเป็นขาวหมด แม้วัตถุจะเสียไป แต่เราจะต้องไม่ให้ จิตใจของเราเสียตาม พ่อท่านก็มองว่า น้ำท่วมมันก็ดูสวยงามดี มองไปทางไหน ก็มีแต่สีขาวสะอาดตา น่ารื่นรมย์

ถ้าเรามีจิตใจที่ดีงามแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นมันก็จะสามารถดีงามไปได้หมด ถ้าเราไม่ไปยึดมั่นสำคัญหมาย ปักมั่นว่า มันจะต้อง เป็นอย่างนี้ๆ จนเกินไป สามารถพลิกเอาทุกสถานการณ์ มาเป็นประโยชน์ได้ ก็จะทำให้ชีวิตจิตใจของเราดีงาม

ทุกๆครั้งที่ทำงาน ต้องชัดเจนในเป้าหมายว่าเราจะเอาอะไร วัตถุ หรือสนองอัตตาของเรา หรือเอาใจที่ยอมได้ อ่อนน้อมถ่อมตนได้ เจียมเนื้อ เจียมตัวได้ ฟังคนอื่นได้ จะเอาใจที่ดีงามอย่างนี้ ตรงนี้ต้องชัดเจน เพราะสิ่งนี้จะเป็นสมบัติ ที่ติดตัวเราไป ถ้าเอาวัตถุ ก็เป็นพวกวัตถุนิยม หลงงมงาย เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แบกหามวัตถุไปจนตาย เป็นเพียงกรรมกรแบกหีบทองคำ แต่ไมได้ความสุข ในการที่ได้มีทองคำเลย ดังนั้น โศลกที่พ่อท่านเคยให้ไว้ว่า คนที่มีความสุขที่สุด ก็คือผู้ที่รู้ว่าตนเอง เป็นผู้ให้ หรือเสียสละ อย่างจริงที่สุด เมื่อได้เสียสละแล้ว ก็ไม่ควรไปมุ่งหวัง คาดหวัง หรือ เรียกร้องกำหนดหมายว่า จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็จะเป็นผู้ที่ ทำงานแล้วให้ เสียสละออกไปได้อย่างมีความสุขที่สุด ส่วนผลที่เกิดขึ้นมันไม่เที่ยง เหมือนกับศีรษะอโศก ที่ถูกไฟไหม้ เราไม่สามารถ กำหนดวัตถุ ให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ แต่เราสามารถกำหนดได้ คือจิตใจที่ดีงาม ที่ยืดหยุ่นได้ ปรับได้ ยอมตามผู้อื่นได้ สามารถจะเข้าประสาน สัมพันธ์กับคนอื่นได้ ตรงนี้เป็นชีวิตที่ดีงาม เป็นจิตใจที่ดีงาม

ดังนั้นเมื่อกิจกรรมมีผลเจริญแล้ว ก็ควรทำชีวิต-จิตใจ-มรรคผลของเราเจริญ จึงจะสมกับชาวอโศกยุคที่กิจกรรมมีผลเจริญ

ในสังคมยุคปัจจุบัน ใครที่แตะต้องไม่ได้ ก็จะถูกขนานนามว่าเป็นเทวดา
ท่านคิดว่าปัญหาแบบนี้มีในสังคมอโศกหรือไม่คะ
สังคมอโศกนี่แหละเป็นเทวดาตัวจริง เพราะเราได้ทำดีจริงๆ เสียสละจริงๆ ถือศีลจริงๆ กินเจจริงๆ ทำงานฟรีจริงๆ แต่ปัญหามีอยู่ว่า จะออกอาการ หนักกว่าเทวดาทางโลกเขาไหม? ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถที่จะบอกกันได้ ว่ากันได้ ถ้าบอกไม่ได้ ว่าไม่ได้ ก็ยังไม่ใช่ เทวดาที่พัฒนา เป็นเพียงแค่เทวดาติดแป้น เทวดาเฝ้าศาลเจ้าไว้เท่านั้นเอง ไม่สามารถไปสู่วิมาน ที่สูงกว่าได้

ตรงนี้เป็นปัญหาสำคัญในการพัฒนาหมู่กลุ่มของพวกเรา โดยเฉพาะเทวดาที่ยิ่งสูง ยิ่งดีมากเท่าไหร่ ก็จะมีคนกล้า ที่จะเสี่ยงบอก ติติงได้ยาก เหมือนท่านนายกรัฐมนตรีของเมืองไทย ในปัจจุบันนี้ ที่พอมีนักวิชาการ มาวิจารณ์ ท่านก็ออกมาใส่เขากลับไป ทำให้คะแนนนิยมท่าน ตกลงไปมากทีเดียว ทั้งๆที่ท่านเองก็จริงใจ ทุ่มเทเสียสละ ให้กับบ้านเมืองอย่างมาก นักเขียนบางคน พาลไม่ชอบใจ ประชาชน เพราะดูผลจากโพลส์ ที่เขาสำรวจ ประชาชนมาว่า นายกฯแย่ขนาดนี้ ทำไมโพลส์ที่ออกมา ประชาชน ก็ยังนิยมสูงอยู่ เขารู้สึกผิดหวังกับประชาชน ที่ให้ความนิยมในนายกฯ เป็นเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นความเห็นอย่างรู้ค่า ไม่ตีค่าทิ้ง โดยที่เขาเอง เขาก็ไม่รู้ว่า ตัวเขาเอง ก็มีความเป็นเทวดา มีความที่จะเอาแต่ใจตัวเองสูงอยู่เหมือนกัน เป็นธรรมดาของคน ที่ทั้งเก่ง -รวย -มีความสามารถ อย่างท่านนายกฯ ย่อมมีความเชื่อมั่นตัวเองสูงเป็นธรรมดา แต่เราก็จะให้เขา เป็นอย่างที่เราคิด เราเองก็จะเป็น ยิ่งกว่าเทวดา ยิ่งกว่าพระเจ้าอีก เราเองอาจจะเชื่อมั่นตัวเอง สูงยิ่งว่านายกฯก็ได้ แต่ปัญหาตรงนี้คือ ต่างคนต่างก็มอง ไม่เห็นตัวเอง

ปัญหาจะแก้ได้ด้วยการรับฟังกันให้มาก คนถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ควรยินดีรับฟังคนอื่น แม้แต่คนไปวิพากษ์วิจารณ์ เราเห็นกิเลสเขามาก เราก็ควรเห็นกิเลส ของตัวเราเอง มากด้วย เราอาจจะมีหรือไม่มี หรือมีมากกว่าด้วยซ้ำ ในเรื่องนั้น เหมือนพวกคอลัมนิสต์ วิจารณ์ นายกฯว่า เอ๊ะ..ทำไมแย่ขนาดนี้ ประชาชนยังให้ความนิยมอีก จริงๆแล้ว ตัวเองไม่รู้ว่า ใจตัวเองร้ายขนาดไหน ถึงขนาด จะเอาเขาออก ทั้งๆที่ ไม่มีใครดีกว่านี้ จะไล่เขาออกเลย จริงๆแล้วก็ไม่ได้รู้ว่า ใจของตัวเองร้ายกาจ ไม่น้อยเหมือนกัน

เราก็เหมือนอยู่ในสังคมเทวดา แต่ควรเป็นเทวดาที่พัฒนา พร้อมที่จะรับฟังซึ่งกันและกันอยู่เสมอ พยายามรู้เท่าทันตัวเอง ไม่เชื่อ หัวไอ้เรืองมาก พยายามผสมผสาน แนวคิดเข้าด้วยกัน ประนีประนอมเข้ากัน ก็จะได้ลดความเป็นเทวดา มาเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ ส-บ-ม-ธ-ม-ด-ป-ก-ต-ห-ห ดีกว่า ทุกวันนี้ ชาวอโศกทำงานกว้างขึ้น จะใช้แนวคิดดิ่งไปมุมใดมุมหนึ่ง คงไม่ได้ มิฉะนั้น จะไม่สามารถ ทำงานในสังคม วงกว้างได้

วันที่ ๕ มิถุนาฯที่จะถึงนี้พ่อท่านก็จะมีอายุครบ ๗๐ ปีเต็ม ท่านคิดว่า น่าจะมีข้อเสนออะไรให้กับญาติธรรมเราได้ระลึกถึงกันบ้างคะ
ในวาระที่พ่อท่านจะมีอายุ ๗๐ แล้วอีก ๒ ปีก็จะครบ ๗๒ เป็นการครบ ๖ รอบ ถือว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง ของชาวอโศกกันทีเดียว น่าจะจัดให้เป็น วาระแห่งการเฉลิมฉลองใหญ่ ของชาวอโศก อยากจะฝากเรื่องนี้ ให้แต่ละชุมชน ไปคิดกันว่า พวกเราจะเตรียมการ เตรียมงาน หรือทำอะไร ที่จะได้ร่วมเฉลิมฉลอง ในวาระครบ ๖ รอบของพระโพธิสัตว์ หากมีการเตรียมการ ตั้งแต่เนิ่นๆ ภายใน ๒ ปี เราน่าจะทำอะไร ให้ประสบความสำเร็จบ้าง เราจะเตรียมการได้ทัน

