ฉบับที่ 208 ปักษ์แรก1-15 มิถุนายน 2546

[01] บทนำข่าวอโศก: ฉันหรือคุณ ?
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "เป็นพุทธศาสนิกชนตรงไหน? (ตอน๑) "
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ: ทะลุธรรม!!!
[04] อโศกรำลึกปีนี้คึกคักและแปลกใหม่ สันติฯ เฉือนบ้านราชฯ ชิงแฟนพันธุ์แท้ครูรัก
[05] เกษตรกรตัวอย่าง (ตอนจบ)
[06] คนวัดแห่สมัครม.วช. เพื่อพัฒนาสู่ขบวนการกลุ่ม พ่อท่านชี้คุณสมบัติคุรุดุจแม่ไก่ดูแลลูกไก่
[07] สองบาทหลวงคริสต์ เยาวชน Y.C.S. ทึ่งในความสามารถของนักเรียนสส.สอ.
[08] ศูนย์สุขภาพ : ความหนาแน่นของมวลกระดูก
[09] ชุมชนดินหนองแดนเหนือ เริ่มเข้มแข็งเพราะพากันจน พยายามไม่ซื้อของข้างนอก
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] ภูผาฯพัฒนาคุณภาพชีวิต ฝึกสมณะอบรมผู้ช่วยครู ที่สถาบันฝึกอบรมผู้นำ จ.กาญจนฯ
[12] รายชื่อนักบวชชาวอโศกจำพรรษา ปี ๒๕๔๖
[13] นางงามรายปักษ์ นางหอม นิลละคอน
14] จำหน่ายอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ ด้วยอุดมการณ์บุญนิยม
[15] ปฏิทินงานอโศก

[16] วันนักขัตฤกษ์ของชาวอโศก ปี พ.ศ.๒๕๔๗



ฉันหรือคุณ ?

เราเคยไหม เมื่อเวลาประชุม เราพูดถึงแง่ลบของผู้อื่น
จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ชอบ หรือเกิดจิตไม่ดีต่อผู้ที่ถูกกล่าวถึง
จนเราและคนในที่ประชุมขาดจิตเมตตาต่อผู้ที่เรากล่าวถึง

แม้ว่า เรากำลังพูดถึงผู้อื่นว่า ขาดน้ำใจ ขาดเมตตา ไม่เห็นใจผู้อื่น ในขณะที่เราไม่ได้อ่านจิตตัวเองว่า ในขณะที่พูดเราก็เป็นเช่นเดียวกัน หรือกำลังทำให้ผู้อื่นขาดน้ำใจ ขาดเมตตา และไม่เห็นใจผู้อื่น โดยเฉพาะต่อบุคคลที่เรากล่าวถึงเช่นนั้นเหมือนกัน

ถ้าคนในสังคมเรามองไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ต่างเพ่งโทษหรือมองในแง่ลบกัน อยากให้ผู้อื่นแก้ไขมากกว่าตนเอง มีข้อมูลด้านเดียวก็รีบพูดประกาศโฆษณา

ก็ลองพิจารณาให้ดีๆว่า ที่สังคมที่เราอยู่มีความแตกแยก ขาดน้ำใจ ไม่อบอุ่นเพราะใคร?

ฉัน หรือ คุณ ?.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เป็นพุทธศาสนิกชนตรงไหน? (ตอน๑)

บทนี้เทียบเคียงคุณสมบัติของชาวพุทธ เข้าหาหลักธรรมอันเป็นสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ คือ
๑.สักกายทิฏฐิ ๒.วิจิกิจฉา
๓.สีลัพพตปรามาส ๔.กามราคะ
๕.ปฏิฆะ ๖.รูปราคะ
๗.อรูปราคะ ๘.มานะ
๙.อุทธัจจะ ๑๐.อวิชชา

๑. พ้นสักกายทิฏฐิ...พุทธศาสนิกชนต้องเรียนรู้แก้กรรม ๓ คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เพียรทำกรรม ให้เป็นกุศลกรรม ละบาปอกุศลกรรมอันเป็น ราคะ โทสะ โมหะ ไปตามลำดับชั้น สูงสุดจนสิ้นเกลี้ยงอัตตามานะ แต่สำหรับพ้นสักกายทิฏฐิในเบื้องต้นข้อนี้ ตัดขอบเขตเอาที่พ้นมิจฉาทิฏฐิเป็นปฐมภูมิ

๒. พ้นวิจิกิจฉา...เมื่อมีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว ให้เราลงมือปฏิบัติตามหลักธรรมจนเห็นแจ้ง สัจจะกระจ่างใจด้วยตนเอง เข้าถึงความเป็น พุทธะ ธรรมะ สังฆะ ด้วยญาณปัญญาอันคัมภีรภาพ ด้วยการเอาตัวเองปฏิบัติพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เกิดเชื่อมั่นศรัทธาในทางธรรม ไม่สงสัยใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นแสงสว่างแห่งปัญญาได้ค้นพบแล้วในตน

๓. พ้นสีลัพพตปรามาส... เราเป็นผู้เอาจริงในการรักษาศีลบำเพ็ญธรรม กิเลสตัณหาอวิชชาจางคลาย เกิดมรรคเห็นผล ในตนอยู่ เจริญในศีลธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปสู่ทิศทางอันประเสริฐศรี มีนิพพานเป็นอันหวังได้

ไม่ใช่เพียงยึดมั่นศีลอย่างโง่งมเป็น "สีลัพพตุปาทาน" ถือศีลตามความเชื่อประเพณีไม่เกิดปัญญา หรือสักแต่รักษาศีล อย่างเหยาะแหยะไม่เอาจริง ไม่เกิดมรรคผลหลุดพ้นกิเลสตัณหา ปฏิบัติธรรมอย่างดักดาน ไม่เลื่อนฐานเจริญภูมิถือศีลอย่าง สีลัพพตปรามาส

ศีลอันเป็นกุศล ย่อมชำระล้างกรรม ๓ ให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ และส่งผลสืบเนื่องให้จิตเป็น สมาธิ เกิดปัญญาญาณ ตามมาเสมือนปฏิกิริยาลูกโซ่

เหตุให้เราถือศีลไม่เกิดมรรคผล อาจเป็นเพราะสัดส่วนการถือศีล ไม่ลงตัว...เคร่งจัดเกินฐาน หรือหย่อนยาน เกินวัฒนา ให้ภูมิสูงขึ้น เราพึงศึกษาประมาณภูมิของตน สมาทานศีลขนาดไหนถึงจะได้มรรคผล สมเหมาะสมควรแก่ฐานะ และที่จะขาดไม่ได้เลยคือ ความวิริยะบากบั่น อันเป็นเสมือนหัวเชื้อ แห่งการบรรลุอมตธรรมทั้งปวง

๔. พ้นกามราคะ...ปกติวิสัยปุถุชนมักเสพสุขกามคุณ ๕ หลงว่าการได้เสพสมใจเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐศรี จึงเสาะแสวงหากามเหน็ดเหนื่อยตราบวันตาย

แท้จริงกามคุณ ๕ เป็นเพียงมายาโลก กิเลสสร้างขึ้นมาพรางปัญญาเรา ให้เห็นเป็นของดีควรดีควรเสพ เพราะความโง่ของเรา จึงหลงติดในรสอันโลกียะปรุงแต่ง ร้อยรัดจิตวิญญาณเป็นกามราคะ สังโยชน์

เราเข้าใจว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันรัดรึงเป็นธรรมชาติของชีวิต...มิผิดหรอก รวมไปถึงเป็นธรรมชาติของกิเลสด้วย แต่ทว่าศาสนาพุทธสอน ให้คนอยู่เหนือธรรมชาติ อยู่เหนือปวงกิเลส มีนิพพานเป็นที่สุด

เหตุนี้ เราจึงต้องตั้งสติล้างกาม ออกจากจิตให้สิ้น สร้างภูมิปัญญาไม่หลงไปกับสังขารโลกีย์ แม้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขใดๆ ก็อย่าได้หลงระเริงก่อเป็นอัตตา.

(อ่านต่อฉบับหน้า)
- พุทธบุตร ลูกหม้ออโศก -


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ -

ทะลุธรรม!!!

งานโฮมไทวังปีนี้ (๔-๕มิ.ย.) มีผู้สมัครเป็นนิสิต ม.วช.ใหม่กันคึกคักมาก คนวัดและผู้สูงอายุหลายคนขยับตัวสมัครกันเข้ามา กรูเกรียว ผู้เขียนขอตั้งชื่อให้ว่า รุ่น" กวาดต้อนคนวัด" นับเป็นความชาญฉลาดของพ่อท่าน ที่สรรหาหมวกหลายๆใบ ให้พวกเรา ได้ใส่เพื่อจะกระตุ้นเร้าให้เร่งรัดพัฒนาตนเอง เพราะไม่ว่าจะเป็นหมวกใบไหนๆ พ่อท่านก็สอนให้ละกิเลส ไปสู่โลกุตรธรรม เหมือนกันหมด

ในการสอบสัมภาษณ์ผู้สมัครเป็นนิสิตใหม่ มีประเด็นที่พ่อท่านให้นโยบายใหม่ถึงการเป็นคุรุ ต้องเป็นผู้อยู่ประจำที่ ทำให้มีผล ถึงนิสิต ก็ต้องเป็นผู้อยู่ประจำที่ด้วย ขณะที่มีนิสิตเก่า ๕-๖ คน ต้องการจะไปฝึกตัวเอง ที่ภูผาฟ้าน้ำต่ออีก หลังจากที่ได้ อยู่มาจะ ๖ เดือนแล้ว

ทางภูผาฯจึงได้หารือว่าจะหาทางออกให้นิสิตกลุ่มนี้อย่างไรดี จะตั้งเป็นวิชชาเขตดีหรือไม่ หรือนิสิตยังคงสังกัด ที่เดิม แต่ขออนุญาต ให้ไปอยู่ต่อที่ภูผาฯได้ ด้วยได้มีตัวอย่างแล้ว คือนิสิตของศีรษะอโศก ไปอยู่ช่วยงานที่ศาลีอโศก และที่ภูผาฯ แห่งละคน ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ แต่ครั้งนี้ไปกันหลายคน

พ่อท่านเห็นว่าที่ภูผาฯยังไม่เหมาะที่จะเป็นวิชชาเขต ด้วยองค์ประกอบยังไม่พอ และไม่ควรมีนิสิตอยู่นานเกินกว่า ๖ เดือน ไม่เช่นนั้น จะขาดการรับรู้กับส่วนกลาง และที่สำคัญที่นั่นเป็นอรัญวาสี ขืนให้อยู่นานเดี๋ยวจะติดจม

เมื่อผู้เขียนแย้งว่า ขนาดสมณะนวกะ เรายังให้อยู่ฝึกถึง ๕ ปี นี่เป็นนิสิตหนุ่มสาว อินทรีย์พละ ความอดทนต่อผัสสะ ก็น้อยกว่าสมณะ หากเขายินดีที่จะไปอยู่ในสภาพที่วัตถุน้อยอย่างนั้นเพื่อฝึกจิตใจก็น่าจะส่งเสริม ให้เขาอยู่ได้เกินกว่า ๖ เดือน ส่วนที่ว่าจะขาดการรับรู้กับส่วนกลางนั้น ท่านอาจารย์ ๑ ก็ส่งมาช่วยงานเป็นระยะๆ ไม่ได้อยู่ที่นั่นตลอด

พ่อท่านตอกย้ำหนักแน่นว่า สมณะนวกะ นั้นบวชกันตลอดชีวิต ไปอยู่ที่นั่น ๕ ปี ก็ไม่ถือว่ามากอะไร แต่นิสิตตามหลักสูตรแค่ ๖ ปีเอง จะไปอยู่ที่นั่น ๖ เดือนก็ถือว่ามากแล้วนะ ผู้ที่มีจริตเจโตต้องมาฝึกกับปัญญาจึงจะเจริญ

แม้ผู้เขียนยังไม่กระจ่างใจ แต่บรรยากาศ ในที่ประชุม หากขืนแย้งต่อไป มีหวังถูกรังสีถือสา แผ่ซ่านมาแน่ๆ จากประสบการณ์ ในอดีต บอกให้รู้ว่า ควรเงียบเสียก่อน แล้วค่อยหาเวลาคุยกับพ่อท่านใหม่ ในช่วงที่ปลอดคนอื่น ซึ่งต่อมา ก็ได้มีโอกาสเช่นนั้น พ่อท่านก็ดีใจหาย ให้เวลาผู้เขียนได้บอกเล่า สิ่งที่ยังคาใจ แต่ยามที่พ่อท่านอธิบายโต้แย้งเสียงดัง แบบดุๆคราใด เหตุผล และความคิดที่มี.. พลอยกระเจิดกระเจิงไปหมด แม้ยังไม่เข้าใจยังไม่เห็นด้วยกับพ่อท่าน ก็หยุดดีกว่า เราเป็นศิษย์ เถียงอาจารย์ มันไม่ดี วันนี้เรายังไม่เข้าใจก็ชั่งมัน วันหน้าเราคงเข้าใจขึ้นมาได้บ้างกระมัง

