ฉบับที่ 212 ปักษ์แรก1-15 สิงหาคม 2546

[01] บทนำข่าวอโศก:ผู้นำบุญนิยม
[02] ธรรมะพ่อท่าน: จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร
[03] จัดงานวันแม่แห่งชาติ ๑๒ ส.ค.เพื่อระลึกถึงพระคุณของแม่ผู้มีแต่ให้ ?
[04] นวตกรรมใหม่ของชาวอโศก การติดราคาขายส่งบนฉลากผลผลิตของชาวอโศก
[05] ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน (ต่อจากฉบับที่แล้ว)
[06]
สดจากปัจฉาสมณะ ใส่ใจ-อาทร CARE
[07] คกร.และตัวเแทนชาวอโศกร่วมงาน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี ๒๕๔๖
[08] ศูนย์สุขภาพ : ภัยจากนกพิราบ
[09] เครือข่ายชุมชนชาวอโศก สนับสนุนกฎหมายห้ามโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] ผอ.ศูนย์การท่องเที่ยวพร้อมคณะเยี่ยมชมบ้านราชฯ เพื่อเป็นแหล่งทัศนศึกษาในโอกาสต่อไป
[12 ]หลักการคัดกรองสินค้า ร้านค้าชุมชนชาวอโศก
[13] หงา คาราวาน ร่วมรายการวิถีธรรม itv หัวข้อ "งดเหล้าเข้าพรรษา" ที่สันติฯ
[14] ข่าวสั้นทันอโศก
[15] นางงามรายปักษ์ นางเปล่ง แซ่อึ้ง:
[16] สาขาพรรคเพื่อฟ้าดิน ลำดับที่ ๑๐ จัดโครงการกู้ดินฟ้า เพื่อกสิกร
[17] ดีเดย์... รวมพลชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี
[18] :ชมร.ช.ม.ครบรอบ ๑๑ ปี มีผู้มาขอร่วมบุญมากมาย่



ผู้นำบุญนิยม

แนวทางบุญนิยม ที่พ่อท่านนำพาชาวอโศกนั้น เป็นเรื่องลึกซึ้ง และในยุคนี้ยังไม่เคยมีใครพาทำเรื่องนี้มาก่อน

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ผู้นำชุมชนบุญนิยมทุกแห่งของชาวอโศกจะต้องตระหนักว่า ตนมิใช่ผู้รู้รอบ รู้จริง รู้ถ้วน

ทางเราจึงขอให้ผู้นำชุมชนแต่ละแห่งได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยไม่รีบด่วนทำไปโดยพลการ แล้วให้หมู่กลุ่มต้องแบกรับภายหลังโดยไม่จำเป็น

ยิ่งมีเสียงคัดค้านหลายคน ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำชุมชนทั้งหลายควรรับฟังไปพิจารณา

เรื่องนี้คิดว่า ทุกฝ่าย คงไม่ได้หมายถึงผู้นำฝ่ายเดียว ผู้น้อยก็ควรน้อมนำไปพิจารณาด้วย เพราะแม้ว่าท่านเป็นผู้น้อย ซึ่งดูเหมือน จะไม่มีผลกระทบ ต่อส่วนรวม เท่าผู้นำ แต่ก็มีผลกระทบเช่นเดียวกัน และบางเรื่องอาจมีผลเสียหายยิ่งกว่า

ฉะนั้นการรู้จักปรึกษาหารือ ผู้รู้ ผู้ใหญ่ หรือหมู่กลุ่ม จึงมิใช่เรื่องเสียหาย และมิใช่เรื่องที่ผู้หวังดี หวังความเจริญจะปิดกั้นตัวเองหรือผู้อื่น ในเรื่องนี้.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๑)


คนคืออะไร ทำไม สำคัญนัก
พ่อท่าน โพธิรักษ์ ทุ่มเทเขียน
พัฒนา วิญญาณคน ทนพากเพียร
หวังแปรเปลี่ยน ยอมลำบาก แม้ยากเย็น

เมื่อ "คน" "กวน" สิ่งใดให้มันเลอะ
มันก็เปรอะ เปี้อนปน จนไม่เห็น
เกิดของใหม่ พรางของเก่า ที่เคยเป็น
มีสิ่งเร้น ลวงพราง อยู่ข้างใน

มีสติ พิสูจน์ ตรวจสอบ
สมาธิพุทธ ดำเนินชอบ สุขสดใส
เกิดปัญญา รู้แจ้ง ถึงภายใน
มีอะไร แฝงอยู่ รู้เท่าทัน

"การเกิด" เกิดสิ่งใหม่ เพราะไปยึด
ขัดข้องติด อึดอัด หมุนเวียนผัน
เพราะเรา"คน" หรือ "กวน" นั่นสำคัญ
หยุด"คน"พลัน หลุดพ้น อวิชชา

เมื่อหยุด"คน" จึงพ้น จากคนได้
ไม่เปลี่ยนกาย อาศัยกรรม นำเสาะหา
เปลี่ยนจิตเป็น "อริยชน" พ้นมายา
มีวิชชา มาพ้นทุกข์ สุขในธรรม

คนมีกาย เป็นที่อยู่ "ตัวรู้" จิต
กิเลสร้าย มีสิทธิ ล่วงถลำ
เข้าประตู ทั้งหก สะสมกรรม
รับจดจำ ฝังในจิต มีฤทธิ์แรง

ตาเห็นรูป หูฟังเสียง เรียงลำดับ
จมูกรับ ดมกลิ่น ลิ้นแสวง
หารสอร่อย อยากชิม ลิ้มรสแกง
กายสัมผัส ใจมีแรง คาดคิดไป

คนคือดิน น้ำ,ลม,ไฟ รวมในร่าง
มีจิตสร้าง พลังงาน การเคลื่อนไหว
กายคือ "รูป" จิตคือ"นาม" งามวิไล
แสนวิจิตร เกินกว่าใคร จะแจกแจง

ถ้ารูปนาม ของคน ปนปรุงรวม
มีจิตร่วม ยึดไว้ มิหน่ายแหนง
สุขกับทุกข์ ก็คุกคาม ยามเปลี่ยนแปลง
เบาหรือแรง อยู่ที่จิต ติดผูกพัน

นอกจากกาย ที่เห็นได้ ด้วยสายตา
ความนึกคิด มายา วาดภาพฝัน
ก็คือ "รูป" ของความคิด ใช่เหมือนกัน
ความรู้สึก รับรู้นั้น เป็นเพียง"นาม"

นาม คือ"รส" "ความรับรู้" หรือ"รู้สึก"
ในดวงจิต ลึกลึก ไม่เข็ดขาม
ยังไขว่คว้า หากาย มุ่งหมายตาม
จึงดิ้นรน พยายาม เกิดวนเวียน

ได้ร่างแล้ว ก็หลงรูป เฝ้าตกแต่ง
หลงว่างาม ดัดแปลง เฝ้าขีดเขียน
เพื่อหลอกล่อ เพศตรงข้าม ตามพากเพียร
เพราะไม่เรียน รู้ธรรม ซึ่งสำคัญ

ปัจจัยสี่ ที่สำคัญ ของชีวิต อย่ายึดติด
คืออาหาร การเลือกสรร
ให้เรียบง่าย เครื่องนุ่งห่ม ก็เช่นกัน
ที่อยู่,ยา สารพัน เพียงธรรมดา

อาหารพระ ศิษย์พุทธองค์ อย่าหลงผิด
อย่าหลงติด กินเนื้อสัตว์ เนื้อมัจฉา
อย่าหลงรส ของอาหาร หลงมารยา
จะเป็นเหตุ ของการฆ่า สัตว์มากมาย

(ต่อฉบับหน้า)

- พุทธบุตร ลูกหม้ออโศก -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชุมชนชาวอโศกทุกแห่งร่วมใจ
จัดงานวันแม่แห่งชาติ ๑๒ ส.ค.
เพื่อระลึกถึงพระคุณของแม่ผู้มีแต่ให้

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๑๒ ส.ค. ปีนี้ ร.ร.สัมมา สิกขาและชุมชนของชาวอโศกแต่ละแห่งได้ร่วมใจกันจัดงานเพื่อระลึกถึงพระคุณแม่โดยทั่วกัน สำหรับ บรรยากาศ ของงานแต่ละแห่งมีดังนี้

*** สันติอโศก
งานวันแม่ปีนี้ มีการสัมมนาผู้ปกครองเป็นปีแรกด้วย โดยจัดตั้งแต่วันที่ ๘-๑๐ ส.ค. เพื่อประสานความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองด้วยกัน และคณะคุรุ สร้างความเข้าใจที่ถูกตรงเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนและร่วมกันเสนอแนวคิดและเรียนรู้วิถีชีวิตของเด็กนักเรียนและชาวชุมชนด้วย

ส่วนกิจกรรมวันแม่ ในวันเสาร์ที่ ๙ ส.ค. เป็นรายการวันแม่ของ นร.สัมมาสิกขา ซึ่งเริ่ม ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. โดยมี สมณะกล้าจริง ตถภาโว กล่าวเปิดงาน หลังจากนั้น เป็นรายการบนเวที ของนักเรียนแต่ละชั้นเรียน จนเวลา ๒๑.๐๐ น

ส่วนในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ ส.ค. เป็นกิจกรรมวันแม่ของ นร.สส.สอ.ร่วมกับ นร.พุทธธรรมวันอาทิตย์ โดยเน้นพิธีกรรม การสวดสรรเสริญคุณ บิดามารดา และ การกราบแม่ เป็นแกนหลักของงาน โดยมีการอ่านเรียงความชนะเลิศของ นร.สส.สอ.จันทรามาศ ประดิษฐ์พล ต่อด้วยพิธีกราบแม่ และ การแสดง ที่น่ารัก และ มีสาระจากเด็กนร.พุทธธรรม จนกระทั่งเวลา ๑๕.๑๕ น. จึงยุติ

*** ปฐมอโศก
จัดงานวันที่ ๑๑-๑๒ ส.ค. โดยมีผู้มาร่วมงานประมาณ ๓๐๐ คน และปีนี้มี นร.อนุบาลเทียนหยดส่งการแสดงมาร่วมงานด้วย สำหรับกิจกรรมวันแม่ ที่พิเศษ กว่าทุกปี คือ มีงาน ๕ ส.และงานภาคเช้าให้ผู้ปกครองทำ (ให้ลองสวมบท นร.สส.ฐ) ซึ่งงาน ๕ ส. ได้ให้ขัดห้องน้ำที่ลูกๆดูแล รับผิดชอบอยู่ ลูกใคร ที่ดูแลได้สะอาด คุณแม่ก็สบายไป

*** ศาลีอโศก
จัดงานวันแม่ ๒ วัน โดยวันที่ ๑๑ ส.ค. จัดเป็นการภายในระหว่างนักเรียนและผู้ปกครอง ส่วนวันที่ ๑๒ ส.ค. จัดเชื่อมกับสังคมภายนอก โดย ประสานงานกับ วิทยุชุมชน ไพศาลี

วันที่ ๑๑ ส.ค.เริ่มรายการตั้งแต่ช่วงทำวัตรเช้า โดยสมณะเปิดใจชีวิตวัยเด็ก ของแต่ละท่าน ซึ่งแต่ละท่านดื้อไม่ใช่เล่น แต่ก็สามารถ พัฒนาตน จนสามารถ มาเป็นนักบวชได้

ตามด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์แม่ลูก ด้วยการช่วยกันขนกรวดทราย, การอ่านเรียงความวันแม่ที่ชนะเลิศ, พิธีกราบแม่ที่ตัก และปีนี้พิเศษกว่า ปีก่อนๆ มีนักเรียน จาก รร.หนองบัว ๔๕ คน ที่มาขอศึกษาวิถีชีวิต ชาวศาลีอโศก จึงได้ร่วมตักบาตร และ ร่วมพิธีกราบแม่ด้วย

ตอนบ่าย มีการสัมมนาคุรุและผู้ปกครอง และได้เริ่มก่อตั้งชมรมผู้ปกครอง นร.สัมมาสิกขาศาลีอโศก โดยมีคุณวีณา ทัศศรี เป็นประธาน, คุณอังคณา เชี่ยงหว่อง รองประธาน และคุณกัลยา ไข่แก้ว เป็นเลขา ต่อด้วยรายการบันเทิงภาคค่ำ ของบรรดาแม่ๆ ลูกๆ

วันที่ ๑๒ ส.ค. ทำวัตรเช้า เปิดใจคุณแม่กับลูกๆ ส่วนกิจกรรมของวิทยุชุมชน มีเด็กๆจากข้างนอก มาร่วมรายการ โดยพี่เลี้ยงพาเด็กๆ พัฒนาสถานที่ ก่อนจะมาฟังธรรม จากสมณะ และร่วมกิจกรรมในศาลา ซึ่งมีทั้งการประกวดร้องเพลง เกี่ยวกับแม่ และการแสดงละคร สะท้อนปัญหาสังคม เป็นต้น

หลังปิดงาน ได้เปิดยุทธการเก็บหาง ๔๖ นาที ด้วยความร่วมมือจากทุกคน ทำให้งานเสร็จเร็วกว่าที่คาดคิด

*** ภูผาฟ้าน้ำ
วันที่ ๑๒ ส.ค.เวลา ๐๓.๓๐ น. เป็นรายการสมณะแต่ละรูป รำลึกถึงพระคุณแม่

เสร็จแล้วแม่-ลูกร่วมตักบาตร และเวลา ๐๙.๐๐ น. อาจารย์ ๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต ให้โอวาทเปิดงานถึงสภาวะของผู้เป็นแม่ ที่มีแต่ให้ และ เราจะต้อง เป็นผู้ให้ ซึ่งกันและกัน