ก็อยากจะฝากให้แต่ละชุมชนได้คิดกัน ได้คุยกัน ปรึกษาหารือกัน พวกเราน่าจะทำอะไรที่จะให้พ่อท่านเห็นแล้ว ชื่นอกชื่นใจ มีอาหารทิพย์ เป็นวิญญาณอาหาร ให้กับพ่อท่าน อยากจะให้ท่านอยู่ ดูพวกเราไปอีกนานๆ เป็นต้นว่า ชุมชนของเรา ที่แห้งแล้งอยู่ อีก ๒ ปี ถ้าเราจะทำสวน ทำพืชผัก ปลูกต้นไม้ ภายในเวลา ๒ ปี ก็สามารถที่จะเห็นหน้าเห็นหลังได้เหมือนกัน ไปดูตัวอย่าง สวนเบิกบุญ ที่ศาลีอโศกได้ เพียงแค่ปีเดียว ต้นไม้ต้นไร่ ขึ้นงาม กล้วย มะละกอ มีกินอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว อันนี้เป็นข้อที่ แต่ละชุมชน น่าจะไป หารือกันว่า ชุมชนของเรา จะมีอะไร ที่เป็นความน่าภาคภูมิใจบ้าง ที่สำคัญ ก็อยากจะฝากความเป็นอยู่ร่วมกัน ของชาวชุมชนว่า พ่อท่านเอง พยายามสร้าง ระบบบุญนิยม เน้นสาธารณโภคี ชุมชนของเรา สามารถที่จะเจริญ ด้วยระบบบุญนิยม ระบบสาธารณโภคี ได้รุ่งเรือง บริสุทธิ์บริบูรณ์ ขนาดไหน ความเป็นเอกีภาวะ ความไม่ทะเลาะเบาะแว้ง อวิวาทะ การสังเคราะห์กัน การช่วยเหลือกัน ความรักกัน เราสามารถที่จะทำได้กัน ได้ดีขนาดไหน เราจะได้เฉลิมฉลองใหญ่ ด้วยการทำให้เกิดความเจริญ ทั้งรูปธรรม นามธรรม ของหมู่กลุ่ม ของเราอย่างไร ก็จะเป็นอภิลักขิตสมัย ของชาวอโศก เป็นโอกาสอันดีงาม ที่พวกเรา จะได้สร้างสรร เอาโอกาสนี้ มาพัฒนา จรรโลงตัวเราเอง และหมู่กลุ่ม ให้เกิดความเจริญ ก็อยากจะฝาก ให้พวกเราไปคิดกันไว้

เมื่อกิจกรรมมีผลเจริญ จิตวิญญาณของเราต้องเจริญตามไปด้วย มาเตรียมความพร้อม ด้วยการสร้างจิตวิญญาณ ของเราให้เจริญ ยิ่งๆขึ้น เพื่อเฉลิมฉลอง ๗๒ ปีของพระโพธิสัตว์ด้วยความภาคภูมิใจกันเถิด

ทีมข่าวพิเศษ


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สัมมนาองค์กรสมาชิกเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ ๒๙ ธ.ค.๔๕ ประชุมสัมมนาองค์กรสมาชิกเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย (คกร.) ณ ชุมชนราชธานีอโศก โดยมีพ่อท่าน เป็นประธานการประชุม

ดำเนินการประชุมโดย คุณธำรงค์ แสงสุริยจันทร์ ประธานเครือข่ายฯ เรื่องแจ้งเพื่อทราบมีดังนี้

๑.กลุ่มองค์กรสมาชิก คกร. ๔๗ กลุ่ม

๒.แผนการอบรมเกษตรกรของ ธ.ก.ส.ปี ๒๕๔๖ แจ้งมา ๓ เดือน (ม.ค.-มี.ค.) ในงานพุทธาภิเษกฯ จึงจะได้แผนการอบรม ที่เหลือ ซึ่งจะมี การปรับเปลี่ยนเล็กน้อย

๓.ฝ่ายประสานงานด้านการตลาด รายงานกิจกรรมว่า ได้เดินทางไปตามเครือข่ายต่างๆ เพื่อประเมินผล-รับซื้อผลผลิต-เตรียมงาน โรงบุญฯ ๕ ธ.ค. ฯลฯ จากเกษตรกรผู้เข้าอบรม ธ.ก.ส.ตามเครือข่ายต่างๆ โดยมีแม่ข่ายแต่ละชุมชน ประสานงานกับ ฝ่ายงาน การตลาด

๔.การไปประชุมสัมมนากับหน่วยงานต่างๆ เช่น การร่วมจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (สกช.) ที่ศูนย์การศึกษาเรียนรู้ กสิกรรม ไร้สารพิษ วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งจะประชุมครั้งต่อไป ที่พุทธสถานสันติอโศก ในวันที่ ๓-๔ ก.พ.๔๖, การสัมมนา ทางวิชาการ หัวข้อเรื่อง "เผชิญความท้าทายจากกระแสโลกาภิวัฒน์" การจัดตั้งสมาพันธ์อาหาร และเกษตรอินทรีย์ไทย ของกรมวิชาการเกษตร

๕.วิทยุชุมชน รายงานกิจกรรมซึ่งประชุมครั้งแรก ที่ปฐมอโศก คุณอนุ สง่าเรืองฤทธิ์ จากสำนักงาน กองทุนเพื่อสังคม แจ้งเรื่อง ที่ได้ไป ร่วมประชุม สมาพันธ์วิทยุแห่งชาติ และตัวแทน จากเครือข่ายชาวอโศก แจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ เรื่องการแสวงหารายได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูป ของการบริจาคแอบแฝง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพื่อเป็นบทเรียน แก่สถานีใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น และ การผลิตต้นฉบับ ของแต่ละเครือข่าย เพื่อแจกจ่ายหมุนเวียนไป ตามเครือข่ายต่างๆ ที่สนใจ

๖.รายงานบัญชี-การเงิน

๗.ทบทวนรายงานการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๔๕

สำหรับเรื่องพิจารณาในที่ประชุม มีดังนี้
๑.งานเพื่อฟ้าดิน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๑๖-๑๘ พ.ค.๔๖ ให้ทำการโฆษณาตั้งแต่ในงานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๖ ซึ่งในงานเพื่อฟ้าดินนี้ จะมีการออกร้าน ผักไร้สารพิษ จากเครือข่าย คุณอำนาจ หมายยอดกลาง จากวังน้ำเขียว จะประสานงาน กับภาครัฐ,ธ.ก.ส. ร่วมจัดงาน ครั้งนี้ด้วย เพื่อแสดงผลการอบรมเกษตรกรพักชำระหนี้ จากศูนย์อบรมต่างๆ ในรอบครึ่งเทอม ของการพักชำระหนี้ จึงฝากให้ศูนย์อบรม ประสานงานกับชาวบ้าน ที่มาอบรมแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง -การทำเกษตร เพื่อนำผลผลิต หรือ บุคคล เสนอในงานนี้ด้วย ซึ่งจะรายงานความคืบหน้า ในการประชุมครั้งต่อไป

๒.การจัดการด้านการตลาด มีความเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีผักไร้สารพิษล้นตลาดในเครือข่ายฯของกู้ดินฟ้า กทม. จึงขอให้แม่ข่าย แต่ละเครือข่าย บริหารจัดการ ด้านการตลาด กับผลผลิตของสมาชิก ภายในท้องที่ ในส่วนของพืชไร่ เช่น ข้าวไร้สารพิษ บจ.พลังบุญ, บจ.แด่ชีวิต และบจ.ขอบคุณ จะมีข้าวหอมมะลิไร้สารพิษจำหน่ายตลอดทั้งปี ๒๕๔๖ และการบริการ จัดการถั่วเหลือง ไร้สารพิษ จากแม่ข่าย ที่จะป้อนให้กับโรงงานเต้าหู้ ที่ปฐมฯ และราชธานีฯ

๓.ส่งเสริมเกษตรกรที่ผ่านการอบรมฯ โดยนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายในงานตลาดอาริยะ โดยมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาคน

๔.ปัญหาผลผลิตพืชไร่ของเกษตรกรที่ผ่านการอบรมฯที่ไม่ได้มาตรฐาน

๕.ปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่ต้องต่อสู้กับระบบทุนนิยม

๖.ลูกเดือยไร้สารพิษจาก จ.เลย ได้ผลผลิตเพียง ๑๐ ตัน ส่วนงาดำ ไม่มีผลผลิต เพราะขาดการติดตามผล จากเกษตรกร ที่ผ่านการอบรมฯ

๗.ราคาผลผลิตไร้สารพิษ ให้ใช้หลักการเอื้ออาทร

๘.เปิดการอบรมการวางแผนระบบน้ำในการทำเกษตรแบบประโยชน์สูง-ประหยัดสุด มีประสิทธิภาพ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ ก.พ.๔๖ ที่ราชธานีอโศก จำนวน ๓๐ คน ไม่เสียค่าใช้จ่าย เครือข่ายใดสนใจ ส่งตัวแทนมาอบรมได้

๙.เสนอตั้งคณะกรรมการเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ เพื่อแบ่งเบาและเพิ่มประสิทธิภาพของงาน

๑๐.ทำหนังสือเชิญข้าราชการที่ขอตัวมาช่วยงานอบรมฯตามศูนย์ต่างๆประชุมในงาน พุทธาฯ

๑๑.โครงการของบประมาณจากองค์กรส่งเสริมสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุข(สสส.) เกี่ยวกับสุขภาวะของเครือข่ายต่างๆ ขอให้ส่ง ภายในวันที่ ๒๕ ม.ค.๔๖

ช่วงท้ายการสัมมนาพ่อท่านให้โอวาทปิดประชุม โดยขอให้ทุกคนมีวิริยะอุตสาหะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เพิ่มพลังให้ชีวิต ด้วยจิตแจ่มใส
- กิ่งธรรม -

หลายท่านคงมีความรู้มาบ้างแล้วว่า ความโกรธ ความพยาบาทมาทร้าย เพ่งโทษถือสา ซึ่งเป็นตระกูลของอารมณ์โทสะนั้น ทำให้เจ้าของอารมณ์ เป็นผู้ฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่งอย่างไร

วันนี้จึงมีเคล็ดที่ไม่ลับมาฝากว่า ทำอย่างไรจะห่างไกลความโกรธ มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส ใบหน้าแช่มชื่น อิ่มเอิบ เบิกบานดูมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

มีผู้บอกเคล็ดไม่ลับไว้ ๑๐ ประการ สำหรับบางคนที่ยังต้องอาศัยเคล็ดอยู่ บางคนที่เก่งแล้วอาจจะไม่ต้องอาศัยก็ได้ค่ะ เคล็ดก็มีอยู่ว่า