ถึงอย่างไรพ่อท่านก็เป็นผู้นำ เป็นผู้ใหญ่ที่ยังรับฟังผู้น้อย ทำให้ผู้น้อยเช่นเรากล้าคิดกล้าทำด้วยพ่อท่านให้โอกาส แม้พ่อท่าน จะเสียงดังดุๆ แต่ผู้เขียนก็ยังกล้าที่จะแสดงความเห็นอะไรๆได้ ซึ่งที่ผ่านมาหลายเรื่อง พ่อท่านก็รับแล้วอนุมัติ ให้นำไป ดำเนินการต่อได้ แม้หลายต่อหลายครั้ง ผู้เขียนจะถูกดุ แต่ก็ยังรู้สึกกล้า ที่จะแสดงความเห็น ต่างกับพ่อท่านได้อยู่ ต่างไปจาก ผู้ใหญ่บางท่าน ที่ออกอาการ "แยกเขี้ยวใส่" หรือ " กวาดทิ้ง" เกลี้ยงเรียบร้อย ไม่ เหลือที่ให้เราได้ยืนบ้างเลย ซึ่งอย่างนี้ ก็เสียวสยอง และเข็ดขยาด ถ้าจะต้องร่วม ก็อยู่เงียบๆเฉยๆดีกว่า

ส่วนเรื่องการตั้งเป็นวิชชาเขตนั้น ทางภูผาฯไม่ได้คิด ผู้เขียนเป็นผู้คิดให้เอง ด้วยเห็นว่า เพื่อตัดปัญหาลักลั่น เรื่องการให้คะแนน ที่ต่างจาก ต้นสังกัด อีกทั้งเห็นว่า ม.วช.ที่ผ่านมา เราไม่ได้เน้นเรื่องวิชาการ การเรียนการสอน ยังไม่มีมาตรฐาน ที่เป็นหลักสูตร จริงๆจังๆ ศีรษะฯ..ปฐมฯ..บ้านราชฯ..สันติฯ...ต่างล้วนต่างๆกันไป การตั้งภูผาฯ เป็นอีกวิชชาเขตหนึ่ง น่าจะเป็นไปได้ ก็ขนาดระดับ ประถมและมัธยม ก็ยังตั้งได้ ทั้งๆที่ดูแลเด็กเล็กอย่างนั้นยาก แถมต้องเกี่ยวกับทางกระทรวงศึกษาฯ ด้วย การเรียนการสอน ก็ต้องทำให้ได้ ตามหลักเกณฑ์ ของกระทรวงฯ ขณะที่ม.วช.ลอยตัว ปลอดจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ของราชการ อีกทั้งนิสิตกลุ่มนี้ ก็ได้ฝึกฝนเรียนรู้ ทำงานมาหลายปีแล้ว ย่อมดูแลจิตใจง่ายกว่าเด็กใหม่ๆแน่ แม้องค์ประกอบที่ภูผาฯ ต่างจากทุกที่ แต่น่าจะเป็น ม.วช.ทางเลือกได้ หากเราเห็นความสำคัญของการให้ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เลือกเรียนรู้ ในสิ่งที่ตนสนใจ แทนที่จะให้เบื้องบน เป็นผู้กำหนด

การกำหนดให้นิสิตต้องอยู่ประจำที่นั้นจะเป็นการฝืนความจริงไปหรือเปล่า ความเป็นจริงที่ผ่านมา ก็ขนาดนักบวชหรือคนวัด เมื่อมีภาวะ " จิตตก" หรือถูกกดดันจากภาวะแวดล้อมบางอย่างทั้งจากผู้ใหญ่หรือกับเพื่อนๆ ผู้ปฏิบัติธรรมเอง ก็ยังต้องอาศัย การเปลี่ยนย้าย พุทธสถาน จิตใจจึงดีขึ้น แม้นักเรียนสัมมาสิกขา ที่อยู่ในวัยรุ่นก็เช่นกัน อยู่ที่ปฐมอโศกอึดอัด ย้ายไปศีรษะอโศก แล้วก็ดีขึ้น หรืออยู่บ้านราชฯ มีปัญหา พอย้ายมาปฐมฯ ก็ลงตัวนิ่งได้ เหล่านี้เป็นความจริงที่เกิดอยู่ ผู้เขียนจึงเห็นว่า นิสิตหนุ่มสาว ก็ไม่น่าจะต่างจากผู้ใหญ่ และเด็กวัยรุ่น จึงควรให้เขาเปลี่ยนสังกัดได้ เพื่อช่วยให้เขานิ่งได้

นิสิตชายในกลุ่มนี้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่ออยู่ท้องถิ่นที่สังกัดก็ ทำแต่งาน เวลาเครียด หรือทุกข์ ผู้ใหญ่ไม่มีเวลา มาดูแลจิตใจ ถามไถ่และให้คำแนะนำ อย่างที่ท่านอาจารย์ ๑ ทำ ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะงานแต่ละแห่ง ก็ล้นมือผู้ใหญ่ อีกทั้งบางท่าน ก็ไม่ถนัดในการดูแลจิตใจอย่างนี้

ผู้เขียนนึกถึงศิษย์เก่าสัมมาสิกขาหลายคน ที่อยู่ในชุมชนได้ระยะหนึ่ง แล้วก็มีอัน..ต้องหลุด ออกไป ซึ่งอาจจะมี สิ่งกระทบ สุดท้าย ต่างๆกันไป แต่รากหลักๆ คือทำแต่งาน ผู้ใหญ่ไม่มีเวลา มาดูแลจิตใจ อาจจะเป็นเพราะเห็นว่า ก็โตๆ กันแล้ว เขาคงดูแลจิตใจตนเองได้น่า หรือท่าที ของเขาไม่อยากให้ใคร มาใส่ใจตนนักก็เป็นได้

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ มิได้อวดดีหรืออวดรู้เกินพ่อท่านเลยจริงๆ เพียงแต่รู้สึกเสียดาย และเป็นห่วงทรัพยากรบุคคล ของเรา ที่มีอยู่น้อย หากจะต้องกระเด็นออกไป ด้วยเหตุดังกล่าว หลายคนที่ไม่มีอาการ " จิตตก" เลย หรือมีก็สามารถ ประคองตนเองได้ ไม่ต้องอาศัยใคร มารับรู้รับฟัง และให้คำแนะนำอะไรก็ดีแล้ วขออนุโมทนาด้วยจริงๆ แต่ก็อยากจะขอให้เผื่อใจ สำหรับผู้ที่ ยังต้องอาศัย สิ่งนี้บ้าง

ก่อนงานบูชาพระบรมสารีริกธาตุและอโศกรำลึก ๘ มิ.ย. มีนักร้องมาร้องเพลงและมีการพูดคุย ถึงงานเพลง ของพ่อท่าน ขณะนั่งฟังเพลง ในบรรยากาศอย่างนี้ น้ำตา คลอเบ้าอีกแล้ว เห็นความเป็นผู้นำ ของพ่อท่าน ที่หลากหลาย พ่อท่านเป็น นักการศาสนา ที่ประสานกับ ฝ่ายวงการบันเทิงได้ดี คุณทอดด์ ทองดี บอกผมรักสันติอโศก ที่เหมือนครอบครัวใหญ่ ที่อบอุ่น ในขณะนั้น ผู้เขียน นึกไปถึงภาพการอบรมเกษตรกร...พ่อท่าน กับเด็กๆ...พ่อท่านกับการประชุมองค์กรต่างๆ... พ่อท่านกับ หมู่สมณะ

หลังรายการเอื้อไออุ่น ที่มีคุณปราจีน ทรงเผ่า คุณธนิต เชิญพิพัฒนสกุล คุณปฏิพล เหมวรานันท์ คุณวัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ถึงงานเพลงของพ่อท่าน ปิดท้ายรายการ พ่อท่านบอกเล่าถึงใจ ที่ไม่คิดว่า บวชแล้วจะต้องมา เกี่ยวกับเรื่องเพลง แต่เมื่อเห็นว่าศิลปะ ในโลกทุกวันนี้ มีแต่มอมเมา ออกนอกความเป็นศิลปะไปมาก ทั้งๆที่ศิลปะ เป็นเรื่องสำคัญ ของชีวิตมนุษย์ ถ้าไม่ใช้ศิลปะ ในการทำงานกับมนุษย์ มันจะแข็ง มันจะเป็นสารคดี จะทำให้ขยายมวลยาก จึงทำให้ พ่อท่านตัดสินใจแต่งเพลง มาถึงวันนี้นับสิบชุดแล้ว แม้จะไม่เป็นที่นิยมของตลาด ซึ่ง พ่อท่านยืนยันว่าได้ ใช้ศิลปะทุกชนิด ในการทำประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ และเป็นศิลปะ ในระดับโลกุตระ ถึงขั้น.. เกิดการประทับใจ จนเกิดการเปลี่ยนแปลง จิตวิญญาณ.. เปลี่ยนแปลงชีวิต

ถึงตรงนี้ผู้เขียนรู้สึกคลายใจข้อติดค้างเรื่องนิสิตม.วช.ไม่ควรอยู่ภูผาฯเกิน ๖ เดือนและควรอยู่ประจำที่นั้น ผู้เขียนได้ข้อคิดว่า.. งานเพลงของพ่อท่าน ที่พ่อท่านยืนยันว่า มีพ่อท่านเท่านั้นในโลกนี้ ที่แต่งในระดับโลกุตระ แม้คนยุคนี้ยังไม่เข้าใจ และไม่นิยม แต่พ่อท่าน ก็อุตส่าห์แบ่งเวลาทำ นับสิบชุดแล้ว เพื่อประโยชน์กับคน ในอนาคตฉันใด การกำหนดนิสิต ต้องอยู่ประจำที่ และ ไม่ควรอยู่ภูผาฯ เกิน ๖ เดือน อาจเป็นหลักการที่จำเป็น และเป็นประโยชน์อย่างสมบูรณ์ ลงตัวสำหรับ ม.วช.ในอนาคตด้วย แม้ผู้เขียน รวมไปถึงอีกหลายคนในยุคนี้ ยังไม่เข้าใจก็ตามที

จะบังอาจไปหรือเปล่า ถ้าจะกล่าวว่า ทะลุธรรมจากการฟังธรรม ในบรรยากาศของการฟังเพลง!!!.

- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อโศกรำลึกปีนี้คึกคักและแปลกใหม่
สันติฯเฉือนบ้านราชฯชิงแฟนพันธุ์แท้ครูรัก
เด็กปฐมฯ ทำมิวสิควิดีโอแบบอโศกฉายครั้งแรก

ญาติธรรมมาคับคั่ง
ร่วมบูชาพระวิหารพันปีฯ
ทอดด์ ทองดี เปิดตัววันสุกดิบ พร้อมดารานักร้องรุ่นเดอะ

 

งานอโศกรำลึกบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ณ พุทธสถานสันติอโศก ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ มิถุนายน ๔๖ ญาติธรรมส่วนใหญ่ เดินทางมาถึงตั้งแต่เย็นวันที่ ๗ มิ.ย. เริ่มวันสุกดิบของงานตั้งแต่วันที่ ๘ มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ จึงมีทั้งคนภายนอก และภายใน ร่วมงานคับคั่ง

ช่วงเช้า บนโบสถ์ ตัวแทนองค์กร บุญนิยมชาวอโศก ร่วมประชุมระดมสมอง เพื่อการพัฒนาศักยภาพองค์กร ของชาวอโศก มีพ่อท่าน เป็นประธาน และในเวลา ๐๙.๐๐ น. พ่อท่านได้ลงมาแสดงธรรมบริเวณลานน้ำตก สรุปบางส่วนได้ว่า พุทธมีพรหมลิขิต ตามวิบากที่เราทำไว้ กระแสโลกีย์กับกระแสกิเลส จะพาเราตกต่ำ

พุทธรู้วิธีเปลี่ยนจิตวิญญาณที่เป็นรากเหง้าลงไปถึงที่เกิด ที่จะพาเราไปสู่โลกีย์หรือโลกุตระก็ได้ ติงพวกที่ไม่ขยัน และเตือน ให้ขวนขวาย อะไรที่เจริญ ให้กระทำให้มากกว่านี้ ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ และตั้งใจให้ตนเจริญ สังคมก็จะเจริญไปด้วยทันที

อิ่มอาหารใจแล้วก็ร่วมอิ่มอาหารกาย วันนี้บริเวณลานน้ำตกมีหลายเจ้าได้เริ่มเปิดโรงบุญแล้ว และขอชื่นชม ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่ใช้เส้นข้าวกล้อง บริการในวันนี้ด้วย

อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ชมการแสดงดนตรีของนักดนตรีวัยรุ่นจากวงหัวใจสีชมพู จ.ชลบุรี สลับกับนักร้องวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ อาทิเช่น น้องซิน น้องทราย คุณเปียทิพย์ คุ้มวงศ์, คุณธวัชชัย สุทธิมา, คุณทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล, คุณประเสริฐศรี จันทร์อาภรณ์, กำพล(แซ็ค) ปานพุ่ม จากวง I SAX, ร่วมร้องเพลง ผลงานของครูรัก รักพงษ์ แล้วชมคอนเสิร์ต เปิดอัลบั้มใหม่ ทอดด์ ทองดี สร้างความสนุกสนาน และโลกวิทูให้กับพวกเราได้ชมกัน

เสร็จแล้ว คุณธนิต เชิญพิพัฒสกุล, คุณปราจีน ทรงเผ่า, คุณวัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์, คุณปฎิพล เหมวรานันท์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ร่วมบรรยากาศเอื้อไออุ่นกับพ่อท่าน จนถึง ๖ โมงเย็น แล้วร่วมชมวีซีดีชุด "บุญนิยมทางเลือกที่ ๓" ผลงานจาก PAC VDO

