ฉบับที่ 204 ปักษ์แรก1-15 เมษายน 2546 |
เชื้อมรณะ ข่าวสงครามสหรัฐฯและ อังกฤษรบกับอิรัก ฝืนมติสหประชาชาติ แสดงการก้าวที่พลาดของระบบทุนนิยม ที่คิดว่า สันติภาพ ต้องมาด้วยเลือด เพราะเลือดนำสันติภาพมาไม่ได้ คอมมิวนิสต์ล่มสลาย เพราะการบีบบังคับผู้อื่นด้วยอัตตา ทุนนิยม ก็ล่มสลาย เพราะการบีบบังคับผู้อื่นด้วยอัตตา บุญนิยม ไม่ล่มสลาย เพราะผู้อื่นสมัครใจมาให้บีบบังคับด้วยเมตตา แต่ความจริงของบุญนิยมนั้นถึงที่สุดแล้วไม่บีบบังคับใครนอกจากกิเลส และจะต้องใช้ปัญญาเรียนรู้กิเลส ได้อย่างชัดเจน ถึงโทษภัย และ ประโยชน์ที่เกิดจากการบีบ บังคับกิเลส จนสามารถดับกิเลสได้ คนที่ดับกิเลสได้ จะเป็นคนไม่เอาแต่ใจ ไม่อยู่ในภพ ไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง คนเช่นนี้อยู่ที่ไหน ก็เป็นประโยชน์ในทุกที่ เป็นคนที่เลียนแบบยาก ส่วนคนที่ชอบทำอะไรตามภพตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือในหมู่กลุ่ม เป็นพฤติกรรมที่คนรอบข้างเลียนแบบง่าย และ อันตรายยิ่งกว่า เชื้อของโรคซาร์ส หรือ ไข้หวัดมรณะ ที่กำลังระบาด เพราะมันระบาดได้ไวมาก เชื้อไวรัสที่เป็นตัวพาหะของโรคซาร์สนี้ ยังไม่มีตัวยารักษา ใครเป็นโรคนี้มีสิทธิ์ตายภายใน ๑๐-๑๕ วัน น่ากลัวกว่ายุทธการ Shock And Awe ของสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ถล่มอิรัก แต่เชื้อกิเลสที่ทำให้เกิดความรู้สึกชอบทำตามใจตัวเอง แม้จะมีธรรมโอสถสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ รักษาได้ ก็จะทำลาย เชื้อนี้ไม่ได้ หากขาดสัมมาคารวะ ไม่นอบน้อม เข้าหาหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นทั้งหมด ทั้งสิ้น ของพรหมจรรย์ ก็หวังว่าชาวเราทุกคนคงช่วยกันฆ่าเชื้อกิเลสนี้ และไม่แพร่เชื้อนี้ ณ ที่ใดๆ เพราะมันเป็นเชื้อมรณะของนักปฏิบัติธรรม. |
เรื่องราวของตัณหาทั้ง
๓ ภวตัณหา
คือ ภาวะความอยากเสพสมใจในภวังคจิต
ซึ่งแบ่งออกได้สองส่วน ภวตัณหาอย่างนั่งหลับตาสมถะ คือ ผู้เสพรสว่างสงบเบาอยู่ในภวังคฌาน วนเวียนเป็นรูปพรหม อรูปพรหม ติดอยู่กับสุขารมณ์ ของภวังคฌานนั้นๆ ไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ และออกนอกทางพุทธเสียด้วยซ้ำ ภวตัณหาอย่างคนใช้ชีวิตสามัญทั่วไป
คือภาวะของผู้หลงติดอยู่กับโลกธรรม ๘ เหล่านี้ล้วนเป็นภวตัณหา เป็นอัตตามานะ ที่จิตเราหลงเข้าไปยึดไว้ด้วยอวิชชา ปั้นเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์อยู่ภายในจิต การที่เรากำหนดรู้กามตัณหาและภวตัณหา แล้วพยายามดับจนหมดสิ้นอาสวะ จิตเราก็จะเลื่อนสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไป เป็นระดับขั้น วิภวตัณหา วิภวตัณหา คือ ความปรารถนากระทำตนให้ประเสริฐ สูงส่งยิ่งขึ้นไป หลุดพ้นกิเลส เป็นพระอรหันต์ ช่วยเหลือเกื้อกูล ปวงชน เป็นพระโพธิสัตว์ แต่หากผู้ใดปรารถนาได้ดีมีอาริยคุณ ทว่าปฏิบัติอย่างมิจฉาทิฏฐินี้เป็นภวตัณหา มิใช่วิภวตัณหาแน่ เพราะผู้จะมี วิภวตัณหา ต้องมีภูมิธรรม เข้าเขตอาริยภูมิขึ้นไป ผู้ชื่อว่ามีภูมิระดับกัลยาณชนคือ คนทำดีแต่มีภวตัณหาในจิต ไม่เข้าใจเรื่องค่าของบุญ-บาปอย่างชัดแจ้ง ทำบุญเสียสละ มากปานใด แต่ยังหวังได้อามิส กลับคืน เช่น นักการเมือง แจกสิ่งของ เพื่อแลกกับชื่อเสียง หรือ ทำบุญเอาหน้า ประมาณนั้น ส่วนผู้ชื่อว่าเป็นอาริยบุคคลนั้น
จะต้องเป็นผู้เข้าใจอริยธรรมด้วยตนเอง มีญาณปัญญาพ้นวิจิกิจฉา ในสังโยชน์เบื้องต้น
๓ ข้อ คือ หากพ้นสงสัยในสังโยชน์ ๓ ข้อนี้ ก็สามารถตัดเขตเป็นอาริยบุคคลได้เลย ด้วยปัญญาอันเห็นแจ้ง ของตนแล้วกระทำดี อย่างไม่หวังอามิส เป็นลาภ ยศ ชื่อเสียง และพยายามเปลื้องภวตัณหา ออกจากจิต อยู่อย่างรู้และเข้าใจ. -
พุทธบุตร ลูกหม้ออโศก - |
สดจากปัจฉาสมณะ จากร่วมปฐพี...ถึงเพื่อฟ้าดิน ที่สนามบินดอนเมือง (๓เม.ย.) ขณะรอขึ้นเครื่องบิน เพื่อเดินทางไปอุบลฯ เห็นหลายคนมีผ้าคาดจมูกและปาก ป้องกัน เชื้อหวัดมรณะ ที่กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ขณะที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีผ้าคาดเพื่อป้องกันอะไร ใจขณะนั้น ก็มิได้ตื่นกลัว และมิได้ดูถูกอะไร ในคนที่คาดผ้าเลย เข้าใจถึงกระแสข่าว ที่ทำให้คนต้องหาทาง ป้องกันตนไว้ก่อนเป็นดี วันนั้นพบพระหลายๆรูป ทั้งพระไทยและพระจีนนิกายมหายาน ต่างเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินไปตามที่ต่างๆที่ไปอุบลฯด้วย ก็มีหลายรูป แต่ไม่มีพระรูปไหน คาดผ้าปิดจมูก และปากเลย ยังคาดเดาไม่ถูกว่าถ้าหวัดมรณะระบาดหนัก ทำให้ผู้คน ต้องคาดผ้าฯ กันเกลื่อนเมือง ถึงวันนั้น พระเอง ก็คงต้องคาดผ้าฯ ไปไหนมาไหนด้วยเป็นแน่ สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว) วัดสระเกศและพระติดตามก็เดินทางไปอุบลฯในวันนั้นด้วย ผู้เขียนยังไม่แน่ใจ ทีเดียวว่า จะจำถูก หรือไม่ แต่เมื่อเห็นพระหลายรูปลุกขึ้นยืนนมัสการไปยังสมเด็จฯท่านที่กำลังเดินมาด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ใบหน้ายิ้มแย้ม จากข้อมูล ที่ได้ยินได้ฟังมาว่า สมเด็จฯท่านเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี มีบุคลิกประสานสัมพันธ์สูง ทำให้คาดเดาได้ทันทีว่า เป็นสมเด็จฯ ท่านจริงๆ แต่เพื่อความแน่ใจ ถามพ่อท่านดูจะดีกว่า ขณะนั้น พ่อท่านกำลังก้มหน้า อ่านหนังสือ ผู้เขียน จึงหันไปกระซิบ ถามพ่อท่าน โดยไม่คิดว่า สมเด็จฯท่านจะมองมา เพราะอยู่ห่างกัน กว่าสิบเมตร แถมมีผู้โดยสารอื่นๆ นั่งอยู่โดยรอบ พ่อท่านเงยหน้าขึ้นมามองดูก็รับว่าใช่เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว)จริงๆ เมื่อผู้เขียนหันกลับไปมองสมเด็จฯ ท่านยังคง มีสีหน้า ยิ้มแย้ม มองมาทางเรา แล้วแวะเข้ามาทักทาย ด้วยท่าที ที่มีไมตรีอย่างยิ่ง "จะไปไหนกัน?" สมเด็จฯ ท่านถามมา "ไปอุบลฯครับ" พ่อท่านตอบพร้อมกับประนมมือนมัสการ ผู้เขียนได้สติรีบยกมือนมัสการสมเด็จฯ ท่านตามพ่อท่าน ด้วยตื่นเต้น ไม่คาดคิดว่า สมเด็จฯ ท่านจะเมตตา เดินเข้ามาทักทายอย่างนี้ เนื่องด้วยสมเด็จฯ ท่านเป็นพระราชาคณะ ระดับสูง คงจะต้อง ระมัดระวังตัว ในการจะมา สัมพันธ์อะไรๆ กับพ่อท่าน และคณะชาวอโศก ตามที่ผู้เขียน เคยพบเห็น มาจากพระ หลายๆรูป แม้ไม่มีตำแหน่งใดๆ ก็ดูท่านเหล่านั้น จะวางตัวแข็งๆไม่ญาติดีด้วย ซึ่งก็น่าเห็นใจ ที่ท่านเหล่านั้น อาจจะมีข้อมูลเดิมๆ ที่ผิดๆ กับชาวอโศก มานาน ว่าเป็นคณะ ที่จะมา ทำลายศาสนา อีกทั้งการประกาสนียกรรม ที่คณะสงฆ์ มหาเถรสมาคม กระทำต่อ พ่อท่าน และสมณะชาวอโศก เมื่อปี๒๕๓๒ นั้น ยังคงตราตรึงใจ ของท่านเหล่านั้นอยู่ ดังนั้น การที่สมเด็จฯ มีเมตตาไมตรี ต่อพ่อท่านอย่างนี้จึ งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ขณะที่สมเด็จฯ ท่านเดินมา ทักทาย สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ กำลังก้มหน้า อ่านหนังสืออยู่ และคงไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกระมัง ผู้เขียนจึงสะกิด แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร สมเด็จฯท่านเดินมาถึง และ ทักทายแล้ว เมื่อสมณะชัดแจ้ง เงยหน้าขึ้น และ ประนมมือ นมัสการสมเด็จฯท่าน พร้อมกับกล่าวว่า "หลวงพ่อ จะไปไหนครับ?" "ไปอุบลฯ.." สมเด็จฯท่านตอบพร้อมกับยื่นมือมาจับไหล่สมณะชัดแจ้ง ด้วยท่าทีเอ็นดู อย่างไม่ถือยศศักดิ์อะไร ผู้เขียนจำไม่ได้ว่า พูดอะไรกันอีกหรือไม่ คลับคล้ายคลับคราว่า ก่อนสมเด็จฯท่านจะขยับก้าวผ่านไป ได้ยินสมเด็จฯ ท่านกล่าว "เพิ่งจะเจอ..." อะไรทำนองนี้ นับเป็นนิมิตดีๆ ที่น่าบันทึกจดจำไว้ กับสิ่งที่ดีงามเช่นนี้ ยุคโน้นต้องทำสงครามความรู้มาก คำคมข้างต้นจึงเกิดขึ้น มาถึงวันนี้ได้รับความยอมรับพอสมควร จึงต้องลงหลักปักฐาน สร้างก่อ ผลิตพืชผล ทำกสิกรรมไร้สารพิษ ทั้งกินใช้เองและเป็นตัวอย่างในงานอบรมเกษตรกรของธ.ก.