จากนั้น นร.สัมมาสิกขาฯอ่านเรียงความและบทกลอนรำลึกถึงพระคุณแม่ที่ชนะการตัดสินอันดับ ๑-๓ ช่วงทานข้าว มีการแสดงต่างๆ และมีซุ้มอาหาร อยู่รายรอบศาลา

ส่วนช่วงเย็นเป็นรายการสัมภาษณ์คุณแม่ถึงประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก ดำเนินรายการโดยสมณะลานบุญ วชิโร จบลงด้วยพิธีกราบแม่

*** ราชธานีอโศก
เช้าวันที่ ๑๐ ส.ค.ในช่วงก่อนฉัน ซึ่งตรงกับวันสุดท้ายของงานอบรมฯ ธ.ก.ส. พ่อท่าน จึงได้แสดงธรรมโปรด ทั้งผู้อบรมฯ และบรรดา คุณแม่ ด้วยภาษาอีสาน

เวลา ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น.สัมมนาผู้ปกครอง โดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก และ สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน

ส่วนรายการภาคค่ำ เป็นละครสะท้อนชีวิตของนักเรียน ซึ่งปีนี้เด็กๆ แสดงละครสู่แกนโลกุตระทั้งหมด และมีความคิด สร้างสรรค์ดี

ในวันจันทร์ที่ ๑๑ ส.ค. ผู้ปกครองร่วมทำวัตรเช้าที่เฮือนศูนย์สูญ มีการแบ่งกลุ่มผู้ ปกครองเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อเรียนรู้สัมมาอาชีวะ ตามความสนใจ คือ กสิกรรม ไร้สารพิษ ที่สวนไวพลัง ซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุด, การทำอาหารมังสวิรัติที่โรงครัว และ การทำปาท่องโก๋ ใต้เฮือนศูนย์สูญ

เวลา ๐๙.๐๐ น. ฟังเทศน์วันแม่ โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร และเวลา ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐น. ผู้ใหญ่บ้าน เคารพพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เปิดกรวยแพ พานธูปเทียน ร่วมกันสวดบทบูชาแม่ ตัวแทน นร.กล่าวระลึกถึง พระคุณแม่ แล้ว ลูกๆ พร้อมกัน ร้องเพลงลูกแม่ (ของครูสมพงษ์ หมื่นจิตต์) หลังจากนั้น ได้พากันกราบแม่ โดยมีคุรุดินดิน ธนะโภค ดำเนินรายการ ต่อด้วยรายการ แม่เปิดใจ เสร็จแล้ว รับประทานอาหารร่วมกัน

*** สีมาอโศก
รร.สัมมาสิกขาฯและชาวชุมชนร่วมกันจัดงาน "เพื่อแม่ แพ้บ่ได้" ในวันที่ ๑๐ ส.ค. มีผู้ปกครองซึ่งส่วนมากมาจากอีสานตอนบน ทยอยมา ตั้งแต่วันที่ ๘ ส.ค.

โดยวันที่ ๑๐ ส.ค.เวลา ๐๔.๐๐ น. มีการประชุมผู้ปกครองนักเรียน

ส่วนพิธีเริ่มประมาณ ๐๙.๐๐ น. มีสมณะน่านฟ้า สุขฌาโน และสิกขมาตุผุสดีให้โอวาท จากนั้นเป็นพิธีไหว้แม่ สวดสรรเสริญคุณ บิดามารดา ร้องเพลง และ อ่านกลอนวันแม่ แล้วลูกๆมอบดอกมะลิให้คุณแม่ จากนั้นมีการ มอบรางวัลศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา ให้กับ นร.สัมมาสิกขา และ มีการแสดง ของนักเรียน ในช่วงรับประทาน

แม้ปีนี้จัดในระยะเวลาที่น้อยกว่าปีที่ ผ่านๆมา และต้องแบ่งเวลาจากงานอบรมเกษตรกรก็ตาม แต่นักเรียนทุกคน ก็พยายามจัดงาน ให้ดีที่สุด เพื่อให้ คนที่เรา รักที่สุด นั่นเอง

*** ชุมชนทักษิณอโศก
เริ่มกิจกรรมวันที่ ๑๑ ส.ค.เวลา ๑๘.๐๐ น. ด้วยการทำวัตรเย็นของสมณะและชาวชุมชน เปิดใจถึงความรู้สึก และความประทับใจ ที่มีต่อแม่

วันที่ ๑๒ ส.ค. บรรยากาศปีนี้เงียบกว่าปีที่แล้ว เพราะทางชุมชน งดกิจกรรมพุทธธรรม วันอาทิตย์ชั่วคราว เลยขาดเด็กนักเรียนและ ผู้ปกครองร่วมงาน

กิจกรรมเริ่มโดย สมณะดินดี สันตจิตโต พานั่งสมาธิและเทศน์ เพื่อระลึกถึง พระคุณแม่ จบแล้วเป็นพิธีกราบขอพรจากแม่ ของชาวชุมชน ซึ่งเป็น ผู้อายุยาว ๒ ท่าน คือ คุณแม่ใจแผ้ว อ่อนแก้ว และคุณแม่กิมเฮียง สุวรักษ์ จากนั้น น้องๆ กราบพี่ๆ ตามลำดับ

ปีนี้แม้จะไม่มีงานสนุกสนานร่าเริง แต่ทุกคนได้เปิดใจ พูดถึงแม่เต็มที่ ได้เห็นคุณค่าของผู้เป็นแม่ และเกิดความรู้สึก เป็นภราดรภาพ ยิ่งขึ้น ในหมู่กลุ่ม.

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


มติจากที่ประชุมพาณิชย์บุญนิยม ครั้งที่ ๓ *
นวตกรรมใหม่ของชาวอโศก
การติดราคาขายส่งบนฉลากผลผลิตของชาวอโศก

เนื่องจากในการประชุมพาณิชย์บุญนิยม ณ ชุมชนสันติอโศก เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งมีพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นประธาน ในที่ประชุม ได้มีมติเห็นด้วยในหลักการที่จะให้ระบุ ราคาขายส่งบนฉลากผลผลิตของชาวอโศก ซึ่งพ่อท่านเห็นว่า เรื่องนี้ถือเป็น นวตกรรมใหม่ ของชาวอโศก ซึ่งคณะทำงานต.อ.ชุมชน ร้านค้า โดยเฉพาะหน่วยผลิต ควรได้มาประชุมทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อสรุปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป

ดังนั้น ในวันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เวลา ๖.๐๐ น. ณ โบสถ์ชั้น ๒ ชุมชนสันติอโศก จึงได้เชิญคณะทำงาน ต.อ.ชุมชน ร้านค้า และ หน่วยผลิต มาประชุมร่วมกันโดยมีพ่อท่านเป็นประธานที่ประชุม ซึ่งจากการประชุม มีมติดังนี้

๑ . ให้ติดราคาขายส่งบนฉลากผลผลิตของชาวอโศก (แทนการการติดราคาขายปลีกแต่เดิม ที่ว่า "ไม่ควรขายเกิน..(ระบุ)..บาท" ) เพื่อกำหนดราคา ในท้องตลาดทั่วไป ที่รับสินค้าจากชุมชนชาวอโศกไปจำหน่าย สร้างความเป็นธรรมทางการค้าต่อผู้บริโภค
โดยเขียนบนฉลาก ด้วยข้อความว่า
"ราคาขายส่งไม่เกิน..(ระบุ)..บาท หรือ ขายส่งไม่เกิน..(ระบุ)..บาท"

๒. ราคาขายส่งที่ติดบนฉลาก หมายถึง ราคาที่ร้านค้าขายส่ง "ซาปั๊ว"** (ซึ่งรับมาจากตัวแทนจำหน่าย เช่น แด่ชีวิต"ยี่ปั๊ว"**) ขายให้กับลูกค้า
วิธีคิด ราคาขายส่งเพื่อติดบน 'ฉลากสินค้า'
ที่ประชุมพาณิชย์บุญนิยมได้เสนอวิธีคิดเป็นสูตรสำเร็จให้กับหน่วยผลิต คือ
ราคาขายส่ง (ที่ติดบนฉลาก) = [ราคาขายส่ง(จากหน่วยผลิต) X ๑๐๐] / ๗๐

ราคาขายส่งตามสูตรนี้ บางครั้งจะออกมาเป็นเศษทศนิยมให้หน่วยผลิตปัดทศนิยมขึ้นหรือลงตามแต่หน่วยผลิตเห็นเหมาะสม เพื่อให้สะดวก ต่อการติดราคา และการขายสินค้า

ยกตัวอย่าง ศูนย์เจาะวิจัยปฐมอโศก คิดราคาขายส่งเครื่องดื่มสมุนไพรชนิดชง ๑๘ บาท
ราคาขายส่งบนฉลาก เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดชง = [๑๘ X ๑๐๐]/๗๐ = ๒๕.๗ ~ ๒๖

ดังนั้นราคาที่ติดบนฉลาก คือ ราคาขายส่งไม่เกิน ๒๖ บาท

ราคาขายส่งที่คำนวณได้เป็นราคาที่พิมพ์หรือติดบนฉลากเท่านั้นในทางปฏิบัติหน่วยผลิตหรือผู้ขายส่งจะขายต่ำกว่านี้ก็ได้ (ซึ่งซาปั๊วจะขายส่งให้กับร้านค้าปลีกทั่วไปได้ไม่เกินราคาบนฉลากนี้ และถ้าซาปั๊วจะขายปลีกก็ขายได้ในราคาต่ำกว่า เท่ากับหรือมากกว่าราคาบนฉลากนี้ได้ แล้วแต่ร้านค้าแต่ละแห่งจะกำหนดให้เป็นบุญนิยมระดับไหน (ซาปั๊ว หมายถึง ร้านค้าชุมชน)

ที่มาของสูตรสำเร็จในการคิดติดตามอ่านได้ในหนังสือสารอโศก ฉบับที่๒๖๒ เดือนกรกฎาคมนี้ คอลัมน์ "เปิดหน้าต่าง ต.อ."

๓. การติดราคาขายส่งบนฉลากผลผลิตของชาวอโศก ให้หน่วยผลิตชาวอโศก และญาติธรรมปฏิบัติได้ทันที เพื่อเป็นไปตามมติขอให้ปฏิบัติ ดังนี้
๓.๑. ถ้ามีการพิมพ์ฉลากใหม่ ให้พิมพ์เพิ่มข้อความ ราคาขายส่งไม่เกิน..(ระบุ)..บาท ลงไปเลย
๓.๒. ถ้าฉลากเก่ายังเหลืออยู่ ให้พิมพ์สติ๊กเกอร์ ราคาขายส่งไม่เกิน..(ระบุ)..บาท ติดทับลงไปบนฉลาก
ข้อความดังกล่าว ใช้ Font อโศกเท่านั้น ซึ่งสั่งพิมพ์ หรือขอตัวอย่างได้ที่ บจ.ฟ้าอภัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

๔. ขอให้ชุมชนแบ่งหน้าที่ฝ่ายขายฝ่ายผลิตให้ชัดเจน โดยหน่วยผลิตของชุมชนไม่มีหน้าที่จำหน่ายสินค้า ขอให้การจำหน่ายสินค้า เป็นหน้าที่ของ ร้านค้าชุมชน หรือ ฝ่ายขายเท่านั้น เหตุผล คือ
๔.๑. เป็นการจัดสรรการค้า การผลิตให้เป็นระบบ
๔.๒. มุ่งเน้นให้ฝ่ายผลิตมีเวลาดูแล และพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้มีมาตรฐานสม่ำเสมอ

หมายเหตุ
๑. * มติครั้งที่ ๑ ธรรมนูญบุญนิยมร้านค้าเครือข่ายชาวอโศก
มติครั้งที่ ๒ ห้ามพระ ภิกษุซื้อของในร้านค้าชุมชนชาวอโศก
๒. ** ยี่ปั๊ว หมายถึง ร้านขายส่ง, ซาปั๊ว หมายถึง ร้านขายส่งและขายปลีก.