๙ มิ.ย. ช่วงทำวัตรเช้า ส.ม.กล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล และสมณะบินบน ถิรจิตโต แสดงธรรมถึงสภาวะล้วนๆ ของการ ปฏิบัติธรรม จะต้องไม่ลืมว่า อโศกคือผู้ไม่โศก เสร็จแล้วร่วมทำบุญใส่บาตร พร้อมกับโรงบุญจำนวน ๗๐โรงบุญ เปิดบริการ ตั้งแต่หน้าบ้าน คุณป้าสำอางค์ กิตติเวชไปจนถึงตึกตะวันงาย ๑ และบริเวณตึกแดงซึ่งมี วงดนตรีของ น.ร.สัมมาสิกขา ร่วมสร้างบรรยากาศ

ก่อนฉันพ่อท่านแสดงธรรม "นักการเมืองคือนักการศาสนา" ได้ อธิบายขยายความในหลายๆเรื่อง และฝากว่า ชาวพุทธ ที่ไม่ได้โลกุตรธรรม ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ถือว่าเป็นโมฆะบุรุษทั้งสิ้น

๑๑.๐๐ น. พบกับรายการเกมแฟนพันธุ์แท้ งานเพลงของครูรัก รักพงษ์ มีผู้สนใจสมัครเข้าแข่งขัน ๑๒ ทีม โดยแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ นิ้วโป้ง, นิ้วชี้ และนิ้วก้อย กลุ่มละ ๔ ทีม ในรอบแรกทั้ง ๓ กลุ่ม แข่งขันเหลือชนะเลิศกลุ่มละ ๑ ทีม แล้วรอบสอง ทั้ง ๓ ทีมที่ชนะเลิศมาแข่งกันเพื่อชิงชนะเลิศ ผลปรากฏว่า ทีมกล้วยไม้จากสันติอโศกชนะเลิศที่ ๑ ตามด้วยทีมจาก บ้านราชฯ เมืองเรือ ชนะที่สอง และทีมรัก จากปฐมอโศกชนะที่สาม โดย ที่ ๑ และที่ ๒ เฉือนกันแค่เศษ ๓ ส่วน ๔ คะแนนเท่านั้น เสร็จแล้ว รับของรางวัล จากพ่อท่าน โดยเฉพาะรางวัลที่ ๑ จะได้รับภาพเขียนด้านข้าง ของพ่อท่าน ในกรอบทอง พร้อมลายมือพ่อท่าน เขียนไว้ว่า " อย่าให้อโศกพันธุ์แท้ เกิดขึ้นได้เพียงแค่เป็นเกมเล่นๆเท่านั้น ต้องพยายามปฏิบัติตนให้เป็น " พันธุ์แท้ของอโศก" ด้วยชีวิตและวิญญาณจริงๆให้ได้ อาตมาเป็นกำลังใจให้เสมอ ตั้งใจพากเพียรเข้าเถิด" สมณะโพธิรักษ์ ๙ มิ.ย. ๔๖

นอกจากนี้จะได้รับปากกาและภาพถ่ายของพ่อท่านอีก ๑ ภาพ ผ้าฝ้ายจากร้านก๋ำปอ-ผ้าพันคอ จากร้านใบหญ้า และ หนังสือ จาริกเพื่อชีวิต สำหรับทีม ชนะเลิศที่ ๒ ลงมาได้รับภาพถ่ายพ่อท่าน, หนังสือจาริกเพื่อชีวิตและผ้าฝ้าย

หลังจากนั้นฟัง พ.ต.จำลอง ศรีเมือง บรรยายเรื่อง "สถาบันอาหารและเกษตรอินทรีย์" ได้กล่าวถึงทิศทาง การทำเกษตรอินทรีย์ ไร้สารพิษ ที่จะช่วยทั้งภาคเกษตรกร ที่ ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเหลือ และ

๑๘.๐๐ น. พ่อท่านนำสมณะ -สิกขมาตุ -ญาติธรรม บูชา พระบรมสารีริกธาตุ บนพระวิหารพันปี เจดีย์บรมสารีริกธาตุ ยัญพิธีที่มีผลถึงจิตวิญญาณ ซึ่งจะสืบทอดเป็นวัฒนธรรม ของอโศกสืบไป เสร็จแล้วชม วิดีโอชุดพิเศษ " ผลงานเพลงครูรัก รักพงษ์" ซึ่งเป็นคาราโอเกะ พร้อมมิวสิค ที่แสดงโดย ศิษย์เก่า ปฐมอโศก ถ่ายทำและตัดต่อ จากทีมงาน PAC VDO และ VCD งาน เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ ๑๐ ที่เพิ่งผ่านมา

๑๐ มิ.ย. พ่อท่านนำทำวัตรเช้า โดยแจ้งปฏิทินชาวอโศกในปี ๒๕๔๗ และแจ้งข่าวความคืบหน้า ของโครงการร่วมปฐพีฯ ว่าขณะนี้ เงินร่วมปฐพีฯ ใกล้ความจริง แต่ยังไม่ครบ ๔๒ ล้าน ท่านใดยังไม่ได้ร่วม ก็สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายการเงิน สันติอโศก และ กล่าวว่า... พวกเราคือพุทธญาติธรรม พวกเราแซ่พุทธ ตระกูลเดียวกัน มีนิคเนมว่าอโศก พวกเราเกิดทาง จิตวิญญาณ (โอปปาติกะโยนิ) ซึ่งได้เทศน์ต่อเนื่อง จากช่วงก่อนฉัน เมื่อวานนี้ (๙ มิ.ย.) และย้ำเตือนว่า อย่าทำขณะให้เสียไป อย่าหยุดอยู่ในกุศลธรรม อย่าเป็นแค่เทวดาองค์ใด องค์หนึ่ง เทปทั้ง ๒ วันนี้ต้องบอกว่า ถ้าพลาดแล้ว อาจได้รับตำแหน่ง โมฆะบุรุษก็ได้

เสร็จแล้ว ประชุมพรรคเพื่อฟ้าดิน, องค์กรบุญนิยม และเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ โดยมีพ่อท่านเป็นประธาน และให้โอวาท ปิดประชุมว่า ... เราหมั่นประชุมกันตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ พวกเราได้ดีเพราะการประชุม.... ถ้าเราอายุยืนยาว สุขภาพดี และ สร้างสรรให้แก่โลกด้วย จะเป็นคนพันธุ์วิเศษ เกิดด้วยกรรม ทุกคนต้องสำคัญกรรมให้ดี เพราะกรรมนี่แหละ คือตัวพระเจ้า ที่เปลี่ยนแปลง จิตวิญญาณ และพิสูจน์ได... ขอขอบคุณทุกคน แม้จะมานั่งเป็นมวลเฉยๆ ไม่ได้คิดด้วยก็ตาม และ การรับงาน ต้องรู้จักประมาณให้ดี ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง...

เสร็จแล้วรับประทานอาหารจากโรงบุญฯ ร่วมกัน แล้วร่วมยุทธการ (เก็บงาน) ๗๐ (นาที)

สำหรับผู้มาร่วมงาน จะได้รับแจกหนังสือ ประวัติ สมณะและสิกขมาตุ คนละ ๑ เล่ม และเทป ๒ ตลับ

สำหรับผู้สนใจจะตอบปัญหาในรายการ อโศกพันธุ์แท้ "หนังสือพ่อท่าน" ซึ่งจะตอบรอบแรก ในงานมหาปวารณา ที่จะถึงนี้ โดยสามารถเลือก หนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งไปตอบ ในรอบแรก คือ ศาสตร์และศิลป์ของบิณฑบาต, อีคิวโลกุตระ, ถอดรหัสนิพพาน อัตตา อนัตตา นิรัตตา, พุทธเทวนิยม หรือพุทธอเทวนิยม, คั้นออกมาจากศีล, ลำธารชีวิต, การฆ่าพุทธศาสนาด้วยเจตนาที่แสนดี, ชีวิตนี้มีปัญหา และความรัก ๑๐ มิติ หากท่านใด ผ่านในรอบนี้ ก็จะได้เข้าแข่งขัน ในรอบสอง โดยมีหนังสือบังคับ ๒ เล่ม คือ สมาธิพุทธ, คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก และรอบชนะเลิศ หนังสือทางเอก ภาค ๑-๒-๓ ท่านใดสนใจ จะตอบปัญหาอโศกพันธุ์แท้ " หนังสือพ่อท่าน" ติดต่อขอใบสมัครได้ที่ อุบาสิการินธรรม อโศกตระกูล สันติอโศก โดยสามารถสมัครเป็นทีม (ไม่เกิน ๓ คน) หรือเป็นรายบุคคลก็ได้

สำหรับผู้มาร่วมงานครั้งนี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

นางบุญพบ อโศกตระกูล ภูผาฟ้าน้ำ " พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พ่อท่านให้ ลูกๆสละกิเลสไปจนกว่า จะนิพพาน มันน่ากลัวมาก เพราะกลัว จะทำไม่ได้ เมื่อก่อน พ่อท่านขัดเกลาลูกๆมาก มาเห็นวันนี้ พ่อสร้างอะไรไว้ มากมาย ไว้ให้ลูกๆ หลานๆ ในอนาคต มาร่วมงานแล้ว มีพลังเพิ่มขึ้น จะกลับไปต่อสู้ เอาจริง ไม่เล่นๆแล้ว"

น.ส.จันทร์แรม อัมรินทร์ สันติอโศก " ดูแลอาหารทางศาลา พอสมณะ-สิกขมาตุ ตักเสร็จ ก็นำมาวางที่โรงบุญฯ ปรากฏว่า คนมาใช้บริการ เยอะมาก จนบางร้านผัดอาหาร แล้วมาวางที่โต๊ะนี้ เพราะเห็นง่าย ตักง่าย และหมดเร็ว

VCD เพลงของครูรัก รักพงษ์ ที่ทีม ปฐมฯทำขึ้น คนข้างนอกดูแล้วอาจจะไม่เข้าท่า แต่พวกเรากลับเห็นว่า ทำได้ดีทีเดียว
แต่ละแห่ง นำอาหารมาร่วมงาน ทำให้มีอาหารหลากหลาย เหมือนครอบครัวใหญ่ ที่พี่ๆน้องๆได้กลับมารวมกัน รู้สึกอบอุ่น"

นายเย็นยอด เบญจกัลยาณี ปฐมอโศก " เหมือนเป็นการรวมญาติพี่น้อง อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ เป็นการพัฒนา จิตวิญญาณ ไม่ปล่อยกิเลส สำรวมกิเลสได้ดี แม้อาหารจะมากมาย แต่ก็อยู่ในมื้อ"

น.ส.กรกช คนึงสัตย์ธรรม ศิษย์เก่าพุทธธรรม กลุ่มปราการอโศก " แจกหมูสะเต๊ะเจกับขนมปัง คนเยอะมาก แจกไม่ทันเลยค่ะ แจกทั้งวันที่ ๙ และ ๑๐ ได้เจอศิษย์เก่าหลายคน และญาติธรรมทุกภาค ยืนตั้งแต่เช้าจนหมด นั่นแหละค่ะ ได้ร่วมพิธีบูชา พระบรมสารีริกธาตุด้วย รู้สึกดีมากเลยค่ะ ปีหน้ามาแจกอีกแน่นอนค่ะ"

ด.ช.รุ่งธรรม พรประสิทธิ์ สส.สอ. " ช่วยกันเตรียมงานพอสมควร เหนื่อยมากครับ อาหารชอบทุกอย่าง แต่ที่ชอบที่สุด คือก๋วยเตี๋ยว เกมพันธุ์แท้สนุกครับ อยากเสนอให้จัดเกมทศกัณฐ์ สมณะ ๑๐๓ รูปของชาวอโศกบ้าง บรรยากาศ อบอุ่น ได้เจอเพื่อนๆ หลายๆพุทธสถาน ไอศกรีมผมไม่ชอบ มันหวานไป ผมไม่ชอบหวานครับ" .