ส. พวกเราหลายคน อาจจะเพลิน กับการอบรม สอนเขาจนไม่มีเวลา มาทำกสิกรรมของตน ผู้เขียนเข้าใจว่า คำคมนี้คงมาจากทางบ้านราชฯที่กำลัง ปลุกระดม ทำในพื้นที่ ให้เขียว เพื่อต้อนรับงาน "เพื่อฟ้าดิน" นับเป็นคำคมที่ดี ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์จริง โครงการ"ร่วมปฐพี พระวิหารพันปี บรมสารีริกธาตุ" พ่อท่านถือเป็นอีกบุญหนึ่ง ที่หนักและยิ่งใหญ่มาก สำหรับชาวอโศก เพราะต้อง รวบรวมเงิน จำนวนเกือบ ๕๐ ล้านบาท ให้ได้ในเวลา ๙๐ วันเพื่อจัดซื้อที่ดิน ด้านหน้าสันติอโศก ซึ่งเป็นทำเล ที่ดีมาก สำหรับการขยายพื้นที่ ของสันติอโศก จะไม่ซื้อ ก็ไม่ได้ ด้วยข่าวความไม่แน่นอนหลายๆ อย่าง ของเจ้าของที่ดิน กอปรกับทางเราเอง ก็อยากได้ เพื่อขยายมานานแล้ว เมื่อมีความจำเป็น ที่เร่งด่วน ในงานปลุกเสกฯนี้ จึงต้องประกาศ ชี้ชวนกันหลายเวลา แถมมีการประกาศรายชื่อ ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการ"บริจาค" หรือให้"ยืม" ซึ่งเป็นเรื่องที่ ไม่เคยมีมาก่อน ในธรรมเนียมปฏิบัติ ของชาวอโศก ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ กับข่าวที่มีผู้ตั้งใจว่า เสร็จจากงาน ราชการแล้ว จะมาช่วยผัดก๋วยเตี๋ยวขาย หาเงินมาช่วย... เด็กแคะกระปุกออมสิน จนหมดเอาเงินมาบริจาค... รวมถึง นักเรียน หลายคน รวบรวมเงินกัน มาช่วยบริจาค แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีๆกับผู้ที่พบเห็น เชื่อว่า จะมีตัวอย่างดีๆ ที่พวกเรา ได้พากเพียร ลดละเสียสละ ในอีกหลายๆ รูปแบบ ที่ผู้เขียนยังไม่รู้... ขออนุโมทนาสาธุการ กับทุกท่าน แทบไม่น่าเชื่อว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งจำนวนเงินก็มากอย่างนี้ พวกเราจะหาเงินมาช่วยกันซื้อที่ดินนั้นได้ ด้วยพ่อท่าน สอนให้กล้าจน อย่าขี้โลภ เอาเปรียบใคร มานานแล้ว แต่หลังจากประกาศได้ไม่นาน ยอดเงินทั้งบริจาค และให้ยืมสูงขึ้น อย่างน่าพอใจ ว่าเป็นไปได้แน่ แม้จะมีเงื่อนไข เวลาที่น้อย และจำนวนเงินที่สูง อย่างนั้น งานนี้พ่อท่านย้ำขอรีดเลือดจากปู คือพวกเรากันเอง ห้ามเรี่ยไร จากคนนอก พ่อท่านวิจารณ์ว่างานปลุกเสกฯ.. พุทธาภิเษกฯของเรามาถึงวันนี้"นิ่ง"แล้ว มีความลงตัวดีทั้งเรื่องที่พัก-อาหาร รวมไปถึง รายการต่างๆ แทบไม่มีปัญหาใดๆ แถมมีพัฒนาการ มีการประชุมองค์กรหน่วยงานต่างๆเพิ่มเข้ามา บางวันก็ทั้งเช้า และบ่าย ถือว่า มีทั้งความ"นิ่ง"และความ"เคลื่อน" ไปพร้อมๆกัน เป็นความก้าวหน้า อีกระดับหนึ่ง การประชุมเตรียมงาน "เพื่อฟ้าดิน" (๑๖-๑๘ พ.ค.) ทำให้รู้ว่างานนี้ยิ่งใหญ่มาก มีถ่ายทอดสดออกอากาศ ทางโทรทัศน์ด้วย ธ.ก.ส.จะนำเกษตรกร และพนักงาน ธ.ก.ส.เองมาร่วม ๓,๐๐๐ คน ชาวอโศกเอง ก็ควรมากันให้มากๆ เพื่อจะได้เป็น สนามแม่เหล็ก เหนี่ยวนำแขก ที่จะมาให้ได้ซึมซับ กระแสวัฒนธรรม ของชาวอโศก ในแบบวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ที่เรียบง่าย และมีน้ำใจ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ชาวอโศกควรมาร่วมกันเป็นเจ้าภาพเพื่อคอยบริการรับใช้แขก กระจองงอง...กระจองงอง...เจ้าข้าเอ้ย??? ถึงชาวอโศกทุกท่านหากไม่ติดกิจเร่งด่วนใดๆควรไปร่วมกัน เป็นลูกอีแร้งเด้อ? งานนี้ ใครที่มี"หนวด" หรือ ชอบอยู่ "ยอดตาล" หรือมี"กระดอง"อยู่ ก็ไปร่วมได้นะ แต่ไปแล้วก็ควรถอน"หนวด" ลงจาก "ยอดตาล" และ ทุบ "กระดอง" ทิ้ง ด้วยนะ... - ทีมข่าวพิเศษ - |
สมณะมัชฌิมะ
(๕-๙ พรรษา) ประชุม เมื่อวันที่ ๑ เม.ย. ๔๖ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ -๑๙.๐๐ น. สมณะมัชฌิมะ ๑๖ รูป เดินทางมาประชุมที่บ้านราชฯ ที่เรือโบสถ์ โดยมีสมณะ เดินดิน ติกขวีโร ให้โอวาท เปิดการประชุม สรุปได้ว่า สถานการณ์ทุกวันนี้ พวกเรามีงานมาก แต่มักจะวิ่งออกไป หางานเพิ่ม โดยเฉพาะ ไปหา และไปสร้างศรัทธา มากกว่า ที่จะมุ่งเน้นสร้างเนื้อแท้ แก่นแกนที่เป็นหลักจริงๆ ซึ่งนานเข้า ก็จะฟ่าม พวกเราควรจะช่วยกัน พัฒนาภายใน ทำแนวลึกดีกว่า ปัญหาหลายเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีโอกาส ไม่มีเวลาที่จะพูดคุยกัน บางทีก็เป็นเพียงกระแสข่าว แต่ก็ทำให้เป็นปัญหา เพราะไม่ได้ มาคุยกัน มาปรับความเข้าใจกัน การคุยกันทำให้รู้จัก รู้ใจ รู้ความสุขความทุกข์ของกันและกัน ก็จะได้เข้าใจกันมากขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้น ลักษณะนี้ ก็เพราะ เราขาด บุคลากร ที่จะช่วยรับฟัง จึงต้องไป เข้าคอร์สมหัศจรรย์ อีกมุมหนึ่งเป็นเพราะว่า ข้างนอกมี ดอกไม้ มีกล่องของขวัญ แต่ข้างในไม่มีให้ แถมยังขัดกันอีก ซึ่งถ้าเราไม่ชัดเจน ก็จะวิ่งออกไป ทั้งที่งานภายใน ก็มีเยอะ อีกจุดหนึ่ง เป็นเพราะสมณะเรา อยู่ในภพ ของความคิดอยู่มาก และไม่ได้ เอาคำสอน ของพ่อท่าน มาปฏิบัติจริง ซึ่งขณะนี้ พ่อท่านก็ยังอยู่ เราก็ยังเป็นกำลังสำคัญ ไม่จำเป็นต้องใช้ ความคิดมากมาย ช่วงหลังสมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้ตอบข้อข้องใจ จากนั้นสมณะมัชฌิมะแต่ละรูปเปิดใจพูดคุยกัน จนถึง ๒๒.๓๐ น. แล้วแยกย้าย กันพักผ่อน ปัจจุบันสมณะมัชฌิมะมีทั้งหมด ๒๕ รูป เนื่องจากหลายรูปติดงานไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ จึงมาร่วมประชุมได้เพียง ๑๖ รูป สำหรับ การประชุมครั้ง ต่อไปวันที่ ๘ มิ.ย. ๔๖ ที่สันติอโศก วันที่ ๒ เม.ย. เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. สมณะมัชฌิมะ ๑๖ รูป ออกเดินจาริกจากบ้านราชฯ ไปยังศีรษะอโศก มีสมณะ แก่นเกล้า สารกโร เป็นภันเตนำ แวะพักฉันอาหารเวลา ๐๘.๐๐ น. ที่บ้านก่อ มีญาติโยม และชาวบ้านราชฯ นำอาหาร มาถวาย สมทบด้วย เวลา ๑๐.๐๐ น. เริ่มออกเดินต่อ และหยุดพักเวลาประมาณ ๑๑ .๐๐ น. เวลา ๑๕.๐๐ น. เริ่มเดินต่อ ตอนเย็นๆ มีญาติโยม เอาน้ำมาถวาย และมาพูดคุยธรรมะ เด็ก น.ร.ที่เคยมาอบรมที่บ้านราชฯ ได้นำน้ำมาถวาย และสนทนาธรรมด้วย สำหรับการเดินจาริกครั้งนี้ ใช้เวลาเดินทั้งหมด ๔ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒-๕ เม.ย. ถึงศีรษะฯเวลาประมาณ ๕ โมงเย็น แล้วขึ้นไปกราบ พระบรมสารีริกธาตุ มีสมณะ มัชฌิมะ ๙ รูป ได้ร่วมเดิน ๒ วัน แล้วแยกตัวเข้าศีรษะอโศก เพื่อร่วมสัมมนาคุรุ ในวันที่ ๔-๕ เม.ย. ๔๖ สำหรับการเดินครั้งนี้ สมณะมัชฌิมะได้เปิดเผยความรู้สึกดังนี้ สมณะดินไท ธานิโย บ้านราชฯ "ประทับใจมีโยมมารอใส่บาตรแต่เช้า บางคน เตรียมข้าวเหนียวจะไปขาย เมื่อเห็นสมณะ ก็เอามาใส่บาตร จนหมด ช่วงที่ไปนั่งฉันที่ป่ายาง บ้านก่อ มีญาติโยมและญาติธรรมนำ อาหารมาถวาย และช่วยปัดกวาด บริเวณด้วย วันที่ ๒ ของการเดิน โยมเจ้าเก่าที่เคยเอาอาหารมาใส่บาตรทุกปี ปีนี้เป็นปีที่ ๔ มารอใส่บาตรตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง มีโยมใส่บาตร เพิ่มขึ้นกว่า ปีที่ผ่านมา มีลูกหลานของเกษตรกรที่มาอบรมที่บ้านราชฯนำน้ำมาถวาย และได้รับการต้อนรับอย่างดี ทั้งตอนที่ โบกรถมาที่ศีรษะฯด้วย" สมณะแก่นเกล้า สารกโร บ้านราชฯ "ประทับใจโยมที่ตื่นมาทำอาหารใส่บาตรตั้ง ตี ๒ เพื่อรอใส่บาตรในเวลาตี ๓ ครึ่ง ที่บ้านนาโหนนน้อย และมีวันหนึ่งได้ฉันข้าวเปล่าจริงๆ สมณะบางรูปจึงบอกว่ารสชาติ ของข้าวเปล่านี่อร่อยจริงๆ ประชุม แต่ละครั้ง รู้สึกอบอุ่น สมณะแต่ละพุทธสถานที่ไปทำงาน ได้มาพูดเปิดใจถึงความสุขความทุกข์ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง และได้รู้ว่า แต่ละคน ไปทำงานแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง แค่ได้เห็นหน้ากันก็ประทับใจแล้ว ที่จะพากัน ประพฤติพรหมจรรย์ ได้ตลอดรอดฝั่ง" สมณะชุ่มบุญ กิตติปาโล บ้านราชฯ อายุ ๗๐ ปี "ได้เดินเป็นครั้งที่ ๒ ดีใจมากนะที่เราอายุขนาดนี้แล้วได้เดิน คิดว่าตนเอง จะไปไม่รอด ก็ ๕๐-๕๐ ถ้าไม่รอดจริงๆจะขึ้นรถ บังเอิญเจอพระอาคันตุกะบอกทางลัดให้ ทำให้ย่นระยะทางมาถึง เป้าหมายได้ คิดว่าอายุเรา เหลือน้อยแล้ว หากไม่สู้วันนี้ ปีหน้าอาจจะไม่มีโอกาส ประทับใจหมู่กลุ่มให้ความเป็นกันเองกันดี ลงจากภูผาฯมา ๒ ปี เพิ่งได้ฉันข้าวเปล่า เป็นครั้งแรก ประทับใจ ที่ได้ฉันข้าวเปล่า" สมณะนาไท อิสสรชโน ปฐมอโศก "ประทับใจตรงที่สมณะได้มีกิจกรรม ร่วมกันทั้งหมด เพราะโอกาส ที่จะได้มาเจอกัน อย่างนี้มีน้อย ที่ประทับใจมากที่สุด คือ การได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ของแต่ละพุทธสถาน ว่าแต่ละที่มีปัญหาอะไร โดยเจาะลึก ไปถึงความอบอุ่น ความเป็นเอกภาพ ของสมณะในแต่ละพุทธสถาน สังฆสถาน ทำให้รู้เห็นปัญหา โดยรวม ของมัชฌิมะ แต่ละที่ และรับทราบ ถึงปัญหาโดยรวม ของแต่ละพุทธสถาน และสังฆสถานด้วย ตรงนี้เป็นข้อมูล ที่สำคัญมาก อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ สมณะมัชฌิมะ เหมือนเป็นกองกำลังหลัก ที่จะขับเคลื่อน การพัฒนา ของแต่ละชุมชน ของอโศก คือมีปริมาณ มากถึง ๒๕ รูป แต่ละรูป รับผิดชอบงาน มากพอสมควร ซึ่งตอนนี้ เราจะต้องมา ประสานกัน ให้ข้อมูล ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะ ในเชิงปัญหา ที่ต้องอาศัย ความร่วมมือร่วมใจในการที่จะแก้ปัญหา และข้อมูลต่างๆนี้ เมื่อได้เปิดเผยแล้ว ทำให้สมณะ แต่ละรูป สบายใจในเบื้องต้น และเกิดการสังเคราะห์ คลี่คลาย การชี้แนะ มีข้อเสนอ ที่แต่ละพุทธสถานนั้นๆ จะได้แก้ไขต่อไป มีการเน้นกันว่าการแก้ปัญหาต้องอยู่ในหลักพื้นฐานของการที่จะเน้นเข้าหาตัวเอง พิจารณาตัวเอง และขวนขวายเอาภาระ และ การไปเติมเต็ม ไม่ใช่ไปจัดการผู้อื่น แต่จะไปเสริมอย่างไร ให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เกิดความเป็นพี่เป็นน้อง การร่วมทุกข์ ร่วมสุข มีมติกันว่า จะทำอย่างนี้ทุกปี เพราะได้รับผลดีด้วยประการต่างๆ" สมณะดินทอง นครวโร ศาลีอโศก "รู้สึกอบอุ่น มีความเป็นพี่เป็นน้องกันดี ปกติจะไม่ค่อยมีโอกาส ได้มาคุยกัน เพราะจะกระจัด กระจาย ปีหนึ่งมารวมกัน ทำให้มีพลัง ในการที่จะอยู่ในเส้นทางนี้มากขึ้น ทำให้รู้จักเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น ถือสาน้อยลง".