๑.เป็นผู้มีชีวิตเรียบง่าย ทั้งการกิน การอยู่ หลับนอน เป็นคนสมถะมักน้อย เพื่อลดภาระจุกจิก ซึ่งพ่อท่านก็พาพวกเราทำกันอยู่

๒.มองโลกในแง่ดี หัดมองแต่ในส่วนดีของคนอื่นให้มาก ชื่นชมในความดีของเขา เลือกเอาแต่สิ่งดีๆมาทำ ไม่ติฉินนินทาว่าร้าย ไม่เพ่งโทษใคร

๓.มีอารมณ์ขัน สนุกสนาน

๔.เข้าสังคมช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะได้หูตากว้างขวางขึ้น จะทำให้เพลิดเพลินไม่หงอยเหงา ไม่เชื่อลองไปช่วยงานอบรมสัจธรรมชีวิตดู แล้วจะรู้ว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่ดีของชีวิต

๕.หาโอกาสหัวเราะให้ได้วันละหลายๆครั้ง เพื่อผ่อนคลายและออกกำลังกายกล้ามเนื้อบนใบหน้า

๖.หัดร้องเพลง ที่เป็นเพลงสร้างสรร จรรโลงโลก ดนตรีและเสียงเพลงจะทำให้เกิดความสุนทรี จิตใจอ่อนโยนขึ้น

๗.ออกกำลังกายเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อและข้อต่างๆ เมื่อทำได้ก็จะทำให้ต่อมไร้ท่อใต้สมองหลังสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมา ทำให้จิตใจ ปลอดโปร่ง โล่งสบาย

๘.ท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ถ้าอยู่ในเมืองก็ควรไปที่เป็นป่าธรรมชาติ เที่ยวชมพฤกษ์ไพรบ้าง

๙.ทำงานอดิเรก ที่เราชอบและเป็นประโยชน์

๑๐.ปฏิบัติธรรม ซึ่งพวกเราชาวอโศกก็ทำกันอยู่ แต่มีบางคนก็ถึงกับขะมักเขม้นเคร่งเครียด ในการปฏิบัติธรรม ซึ่งผู้ที่ทำได้ดีแล้ว จะพบแต่ ความสุขสงบ และเบิกบาน แต่ผู้ที่ยังเคร่งเครียด ก็คงต้องอาศัยข้ออื่นๆ ในข้อ ๑-๙ ด้วยนะคะ ก็ขออนุโมทนาด้วย สำหรับทุกคน ที่สร้างเหตุสร้างปัจจัย เพื่อถึงจุดสูงสุด คือ นักปฏิบัติธรรม.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ค่าย ม.วช. ที่บ้านราชฯเมืองเรือ

หลังจากนิสิตสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต (ม.วช.) ได้เข้าร่วมงานสัมมนา "วังชีวิต" ในวันที่ ๑๘-๑๙ ธ.ค. ๔๕ ตามที่ นสพ.ข่าวอโศก ได้เสนอข่าว ไปแล้วนั้น ต่อมาในวันศุกร์ที่ ๒๐ - วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๕ ก็ได้เข้าค่าย ม.วช.ที่บ้านราชฯเมืองเรือต่อ

โดยในวันที่ ๒๐ ธ.ค. นิสิตสัมมาสิกขาลัยวังชีวิตทุกวิชาเขตทั่วประเทศจำนวน ๙๑ คน ได้เข้ารับการปฐมนิเทศจากสมณะฟ้าไท สมชาติโก ในเวลา ๐๕.๐๐ น. ที่เฮือนศูนย์สูญ

โดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความชื่นชม ในกิจกรรมที่นิสิตทุกคน ได้มาร่วมแรงร่วมใจกัน สืบสานงาน พุทธศาสนา ในงานค่ายที่จัดขึ้นครั้งนี้ โดยมีเป้าหมาย ให้นิสิตได้พัฒนาตนเอง ในด้านการบริหารจัดการ แบบบูรณาการ ที่คำนึง ถึงประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน ดังที่พ่อท่าน ได้กรุณายกตัวอย่างเปรียบเทียบ ในการแสดงธรรม เรื่อง "ความสำคัญ ของอุดรศึกษา ที่ลึกซึ้งสำหรับมนุษย์" เป็นการเติมความชัดเจนให้กับนิสิต ม.วช.แต่ละคนได้ระลึกใช้สร้างเสริมกำลังใจ ในเส้นทางเดิน ที่ชื่อว่า พุทธชีวศิลป์ ตามฐานะแห่งตน

สำหรับกิจกรรมภายในค่าย ในช่วงเช้านิสิตบริหารกาย กิจกรรมในช่วงเช้าและบ่าย ได้ลงทำงานเตรียมงาน ตลาดอาริยะ ปีใหม่'๔๖ มีการแบ่งงาน และเชื่อมประสาน ข้อมูลกัน มีการเคลื่อนตัวพร้อมๆกันทุกส่วน มีการเรียนรู้บริหารจัดการ โดยเลือกตัวแทน ขึ้นมาปฏิบัติจริง ทั้งในเรื่องของคน - งาน - วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงเรื่องเวลา และจิตใจด้วย

หลังจากนั้นช่วงเย็นของวันแรกร่วมกิจกรรมริมแม่มูล มีการเดินจงกรมและฝึกเจโตสมณะ เพื่อทบทวนตัวเอง เรียนรู้ทำความเข้าใจ กับสภาวะ และผัสสะของวันนี้ ในเรื่องต่างๆ ซึ่งบรรยากาศธรรมชาติริมแม่มูล ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เติมความสดชื่น ให้ร่างกาย ที่เหนื่อยล้า มาตลอดวัน ได้เป็นอย่างดี

ส่วนในช่วงเย็นวันต่อๆมา นิสิตบางส่วนประชุมเตรียมงาน ในขณะที่บางส่วนร่วมกิจกรรมริมมูลถึง ๔ ทุ่มจึงได้แยกย้ายกันพักผ่อน

ในวันเสาร์ที่ ๒๑ ธ.ค. พ่อท่านแสดงธรรมทำวัตรเช้าแจกแจงเรื่อง "โพธิปักขิยธรรม ๓๗" เชื่อมโยงหัวข้อธรรมรหัส ๔๕๗๘ ราวกับบอก ลายแทง อาริยทรัพย์ โดยเจตนาให้เราไปให้ถึง จุดหมายกันทุกผู้ทุกคน ที่ได้มาฟังธรรม ในเช้าวันนี้ เป็นที่ประทับใจ ของลูกๆ โดยถ้วนหน้า

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธ.ค. พ่อท่านแสดงธรรมก่อนฉันตอกย้ำเป้าหมายของการมา "ให้" มา "เสียสละ" และเป้าหมาย ของการจัดงาน ตลาดอาริยะปีใหม่ การเกื้อกูลสังคม ของตลาดอาริยะ รวมถึงการทำงาน อย่างมีการดูแล จิตใจตนเองไปด้วย

การเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้นิสิตผู้ขยันทำงานและนิสิตผู้ขยันทำวัตร-ฟังธรรม-ฝึกเจโตสมถะ ได้เก็บเกี่ยวประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน ไปพร้อมๆกัน อย่างเต็มที่ ตามกำลัง

นอกจากนี้ นิสิต ม.วช.ยังได้รับการชื่นชมจากสมณะและทีมคุรุว่า มีความอดทน กล้าแสดงออกและสื่อบอกให้เพื่อนๆ ได้รู้ได้ปรับตัว ให้สามารถ มาร่วมรวมกัน และอยู่ด้วยกันได้

นับได้ว่างานค่ายฯครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เพราะนิสิตแต่ละคนเกิดปฏิกิริยาพัฒนาตัวเองมากขึ้น ดังโอวาทที่ พ่อท่านได้ให้ไว้ว่า "นักศึกษาที่ดี ต้องมีอิทธิบาท ๔".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 


เจริญธรรม สำนึกดี พบสารพันข่าวในแวดวงชาวเรากับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๑๙๙(๒๓๒) ปักษ์หลัง ๑๕-๓๑ ม.ค.๔๖

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา ขออนุญาตคุยถึงเรื่องเด็กๆสักนิด ก็อย่างที่เข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่า เด็กนั้นเป็นอนาคตของสังคม ของประเทศชาติ และของโลก

แต่ขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กไทย ทำไมเด็กไทยทุกวันนี้มีปัญหามากแทบทุกด้าน จิ้งหรีดไม่ได้ว่าเอาเอง เพราะหาก ใครได้ติดตาม ข้อมูลการวิจัย ของคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อปีก่อน ซึ่งสรุปปัญหาพฤติกรรม และค่านิยมของเด็กไทย ยุคใหม่ไว้ถึง ๑๒ ข้อแล้ว ดังนี้

๑.ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตนเอง อ่อนแอด้านจิตใจ
๒.รอคอยความสุขไม่เป็น ต้องการความรวดเร็ว ขาดความยับยั้งชั่งใจ
๓.ไม่อดทนกับความทุกข์ ทำงานหนักไม่เป็น อ่อนแอ ขี้เกียจ ชอบสบาย ไม่ชอบเรียนหนังสือ
๔.เป็นเด็กขี้เหงา อยู่กับตัวเองไม่ได้ ร้อนรุ่ม ชอบพูดโทรศัพท์มือถือนานๆ ชอบออกนอกบ้าน
๕.มีปัญหาทางใจ ขาดการยอมรับตนเองและกำลังใจ
๖.ชอบเลียนแบบ มีความฝัน ฟุ้งเฟ้อ ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง วิ่งตามแฟชั่น
๗.ไม่สู้งาน ชอบงานเบา แต่เงินดี
๘.กล้าลักขโมยเมื่ออยากได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่มีเงิน
๙.บรรลุทางเพศเร็วกว่าวัยที่ควรเป็น ชอบเลียนแบบทางเพศ
๑๐.ไม่สนใจศาสนา และไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ
๑๑.ความคิดสับสน มองเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
๑๒.เคารพตนเองน้อยลง