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เกษตรกรตัวอย่าง
(ตอนจบ)

ขยายผลสู่ชุมชน
จากตำแหน่งของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ก็เรียกแม่บ้าน ชาวบ้าน เยาวชนในหมู่บ้าน มาเข้ากลุ่มทำโครงการอุดรูรั่ว และ ใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์ พูดถึงการลดละอบายมุข ก็มีคนต่อต้านเหมือนกัน แต่ไม่มาก ดิฉันก็สู้ ไม่ท้อหรอกค่ะ โดยสอนทำสิ่งที่ ดิฉันได้เรียนรู้ มาจากการอบรมฯ ตอนแรก เขาก็ไม่แน่ใจ ดิฉันก็ทำแจกก่อน ให้ทดลองใช้ดู เมื่อเขาใช้แล้วเห็นผล ก็เริ่มเข้ามารวมกลุ่ม โดยเริ่มจาก ๑ คือดิฉัน แล้วเป็น ๙ คน เริ่มต้นจากลงทุนคนละ ๑๐๐ บาท รวมเงิน ๙๐๐ บาท ตอนนี้หักค่าใช้จ่าย เหลือ ๔ หมื่น ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มเป็น ๔๑ คนแล้ว เงินส่วนนี้ ก็เอาไปช่วยเกษตรกรที่ ยากจน การทำงาน ก็ได้รับการสนับสนุน จาก ผอ. ธ.ก.ส.ชื่อท่านประโยชน์ หมู่หมื่นศรี และอาจารย์ ที่วังน้ำเขียว ก็มาช่วยสอน และให้คำแนะนำ เพิ่มเติม ถึงที่บ้านเลย

นอกจากนี้ก็ไปเป็นวิทยากรให้กับเด็กนักเรียน ๒ โรงเรียน สอนทำทุกอย่างที่เราทำ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหนึ่ง ในจังหวัด ก็ตามมาดูงานที่บ้าน และขอคำแนะนำ ในการใช้น้ำหมัก เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น และขอ น้ำหมักที่ดิฉันทำ ไปทดลองใช้ ปรากฏว่าได้ผล และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ก็นำสบู่ ที่ดิฉันทำไปใช้ และได้ผลดี

ใหม่ๆก็ลองทำผิดๆถูก ก็โทร. ถามอาจารย์ที่วังน้ำเขียวตลอด ต่อมาเพื่อนที่ไปอบรมด้วยกัน ก็มาถามว่า เราทำยังไง ก็บอกเขาว่า ใหม่ๆก็ทำ ผิดๆถูกๆ แต่โทร.ถามอาจารย์ตลอด ก็ให้กำลังใจเขาไป

ขั้นตอนสู่การปลดหนี้
ฝากถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ พวกเราโชคดีที่รัฐบาลชุดนี้ ให้ความสนใจกับเกษตรกร สำหรับผู้ที่ยังเป็นหนี้ ธ.ก.ส. หรือ หนี้นอกระบบ ก็อยากบอกว่า อย่าเพิ่งท้อ อย่าหมดความหวัง พยายามสำรวจตัวเองให้ดีๆ ดูว่าเรามีรูรั่ว ตรงไหนบ้าง ตรงไหน ที่พอจะอุดได้ แล้วอุดรูรั่วก่อน แล้วก็เริ่มที่ตัวเราเลย โดยรู้จักคำว่า ประหยัด ขยัน อดทน อดออม แล้วก็สู้

อยากเห็นคนที่เป็นหนี้ แล้วสามารถปลดหนี้ได้เหมือนดิฉัน ขอให้พยายามทำตรงนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง ว่าเราเปลี่ยนแปลง ตัวเองแล้ว มีประโยชน์มากมาย ถ้าพี่น้องท้อ ให้นึกถึงคนที่พิการ เขายังสู้ชีวิตได้ เราหันมาจับมือกัน ลุกขึ้นสู้ เพื่อกู้เศรษฐกิจ หากมีปัญหา เขียนจ.ม.มาปรึกษาได้ หรือ โทร.มาถามได้ ก็ขอเป็นกำลังใจ ให้พี่น้องเกษตรกรทุกคน เรามาร่วมกัน เป็นคนสร้างชาติ เพื่ออนาคตของชุมชน สังคม ประเทศชาติ จะได้เจริญ

สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสอบถามได้ตามศูนย์อบรมฯทั่วประเทศของ คกร. หรือติดต่อแบบประหยัด โดยเขียน จ.ม.มาที่ ๗๓๘ หมู่ ๖ ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ๒๕๑๑๐ ถ้าด่วนจริงๆ ก็โทร.๐๙-๒๕๓๑๔๓๖

ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ ขอเพียงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ตัวเอง และเมื่อรู้ว่าดีแล้ว ทำทันที ขอเป็นกำลังใจ ให้กับทุกท่านค่ะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

คนวัดแห่สมัครม.วช.
เพื่อพัฒนาสู่ขบวนการกลุ่ม
พ่อท่านชี้คุณสมบัติคุรุดุจแม่ไก่ดูแลลูกไก่


งานโฮมไทวัง ระหว่างวันที่ ๔-๕ มิ.ย. ๒๕๔๖ ที่ราชธานีอโศก มีรายละเอียดของงานดังต่อไปนี้

๔ มิ.ย. เวลาประมาณ ๐๔.๓๐ น. ๑๐.๓๐ น. บริเวณชั้น ๓ เฮือนศูนย์สูญ ว่าที่คุรุจากวิชชาเขตราชธานี -ศาลีฯ -สีมาฯ แห่งละ ๑ ท่าน และ ว่าที่นิสิต ๑๐๕ คน จาก ๖ วิชชาเขต คือ ราชธานีฯ, ศีรษะฯ, ปฐมฯ, สันติฯ, ศาลีฯ, และสีมาฯ เข้าสอบสัมภาษณ์ เป็นคุรุ - นิสิตสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต ปีการศึกษา ๒๕๔๖ ปรากฏว่า ผ่านการสอบสัมภาษณ์ จำนวน ๙๘ คน เป็นนิสิต จากวิชชาเขต ราชธานีอโศก มากที่สุดถึง ๓๐ คน มีพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นประธานการสอบสัมภาษณ์ พร้อมด้วยสมณะ-สิกขมาตุ และคุรุ รวมทั้งหมด ๔๕ ท่าน

ปัจจุบันสัมมาสิกขาลัยวังชีวิตมีคุรุทั้งหมดจำนวน ๒๖ คน และมีนิสิตจำนวน ๒๐๙ คน

ภาคบ่าย ฟัง "โครงการเพิ่มศักยภาพองค์กรชาวอโศก" โดยคุรุสุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง

ภาคค่ำฟัง "การสร้างเสริมสุขภาพที่ดี เพื่อชีวิตเป็นสุข" จากอาจารย์มานพ ประภาษานนท์ นักกายภาพบำบัด

๕ มิ.ย. นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันเกิด ของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ที่มีอายุครบ ๖๙ ย่าง ๗๐ ปีแล้ว ยังเป็นวันฉลอง วันเกิด หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก ปีที่ ๗ และเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกด้วย

ทำวัตรเช้าวันนี้ พ่อท่านได้แสดงธรรม บางส่วนว่า.... จิตวิญญาณสามารถฝึกให้ล้างกิเลสและเรียนรู้โลกวิทูให้เก่งก็ได้.... สำหรับนิสิต จะต้องถือศีล ๘ และอยู่ประจำวิชชาเขต อาจจะไปอื่นบ้างเป็นครั้งคราว ไม่เกิน ๖ เดือน.... การศึกษา จะพาตน ให้บริสุทธิ์ แล้วสามารถพาคนอื่นไปด้วย... เราจะทำงานไปด้วย ล้างกิเลสไปด้วย นี่เป็นทฤษฎีวิเศษสุด ของพุทธศาสนา.....

หลังจากนั้นนิสิตทั้งเก่าและใหม่ร่วมกันออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

๐๘.๐๐ น. คุรุใหม่พร้อมนิสิตใหม่ซ้อมรับเข็ม

๐๙.๐๐ น. พิธีรับเข็มและบัตรประจำตัวนิสิตจากพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ หลังจากนั้นพ่อท่านได้ให้โอวาท พร้อมกับบอก ข้อบกพร่อง ของคุรุ-นิสิต แต่ละวิชชาเขต แล้วนิสิตใหม่ ถ่ายรูปร่วมกับพ่อท่าน รับประทานอาหาร พร้อมกับชม สาระบันเทิง ของนิสิต จากวิชชาเขตต่างๆ เสร็จแล้วแยกย้ายกัน กลับไปสร้างขบวนการกลุ่ม ให้แข็งแรง เข้มข้น ทนทาน ยืนนาน แน่นลึก นึกนบ

สัมมาสิกขาลัยวังชีวิต เดิมชื่อ มหาลัยวังชีวิต ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มี.ค. ๒๕๓๙ มีสัญลักษณ์เข็มเครื่องหมาย เส้นสองเส้นตัดกัน เป็นรูปกากบาท เส้นขวางสั้น หมายถึง แนวระนาบ ความกว้าง เส้นตั้งยาวหมายถึง แนวดิ่ง แนวลึก แสดงให้เห็นว่า แนวดิ่งสำคัญกว่าแนวระนาบ เนื่องจากสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต ให้ความสำคัญ ต่อการพัฒนา คุณลักษณะ อันละเอียดลึกซึ้ง ในจิตใจมนุษย์ มากกว่าปริมาณ ดังเช่นมีคำกล่าวไว้ว่า เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น เน้นจริงให้ยิ่งกว่าแค่น เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง

เส้นโค้งเชื่อมเส้นขวางกับเส้นตั้ง หมายถึง ความประสาน ความเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์ ที่มีอาการ อนุโลม ปฏิโลม ยืดหยุ่น อย่างมีปัญญา มีระเบียบ มีระบบ มีความสวยงาม เป็นความโค้งที่มีทิศทาง มีหลักเกณฑ์ มีรูปร่าง เป็นการโค้งเข้าหาแก่นเสมอ และ วงกลมตรงกลาง หมายถึงศูนย์ อันเป็นที่รวมของ ความเต็มสมบูรณ์ รวมพลัง รวมความสามัคคี รวมกลุ่มคนหมดกิเลส รวมกุศล รวมความหมดกิเลส

สีประจำสถาบันคือ สีน้ำตาลและสีขาว สีน้ำตาลหมายถึงแผ่นดิน สีขาวหมายถึงศาสนา สัมมาสิกขาลัยวังชีวิต มีเป้าหมาย ในการพัฒนาคน ให้มีคุณสมบัติดังนี้

๑. มีปรกติรักษาศีล ๘ โดยไม่ยากไม่ลำบาก
๒. มีสมรรถนะในการทำงาน ประกอบ อาชีพที่ปลอดพ้นจากมิจฉาอาชีวะ ๕
๓. มีความรอบรู้เพียงพอแก่การพัฒนา ตนเอง ชุมชน และสังคมอยู่เสมอ

คุณสมบัติของคุรุสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต
๑. จะต้องเป็นผู้เอาภาระ ไปไหนไปด้วย กินอยู่หลับนอน สอดส่องดูแลกิจกรรม กลุ่มใหญ่ของนิสิตเสมอ ดุจแม่ไก่กับลูกไก่
๒. มีวิญญาณความเป็นครู
๓. มีบุคลิกที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์กับ ผู้อื่นได้ดี
๔. ต้องอยู่ประจำชุมชนนั้นๆ
๕. รู้จักการทำปฏิบัติวิทยาและการ ทำวิจัย - คุรุวิชญ์ -คุรุชาญ -คุรุชานบดี (คณะบดี) -คุรุวิชชาธิบดี(อธิการบดี)
๖. มีแนวโน้มสู่การเป็นนักบริหารทางธรรม (อนาคาริก)
๗. มีพฤติกรรมถือสมาทานชีวิตพรหมจรรย ์(ศีล ๘)

สำหรับนิสิตใหม่และสมณะคุรุได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้

นิสิตคุณยายห่อ ไชยรัตน์ อายุ ๗๙ ปี " ลูกหลานชวน ยายก็เห็นดีว่าไปรวมหมู่กลุ่ม และลูกก็เชียร์ให้ลุยเลย การเขียนรายงาน ยายมีเลขาฯ ดีใจที่สอบผ่านเป็นนิสิต ตอน สัมภาษณ์ยายไม่ตื่นเต้น ยายคิดว่าแก่แล้ว ต้องรีบสมัครเป็นนิสิต เพราะจะเข้าโลงแล้ว อย่าไปท้อถอย ต้องสู้ อย่าไปกลัวอะไร"

นิสิตเหนือไฟฝัน ไททัตกุล อายุ ๑๙ ปี " เพิ่งจบ ม.๖ จากปฐมฯปีนี้ค่ะ มาสมัครเป็นนิสิต เพราะอยากมาปรับฐานศีลของ ตัวเองให้สูงขึ้น แม้ว่าจะเรียนมา ๖ ปีแล้ว ความคิดแรก ที่อยากเรียนวังชีวิต เพราะหนูคิดว่า พ่อท่านอาจจะอยู่กับเรา ไม่นาน แล้วก็ได้ ก็เลยอยากมาช่วยวัด และอีกอย่างหนึ่ง ตัวเองรู้สึกยังไม่เข้มแข็งพอ ที่จะออกไปข้างนอก อยากจะไปอยู่ ฐานการศึกษา ไปช่วยสอนน้องๆบ้าง เป็นที่ปรึกษาของ น้องๆบ้าง ก็คงเรียนไปเรื่อยๆ จบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่หนูอยากอยู่วัด คุณพ่อคุณแม่ ก็สนับสนุน และเรียนรามฯ ไปด้วยค่ะ"

นิสิตตายแน่ เชียวเขตวิทย์ "เหมือน กับกำลังเรียนต่อปริญญาโท หรือปริญญาเอก เพราะเรียนจบ ป.ตรีที่รามฯ คณะรัฐศาสตร์ การศึกษาของ วังชีวิต จะให้ประโยชน์ในเรื่อง ของประโยชน์ตน ก็คือได้มาเรียนรู้ ข้อบกพร่อง ของตัวเอง และก็แก้ไข และถ้าเรา ลดกิเลส ได้มากเท่าไร เราก็สามารถจะเสียสละ กับงานส่วนรวม งานสังคมได้มากขึ้น

ผมว่าวังชีวิตเป็นการศึกษาทางเลือกที่น่าสนใจ และการศึกษากระแสหลัก ก็เริ่มหันมาสนใจทางนี้ เพื่อนำไปใช้ แก้ปัญหา ชีวิตจริง หรือ สังคมจริงๆที่เราเป็นอยู่"

(นิสิตท่องไท สันโดษ เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน อายุ ๓๙ ปี
ซึ่งได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ภายในชุมชนฯ อากจะพัฒนาตนยิ่งๆขึ้น
จึงสมัครเข้าเป็นนิสิตใหม่ เข้ารับเข็มเครื่องหมายนิสิต ม.วช. จากพ่อท่าน ๕ มิ.ย.๔๖)

นิสิตท่องไท สันโดษ เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน อายุ ๓๙ ปี " ผมสนใจมานานแล้ว ว่านิสิตม.วช.เรียนกันยังไง ที่มาสมัคร เพราะผมอยาก จะพัฒนาตัวเอง อยากจะเปลี่ยนภพ เป็นคนเบิกบานแจ่มใส ไม่ยึด ลดอัตตามานะ อยากจะช่วยเหลือคน อยากช่วยพัฒนาชุมชน อยากจะอยู่กับคน มากกว่าอยู่คนเดียว ผมก็ไม่รู้ว่า จะจบเมื่อไหร่ แต่คิดว่า ตายแล้วก็จบ จริงๆแล้ว รู้สึกงานอโศก เยอะเกินไป แม้แต่ผมก็รับผิดชอบ จนรู้สึกว่าเกินกำลัง ตอนนี้พยายามๆ เพราะเห็นว่างานนี้ มีประโยชน์ ทั้งตนและท่าน หากวันข้างหน้า เรียนไม่ไหวก็ลาออก หรือหยุดไว้ก็ได้"