- ต.อ.กลาง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน
- ทีมข่าวสัญจร -

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ความหวังที่รอคอยมานานก็เป็นผล เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบายเร่งด่วน ภายใต้ชื่อ "โครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย" ที่มีฐานะยากจนและมีปัญหาด้านหนี้สิน เพื่อแก้ปัญหาความ ยากจน และลด ภาระ หนี้สิน โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับไปดำเนินการ สำหรับเกษตรกร ที่ได้รับคัดเลือก ให้เข้าร่วม โครงการ พักชำระหนี้ ก็คือ เกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้อยู่กับ ธ.ก.ส. ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จะได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น เป็นเวลา ๓ ปี และ ดอกเบี้ย เงินกู้ ที่เกิดขึ้นในช่วง ๓ ปีที่พักหนี้ให้นั้น รัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระไว้แทน โดยระยะเวลาการพักชำระหนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๔ ไปจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๗

ทันทีที่นโยบายนี้ประกาศออกไป มีเสียงสะท้อนจากหลายฝ่ายว่าจะมีทางสำเร็จได้อย่างไร เป็นนโยบายที่ทำเพื่อเอาใจชาวบ้านให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้น แล้วเมื่อครบกำหนด ๓ ปี ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่ทางออกของรัฐบาล ที่เพิ่มความมั่นใจ ให้กับทุกฝ่ายว่า เกษตรกร จะสามารถชำระหนี้ได้ ภายในเวลา ๓ ปี ก็คือ การมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำ "โครงการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรหลังพักชำระหนี้" เพื่อให้ เกษตรกร มีอาชีพเสริม รายได้จากอาชีพหลักและอาชีพเสริมเพิ่มขึ้น สามารถมีเงินพอ ที่จะชำระหนี้คืน ธ.ก.ส. โดยไม่ก่อให้เกิด หนี้นอกระบบ ขึ้นใหม่อีก ซึ่งการพัฒนาอาชีพนั้นจะมุ่งเน้นการปรับวิธีคิด ของเกษตรกรในการจัดการตนเองและชุมชน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต วิธีพัฒนา คุณภาพชีวิต โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้ดำเนินการจัดอบรมไปแล้ว หลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนา หัวหน้ากลุ่มลูกค้า และ โครงการ พัฒนาศักยภาพ และ คุณภาพชีวิตเกษตรกร หรือ "สัจธรรมชีวิต" เป็นต้น.
(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จาก นสพ.มติชนรายวัน ๓ มิ.ย.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สดจากปัจฉาสมณะ
- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ -

ใส่ใจ-อาทร CARE

เข้าพรรษาทุกปีพ่อท่านต้องเดินทาง ไปมาระหว่างที่จำพรรษากับสันติอโศก ตั้งแต่ตั้งชุมชนปฐมอโศก จนมาถึงชุมชน ราชธานีอโศก ด้วยสันติอโศก ยังมีการประชุม หลายองค์กร ที่พ่อท่านยังต้องคอยดูแล เพื่อปลูกเพาะนโยบายบุญนิยมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพาณิชย์.. การศึกษา.. การเงินการคลัง.. การเมือง..สื่อต่างๆ..เรื่องของชุมชนเมืองที่ต่างไปจากชนบท ทั้งงานและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ฯลฯ ด้วยชุมชนเมืองอย่าง สันติอโศก ต้องสัมพันธ์ กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชนมาก ซึ่งมีเรื่องกฎหมาย และเกณฑ์กติกาต่างๆ ที่เข้มงวดกว่าชนบท บางอย่าง เป็นเรื่องที่ ละเอียดอ่อน และ ลึกซึ้งเกินกว่า ภาวะสามัญ ที่พวกเราจะใช้ดุลยพินิจ ตัดสินใจกันเองได้ อีกทั้งงานเขียน ของพ่อท่านเอง การตรวจแก้.. การส่งงาน ที่สันติอโศก สะดวกกว่าทุกที่ เหล่านี้เป็นเหตุผล ที่ทำให้พ่อท่าน ต้องเดินทางไปมา อย่างน้อยเดือนละครั้ง

ถ้ามีกรณีพิเศษจรมาก็จำต้องเดินทางมากขึ้น แน่นอนว่าค่าโดยสารย่อมสูงตามไปด้วย เช่นล่าสุดนี้ (๒๕-๒๗ ก.ค.) เดินทางโดย เครื่องบิน จากกรุงเทพฯ ไปตรังเพื่อร่วมงานที่ ทักษิณอโศก แล้วโดยสารกลับจากตรังมากรุงเทพฯ จากนั้นก็ต่อเครื่องบินกลับมาอุบลฯ เฉพาะค่าโดยสาร ของผู้เขียน เป็นเงิน ๗,๖๖๐ บาท ส่วนของพ่อท่าน และ ท่านชัดแจ้ง ๖,๖๑๐ บาทเนื่องจากได้ส่วนลด ในฐานะ ผู้มีอายุเกิน ๖๐ ปี ดูตัวเลขแล้ว ก็น่าตกใจ ถ้าเทียบกับการซื้อสิ่งของ ยังมีสิ่งของ ที่เป็นวัตถุ เหลือให้เห็น หรือใช้งานได้อีกนาน แต่นี่วับเดียว มลายหายไป แค่สะดวกรวดเร็ว ถนอมสุขภาพ และประหยัดเวลา สำหรับพ่อท่านแล้วคุ้มแสนคุ้ม ด้วยพ่อท่าน ทำประโยชน์ได้มหาศาล แต่ผู้เขียนนี่สิ.. กิเลสยังเพรียบ... แล้วจะคุ้มไหมเนี่ย พ่อท่านเคยกล่าวว่า ในชีวิตนักบวชนี่ ถ้าทำบุญก็เป็นบุญมาก ถ้าทำบาปก็บาปมหาศาล เฮ้อ! ชาติหน้าๆ คงได้เกิดมาใช้หนี้ ญาติโยม ที่มาทำบุญ แถมมากราบเราอยู่ทุกวัน.. "อาน" แน่

ก่อนขึ้นเครื่องจากอุบลฯจะมากรุงเทพฯ ( ๓๑ ก.ค.) เห็น พระ ๒ รูปขึ้นเครื่องมาด้วย ผู้เขียนยังคิดเสียดายเรื่องค่าโดยสารที่สูง สำหรับฐานะจนๆ อย่างเรา จึงเปรยให้พ่อท่านฟังว่า นี่ถ้าผู้ใหญ่ของการบินไทย เอื้ออาทรต่อเรา ลดราคาค่าโดยสารให้ ครึ่งราคา เช่นเดียวกับ พระทั่วๆ ไปได้ก็ดี พ่อท่านบอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วมันจะเป็นไปเอง ไม่ต้องไปคิดอยากเลย ถ้าเขาไม่ยอมลดเลย ก็ไม่เป็นไร ถือเสียว่า เราทำบุญ ก็แล้วกัน

แม้อัตราค่าโดยสารจะแพง แต่ญาติโยมก็ยินดี เพื่อถนอมสุขภาพพ่อท่าน เป็นสำคัญ ขณะที่สุขภาพพ่อท่านโดยรวมถือว่าแข็งแรง โรคที่ผู้มีอายุ ในวัยอย่างนี้ มักจะเป็น เช่นหัวใจ..เบาหวาน.. ความดัน..ตับ..ไต ฯลฯ พ่อท่านไม่ได้เป็นเลย จุดอ่อนที่มีอาการไม่ปกติก็มีตา..คอและเข่า ซึ่งก็เป็น ความเสื่อม ตามวัย เนื่องจากการใช้งานมาก โรค "ตา" ที่มีอาการจอภาพเสื่อมเกิดบริเวณ มืดบอดตรงกลางตาขวา ผลข้างเคียง ที่ตามมาก็คือ อาการต้อกระจก โดยหมอที่ดูแลนัดไปตรวจดูเป็นระยะๆ ครั้งต่อไป จะเป็นช่วงออกพรรษาแล้ว ส่วนโรค "คอ" นั้นจากการไอ ค็อกแค็กๆ เป็นช่วงๆ เมื่อได้ไปพบหมอ ที่เชี่ยวชาญหลายคน ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรง เป็นเรื่องของภูมิแพ้บางสิ่งเท่านั้น อาจจะเป็นฝุ่น..เกสรดอกไม้ฯลฯ ซึ่งยังหา ข้อสรุปไม่ได้ ว่าแพ้อะไร? จะมีอาการไอ ก็ต่อเมื่อ กระทบสัมผัสกับปัจจัยที่แพ้นั้น

ล่าสุด ๑ ส.ค. นี้ บริเวณเข่าซ้ายที่เคยมีอาการร้อนๆเมื่อนั่งทำงานนานๆ เกิดมีอาการกระตุกๆในๆเข่าด้วย วันก่อนๆ ก็มีกระตุกบ้างแต่ไม่มาก อย่างวันนี้ พอดีต้องเดินทางไปพบ ท.พ.หาญณรงค์ พิทยะ ที่คลีนิคของหมอแถวสุขุมวิท เนื่องจากเหงือกมีอาการบวม หมอฟ้ารักเกรงว่าตนมือไม่ถึง จึงนิมนต์พ่อท่าน มาให้อาจารย์หมอหาญณรงค์ ช่วยรักษา หลังจากหมอหาญณรงค์ตรวจดูแล้ว เห็นว่ายังไม่มีอะไรร้ายแรง เหตุที่เหงือก บวมมาจาก การแปรงฟัน ของพ่อท่านเอง เข้าใจว่าพ่อท่านถูแรงไป ทำให้เหงือกตรงโคนฟันร่น อีก ๒ เดือนค่อยมาตรวจใหม่ ถ้าเหงือกปิดได้เอง ก็ไม่ต้องเย็บเหงือก เพื่อปิดรูโคนฟัน เชื้อแบคทีเรีย จะได้ไม่ลงไปก่อปัญหาร้ายแรงต่อไป มีข้อน่าสังเกตอยู่นิดหนึ่งก็คือ พ่อท่านมีลักษณะนิสัย ที่ทำอะไรๆ มักจะแรงๆ หนักๆ เช่นถุงใส่เอกสาร ที่หอบติดตัวประจำ จะใส่อะไรๆ..แน่นและหนัก หรือการเปิดฟังเสียง จากเครื่องต่างๆ จะดังกว่าสามัญ ที่ฟังกัน ฯลฯ หมอฟ้ารัก เคยบอกว่าเป็นลักษณะของ ผู้ใช้สมองมาก ผู้ทำงานบริหารส่วนใหญ่ เวลาแปรงฟัน มือจะหนัก ขนแปรงจะเยินเร็ว

เสร็จจากตรวจดูฟัน เดินทางต่อไปพบ น.พ.ดิเรก อิศรางกูร ณ อยุธยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูก ที่ ร.พ. วิชัยยุทธ เพื่อตรวจดูอาการร้อนๆ และกระตุก ที่เข่าซ้ายนั้น หลังจากการตรวจดูไม่พบอะไรที่ผิดปกติร้ายแรง ภาพ X-RAY เข่าก็ดูดี ไม่ใช่โรคเข่าเสื่อมเลย ถ้าจะมีน้ำในข้อเข่าก็น้อยนิด ไม่ใช่สาเหตุ ที่ทำให้ร้อนๆ และกระตุกในข้อเข่า แน่ๆ ส่วนอาการกระตุกและร้อนนั้นเกิดจากอะไร? หมอเองก็ตอบไม่ได้ เมื่อส่งต่อให้หมอที่เชี่ยวชาญ โรคระบบ เส้นประสาทตรวจ ก็ไม่พบความเสื่อม ของเส้นประสาท ที่ร้ายแรงอะไร เป็นเพียงความเสื่อม ตามวัยธรรมดา ถ้าเส้นประสาทเสื่อม จะมีอาการ แปล้บๆ บริเวณ ผิวๆ ไม่ใช่ข้างในเข่า และจะมีอาการแปล้บเป็นแนวเส้นพาดเฉียงๆ ไม่ใช่กระตุกเป็นจุดบริเวณอย่างนี้

เมื่อคุณเพ็ญเพียรธรรมตั้งข้อสังเกตถามหมอว่าก่อนหน้านี้พ่อท่านจะบริหารกายแบบโยคะมีท่าพับเข่าแล้วเอนกายไปข้างหลัง อันนี้จะเป็นสาเหตุ ทำให้มีอาการ เข่าผิดปกติได้หรือไม่ หมอไม่ได้สรุปว่าจะเป็นสาเหตุนี้หรือไม่ แต่หมอได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการบริหารกายโยคะ ในผู้สูงวัย อย่างนี้ ด้วยกระดูกเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ ของผู้สูงวัย มันแข็งตัว ยืดหยุ่นยากกว่าวัยเด็กๆ หรือหนุ่มสาว ถ้าผู้ฝึกทำแรง และเร็วเกินไป ก็จะเกิด การบาดเจ็บ กลายเป็นผลเสียได้ โดยหมอบอกเล่าประสบการณ์ที่พบผู้ป่วยจากการทำโยคะ จนเส้นยืดเกิน ทำให้ข้อมือพับตกผิดปกติ

ฟังหมอพูดถึงความผิดพลาดจากการทำโยคะ ก็คิดไปถึงลักษณะนิสัยของพ่อท่านที่ทำอะไรมักจะเข้มๆ..แรงๆ..หนักๆ ดังนั้น โอกาสที่พ่อท่าน จะพลาด ย่อมมีได้ แต่อาการร้อน และกระตุกที่เข่านั้น ผู้เขียน คิดว่า ไม่น่าจะมาจากการทำโยคะ เพราะพ่อท่านมีอาการร้อนที่เข่า มานานแล้ว ก่อนการทำโยคะ ในท่าพับเข่าเสียอีก ส่วนอาการกระตุกก็ไม่น่าจะใช่ ด้วยหยุดทำโยคะพับเข่าเป็นเดือนมาแล้ว ผู้เขียนคิดว่า สาเหตุน่า จะมาจาก วิถีชีวิต ที่นั่งมากเกินไป ทำให้การไหลเวียนเลือด ไม่ปกติ จำได้ว่าหมอนวดสายราชศักดิ์ที่บางซื่อ (ซึ่งเคยนวดให้พ่อท่าน) เห็นว่าอาการร้อนที่เข่า จะไม่มี วันหายไปได้ ตราบใดที่พ่อท่าน ยังนั่งทำงานนานๆ ผู้เขียนก็เช่นกัน มีแต่นั่งทั้งวัน มาหลายปีแล้ว เข่าขวามีอาการเจ็บน้อยๆเป็นจุด ทำอย่างไรได้ เมื่อวิถีชีวิต และ งานเป็นเช่นนี้

ก่อนออกจากห้องหมอ เหลือบไปเห็นข้อคิดสอนใจหมอติดอยู่ที่ข้างห้อง อ่านดูก็รู้สึกว่าดี เผื่อพวกเราจะนำมาปรับใช้กับคนที่อยู่รอบข้างเรา