มองเขาแล้วย้อนมามองตน ชาวอโศกมีบุญจริงๆที่พ่อท่านได้นำระบบ "สัมมาสิกขา" เข้ามาให้ลูกหลานชาวอโศกได้เรียน อีกทั้งมี คณะคุรุ ที่เข้าใจทั้งทางโลก ทางธรรม มาเป็นผู้ให้ความรู้เด็ก

พอจิ้งหรีดหลับตาเทียบพฤติกรรมของเด็กๆสัมมาสิกขากับพฤติกรรมทั้ง ๑๒ ข้อข้างต้นแล้ว รู้สึกว่า เด็กของเราน่ารักจริงๆ พร้อมๆกับ รู้สึกสำนึก บุญคุณของพ่อท่าน และคณะคุรุอย่างที่สุด

ทีนี้มาถึงงานฉลองหนาวฯ ณ ภูผาฟ้าน้ำ ที่หลายต่อหลายคนเอ่ยถึง อย่างอิ่มเอมใจ หลังจากที่ได้ขึ้นไปสัมผัส และพักผ่อนกับ ธรรมชาติสดชื่น ของที่นั่น ในขณะที่บางคน เอ่ยชมเจ้าภาพว่า จัดงานได้ดี

งานนี้จิ้งหรีดไปแล้ว มีเรื่องประทับใจเก็บมาฝากเพียบ ก็ขอโอกาสนี้เล่าบรรยากาศของงานเผื่อท่านที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ในปีนี้เลย นะฮะ

ฉลองหนาวฯ...งานฉลองหนาวธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑(๓) อย่าแปลกใจเพราะที่วงเล็บเลข ๓ เอาไว้ เหตุผลเพราะว่า จัดงานที่ ภูผาฟ้าน้ำมาแล้ว ๓ ครั้ง ครั้งแรกเป็น งานฉลอง ๒๐ ปี ของการก่อตั้งกลุ่มภูผาฟ้าน้ำ เป็นงานปอยหลวง ส่วนครั้งที่ ๒ เป็นงาน ปอยน้อย คือ งานฉลองหนาวของกลุ่มภูผาฟ้าน้ำ ซึ่งเน้นเฉพาะญาติธรรมภาคเหนือตอนบน เป็นงานเฉพาะกลุ่ม

แต่งานฉลองหนาวธรรมชาติอโศกคราวนี้ ถือว่าเป็นงานของชาวอโศกงานหนึ่งตามที่พ่อท่านดำริ เป็นงานระดับปอยหลวง ตามลักษณะงาน ของชาวเหนือ

งานนี้เน้นให้ชาวอโศกมาพักผ่อนสังสรรค์พบปะพูดคุย เพื่อความสัมพันธ์ของชาวอโศกแต่ละแห่งแต่ละที่

ข้างฝ่ายครูหนู แม่ทัพของการล้างจานสูตรชุดเล็ก-ชุดใหญ่ อุทานด้วยความประทับใจให้จิ้งหรีดฟังว่า ช่วยงานล้างจาน -ล้างใจมา ๒๔ ปี เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่ภูผาฯ มีลูกหลานมารับผิดชอบ ถึงขนาดบอกกับป้าครูหนูว่า "งานนี้ครูหนูไม่ต้องทำอะไร ให้พักผ่อน เพราะลูกๆ หลานๆ จะรับผิดชอบงานเอง" จิ้งหรีดฟังแล้ว ก็รู้สึกปลื้มใจแทนป้าครูหนู ของเด็กๆจัง

ครั้นจิ้งหรีดแอบไปฟังการประชุมเตรียมงานของกลุ่มภูผาฟ้าน้ำ ก็รู้สึกประทับใจตอนอาจารย์ ๑ ท่านสรุปว่า "งานปอยหลวง ครั้งนี้ ไม่ต้องห่วง เรื่องความไม่สมบูรณ์ของงาน เพราะกลุ่มเราจน พ่อเราก็จน แต่ธรรมชาติที่นี่มีความสมบูรณ์มากอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้มาร่วมงาน ก็จะได้มาสัมผัส ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ มิใช่ความอุดมสมบูรณ์ของกลุ่มภูผาฯ

ถ้ากลุ่มจะสมบูรณ์ก็คือ ทุกคนช่วยเหลือกัน สามัคคีกันและตัดกิเลสของตัวเองอย่างเต็มที่ นี่แหละคือ ความสมบูรณ์ของงาน

อีกอย่างเราอย่าไปดูถูกผู้มาร่วมงานว่า `อยากได้นั้นได้นี่' เพราะผู้จะมาร่วมงานนี้ พร้อมจะมาลำบาก มาฉลองหนาว ฝึกอยู่กับ ธรรมชาติ และเห็นใจ ในความจน (วัตถุ) ของชาวเรา"

งานครั้งนี้เกิดเป็นประเพณีแห่โรงบุญฯของชาวเหนือ นำโดย ผรช.ชมร.ช.ม. คุณหนึ่งในธรรม ได้รับความร่วมมือ จากชาวเรา และ ชาวบ้านหัวเลา อย่างดียิ่ง ทุกคนมีไฟร่วมมือ ถึงขนาดมีคนบอกให้จัดแถว กลับฟังเป็นให้เริ่มแห่เลย ก็ผิดคิวไปเล็กๆ แต่ก็ประทับใจ ในขบวนแห่ แบบชาวอโศกล้านนา

ส่วนคุณดาบบุญ ดีรัตนา เสนอจิ้งหรีดว่า การจัดงานในปีต่อๆไป ถ้าให้ผู้มาร่วมงาน เตรียมอาหารมากินกันเอง ก็น่าจะดี ซึ่งจิ้งหรีด มองว่า ปีนี้มีโรงบุญฯ หลายโรง มาจากที่ต่างๆ ก็ช่วยแบ่งเบา ทางเจ้าภาพได้มาก ก็ถือว่าเป็นการพึ่งตนเอง ของผู้มาร่วมงาน วิธีหนึ่ง ซึ่งยังมีการเผื่อแผ่ ไปถึงคนอื่นๆด้วย

ชาวหัวเลาปีนี้มาร่วมงานและกวาดรางวัลไปถึง ๑๐ รางวัล บางคนได้รับรางวัลแล้วก็กลับบริจาคเข้าส่วนกลาง ด้วยความรู้สึกว่า งานนี้ชาวหัวเลา ก็เป็นเจ้าภาพ ร่วมกับชาวชุมชน ภูผาฟ้าน้ำเหมือนกัน

ตอนเช้าๆที่น่าประทับใจ คือ ได้เห็นเด็กๆชาวหัวเลามาช่วยสีข้าว -ฝัดข้าว ด้วยความชำนาญ มีส่วนช่วยให้มีข้าว พอเลี้ยงคนเป็นพัน แม้จะเป็น การสีด้วยมือ

ขอเอ่ยถึงกีฬาอาริยะในปีนี้สักหน่อย ก็ต้องยกให้กรรมการและพิธีกร เพราะรู้สึกว่า มีการเตรียมการ และพากย์ได้ สนุกสนานกว่า ไปดูด้วยตาเสียอีก อย่างนี้เจ้าภาพ คงขอจองตัวไว้ในปีต่อๆไป ก็หวังว่าคุณคงเดิน กับคุณหินทอง คงไม่ปฏิเสธนะฮะ

การตักทราย ก็นับว่าเป็นการแข่งขันที่สนุกอีกประเภท เป็นการทำบุญตักทรายเข้าวัดด้วย จิ้งหรีดเอง ก็นึกไม่ถึงเลยว่า ทีมของ พรรคเพื่อฟ้าดิน ซึ่งนำโดย "อาเปิ้ม" จะจะเป็นทีมที่ชนะเลิศ แข่งขันด้วยความตั้งใจเต็มที่ ที่จะตักทราย ให้ทางชุมชนได้มากๆ ก็คงเพราะรู้สึก อยากทำบุญ เช่นนี้กระมัง จึงสามารถเอาชนะหลายๆทีมลงได้ โดยเฉพาะทีม ม.วช.ศีรษะอโศก ที่ล้วนล่ำๆ ทั้งนั้นเลย

เอ้า! ก็ขออนุโมทนากับทุกๆฝ่าย (ทั้งเจ้าภาพและผู้ไปเยือน) ด้วยฮะ...จี๊ดๆ

บุญญาวุธหมายเลข ๒...ขอบันทึกไว้ว่า เมื่อวันพระใหญ่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๗ ม.ค.๒๕๔๖ ว่าชาว มรฐ. สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ในชาวอโศก ด้วยการจำหน่าย อาหารมังสวิรัติจาน (และถุง) ละ ๑ บาท ผลปรากฏว่า ร้านแทบแตก เพราะมีผู้มารับบริการกันมาก จนคนแจก เหนื่อยสุดๆ นี่ก็เป็น บุญญาวุธของพ่อ แบบหมายเลข ๒ ที่รวมกับหมายเลข ๑ เพื่อช่วยสังคมเรา ให้อยู่ดีมีสุข...จี๊ดๆ

ท่วมเวที...งานวันเด็กปีนี้ที่สันติอโศก ช่วงการแข่งขัน "บูชาบุพการี" มีด้วยกัน ๗ คู่ แต่ละคู่สร้างความประทับใจ แก่ผู้ชม และกรรมการ โดยเฉพาะ คู่ที่ลูกตัวโตที่สุด ซึ่งก็คือ คู่ของแม่แดงและลูกเฟย รายการนี้ เรียกน้ำตา จากผู้แข่งขัน และผู้ชม ได้อย่างท่วมเวที... ฮือๆ เอาน้ำตาจิ้งหรีดคืนมาซะดีๆ...จี๊ดๆ