นิสิตเพลิงชัย ชาติกสิกร อายุ ๔๕ ปี " เฉพาะคำว่าขบวนการกลุ่มก็มากพอแล้วสำหรับการเป็นนิสิต ขบวนการนี้ นอกจาก จะคุ้มครองแล้ว ยังป้องกันเราได้ด้วย การจบไม่ใช่เป้าหมายแล้ว เผลอๆจบแล้วจะไม่ยอมเลิกเรียนด้วยซ้ำไป เพราะเป้าหมาย ตรงนี้ คือการขับเคลื่อนงานของศาสนาแล้ว ตั้งแต่เริ่มเรียนวันแรก ผมรู้สึกว่าผมได้แล้ว ภาระตรงนี้ รู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก

ผมอยากให้ผู้ที่ยังไม่มั่นใจ ลองมาพิสูจน์ก่อน เพราะหากว่าเรียนไม่ได้ก็สามารถหยุดพักการเรียนได้ หากไม่มาพิสูจน์แล้ว บอกว่าองุ่นเปรี้ยว ตรงนี้ไม่ใช่ครับ ต้องเข้ามาพิสูจน์ก่อน หากฐานไม่ถึง คุณก็จะได้คำตอบเอง"

สมณะคุรุมั่นแจ้ง พุทธชาโต "พัฒนาการของคนวัดที่พ่อท่านสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นขบวนการนิสิต ก็เพื่อที่จะให้ แต่ละคนใช้ สัปปุริสธรรมส่วนหนึ่ง เพราะว่า ในการปฏิบัติธรรม ที่อยู่ในภพของตนเอง ส่วนใหญ่ก็จะปฏิบัติตามที่ตนเองคิดว่า เป็นกรรมฐาน แต่กรรมฐานของตนเอง จะมีผลที่จะไปกระทบกับผู้อื่น ในขอบเขตขนาดไหน ก็อาจจะไม่พอดี แต่ในขบวนการ ที่มาอยู่ร่วมกัน ของการเป็นกลุ่มหมู่ แต่ละคน ก็จะต้องปรับเข้าหากัน แล้วฝึกวางใจ ในความหลากหลาย ที่แตกต่างกัน ในการได้เรียนรู้ ความต่างของจริต แต่ละคน แล้วสามารถอภัย และเชื่อมประสาน ในกิจกรรมที่เสียสละได้ เมื่อแต่ละคน มองเข้าหาตัวเอง ก็จะเป็นการปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ตน ในขณะที่เป็นกิจกรรมกลุ่ม เพื่อส่วนร่วม ตรงนั้น จะเป็นประโยชน์ท่าน

ขบวนการของนิสิต จะช่วยเสริมหรือขยายจากคนวัด ชาวชุมชน ก็จะได้รับการพัฒนาทั้งประโยชน์ตนและท่าน ไปพร้อมๆกัน ปีนี้นิสิตเก่า มีความรู้สึกเหมือนไม่มีกิจกรรมอะไร ให้ได้ร่วมเลย ปีต่อไป น่าจะมีกิจกรรม ให้นิสิตเก่า ได้ร่วมบ้าง" .

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สองบาทหลวงคริสต์ เยาวชน Y.C.S.
ทึ่งในความสามารถของนักเรียนสส.สอ.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕พ.ค.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา ได้มีคณะ Y.C.S. (Young Catholic Student) ชื่อในภาษาไทยเรียกว่า "ยุวนักศึกษา คาทอลิก" ได้เดินทางมาเพื่อศึกษา สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ของชุมชนสันติอโศก ท่ามกลาง กระแสโลกาภิวัฒน์

องค์กร Y.C.S.นี้เป็นขบวนการของเยาวชน ดำเนินการโดยเยาวชนเพื่อเยาวชน มุ่งปฏิรูปและสร้างสังคม เริ่มต้นจาก การพัฒนาตนเองทุกด้าน ตระหนักถึงความรับผิดชอบ และมีส่วนร่วม อย่างจริงจังต่อสังคม ตามค่านิยม ของศาสนธรรม โดยใช้หลักการตื่นตัว (Awareness) ไตร่ตรอง (Refloction) ตอบโต้ (Action)

(บาทหลวงปีเตอร์ พร้อมคณะ Y.C.S. ชมการสาธิตการทำน้ำหมักชีวภาพ
จากวัสถุธรรมชาติ เช่น มะเฟือง มะละกอ ส้มป่อย ฯลฯ ของนักเรียนสัมมาสิกขา ด้วยความสนใจ)

จุดประสงค์ที่มาศึกษาที่นี่ครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับกระแสโลกาภิวัฒน์ และการศึกษา ที่มีผลกระทบ ต่อเยาวชน จึงมีโครงการศึกษาและสัมผัสชีวิต เป็นวิธีการหนึ่ง ที่จะช่วยให้เยาวชน มีโอกาสสัมผัส เรียนรู้ เข้าใจ สภาพความเป็นจริง ของสังคม ตระหนักถึงปัญหา นำมาไตร่ตรอง โดยใช้หลักศาสนธรรม ในการแก้ปัญหา ตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่ม สังคม ประเทศ และ ระดับโลก จึงเล็งเห็นว่า รร.สัมมาสิกขา สันติอโศก มีแนวการใช้ชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย จัดการศึกษา ในรูปแบบการเรียน และ เน้นศีลธรรม พร้อมทั้งฝึกวิชาชีพไปในตัว ซึ่งต่างจากการสอน ในระบบทั่วไป ดังนั้น จึงเป็นแนวทาง ดำเนินชีวิตที่ดี ของเยาวชน ในปัจจุบัน

คณะของ Y.C.S. ได้เดินทางมาถึงสันติอโศกเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. โดยมีคณะ นร.สัมมาสิกขาฯ รอต้อนรับอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อมาถึงพูดคุย ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับรายละเอียดของที่นี่ บริเวณหลังพระวิหารพันปีฯ ซึ่งเป็นสถานที่ จัดการต้อนรับคณะ Y.C.S. ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ คน เป็นเด็กนักเรียนชาวต่างชาติ ๕ คน อาจารย์ ๒ ท่านและล่ามอีก ๓ คน จากนั้นมาชมการเข้าแถว ของนักเรียนพร้อมกับการแนะนำตัวของกลุ่ม Y.C.S. แต่ละคนว่า มีมาอย่างไร พอสังเขป รับประทานอาหารว่าง จากฝีมือของ นร.สัมมาสิกขาฯ ตัวน้อย เช่น ซาลาเปาไส้ถั่ว กะหรี่ปั๊บ เครื่องดื่มต่างๆ และแยกย้ายกัน ไปชมฐานงานต่างๆ ของนักเรียน และชุมชน เช่น บจ.พลังบุญ ชมร.หน้าสันติอโศก เป็นต้น แต่ที่น่าสนใจ ที่สุด ก็คงจะเป็นฐาน การทำน้ำหนักชีวภาพ จากวัสดุธรรมชาติ เช่น มะเฟือง มะละกอ ส้มป่อย ฯลฯ มีการสาธิตและลองทำดูกันจริงๆ ซึ่งเป็นที่ชอบอกชอบใจ ของคณะ Y.C.S. ซึ่งบาทหลวงปีเตอร์ หนึ่งในคณะนี้ ถึงกับออกปากชมว่า ไม่น่าเชื่อว่า เด็กสัมมาสิกขาฯ จะมีความความสามารถ ทำอย่างนี้ได้ รู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ถึงกับยกย่องเด็กนักเรียน ที่สาธิตการทำน้ำหมักว่าเป็นครู และตัวของบาทหลวง เป็นลูกศิษย์ พร้อมกับกล่าว ทิ้งท้ายว่า "สมกับเป็นการเรียนที่แปลกจากข้างนอก" จากนั้นพักรับประทานอาหาร

ช่วงบ่ายเป็นการสนทนาซักถามปัญหาและรายละเอียดเกี่ยวกับชาวอโศก โดยมีสมณะซาบซึ้ง สิริเตโช เป็นผู้ตอบคำถาม และแปลโดย คุณดาบบุญ ดีรัตนา โดยแต่ละคน ได้ให้ความสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนชาวสิงคโปร์ เกาหลี เนปาล หรือ บาทหลวงปีเตอร์ บาทหลวง โจเซฟ ที่ให้การซักถาม เป็นระยะ

ขณะนั้นเป็นเวลาที่เกิดลมแรงและฝนตกหนัก จนทำให้ต้นไม้บางส่วนหักเพราะลมกรรโชกครู่ใหญ่ แต่ไม่ได้ทำให้คณะ Y.C.S. ละความสนใจ แต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับพยายามตั้งใจฟัง เพื่อแข่งกับสายฝน หลังจากนั้น เป็นการแสดง อังกะลุง และ เล่นเกมโดย นร.สัมมาสิกขาฯ เป็นที่สนุกสนาน ทั้งสองฝ่าย เป็นการอำลา และแจกของที่ระลึก ให้ทุกๆคนในคณะ จากการพูดคุย ทำให้ทราบว่า แต่ละประเทศ ก็นับถือศาสนาพุทธ แม้ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ ก็ไม่ได้เป็นชาวคริสต์ทั้งหมด ผู้ใหญ่ที่มาร่วม จัดการต้อนรับ มี ดร.ขวัญดี อัตวาวุฒิชัย คุณบัวบูชา คุณดาบบุญ ดีรัตนา คุรุฟังฝน จังคศิริ ฯลฯ บรรยากาศ เป็นที่น่าประทับใจ การต้อนรับเป็นไปแบบเรียบง่าย เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ของแต่ละฝ่าย ต่างก็ได้รับความอิ่มใจ กันถ้วนหน้า.

 

 

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ความหนาแน่นของมวลกระดูก

-ภาวะกระดูกพรุน จัดได้ว่าเป็นภัยเงียบ ที่เกิดและค่อยๆลุกลามขึ้นโดยแทบไม่มีอาการบ่งบอกล่วงหน้าเลย กว่าจะทราบ ก็กระดูกหักซะแล้ว มวลกระดูกของเรา จะหนาแน่นที่สุด ในช่วงวัยหนุ่มวัยสาว พอพ้นวัยนั้นมาแล้ว มวลกระดูก ที่สลายออก จะมากกว่า มวลกระดูกที่เสริมสร้าง ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูแลสุขภาพ ในด้านนี้ได้ดี ก็จะรักษามวลกระดูก ให้หนาแน่นได้ ไม่แพ้วัยหนุ่มสาว

อยากจะขอยกตัวอย่างตัวเองสักเรื่อง ที่ชอบคุยเฟื่องให้เพื่อนๆฟังว่า เพิ่งไปวัดมวลกระดูกมาได้ ๓.๖ ซึ่งถือว่า ความหนาแน่น ค่อนข้างสูง เพราะค่าปกติอยู่ในช่วง ๒ ถึง (-๑) ถ้ามากกว่า ๒ ขึ้นไปถือว่าดีมาก ก่อนตรวจจิตใจก็หวั่นๆ นะคะว่า กินมังสวิรัติมา ๒๐ ปี อายุก็ปาเข้าไปเลข ๔ แล้ว โครงร่างก็ไม่ สูงใหญ่ กระดูกคงจะบางลง แต่ผลออกมา กลับดีมาก เลยอด ที่จะเอามา อวดกันไม่ได้ ต้องขออภัย และก็อดที่จะบอกเคล็ด ที่ต้องเผยแพร่ ให้ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก ฟังถึงผลที่มาจากเหตุ คือเป็นคน ชอบรับประทานอาหาร ประเภทถั่วเหลือง และงามาก โดยเฉพาะเต้าหู้ โยเกิร์ตน้ำเต้าหู้ ฟองเต้าหู้ ถั่วเน่า (อาหารเหนือ) และงาครีม ชอบออกกำลังกาย ที่ลงน้ำหนักที่เท้า พอประมาณ เพื่ออัดมวลกระดูกให้แข็ง และ ต้องออก กำลังกาย จนเหงื่อออก เป็นเวลา ๓๐-๔๐ นาที ชอบตากแดดอ่อนๆ ตอนเช้าๆ ปฏิบัติมานาน ผู้เขียน คิดว่าเหตุนี้แหละ ทำให้กระดูกแข็ง ผลจะเกิดเมื่อเรานำไปปฏิบัติจริง ถ้ารู้แล้วไม่ปฏิบัติก็คงเข้าตำรา "ธรรมใดๆก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ" อย่าลืมว่า "ร้อยรู้ไม่สู้หนึ่งทำ" ไม่เชื่อลองทำดูเลยนะคะ แล้วผลจะปรากฏ แก่ท่าน

มีเรื่องหยอกล้อในกลุ่มเพื่อน บอกว่ากระดูกแข็งไม่ดี เพราะตายแล้วเผายาก มันจะไม่ไหม้ ลำบากคนข้างหลัง ก็เลยบอก กับเพื่อนว่า ยังไม่ตายตอนนี้หรอก จะอยู่สร้างความดีมากๆ อายุ ๑๐๐ ปีจึงจะตาย ตายอย่างสงบสุขด้วย คิดดีๆ เอาไว้ก่อน จริงๆ จะตายอย่างไร คงทราบได้ยากนะคะ.