CARE
ใส่ใจ-อาทร
คนไข้จะไม่สนใจคุณหรอกว่า
คุณรู้ คุณเก่งมากสักแค่ไหน
จนกว่าเขาจะรู้ว่า
คุณเอาใจใส่ดูแลเขามากเพียงไร

ในห้องทำงานที่บ้านราชฯ (๓๐ ก.ค.) ขณะฉันอาหาร ได้ยินเสียงประกาศ.. ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปโอ และยินดีที่จะบริจาค ช่วยติดต่อประชาสัมพันธ์ด้วย.. พ่อท่าน สะดุดสนใจ ทักถามว่า ใครเป็นอะไร? เมื่อสอบถามประชาสัมพันธ์ จึงรู้ว่าเป็นโยมแม่สมณะเดินดิน หมอจะกว้านตัดเนื้อเน่า ที่แผลกดทับ ซึ่งจะเสียเลือดมาก.. ความใส่ใจ สนใจเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ ถือเป็นเรื่องปกติ ของการเป็นผู้นำ อย่างพ่อท่าน

เมื่อมาที่สันติฯ ๑ ส.ค.ได้ฟังท่านจันทร์เทศน์แนะนำข้อปฏิบัติที่พึงกระทำคือ
๑) เงยหน้า ๒ ) พูดจาก่อน ๓ ) พูดให้พอเหมาะ สุดยอดครบวงจรจริงๆ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


คกร.และตัวเแทนชาวอโศกร่วมงาน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี ๒๕๔๖
ร่วมคิด ร่วมสร้าง เส้นทางสุขภาพ

สมัชชาสุขภาพ คือ เวทีที่ทุกภาคส่วนในสังคมได้เข้ามาร่วมกันคิด ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อย่างใช้ปัญญาและสมานฉันท์ เพื่อให้เกิด นโยบาย และ ยุทธศาสตร์ ด้านสุขภาพ และเกิดการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ปวงชน

"สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี ๒๕๔๖" ร่วมคิด ร่วมสร้าง เส้นทางสุขภาพ จัดโดย กรรมการปฏิรูประบบสุขภาพ แห่งชาติ (คปรส.) เริ่มงานวันที่ ๗-๘ สิงหาคม ๒๕๔๖ ณ ศูนย์นิทรรศการและประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ทางคปรส.ได้เชิญเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย (คกร.) เข้าร่วมงาน โดยคุณถึงไท แสงสุริยจันทน์ ประธานคกร.นำคณะ มีตัวแทนจากสาขาสันติอโศก ปฐมอโศก ศาลีอโศก ราชธานีอโศก และ ทักษิณอโศก รวมทั้งหมด ๙ คน ครั้งนี้นับเป็นปีแรก ที่ชาวอโศก เข้าไปมีส่วนเข้าร่วมการประชุม ด้านสุขภาพ ระดับประเทศ

เปิดงานวันแรก มีผู้ร่วมงานจากภาครัฐ องค์กรเครือข่ายเอกชน นักวิชาการ ประชาชน ฯลฯ ประมาณ ๒,๐๐๐ คนเต็มห้องประชุม นายไพโรจน์ นิงสานนท์ รองประธาน คปรส.กล่าวเปิดงาน และ เปิดประชุมสมัชชาฯ ตามหัวข้อการประชุมกลุ่มย่อยมี ๖ ประเด็น เราแบ่งกันไปร่วม ตามกลุ่มย่อยต่างๆ ดังนี้
๑. เกษตรที่เอื้อต่อสุขภาพ
๒. อาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน
๓. นโยบายสาธารณะและสิ่งแวดล้อม
๔. ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ
๕. บริการสาธารณะสุขแบบองร์รวม
๖. การจัดการกำลังคนด้านสาธารณสุขเพื่อชุมชน

คุณถึงไท ฝากถึงผู้ที่รักห่วงใยสุขภาพว่า "ถ้าพวกเราระดมให้คนรักสุขภาพมากขึ้น ก็จะมีผลต่อด้านการเกษตร ที่สำคัญคือ ต้องเพิ่ม ด้านจิตวิญญาณ และ คุณธรรมด้วย (ลดละเลิกอบายมุข) วันนี้คนไทยตายด้วย 'มะเร็ง'มากที่สุด สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ การได้รับ 'สารเคมี' ที่ปนเปื้อนอาหาร"

วันที่สอง ของการประชุมมีการแยกเยาวชนออกจากหมู่ แล้วรวมเป็น ๒ กลุ่มย่อย ช่วยกันระดมความคิดเห็น และความต้องการ ของเยาวชน และ เปิดโอกาส ให้นำเสนอ ในที่ประชุมใหญ่

นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานพิธีปิดการประชุมกล่าวว่า "ก้าวต่อไปของการกำหนดนโยบาย และ ยุทธศาสตร์ ด้านสุขภาพ เริ่มจากก้าวที่ผ่านมา... ก้าวที่มั่นคง และน่าภูมิใจ คือ แม่และเด็กตายน้อยลง ภาวะ ทุพโภชนาการดีขึ้น ประชาชน มีน้ำสะอาดดื่ม ฯลฯ ก้าวต่อไป นโยบาย... ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง โดยรัฐสนับสนุน ยุทธศาสตร์... การเพิ่มศักยภาพ ให้ประชาชนได้เรียนรู้ และ เลือกใช้ วิทยาการใหม่ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการพึ่งตนเอง โดยมีเป้าหมาย... รายบุคคล ครอบครัว ชุมชน"

"เป็นตำนานผู้คนหลากหลาย มากมายความคิดฝัน
ร่วมทุกข์ร่วมสุข ด้วยกัน เพาะเมล็ดพันธุ์กลางดวงใจ
เดินไปสู่ปลายฝัน สุขภาพนั้น อันสมบูรณ์"
นั้นคือ "สุขภาพบุญนิยม" (บุญญาวุธหมายเลข ๔)

- ฅนเดินทาง -

ภัยจากนกพิราบ

พูดถึงนกพิราบ ใครๆก็คงคิดไม่ถึงว่า จะมีพิษมีภัยได้อย่างไร ดูช่างเป็นสัตว์ปีกที่น่ารักน่าทะนุถนอมเลี้ยงไว้เชยชมเล่น ถ้าพิษภัยนี้ ไม่ได้เกิดกับ ญาติธรรม ที่ใกล้ชิดถึง ๒ คน ก็คงไม่มีแรงจูงใจไปค้นคว้าเขียนมาเล่าสู่กันฟัง แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก หรือพบ แต่หมอวินิจฉัย ไม่ทันการ คนไข้ตาย ไปก่อน ก็มีอยู่ จึงอยากจะให้พวกเราได้มีความรู้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงให้ไกลๆ ชนิดปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่านะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า ในมูลนกพิราบ มีเชื้อราชนิดหนึ่งชื่อว่า คริพโตคอคคัส นีโอฟอร์มานส์ (cryptococcus neoformans) ที่ทำให้เกิดโรคเยื้อหุ้มสมอง และไขสันหลัง อักเสบได้ คนรับได้ด้วยการสูดหายใจเข้าไปก่อน ต่อมาเชื้อจะแพร่กระจายไปทางเลือด เข้าสู่ผิวหนัง กระดูก อวัยวะภายในช่องท้อง ทำให้เกิดโรคได้ แต่ที่สำคัญ และพบมากที่สุดคือ เชื้อชอบไปเจริญเติบโต ที่เยื้อหุ้มประสาทสมอง และไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เป็นพักๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากบริเวณหน้าผาก ขมับและเป้าตา มีไข้และอาเจียนร่วมด้วย การวินิจฉัยที่จะพบเชื้อได้คือ การเจาะน้ำไขสันหลัง ไปตรวจเพาะเชื้อ เมื่อพบเชื้อ แน่นอนแล้ว แพทย์จึงจะให้ยา และยาฆ่าเชื้อราตัวนี้ เป็นยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงมาก เป็นยาฉีด ที่ต้องให้ติดต่อกัน อย่างน้อย ๒ อาทิตย์

จากการวิจัยยังพบว่า เชื้อนี้มีในมูลนกอื่นๆอีก เช่น นกกา นาดุเหว่า นกเอี้ยง แต่พบปริมาณน้อยมาก และยังพบในนม ที่ได้จากวัว ที่เต้านมอักเสบ จากเชื้อนี้ด้วย เมื่อได้ศึกษาข้อมูลนี้แล้ว ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ กระทั่งนก และสัตว์อื่นๆ ด้วย คงเทียบเคียงกัน ให้เข้าถึงความจริงได้ว่า การเลี้ยงสัตว์ นอกจากจะทำให้ เสียความเป็นสัตว์ คือ ทำให้สัตว์ขาดอิสระเสรีภาพ ภราดรภาพ และ ขาดศักยภาพ ของความเป็นสัตว์ ตามธรรมชาติแล้ว ยังอาจจะก่อให้เกิดโรคภัย ต่อคนได้ด้วย บางคนเกิดความผูกพัน ห่วงใยสัตว์ จนขาดโอกาส เข้าวัดเข้าวา ไปเลยก็มี ชาวอโศกบางท่าน ที่ยังชอบเลี้ยงสัตว์ ชนิดใดอยู่ก็ตาม ลองทบทวนดูอีกที นะคะ

และแล้ว คำตรัสของพระพุทธองค์เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีก็คลี่คลายให้ได้เห็น อีกประเด็นแล้วล่ะค่ะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เครือข่ายชุมชนชาวอโศก
สนับสนุนกฎหมายห้ามโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

เดินขบวนถือป้ายสนับสนุน มอบดอกไม้ให้กำลังใจ

หนึ่งในจำนวนแผ่นป้ายหลายๆแผ่นที่สื่อบอกกับประชาชน...

ที่ชุมชนบุญนิยมสันติอโศก เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ ก.ค.ที่ผ่านมา ทำวัตรเช้าวันนี้บรรยากาศคึกคัก ทั้งคนวัด นักเรียน และชาวชุมชน ต่างร่วมแรง ร่วมใจ บรรจุอาหาร ใส่ถุงราว ๓๐๐ ถุง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้พวกเราที่เดินทางจากแดนไกล โดยนัดหมายมารวมตัวกันที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วจึง ร่วมเดินขบวน ไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสนับสนุนรัฐบาล ให้ออกมาตรการ "งดโฆษณาเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ทางโทรทัศน์ ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐-๒๒.๐๐ น."

ราว ๐๖.๓๐ น. ชาวปฐมอโศกเดินทางไปถึงที่นัดหมายเป็นกลุ่มแรก (รถบัส ๓ คัน ประมาณ ๑๙๐ คน) ติดตามด้วยชาวสันติอโศก (รถหกล้อ ๒ คัน รถตู้ ๓ คัน รถเก๋ง ๑ คัน ประมาณ ๙๐ คน) ต่อมาก็ชาวสีมาอโศก (รถบัส ๑ คัน ประมาณ ๕๐ คน) รวมประมาณ ๓๕๐ คน เมื่อพร้อมแล้ว ได้ตั้งแถว เดินเท้า ไปตามถนนราชดำเนินนอก ถือป้ายสนับสนุน การงดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐-๒๒.๐๐ น. จากเครือข่าย ชุมชนชาวอโศก เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย สภาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ เดินผ่านกองทัพภาคที่ ๑ พอถึงสี่แยก ที่จะเลี้ยวซ้าย ไปทำเนียบรัฐบาล ตำรวจที่นำทาง ได้พาให้เดินตรงไป จนถึงสะพานมัฆวาน ซึ่งเป็นด้านหลังของทำเนียบ แล้วให้หยุดขบวน ตรงด้านข้างน้ำพุ ให้ทุกคน มายืนรวมอยู่ด้านใน แผงเหล็กกั้นจราจร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ รปภ.ของทำเนียบ คอยควบคุม ไม่ให้เข้าไปในเขต ของทำเนียบ คณะของเรา จึงยืนถือป้ายสนับสนุน อยู่บริเวณนั้น นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ติดต่อให้พวกเรา ส่งตัวแทนเข้าไปรับแผ่นป้าย สนับสนุน และ ดอกกุหลาบ ในทำเนียบ สักครู่มี น.ศ.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี ประมาณ ๖๐ คน มาร่วมสมทบ ทำให้มีสีสันเพิ่มขึ้น จากสีน้ำเงินล้วนๆ ก็มีสีขาว แซมขึ้นมาบ้าง พร้อมแจกเอกสาร "จอมบึงโพล" สรุปความคิดเห็น เกี่ยวกับการงดโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนักศึกษา ๒๙๕ คน อายุ ๑๗-๒๕ ปี (๕๘%) เห็นด้วย ๗๙.๖๕ % ไม่เห็นด้วย ๒๐.๓๕ %
อายุ ๒๖-๓๙ ปี (๒๑%) เห็นด้วย ๗๐.๙๗ % ไม่เห็นด้วย ๒๙.๐๓ %
อายุ ๔๐ ปีขึ้นไป (๒๑%) เห็นด้วย ๘๕.๒๕ % ไม่เห็นด้วย ๑๔.๗๕ %

รวมเห็นด้วย ๗๘.๙๘ % ไม่เห็นด้วย ๒๑.๐๒ %

พวกเรายืนถือป้ายสนับสนุนเป็นชั่วโมง จนกระทั่งเลขาฯ ของฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี จาตุรนต์ ฉายแสง ได้เข้ามาพบกับ ตัวแทนเครือข่ายฯ แจ้งให้ทราบว่า ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องการเดินทางมาสนับสนุน ของกลุ่มเครือข่ายต่างๆแล้ว และท่านจะเดินทางมาพบด้วย ซึ่งในช่วงนี้ มีนักข่าว ทีวี ๓,๕,๗,๙,๑๑, ITV, UBC และนักข่าว นสพ.หลายฉบับ ยกขบวนมาเก็บภาพ กลุ่มผู้มาสนับสนุน สักพักใหญ่ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี จาตุรนต์ ฉายแสง ได้เดินทางมาถึง คณะผู้สนับสนุนยกมือไหว้ต้อนรับ และมอบดอกกุหลาบให้ ซึ่งเป็นภาพ ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