ไม่ได้ไปไหน...อาจห่างหายไปบ้าง เพราะความกตัญญูต่อบุพการี ตอนนี้คุณอำนวย เอกทักษิณ เป็นหลักในการดูแลคุณแม่ ที่นอนป่วย มากว่า ๒ ปีแล้ว อาการขณะนี้คงที่ ไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร คุณแม่ของคุณอำนวยทานอาหารมังสวิรัติมากว่า ๒๐ ปีแล้ว เป็นผู้ใฝ่ใจ ในการทำบุญ เคยตามคุณอำนวย ที่ยกปิ่นโตไปทำบุญตามวัดต่างๆ ในวันหยุดไม่น้อยกว่า ๑๐๐ วัดแล้วกระมัง ขณะนี้ ท่านต้องนอนป่วย ไม่รู้สึกตัว ก็เป็นโอกาสที่ลูกๆ จะได้ตอบแทน บุญคุณของท่านให้เต็มที่ ก็ขออนุโมทนา และขอให้คุณ ได้ทำในสิ่ง อันเป็นกุศลนี้ อย่างเต็มกำลังกาย และใจต่อไป หากระลึกถึงกัน และจัดคิวดูแลคุณแม่ได้ลงตัว ค่อยมาเยี่ยมเยียนกันบ้าง ก็ได้ ฮะ... จี๊ดๆ

ปฐมอโศก...จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ผลักดันให้มีการใช้สมุนไพร อย่างแพร่หลาย พร้อมทั้งต้อง คุ้มครองผู้บริโภค ให้เกิดความมั่นใจ ในคุณภาพและความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์ สมุนไพรด้วย จึงเกิด "โครงการคุณภาพสมุนไพรไทย" ขึ้น เพื่อคัดเลือกและมอบรางวัล แก่ผู้ผลิต และเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ที่ได้คุณภาพและ ชุมชนปฐมอโศก ก็เป็น ๑ ใน ๖ ที่ได้รับใบรับรอง "คุณภาพสมุนไพรไทย" ประเภทวัตถุดิบสมุนไพร (สรุป ณ วันที่ ๑๘ ก.ย.๔๕) ชนิดวัตถุดิบ ขมิ้นชัน สาธุ...จี๊ดๆ

สวนไผ่สุขภาพ...คุณพรรณี วิเชียรพันธุ์ เป็นญาติธรรมเก่าแก่อีกท่านหนึ่งของชาวอโศก ที่แม้ขณะนี้อายุจะยาวกว่า ๗๐ ปีแล้ว แต่สุขภาพ ก็ยังแข็งแรง ทุกๆเช้าคุณพรรณี จะขับรถจากบ้าน ที่หมู่บ้านเมืองทองธานี มาเป็นผู้จัดการ สวนไผ่สุขภาพ ด้วยหัวใจ บุญนิยมจริงๆ ก็ขออนุโมทนาด้วยนะฮะ...จี๊ดๆ

ก่อนจากขอฝากคำขวัญวันเด็กปีนี้ของพ่อท่าน ที่ว่า
"เด็กที่รู้จักควบคุมพฤติกรรมของตน คือ คนฉลาด"

พบกันใหม่ฉบับหน้า

จิ้งหรีด

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


หลักสูตรมหัศจรรย์และค่ายพุทธธรรมที่หินผาฟ้าน้ำ

ชุมชนหินผาฟ้าน้ำจัดคอร์สมหัศจรรย์ "ค้นหาตนเอง" ให้นักเรียนสัมมาสิกขาหินผาฟ้าน้ำ เพื่อส่งเสริมความสามัคคี และความเป็นพี่ เป็นน้อง ก่อนเป็นพี่เลี้ยง ในค่ายพุทธธรรม หลักสูตร "วิถีชีวิตเด็กสร้างสรร" โดยงานเริ่มตั้งแต่วันที่ ๓-๘ ม.ค.๔๖ และ กำหนดให้วันที่ ๗ ม.ค. เป็นวันรวมแก่น ร่วมกันทำกิจกรรม สร้างสรรทั้งวัน

โดยช่วงเช้า ร่วมกันทำวัตรเช้า รับธรรมรุ่งอรุณ จากสมณะ เสร็จแล้วทำอาหารเมนูสูตรเด็ด เลี้ยงคนทั้งชุมชน มีกิจกรรม กตัญญูสถานที่ โดยร่วมกัน สร้างโบสถ์ดิน และระบายน้ำเสีย จากคลองชุมชนด้วย รวมทั้งมีการเล่นเกม ค้นหาตนเอง ซึ่งต้องอาศัย ขบวนการกลุ่ม ในการทำ กิจกรรมนี้ อย่างมาก ตกเย็นมีการสังสรรค์ งานวันเด็ก อย่างเป็นกันเอง

นิสิต ฟ้าเสรี วรชินา กล่าวว่า "ดีใจมากค่ะที่ได้มาร่วมงานนี้ บรรยากาศอบอุ่นเป็นพี่เป็นน้องกันดี งานนี้ได้รู้ถึงความตั้งใจ ที่จะพัฒนาตน ของน้องสัมมาสิกขา สส.ผ.แล้วรู้สึกมั่นใจ และประทับใจว่า หินผาฟ้าน้ำ จะไม่ขาดผู้สืบทอด อย่างแน่นอนค่ะ"

ด.ช.กระบี่ไผ่ คงนาวัง (บอล) นร.ชั้น ม.๑ "รู้สึกว่าตนเองค้นหาตัวเองเจอหลายอย่าง และได้ฝึกความเข้มแข็ง จากเดิมหลายเท่า ประทับใจพี่ๆ ที่มาจัดกิจกรรมนี้ให้ครับ และประทับใจเพื่อนๆ ผมได้ความสามัคคี ความอดทน และความรู้ มากทีเดียวครับ"

ด.ช.ผาหินแกร่ง สูงรันต์องค์(เก่ง) นร.ชั้น ม.๑ "รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆครับ รู้สึกสนุกกว่าจะหาตนเองเจอ ต้องใช้ความอดทน งานนี้ ช่วงเกมสัญญาลูกผู้ชาย ผมได้ให้สัญญากับ ชาวหินผาฟ้าน้ำว่า ผมจะเรียนให้จบ ม.วช.ครับ"

งานเข้าค่ายในครั้งนี้จบลงด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง และน่าภาคภูมิใจ ที่เด็กๆได้รู้จัก ใช้ขบวนการกลุ่ม ในการเรียนรู้ และ ค้นพบตัวเอง ได้มากขึ้น

และในวันที่ ๑๑-๑๒ ม.ค.๔๖ ได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายพุทธธรรม หลักสูตร วิถีชีวิตเด็กสร้างสรร ณ สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ โดยมีนักเรียน จาก ๔ โรงเรียนในเขต อ.แก้งคร้อ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ มาเข้าค่ายจำนวน ๙๔ คน

สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก อบอุ่น เด็กๆสนุกสนานกับการผจญภัยในฐานต่างๆที่พี่เลี้ยงจัดไว้ต้อนรับ และยังต้อง ตามหา ลายแทง เพื่อค้นหาข้าว, อาหาร เพื่อจะได้นำไปประกอบอาหารทานกันเองอีกต่างหาก

เด็กๆในค่ายต้องตื่นตั้งแต่ ๐๔.๐๐ น.เพื่อมาออกกำลังกายก่อนเข้าศาลาฟังธรรม ซึ่งได้สนุกกับการตอบคำถามในศาลา หลังจากนั้น ได้แบ่งคน จัดสรร เพื่อไปตำข้าวกินเอง, เก็บผักมาทำอาหาร และ ลงฐานงานในชุมชน งานนี้ทำให้แม่ครัวกลาง ต้องตกงานไปชั่วคราว เพราะเด็กๆ ที่มาเข้าค่าย แย่งทำหน้าท ี่จนครบทุกฐานงาน แต่ละกลุ่ม ทำอาหาร ถวายสมณะกันเอง ตามบ้านพัก ทำเอาศาลาใหญ่ เงียบเชียบไป ๒ วัน แต่บรรยากาศ กลับไปคึกคักในชุมชนแทน

ก่อนปิดค่าย มีตัวแทนของนักเรียนออกมาเปิดใจว่า จะมาเรียนอยู่หินผาฯ ๔-๕ คน ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่มีนักเรียนประทับใจ มากขนาดนี้ และ การเข้าค่ายครั้งนี้ เด็กๆรู้สึกประทับใจ ทีมพี่เลี้ยงมาเป็นอันดับ ๑ แม้กระทั่ง ช่วงถาม-ตอบปัญหา ก่อนปิดค่าย เด็กๆก็จะถาม ถึงพี่เลี้ยง มากเป็นพิเศษ

นับว่างานเข้าค่ายพุทธธรรมในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ น่าอนุโมทนากับการเตรียมตัวและการทำงานของทีมพี่เลี้ยงเป็นอย่างยิ่ง.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ระดมสมองเตรียมงาน พฟด.

เมื่อวันที่ ๓๐ ธ.ค.๔๖ ชาวอโศกร่วมกันระดมสมองเพื่อเตรียมงานเพื่อฟ้าดิน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พ.ค.๔๖ ณ ชุมชน ราชธานีอโศก โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวยืนยันว่า ทำกสิกรรมไร้สารพิษ สามารถอยู่รอดได้ โดยยกตัวอย่าง เกษตรกร ที่เข้าไปสนับสนุน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ จนถึงปัจจุบัน

สำหรับการระดมสมองในการเตรียมงานดังกล่าว สรุปได้ดังนี้

๑.แนวคิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและจิตวิญญาณของกสิกรรมไร้สารพิษแบบยั่งยืนด้วยหลักบุญนิยม สู่การลดละ เสียสละ มักน้อย สันโดษ

๒.ให้แต่ละศูนย์อบรมฯทั่วประเทศ จัดแสดงผลงานของเกษตรกรที่ผ่านการอบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิต และจัดเวทีอภิปราย ระหว่าง "การสอนให้คนมาจน กับสนับสนุนให้คนมารวย"

๓.เสนอให้ปลูกพืชผักที่เหมาะกับฤดูกาล เพื่อให้สามารถเจริญเติบโตทันงาน พฟด. ซึ่งได้แก่ พืชตระกูลเถาว์ เช่น ฟักทอง แตงโม แตงกวา บวบ เป็นต้น