|
กสิกรรมไร้สารพิษช่วยปลดหนี้ ฉบับที่แล้ว เรานำเรื่องราวของ คุณประทิน รุ่งเรือง ชาวสิงห์บุรี วัย ๔๙ ปี ที่มีโอกาสได้ไปอบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิต ที่ชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี ที่แม้จะไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. แต่เธอก็ขออนุญาตหัวหน้าไปเข้าอบรมด้วย เพราะต้องการ รอดพ้น จากการเป็นหนี้สินหลักแสน เรามาติดตามประสบการณ์ของเธอกันต่อนะคะ ประสิทธิภาพมังสวิรัติ ลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้ ลองคิดว่าดูว่าถ้าเราจ่ายแค่วันละ ๒ บาท มื้อเดียว ๒ บาท แล้วถ้าทั้งเดือนทั้งปี ก็ลองคูณไปว่าของนิดหน่อยๆ ที่มันไม่น่า จะแพง เราว่า ไม่จำเป็น แต่มันจำเป็น ทบทวนจากเดือนไปหาปีมากค่ะ เดือนละ ๖๐ ปีละ ๗๒๐ บาท. (อ่านต่อฉบับหน้า) |
สัมมนาคุรุชาวอโศก
ครั้งที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๔-๕ เม.ย. ๔๖ มีการสัมมนาคุรุชาวอโศกครั้งที่ ๑๓ บริเวณใต้โบสถ์ ศีรษะอโศก มีสมณะ -สิกขมาตุ -คุรุ และ ผู้สนใจ จากทุกพุทธสถาน -สังฆสถานเข้าร่วมสัมมนา ๔ เม.ย. เวลา ๐๖.๐๐ น. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ให้โอวาทเปิดการสัมมนา หลังจากนั้น กำหนดหัวข้อการสัมมนา ดำเนินการ สัมมนา โดย คุรุใจกลั่น นาวาบุญนิยม, คุรุกวี ปริกัมศีล, คุรุฝนไท ชาวหินฟ้า เลขานุการ คุรุไฟงาน จิตตนุปัสน์, นางจับใจ เพิ่มธัญกิจ, คุรุทองแก้ว นาวาบุญนิยม สรุปผลการสัมมนา นำเสนอ พ่อท่านในวันที่ ๕ เม.ย.โดยมีคุรุขวัญดิน สิงห์คำ และคุรุกวี ปริมกัมศีล กล่าวรายงานการสัมมนาโดยสรุป หลักสูตรการศึกษาบุญนิยม ประกอบด้วย ๑. การวัดและการประเมินผล ๒. เทคนิคในการสอดแทรกวิชาการในการบูรณาการ ๓. พฤติกรรมของคุรุ (ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่า คำสอน) ๔. เจาะลึกความหมาย ศีลเด่น-เป็นงาน-ชาญวิชา ๕. แต่ละ ร.ร. สรุปผล จากการนำ กระบวนการกลุ่ม ภูผาฟ้าน้ำไปใช้ หรือ ตามแนวทางที่แต่ละ ร.ร.ปฏิบัติจริง และ ๖. ปัญหาของแต่ละ ร.ร. ที่จะช่วยกันแก้ไข ๑. การวัดและการประเมินผล ที่ประชุมตกลงกันว่าใบ ร.บ.ของทางราชการยังคงเดิม แต่เพิ่มเติมด้านหลัง เป็นรายละเอียดของ ศีลเด่น-วิชาการ และตั้งคณะทำงานออกแบบใบ ร.บ. นำเสนอที่ประชุม ๒. เทคนิคในการสอดแทรกวิชาการในการบูรณาการ เช่น ฐานแชมพู ค้นคว้า เอกสารข้อมูลตัวยา-สารเคมี นำมาถ่ายทอด ในฐานงาน, ฐานขยะวิทยา แสงสูญฉบับขยะเอ๋ย, ตัวอย่างผู้ประสบผลสำเร็จ, วิธีการ, ฐานกสิกรรม การปรับปรุงดินให้ดีขึ้น โดยใช้น้ำน้อย, แพทย์แผนไทย ธาตุประจำตัว (อุปนิสัย), สุขภาพเด็กจะดีได้อย่างไร, ค่าย ๗ อ., ค่ายสุขศึกษา, ค่ายวิทยาศาสตร์, ค่ายภาษาอังกฤษ เรียนพร้อมการประเมินผลการอบรมฯ, การใช้ภาษา, มนุษยสัมพันธ์ ๓. พฤติกรรมคุรุ การลงโทษที่เหมาะสมกับเด็กตามพื้นฐานะที่ต่างกัน เป็นต้น ระหว่างคุรุกับคุรุ คุรุควรไว้วางใจกันเอง ให้ได้ ไม่เพ่งโทษถือสา วางใจในพฤติกรรม ต่างๆ ไม่แข่งเด่น อิสสาริษยากัน ประสาน ความร่วมมือ เป็นนักปฏิบัติธรรมในตนให้ยิ่งกว่าเป็นแค่ญาติธรรม คือมีอธิศีล มีตบะธรรม มีศีลกำกับตนเองเพิ่มขึ้นบ้าง มีการกระจายงาน เป็นต้น ๑๐.๐๐ น. หยุดพักรับประทานอาหาร ๑๒.๐๐ น. คุรุขวัญดิน สิงห์คำ จะเป่า นกหวีดรวมแถวคุรุแต่ละแห่ง บางท่านก็มาไม่ทัน จึงยกเป็นอุทาหรณ์ สอนคุรุ ในกรณีที่เด็ก มารวมแถวไม่ทัน แล้วแยกย้ายกันบำเพ็ญประโยชน์ ๑๓.๐๐ น. เริ่มประชุมต่อ ในหัวข้อที่ ๔. เจาะลึกความหมาย ศีลเด่น-เป็นงาน-ชาญวิชา ต่อจากนั้นให้ ร.ร.แต่ละแห่ง แยกไปสรุปผล จาการนำกระบวนการกลุ่ม ภูผาฟ้าน้ำไปใช้ หรือ ตามแนวทางที่แต่ละ ร.ร.ปฏิบัติแล้วนำเสนอในเวลา ๑๘.๐๐ น. ซึ่งแต่ละแห่ง นำเสนอถึงวิธีดำเนินการ และผลที่ได้รับ จนถึง ๒๐.๑๐ น. โดยยึดหลัก ๔ ให้ ๑.ให้เวลา ๒.ให้ความเข้าใจ ๓.ให้อภัย ๔.ให้ความร่วมมือร่วมใจ ไม่ทำอะไรตามภพ ๕ เม.ย. "ที่ไหนมีเวลาให้กับเด็กมาก
ที่นั่นปัญหาน้อย มีการนำปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละแห่งขึ้นมาซักถาม และหาทางแก้ไข พัก ๑๐ นาที เริ่มสัมมนาต่อ ๐๖.๐๕ น. ศีรษะอโศก นำเสนอหลักสูตร อาชีวะ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่จัดการเรียนการสอนศีรษะอโศก สู่การปฏิบัติที่เป็นจริง จนเป็น ผู้เชี่ยวชาญได้ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น สาขาไฟฟ้ากำลัง มีการผลิตเครื่องทำปุ๋ยอัดเม็ด ต่อจากนั้น ปฐมอโศก เสนอหลักสูตรท้องถิ่น : เพื่อชีวิตและมนุษยชาติ และรายชื่อตัวแทนคุรุชาวอโศก ๘ แห่ง ร่วมประชุม กับองค์กร บุญนิยม ด้านการศึกษา เรื่องอื่นๆ - หนังสือความรัก ๑๐ มิติ กำหนดให้เป็นหนังสือเรียนหมวดสังคมศึกษา ม.๑ เรียนมิติที่ ๑,๒ ม.๒ เรียนมิติที่ ๓.๔ ม.๓ เรียนมิติที่ ๕,๖ ม.๔ เรียน มิติที่ ๗,๘ ม.๕ เรียนมิติที่ ๙,๑๐ ม.๖ เรียน มิติที่ ๑-๑๐ - สมณะฟ้าไท สมชาติโก, สมณะกล้าตาย ปพโล, คุรุฟังฝน จังคศิริ ร่วมบอกเล่าการไปประชุมปฏิบัติการการจัด โรงเรียน วิถีพุทธ ว่าโรงเรียนสัมมาสิกขาเป็นโรงเรียนในกลุ่มวิถีพุทธ จาก ๑๕ แห่ง ที่จัดการศึกษาตามแนวพุทธปัญญา และ เป็นโรงเรียน นำร่อง จะมีเจ้าหน้าที่มาประเมินผลหลักสูตร บุคลากร ในเดือน ต.ค. ๔๖ ร.ร.วิถีพุทธขึ้นกับ สำนักนวัตกรรม การศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. ให้คุรุแต่ละท่านและนิมนต์สมณะ-สิกขมาตุ สรุปสิ่งที่ได้รับจากการสัมมนา ท่านละ ๑ นาที พ่อท่านให้โอวาทปิดประชุมว่า ขอบคุณพวกเราที่ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ ให้เอาไปไตร่ตรอง พิจารณาให้ดีๆ เราเปลี่ยนทัศนคติ มาเป็นโลกุตระ มาทำงานเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อสิ่งเหล่านั้น ต้องสำนึกดีๆ จริงๆ เราไปแย่งเศษกากอย่างนั้น เหน็ด เหนื่อยเมื่อยล้า อุตสาหะวิริยะเหลือเกิน บางทีเลือดตกยางออก เราก็แย่งเอาอามิส โลกุตรทรัพย์ดีกว่าโลกียทรัพย์ ทำไมเราจะขยันหมั่นเพียรอย่างโลกีย์ ให้เอาไปสำนึก พวกเราทำได้ระดับหนึ่ง จะค่อยๆ ขยายผล ออกไป คนที่เขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เขาก็ถือว่าที่เราทำเป็นเรื่องสร้างภาพ เป็นเรื่องโก้ เขาไม่เชื่อว่า กิเลสลดได้ และยังขยัน เยี่ยมอยู่ หลายคนสิ้นวิจิกิจฉา ลดละลงไปได้ ประโยคทองในงานสัมมนาคุรุที่ศีรษะอโศก พวกเราอย่าพูดให้ผักงาม แต่จงปลูกให้ผักงาม เป็นประโยคทอง ของปีนี้ เอาไป เตือนสติ เป็นหลักสำคัญ ที่เราต้องพยายาม ใช้กันจริงๆจังๆ และเข้าใจ คุรุที่เข้าร่วมสัมมนาได้ให้สัมภาษณ์ ดังนี้ คุรุฝนไท ชาวหินฟ้า ศีรษะอโศก "จากปีก่อนๆเราจะเห็นปัญหาของเด็กมาจากผู้ใหญ่ วันนี้เราได้แก้ปัญหาของผู้ใหญ่ เหมือนฟ้า หลังฝน คิดว่าบรรยากาศ ของเด็กๆ คงดีขึ้นในอนาคต ถ้าคุรุสามารถเข้ากันได้ดี เป็นพี่เป็นน้อง เด็กๆคงเชื่อมั่นคุรุมากขึ้น ได้สำนึกว่า เรามีอะไรที่ยังไม่ได้ทำให้เด็ก หากคุรุสามารถร่วมมือกัน จะป้องกันไม่ให้ตกต่ำ และผิดพลาด ให้เวลา ความอบอุ่น ให้ความเข้าใจ เด็กจะเป็นลูกของพ่อท่านที่ดี ในอนาคต" สม.รินฟ้า นาวาบุญนิยม ปฐมอโศก "คุรุก็แปลว่าหนัก พวกเราก็เป็นนักปฏิบัติธรรมกันมาหลายปี ลดละหลายๆอย่าง เราจะเป็นครู ที่โลกต้องการ ซึ่งเขาต้องการครูแบบวิถีพุทธ พ่อท่านได้พาพวกเราทำแล้ว พวกเราได้ละทิ้งทางโลก มาเป็นครู ได้ช่วยเด็กๆที่ไม่มีทางที่พัฒนาตัวเอง มีแต่พัฒนาทางวิชาการที่ไม่เป็นที่พึ่งของสังคม เราได้ตอบแทนบุญคุณพ่อท่าน เป็นการปฏิบัติธรรมด้วย เพราะไม่มีผัสสะอะไรเท่าคุรุ เป็นอะไรที่มีคุณค่ามีประโยชน์มาก ขณะนี้สังคมต้องการ ร.ร.วิถีพุทธ อยากจะให้พวกเรา กลับไปดูว่าเราเป็นร.ร.ที่ดีหรือยัง คงจะได้ประโยชน์มากๆ สำหรับการทำงานครั้งนี้ คำตอบอยู่ที่ ครูได้ปฏิบัติตัว อย่างดี" สมณะเห็นทุกข์ ยตินทริโย ภูผาฟ้าน้ำ "รู้สึกประทับใจคุรุทุกท่าน ที่เข้าใจปัญหาเด็กๆ ที่เข้าใจตรงกันว่า ต้องให้เวลาเด็กๆ มากขึ้น หากเขามารับรู้ คงจะดีใจ ถ้าจะให้เวลากับใคร สักคนต้องทิ้งความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน ใครทำได้ก็จะดี" สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ศีรษะอโศก "อนุโมทนากับคณะครูที่สละเวลามาสัมมนากัน มีส่วนไหนที่คุรุต้องแก้ไข ปรับปรุง เราจะรู้ปัญหา เพราะเราทำงานอยู่กับเด็ก เด็กจะสะท้อนปัญหามาให้เราเห็น เราก็จะเห็นปัญหามากขึ้น การทำงานเป็นครูทำให้เราหนักแน่น ไม่ด่วนตัดสิน แบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน งานครูแม้จะหนักแต่ถ้าเราร่วมทีมกัน ช่วยกัน รับลูก ฉุดลูกให้กันเป็น รับลูกให้กันเป็น รู้จริตนิสัยซึ่งกันและกัน สายยึดกับสายปล่อยวางทำงานร่วมกัน ก็จะไปด้วยกันด้วยดี อย่าดูถูกคนอื่นที่ไม่เหมือนกับเรา หากเราพร้อมใจกันที่ประสานประโยชน์ ร่วมกันเอาภาระ สุขภาพเราก็จะดีด้วย ระวัง ค่ายกลแห่งการงาน และ ระวังค่ายกล ของเด็กด้วย เพราะทำให้เราเกิดกิเลส ทำให้เราดูใจของเราเหมือนกันว่า ขึ้นหรือไม่ขึ้น ที่พ่อท่านเทศน์ว่า พวกเราเรียนเหมือนกับ มหาลัยชีวิต คือชีวิตทั้งชีวิตมาศึกษา ถ้าเรายังเป็นเสขะบุคคล เราต้องศึกษา คิดว่าทุกคน มาศึกษาซึ่งกันและกัน สะท้อน และนำขบวนการมาใช้ และสื่อให้กันและกัน". |