- กิ่งธรรม รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชุมชนดินหนองแดนเหนือ
เริ่มเข้มแข็งเพราะพากันจน พยายามไม่ซื้อของข้างนอก

เกิดนิมิตหมายใหม่น่ามหัศจรรย์ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นมานานแล้ว คือ
๑. ในงานอบรม ธกส. รุ่นที่ ๒๐, ๒๑ มีญาติธรรมเก่าๆมาช่วยงานนี้เต็ม ๕ วัน แถมยังไม่ถอยอีก นานมาก ที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้มาช่วย เพราะยังมีอะไรในใจอยู่ ตอนนี้อยากทำบุญ และ สู้กับอุปสรรค

๒. ได้ปรับเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรม คือคุณบัวผัน ชูค้ำ ผู้ใหญ่บ้านใหม่ คุณวันชัย ชมบุญเรือง

๓. เริ่มมีเด็กเข้ามาเรียนในชุมชน ผู้ใหญ่ต้องปรับตัวให้เป็นตัวอย่าง พาเด็กทำงาน ผู้ใหญ่ต้องออกจากภพ

๔. เรื่องงานเริ่มโปร่งใส ทุกครั้งถ้าถามเรื่องเงินและบัญชี จะไม่ตรงกัน แถมยังมีเงินเกื้อสำรองอีก แต่มาบัดนี้ มีบิลและเงินสด มายืนยัน ในบัญชีที่ประชุม

๕. มีโครงการแพลนครั้งที่ ๒ เป็นโครงการนานาชาติ ที่ช่วยเหลือประชาชนยากจน และผลจากสงคราม ภัยจากธรรมชาติ

โครงการนี้จะไม่เหมือนสัจธรรมชีวิต แพลนจะเน้นวิถีชีวิตในชุมชน คือ ทำเช่นไรชุมชนไม่เดือดร้อน แม้ชุมชนของเราจะมีคนน้อย สามารถที่จะนำคนที่มาอบรมช่วยงานในชุมชนได้ ๒ ระยะ กองทัพเดินด้วยท้อง ทุกครั้งมีปัญหาคือ โรงครัวหนัก งานนี้ทะลุ ปรุโปร่ง... แม่ครัวยิ้มแย้มแจ่มใส เช้า ๖.๓๐ น. ถึง ๙.๐๐ น. ช่วง ๒ ช่วงใกล้จะทานอาหารเย็น ๑๕.๐๐ น. ถึง ๑๖.๓๐ น.

ผลสำเร็จคือ คนมากแค่ไหน ถ้าบริหารคนให้เป็น ชุมชนมีคนมาช่วยงาน ปัญหาทุกเรื่องก็ลดลง

๖. เป้าหมายคือ จะพากันจน พยายามไม่ซื้อของข้างนอก จะพากันทำกสิกรรมเป็นหลัก

๗. เหตุการณ์ไม่เคยเห็นมานาน ท่าน สมณะนึกนบ ฉันทโส มาปลุกระดมให้คนชุมชนรวมพลัง ใจเป็นหนึ่ง สิ่งที่ทำช่วง ไม่มีการอบรม จัดคอร์สมหัศจรรย์ ท่านพาลงลุย ญาติธรรมเก่าๆก็เริ่มเข้ามาช่วย เช้าทำวัตร เรียนธรรมกระดานขาว พาออกกำลังกาย ก่อนงาน พากันลงแขก งานไหนอันดับ ๑ และ ๒ ลุย ทันที บรรยากาศ ทุกคนกระปรี้กระเปร่า ร้องเพลงลงแขก เพลงงานคือชีวิต หัวเราะและเฮตลอด ตอนทานข้าว ฟังธรรมนิดหน่อย ทุกคนมาร่วมกันทานข้าว บรรยากาศ อบอุ่นมาก บ่ายลงแขก ร้อนแค่ไหน ทุกคนก็ยังร้องเพลง เหนื่อยก็พัก เย็นเด็กดูทีวีสักครู่ ผู้ใหญ่นั่งเจโตสมถะ โดยท่านฉันทโส เป็นผู้นำ ให้ระลึกทบทวน แก้ไขตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีวันหยุดทำกิจวัตร...ทุกคนพอใจและเบิกบาน

รายงาน...จากชุมชนดินหนองแดนเหนือ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ. ข่าวอโศกฉบับที่ ๒๐๘ (๒๓๐) ปักษ์แรก ๑-๑๕ มิ.ย.๔๖

ฉบับนี้ได้ต้อนรับงานอโศกรำลึก'๔๖ ร่วมบูชาปฐพีพุทธวิหารพันปี พระบรมสารีริกธาตุ งานใหญ่ประจำปีอีกงานหนึ่ง ที่เวียนมา บรรจบกันอีกครั้ง ปีนี้แตกต่างจากปีก่อน เพราะเหมือนจัดเพิ่มเป็น ๓ วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ ๘-๑๐ มิ.ย. ก็น่าอนุโมทนา กับทุกๆฝ่าย ที่แม้งานจะมากขึ้น แต่ทุกคน ก็ขวนขวายร่วมไม้ร่วมมือกันดี

ก่อนถึงงานตรงกับวันเสาร์(๗ มิย.) และวันอาทิตย์ (๘ มิย.) เริ่มคึกคักกัน ตั้งแต่วันที่ ๗ มิย. ๒๕๔๖ พอถึงวันอาทิตย์ที่ ๘ มิย. ก็ดูคล้าย เป็นวันงาน แต่ความจริงเป็นแค่วันสุกดิบ แถมตอนเย็น ยังมีการแสดงของ ศิลปินหลายคน รวมทั้งคุณทอดด์ ทองดี ที่มาเปิดอัลบั้ม ชุดใหม่ของตัวเอง เป็นเพลงมีสาระ แต่ผู้ชมผู้ฟังส่วนใหญ่ ก็เป็นชาวเรา จึงไม่ค่อยแสดงออกรุนแรง เหมือนชาวโลก ทั่วไป ที่เวลาถูกใจ แล้วร้องกรี๊ดกร๊าด จนคุณทอดด์ต้องบอกพวกเรา ให้ช่วยแสดงออก มากขึ้นกว่าเดิมได้ไหม? จิ้งหรีดก็รู้สึกเห็นใจ ทั้งคุณทอดด์ และชาวเรา... งานปีนี้นิสิตใหม่สดๆซิงๆ คือ ม.วช.สวยใส เป็นผู้ประสานงาน ก็มีเสียงชมมาก ว่าขยันดี...

ช่วงทำวัตรเช้าในวันที่ ๙ มิย.ขณะสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน เทศน์อยู่ใต้พระวิหาร พันปีฯ นายทุเรียน (เย็น) ก็จากพวกเรา ไปอย่างสงบ ใกล้กุฏิหน้าตึกสัปปายะ จิ้งหรีดเห็นชาวเรา ก็ช่วยกันเอาภาระ ก็รู้สึกอนุโมทนา...

เกมอโศกพันธุ์แท้ในงานนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก โดยประยุกต์จากรายการดังทางโลก มาใช้ในทางธรรม มีผู้สมัครถึง ๑๒ ทีม ในที่สุด ก็ได้ทีมผู้ชนะเลิศ คือทีมจากสันติอโศก จิ้งหรีดเห็นทีมงานนี้แล้ว ก็ดูไม่เกินความคาดหมาย แต่ทีมที่คนดูคาดไม่ถึง ก็คือทีมจากภูผาฟ้าน้ำ คิดว่าอยู่บนดอย จะไม่รู้อะไรมาก แต่ที่ไหนได้เกือบคว่ำแชมป์ ได้เหมือนกัน ก็ไม่เป็นไร ยังมีอโศกพันธุ์แท้ หนังสือธรรมะ ที่พ่อท่านเขียน คณะผู้จัดรายการ จะเริ่มแข่งขันกัน ในงานมหาปวารณา และ งานต่างๆของชาวอโศก เพื่อหาผู้ชนะเลิศ ในแต่ละครั้ง ไปเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในงานอโศกรำลึก รายการนี้ นอกจากสนุกแล้ว ยังได้เนื้อหาธรรมะแท้ ใครสนใจ ก็อย่าลืมสมัครโดยด่วน... จิ้งหรีดเห็นยุทธการ ๗๐ มดงานชาวอโศก ช่วยกันเก็บงาน โดยเฉพาะ นักเรียนสส.ส. ช่วยกันรวมพลัง ทำให้นึกถึงนักเรียน สัมมาสิกขาศาลีอโศก ในงานพฟด. ที่ ผ่านมา นำโดยพี่กวาง ซึ่งนำน้องๆ ลุยงาน ชนิดที่เรียกว่า กินข้าวอยู่ ก็พร้อมที่จะละจากจานข้าว ไปปฏิบัติการทันที ก็รู้สึกประทับใจ ในน้ำใจ ความเป็นนักสู้ เพื่อสังคม... จี๊ดๆๆๆ .....

ปฏิบัติบูชาพ่อ...๕ มิ.ย.๔๖ ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดของพ่อท่าน ที่ชมร. ช.ม.วันนี้เปิดขายตามปกติ ยกเว้น ขนมจีน แกงเขียวหวาน และ น้ำยาป่า ที่มีญาติธรรมท่านหนึ่ งเหมาทำบุญให้ลูกค้า รับประทานฟรี แต่ที่ไม่ธรรมดา ก็เพราะจิ้งหรีด ทราบมาว่า สมาชิก ชมร.ช.ม. ต่างตั้งใจ ประพฤติธรรมยิ่งๆ ขึ้นในวันนี้ เช่น ผรช.ชมร.ช.ม.นั้น นอกจากจะเป็น แม่ครัวแล้ว ยังขออดอาหาร และใจบุญ เหมาผัดไทย ๑ ถาดให้ลูกค้า ได้รับประทานฟรี, คุณบัวดาว รอง ผรช.ฯ ก็อดอาหาร และร้องเพลง ที่พ่อท่านเคยแต่ง ไว้ถึง ๑๐ เพลง, พ่อดาบขจร ร้องเพลงอีก ๖ เพลง ตามด้วยคุณชาญชัย และ คุณหนึ่งในธรรม, คุณฟูอดอาหาร ปฏิบัติบูชาพ่อ, แม่น้อย แม่ใบจริง แม่ศีลแก้ว คุณดีบุญ รับประทานมื้อเดียว, พ่อเม็ดดิน แม่ปราณี แม่สมศรี แม่อิ่มใจ แม่ทองปอนด์ คุณเตียง และ คุณป้อม ขอประพฤติตนเป็นคนไม่โกรธ และสมาชิกอีกหลายๆท่าน ก็ได้ร่วมใจกัน ปฏิบัติบูชา พ่อท่านเงียบๆ ในวันนี้

เอ! อย่างนี้ที่ลงท้ายมาว่า "เป็นลูกไกลพ่อที่ ชมร.ช.ม." เนี่ย จิ้งหรีดว่า ไกลแต่ตัวกระมัง ส่วนใจ ไม่ได้อยู่ไกลเลยนะฮะ ...สาธุ... จี๊ดๆๆๆ .....

รุ่นผักกาดนาช่วยชีวิต...วันจันทร์ที่ ๒๖ พ.ค.ที่ผ่านมา จิ้งหรีดแอบเกาะอยู่หลังโขดหิน ได้เห็นเหตุการณ์ระทึกใจ เกิดขึ้นที่ภูผาฟ้าน้ำ... เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการอบรม "ผู้นำนักเรียน" ของ ร.ร. ปายวิทยาคาร จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งชายหญิง จำนวน ๕๑ คน ในวันนั้น เป็นการอบรมวันที่ ๖ เด็กนักเรียนมีโปรแกรมไปทัศนศึกษา ที่น้ำตกหัวเลา เมื่อถึงจุดหมาย ก็เป็นเวลา รับประทาน อาหารกลางวันพอดี ท่านสมณะกระจายกันอยู่ ตามชั้นน้ำตก ทั้งชั้นสูง และชั้นล่าง ส่วนนักเรียน และพี่เลี้ยง ตลอดจนชาวชุมชน ที่ไปด้วย ส่วนใหญ่ อยู่กันที่น้ำตก ชั้นล่าง ตรงกลางเป็นแอ่งน้ำ ไม่มีโขดหิน ให้นั่งทานข้าวได้ จึงไม่มีใครอยู่ ในบริเวณ นั้น ยกเว้นแต่ เด็กนักเรียนบางคนที่ ทานข้าวเสร็จเร็ว ก็ไปเล่นน้ำที่ตรงนั้น และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น มีเสียงดัง สนั่นหวั่นไหว ได้ยินกันไปทั่ว เมื่อต้นไม้ใหญ่ ที่ยืนต้นตาย และผุกร่อนมานาน ขนาดลำต้นเท่าสองคนโอบ เห็นจะได้ เกิดโค่นลงมา แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฟาดลงมาตรงกลางวง บริเวณแอ่งน้ำ เดชะบุญเด็กที่กำลังเล่นน้ำ อยู่ในบริเวณนั้น ได้เปลี่ยนที่เล่น ในช่วงเสี้ยวนาที ก่อนที่ต้นไม้ จะโค่นลงมา ไม่เช่นนั้น อาจเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ แต่ก็มีนักเรียนหญิง ๑ คน โดนสะเก็ดไม้ ปลิวมาเฉี่ยวหน้าผาก มีแผลถลอกนิดหน่อย