หลังจากนั้น เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศก เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย และ สภาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ กล่าวกับ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี จาตุรนต์ ฉายแสง โดยสรุปว่า คณะที่มาครั้งนี้ มาจากที่ใดบ้าง และ จุดประสงค์ที่มา เพื่อให้กำลังใจ และ แสดงความเห็นดี เห็นด้วยกับเรื่องที่ท่านเสนอ ให้รัฐออกกฎหมาย ควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ทุกชนิด รวมถึง การวางมาตรการ ควบคุมต่างๆ เพราะเห็นโทษภัย จากการดื่มสุรา และเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งทำลายชีวิตและก่อปัญหา กระทบต่อสังคม ในวงกว้าง อย่างมาก พร้อมทั้งได้มอบ เอกสารข้อมูล เกี่ยวกับการบริโภค แอลกอฮอล์ ของคนไทย ที่ดื่มมาก ติดอันดับโลก และแบบสำรวจ ความคิดเห็นของ น.ศ.ราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึงด้วย หลังจากนั้น ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี จาตุรนต์ ฉายแสง ได้กล่าวขอบคุณ ผู้มาให้กำลังใจ สนับสนุน การทำงาน ซึ่งจะพยายาม ทำต่อไป แล้วขอตัว เพื่อเตรียมประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

ต่อจากนั้น มีการปรับขบวนเดินกลับไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า ฝั่งวังสวนจิตรลดา ภายใต้การนำทางของ จนท. ตำรวจจราจร ที่มาช่วย อำนวยความสะดวก ให้ตลอดเส้นทาง อย่างสุภาพ และเป็นมิตรดี

มีการสรุปผล จากตัวแทนเยาวชน คนสร้างชาติ จากปฐมอโศก สีมาอโศกและสันติอโศก แห่งละ ๑-๒ คน ซึ่งส่วนใหญ่ มีความภาคภูมิใจ และประทับใจ ที่ได้มีส่วนร่วมแสดงออก ในบทบาทของประชาชน ตามวาระอันเหมาะควร ภายใต้สิทธิเสรีภาพอันพึงมี พึงเป็นในฐานะ ประชาชน คนไทย อย่างเต็มภาคภูมิ จากนั้นผู้ใหญ่ ได้พูดคุยกับเด็กๆ อีกคนละเล็กละน้อย เท่าที่เวลา และบรรยากาศเอื้ออำนวย ในขณะนั้น ซึ่งก่อน แยกย้ายกัน ขึ้นรถกลับ ได้ถ่ายรูปร่วมกัน ที่บริเวณลาน พระบรมรูปทรงม้า โดยมีพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นฉากหลัง

และเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้นเสร็จสิ้นแล้ว นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวภายหลัง การประชุม คณะรัฐมนตรีว่า ครม. ได้เห็นชอบ กับมาตรการ ยุทธศาสตร์ ที่คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เสนอมาตรการ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐-๒๒.๐๐ น. และมาตรการอื่นๆ ทั้งหมด โดยให้เริ่มวันที่ ๑ ต.ค.เป็นต้นไป ส่วนหลัง ๒๒.๐๐ น. นั้น จะไม่มี การโฆษณา ในรูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ถ้าโฆษณาที่ช่วยเหลือสังคม และบอกว่า สนับสนุนโดยใครนั้น สามารถทำได้ ส่วนโฆษณา ที่ได้เซ็นสัญญา กับบริษัทการกีฬาไปแล้ว ให้อนุโลมได้จนถึงวันที่ ๑ ม.ค.๔๗ และหลังจากนั้น จะห้ามไม่ให้แพร่ภาพโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรายการถ่ายทอดสด ภายในประเทศ ยกเว้นการถ่ายทอดสด กีฬาระดับชาติ และการถ่ายทอดกีฬา จากต่างประเทศ ที่มีสปอนเซอร์ ติดมาด้วย

อนึ่ง ทางกระทรวงสาธารณสุข ยังได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลัง ต่อที่ประชุมครม.ด้วยว่า ไม่มีสารอาหาร ที่มีประโยชน์ หรือ มีก็ในปริมาณ ที่น้อยมาก

ซึ่งในเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่า ควรเพิ่มให้เครื่องดื่มประเภทยาชูกำลัง บรรจุเข้าไปเป็น ๑ ในมาตรการ ดังกล่าวด้วย เนื่องจากปัจจุบัน เครื่องดื่มประเภทนี้ มีการโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้เยาวชนเข้าใจผิด ถึงประโยชน์ที่ได้รับ จะต้องมีการเข้าไปดูแลเนื้อหา โดยจะต้อง ไม่มีลักษณะ เชิญชวน หรือชักชวนให้ดื่มเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะอนุญาตให้โฆษณาเฉพาะ ภาพลักษณ์ของบริษัท หรือกิจการ เท่านั้นเอง โดยมีเหตุผลว่า

"ถึงเวลาแล้ว ที่สังคมไทย จะต้องดูแลเด็กและเยาวชน อะไรที่เป็นการส่งเสริม หรือมอมเมาเยาวชน ให้เสียผู้เสียคน ก็ต้องขจัดออกไป ให้มากที่สุด".
- ฅนเดินทาง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๑๒(๒๓๔) ปักษ์แรก ๑-๑๕ ส.ค.๒๕๔๖วันแม่แห่งชาติปีนี้ สมเด็จแม่ของปวงชน ชาวไทย ทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานคำขวัญ อัญเชิญในหนังสือวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๔๖ ความว่า

"สามร้อยหกสิบห้าวันคือวันแม่
มิใช่แค่วันใดให้นึกถึง
สม่ำเสมอสมัครจิตคิดคำนึง
เหมือนแม่ซึ่งรักลูกครบทุกวัน"

สุดยอด...เมื่อหลายวันก่อนที่ทีม ม.วช. วิชชาเขตสันติอโศกพากันไป(ฝึก)ดำนาที่สวน ๑๐ ไร่ เช้านั้นพ่อท่านและท่านฉันทโส ซึ่งบิณฑบาต ผ่านมา ได้เมตตา แวะเยี่ยม ให้กำลังใจ บรรดามือใหม่หัดดำ (นา) จิ้งหรีดเห็นหลายคนยิ้ม แก้มแทบปริ... จี๊ดๆๆๆ .....

ปฐมอโศก...ได้จิ้งหรีดปฐมฯกระซิบมา ทำให้อยากถามว่าเข้าพรรษานี้ เรื่องการรอคอยผู้อื่นนั้น คุณใจกลั่น ทำใจได้ดีขึ้นหรือยัง? แล้วการเป็น ผู้ตามที่ดีล่ะ รุดหน้าไปถึงไปแล้วฮะ (เอ! คงต้องลองไปถามที่ คุณใจดิน คงจะได้คำตอบ กระมัง) สำหรับคุณยม ช่วงนี้มีใครไหมเอ่ย ที่มอง ในแง่ดีไม่ได้ ก็ได้ข่าวว่าฝึกมาตั้งแต่ช่วงเดินจาริก ไปแดนอโศก ใช่ไหม ตั้งใจฝึกเข้านะฮะ ขอเอาใจช่วย มิฉะนั้น ตัวรำคาญคนง่าย จะหายยาก เผลอๆ หากอาการ กำเริบ พาลรำคาญไป ถึงสมณะเข้า วิบากอาจพาให้ต้องไกลวัดนะฮะ

ส่วนคุณปาง เพียรพลี จำได้หรือไม่ว่า ช่วงเดินจาริกกับนิสิต ม.วช. (ไปแดนอโศก) ช่วงนั้น เกิดความอิสระ เหมือนจะหลุดพ้น แต่เป็นการหลุดพ้น จากภาระ แบบไม่สัมมาฯ พอเจอผัสสะ เลยมีนิวรณ์ครอบงำ แต่พอหันมาเอาภาระกับเพื่อนๆ ที่ร่วมเดินทาง จิตที่ฟุ้งก็ลดลง

มาช่วงนี้เป็นถึงประธานนิสิต ม.วช. แถมยังเอาภาระโรงปุ๋ยด้วย จิ้งหรีดก็เลยเดาว่า ตอนนี้คงไม่มีเวลาฟุ้งซ่านแล้วกระมัง จริง ไหมฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ตบะหรรษา...ฉบับก่อน นึกชมเด็กๆที่สันติฯ ว่าขะมักเขม้นตั้งตบะช่วงเข้าพรรษาชนิดพวกผู้ใหญ่หลายๆคน ต้องอายม้วน เป็นนางอาย ไปแล้ว แต่พอได้ฟัง กลุ่มคอร์สพลังศรัทธา ที่จัดรายการ ตบะหรรษา ของญาติธรรม และนักเรียน จากปฐมอโศกทั้ง ๑๘ ท่าน ที่บอกว่า ไม่เน้นมากข้อ ขอเน้น เอาให้จริงถึงใจ เวลาอ่านตบะ ของแต่ละคน เสียงสาธุน่ะกระหึ่ม ตลอดรายการเลย ฟังแล้วก็น่าชื่นชมโขอยู่ จิ้งหรีดว่า พอหมด เข้าพรรษาแล้ว น่าจะจัดรายการ ให้แต่ละคน ประเมินผล ตนเองด้วย อยากฟังเสียงสาธุ กระหึ่มอีกฮะ.. จี๊ดๆๆๆ .....

ล้มแต่ปีติ...จิ้งหรีดแถวสีมาอโศก เล่าว่า เมื่อเช้ามืดวันที่ ๑๑ ก.ค. คุรุเอื้อธรรม ชาวหินฟ้า ได้ทำการวัดพื้นที่ (หกล้ม) เพราะเท้า ไปเกี่ยวกับ ผ้าเช็ดเท้า ไหล่ขวากระแทกพื้น แต่ก็ฝืนทำอาหารถวายสมณะ แม้ยกมือกราบ จะไม่ถนัด หลังจากนั้น ได้มีโอกาส ไปรักษาตัว ที่นา ๙ ไร่ ปฐมอโศก จนวันที่ ๒ ส.ค.นี้ ทราบว่า อาการดีขึ้นแล้ว จิ้งหรีดก็ขอให้คุรุ หายวันหายคืนนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ศึกษาบุญนิยม...อนุโมทนากับทีมการศึกษา สัมมาสิกขาภูผาฟ้าน้ำ หลังสัมมนาร่างหลักสูตรฯเสร็จ ก็เกิดวันลูกโพธิสัตว์ ที่มีคติพจน์ว่า "เสียชีพอย่าเสียศีล" พร้อมคำปฏิญาณตน และได้มีการรวมตัวบำเพ็ญประโยชน์ ทุกวันเสาร์ ล่าสุดก็ได้ปรับการเข้าแถว -เรียกแถว จากคำว่า "เฮ้" มาใช้คำว่า "บุญนิยม" แทน (ซึ่งน่าฟังกว่า "เฮ้" ตั้งเยอะ -จิ้งหรีด) ส่วนการทานข้าว ก็ล้อมกันเป็นวงแบ่งชาย-หญิง โดยมีคุรุ มานั่งร่วมด้วย ตามวิชา แม่ไก่ลูกไก่นั่นเอง

งานอบรมก็คงมีเป็นหลัก นร.สสธ. อบรมเด็กจากโรงเรียนต่างๆ ซึ่งจองคิวกันไว้มากมาย (โอโฮ!ใครจะเชื่อว่า ขนาดเด็กๆ จะมีประสิทธิภาพ ขนาดนี้ ต้องบอกว่า การศึกษาบุญนิยม มีผลจริง) ทางสมณะท่านก็เพ่งเพียร ร่วมกันเรียนพระวินัย ทุกบ่ายวันพุธ โดยมีสมณะ จากศีรษะฯ มาร่วมศึกษาด้วย นอกจากนี้ ยังได้เห็น ท่านอาจารย์ ๒ เดินหน้าประกาศธรรม ทุกวันพุธ (ที่พอมีเวลา) นำหนังกระดาษไปฉาย ให้นักเรียน ปายวิทยาคาร เบิกบาน ในธรรม

ฝ่าย ม.วช.ของที่นี่ก็ไม่น้อยหน้า เรียนเรื่อง"สักกายะ" เรื่อยไปถึงวิธีการบริหารจัดการโรงครัว จิ้งหรีดทราบข่าวทั้งมวลนี้ด้วยความรู้สึก อนุโมทนา อย่างยิ่ง สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

เก็บตกมาฝาก...เก็บมาฝากจากทักษิณอโศก ด้วยกระแสมาแรง ใครๆก็ต้องการ แม้แต่ประเทศมาเลเซีย ก็จะขอซื้อผัก จากเกษตรกร ในเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษ (คกร.) ถึง ๑๐ ตัน โดยให้ คกร. เป็นผู้ประสานงาน รวบรวมให้ แต่งานนี้ ถูกเบรคแล้วนะฮะ โดยพ่อท่าน ได้เทศน์โปรดพวกเรา ในงานภราดรภาพซาบซึ้งใจ เมื่อวันที่ ๒๖-๒๗ ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ชุมชนทักษิณอโศก ว่า