กระทรวงศึกษาฯ ตั้งโรงเรียนวิถีพุทธ ละอบายมุข มีศีล ๕ ระหว่างวันที่ ๑-๔ เม.ย. ๔๖ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เชิญตัวแทน ร.ร. สัมมาสิกขาชาวอโศก และตัวแทน ร.ร.ต่างๆ ที่มีลักษณะเป็น ร.ร.วิถีพุทธ ประมาณ ๒๐ แห่งทั่วประเทศ ร่วมประชุมปฏิบัติการการจัดโรงเรียนวิถีพุทธ ณ ห้องประชุม เจ้าพระยาบุษราคัม ชั้น ๘ โรงแรมนนทบุรีพาเลซ จ.นนทบุรี ซึ่งกลุ่ม ร.ร.เดียวกันนี้เคยร่วมประชุมกันมาแล้ว เมื่อวันที่ ๒๖-๒๗ ก.พ. ๔๖ ณ โรงแรมแกรนด์ เดอ วิลล์ ด้วยกระทรวงศึกษาฯ มีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาคนไทยให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรมจริยธรรม นำหลักธรรม และองค์ความรู้ ในพระพุทธศาสนามาใช้ในการจัดการศึกษาอบรม เพื่อให้บรรลุตามเจตนารมณ์ดังกล่าว กระทรวงศึกษาฯ จึงได้จัดประชุม ปฏิบัติการ เพื่อรวบรวม และพัฒนารูปแบบที่มีการดำเนินการอยู่บ้างแล้ว ในบางโรงเรียน เพื่อให้ได้รูปแบบ และวิธีการ ที่เหมาะสมชัดเจน ไปทดลองนำร่อง ก่อนที่จะขยายผลต่อไป สำหรับตัวแทน ร.ร. สัมมาสิกขา มีสมณะฟ้าไท สมชาติโก, สมณะกล้าตาย ปพโล, คุรุฟังฝน จังคศิริ และคุรุรินธรรม อโศกตระกูล ตัวแทน ร.ร.ต่างๆ ประมาณ ๔๐ กว่าคน จาก ๒๐ ร.ร. และเจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงฯ อีกประมาณ ๑๐ กว่าคน นอกจากนั้น ยังมีพระอีก ๒ รูป คือ พระครูปลัดปิฏกวัฒน์ เลขาฯของ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุต.โต) และ พระมหาพงษ์นรินทร์ ฐิตวโส วัดสุทัศน์ กทม. ๑ เม.ย. เวลา ๐๙.๐๐ น. นายอำรุง จันทวานิช รองปลัดกระทรวงศึกษาฯ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และบรรยายพิเศษ เรื่อง "แนวคิดการจัดการ โรงเรียนวิถีพุทธ" ซึ่งท่านได้ให้แนวทางแนวคิดที่สำคัญๆ น่าสนใจ หลายประเด็นด้วยกัน จากนั้นเป็นการนำเสนอ "แนวคิดและประสบการณ์การจัดโรงเรียนวิถีพุทธ" โดย ร.ร.อนุบาลหนูน้อย ผู้นำเสนอ คือ ผอ. อนินทิตา โปษกฤษณะ และ ผอ.ผกามาลย์ เกษมศรี, ร.ร.ทอสี ผู้นำเสนอ คือ ผอ.บุบผาสวัสดิ์ รัชชตาตนนท์, ร.ร.รุ่งอรุณ ผู้นำเสนอ คือ รศ.ประภาภัทร นิยม และ ร.ร.วัดใหม่กรงทอง จ.ปราจีนบุรี ผู้นำเสนอ คือ อ.สาลี เฟื่องวิจารณ แต่ละโรงเรียน ให้ข้อคิด คล้ายๆกัน คือ ความสำเร็จ ของโรงเรียน อยู่ที่การร่วมมือ ของครูและผู้ปกครอง โดยเฉพาะครู ควรไปฝึกปฏิบัติธรรม เป็นต้น ภาคบ่าย คุณสุนัย เศรษฐบุญสร้าง ที่ปรึกษา รมช.ศธ. ดร.สิรินกร มณีรินทร์ ได้มาให้ข้อคิดแนวทางว่า "กระทรวง จะไม่สั่งการ เหมือนในอดีตอีกแล้ว พวกเราต้องช่วยกันคิดออกมาเอง" จากนั้นก็เป็นรายการ อภิปรายทั่วไป เพื่อระดมความคิดในการ ทำรูปแบบ การจัดการโรงเรียนวิถีพุทธ การบริหารจัดการ คุณลักษณะของโรงเรียน หลักสูตร การพัฒนา บุคลากร ฯลฯ ดำเนินรายการ โดย ดร.กมล รอดคล้าย ผู้เชี่ยวชาญ ด้านฝึกอบรม สนง.ปลัดศธ. และ ดร.บรรเจอดพร รัตนพันธุ์ เจ้าหน้าที่ กระทรวงศึกษาธิการ ข้อคิดเห็นต่างๆ ของการอภิปราย โดยสรุป มีความเห็นคล้าย คลึงกันจุดหนึ่งคือ ร.ร.วิถีพุทธ จะสำเร็จได้ อยู่ที่ครู ผู้บริหาร ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ให้ได้ก่อน โดยเฉพาะผู้บริหาร สำคัญที่สุด ถ้าครูดี ลูกศิษย์ ก็จะดีตาม เป็นต้น การอภิปราย เป็นด้วยความคึกคัก เป็นกันเอง เลิกเวลา ๒๑.๐๐ น. วันที่ ๒ เม.ย. รศ.ประภาภัทร นิยม นำเสนอกิจกรรม "ผู้สื่อข่าว" เพื่อเป็นการแนะนำโรงเรียนแต่ละแห่ง มีลักษณะ การดำเนินงาน และมีความเป็นมาอย่างไร เป็นต้น โดยแบ่งผู้ร่วมกิจกรรมเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นผู้สื่อข่าว อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทน ของโรงเรียนต่างๆ เป็นแหล่งข่าว ให้ผู้ที่เป็นผู้สื่อข่าวแต่ละคน ไปสัมภาษณ์เจาะลึก ตัวแทน ร.ร.ต่างๆ ที่เป็นแหล่งข่าว แล้วนำมาเสนอ ในรูปแบบ พ่อแม่ผู้ปกครอง และเพื่อนบ้าน พูดคุยกันถึง ร.ร.ที่ตัวเองรู้มา กิจกรรมนี้ เป็นการนำเสนอ ที่น่าสนใจ และ สนุกสนานมากทีเดียว ต่อจากนั้นก็แบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ กลุ่ม เพื่อระดมความคิดตามหัวข้อต่อไปนี้ กลุ่มที่ ๑ รูปแบบโรงเรียนวิถีพุทธ การบริหารจัดการและการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น กลุ่มที่ ๒ หลักการการจัดและการเรียนรู้โรงเรียนวิถีพุทธ กลุ่มที่ ๓ ลักษณะทางกายภาย ร.ร.วิถีพุทธ กิจกรรมเสริมหลักสูตร กลุ่มที่ ๔ สาระเกี่ยวกับการบริหาร โครงการ ร.ร.วิถีพุทธ ซึ่งให้เวลาจนถึง ๓ ทุ่ม วันที่ ๓ เม.ย. ช่วงเช้าระดมความคิดต่อ ช่วงบ่าย รศ.บุญนำ ทานสัมฤทธิ์ ที่ปรึกษา ดร.สิริกร มณีรินทร์ รมช. ศธ. มาพูดถึง ความเป็นมา ของการจัดให้มี ร.ร.วิถีพุทธ และให้กำลังใจผู้มาร่วมประชุม หลังจากนั้นกลุ่มต่างๆ ก็นำเสนอ ผลการระดมความคิด ซึ่งภาพโดยสรุป ร.ร.วิถีพุทธ ดังนี้ โรงเรียนวิถีพุทธ หมายถึง โรงเรียนระบบปกติทั่วไป ที่นำหลักธรรมพระพุทธ-ศาสนามาใช้ ในการบริหาร และ การพัฒนา ผู้เรียนโดยรวม ของสถานศึกษา เน้นกรอบการพัฒนา ตามหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) อย่างบูรณาการ ผู้เรียนได้เรียนรู้ ได้พัฒนาการกิน อยู่ ดู ฟัง ให้เป็น หรือ มีปัญญารู้เท่าทัน โดยผ่านกระบวนการ ทางวัฒนธรรม แสวงปัญญา และ มีวัฒนธรรม เมตตาเป็นฐาน การดำเนินชีวิต ลักษณะสำคัญ ของโรงเรียน ส่งเสริมให้เกิดปัญญาวุฒิธรรม ๔ (สัปปุริสสังเสวะ สัทธัมมัสสวนะ โยนิโสมนสิการ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ) บรรยากาศ และสภาพแวดล้อม ของโรงเรียน มีความเป็น กัลยาณมิตร เช่น ผู้บริหาร ครู อาจารย์เป็นแบบอย่างที่ดี สภาพปราศจากอบายมุข บรรยากาศ ส่งเสริมศีล ๕ วินัยในตนเอง และส่งเสริม วิถีชีวิตกิน อยู่ ดูฟัง ด้วยปัญญา และจุดสำคัญ กระบวนการศึกษาเล่าเรียน และการพัฒนา เป็นลักษณะบูรณาการ ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมกันไป ที่สามารถพัฒนาชีวิต ในองค์รวม คือ พัฒนากาย ความประพฤติ จิตใจ และปัญญา ได้อย่างเหมาะสม สำหรับรูปแบบการจัดการโรงเรียนวิถีพุทธและแนวทางในการขยายผล คือ๑. ร.ร.วิถีพุทธที่เข้มแข็ง มีองค์ความรู้ ที่จะขยายผล และพร้อม จะเริ่มดำเนินการ ในระยะที่ ๑ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. ๔๖ ประกอบด้วย ๒ รูปแบบคือ ร.ร.ที่ทำเต็มระบบ และ ร.ร.ที่ทำบางส่วน ๒. ร.ร.วิถีพุทธที่จะพัฒนากระบวนการ ทำงาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในระยะที่ ๒ ตั้งแต่เดือน พ.ย. ๔๖ ๓. ร.ร.วิถีพุทธที่จะเริ่มดำเนินการในระยะที่ ๓ ตั้งแต่เดือน พ.ค. ๔๗ วันที่ ๔ เม.ย. ตัวแทนแต่ละ ร.ร. เขียนประวัติความเป็นมาและลักษณะของ ร.ร.ของตัวเอง เพื่อจะเรียบเรียงพิมพ์ แจกจ่ายให้สมาชิกที่สนใจทราบในเบื้องต้นคร่าวๆก่อน และฝากให้แต่ละ ร.ร.เขียนส่งมาใหม่ แบบฉบับจริง พร้อมรูปภาพ ประกอบ เพื่อกระทรวงจะได้รวบรวมพิมพ์เป็นเล่ม เผยแพร่ตัวอย่างการจัด ร.ร.วิถีพุทธ เพื่อแจกจ่ายให้ ร.ร.ทั่วประเทศ ที่สนใจ รูปแบบการจัด ร.ร.วิถีพุทธ ให้เหมาะสมกับ ร.ร. ของตัวเองต่อไป ส่วนผลการประชุม ในครั้งนี้ ทางกระทรวง จะนำไปเรียบเรียง พิมพ์เพื่อเอาไป แจกจ่ายยัง ร.ร.ที่สนใจทั่วประเทศ พร้อมกันด้วย ผู้เข้าร่วมประชุมได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของเราดังนี้ สมณะกล้าตาย ปพโล "เห็นความตื่นตัวของผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ และครูบาอาจารย์ ที่เห็นคุณค่า สำคัญ ของพุทธศาสนา พยายามที่นำศาสนา เข้าสู่ระบบการศึกษา ให้เกิดป็นวิถีชีวิตจริง แม้จะเป็นคน กลุ่มไม่มาก แต่ถ้ามีการเริ่มต้น เกิดขึ้น โดยเฉพาะ เริ่มต้นที่ตัวครูเอง หรือผู้บริหารก่อน ส่วนอื่นๆ ก็จะค่อยๆพัฒนาขึ้น ตามมาเอง" สมณะฟ้าไท สมชาติโก "รู้สึกว่าประทับใจในการทำงาน ว่าเราจะได้พัฒนาตัวเราเอง และบุคคลในชาติให้ดียิ่งขึ้น เพราะ ร.ร.วิถีพุทธ นำเอาหลักคุณธรรม ในศาสนาพุทธ ไปใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะบุคลากรใน ร.ร.ทั้งหมด จะต้องมีศีล ๕ ละอบายมุข อีกทั้งคนที่ไปร่วมงานด้วยกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ การทำงานด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวการพัฒนา ร.ร.วิถีพุทธ อีกอย่างหนึ่ง ได้เห็นว่าคนที่ไปทำงานด้วยกัน ออมชอมกัน เกื้อกูลกัน ศึกษาซึ่งกันและกัน โดยไม่รังเกียจว่า เขาต่างจากเรา และไม่ดี แต่ได้คิดว่า เขามีอะไรดี ที่เรานำไปใช้ได้บ้าง". |