ในตอนที่ต้นไม้ใหญ่โค่นลงมา ทุกคนเหมือนภาพนิ่ง ตกตะลึงไปตามๆกัน แต่มีการเคลื่อนไหว ท่ามกลางการตกตะลึงนั้น นั่นคือ ท่านสมณะทั้ง ๘ รูป ที่ไปด้วย ท่านสำรวม และยังคงฉันอาหารต่อไป มีเพียงเหลือบตาดูเท่านั้น เมื่อเห็นว่า ไม่มีใครเป็นอะไร ท่านก็ฉันอาหาร ไปตามปกติ เห็นได้ชัดว่า ท่านได้ปฏิบัติธรรม ที่สูงกว่าเราๆมาก สามารถควบคุม อารมณ์ได้ดี เป็นที่ประทับใจ เป็นอย่างยิ่ง...ท่านอาจารย์ ๑ ได้ให้ชื่อรุ่นแก่นักเรียน ที่มาอบรมในรุ่นนี้ว่า "รุ่นผักกาดนาช่วยชีวิต" ซึ่งมีที่มา จากการที่เด็กๆนักเรียน ไม่ค่อยชอบ กินผักกาดนา เพราะรังเกียจ กลิ่นฉุนขึ้นจมูก ของผักชนิดนี้ แต่ชาวชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ก็สามารถพลิกแพลงเมนู นำผักมาชุบแป้งทอด คละกับผักอื่นๆ ทำให้เด็กๆ กินผักกาดนา (แปลงโฉม) ได้อย่างเพลิดเพลิน หมดข้อรังเกียจ ในที่สุด เมื่อประกอบเข้ากับ เหตุการณ์ระทึกขวัญข้างต้น ท่านอาจารย์จึงสรุปว่า การฝึกฝืน ทำในสิ่งที่เรา ไม่อยากทำ (เช่น การกล้ำกลืนกินผักกาดนา ทั้งที่ไม่ชอบกลิ่น) ถือเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เป็นการเพิ่มพูนบารมี ให้แก่ตนเอง

อ้อ!...เป็นเหตุบังเอิญในวันนั้นเป็น วันที่ท่านอาจารย์ ๒ (สมณะเก้าก้าว สรณีโย) เป็นสมณะครบรอบ ๒๐ พรรษา ได้เป็นมหาเถระ พอดิบพอดี...จี๊ดๆๆๆ .....

พลาดโอกาส...เป็นเรี่ยวแรงที่แข็งขันอีกแรงหนึ่งของชุมชนเพชรผาภูมิ (จ.กำแพงเพชร) คุณแก้วเก้าแสง เปลี่ยนเพ็ง ตั้งใจมุ่งมั่น จะขึ้นไปเรียนรู้ วิธีการปลูกข้าวไร้สารพิษ บนที่สูง ของชาวชุมชนภูผาฟ้าน้ำ เพื่อนำความรู้ และเทคนิควิธี กลับไปใช้ที่ เพชรผาภูมิ ชุมชน น้องใหม่ที่กำลังเจริญเติบโต แต่ปรากฏว่า เมื่อขึ้นไปถึงก็มีงานอบรม "ผู้นำ นักเรียน" จึงร่วมกิจกรรม เป็นพี่เลี้ยง ดูแลเด็กๆไปก่อน และระหว่างนั้น งานปลูกข้าว ของภูผาฟ้าน้ำ ก็เพิ่งจะอยู่ในขั้น ของการพอกดิน ทำคันนา ตระเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ดูๆแล้วงานอบรม น่าจะต้องการกำลังพลมากกว่า เมื่อตัดสินใจแล้วก็ทุ่มพลังยก หิ้ว แบก หามร่วมกิจกรรม เป็นพี่เลี้ยงนักเรียน อย่างเต็มที่ ไม่ทันได้ระวังศักยภาพของตัวเอง ที่มีอาการบาดเจ็บที่หลัง เป็นอาการ ประจำตัวอยู่แล้ว พอจบกิจกรรมอบรม ร่างกาย ก็เลยหมดสภาพไปด้วย ยกของหนักไม่ได้อีก เพราะจะเจ็บกล้ามเนื้อหลัง ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงพักงานหนัก ไม่ได้ลงฝึกภาคปฏิบัติ ในงานนา อย่างที่วางแผนไว้ ชาวเพชรผาภูมิกรุณาอดใจรอไปอีกหน่อย นะฮะ...จิ้งหรีดเห็นพวกเราทำงานแบกหามยกของหนักๆแบบลืมตัวกันแล้ว ก็ชักเป็นห่วง ถ้ามันหนักมาก ก็ช่วยกันยกเป็นทีม แบบกองทัพมด จะดีกว่านะฮะ กายขันธ์ที่แข็งแรง เป็นปัจจัยหนุน ที่สำคัญ ในการปฏิบัติธรรม ดูแลร่างกายให้ดีๆ เขาจะได้อยู่รับใช้เราไปนานๆ... จี๊ดๆๆๆ .....

ก่อนจากของฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่าน เรื่อง "วิธีสร้างปฏิสัมพันธ์ ๔" ซึ่งได้แก่
๑.ขยัน ๒.สร้างสรร ๓.สร้างมิตร ๔.ชีวิตพึ่งตนเองได้ ขวนขวายเสียสละเพื่อผู้อื่น

พบกันใหม่ฉบับหน้า.

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ภูผาฯพัฒนาคุณภาพชีวิต
ฝึกสมณะอบรมผู้ช่วยครู
ที่สถาบันฝึกอบรมผู้นำ จ.กาญจนฯ

คณะผู้ช่วยครูจากสถาบันฝึกอบรมผู้นำ (จังหวัดกาญจนบุรี) นิมนต์สมณะจากภูผาฟ้าน้ำ มาฝึกอบรม "คอร์สมหัศจรรย์" ยังความปีติใจ และรื่นเริงในธรรม โดยถ้วนทั่ว

สมณะบินบน ถิรจิตโต พร้อมสมณะอีก ๕ รูป คือ สมณะสู้ซื่อ หสิโต, สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ, สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน, สมณะธาตุดิน ปฐวีรโส, สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ ได้เดินทาง มายังสถาบันฝึกอบรมผู้นำ (จังหวัดกาญจนบุรี) เพื่อทำการอบรม การฝึก "มองตน" ในคอร์สมหัศจรรย์ ระหว่างวันอาทิตย์ที่ ๑ มิ.ย.- วันพุธที่ ๔ มิ.ย.๔๖

สมาชิกเข้าอบรม ๒๖ คน และ จากสันติอโศกมาสมทบอีก ๓ คน การอบรมแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม เริ่มฝึกอบรม ตั้งแต่ ๐๕.๐๐ น. ถึง ๒๑.๐๐ น. เริ่มตั้งแต่เย็นวันที่ ๑ มิ.ย. การอบรมเสร็จสิ้นลง ในช่วงเช้า ของวันที่ ๔ มิ.ย.

แม้จะเป็นช่วงอบรมสั้นๆ เนื่อง จากมีงานอบรมเกษตรกร ในหลักสูตร สัจธรรมชีวิต ของนักบริหาร ระดับสูง (ซี ๘-๙) ของสำนักงาน ก.พ. จ่ออยู่ในช่วงต้น และช่วงท้าย ก็ยังสามารถสร้างมหัศจรรย์ได้ เป็นอย่างมาก

หลายๆคนถึงกับน้ำตาไหลด้วยความปีติ เห็นจุดปฏิบัติธรรมที่ตัวเอง จะเดินต่อไป

หลายๆคนเริ่มอ่านกิเลสตัวเองเป็นมากขึ้น

บางคนที่หมดหวังจะก้าวต่อไปบนเส้นทางธรรม ก็เริ่มมีกำลังใจและเห็นรายละเอียด ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ที่จะเดินทาง ปฏิบัติลดละ

มีบางคนเห็นด้วยที่จะเรียกคอร์สนี้ว่า "คอร์สผ่าทางตัน!"

ฝึกอบรมครั้งนี้ได้อะไร นี่คือคำตอบบางส่วนจากผู้เข้าอบรม
- ได้ความยินดี เบิกบานในศีล
- ได้มองตน ได้ทบทวนตัวเอง
- ได้ฝึกอยู่กับศีล ฝึกวางใจ
- ได้หลักในการทำเจโตสมถะ การเดินจงกรม
- ได้ทราบถึงปัญหาต่างๆของคนในกลุ่ม พร้อมวิธีการแก้ไข ที่เราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
- รู้สึกอบอุ่นที่มี สมณะเป็นพี่เลี้ยง ชี้แนะให้ด้วยเมตตา
- ได้ฝึกความยินดีให้มีในจิตตน
- จะแนะนำสั่งสอนใครต้องขออนุญาตก่อน
- ไม่พูดข้อบกพร่องของคนอื่น
- ไม่พูดถึงความดีของตนเอง แต่พูดความดีของคนอื่นเสมอๆ
- ใครให้ทำอะไรถ้าไม่ว่าง ก็จะขอรับไว้พิจารณาก่อน
- จะไม่ต่อปากต่อคำ จะฝึกมองตน
- จะลดตัวลดตน ไหว้ทุกๆคนก่อน
- ตื่นนอนตอนเช้า จะนิมนต์พระพุทธเจ้ามาประทับไว้ที่ใจ
- จะทำตามครอบครัวแสนสุข
- จะฝึกฝนให้เป็นผู้ยอม ยอมเพื่อเพิ่มภูมิจิตให้สูงขึ้น เพราะยอมแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น
- ความถูกใจ-สมใจเป็น "บุญเก่า"ความไม่ถูกใจ-ไม่สมใจเป็น "ใช้หนี้"

การอบรมครั้งนี้เป็นรุ่นที่ ๘๖ ท่านตั้งชื่อรุ่นว่า "รุ่นพัฒนาคุณภาพชีวิตสมณะ"

สำหรับความรู้สึกของผู้เข้ารับการอบรม มีดังนี้

นายสมพงษ์ ฟังเจริญจิตต์ ผู้จัดการฝ่ายวิชาการ
"สมกับเป็นคอร์สมหัศจรรย์จริงๆครับ พวกเราตื่นตัวรับคำสั่งสอนได้เต็มที่ เราจะปรับบางส่วนนำไปประยุกต์ใช้กับผู้เข้าอบรมจากภายนอก

และข้อสำคัญ เราจะทำ 'ทูอินวัน' ให้สำเร็จ นั่นก็คือ ขณะอบรมคนภายนอกในทุกๆรุ่น เราจะจินตนาการว่า พวกเราก็กำลังอบรมตัวเอง เข้าคอร์สมหัศจรรย์ ไปในตัวครับ กราบขอบพระคุณ สมณะทุกรูป ที่เมตตาพวกเรา"

น.ส.ชลอ บุญญโชติ ผู้ดูแลด้านอาหาร
"เคยคิดว่าเราคงปฏิบัติธรรมไม่สูงกว่านี้ คงอยู่ยุติแค่นี้แหละ และวันนี้ดิฉันมีความหวัง เห็นทางที่จะเดินต่อไปแล้วค่ะ"

นายชำนาญ เจริญสอน
"ในการอบรมครั้งนี้
๑.ได้รู้ข้อบกพร่องที่แท้จริงของตนเอง
๒.ทำให้ได้ปฏิบัติศีลที่ถูกตรง และมีศีลอยู่กับตัวเองจริงๆ
๓.ควรฝึกจิตของตนเอง ให้เกิดความยินดีแก่คนอื่นมากขึ้น
๔.ได้สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ซึ่งไม่ได้ทำมานานแล้ว
๕.ได้รู้จักกรรม ที่ตัวเองได้ทำแต่ชั่วๆ ต่อไปนี้จะทำแต่กรรมดี
๖.จะมองผู้อื่นแต่ในสิ่งที่ดี
๗.จะพยายามตั้งใจลดละกิเลสของตัวเองให้น้อยลง (ถ้าหมดได้ก็ดี)

น.ส.อภิญญา เทพไพฑูรย์ ผู้ขอร่วมเข้าคอร์สจากสันติอโศก "สิ่งที่ได้รับจากการอบรมครั้งนี้ คือ
๑.รู้สึกประทับใจและชื่นชมในความสามารถของสมณะผู้เข้าอบรม
๒.มีความศรัทธาที่จะพัฒนาปรับปรุงตัวให้มากยิ่งๆขึ้น
๓.มีความตั้งใจว่า หากมีโอกาส ก็อยากจะเข้าคอร์สครั้งต่อๆไป เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดหลักสูตร
๔.สลายความแก่วัดของตัวเองได้ดีมาก สามารถเพิ่มศรัทธาให้แก่ตัวเองได้มากขึ้น..."