๔.เสนอให้ปลูกถั่วเหลืองตั้งแต่ ธ.ค.-๑๕ ม.ค. ซึ่งเป็นฤดูกาลปลูกและสามารถนำผลผลิตมาแสดงในงาน พฟด.(๑๕ มี.ค.-๑๕ เม.ย.เป็นช่วงเก็บเกี่ยว)

๕.จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และให้ความรู้เรื่องคุณและโทษของแมลง

๖.ให้เครือข่ายต่างๆนำพันธุ์ไม้มาแสดงและจำหน่ายให้มากกว่าปีที่แล้ว

๗.สนับสนุนการบริโภคผักพื้นบ้าน ให้เครือข่ายต่างๆนำผักพื้นบ้านที่มีอยู่มากมาย มาดัดแปลงปรุงเป็นอาหาร เลี้ยงผู้มาร่วมงาน และ สาธิต การปรุงอาหาร ด้วยผักพื้นบ้าน เช่น ดอกแคป่า ผักพาย ผักก้านจอง ผักสะเดา ฯลฯ และจัดประกวดอาหาร จากผักพื้นบ้าน เพื่อลดการบริโภคผัก ที่ต้องปลูกตลอดปี

๘.จัดค่ายสุขภาพ เพื่อให้เห็นคุณค่าของผลผลิตไร้สารพิษ

๙.จัดการแปรรูปและสาธิตผลผลิตที่นำมาในงาน เช่น กล้วย ข้าว เป็นต้น

๑๐.ให้แต่ละเครือข่ายรวบรวมเมล็ดพันธุ์พืช,พันธุ์ข้าวต่างๆที่แข็งแรง มาแลกเปลี่ยนในงานพุทธาฯก่อนจะไปร่วมงาน พฟด.

๑๑.เน้นการปลูกข้าว-ถั่ว-งา ซึ่งเป็นหัวใจของการบำรุงดิน

๑๒.ให้ความรู้เรื่องเกษตรนิเวศน์แบบองค์รวม เช่น ปลูกพืชที่เป็นปุ๋ยในดิน ดีกว่าการไปหมักพืชมาเป็นปุ๋ย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ตลาดอาริยะวันเด็ก'๔๖ ที่สันติฯ คึกคัก
พ่อท่านให้คำขวัญ "เด็กฉลาดต้องรู้จักควบคุมตัวเอง"

เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๑ ม.ค.๔๖ หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั่วประเทศ ได้จัดให้มีกิจกรรม มากมาย โดยในปีนี้รัฐบาลได้ให้คำขวัญ แก่บรรดาเด็กๆ ทั่วประเทศว่า "เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี"
ในส่วนของชาวอโศก เกือบทุกชุมชน ได้จัดกิจกรรม ในโอกาสนี้ด้วย เช่นกัน ซึ่งทีมข่าวอโศก ได้รายงานบรรยากาศงาน จากบาง ชุมชนเข้ามา ดังนี้

สันติอโศก
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ม.ค.๔๖ นร.สัมมาสิกขาสันติอโศกและคณะครู-ผู้ปกครอง นร.พุทธธรรมวันอาทิตย์สันติอโศก ร่วมกันจัดงาน วันเด็ก'๔๖ ขึ้น ณ บริเวณด้านหลังพระวิหารพันปีฯ งานเริ่มเวลา ๐๘.๔๕ น. โดยพ่อท่าน นำสมณะและสิกขมาตุ บิณฑบาต บริเวณงาน ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ชาวชุมชนใส่บาตรกันอย่างคับคั่ง จากนั้นพ่อท่าน ได้กล่าวเปิดงาน ได้อธิบาย ขยายความ คำขวัญวันเด็ก ของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ให้เข้าใจละเอียด ชัดเจนยิ่งขึ้น และได้พูดถึงคำขวัญวันเด็ก ที่พ่อท่าน ให้ไว้ในปีนี้ที่ว่า
"เด็กที่รู้จักควบคุมพฤติกรรมของตน คือ คนฉลาด"

ซึ่งไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ถ้าได้นำไปปฏิบัติก็จะเจริญ

ในงานนี้มีซุ้มต่างๆที่น่าสนใจมากมาย เช่น ซุ้มตลาดอาริยะ ขายสินค้าราคาต่ำกว่าทุน เรียกว่า ลดราคาแบบถล่มทลายจริงๆ เช่น ผ้าถุงทุนผืนละ ๘๐ บาท ขายเพียง ๑๐ บาท เป็นต้น สินค้าที่ขายก็เป็นสินค้าคุณภาพ และจำเป็น ในชีวิตประจำวัน เช่น ผักไร้สารพิษ ข้าวกล้อง น้ำตาล ซีอิ๊ว เป็นต้น ปรากฏว่ามีผู้สนใจมาเข้าแถวต่อคิวซื้อกันยาวเหยียด ทั้งชาวชุมชนและชาวบ้าน ในละแวกข้างเคียง ซึ่งพรึบเดียว สินค้าก็ขายหมดเกลี้ยง

นอกจากนี้ยังมีซุ้มสำหรับเด็กๆได้สนุกสนานหลายซุ้ม เช่น ซุ้มคัดไทย-เขียนไทย ซุ้มวาดภาพ ซุ้มร้องเพลง ซุ้มผจญภัย แต่ละซุ้ม มีรางวัลให้กับเด็ก ที่เข้าแข่งขันทุกคน และที่ขาดไม่ได้คือ ซุ้มสอยดาว ที่เด็กเกือบทุกคน ที่มาร่วมงาน ต่างได้รับรางวัล จากซุ้มนี้ เกือบทุกคน เพียงแต่เขียนความตั้งใจทำดี และตอบคำถามต่างๆ ตามที่ซุ้มกำหนดไว้

ส่วนภาคบ่ายมีเกมแข่งขันกีฬาอาริยะ เช่น บูชาบุพการี กินวิบาก ขยะขยัน วิ่งกระสอบ และชักเย่อ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต่างสนุกสนาน ไปตามๆกัน

ภายในงานยังมีบริการอาหารฟรีตลอดงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองนร.พุทธธรรม,บจ.แด่ชีวิต,กลุ่ม น.ศ.รามบูชาธรรม และ ชมร.หน้าสันติอโศก

สีสันของงานอีกอย่าง คือ การประกวดแฟนซี ถึงแม้จะไม่ค่อยพร้อม แต่ก็สร้างความเฮฮาได้พอสมควร

สรุปงานนี้ได้สร้างให้เกิดการประสานสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทั้งนร.สัมมาสิกขาฯ, นร.พุทธธรรม, ชาวชุมชน, ชาวบ้าน และเด็กๆ ที่อยู่ละแวกวัด ซึ่งต่างก็เอิบอิ่ม ทั้งกายและใจ

ปฐมอโศก
จัดงานในวันเด็กแห่งชาติ (๑๑ ม.ค.๔๖) โดยปีนี้นักเรียน สส.ฐ. ชั้น ม.๕ เป็นเจ้าภาพจัดงาน

งานเริ่มตั้งแต่เช้า มีเด็กๆมาร่วมใส่บาตร แล้วมีการเปิดซุ้มอาหาร จัดเวทีประกวดร้องเพลง เล่านิทาน ฯลฯ

ช่วงบ่าย เป็นเกมสนุกหรือสาระบันเทิงตามจุดต่างๆ ที่ให้เด็กเลือกได้ตามชอบใจ

รายการภาคค่ำ ก็มีการแสดง แจกของขวัญ ฯลฯ ที่บริเวณลานปูนจอดรถใกล้ศูนย์เจาะวิจัย จนกระทั่งเวลาประมาณ ๔ ทุ่มจึงได้ยุติ

ศีรษะอโศก
งานวันเด็กที่ศีรษะอโศกปีนี้ จัดในวันเสาร์ที่ ๑๑ ม.ค. เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๓.๓๐-๒๑.๐๐ น. โดยมีทีมงานนกกระจอกเทศ เป็นแม่งานเป็นครั้งแรก

การจัดงานจะแบ่งนักเรียน สส.ษ.ทั้งหมดเป็น ๓๓ กลุ่ม ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การตอบปัญหา การประกวดแฟนซี เกมพันธุ์แท้ การประกวดร้องเพลงมีสาระ ฯลฯ

ส่วนที่ซุ้มอาหาร เวลาใครไปรับอาหารจะต้องเอาฟืนไปแลก และรู้คุณค่าอาหารที่จะนำไปรับประทานด้วย

โดยเฉพาะชาวชุมชนฯมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ทำให้บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น

ราชธานีอโศก
บ้านราชฯเมืองเรือจัดงานวันเด็กล่วงหน้าในวันที่ ๖ ม.ค.๔๖ เนื่องจากวันเสาร์ที่ ๑๑ ม.ค.นั้นติดงานอบรมเกษตรกรฯ สำหรับวันพิเศษนี้ สมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้กรุณาให้คำขวัญวันเด็กปีนี้ว่า

"อโศกพันธุ์แท้ต้อง ผิดให้รีบแก้ ถูกแน่ให้รีบลุย"

งานเริ่มตั้งแต่เช้า เด็กๆร่วมกันทำบุญตักบาตรในชุมชน แล้วรวมตัวที่ศาลาฟังสมณะฟ้าไท สมชาติโก สัมภาษณ์นักเรียน สัมมาสิกขาฯ ตั้งแต่ชั้น ม.๑-ม.๖ เรื่อง "อโศกพันธุ์แท้ควรมีลักษณะอย่างไร" และรับคำขวัญจากสมณะเดินดิน ติกขวีโร แล้วรับประทาน อาหารร่วมกัน