ร่างกายนี้คือรังแห่งโรค ตอนสายของวันจันทร์ที่ ๒๔ มี.ค.๔๖ ท่ามกลางบรรยากาศ "เอื้อไออุ่น เพื่อแฟนพันธุ์แท้เพลงครูรัก รักพงษ์" ที่สันติอโศก ก็ได้รับแจ้งข่าวจากคุณหมอ พจน์ บุญศรี และคุณใบลาน พยาบาลจาก ราชธานีอโศกว่า สมณะเดินดิน ติกขวีโร มีปัสสาวะปนเลือด (Hematuria) อีกครั้ง หลังจากทิ้งช่วงห่างจากอาการนี้ไปเป็นปี ทราบในเบื้องต้นว่า มีการติดต่อ ขอคำแนะนำ จากคุณหมอ อารี วชิรมโน แห่งไร่มะขามเปรี้ยว ซึ่งคุณหมอได้แนะนำให้ท่านรักษาด้วยการงดฉันอาหารโปรตีน ให้ทำดีท็อกซ์ วันละ ๒ ครั้ง และให้ฉีดยา เพิ่มเม็ดเลือดขาว (มีการเจาะเลือด เพื่อตรวจดูความเข้มข้น ของเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและ Tunner Marker ของต่อมลูกหมาก และกระเพาะปัสสาวะ รวมถึง ตรวจปัสสาวะด้วย ผลเลือดอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้น มีค่าเลือดขาวต่ำกว่า เกณฑ์ปกติ สำหรับ ปัสสาวะพบกว่า มีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และโปรตีน ๔+) ส่วนอาการแสดงอื่นๆไม่มีสิ่ง ผิดปกติใดๆ เพียงแต่เพลียเล็กน้อย ไม่มีไข้และฉันอาหารได้ปกติ ทีมสุขภาพมีความเห็นตรงกันว่า ควรนิมนต์ท่านพัก โดยให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด เพื่อจะได้ไม่กระตุ้น ให้เลือดออกมากขึ้น ท่านทำดีท็อกซ์ วันละ ๒ ครั้ง ตามคำแนะนำ ของคุณหมออารี แต่อาการปัสสาวะปนเลือดยังไม่มีทีท่าจะจางลง คุณใบลาน จึงนิมนต์ท่าน ไปรับการตรวจกับ นพ.ชัยณรงค์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางศัลยศาสตร์ ระบบปัสสาวะ ที่รพ.สรรพสิทธิ์ประสงค์ ในวันอังคารที่ ๒๕ มี.ค.๔๖ ด้วยการส่องกล้อง (Pan-Endoscopy) พบว่า เป็นกระเพาะ ปัสสาวะอักเสบ ได้รับยาฆ่าเชื้อ กลับมาฉัน และพักรักษาตัว ที่ราชธานีอโศก หลังจากส่องกล้องตรวจ ท่านรู้สึกสังเกตได้ว่า สีของปัสสาวะออกจะเข้มขึ้น คล้ายกับว่า เลือดยังคงออกอยู่ ไม่จางลงเลย คุณหมอพจน์ และทีมสุขภาพ จึงนิมนต์ขอให้ท่านเดินทาง เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อรับการรักษาต่อ กับนพ.ไพบูลย์ จิตรประไพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางศัลยกรรม ระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งดูแล ท่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยคุณหมอพจน์ ได้กรุณาเรียนปรึกษา และนัดหมายกับ นพ.ไพบูลย์ ซึ่งคุณหมอได้ให้เข้ามา รับการตรวจรักษาที่ รพ.ศิริราช ก่อนเที่ยงวันพุธที่ ๒๖ มี.ค. ได้รับการตรวจโดยการส่องกล้อง (Cystoscopy) แล้ว นพ.ไพบูลย์แจ้งผลว่า มีการอักเสบ ของกระเพาะปัสสาวะ ไม่พบก้อนใดๆ เห็นควรให้อยู่โรงพยาบาลก่อน เพื่อสังเกตอาการ และตรวจวินิจฉัยต่อไป สมณะเดินดินเข้าพักรักษาที่ชั้น ๓ ตึก ๘๔ ปี ศัลยกรรมระบบปัสสาวะชายห้องรวม หลังจากตรวจ มีการสวน ล้างกระเพาะ ปัสสาวะ ด้วยน้ำเกลือ อย่างต่อเนื่อง ประมาณ ๑๒ ช.ม. จากนั้นปัสสาวะปนเลือดจางลงมา ใกล้เคียงปกติ ในขณะที่ ท่านได้นอนพัก ร่วมกับผู้ป่วยสามัญอื่นๆ ที่เจ็บป่วย ด้วยโรคระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นเดียวกัน ได้พักบ้าง ไม่ได้พักบ้าง ตามประสาที่มีผู้ป่วย อยู่ร่วมกัน ไม่ต่ำกว่า ๒๐ เตียง เช้าวันศุกร์ที่ ๒๘ มี.ค. เวลา ๐๘.๐๐-๑๒.๐๐ น. ท่านได้รับการตรวจที่แผนกเอ็กซเรย์ โดยการฉีดสีดูการทำงาน ของระบบ ทางเดินปัสสาวะ จนกระทั่งวันเสาร์ที่ ๒๙ มี.ค.๔๖ เวลา ๑๕.๓๐ น. สมณะเดินดินได้เดินทางกลับมาพักฟื้น ที่ศาลาสุขภาพ สันติอโศก โดยไม่มีอาการ ถ่ายปัสสาวะ เป็นเลือดแล้ว ท่านรับนิมนต์พักที่สันติอโศก อีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ร่างกาย ได้ปรับตัว ก่อนจะเดินทางกลับ ราชธานีอโศก ก่อนงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๒๗ จะเริ่มขึ้น. |
พรจากผู้อายุยาว
๑. นางนวล วงศ์ธีระสุต ปฐมอโศก "ขอให้ลูกหลานทุกๆคนศึกษาธรรมะ ตั้งใจปฏิบัติธรรมะตามโอกาส ขอให้เป็นคนดี ของชาติบ้านเมือง" ๒. นางเกิด กล่อมจอหอ อายุ ๘๗ ปี สีมาอโศก "ให้เจริญในธรรมทุกคน" ๓. นางทิม พานนางรอง อายุ ๘๓ ปี สีมาอโศก"ให้อยู่ให้สนุก สบาย ทำความดียิ่งๆขึ้น" ๔. นางหล่ำ จันทร์จิต อายุ ๘๔ ปี สีมาอโศก "ให้สุขกาย-สุขใจ ให้เจริญยิ่งๆ" ๕. อุบาสิกาบุญโฮม ชาวหินฟ้า อายุ ๘๒ ปี ปฐมอโศก "ให้ลูกหลานเป็นคนดี มีความสุข รักษาศีลรักษาธรรมตลอดไป ชีวิตของเรา จึงจะเจริญนะลูกนะ" ๖. พ่อเต่ง อภิวงศ์ อายุ ๘๔ ปี ภูผาฯ "ให้ลูกหลานทุกคนปฏิบัติธรรม ศีล ๕ ศีล ๘ ถ้าปฏิบัติธรรมรักษาศีล ต้องลดบริโภคนอก บริโภคใน บริโภคนอก คือเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย บริโภคใน คือโภชนาการ ยารักษาโรค หากไม่ลดละบริโภค แม้จะรักษา ศีลธุดงควัตร ก็รักษาเสียเหนื่อยเปล่า เพื่อจะหวังผลบุญกุศลช่วยยกตัว ตัวก็อย่าหวังเลย เหมือนคนโง่เขลา เบาปัญญา เท่านั้นเอง ๗. พ่อใจตรง ธนรินทร์ อายุ ๘๓ ปี เชียงรายอโศก "ปีใหม่เก่าข้ามพ้นไปแล้ว ปีใหม่แก้วพญาวัน เขามา ฮอดเถิง ในปีนี้ ให้ลูกหลานทุกๆคน มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ โดยดีเทอญ" ๘. พ่อแดง ถานะ อายุ ๘๒ ปี ปฐมอโศก "ขอให้ลูกหลานเป็นคนดี อยู่ในกฎระเบียบของอโศก จงเป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่คดโกง ไม่เอาเปรียบคนอื่น ขอให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมตลอดชีวิต เจริญธรรมทุกคนเด้อ ๙. นางน้ำทิพย์ เกษมเศรษฐ์ อายุ ๘๐ ปี สันติอโศก "ให้มีธรรมะเป็นที่พึ่ง ทรัพย์สมบัติก็สู้ไม่ได้ ให้ศรัทธาหนักแน่น ไม่มีอะไรดีกว่านี้" ๑๐. นางหวัน ปะทะกัง อายุ ๘๗ ปี ศีรษะฯ "ให้อยู่วัดเหมือนกับยาย ยายก็ลดละมาหมดแล้ว ตายก็เผายายด้วย ยายมีลูก ๑๐ คน บ่มีใครอยู่เหมือนกับยาย มีแต่ท่านสมณะองค์เดียว" ๑๑. นางบัวหลวง มณีกุล อายุ ๘๐ ปี ภูผาฯ"ให้อยู่ดีมีสุข อายุมั่น ขวัญยืน อย่าให้มีโรคภัย ให้อยู่ในวัดตลอด คนอยู่ในวัด นับว่ามีบุญ ใครออกจากวัดไปนับว่าบุญหมด หากอยู่วัดต้องอดทน" ๑๒. อุบาสิกาเย็นฟ้า ประมาณ อายุ ๘๒ ปี ปฐมอโศก "ขอให้ลูกหลาน จงเข้มข้น แข็งแรง ปฏิบัติธรรมให้ตลอด รอดฝั่ง อย่าหนีไปไหน อยู่เป็นแรงกายให้พ่อท่านและอายุยืนเหมือนกับยาย" ๑๓. นายปราณี พิมพ์ศิริ อายุ ๘๐ ปี หนองคาย "ปีใหม่ขอให้ลูกหลาน ทุกคนมีความสุข เจริญด้วยวรรณะ สุขะ พละ ด้วยหลักกรรม ๓ ขอให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือวิมุติความหลุดพ้น" ๑๔. นางวิมูล ทยาธรรม อายุ ๘๓ ปี บ้านราชฯ "ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องอยากมี อยากดี ไม่ต้องกังวลอยากได้โน่นอยากได้นี่ ไม่ต้องห่วงลูกเต้า เพราะเขาเป็นตัวของเขาแล้ว แต่ให้ห่วงตัวเอง". |
เจริญธรรม
สำนึกดี พบกับ "หน้าปัดชาวหินฟ้า" ประจำ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่