สมณะบินบน ถิรจิตโต อาจารย์ ๑ จากภูผาฟ้าน้ำ "การอบรมครั้งนี้ เป็นการฝึกสมณะนวกะให้รู้วิธีทำงานกับคน รู้วิธีสร้างตน-สร้างคน ตามหลักธรรมวินัย ตามโอกาสอันสมควร".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รายชื่อนักบวชชาวอโศกจำพรรษา ปี ๒๕๔๖
(๑๔ ก.ค. - ๑๐ ต.ค. ๒๕๔๖)

พุทธสถานสันติอโศก

๑. สมณะ พิสุทธิ์ พิสุทโธ
๒. สมณะ ศักดา (เมืองแก้ว) ติสสวโร
๓. สมณะ กอบชัย ธัมมาวุโธ
๔. สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
๕. สมณะชนะผี ชิตมาโร
๖. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๗. สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
๘. สมณะ เบิกบาน ธัมมนิยโม
๙. สมณะหม่อน มุทุกันโต
๑๐. สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก
๑๑. สมณะ กล้าจริง ตถภาโว
๑๒. สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ
๑๓. สมณะกล้าตาย ปพโล
๑๔. สมณะ ใจเด็ด จิตตคุโณ
๑๕. สมณะหนึ่งดี สุยิฏโฐ
๑๖.สามเณร สู่สูญ เผอิญด
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุจิตรา แซ่ลี้
๒. สิกขมาตุเสริมขวัญ วรรณาบุตร
๓. สิกขมาตุสดใส อโศกตระกูล
๔. สิกขมาตุปราณี ธาตุหินฟ้า
.
๕. สิกขมาตุบุญจริง พุทธพงษ์อโศก
๖. สิกขมาตุฝนเย็น อโศกตระกูล
๗. สิกขมาตุมาลินี โภคาพันธ์
๘. สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า

พุทธสถานสีมาอโศก

๑. สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน
๒. สมณะสร้างไท ปณีโต
๓. สมณะแจ้งจริง อมโร
๔. สมณะก้อนหิน โชติปาสาโณ
๕. สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๖. สมณะคำจริง วจีคุตโต
๗. สมณะนานุ่ม กัสสโก
๘. สมณะดินไท ธานิโย
๙. สมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ
๑๐. สมณะหินเพชร ธัมมธีโร
๑๑. สมณะธาตุดิน ปฐวีรโส
.
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์
๒. สิกขมาตุพึงพร้อม นาวาบุญนิยม
๓. สิกขมาตุนวลนิ่ม ชาวหินฟ้า

   
สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ
๑. สมณะกลางดิน โสรัจโจ
๒. สมณะจันทร(นึกนบ) ฉันทโส
๓. สมณะเทินธรรม จิรัสโส
๔. สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
. สมณะแก่นผา สารุปโป
๖. สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ
สังฆสถานทักษิณอโศก
๑. สมณะดินดี สันตจิตโต
๒. สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๓. สมณะกล้าดี เตชพหุชโน
๔. สมณะสู้ซื่อ หสิโต
๕. สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
.

พุทธสถานปฐมอโศก

๑. สมณะกรรมกร กุสโล
๒. สมณะทำดี อโสโก
๓. สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๔. สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๕. สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล
๖. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
๗. สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๘. สมณะชาติดิน ชัญโญ
๙. สมณะมองตน เมตตจิตโต
๑๐. สมณะเด่นตะวัน นรวีโร
๑๑. สมณะนาไท อิสสรชโน
๑๒. สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
๑๓. สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน
๑๔. สมณะปองสูญ โฆสิตธัมโม
๑๕. สามเณรสยาม บุญเหมาะ
.
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุมาบรรจบ เถระวงศ์
๒. สิกขมาตุอ่านตน อโศกตระกูล
๓. สิกขมาตุบุญแท้ ปลาทอง

๔. สิกขมาตุรินฟ้า นาวาบุญนิยม
๕. สิกขมาตุพูนเพียร ชาวหินฟ้า
๖. สิกขมาตุมนทิพย์ เรืองศรี

พุทธสถานราชธานีอโศก

๑. สมณะรัก โพธิรักขิโต
๒. สมณะเดินดิน ติกขวีโร
๓. สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ
๔. สมณะแดนเดิม พรหมจริโย
๕. สมณะหินแก่น นมวังโส
๖. สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๗. สมณะผองไท รตนปุญโญ
๘. สมณะคมคิด ทันตภาโว
๙. สมณะดงดิน สุนทโร
๑๐. สมณะดงเย็น สีติภูโต
๑๑. สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
๑๒. สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ
๑๓. สมณะมือมั่น ปูรณกโร
๑๔. สมณะหินมั่น สีลาปากาโร
๑๕. สมณะฟ้ารู้ นโภคโต
๑๖. สมณะฟ้าแสง ปภากโร
๑๗. สมณะอ้วน อภิมันโต
๑๘. สามเณรแด่ธรรม คนึงสัตย์ธรรม
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
๒. สิกขมาตุหยาดพลี อโศกตระกูล
๓. สิกขมาตุเป็นหญิง อโศกตระกูล

พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ

๑. สมณะ บินบน ถิรจิตโต
๒. สมณะ เด็ดขาด จิตตสันโต
๓. สมณะพอแล้ว สมาหิโต
๔. สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๕. สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
๖. สมณะ เลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๗. สมณะ ลานบุญ วชิโร
๘. สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๙. สมณะ ธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
๑๐. สมณะ เห็นทุกข์ ยตินทริโย
๑๑. สมณะ วิเชียร วิชโย
๑๒. สมณะ ถักบุญ อาจิตปุญโญ
๑๓. สมณะ ลึกเล็ก จุลคัมภีโร
๑๔. สมณะ เมฆฟ้า นภมังคโล
๑๕. สมณะ ชุบดิน วิชชานันโต
๑๖. สามเณร กระบี่ฟ้า นาวาบุญนิยม
๑๗. สามเณร ขาวดี พุทธชาตินิยม

.
   

พุทธสถานศีรษะอโศก

๑. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๒. สมณะถ่องแท้ วินยธโร
๓. สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม
๔. สมณะผิว พาลสุริโย
๕. สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
๖. สมณะลั่นผา สุชาติโก
๗. สมณะข้าฟ้า ฐานรโต
๘. สมณะพันเมือง ภทันโต
๙. สมณะพอจริง สัจจาสโภ
๑๐. สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุจินดา ตั้งเผ่า
๒. สิกขมาตุต้นข้าว อโศกตระกูล
๓. สิกขมาตุทองพราย ชาวหินฟ้า

พุทธสถานศาลีอโศก

๑. สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร
๒. สมณะเลื่อนลั่น ปาตุภูโต
๓. สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๔. สมณะเน้นแก่น พลานีโก
๕. สมณะสมชาย ตันติปาโล
๖. สมณะดินทอง นครวโร
๗. สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
๘. สมณะหนักแน่น ขันติพโล
๙. สมณะชุ่มบุญ กิตติปาโล
๑๐. สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก
สิกขมาตุ
๑. สิกขมาตุสร้างฝัน อโศกตระกูล
๒. สิกขมาตุใจขวัญ เบญจโศภิษฐ์
๓. สิกขมาตุเทียนคำเพชร อโศกตระกูล

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชื่อ นางหอม นิลละคอน
เกิด ปีมะเส็ง อายุ ๘๗ ปี
การศึกษา ไม่ได้เรียน
สถานภาพ ม่าย บุตร ๑๒ คน
ภูมิลำเนา อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
น้ำหนัก ๔๐ ก.ก.
ส่วนสูง ๑๔๕ ซ.ม.

คุณยายหอมเป็นผู้อายุยาวของบ้านราชฯ ที่ขยันขันแข็งมาก ช่วยงานที่เหมาะสมกับสภาพของวัย อยู่ตลอดเวลา ไปคุยกับ คุณยายกันเลยค่ะ

*** เข็ดข้ามชาติ
มีพี่น้อง ๖ คน ยายเป็นคนที่ ๒ พ่อแม่มีอาชีพทำนา แม้จะเกิดที่ศรีสะเกษ แต่พ่อแม่ได้ย้ายไปทำมาหากินอยู่ที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ สมัยยายเขานิยมไปเรียนหนังสือกันที่วัด โรงเรียนยังไม่มี ที่หมู่บ้านไพรแวงที่ยายอยู่นั้นไม่มีวัด ยายจึงไม่ได้เรียนหนังสือ

แต่งงานตอนอายุ ๒๐ ปี พ่อบ้านมีอาชีพทำนาเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักหรือรักกันมาก่อนหรอก พ่อแม่ให้แต่งก็แต่ง เขาเป็น ลูกกำพร้า พ่อแม่ยายคิดว่า จะเอาเขามาสอน เมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ออกลายสารพัด กินเหล้า สูบยา เล่นการพนัน ยายไม่เคยรู้จัก ความสุขเลย เมื่อแต่งงานแล้ว

สมัยนั้นต้องทนและทนอย่างเดียว อยากจะหนีแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ก็ได้แต่อดทน จนไม่ต้องทน ทุกข์จนไม่อยาก เห็นหน้าผู้ชาย อีกเลย ตั้งจิตไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดชาติไหนๆ จะไม่แต่งงาน เด็ดขาด

มารู้สึกว่าชีวิตเริ่มสบายเมื่อเขาตายจากไปด้วยโรคหืดนี่แหละ

*** ชีวิตใหม่
อายุ ๖๖ ปี ได้ไปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อธรรมชาติ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ที่วัดป่าติ้ว ตั้งแต่เริ่มแรก เพิ่งมาซื้อที่ ปฏิบัติธรรม อยู่ที่นี่เกือบ ๒๐ ปี และ ได้รู้จักกับชาวอโศก ตอนที่หลวงพ่อธรรมชาติ ไปที่อโศกนั่นแหละ งานปลุกเสกฯ ยายไปร่วมงานทุกปี

มาอยู่บ้านราชฯได้ ๓ ปีแล้ว เพราะลูกสาวขามาปฏิบัติธรรมที่นี่ เห็นว่ายายแก่แล้ว จึงให้มาอยู่ด้วยเพื่อจะได้ดูแล ยายก็เลย ได้มาอยู่ที่นี่

ก็ช่วยแกะถั่ว ตากถั่ว เข้าครัว และงานที่เขาเอามาให้ทำ ยายอยู่เฉยๆไม่เป็น

สุขภาพแข็งแรงตามวัยของคน ๘๗ ปีนั่นแหละ ดีท็อกซ์ยายก็ทำ ก็กินข้าวมี้อเดียว กลางวันก็ไม่นอน ซึ่งไม่เคยนอนมา ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว

*** ตายแล้วเผาเลย
มีความสุขอยู่กับการทำงานเสียสละ ทำงานได้ทั้งวัน ฟันก็ยังแข็งแรง ไม่กลัวตายหรอก เพราะคนเราทุกคน เกิดมาต้องตาย ไม่รู้จะไปกลัวทำไม เผาที่ไหนก็ได้ ยายสั่งลูกไว้ว่า ถ้าแม่ตายแล้วเผาเลย เผาเสร็จ ก็เอากระดูกไปลอยน้ำ ไม่ต้องเก็บกระดูกไว้

*** สำหรับคนโสด
คนที่แต่งงานคือคนที่เอาความทุกข์มาให้ตัวเอง สำหรับยาย เบื่อ !!! .ใครไม่แต่งได้ดีที่สุด

การแต่งงานเขาว่ากันว่า เป็นเรื่องที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า และมีผู้รู้กล่าวไว้ว่า การแต่งงาน คือสวนดอกไม้ ที่ต้องรด ด้วยน้ำตา เท็จจริงแค่ไหน คนที่แต่งแล้วจะรู้ดี ส่วนคนโสด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เป็นบัณฑิตทีเดียวนะ.

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์
เพิ่มพูนเมตตาให้จิตใจ
ด้วยอาหารมังสวิรัติ

ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย

จำหน่ายอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ
ด้วยอุดมการณ์บุญนิยม

สาขาหน้าสันติอโศก ๖๗/๔๘-๔๙ ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กทม. โทร.๐-๒๗๓๓-๔๐๒๕ กด ๐
สาขาสวนจตุจักร ๕๘๐-๕๙๒ ถ.ย่านพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ๑๐๙๐๐ โทร.๐-๒๒๗๒-๔๒๘๒
สาขาเชียงใหม่ ๔๒ ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทร.๐-๕๓๒๗-๑๒๖๒


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปฏิทินงานอโศก

งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒ ณ พุทธสถานปฐมอโศก วันพุธที่ ๕ - ๙ มิ.ย.๔๖
งานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๗ ณ ชุมชนราชธานีอโศก วันที่ ๓๑ ธ.ค.๔๖-๓ม.ค.๔๗

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

วันนักขัตฤกษ์ของชาวอโศก ปี พ.ศ.๒๕๔๗

๑. งานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๗ พุธที่ ๓๑ ธ.ค.๔๖ เสาร์ที่ ๓ ม.ค.๔๗ ราชธานีอโศก

๒. งานฉลองหนาวธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๒ (๔) ศุกร์ที่ ๒๓ - ๒๕ ม.ค.๔๗ ภูผาฟ้าน้ำ

๓. งานพุทธาภิเษกสุดยอดปฎิหาริย์ ครั้งที่ ๒๘ อาทิตย์ที่ ๒๙ ก.พ. เสาร์ที่ ๖ มี.ค.๔๗ ศาลีอโศก

๔. งานปลุกเสก "พระ" แท้ๆของพุทธ ครั้งที่ ๒๘ อาทิตย์ที่ ๔ - ๑๐ เม.ย.๔๗ ศีรษะอโศก

๕. งานคืนสู่เหย้าเข้าคืนถ้ำสัมมาสิกขา ครั้งที่ ๒ พฤหัสบดีที่ ๑๒ - ๑๔ พ.ค.๔๗ บ้านราชฯ

๖. งานตลาดไร้สารพิษเพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ ๑๑ อาทิตย์ที่ ๑๖ - ๑๘ พ.ค.๔๗ บ้านราชฯ

๗. งานโฮมไทวังม.วช. ศุกร์ที่ ๔ - ๕ มิ.ย.๔๗ บ้านราชฯ

๘. งานอโศกรำลึกบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พุธที่ ๙ - ๑๐ มิ.ย.๔๗ สันติอโศก

๙. งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๓ พฤหัสบดีที่ ๔ - ๗ พ.ย.๔๗ ปฐมอโศก

๑๐. งานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๘ พฤหัสบดีที่ ๓๐ ธ.ค. ๔๗ - ๒ ม.ค.๔๘ บ้านราชฯ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]