"ทำอย่างไรพวกเราจะลดการเผยแพร่ ลดการทำตัวอวดอ้าง ให้เลือกเฟ้นงาน มิฉะนั้น เราจะทำไม่ทัน อัตราการก้าวหน้า ไม่สมดุล ไม่เป็นจริง ตามที่เขาคาดหวัง จะเสื่อมเร็ว และไปไม่ได้นาน"

ก็ทำให้พวกเราหลายคน ได้สติฟื้นคืนตัวกันเป็นแถวๆ อย่าลืมนะฮะ เราจะบรรลุ (ธรรม) ด้วยขบวนการกลุ่ม แหม! เป็นลูกพระโพธิสัตว์ทั้งที ต้องให้ สมศักดิ์ศรี ลูกมีพ่อสักหน่อยฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

ข่าวฝาก... แจ้งเบอร์โทรศัพท์ใหม่ของ ราชธานีอโศก โทร.๐๔๕-๒๔๗-๒๒๒ (อัตโนมัติ ๔ สาย) แฟกซ์ ๐๔๕-๒๔๗-๒๑๘

มรณัสสติ
นางสมใจ คชสารทอง (พรหมสีดา) อายุ ๗๗ ปี (โยมแม่ของสมณะเดินดิน ติกขวีโร) เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อเมื่อวันที่ ๑ ส.ค.๔๖ ฌาปนกิจศพ เมื่อวันที่ ๓ ส.ค.๔๖ ที่บ้านราชฯ เมืองเรือ จ.อุบลราชธานี

นายดำ ใจมา อายุ ๘๒ ปี (คุณตาของนักเรียน สส.ภ.) เสียชีวิต ฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ ๗ ส.ค.๔๖ ที่ชุมชนหัวเลา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

นายบาว บุยวัน (สุวรรณ) อายุ ๗๕ ปี (โยมพ่อของสมณะมือมั่น ปูรณกโร) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ ฌาปนกิจศพวันที่ ๙ ส.ค.๔๖ ที่วัดป่าแพ่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ก่อนจากขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า ศึกษาท่าน เพื่อพัฒนาตน
(จากหนังสือ พ่อท่านสอนว่า ฉบับคำคม ๑)

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ผอ.ศูนย์การท่องเที่ยวพร้อมคณะเยี่ยมชมบ้านราชฯ
ขานรับนโยบายรัฐฯ เพื่อเป็นแหล่งทัศนศึกษาในโอกาสต่อไป

เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ก.ค. ๔๖ เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น. ผู้อำนวยการศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการจังหวัดอุบลราชธานีและคณะ ล่องเรือ สู่หมู่บ้าน ราชธานี อโศก เทียบเรือที่ท่าน้ำชายบริเวณต้นก้ามปู โดยทำหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านราชธานีอโศกแจ้งความประสงค์ ของการมา ครั้งนี้ว่า "เพื่อชมศิลปะ การสร้างชุมชนเข้มแข็ง และพึ่งพาตนเองอย่างมีระบบและดีเยี่ยม ชมสถาปัตยกรรมอันล้ำค่า โดยประยุกต์ธรรมชาติ และ วัตถุ ได้อย่าง กลมกลืน ชมสุดยอดแห่งสยามของชมรมเรือโบราณที่มีหนึ่งเดียวในโลก ณ ราชธานีอโศก"

เมื่อมาถึงได้กราบนมัสการท่านสมณะ-สิกขมาตุที่ศาลา แล้วเดินชมบริเวณรอบๆเฮือนศูนย์, ที่ทำงานชั้นต่างๆ ของเฮือนศูนย์ และ เบิกบานสุขใจ กับการให้อาหารปลา บริเวณวังมัจฉา เนื่องจากเวลามีน้อย เพราะต้องไปเยี่ยมชมสถานที่อื่นอีก จึง ขอตัวกลับ

สำหรับผู้มาเยี่ยมชมบางส่วนได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้

นายคตศิลป์ อกอุ่น ผอ.ศูนย์การท่องเที่ยวฯ "ผมเป็นผู้แทนกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่จะส่งเสริม การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ ซึ่งการท่องเที่ยวนั้น เป็นการนำเงินเข้าสู่ประเทศ ที่มีมูลค่าเข้าประเทศ มากเป็น อันดับสอง ในจังหวัดอุบลฯ ได้รับนโยบาย จากท่าน รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ว่าให้จังหวัดอุบลฯ จัดโปรแกรม การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

คณะกรรมการจังหวัดที่มีกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็มาประชุมกันว่า จังหวัดอุบลฯมีทรัพย์สมบัติอยู่มากมาย แต่เป็น unseen หรือ ยังไม่ถูก ค้นพ้น ยังไม่ถูกนำเสนอ ก็มาประชุมกันว่าเราน่าจะสำรวจแหล่งต่างๆ หยิบยกออกมา เพื่อให้ ประชาชน ชาวโลก ได้รับรู้ร่วมกัน และ มาทัศนศึกษา มาท่องเที่ยว ก็กำหนดแผนว่าวันนี้จะมาดูที่ราชธานีอโศก ซึ่งกิตติศัพท์นี้ ได้เลื่องลือ ไปไกล ในเชิงของการใช้วิถีชีวิต แบบพอเพียง ทวนกระแส กับวัตถุ สังคมโลก ซึ่งผมว่าเป็นจุดหนึ่ง ที่เป็นที่น่าสนใจ และกำลังถูกมอ งจากสังคม ภายนอก ว่าวิถีชีวิต เป็นอย่างไร ในจุดนี้ผมเห็นว่า สังคมอื่นๆ น่าจะได้มาศึกษา มาเรียนรู้ว่า อยู่กันอย่างไร วันนี้มีทีมงานมา ๒๐ กว่าคนมาศึกษาด้านนี้โดยเฉพาะ เราถือว่าที่นี่ สามารถเป็นแหล่ง ทัศนศึกษา สำหรับ ผู้ที่สนใจ ศึกษาเรียนรู้ ก็ถือว่าเป็นจุดขายจุดหนึ่ง ของจังหวัดอุบลฯ สิ่งที่น่าศึกษา จากที่นี่ คือ การเผยแพร่ขจรขจายไป ของวิถีชีวิต ของชุมชน ก็จะถูกเปิดเผย ออกสู่สังคมไทย สังคมโลก อีกจุดหนึ่ง ถ้าสมมุติว่า จังหวัดอุบลฯ เป็นศูนย์การท่องเที่ยว ของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ นักท่องเที่ยว ก็จะมาที่ จังหวัดอุบลฯ ผลผลิตหรือผลพลอยได้ จากการท่องเที่ยว ก็จะไปกระตุ้น เศรษฐกิจใ ห้พี่น้องของเราให้มีงานทำ มีรายได้ ก็เป็นเป้าประสงค์ ของทางรัฐบาลครับ

ในวันนี้ที่มา อยากจะได้กรอบวิถีชีวิตของที่นี่ส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะนำเสนอให้ที่นี่เป็นอย่างนี้ ใครสนใจที่จะมาศึกษา เราก็จะจัด เป็นแพ็คเก็จทัวร์ ให้เขามา"

นายจิระชัย พรหมพล สำนักผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ประจำเขตตรวจราชการที่ ๗ "วัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้ ส่วนหนึ่ง เราก็ได้ ทราบข่าวว่า ที่นี่เป็นโรงเรียนนำร่อง คือ ร.ร.วิถีพุทธ ซึ่งก็สนใจแล้วก็มาศึกษา ด้วยความยินดีที่สังคมเรา ยังมีสิ่งเหล่านี้อยู่ เรียกว่า แทบจะเป็น ฐานที่มั่น เกือบสุดท้าย คือมีไม่กี่ฐานที่จะยืนหยัดให้สังคม มิฉะนั้นสังคมจะถูกกลืนกิน แม้แต่ในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ชาว ๑๔ ตุลาฯ ที่ไปเป็น อาจารย์ มหาวิทยาลัย ก็ยอมรับว่าตัวเอง ก็เป็นเพียงแค่ตราประทับ ให้แก่สังคม แต่ไม่สามารถให้จิตวิญญาณได้ แต่ฐานที่มั่น เกือบแหล่งสุดท้าย ก็คือของอโศก ทุกแห่งที่สร้างจิตวิญญาณ ให้แก่มนุษย์ เพราะสถานศึกษา เกือบทุกแห่ง จะเป็นอย่างนี้น้อยมาก ก็ขอบคุณ ที่ได้ช่วยกันนะครับ"

นายประสาน ปกป้อง นายกสมาคมสื่อมวลชนอุบลฯ เจ้าของ-บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์อุบลรัตน์ "ได้มาดูตรงนี้แล้วน่าประทับใจมาก ทั้งที่ผม อยู่ในพื้นที่ ผมมาครั้งแรกตอนที่ศาลายังไม่เสร็จ มาเห็นตอนนี้รู้สึกว่าทึ่ง พอใจ อยากจะให้ปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับ พวกชาวบ้าน ชาวต่างถิ่น ได้มาดู โดยเฉพาะที่เรือโบราณสามารถเป็นจุดดึงดูดได้ จะเป็นแหล่งทำเงินให้พื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลฯ

ถ้าทางราชธานีอโศกให้ความร่วมมือกับ ท.ท.ท. โดยเฉพาะวันนี้หลายหน่วยงานมาดูที่นี่ ก็ได้บทสรุปว่าจะเอาอย่างไร ผมคิดว่าในเบื้องต้น ต้องทำทาง เข้ามา ให้ดี ที่ท่าลงเรือทำให้ดี ถ้าเขามาทางน้ำ จะสะดวกกว่า ดีกว่าทางบก ถ้าทางนี้เขียนโครงการขึ้นมา เพื่อให้ทางรัฐบาลช่วยให้ เสนอมา ทางผู้อำนวยการ ทาง ท.ท.ท. เขาจะได้นำเสนอต่อ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ผมเห็นดี คิดว่าสื่อมวลชนท้องถิ่น ต้องสนับสนุนแล้ว พวกผมจะคุยกัน และมาช่วย สนับสนุน พวกคุณทำในสิ่งที่ดี อยากจะให้คนมาดู ทำสถานที่ให้ดีเป็นที่พึ่งทางใจ ดีหมดเลยขอให้ทำเถอะ"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

หลักการคัดกรองสินค้า ร้านค้าชุมชนชาวอโศก
๑. เป็นสินค้าไร้สารพิษและสินค้าธรรมชาติ
๒. เลือกจำหน่ายสินค้าชุมชนชาวอโศก (ยกเว้นสินค้าที่ชุมชนเราไม่ได้ผลิต)
๓. งดสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าจากต่างประเทศที่เมืองไทยผลิตได้
๔. สินค้าใหม่ต้องผ่านการจดแจ้ง (ร้านค้าต้องขอดูใบจดแจ้งก่อนรับสินค้า)
๕. กรณีรับสินค้าจากข้างนอก ระวัง!! สินค้าที่มีความเสี่ยง,ปนเปื้อนต้องส่งตรวจเป็นระยะๆ
(จากมติที่ประชุมหน่วยผลิตและต.อ. วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๖
ในงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ ๒๗ ณ พุทธสถานศีรษะอโศก)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


หงา คาราวาน ร่วมรายการวิถีธรรม
หัวข้อ "งดเหล้าเข้าพรรษา" ที่สันติฯ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ก.ค.ที่ผ่านมา มีการถ่ายทำรายการ "วิถีธรรม" ที่ลานทรายข้างศาลา พระวิหารพันปีฯ สันติอโศก ซึ่งออกอากาศ ทางสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ทุกวันอังคาร เวลา ๐๕.๓๐ - ๐๖.๐๐ น. ดำเนิน รายการโดย สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์) ครั้งนี้ได้เชิญ คุณสุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน) นักร้องเพลงเพื่อชีวิตมาร่วมรายการ มีคุณจักรกฤษณ์ ศิลปาชัย นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง มาร่วมเป็นพิธีกร ช่วยสัมภาษณ์ หงา คาราวาน ด้วย

เนื่องจากช่วงนี้กระแส "โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา" และกระแสการออกกฎหมายห้ามโฆษณาขายเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ทุกชนิด ระหว่างเวลา ๐๕.๐๐-๒๒.๐๐ น. ได้รับการต้อนรับและเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างมาก และคุณหงา คาราวาน เป็นศิลปินนักร้องคนหนึ่ง ที่ปฏิเสธ การเป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้กับบริษัทเหล้าชื่อดัง ท่านจันทร์เห็นว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจ ควรขยายผลแนวคิดนี้ ผ่านรายการวิถีธรรม ให้ประชาชน ได้รับทราบ จึงเชิญมา ซึ่งเขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาเห็นโทษภัยของการดื่มเหล้ามากมาย จากคนรอบข้าง และประสบการณ์ของตัวเอง เขาฝังใจ ในเรื่อง โทษภัย ของเหล้ามาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ เขาจึงไม่สนับสนุนให้คนดื่มเหล้า จึงปฏิเสธการเป็นพรีเซ็นเตอร์ บริษัทเหล้าชื่อดัง ทุกวันนี้ เขาดื่ม น้อยลง และกำหนดกรอบขอบเขต ให้กับตัวเอง จุดมุ่งหมายไปสู่การลดละเลิกในที่สุด ส่วนบุหรี่เลิกมานานแล้ว ท่านจันทร์ได้ถามว่า "มีคนพูดว่า เป็นศิลปิน ต้องดื่มเหล้า จึงจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดี" ซึ่งคุณหงา ตอบว่า "ไม่จริง" เพราะเขาเอง แต่งเพลงได้ดีที่สุด ในช่วง ตอนเช้าๆ เป็นช่วงที่ แอลกอฮอล์ ไม่มีในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนั้น เขาได้ให้สัมภาษณ์ถึง ประสบการณ์ชีวิต และให้ข้อคิดอื่นๆ อีกมากมาย และในระหว่างนั้น คุณหงา คาราวาน ยังได้ขับขานเพลงเพื่อชีวิต สลับการให้สัมภาษณ์อีก ๓-๔ เพลง เพื่อประกอบ รายการอีกด้วย