๒๐๔(๒๒๖) ปักษ์แรก ๑-๑๕ เม.ย.๔๖ บุญนิยม... ที่โรงเจสมาคม(จันทบุรี) แม้ไม่ได้แจกฟรีเดือนละครั้งเหมือนร้านอื่นๆ แต่ลดราคาอาหารจากจานละ, ถุงละ ๑๐ บาท เป็นราคาจานละ ๕ บาท ถุงละ ๕ บาท นอกจากนี้ยังมีมุมขายสินค้าเครื่องเขียนทุกชิ้น ๑ บาทเท่านั้น เริ่มขายมาตั้งแต่ กลับจากงานพุทธาฯ ที่ผ่านมา ข่าวว่ามีลูกค้าเป็น น.ร., นศ.เพิ่มขึ้น....สาธุ จี๊ดๆๆๆ ..... หน้าเก่า... การประชุมในงานพุทธาฯ ถึงงานปลุกเสกฯ มีทุกวันหลังทำวัตรเช้า บางเรื่องก็ไปต่อหลังเที่ยงอีก พ่อท่านพูดว่า เปลี่ยนเรื่องประชุมทุกวัน แต่ผู้ที่เข้ามาประชุม มีแต่คนหน้าเดิมๆทั้งนั้น แสดงว่าพวกเรา ขวนขวายเอาภาระกันดีมาก... แล้วบอกว่า ลัทธิบุญนิยมนี่ สนุกกว่าทุนนิยม เพราะทำแล้วให้ ไม่ใช่ทำแล้วเอา เหมือนทุนนิยม...จี๊ดๆๆๆ ..... สิทธิบัตรบุญนิยม... การจดสิทธิบัตรของพวกเราชาวอโศก เพื่อจะได้ทำงานได้สะดวกเท่านั้น แต่ไม่หวงเลย พร้อมเสมอ ที่จะบอกสูตร และสาธิตให้ดู ต่างกับทางโลกที่เขาจดสิทธิบัตรแล้วคนอื่นไม่มีสิทธิ์เอาไปทำ จี๊ดๆๆๆ ..... ชาวพุทธที่แท้จริง... คุณยายจันทร์ ข่าทิพย์พาที อายุ ๘๔ ปี ลูกๆพาไปพักที่ชุมชนร้อยเอ็ดอโศก แล้วก็หมดอายุขัยที่นี่ ประมาณตี ๕ ของวันที่ ๕ เม.ย.๔๖ ลูกๆและชาวชุมชน จึงช่วยกันจัดฌาปนกิจศพ ในตอนเย็นวันเดียวกัน โดยมีสมณะเดินดิน ติกขวีโร เป็นประธานฌาปนกิจ เรียกว่าตายเช้าก็เผาเย็น เผาเสร็จลูกๆและชาว ชุมชนก็รีบขึ้นรถ มาร่วมงานปลุกเสกฯ เสร็จงานแล้ว ค่อยกลับไปเก็บกระดูก... นับเป็นชาวพุทธที่แท้จริง จี๊ดๆๆๆ ..... ปลุกเสกฯ'๔๖... งานปลุกเสกฯปีนี้ มีศาลาหกเหลี่ยมแทนซุ้มเล็กๆ ที่เป็นหน่วยประชาสัมพันธ์ ทำให้การทำงานจุดนี้ สะดวกสบาย มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แม้ฝนจะตกก็ไม่มีปัญหา แต่พายุฝน ในงานครั้งนี้ ทำให้ผู้พักอยู่ใต้ต้นไม้ ได้ฝึกปฏิบัติธรรม อย่างเข้มข้น คือหัดวางใจ มิกลัวต่อต้นไม้ หรือกิ่งไม้ ที่จะหล่นลงมาทับ กิ่งไม้ใหญ่ๆ ตกลงมาดังโครม ทำเอาใจหายใจคว่ำ สำหรับคนขวัญอ่อน คุณพัดบุญ กางกลดอยู่ใต้ต้นไม้ แม้จะมีเสียงพายุ เสียงต้นไม้ เสียงกิ่งไม้ หล่นโครมคราม ก็นิ่งสงบ คิดว่า ถ้ามีเวรกรรม ที่ทำมาในอดีตชาติ ก็ขอชดใช้ กรรม แต่เพื่อนๆ มิอาจนิ่งดูดาย ช่วยเก็บกลด เก็บเสื่อ ให้ย้ายไปนอน ในที่ปลอดภัย ด้วยเหตุผลว่า ชีวิตเรามีประโยชน์ อย่าไปเสี่ยง ในเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง จิ้งหรีด ก็รู้สึกประทับใจว่า พวกเรามีน้ำใจดูแลกันดี.... ช่วงงานปลุกเสกฯ น.ร.สัมมาสิกขาหลายแห่งหยุดเรียน มีผลให้คนช่วยงานจุดต่างๆไม่บริบูรณ์เท่าเดิม จิ้งหรีดเห็นชาวภูผาฯ กลุ่มใหญ่สมัครมาช่วยยกอาหาร ทำให้ผู้เป็นหลักในเรื่องนี้โล่งใจ กล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่ แถมยังเป็นผู้ฟัง และผู้ตามที่ดี คือ ให้ยกก็ยก ให้หยุดก็หยุด ว่าง่ายสอนง่าย จึงช่วยให้ผู้นำสบายใจ ไร้ปากเสียง เรื่องนั้นเรื่องนี้ จึงช่วยให้งานลงตัวได้ไว เพราะ เข้าใจกัน ไม่ถือสา ไม่เอาแต่ใจ จิ้งหรีดจึงรู้สึกแปลกว่าอะไรหนอ ที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หลายคนที่มาช่วยงาน บอกว่า เกรงพ่อท่าน จะแจกหนวด จึงรวมกลุ่มกันช่วยงาน.... แม้จะไม่มีเงิน หลังจากออกจากงานในกทม. ก็มาอยู่เชียงใหม่ ทำงานได้เงิน ๑,๐๐๐ บาท ก็ตัดใจไม่ใช้เงินซื้อขนม น้องทราย ลูกสาว ป้าป่าฟื้น ก็สละเงินทั้งหมด ให้โครงการร่วมปฐพีพระวิหารพันปี บรมสารีริกธาตุ จิ้งหรีดก็รู้สึกทึ่ง เพราะแม้ตัวเอง จะติดสุขติดสบาย ก็ยังกล้าสละเงิน ที่มีอยู่ให้กับส่วนรวม... ในการระดมทุนในโครงการร่วมปฐพีฯ เพื่อ ซื้อที่ดิน หน้าพุทธสถาน สันติอโศก จิ้งหรีดก็ขอชื่นชม ผู้จัดการ บจ.ฟ้าอภัย ที่เอาภาระ หาวิธีระดมทุน ที่ช่วยให้พวกเราแต่ละคน มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะมีทรัพย์มากหรือน้อย เรื่องนี้พ่อท่าน ก็เตือนให้พวกเรา อย่าไปเรี่ยไร เด็ดขาด แต่บอกบุญกับ ผู้มีจิตศรัทธาได้ ซึ่งผู้ให้ ก็จะรู้สึกยินดี ไม่รู้สึกว่าให้เพราะ เกรงใจ หรือถูกบีบบังคับ... จิ้งหรีดได้ยินท่านกำแพงพุทธพูดกับท่านเดินดินว่า ทางศาลีฯจะกลับไปดูเงินก้นถุงว่าจะบริจาคได้ขนาดใด ก็คิดว่าเครือข่าย ของชาวเราอีกหลายแห่งก็มีใจเต็ม ๑๐๐ % ที่จะร่วมบุญใหญ่ บุญหนักในครานี้ แต่ต้องไปดูบัญชีการเงินก่อน เพราะส่วนใหญ่ ชาวเราก็ไม่มีนโยบาย สะสมเรื่องเงิน แต่การรีดเลือดปู ก็เป็นไปได้อย่างมหัศจรรย์ ในหมู่ชาวเรา ไม่รู้ว่าเลือดมาจากไหน สามารถ ืนำมาหล่อเลี้ยง อายุพระศาสนา ให้ยืนยาวต่อไปได้เรื่อยๆ .... ท่านเดินดินอาพาธก่อนงานปลุกเสกฯไม่กี่วัน งานปลุกเสกฯครั้งที่ ๒๗ นี้ จึงมีทีมสมณะอาสา มาช่วยงานภันเต มี ๕ ท่าน คือ ท่านคิดถูก ท่านฟ้าไท ท่านกล้าจริง ท่านกล้าตาย และ ท่านลานบุญ ช่วยแบ่งเบาการจัดรายการต่างๆ ภายในงาน จิ้งหรีด รู้สึกประทับใจ ในการพึ่งแก่ พึ่งเจ็บ และพึ่งตายกันได้ในที่สุด จิ้งหรีดเกาะอยู่เสาศาลาได้เห็นสมณะทั้ง ๕ ท่านเอาใจใส่ เอาภาระ กระตือรือร้น ที่จะช่วยงานอย่างน่าประทับใจ ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นอีก ก็คือ ทุกท่านพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เมื่อภันเตทักท้วง อย่างไม่ต้องเกรงว่า อาวุโสจะยึด จนยากต่อการเปลี่ยนแปลง ทีมงานแบ่งเบาภาระภันเต เคยเกิดขึ้นเป็นทีมเมื่องานปลุกเสกฯปีที่แล้ว อ.๑ จากภูผาฯ พูดกับจิ้งหรีดว่า ทีมนี้ใช้ได้ คงแข็งแรง เข้มข้น ทนทาน ยืนนาน แน่นลึก นึกนบ กว่าปีที่แล้วฮะ...จี๊ดๆๆๆ ..... สปอนเซอร์รายใหญ่...
เก็บตกงานปลุกเสกฯปีนี้
กระแสที่แรงที่สุดในงาน ต้องยกให้โครงการร่วมปฐพีพระวิหารพันปีฯ ซึ่งยอดรวม
ทั้งเงินบริจาค และเงินเกื้อ ที่หลั่งไหลเข้ามา ตัวเลขใกล้เคียงเป้าหมาย
ภายในระยะเวลา เพียงไม่ถึงสัปดาห์ จิ้งหรีด เกาะยอดหญ้าหน้าเวที ฟัง ๒
นาทีทองกับพระเกจิฯเมื่อคืนวันที่ ๑๑ เม.ย. ถึงได้รู้ว่า มีคณะบุคคล ที่เป็นผู้บริจาคใหญ่ที่สุด
จะเป็นใครนั้น ต้องฟังคำเฉลย จาก ๒ นาที กับท่านสมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
กิเลสอยู่ที่ไหน?... งานปลุกเสกฯครั้งที่ ๒๗ ญาติธรรมชาวอโศกยังคงพากเพียร เรียนรู้เก็บเกี่ยวธรรมะหลังฉัน กันอย่างคึกคัก จิ้งหรีด เกาะหลังกระดานดำ ฟังท่านสมณะผืนฟ้า อนุตตโร ให้ธรรมะแก่บรรดาญาติโยม ในหัวข้อ "จัดการกับกิเลส ให้ดับสิ้นไปเป็นเช่นนี้" เมื่อบรรยายธรรม ให้ผู้ฟังรู้จักหน้าตา และลักษณะของกิเลส แต่ละตัว เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ทบทวน ความจำเหล่านักเรียน ด้วยคำถาม "พวกเรารู้รึยังว่ากิเลส อยู่ที่ไหน?" น.ร.ธรรมะขึ้นกระดานดำพากันตอบอย่างพร้อมเพรียง "อยู่ที่เรา" เมื่อต่อไปอีก ๑ บท ท่านก็ทบทวนอีกครั้ง "กิเลสอยู่ที่ไหน" "อยู่ที่เรา" แต่โยมผู้หญิงคนหนึ่ง อดรนทนไม่ไหว ถามท่านสมณะว่า "อยู่ที่เราได้อย่างไรคะ ก็เราอยู่เฉยๆ ถ้าเขาไม่มาทำให้โมโห ก็ไม่มีเรื่องหรอกค่ะ กะละมังของเรา เอาไว้ดีๆ เขามาหยิบไปใช้ แล้วไม่เอามาคืน อีกต่างหาก พอเราต่อว่า กลับบอก ว่า เราเป็นผู้ปฏิบัติ ต้องรู้จักปล่อยวางสิ อย่างนี้กิเลส ยังอยู่ที่เราอีกเหรอคะ ต้องมีเรื่องกันบ้างล่ะค่ะ" ท่านอนุตตโรอมยิ้ม หันมาถามนักเรียน คนอื่นๆอีกครั้งว่า "พวกเราว่ากิเลสอยู่ที่ไหน... จะโกรธทำไมให้ใจเราโง่" จิ้งหรีด แอบเห็น เหล่านักเรียนธรรมะ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คงมีคำตอบในใจกันทุกคน... จี๊ดๆๆๆ ..... ความเพียรในการเอาชนะอุปสรรค... งานปลุกเสกฯปีนี้ ฝนตกกระหน่ำลงมา เป็นผัสสะให้ญาติธรรมชาวอโศก ได้ใช้ปัญญา ในการแก้ไขปัญหา บ้างก็หอบเต็นท์ขึ้นอาคารที่อยู่รอบๆบริเวณ บ้างก็ยืนหยัดปักหลักอยู่ที่เดิม มีบางเต็นท์ไม่ยอมเคลื่อนกายย้ายจุด โดยนอนอยู่ท่ามกลางสายฝน มีน้ำไหลผ่านใต้เต็นท์ ก็เหมือนนอนอยู่ในร่องน้ำ แต่ เจ้าของเต็นท์ต้องการฝึกขันติบารมี และโดยขณะเดียวกันก็ได้เสียสละพื้นที่สำหรับผู้ใช้กลดหรือมุ้ง บางเต็นท์มีน้ำท่วมขัง เพราะที่ต่ำก็ใช้ความวิริยะในการขุดร่องน้ำให้น้ำไหลผ่าน จิ้งหรีดเห็นแล้วก็ขออนุโมทนาในความ พากเพียรขอทุกๆท่านนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ ..... สร้างบุญ... สามัคคีคือพลัง ตัวอย่างดีๆที่จิ้งหรีดเห็นแล้วชื่นใจ จึงต้องเอามาขยายความถึง "กลุ่มบ้านสร้างบุญ" ที่สมาชิก ทุกท่าน รวมตัวกันเหนียวแน่น พร้อมใจกันมาร่วมงานปลุกเสกฯ และยังมีใจยกทีมกันไปช่วยงานครัว อย่างนี้พ่อท่าน คงไม่ต้องเหนื่อย เพื่อที่จะแจกหนวด ขอให้รักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวอย่างนี้ไปให้ตลอดเลยนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ ..... ข่าวมรณานุสสติ ฉบับนี้ลากันด้วยคติธรรม-คำสอนของพ่อท่าน
ที่ว่า พบกันใหม่ฉบับหน้า |
ปลุกเสกฯ
