ฉบับที่ 218 ปักษ์หลัง 1-15 พฤศจิกายน 2546

[01] บทนำข่าวอโศก:ช่วยกันดูแลด้วย
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ : เสี้ยวหนึ่งของมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒
[04] สมณะแนะให้ข้อคิด ความผาสุกของหมู่กลุ่ม.
[05] กสิกรรมธรรมชาติ ฟื้นฟูอาชีพด้วยสัจธรรมชีวิต
[06] สกู๊ปพิเศษ: พ่อท่านรับนิมนต์เวิร์คช็อปที่จุฬาฯ หัวข้อ "ศาสนธรรมกับธุรกิจ"
[07] ชายงามรายปักษ์ นายก่ำ บุตรดี
[08] ศูนย์สุขภาพ: อาหารต้านมะเร็ง โดย น.พ.ดร.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์
[09] จุดหนึ่งของโครงการ ๓๐ บาท
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:ห
[11] ข่าวสั้นทันอโศก
[12] ค่านิยมเพี้ยนๆ เก็บมาฝาก



ช่วยกันดูแลด้วย

คนวัดที่มาปฏิบัติธรรมอยู่ ในวัด หากไม่มีหมู่กลุ่มหรือ นักบวชช่วยดูแล ก็อาจจะมีปัญหาขึ้นภายหลัง

โดยเฉพาะคนวัดที่ยังมีอินทรีย์พละอ่อน หรือยังถือศีล ๕ ละอบายมุขไม่ได้เด็ดขาด ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนวัดที่มีอินทรีย์ พละอ่อน แสดงความหยาบคายออกมาโดยไม่ละอายบ่อยครั้งมากขึ้น จนกลายเป็นตราบาปของคนมาอยู่วัดทั้งโดยนามธรรม และ รูปธรรม คือต้องถูกลงโทษสถานหนัก คือให้ออกไปจากหมู่กลุ่มชาวอโศก ไม่ว่าจะเป็นที่แห่งหนใดก็ตาม ที่เป็นที่ส่วนกลาง ของชาวอโศก

ดังนั้นจึงขอเสนอให้ผู้บริหาร ของแต่ละวัดและชุมชน ช่วยกันเอาภาระคนวัด ให้มีการพัฒนาทางจิตวิญญาณอย่าง ต่อเนื่อง ไม่น้อยไปกว่า การออกไปประเมินผลลูกค้าของ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นคนนอกวัด

มิฉะนั้น วัดหรือชุมชนที่เราอาศัยอยู่จะไม่เข้มแข็ง ไม่อบอุ่น ไม่สามัคคีดังที่เราๆท่านๆปรารถนากัน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๗)

"กามรส" ปุถุชน คนชอบนัก
ชังก็ผลัก รักก็ห่วง หวงกามา
ฆ่ารสอร่อย อย่าปล่อยปละ ละกิเลส
ค่อยลดละ อกุศล กลหลอกลวง

การเสพกาม เสพรสสุข ปั้นคุกขัง
เพียงนึกเอา แท้แท้ แต่ไม่มี
ภวตัณหา แท้แท้ หลงสงบ
เสพติดมาก ไม่อยาก พบผู้คน

วิภว ตัณหา พาเจริญ
สิ้นอาสวะ มีพระ โพธิญาณ
"กามภพ" ภพภายนอก คอยหลอกหลอน
จมูกลิ้น กายโหยหา พาเสพไป

"รูปภพ" เป็นภพ ภายในจิต
ปั้นรูปนาม หลงเสพ รสกามา
คนจะเปลี่ยน จากภพนี้
ไปภพหน้า
เปลี่ยนที่นี่ เปลี่ยนเดี๋ยวนี้ ได้ทุกคน

จากอบายภพ อบายภูมิ สู่กามภพ
เมื่อฝึกฝน จนพ้น ภพกามา
ฟังดูเหมือน ง่ายง่าย ไม่ยุ่งยาก
ละเลิกบาป เพียรสร้างบุญ

คนในนรก วันนี้ ยังมีแน่
ส่วนกายทิพย์ จิตใจ ไม่ดีพอ
บางคนเป็น "เดรัจฉาน" โง่เง่า
เพราะหลงผิด ฉลาดโกง หลงดีใจ

เห็นเป็นคน อยู่นาน วิญญาณ"เปรต"
หิวกระหาย ไม่ได้มา หน้าหมองตรม
ยังมีเปรต ประเภทหนึ่ง ซึ่งล่วงลับ
สมควรต้อง อุทิศกุศล ผลบุญตาม

"อสุรกาย" ชายหญิง ที่อ่อนแอ
ไม่กล้าทำ ความดี ผีสิงใจ
อร่อยลิ้น หลงรัก แสวงหา
กามตัณหา ห้าทวาร ซาบซ่านทรวง
เรียนรู้เหตุ ให้แจ้งใจ อย่าไปหวง
จนพ้นพราก จากบ่วง กามโลกีย์

จ่อมจมอยู่ ในภวังค์ หลงสุขี
ภวตัณหา โลกีย์ ยังเวียนวน
ลงสร้างเรื่อง ขึ้นในภพ จนสับสน
นั่งอดทน อยู่ป่าเขา ไม่เอางาน

ตัณหาต่ำ ส่วนเกิน ถูกประหาร
ทำการงาน เพื่อช่วยโลก พ้นโศกภัย
าหู ไม่หลับนอน เที่ยวสงสัย
ทุ่มเทใจ หลงติด ผิดสัมมา