การสัมภาษณ์ ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง ปิดท้ายด้วยพิธีกรทั้ง ๒ และคุณหงา คาราวาน ได้ร่วมกันเทเหล้า-เบียร์หลายขวดทิ้ง ซึ่งเป็นเหล้า ที่เหลือ จาก เจ้าของร้าน คนหนึ่ง ตั้งใจเลิกขายเหล้า อย่างเด็ดขาด นับเป็นเรื่องน่าอนุโมทนา เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนใครสนใจเรื่องราวข้างต้น ติดตามได้ในรายการวิถีธรรม จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ตามวันและเวลาดังกล่าว.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จ.๔ - ประชุมพาณิชย์บุญนิยม วันนี้นอกจากมีตัวแทนจาก ๘ พาณิชย์บุญนิยมแล้วยังมีตัวแทนจากร้านค้าชุมชนชาวอโศกเข้าร่วมด้วย มีการแจกป้าย "หลักการคัดกรองสินค้า ร้านค้าชุมชนชาวอโศก" ให้แก่ร้านค้าชุมชน ที่ชุมชนบุญนิยมสันติอโศก

- เครดิตเหนือเครดิต ร้าน"ปันบุญ"เริ่มใช้นโยบายซื้อสินค้าด้วยเงินสด แม้แต่รับสินค้าจากหน่วยผลิตในชุมชนราชธานีฯก็จ่ายสด

- ประชุม "กู้ดินฟ้า(เพื่อกสิกร)" จัดโดยพรรคเพื่อฟ้าดิน สาขา ๑๐ ที่ชุมชน บุญนิยมสันติอโศก กทม.

- เปิดสำนักงานเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย ที่อาคารฟ้าอภัยใหม่ ชั้น ๒ โดยมี คุณแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นผู้จัดการสำนักงาน

อ.๕ - วันนี้วันพระ เป็นวันทำบุญ ที่แด่ชีวิตมีสินค้าขายราคาเท่าทุน โครงการ "สินค้าดี ราคาทุน ทุกวันพระ" ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ๘ พ.ค. แล้ว ท่านใด ที่ยังไม่เคยไปอุดหนุน ขอเชิญจ้า‚ อ้อ !อย่าลืมเปิดปฏิทินดู (วันพระ) ก่อนนะจ้ะจะบอกให้

พฤ.๗- เปิดศูนย์ขนถ่ายสินค้าประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อร้าน "ร่วมใจ"ที่ชุมชนสีมาอโศก โดยเป็นแหล่งรวมสินค้าพืชไร่, เคมีภัณฑ์ และ ขวด พลาสติก ด้วยขนาดพื้นที่กว่า ๓๗๕ ตารางเมตร ดำเนินการโดยคุณร้อยแจ้ง, คุณฟ้าอรุณ โทร.๐๑-๗๒๕-๙๐๘๐

พฤ.๗-ศ.๘ - ตัวแทนเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย(คกร.) เข้าร่วม "สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี ๒๕๔๖" จัดโดยสำนักงาน ปฏิรูป สุขภาพ แห่งชาติ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กทม.

ส.๙ - งาน "มหกรรมรวมพลังกู้ดินฟ้าประชาเป็นสุข" ที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

จ.๑๑-อ.๑๒ - งาน "โครงการนวัตกรรมแห่งการปกครอง" จัดโดยพรรคเพื่อฟ้าดิน สาขา ๓ ที่ชุมชนสีมาอโศก จ.นครราชสีมา

ด้วยความระลึกถึง เนื่องจากเรามีดำริที่จะจัดงาน "คืนสู่เหย้าฯ"ขึ้น จึงพยายามช่วยกันรวบรวมรายชื่อศิษย์เก่านักศึกษา ที่จบการศึกษาแล้ว หรือไม่จบ หรือ เคยร่วม กิจกรรมกับนักศึกษาหรือกับชาวอโศก เช่น กลุ่มรามบูชาธรรม ชมรมนักศึกษาผู้ปฏิบัติธรรม ฯลฯ เราระลึกถึงเพื่อนๆทุกคน ท่านยังมี ความสุข ดีอยู่หรือ? ส่งข่าวมาให้เราทราบบ้างเด้อ (ขอชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์) กรุณาแจ้ง มาที่ คุณเพื่อนตาย, คุณฟ้าคราม ๖๕/๔๕ ซอยเทียมพร ถนน นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.๑๐๒๔๐ โทร. ๐๒-๗๓๓-๖๖๗๗ หรือ ๐๒-๓๗๔-๕๒๓๐ ต่อ ๒๒๕.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อ นางเปล่ง แซ่อึ้ง
เกิด ปีขาล อายุ ๗๗ ปี
ภูมิลำเนา จ.พิจิตร
การศึกษา ป.๔
สถานภาพ ม่าย บุตรสาว ๓ คน
น้ำหนัก ๕๒ กก.
ส่วนสูง ๑๕๒ ซ.ม.

คุณยายเปล่งเป็นญาติธรรมเก่าแก่ของชาวอโศก รู้จักชาวอโศกมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ มักจะเห็นคุณยาย ช่วยงานหนังสือ อยู่ที่ตึกฟ้าอภัย สันติอโศก เสมอๆ ไปรู้จักกับคุณยายกันเลยค่ะ

*** ชีวิตลำบาก
มีพี่น้อง ๔ คน ยายเป็นคนที่ ๒ แม่เป็นคนไทย เตี่ยเป็นลูกคนจีนเกิดที่เมืองไทย ฐานะทางบ้านยากจน จบ ป.๔ ก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา เรียกว่า ทำนาจนถึง อายุ ๒๔ ปี แล้วแต่งงาน โดยผู้ใหญ่ให้แต่ง สมัยนั้นจะเชื่อฟังผู้ใหญ่ พ่อบ้านเป็น คนดีมาก เขาดูแลปฏิบัติพ่อแม่ของยาย เป็นอย่างดี

แต่งงานแล้วมีลูกสาว ๓ คน ก็ค้าขายของชำ ขายดีทั้งปลีกและส่ง อยู่ด้วยกัน ๗ ปีกว่า พ่อบ้านก็ล้มป่วยอยู่ประมาณ ๓ ปี และเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ต่อมน้ำเหลือง ตอนนั้น ลำบากมาก ช่วงที่พ่อบ้านป่วยเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้ใช้จ่ายจนหมด และต้องไปกู้เขามาอีก แต่ต่อมา ก็ใช้หนี้จนหมด ส่วนที่เขา เป็นหนี้ เราก็เก็บไม่ได้ ก็อโหสิให้ ไม่ทุกข์ร้อน ไม่คิดจองเวรจองกรรม

*** พบอโศก
ลูกสาว(คุณสุพรรณา แซ่เตีย ผู้บุกเบิกบจ.พลังบุญ และศูนย์อาหารหน้าสันติฯ) มาปฏิบัติธรรมที่สันติฯ ๑๐ กว่าปี ได้แนะนำให้ยาย มาศึกษาที่ สันติอโศก ยายได้ไปเข้าพรรษา ที่ศาลีอโศก เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็มาช่วยงานที่สันติฯเป็นประจำ ไปๆมาๆระหว่างวัดกับบ้าน ช่วงที่มีคดี ขึ้นโรง ขึ้นศาล ปี ๒๕๓๒ ยายติดตามไปฟัง แทบทุกครั้ง ใจตอนนั้นสงสารสมณะมาก อยากไปร่วมหมู่ร่วมกลุ่ม อยากช่วยพ่อท่าน

*** ตั้งตบะ
ตอนนี้ถือศีล ๘ เข้าพรรษายายตั้งตบะทานมื้อเดียว และทานอาหารปรุงแต่งไม่เกิน ๒ ชนิด ไม่ทานขนมหวาน ลดความโกรธ ความเกลียด หากมีผู้ มาชี้ขุมทรัพย์ ก็จะรับฟัง ส่วนอาหารมังสวิรัตินั้นทานมาได้ ๒๔ ปีแล้ว

*** ทุกวันนี้
ไม่ห่วงอะไร ลูกไม่ห่วง หลานก็ ไม่ห่วง ไม่ติดยึดอะไรแล้ว ตายก็ไม่กลัว ไม่เคยสั่งเสีย แต่รู้ว่าอย่างไรเสียลูกสาวเขาก็ต้องเอาศพยายไว้ที่วัด ของอโศก แน่นอน และจัดแบบอโศก เตี่ยของยายแม้จะเป็นคนจีน ก็เห็นว่าไม่ควรเก็บไว้นาน ให้ทำตามอย่างที่พระพุทธเจ้าสอน

สุขภาพตอนนี้ก็ดีตามวัย เป็นลมบ้างเป็นครั้งคราว ยายไม่ทุกข์กับสังขารหรอก ใจสบายก็พอแล้ว ทุกวันนี้มีความสุขอยู่กับการปฏิบัติธรรม ยายก็เหมือน เต่าขาสั้นๆ ค่อยๆก้าวเดิน กว่าจะถึงจุดหมายก็ช้าหน่อย เพราะแก่แล้ว แต่ยายก็จะไม่หยุดเดิน

*** ฝากลูกๆหลานๆ
ทุกคนที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ก็ขอให้พ้นทุกข์กันทุกคน ลดความโลภ ความโกรธ ความหลง อยากให้มีอิสระ ไม่ทุกข์ใจ

ยายบอกว่าแม้จะแก่ แต่ก็ไม่หยุดอยู่ในการสั่งสมบารมี เข้าพรรษาปีนี้ใครที่ยังไม่ได้ตั้งตบะเพิ่มภูมิให้กับตัวเอง ก็ยังไม่สายนะคะ อย่าลืมว่า ผู้ประมาท แปลว่า ผู้ตายแล้ว

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สาขาพรรคเพื่อฟ้าดิน ลำดับที่ ๑๐
จัดโครงการกู้ดินฟ้า เพื่อกสิกร

เมื่อวันจันทร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๖ พรรคเพื่อฟ้าดิน สาขาลำดับที่ ๑๐ (บึงกุ่ม) จัดโครงการกู้ดินฟ้า (เพื่อกสิกร) ณ ชุมชนสันติอโศก โดยร่วมมือกับ เครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย (คกร.) ได้เชิญตัวแทนศูนย์อบรมลูกค้า ธ.ก.ส. ประมาณ ๑๕๐ คน จากชุมชนชาวอโศกทั่วประเทศ ๒๒ ศูนย์อบรม มาประชุมเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการจัดการงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ชุมชน ชาวอโศก ได้เสนอโครงการ พลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข เพื่อติดตามประเมินผล กลุ่มเกษตรกร ที่ผ่านการอบรม หลักสูตรสัจธรรมชีวิต ของแต่ละ ศูนย์อบรม


กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐ น. เป็นการประชุมพาณิชย์บุญนิยม ซึ่งครั้งนี้มีตัวแทนการพาณิชย์ของแต่ละชุมชนมาร่วมประชุมด้วย ในโอกาสนี้ พ่อท่าน จึงดำริว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ตัวแทนร้านค้า ชุมชนที่อยู่ต่างจังหวัดมาร่วมประชุมพาณิชย์บุญนิยมด้วย ซึ่งจะมีวาระ การประชุม ทุกเดือน แต่ไม่ได้ เป็นกฎข้อบังคับ ถ้าชุมชนไหนจัดสรรเวลา ความเหมาะสมลงตัวได้ ขอให้มาประชุมร่วมกัน เพื่อจะได้รับข้อมูลความเคลื่อนไหว และ แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ รวมทั้งเรียนรู้ทำความเข้าใจร่วมกันในงานด้านการค้าในระบบบุญนิยม


หลังจากเสร็จการประชุมพาณิชย์บุญนิยมแล้ว เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับประทานอาหารร่วมกัน และเริ่มประชุม ในโครงการ กู้ดินฟ้า เพื่อกสิกร เวลา ๑๐.๐๐ น. บริเวณใต้ศาลาพระวิหารพันปีฯ ซึ่งสาระสำคัญในการประชุมเป็นการ ทำความเข้าใจ ๑๒ แผนกิจกรรม ในโครงการ กู้ดินฟ้าประชาเป็นสุข ที่ได้เสนอของบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ การจัดการ งบประมาณ ในการนำไปใช้ เพื่อประเมินผลติดตามโครงการ ซึ่งแต่ละศูนย์ อบรมฯ ได้สอบถาม และทำความเข้าใจ ในรายละเอียด ของแต่ละ โครงการ มีการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ของศูนย์อบรมฯ บางแห่ง เช่น ศูนย์อบรมฯปฐมอโศก, ศรีสงครามอโศก, ดินหนองแดนเหนือ, เชียงรายอโศก, ทักษิณอโศก ที่ได้ออกไปติดตามประเมินผล เกษตรกรที่ผ่านการอบรม หลักสูตรสัจธรรมชีวิต ซึ่งได้ผลสำเร็จดีมาก เนื่องจากเกษตรกร มีการพัฒนา ในด้าน ลดละ อบายมุขได้ดี เช่น การเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า บางคนชอบ ตีไก่ชน เมื่อผ่านการอบรมไปแล้ว ได้เลิก ตีไก่ บางราย เลิกเลี้ยงวัว เป็นต้น