ลงตัวจนนิ่ง พ่อท่านเทศน์จบ อีคิวโลกุตระ ญาติธรรมนิยมธรรมะทางเลือก งานปลุกเสกฯพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ ๒๗ และโครงการพัฒนาประชาธิปไตยด้วยการเมืองระบบบุญนิยม ครั้งที่ ๒/๒๕๔๖ ณ ชุมชนวัฒนธรรมศีรษะอโศก ต.กระแซง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ ๖-๑๒ เม.ย. ๔๖ ก่อนเริ่มงาน สมณะ-สิกขมาตุ นิสิต ม.วช. จากเขตต่างๆ น.ร.สัมมาสิกขาจากที่ต่างๆ ตลอดจนญาติธรรม เดินทางมาช่วย เตรียมงาน ทำให้บรรยากาศอบอุ่น เพราะทุกคนล้วนเป็นเจ้าภาพของงาน มีสมณะ ๔๕ รูป และสิกขมาตุ ๑๗ รูป ร่วมเป็นเกจิอาจารย์ปลุกเสก ด้วยอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ของพระพุทธเจ้า สร้างคนให้เป็น พระแท้ๆของพุทธ รายละเอียดของงานมีดังต่อไปนี้ ทำวัตรเช้า หลังทำวัตรเช้า ค.ก.ร.ร่วมกับ ธ.ก.ส., ประชุมกสิกรรมไร้สารพิษ, ประชุมพาณิชย์บุญนิยม, ประชุม องค์กรบุญนิยม, ประชุมพรรคเพื่อฟ้าดิน ธรรมะก่อนฉัน (๗-๑๑
เม.ย.) ธรรมะหลังอาหาร ธรรมะภาคบ่าย สำหรับกลุ่มสัมมนาแบ่งออกเป็น ๑๐ กลุ่ม โดยมีสมณะ-สิกขมาตุประจำแต่ละกลุ่ม ๑๐ กลุ่มดังนี้ ๑.ขุดต้นไม้กวาด ๒.ขนใบไม้ ๓.ปุ๋ยเม็ดกระสุน ๔.น้ำหมักชีวภาพสูตรซักล้าง ๕.สุขภาพ (โดยหมอ อารีย์) ๖.เจโตสมถะ, เดินจงกรม ๗.ตอบปัญหา ๘.เต้าเจี้ยว ๙.ถั่วงอก ๑๐.น้ำส้มไม้ วันที่ ๙ เม.ย. แบ่งออกเป็น ๑๑ กลุ่ม ดังนี้ ๑.ปลูกหญ้าม้า ๒.ดายหญ้า ๓.ปุ๋ย-เม็ดกระสุน ๔.น้ำหมักชีวภาพสูตรซักล้าง ๕.สุขภาพ ๖.เจโต ๗.ตอบปัญหา ๘.เต้าเจี้ยว ๙.ปลาร้าเจ ๑๐.ถั่วงอก ๑๑.น้ำส้มไม้ บรรยากาศคึกคัก ผู้ร่วมสัมมนาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยใบหน้าที่ ยิ้มแย้มแจ่มใส ธรรมะภาคค่ำ และคืนสุดท้ายของงาน วันที่ ๑๑ เม.ย. เป็นรายการ ๒ นาทีทองของเกจิฯ สมณะ-สิกขมาตุ ให้ข้อคิด คติธรรมสั้นๆ เพื่อเพิ่มขวัญ กำลังใจ แก่ญาติธรรม ในการนำกลับไปต่อสู้กับกิเลส มีสมณะเดินดิน ติกขวีโร ดำเนินรายการ แทนพ่อท่าน บรรยากาศทั่วไปของงาน ทุกคนขวนขวายช่วยงานดุจเป็นเจ้าภาพ ไม่มีใครทำตัวเป็นแขก และขวนขวายเข้าร่วมฟังรายการทุกรายการ พ่อท่าน คงจะไม่ต้อง แจกหนวดอีกแล้ว ที่ศาลาบุญถ่วม ทีมสุขภาพบุญนิยมจัดนิทรรศการสุขภาพบุญนิยมด้วยแพทย์ แผนไทยและทางเลือก โดยเน้นเชิงรุก การดูแล และป้องกันตัวเอง มากกว่าเชิงรับการรักษา โดยเปิดบริการ ๓ ช่วง เช้า-กลางวัน-เย็น ในช่วงเช้า มีการนำออกกำลังกาย ทั้งรำกระบอง และบริหารหายด้วยโยคะ อย่างนี้อายุร้อยปี ไม่ไกลเกินจริง และ บริการน้ำกาแฟ-น้ำสมุนไพร สำหรับ สวนลำไส้ ล้างพิษ เช้า-เย็น ในวันที่ ๗,๘ เม.ย. ในช่วงเย็นฝนได้ตกลงมาเพื่อผ่อนคลายความอบอ้าวของอากาศให้เย็นลง โดยทางเจ้าของพื้นที่ ได้เตรียม สถานที่หลบฝน ไว้เรียบร้อยทั้งชาย-หญิง ฝนตกถือเป็นแบบฝึกหัดแถมฟรีแก่ ผู้มาร่วมงานครั้งนี้ ว่ามีตัวอึดอัด ขัดเคือง รำคาญใจ หรือเปล่า คณะกรรมการแข่งขันแฟนพันธุ์แท้เพลงของครูรัก รักพงษ์ ที่จะจัดขึ้นใน งานอโศกรำลึก วันที่ ๙-๑๐ มิ.ย.๔๖ ณ พุทธสถาน สันติอโศก ประกาศรับสมัครทีมเข้าแข่งขัน จนถึงวันที่ ๑๑ พ.ค. ๔๖ โดยกำหนดทีมละ ๕ คน พุทธสถานละกี่ทีม ก็ได้ หากเกิน ๑๐ ทีม จะจัดเป็น ๒ รอบ โดยรอบคัดเลือกและรอบชิงจะอยู่ในวันเดียวกัน สมัครได้ที่ คุณเพ็ญเพียรธรรม สิ้นป่าโลกีย์, คุณหินทอง ดีรัตนา, คุณฟ้านวล นาวาบุญนิยม และคุณรินธรรม อโศกตระกูล ซึ่งได้ชี้แนะทีมแข่งขันว่า ควรประกอบด้วย ๑.คนฟังเพลงของครูรัก รักพงษ์ ๒.คนมีความจำดี ๓.คนมีไหวพริบ ๔.ภาษาไทยดี ๕.ร้องเพลงได้ (ไม่ต้องไพเราะก็ได้) แต่ร้องเพลง ของครูรักได้ รวมทั้งเพลงอริยะ บทเพลงแห่งความซ้ำซาก และ เพลงจอมโจร บัณฑิต นอกจากนี้ทีม ต.อ.กลางได้สัมภาษณ์ผู้ผลิตและบริโภคน้ำหมักชีวภาพชนิดดื่ม ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ น.ส. น้อมนบ ปัฐยาวัตร ต.อ.กลาง ถึงการสัมภาษณ์ครั้งนี้ "เป็นการทำวิจัย เพื่อจะเอาข้อมูล ไปให้กลุ่มของอาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งกำลัง ทำข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเสนอ อ.ย. เนื่องจากว่า อ.ย. ยังไม่มีหลักเกณฑ์ ในการพิจารณา เรื่องน้ำหมัก แล้วอาจารย์กลุ่มนี้ จะทำให้ เมื่อใครทำน้ำหมักขึ้นมา อ.ย.ก็จะมีหลักเกณฑ์ตัดสินว่า ใช้ได้หรือไม่ได้ แล้วให้ อ.ย.กับน้ำหมัก ซึ่งคาดว่า พวกเราจะได้ประโยชน์ และทำได้ถูกหลักขึ้น ก็จะมีหลักการขึ้นมา จริงๆแล้วน้ำหมัก มีประโยชน์ ต่อสุขภาพมาก แต่ไปเสียตรงที่ว่า ถ้าเราทำไม่สะอาด ปนเปื้อน จะเกิดอันตราย เพราะในตัวของมันเอง จะไม่เกิดอันตราย" ส่วนทีมอาสาสมัครอาสาสมัครบุญนิยม ปลอกแขนเขียว งานนี้มีปลอกแขนสวยงาม ขึ้น โดยมีสัญลักษณ์อีแร้ง อยู่ตรงกลาง ภายใต้ ปักคำว่า อ.ส.บ. ยังคงทำงานแบ่งเบาได้เป็นอย่างดี และรับบริจาคข้าวสาร ช่วยประชาชนชาวอีรัค โดยส่งในนามชาวอโศกจำนวน ๒๐ ตัน โดยโรงสีศีรษะอโศก รับผิดชอบ ท่านใด จะร่วมบุญ ติดต่อที่ คุณขวัญดิน สิงห์คำ มีการระดมบุญรีดเลือดจากปู เพื่อร่วมปฐพีพระวิหารพันปีบรมสารีริกธาตุ ซื้อที่ดินบริเวณทาวน์เฮาส์ หน้าสันติอโศก จำนวน ๑,๑๗๗ ตารางวา มีทั้งบริจาคและให้ยืม โดยผ่อนเป็นรายเดือน ท่านใด ยังไม่มีโอกาส ได้ร่วมบุญ ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณบุสดี เผ่าพงษ์ ฝ่ายการเงิน สันติอโศก หรือส่งธนาณัติ สั่งจ่าย นางวนิดา วงศ์พิวัฒน์ ปท.คลองกุ่ม มูลนิธิธรรมสันติ ๖๕/๑ ซ.เทียมพร ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐๒๓๗๔-๕๒๓๐ หรือ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขานวมินทร์ เลขที่บัญชี ๐๕๗-๑-๓๘๙๓๔-๑ ชื่อบัญชี วนิดา-บุสดี ให้แนบหลักฐาน การโอนไปด้วย ทุกครั้ง และกรุณาระบุให้ชัดเจนว่า ร่วมบุญบริจาค หรือให้ยืม ๑๒ เม.ย. วันสุดท้ายของงาน หลังทำวัตรเช้า ยุทธการ ๔๖ ทุกคนช่วยกันเก็บบุญเก็บงาน โดยมี ม.วช.เป็นแม่งาน แล้วฟัง สรุปงาน ปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๒๗ หลังจากนั้น สมณะบินบน ถิรจิตโต ให้โอวาท เน้นทำให้ผักงาม ดีกว่าคิดให้ผักงาม เสร็จแล้ว รับประทานอาหาร ร่วมกัน สำหรับผู้มาร่วมงานได้ให้สัมภาษณ์
ดังนี้ นิสิตป่าพุทธ นาวาบุญนิยม "บรรยากาศรู้สึกว่าเงียบ มีชาวภูผาฯที่เข้าคอร์สมาร่วมทำงาน ทำให้เป็นไปด้วยดี อีคิวโลกุตระ ดีมากเลย ซึ่งจบปีนี้แล้วใครยังไม่ได้ฟัง ก็ขวนขวายหาเทปฟังนะครับ คิดว่าปีนี้น่าจะมีผู้มาสมัครเป็นนิสิต เพิ่มขึ้นนะครับ" นิสิตสีนวน อโศกตระกูล "งานครั้งนี้ได้ช่วยงาน ได้รู้ว่าการเป็นนิสิตเราต้องทำอะไรบ้าง ได้ทำงานและเก็บข้อมูล ที่เราทำงาน ทำให้ กระตือรือร้นขึ้น ให้เราต้องขวนขวายและเรามีข้อมูล ในการเขียนรายงาน งานครั้งนี้ได้รับประโยชน์มาก" นางยิ่งรัก เตโช "งานนี้ดีมากๆ ชอบรายการพ่อท่านเทศน์ และที่สิกขมาตุเทศน์ทุกรายการดีมากเลยค่ะ โครงการร่วมปฐพีฯ ตัวเองรู้สึก อยากจะร่วมบุญ และให้ด้วยใจเต็มร้อย ตั้งใจจะช่วยจริงๆ เราต้องแสดงความกตัญญู เงินที่บริจาค มีค่าน้อยกว่า ที่พ่อท่านสอนเรา และให้เราเปลี่ยนจิตวิญญาณ เป็นคนดี พบกับความสุขที่แท้จริง หาค่ามิได้เลย ฝนตกก็สนุกดีวิ่งไปวิ่งมา" น.ส.สุพัตรา สอนจันทร์
"งานนี้จัดการได้ลงตัวมาก ฟังธรรมะปีนี้เข้าใจมากขึ้น ชอบการสัมมนากลุ่มย่อย
มีฐานงาน ให้ศึกษา หลากหลาย ให้เลือกตามความสนใจ ได้รับความรู้มากมาย ตัวเองเลือกฐานสุขภาพ
และฐานทำน้ำส้มไม้ ซึ่งเคยเรียนรู้มา แต่ว่า ไม่เคยเห็นของจริง ได้ประสบการณ์จริง
สามารถไปถ่ายทอด ให้คนอื่นได้ มีประโยชน์มาก เป็นการส่งเสริม ให้ใช้ภูมิปัญญาไทย
รู้สึกทึ่ง". |
ชาวชุมชนดินหนองแดนเหนือ เมื่อวันที่ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๖ ชาวชุมชนดินหนองแดนเหนือ ได้ร่วมออกร้าน ในงาน "มหกรรมอาหารสะอาด รสชาติอร่อย" ที่หนองประจักษ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งจัดโดยสาธารณสุขจังหวัดและสสส. โดยมี พล.ต.อ.ประชาพรหมนอก รมช. กระทรวง สาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานครั้งนี้. |