ภาคบ่ายสนุกกับเกมต่างๆ เริ่มจาก "มนุษย์ทองคำ" แข่งขันก่อกองฟาง เน้นความสามัคคี เกม "ร่มเย็นชื่นใจ" ให้อาๆ ป้อนน้ำสมุนไพร ให้คลายร้อน เสร็จแล้วตามด้วย เกม"ตื่นเต้นป๋อมแป๋ม" โหนรอกเชือกแล้วตกน้ำ พากันว่ายน้ำขึ้นบก มีอาๆมา "ปะแป้งแปลงโฉม" หวีผม ทาแป้งให้ แต่งตัวเสร็จ ป้าป้อนขนมด้วยทัพพี เกมนี้ "เพื่อลูก" เสร็จแล้ว "อิ่มอุ่น" กับอาหารเย็นที่แสนอร่อย ร่วมกันม่วนชื่น ที่เฮือนศูนย์ฯ ในรายการ "เด็กดีเด็กกล้า" แล้วออกไปริมมูลกราบผู้ใหญ่ และรับพรใน "สายใยอ่อนน้อม" ผู้ใหญ่ในชุมชน ผูกข้อมือ แล้วสมณะ-สิกขมาตุให้พร "อบอุ่นดีแท้"

สุดท้าย "ด้วยรับและห่วงใย" รับของขวัญ

เป้าหมายของการจัดงานวันเด็กครั้งนี้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ทำเพื่อเด็ก ที่ผ่านมา เด็กช่วยงาน ชุมชนมามาก

ทักษิณอโศก
จัดงานวันเด็กให้เด็กๆพุทธธรรม ซึ่งมีกันอยู่ ๓๐ ชีวิต ช่วงงานเด็กมาไม่ครบ การจัดครั้งนี้เป็นการจัดแบบองค์รวมทั้งชุมชน ซึ่งตามปกติ ไม่มีเด็กๆในชุมชน การจัดงานวันเด็กคราวนี้ เด็กๆจึงเป็นสีสันของชุมชนไปโดยปริยาย มีเกมให้เด็กได้พัฒนา ในด้านของ ขบวนการคิด เขียน อ่านและจำ เพื่อเป็นการสอดคล้องกับคำขวัญของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี

มีการแข่งขัน กีฬาอาริยะ บรรยากาศเป็นกันเอง และอบอุ่น สนุกสนาน เกมที่พาเล่น ก็ให้เป็นไปทางด้านเสียสละ มากกว่า การช่วงชิง เอาชนะ งานนี้ผู้ใหญ่ต่างกระตือรือร้น ในการจัดหาของขวัญ ให้เด็กๆดี

สมณะสู้ซื่อ หสิโต ฝากทิ้งท้ายถึงผู้ที่เคยผ่านความเป็นเด็กจงเห็นความสำคัญของเยาวชนให้มากขึ้น เด็กมีความบริสุทธิ์ เราจะทำ อย่างไร ที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยสร้าง และพัฒนาเด็กๆเหล่านี้ให้เขามีพัฒนาการ มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อเขาเหล่านี้ จะได้เติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ในอนาคตได้

ศาลีอโศก
ทาง ร.ร.อนุบาลโคกเดื่อ ได้เชิญชุมชนศาลีอโศกไปร่วมกิจกรรมงานวันเด็กที่ทางโรงเรียนได้จัดขึ้นในวันที่ ๑๑ ม.ค. มีผู้มาร่วมงาน จากหลายแห่งด้วยกัน ทางชุมชนศาลีอโศก ได้ทำอาหารมังสวิรัติ ไปร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ได้ร่วมเล่นเกม ร้องเพลง และนำการแสดงวัฒนธรรม ของชาวเรา ไปแสดงด้วย

บรรยากาศของงานคึกคัก สนุกสนาน เด็กๆของเราได้เปลี่ยนบรรยากาศ บางคนรู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่ได้เปิดทัศนะ ของตนเอง ได้ฝึกสัมพันธ์ กับเด็กข้างนอกชุมชน ในขณะที่เขา ก็รับเราดี ไม่มีช่องว่างระหว่างกัน

เสร็จจากงานนี้แล้ว เด็กๆของเราก็กลับมาจัดงานวันเด็กแบบกันเองที่ชุมชนกันอีกรอบ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ฉันท์พี่น้อง ในหมู่เรา ให้มากขึ้น ซึ่งบรรยากาศ ก็สนุกและอบอุ่นมาก

ภูผาฟ้าน้ำ
นร.สัมมาสิกขา ชั้น ม.๑ เป็นผู้จัดกิจกรรมวันเด็กในวันเสาร์ที่ ๑๑ ม.ค.๔๖ โดยมีผู้ใหญ่เป็นที่ปรึกษา

เริ่มงานตั้งแต่เช้าด้วยการใส่บาตรโดยเด็กและผู้ปกครอง ปีนี้มีลูกหลานของชาวบ้านใกล้เคียง โดยเฉพาะจากหย่อมบ้านหัวเลา ซึ่งได้ฟังข่าว จากวิทยุชุมชนของเรา ได้พาลูกหลาน มาร่วมงานด้วย ประมาณ ๓๐ คน

กิจกรรมในงานมีการแข่งขันกินผักป่า เด็กที่คิดรายการนี้ไม่ชอบกินผักป่า แต่ก็เข้าร่วมแข่งขันกินอย่างตั้งใจ ทำให้เป็นภาพ ที่น่าเอ็นดู และ น่าประทับใจ ส่วนผู้ชนะเลิศ เป็นเด็กนักเรียน จากบ้านหัวเลา นอกจากนี้ ยังมีการประกวดร้องเพลง วาดภาพ เรียงความ ฯลฯ

การจัดงานวันเด็กปีนี้เป็นปีแรก ที่จัดบนดอยแพงค่า มีผู้ใหญ่ในชุมชนมาร่วมกิจกรรมวันเด็ก อย่างน่าประทับใจ จนกระทั่งเวลา ๑๔.๐๐ น. จึงได้ยุติ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชุมชนดินหนองแดนเหนือเลือกตั้งคณะผู้รับใช้ชุดใหม่

เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค.๔๖ ชุมชนดินหนองแดนเหนือ เปิดรับศักราชใหม่ โดยเลือกตั้งคณะผู้รับใช้ชุดใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศ คึกคัก สงวนจุดต่าง ประสานจุดร่วม ผลออกมา ค่อนข้างลงตัว

สมณะที่ดำเนินการคือ สมณะกลางดิน โสรัจโจ สมณะนึกนบ ฉันทโส และสมณะมือมั่น ปูรณกโร มีผู้ลงคะแนน ๖๒ คน หลังจาก ที่ได้เปิดใจ กันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมมีมติเลือกนายวัลลภ จันดาเบ้า เป็นผู้รับใช้ นางกอใจ ชาวหินฟ้า เป็นผู้ช่วยผู้รับใช้ และ เหรัญญิก นายสุทัศน์ ดิศโยธิน เป็น เลขานุการ อ.ชูชาติ นาแสวง เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ นางนงลักษณ์ จันดาเบ้า เป็นฝ่ายบัญชี นางบัวศรี อินทะเสน เป็นฝ่ายทะเบียน นายทวี แก้วกาหลง เป็นฝ่ายตรวจสอบ นายชัยณรงค์ เกตุคล้าย และนายวรจิต มังคละสน เป็น กรรมการ

และในเช้าวันรุ่งขึ้น ที่ประชุมคณะผู้รับใช้ได้ดำเนินการเลือกหัวหน้าฐานงานต่างๆ ได้แก่ นายแสงพุทธ พุทธวงษ์ ดูแลฐานงาน ฝึกอบรม ธ.ก.ส.และฝึกอบรมทุกชนิด อ.ชูชาติ นาแสวง ฐานงานอาคารสถานที่ -เครื่องใช้ต่างๆ นายวันชัย ชมบุญเรือง ฐานงานระบบน้ำ (นายสมบัติรักษาการไปก่อน) นายชัยณรงค์ เกตุคล้าย ฐานงานยานยนต์ นายสุทัศน์ ดิศโยธิน ฐานงานด้าน นิทรรศการ นายเพชรน้ำหนึ่ง ฐานงานด้านเทคโนโลยี เครื่องเสียงไฟฟ้า นางกอใจ ชาวหินฟ้า ฐานงานขยะ นางวันเพ็ญ บทมาตย์ ฐานงานโรงครัว นายสมบัติ เกิดกลาง ฐานงานกสิกรรม นางบันจี ศรีบุญเรือง ฐานงานร้านค้า นายเลื่อน สิงหเสนา ฐานงานปุ๋ยหมัก นางประชิด บุตรดี ฐานงานแชมพู นางนงลักษณ์ จันดาเบ้า ฐานงานตกแต่งสถานที่และฐานงานถั่ว เป็นต้น

สมณะได้ให้นโยบายสลายมุ้งเล็ก ให้เกิดความเป็นเอกภาพ พัฒนาแกนในให้มีคุณภาพ และมีการจัดระบบ การทำงานเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดพลัง ในการทำงานที่สำคัญต่อไป นับเป็นก้าวใหม่ที่น่าจับตามอง.

สุทัศน์ ดิศโยธิน รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชื่อเดิม นางสุภร บุญสุวรรณ
ชื่อใหม่ สุดจริง
เกิด ๒๐ พ.ย. ๒๔๘๔ อายุ ๖๑ ปี
ภูมิลำเนา อ.มายอ จ.ปัตตานี
การศึกษา ค.บ. สถาบันราชภัฏ จ.ยะลา
สถานภาพ แต่งงานแล้ว บุตรสาว ๒ คน
ส่วนสูง ๑๕๘ ซ.ม.
น้ำหนัก ๔๒.๕ กก.