สุดท้ายพ่อท่านได้ให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมประชุม สรุปโดยย่อได้ว่า "เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าไม่มาทำสิ่งดี ทำความดี ชีวิตจะไม่มีคุณค่าอะไรเลย"

ปิดประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ดีเดย์... รวมพลชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี

เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ ส.ค. ๒๕๔๖ ทาง ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน (พชพ.) อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้จัดงาน "มหกรรมกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข" ซึ่งเป็นการ ดำเนินการ เชื่อมต่อจาก โครงการอบรมของ ธกส. หลักสูตร "สัจจธรรมชีวิต" มาเป็นโครงการอบรม ของสำนักงาน กองทุนสนับสนุน การสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) จึงนัดพบเพื่อนสมาชิกเกษตรกร ที่เคยผ่านการอบรมฯ มาเพื่อรับรู้ปัญหาร่วมกัน แก้ปัญหาการตลาด เพิ่มศักยภาพ (ต่อยอด) ให้สมาชิก และถือโอกาส ทำบุญครบรอบ ๑ ปี วันเสียชีวิต ของแม่บุญมาก สิทธิพันธุ์ (โยมแม่สมณะเสียงศีล ชาตวโร)

ผู้มาร่วมงานทยอยกันมาเป็นระยะๆ ทั้งสมณะ,สิกขมาตุ,ญาติธรรมจากสันติฯ ปฐมฯ หินผาฯ เด็กนักเรียน เกษตรกร ฯลฯ รวมประมาณ ๓๐๐ กว่าคน ลงทะเบียน แล้วก็รับหนังสือ "โครงการรวมพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข" กันไปฟรีๆเลย ฟังเพลงอันไพเราะ สาระบันเทิงต่างๆ เช่น ดนตรีขวดจาก ร.ร. วัดเฉลิมมาศ ชมนิทรรศการ จำหน่ายสินค้าราคาถูก ฟังการบรรยายให้ความรู้ กระตุ้นให้เกษตรกร ตระหนักถึงพิษภัย จากการใช้สารเคมี และ รับรู้ ความต้องการ ของผู้บริโภค ที่ตื่นตัว ในการเลือกซื้ออาหาร ที่ปลอดและไร้สารพิษ ที่สำคัญก็คือ อาหารภายในงาน ปรุงจากผัก ผลไม้ไร้สารพิษ เก็บกันสดๆ จากในสวน ทั้งส้มตำ ผัดผักบุ้งไฟแดง ฯลฯ แซบหลายหลายเด้อ !!!

เปิด "ตลาดชุมชนไร้สารพิษ" เป็นครั้งแรก โดยใช้พื้นที่ว่างติดถนนใหญ่ ฝั่งตรงข้ามชมรมฯ หรือฝั่งร้านค้า เป็นสถานที่จำหน่าย สินค้าราคาถูก ไม่คิด ค่าเช่าพื้นที่ (ฟรี) จะเปิดบริการทุกวัน ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่า ผู้นำสินค้ามาขาย จะต้องเป็นสมาชิก หรือเคยร่วมกิจกรรม กับชมรมฯ และผลผลิต ต้องปลอด หรือไร้สารพิษ ในตอนนี้มีโรงเรียน วัดเฉลิมมาศ และ โรงเรียนศรีวินิต มาติดต่อขอจองพื้นที่ขาย เพื่อฝึกให้นักเรียนได้ผลิต และ จำหน่าย สินค้า ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นการเรียนการสอน แบบบูรณาการ ตามหลักสูตร การศึกษาแบบใหม่ (โรงเรียนวิถีพุทธ) เปี๊ยบเลย

สมณะเสียงศีล ชาตวโร ประธานที่ปรึกษาชมรมฯ กล่าว "ขอบคุณชาวปฐมอโศก กลุ่มแสงสีเสียง ชาวสันติอโศก เกษตรกรทุกฝ่าย ขอบคุณ คุณชินกร ไกรลาศ ที่มาช่วย สร้างความบันเทิง ด้วยเสียงเพลง ฯลฯ"


"จากการอบรม ที่ได้ทำมาแล้วร่วม ๓ ปี รวม ๒๐ รุ่น งานนี้เป็นงานแรกที่จัดนัดรวมสมาชิกมาพบกัน ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด"

- ปอ...ปลา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สายตรงจากพ่อท่าน
ชมร.ช.ม.ครบรอบ ๑๑ ปี มีผู้มาขอร่วมบุญมากมาย


วันศุกร์ที่ ๑ ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการทำบุญครบรอบ ๑๑ ปี ของการก่อตั้ง ชมร.ช.ม. ซึ่งได้รับความเมตตา จากพ่อท่าน เทศน์โปรด ทางโทรศัพท์ จากสันติอโศก สู่ชมร.ช.ม.

การเตรียมงานการจัดงานในปีนี้ลงตัวดีมาก ได้รับความร่วมมือจากพวกเราทุกฐาน ได้กราบนิมนต์สมณะบินบน ถิรจิตโต อาจารย์ ๑ และ สมณะ เก้าก้าว สรณีโย อาจารย์ ๒ รวม ๑๑ รูป สามเณร ๑ รูปมาโปรด

เวลา ๐๘.๓๐ น. เริ่มพิธีทางพุทธศาสนา ท่านอาจารย์ ๑ นำบูชาพระรัตนตรัยเทศน์ก่อนฉันโดย สมณะดวงดี สมณะเก้าก้าว จนถึงเวลา ๐๙.๐๕ น. ก็ได้ฟัง ธรรมจาก พ่อท่านเป็นเวลาประมาณ ๒๐ นาที ท่านอาจารย์ ๑ ได้สรุปและเทศน์โปรด เป็นรูปสุดท้าย ก่อนที่จะมีการถวายอาหาร สมณะ

ญาติธรรมที่มาวันนี้จากต่างจังหวัดต่างอำเภอ ได้อิ่มทั้งอาหารกาย-ใจ อิ่มเอม เบิกบานกันถ้วนทั่ว ญาติธรรมหลายท่าน ได้นำพืชผักผลไม้ มาร่วม งานบุญ เช่น นำผลไม้ จากดอยแพงค่า แคบเจจากร้านนิยมบุญ ขนมจีนและไอศกรีม ๓ ถัง จากผู้อายุยาว และผลไม้มากมาย หลายชนิด จากญาติธรรม งานสิ้นสุดลง ผักไร้สารพิษยังเหลืออีกมาก จนตู้เย็นแทบจะทนรับน้ำหนักจากผักสด ไม่ไหว

นางทองธรรม เจนชัย อายุ ๔๙ ปี จ.ชัยภูมิ ซึ่งอยู่ฝึกตนช่วงเข้าพรรษาที่ภูผา ฟ้าน้ำ กล่าวว่า "ดีใจที่ได้มาร่วมงานฉลองครบรอบ ๑๑ ปีของ ชมร.ช.ม. ซึ่งเป็น สนามบุญ ให้ทุกคน ได้ร่วมสะสมบุญ ประทับใจพรจากพ่อท่านจนน้ำตาซึม ได้ธรรมะจากสมณะทุกรูป ได้พบญาติธรรม มากหน้า หลายตา ไม่คิดว่า ญาติธรรม จะมากขนาดนี้ และขออนุโมทนากับแม่ใบจริง ในวาระคล้ายวันเกิด ขอให้มีความสุขกายสุขใจตลอดไป"

คุณบุญหนัก ทรัพย์สถิตย์ อายุ ๕๓ ปี จาก ชมร.สาขาจตุจักร กทม. (มาฝึกฝนตนที่ภูผาฯ) "ประทับใจชาวเหนือ มีรอยยิ้ม บนใบหน้า เป็นกันเอง มีความอบอุ่น มีคนเอาของมาให้ ชมร.ช.ม.กันมาก ที่กรุงเทพฯยังไม่มีอย่างนี้ อยากจะให้ปรับปรุงความสว่างให้มากกว่านี้"

คุณใฝ่ธรรม นาวาบุญนิยม อดีต ผชร.ชมร.หน้าสันติอโศก "ประทับใจญาติธรรมมีความเป็นพี่เป็นน้องกันดี อยากจะอยู่เชียงใหม่ เพราะสัปปายะ ทุกอย่าง ฝึกแล้วได้ผล สนุกกับการทำงาน"

คุณน้ำแรง แพงค่าอโศก อายุ ๔๔ ปี จากภูผาฟ้าน้ำ "ที่มาวันนี้ อยากจะมาเห็นผู้อายุยาวมาร่วมกันทำบุญ ได้เห็นหน้าได้ทักทาย ทำให้ มีกำลังใจ ที่จะอยู่ต่อสู้ กับปัญหาชีวิต ในวันข้างหน้า"

นายมานพ คำตัน อายุ ๔๙ ปี จากร้านนิยมบุญ "ได้นำแคบเจมาทอดแจก ลูกค้าและญาติธรรม เห็นว่าอะไรควรไม่ควร จึงได้มาร่วมบุญ ในวันนี้"

นางศรีประยูร ชะโกทอง อายุ ๖๙ ปี จ.ลำพูน "รู้สึกดีใจที่เจอญาติธรรมเก่า ตัวเองเป็นโรคหัวใจโต จะเหนื่อยง่ายเสมอ แต่ตั้งใจมาในวันนี้ เป็นครั้งแรก ที่ได้ฟังธรรม จากสมณะ ในพรรษานี้"

น.ส.ต้นกล้า มากสุข อายุ ๔๓ ปี จากศีรษะอโศก "ได้ข่าวจากบ้านราชฯและ สมณะ จึงตั้งใจมาร่วมงาน รู้สึกอบอุ่น ภาคภูมิใจ ที่เคยได้มีส่วนร่วม ใน ชมร.แห่งนี้ ที่มีคนสืบสานต่อๆมา จนกระทั่งทุกวันนี้ ที่ล้างจานดูดีขึ้น บรรยากาศก็ดูดีมากขึ้น"

แม่จันทร์นวล พวงแก้ว อายุ ๗๔ ปี จากปั้มน้ำมันพวงแก้ว ปิโตรเลียม จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้นำมะละกอ จำนวนมาก มาร่วมบุญ ในงานนี้ "ได้ปลูกผัก ไว้เยอะมาก หากใครผ่านไป ก็ขอให้แวะด้วย เพื่อจะได้ฝากผัก ในสวน มาทำบุญที่ ชมร.ช.ม.ด้วย"

นางฉวีวรรณ บุญมี อายุ ๔๒ ปี จ.เชียงใหม่ "ได้มาเจอหมู่กลุ่ม ได้ฟังธรรม ได้อานิสงส์ดีมาก เห็นความเปลี่ยนแปลง ของบริเวณ ล้างจาน มีความสุขมาก"

ในขณะที่กลุ่มผู้อายุยาวคนอื่น อาทิ ครูบุญทอง ศรีสมเพชร อายุ ๖๓ ปี ครูบุญเท่ง อุตมะ อายุ ๖๑ ปี พ่ออินปั้น สายคำ อายุ ๗๒ ปี พ่อปิ่นบัวมาศ อายุ ๗๙ ปี พ่อมานิตย์ อายุ ๗๒ ปี ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "รู้สึกอบอุ่นมาก"

สมณะถักบุญ อาจิตปุญโณ อายุ ๓๐ ปี "ได้มาเตรียมเครื่องเสียง คิดว่าเป็นงานที่พอช่วยเหลือได้ มาในฐานผู้ช่วยต่อ ระบบ Online พอได้ยินเสียง พ่อ ก็รู้สึก สบายใจ เหมือนได้อยู่ใกล้พ่อท่าน อยากให้พ่อท่าน ได้มีโอกาสใ ห้พรกับพวกเราทุกๆปี ไม่ว่า ชมร.จะมีอายุกี่ร้อยปีก็ตาม พ่อท่าน น่าจะมา อยู่ที่ภูผาฯ จะได้อายุยืน เพราะอากาศ ดีมากที่สุด

วันนี้ครบ ๑๑ ปีของ ชมร.ช.ม. มี สมณะมาโปรด ๑๑ รูป มีญาติโยมมาร่วมงาน ๑๑๑ คน และตรงกับวันคล้ายวันเกิด ของแม่ใบจริง ซึ่งเป็นเรื่อง ที่น่าอนุโมทนา ที่บุญหล่น ทับแม่ใบจริงดังตุ้บ"

แม่ใบจริง นาวาบุญนิยม "อายุครบ ๖๓ ปีในวันนี้ จึงขอเป็นเจ้าภาพโรงบุญ ซึ่งเป็นครั้งที่ ๘๖ ในปี ๒๕๔๖ ลูกค้ามารับบริการตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึงบ่าย ๒ โมง ทุกปีที่ผ่านมา ชมร.ช.ม. จะทำบุญตรงกับวันที่ ๒ ส.ค. แต่ปีนี้วันที่ ๒ ส.ค.ตรงกับวันหยุด มีลูกค้ามาจองโรงบุญครบวันเกิด ๒ ราย คือ วันที่ ๑๐ ต.ค. และ ๒๖ พ.ย.๔๖ ส่วนอีก ๗ วัน ก็เป็นโรงบุญปลีกย่อย คือ ขนมจีน และก๋วยเตี๋ยว

การที่ได้เป็นเจ้าภาพโรงบุญใหญ่ โรงบุญย่อยนั้น มีความรู้สึกว่า อยากจะให้ทุกท่านได้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง ส่วนข้าพเจ้านั้น ไม่เคยคิดว่า จะมีวันนี้ได้".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]