ประชุมพาณิชย์บุญนิยม ๙ เม.ย. ๔๖ เวลา ๐๖.๑๕-๐๘.๓๐ น. ประชุมพาณิชย์บุญนิยม บริเวณใต้โบสถ์ พ่อท่านเป็นประธานให้โอวาทเปิดประชุมว่า การพาณิชย์ของเราทำมาถึงวันนี้ อยากให้พวกเราเลื่อนฐานเลื่อนชั้น ทำพาณิชย์ถึงขั้นบุญ ระดับต่ำกว่าท้องตลาดและเท่าทุน ยังไม่เป็นบุญ ตลาดอาริยะก็ขยับมีคุณภาพ ก้าวหน้าเป็นบุญ ชมรมมังสวิรัติก็เป็นบุญนิยมระดับ ๔ โดยเฉพาะ ชมร.ช.ม. ไปลิ่ว บุญนิยมไม่เอาเปรียบ แต่สละมาก ต่างกับโลกีย์ที่เอาเปรียบ ใช้มาก โลกุตระท้าทายมาก น่าภาคภูมิกว่าโลกีย์ที่เอาไปเสพย์ อวด เบ่ง ข่ม แต่เรามามักน้อย มีสมรรถนะสูง ช่วยเศรษฐศาสตร์ทางโลก งานพาณิชย์จะเป็นงานสำคัญของสังคมต่อไป หากเราไม่สร้างภูมิคุ้มกัน จะเป็นเหยื่อของนายทุน อยากให้สร้าง เครดิตเหนือเครดิต หากต้องยืมก็เป็นอย่างเกื้อ ไม่มีดอกเบี้ย มีความซื่อสัตย์ ความจริงใจ น้ำใจ เป็นระบบของจิตวิญญาณที่มีคุณภาพ จ่ายสด งดเชื่อ สิ่งเหล่านี้เป็นเครดิตเหนือเครดิตต่างกับทุนนิยม เราจะสร้างกลุ่มคนไทย (อโศกคือไทยแท้) วัฒนธรรมไทย (วัฒนธรรมอโศกนี่แหละวัฒนธรรมไทย) เราจะสร้างพันธุ์แท้เอาไว้ ต้องตั้งอกตั้งใจ ที่อาตมาพาทำไม่ขาดทุน แต่ขาดทรัพย์แน่นอน วาระที่ ๒ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ ๒.๑ นโยบายจากการประชุมพาณิชย์บุญนิยม กรณีพระภิกษุมาซื้ออาหาร หรือ สินค้าอื่นๆ ที่ร้านของชาวอโศกทุกแห่ง โดยไม่มีฆราวาส ช่วยซื้อ ให้เรียนท่านว่า กรุณา อย่าประพฤติเป็นโคตรภูสงฆ์ (สงฆ์ที่ได้แค่รูปแบบ แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ตามธรรมวินัย) กรณีนี้ ส่วนกลาง จะทำป้ายแจกให้ทุกร้าน ๒.๒ บุญนิยมระดับ ๔ ตัวแทนชมร. จากที่ต่างๆแจ้งให้ที่ประชุมทราบ วาระที่ ๓ การตลาดไร้สารพิษ ๓.๑ ตัวแทนจากกู้ดินฟ้า ๒(ปฐมฯ), บ้านราชฯ, ศีรษะฯ, วังน้ำเขียว, ชมร.ช.ม., โรงเจฯจันทบุรี, ดินหนองแดนเหนือ, กู้ดินฟ้า ๑ (สันติฯ), แจ้งความก้าวหน้า ของการตลาดไร้สารพิษ ๓.๒ การจดแจ้งสิทธิบัตร คณะทำงาน แจ้งเป้าหมายของการจดแจ้งสิทธิบัตรว่า เพื่อให้เกิดสิทธ ิและได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมาย สอบถามข้อมูล -ประสานงาน ได้ที่ คุณวิบูลย์ (ข้าพุทธ) ขาวดารา โทร. ๐๙-๑๑๑-๒๕๐๓ ๓.๓ ตัวแทนองค์กรพาณิชย์บุญนิยม ๓.๔ องค์กรอุตสาหกิจชุมชน ประกอบด้วย แชมพู-น้ำยาซักล้าง, แปรรูปสมุนไพร, กิจถั่ว, การแปรรูป, ธัญพืช, โรงสีข้าว, แปรรูปอาหาร, เครื่องดื่ม, ทอผ้า-ตัดเย็บ, โรงผลิตขวด, จักสาน วาระที่ ๔ เรื่องอื่น ๔.๑ สิ่งทดแทนเคมีในน้ำยาซักล้าง คือน้ำมันปาล์ม-น้ำมันมะพร้าว-โซดาไฟ และศาลาเจาะวิจัยฯปฐมฯ แจ้งว่า อีก ๒ เดือน จะผลิตยาสีฟันไร้ฟอง ๔.๒ ฝ่ายการตลาด ค.ก.ร. แจ้งสถานการณ์ถั่วเหลืองและงาไร้สารพิษ ขณะมีจำนวน ๑๖๐ ตัน อยู่ที่โกดังสีมาอโศก มีคุณร้อยแจ้ง จนดีจริง รับผิดชอบ ๔.๓ โปรตีนเกษตรปลอด GMO บจ.แด่ชีวิต แจ้งว่าโปรตีนเกษตรที่ใช้อยู่ขณะนี้ปลอด GMO วาระที่ ๕ โอวาทปิดประชุม พ่อท่านให้โอวาทว่า พวกเรามีความก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเราสามารถทดแทนเคมีได้จริงๆ อย่าลืมจดสิทธิบัตร เพื่อความสะดวก ในการทำงาน แต่ใครเอาไปทำเลียนแบบเราก็เผื่อแผ่อยู่แล้ว ระบบของพระพุทธเจ้า ให้เรามาเป็นคน มีวรรณะ ๙ ซึ่งจะมีประโยชน์ มหาศาล เพราะเรามีรากฐาน ของความโลภน้อยลง แม้เขาจะโกงเรา เราก็อยู่รอด เรามีพลังงาน สร้างสรร มากกว่า ที่เรากิน ใช้ ก็จะขยายตัว ทวีๆขึ้นไปช่วยโลกด้วย ระบบทุนนิยมไปไม่รอดเพราะเป็นเหมือนปากกรวย แต่บุญนิยมเป็นเหมือนก้นกรวย โดยจิตเป็นจริงและจบ เพราะฉะนั้นถ้าพวกเราไม่ทำ ก็ขอ บอกว่าไม่มีใครมาทำจริงจัง และพิสูจน์ทฤษฎีไปหาสุญตาจริง เรามาเร่งสร้างสรร เพื่อช่วย มนุษยชาติ แล้วเราก็ได้ด้วย เราต้องรีบๆทำ จะรักษาประเทศไว้ได้ ขอบคุณทุกคนที่เสียสละมาร่วมประชุม และฝากว่าอย่าเอาแต่ปลูกผักด้วยการพูด ขอให้ทำกันจริงๆ |
กำหนดการ งาน"คืนสู่เหย้า เข้าคืนถ้ำ สัมมาสิกขา" วันที่
๓-๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วันเสาร์ที่ ๓ พฤษภาคม
๒๕๔๖ วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม
๒๕๔๖ วันจันทร์ที่ ๕ พฤษภาคม
๒๕๔๖ |
ชื่อ
นางบัวหลวง มณีกุล
ยายบัวหลวงเป็นผู้อายุยาวของกลุ่มภูผาฟ้าน้ำ ปฏิบัติธรรมมานานแล้ว หากแวะไปที่ ชมร.ช.ม. จะเห็นยาย ช่วยปอกเห็ด เด็ดผัก อย่างขยันขันแข็ง และยายนี่แหละ เป็นต้นบุญ ของการแจกโรงบุญฯ ที่ชมร.ช.ม.และมีผู้สืบทอดมาถึงทุกวันนี้ ไปคุยกับยาย กันเลยนะคะ อ่านได้เขียนไม่ได้ แต่งงานครั้งแรกอายุ ๒๐ปี พ่อบ้าน แก่กว่ายาย ๒ ปี มีลูก ๑ คน เขาก็ไปเป็นทหาร แล้วไม่กลับมาอีกเลย ๒ ปี ต่อมา ยายได้แต่งงานใหม่ มีลูกด้วยกัน ๖ คน ก็อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ จากเกาะลอยสู่ ชมร.ช.ม. มาช่วยงานที่ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาเชียงใหม่ (ชมร. ช.ม.) อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ยายฟังธรรมแล้ว จึงเกิดความคิดทำบุญ ให้ตัวเองก่อนตาย โดยเหมาร้าน ชมร.ช.ม.เพื่อแจก อาหารฟรี แก่ผู้มารับประทาน ไม่ห่วงอะไรแล้ว ไม่กลัวตาย หากตายลงศพก็อุทิศให้ ร.พ. ชีวิตในแต่ละวันมีความสุขอยู่กับการทำบุญทำทาน ไปที่ไหนก็ได้ทำบุญ ทำให้ดีที่สุด ทำบุญส่งศพให้ตัวเองก่อนตาย ก็ทำแล้ว ศพก็มอบให้ ร.พ.แล้ว ไม่มีอะไรจะห่วงอีกแล้ว มีความสุขอยู่กับการทำบุญ นับเป็นตัวอย่างของผู้อายุยาวที่อีกหลายๆคนทำไม่ได้ แล้วทุกวันนี้ท่านได้ทำบุญ (เสียสละทรัพย์ แรงกาย กิเลส) ให้ตัวเองก่อนตายบ้าง หรือเปล่า? .- บุญนำพา
รายงาน - |
เยาวชนจากศูนย์พุทธธรรมหนองฮ่อ
เมื่อวันที่ ๒๑-๒๔ มี.ค.๔๖ จ.เชียงใหม่ ชมรม ผู้อายุยาวโดยการนำของประธานชมรมฯ คือ พ่อพรหมมา ได้ร่วมกัน จัดงาน มหกรรม รักษาศีล ที่ลานนาอโศก จ.เชียงใหม่ โดยกราบนิมนต์ และได้รับความเมตตาจากสมณะ ที่ภูผาฟ้าน้ำ มาเป็น ผู้ให้การอบรม เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ ๒๑ มี.ค. ภาคค่ำ มีการทำวัตรเย็น โดย สมณะเก้าก้าว สรณีโยให้โอวาทประมาณ ๓๐ นาที ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยม โยมแม่ ที่โรงพยาบาล ในจังหวัดชลบุรี วันเสาร์ที่ ๒๒ มี.ค. สมณะลานบุญ วชิโร นำทำวัตรเช้า สมณะแสดงธรรมตามลำดับ ช่วงบ่ายเวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. ทีมงานสาธารณสุขบุญนิยม นำโดย คุณกิ่งธรรม และคุณใบโพธิ์ ให้บริการ วัดความดันโลหิต ให้ญาติธรรม และบรรยายให้ความรู้ แก่ผู้เข้ารับการอบรม ช่วง ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. ฟังบรรยาย จาก นพ.พินิจ (สมญา"หมอปากหมา") จาก รพ.เชียงใหม่ราม ๒ ภาคค่ำ ฟังสัมภาษณ์ปฏิบัติกร ชุด "มาตามหน้าบุญ" ดำเนินรายการโดย สมณะลานบุญ วชิโร (ปฏิบัติกร คือ พ่อวงษา พ่อนิทัศน์ แม่ใบจริง และคุณหนึ่งในธรรม) วันที่ ๒๓ มี.ค. ทำวัตรเช้า สมณะแสดงธรรมทุกรูป โดยเน้นในเรื่องศีล อธิศีล ส่วนช่วงก่อนฉัน แสดงธรรมโดยสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ซึ่งเดินทางมาจาก จ.เชียงราย ช่วงเที่ยง แบ่งกลุ่มผู้เข้าอบรมเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อเข้าเรียนตามฐานงานที่สนใจ ดังนี้ ๑. ฐานจุลินทรีย์ มีคุณบินไกล เป็นวิทยากร ๒. ฐานญาติธรรมใหม่ มีสมณะ พอแล้ว สมาหิโต เป็นผู้ให้ปัญญา (เป็นญาติธรรมใหม่ และนักเรียน จากศูนย์พุทธธรรม หนองฮ่อ จำนวน ๑๕ คน) ๓. ฐานญาติธรรมเก่า มีสมณะ ลานบุญ วชิโร เป็นผู้ให้ปัญญา ส่วนช่วงบ่ายมีการแบ่งกลุ่มออกเป็น ๗ กลุ่มโดยการนับตัวเลข มีสมณะประจำแต่ละกลุ่ม เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง และ คึกคักเป็นพิเศษ ภาคค่ำ รายการสัมภาษณ์ปฏิบัติกร ชุด "รักษาศีลแฟนพันธุ์แท้" มีสมณะเห็นทุกข์และสมณะฟ้ารู้ สัมภาษณ์ คุณชัดคม พ่อทองใบ หนูติ๋ว และ นร.หญิงจากศูนย์พุทธธรรมหนองฮ่อ ๑ คน วันที่ ๒๔ มี.ค. หลังทำวัตรเช้า ฟังสมณะแสดงธรรมแล้ว เป็นรายการ "ธรรมสัญจร" ไปที่ ชมร.ช.ม. มีสมณะเก้าก้าว สรณีโย และ สมณะเมฆฟ้า ซึ่งเดินทางกลับจาก จ.ชลบุรี มาร่วมสมทบ บิณฑบาต และแสดงธรรมก่อนฉัน ที่ ชมร.ช.ม. ธรรมช่วงก่อนฉันในวันสุดท้ายของงาน สมณะเก้าก้าว และสมณะพอแล้ว แสดงธรรมชี้ชัด แยกกุศล-อกุศลอย่างชัดเจน สำหรับงานนี้ ลุล่วงไปด้วยดีโดยมีชาว ชมร.ช.ม.และญาติธรรมชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมบุญกับผู้อายุยาว ในโอกาสนี้ด้วย พร้อมกับ มีเสียงตอบรับโดยรวม ผ่านแบบสอบถาม ดีกว่าปีที่ผ่านมา และมีเสียงสนับสนุน อยากให้จัดงานนี้ทุกๆปี. |
ปฏิทินงานอโศก งานกสิกรรมไร้สารพิษเพื่อฟ้าดิน
ครั้งที่ ๑๐ งานโฮมไทวัง งานอโศกรำลึก |