ได้พบกับคุณป้าสุดจริง จากทักษิณอโศก ที่เดินทางมาร่วมงานฉลองหนาวฯ ป้าเป็นญาติธรรมรุ่น กองทัพธรรมยกพลไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี ๒๕๒๗ ปัจจุบันทิ้งบ้านช่องเรือนชาน มารับผิดชอบ ทำอาหารงานอบรม ธ.ก.ส. อยู่ที่สังฆสถาน ทักษิณอโศก ไปรู้จักกับป้ากันนะคะ

ร้อนทั้งคู่
มีพี่น้อง ๗ คน ป้าเป็นคนที่ ๖ พ่อเป็นช่างไม้ แม่ค้าขาย เรียนจบแล้ว รับราชการเป็นครู แต่งงานเมื่ออายุ ๒๗ ปี พ่อบ้านแก่กว่าป้า ๒ ปี เป็นชาว จ.สงขลา มีลูกสาว ๒ คน ชีวิตครอบครัวสุขๆทุกข์ๆ เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อนทั้งคู่

ต้องทำจริง
ปี' ๒๗ เพื่อนรุ่นน้อง (อ.กลั่นบุญ) ชวนไปดูพระอโศก ที่ธุดงค์มาที่จ.ยะลา ได้พูดคุยแล้ว ท่านแนะนำให้ไปที่วิทยาลัยครู จ.สุราษฎร์ฯ ซึ่งกองทัพธรรม ยกไปที่นั่น จึงไปร่วมงาน ๓ คืน ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟังมาก่อน จนเกิดศรัทธา
กลับมา ยังไม่ปฏิบัติจริงจัง แค่กินเจเขี่ยเท่านั้น ต่อมาได้พบกับพระสายธรรมชาติ ซึ่งฉันมังสวิรัติ เหมือนพระอโศก ท่านถามป้าว่า ทำไมถึงยังกินเจเขี่ย เหมือนกับปฏิบัติเล่นๆไม่เอาจริง จึงทานมังสวิรัติ ตั้งแต่ปลายปี'๒๗ เป็นต้นมา ใหม่ๆพ่อบ้านไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ เข้าใจแล้ว

สู่ทางธรรม
ปี '๒๘ เป็นต้นมาก็ร่วมกันจัดโรงบุญฯกับอ.กลั่นบุญที่จ.ยะลาเป็นประจำทุกปี ก่อนปฏิบัติธรรม ตั้งใจไว้ว่า จะทำงาน จนเกษียณอายุ เพื่อจะรับพระราชทาน เหรียญผู้สูงอายุ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อปฏิบัติธรรมแล้ว ก็เปลี่ยนใจ ตั้งใจว่า จะลาออก จากราชการ ในปี'๓๔ แต่ลาออกได้จริงๆปี'๓๙ ในปี '๔๑ ป้าก็ซื้อตัวเอง ออกจากการเป็นแม่บ้าน กลับมาเป็นโสดอีกรอบ

ทำบุญวันตาย
อายุครบ ๖๐ ปีป้านิมนต์สมณะไปทำบุญที่บ้านเนื่องในวันตายจากทางโลกของป้า เพราะหากป้าตายจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาส ได้ทำบุญ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็อยากทำบุญ เราอยากจะทำบุญอย่างไร เราก็ทำได้ แต่หากเราตายไป คนอยู่ข้างหลัง ทำบุญอย่างไร เราก็ไม่รู้

ชีวิตโลกใหม่
ป้ารับผิดชอบเรื่องอาหารสมณะและผู้อบรม ธ.ก.ส. อุปสรรคก็มี ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจกัน ต้องปรับความเข้าใจกัน เพราะเรา ต้องอยู่ด้วยกัน ในเมื่อเราเลือกชีวิตแบบนี้เอง บางครั้งทำใจไม่ได้ ก็กลับไปบ้านชั่วคราว เวลาไม่มีผัสสะ ป้าลืมบ้านไปเลย อยู่วัดแล้ว มีความสุข ได้ฟังธรรม ได้ทำงานเสียสละ ป้าขอเป็นเฟืองเล็กๆ ของงานศาสนา ก็พอใจแล้ว

จากใจป้า
ให้เราอดทนต่ออุปสรรค อย่ายอมแพ้อุปสรรค ถ้าเราทนได้ ทุกอย่างจะดีเอง

จากหนังสือสารอโศกฉบับ ปีใหม่ตลาอาริยะ'๔๖ ครั้งที่ ๒๔ พ่อท่านเทศน์ไว้ว่า "...คุณทำงานไม่เอาเงินเดือนเท่ากับคุณทำงานหมดเลย..."
แล้วท่านล่ะ อยากทำงานไม่เอาเงินเดือนบ้างไหม ?

บุญนำพา รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ทีม "กองหนุนจริยธรรม" (เขตบึงกุ่ม)
จัดงาน "ฟ้าใส-ใจสว่าง-กลางสวนน้ำ"

เมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค.๔๖ ทีมงาน "กองหนุนจริยธรรม" ได้ร่วมกันจัดงาน "ฟ้าใส-ใจสว่าง-กลางสวนน้ำ" (บึงกุ่ม) โดยบรรยากาศของงาน อบอุ่นไปด้วย มวลมิตรเกือบ ๒๐๐ ชีวิต ภายใต้ความร่มรื่น ของไทรต้นใหญ่ กับความเย็นฉ่ำ ของสายน้ำยามบ่าย และ แสงตะวัน ที่เริ่มอ่อนแสง

งานในช่วงแรก ฟังคุณยุทธนา เพียรเวช บรรยายเรื่อง "การหายใจเพื่อสุขภาพ" ผู้ร่วมกิจกรรมนั่งฟังบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม อย่างสนใจ พร้อมทั้ง ฝึกหายใจ ไปพร้อมกับการบรรยาย ต่อมาสมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ แสดงธรรม ในหัวข้อเดียวกับชื่องาน (ฟ้าใส-ใจสว่าง-กลางสวนน้ำ) ได้บรรยากาศแห่งความเป็นจริง ของธรรมชาติ ได้สูดอากาศ ซึ่งปราศจากมลพิษ ริมสายน้ำ กลางสวนธรรมชาติ

สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ(ท่านจันทร์) ยกขบวนทีมงาน "เพื่อนช่วยเพื่อน" มานำเดินจงกรมรอบสวนน้ำประมาณ ๒ ก.ม. พอครบ ๑ รอบ คุณชินกร ไกรลาส ศิลปินแห่งชาติ ได้เดินทางมาถึง จึงเริ่มรายการ "ธรรมรส-บทเพลง" กันเลย ซึ่งบทเพลงต่างๆ ที่คุณชินกร ขับร้อง เช่น เสากลางกระแส, ชาวนาสอนลูก, กรรมแผ่นดิน, แมว และ อิฐเก่าเล่าตำนาน ทำให้ผู้ฟัง เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด และ ท่านจันทร์ ยังได้แทรก "ธรรมรส" ได้เหมาะสม กลมกลืน ท่ามกลางเสียงปรบมือ ก้องกังวาน ในทุกๆเพลง ที่ขึ้นต้นและจบลง

ผู้มาร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นผู้ฟังรายการท่านจันทร์และคลื่น ๑๐๗.๙ เมกะเฮิรตซ์ เสียงสะท้อนส่วนใหญ่ อยากให้จัด ทุกอาทิตย์ สำหรับ ผู้มาร่วมกิจกรรม ในวันนั้น ได้รับหนังสือดอกหญ้าฟรี กลับไปทุกคน พร้อมทั้งสมัครเป็นสมาชิกใหม่อีกด้วย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สมณะเกจิอาจารย์ งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๗
(อาทิตย์ที่ ๑๖ - เสาร์ที่ ๒๒ ก.พ.๔๖)

๑.สมณะดินดี สันตจิตโต ๑๖.สมณะแดนเดิม พรหมจริโย ๓๑.สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๒.สมณะเดินดิน ติกขวีโร ๑๗.สมณะกล้าดี เตชพหุชโน ๓๒.สมณะกล้าตาย ปพโล
๓.สมณะทำดี อโสโก ๑๘.สมณะเก้าก้าว สรณีโย ๓๓.สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๔.สมณะบินบน ถิรจิตโต ๑๙.สมณะกำแพงพุทธ สุพโล ๓๔.สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ
๕.สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ๒๐.สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ๓๕.สมณะนานุ่ม กัสสโก
๖.สมณะเสียงศีล ชาตวโร ๒๑.สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช ๓๖.สมณะดงดิน สุนทโร
๗.สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ ๒๒.สมณะร่มเมือง ยุทธวโร ๓๗.สมณะดงเย็น สีติภูโต
๘.สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว ๒๓.สมณะหม่อน มุทุกันโต ๓๘.สมณะนาไท อิสสรชโน
๙.สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต ๒๔.สมณะฟ้าไท สมชาติโก ๓๙.สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
๑๐.สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต ๒๕.สมณะลือคม ธัมมกิตติโก ๔๐.สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
๑๑.สมณะถ่องแท้ วินยธโร ๒๖.สมณะเน้นแก่น พลานีโก ๔๑.สมณะมือมั่น ปูรณกโร
๑๒.สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร ๒๗.สมณะกล้าจริง ตถภาโว ๔๒.สมณะดินทอง นครวโร
๑๓.สมณะพอแล้ว สมาหิโต ๒๘.สมณะเด่นตะวัน นรวีโร ๔๓.สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
๑๔.สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ ๒๙.สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ ๔๔.สมณะหนักแน่น ขันติพโล
๑๕.สมณะกลางดิน โสรัจโจ ๓๐.สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ๔๕.สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ

สิกขมาตุเกจิอาจารย์
๑.สม.มาบรรจบ เถระวงศ์ ๗.สม.หยาดพลี อโศกตระกูล ๑๓.สม.มาลินี โภคาพันธ์
๒.สม.จินดา ตั้งเผ่า ๘.สม.บุญจริง พุทธพงษ์อโศก ๑๔.สม.ผาแก้ว ชาวหินฟ้า
๓.สม.อ่านตน อโศกตระกูล ๙.สม.ต้นข้าว อโศกตระกูล ๑๕.สม.เป็นหญิง อโศกตระกูล
๔.สม.บุญแท้ ปลาทอง ๑๐.สม.สร้างฝัน อโศกตระกูล ๑๖.สม.เทียนคำเพชร อโศกตระกูล
๕.สม.รินฟ้า นาวาบุญนิยม ๑๑.สม.พูนเพียร ชาวหินฟ้า ๑๗.สม.ใจขวัญ เบญจโศภิษฐ์
๖.สม.กล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล ๑๒.สม.นวลนิ่ม ชาวหินฟ้า

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

www.asoke.info

[กลับหน้าสารบัญข่าว]