"อรูปภพ" ยิ่งคิด ยิ่งลึกกว่า
จึงไม่พ้น อวิชชา เป็นปุถุชน
แม้กายา ยังไม่ดับ อย่าสับสน
เพียงเปลี่ยนจิต พาตน พ้นอวิชชา

เรียนรู้จบ เปลี่ยนภพใหม่ ใฝ่ศึกษา

มีวิชชา สู่ภพ อาริยชน

ก็ง่ายจริง ถ้าหาก ไม่ฉงน
ให้แก่ตน สะสมจน บารมี มีมากพอ

เห็นเป็นคน เพียงแต่ กายนอกหนอ
ยังเร่าร้อน ดิ้นรนต่อ ก่อทุกข์ภัย
ข่มขี่เขา จนร่ำรวย แสนซวยไหม
หลงความใหญ่ น่ากลัว บัวใต้ตม

เพราะกิเลส ไม่เคยพอ ก่อสะสม
เปรตหลอกคน ให้ชื่นชม หลงรสกาม
ชีพไม่ดับ แต่จิตต่ำ ด้วยกรรมสาม
ยกจิตเขา ขึ้นด้วยความ รักห่วงใย

มีความกลัว ท้อแท้ จิตหวั่นไหว
ส่วนความชั่ว จัญไร กลับกล้าทำ

- ธาตุดี -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สดจากปัจฉาสมณะ
- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ

เสี้ยวหนึ่งของมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒

การประชุมมหาปวารณาของหมู่สมณะเพิ่งผ่านไปหมาดๆ ปีนี้ใช้เวลาแค่วันเศษๆ หรือ ๑๖ ช.ม.นับเป็นการประชุมมหาปวารณา ที่สั้นที่สุด ตั้งแต่เคยมีมา แต่มีโศลกธรรมเกิดมากที่สุดถึง ๓ โศลก โศลกแรกเกิดก่อนงาน แต่พ่อท่านตั้งใจใช้ในงานนี้ รวมถึงงานปีใหม่ด้วย ข้อความที่ว่านั้นคือ..ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ ซึ่งเป็นโศลกธรรม ที่เกิดตั้งแต่การสัมมนาการศึกษาทางเลือก ที่สันติอโศก ( ๕ ก.ย.) ส่วนโศลกธรรมอีกสองข้อนั้นคือ.. เจ็บจริงคือกาย เจ็บใจคืออัตตาบ้า และ ระวัง!..ทำงานอย่าสร้างศัตรู ทั้งหมดเกิดขึ้น จากเหตุการณ์จริง พ่อท่านไม่ได้คิดไว้ก่อน อย่างโศลกธรรมแรก เกิดจากการตอบคำถาม ส่วนสองข้อหลังนั้น เกิดในช่วงที่ มีการตำหนิสมณะรูปหนึ่ง ที่ทำงานแล้วก่อผลกระทบ ทำให้ฆราวาสหลายคนอึดอัด เมื่อมีการยกเรื่องขึ้นมาว่ากล่าว สมณะรูปดังกล่าวนั้น ออกอาการน้อยใจ ประชดเสียงเครือๆ ว่าจะไม่ทำงานหลายๆอย่าง ที่เคยทำในชุมชนแล้ว จะทำเฉพาะ ส่วนที่รับหน้าที่เท่านั้น พ่อท่านจึงออกเสียงดัง ดุว่าสมณะรูปนั้น อย่างแรงๆ

อยู่กับพ่อท่านมาหลายปีพบเห็นท่าทีอย่างนี้มาหลายครั้ง รวมถึงประสบกับตนเองด้วย ทำให้รู้ว่า นี่คือศิลปวิธีอย่างหนึ่งที่ พ่อท่าน ใช้สอน เพื่อกระทุ้งกระแทกอัตตาของผู้นั้น ให้ได้รู้สึกตัวแล้วแก้ไขเปลี่ยนแปลงลดละเสีย ซึ่งครั้งนี้ก็ได้ผล ทำให้สมณะรูปนั้น หยุดอาการ ดังกล่าวลง และสมณะรูปนั้นเองเป็นผู้เสนอให้มีโศลกธรรมในเหตุการณ์นี้ด้วยเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ พ่อท่านก็เห็นควร คำดังกล่าว จึงเกิดขึ้น ต่อมาจึงมีการแก้ไขข้อความโศลกที่สองให้กระชับขึ้นเหลือเพียงว่า.. ใจเจ็บไม่มี ใจใครเจ็บคืออัตตาบ้า

การประชุมมหาปวารณาครั้งแรกๆ นั้นทั้งใช้เวลานาน (สองวันเต็มก็ยังไม่แล้วง่ายๆ เกือบถึงเที่ยงคืนก็มี) แถมว่ากล่าวกันแรงๆ ถึงขนาด มีพระรูปหนึ่ง หอบกลดบาตรหนีหาย ไปในคืนนั้น เนื่องจากมีอายุมาก แต่ข้อผิดพลาดก็เยอะ บางรูปก็ค่อยๆ ออกจากหมู่ ไปในเวลาต่อมา บางรูปดื้อด้านมาก ไม่ค่อยจะปรับปรุงแก้ไขตนเท่าไรนัก ถูกว่ากล่าวหนักๆแรงๆ อย่างไรก็ทนได้ แต่เนื่องจาก ทำข้อเสียหายไว้มาก จึงถูกลดอายุพรรษาลง.. จนถึงขั้นลดฐานะลงมาเป็นสามเณรและนาค ในเวลาต่อมา ก็ยังทนอยู่ได้ ขณะที่พระหลายรูป อยากให้จับสึกเสีย แต่พ่อท่านเห็นว่า ความผิดก็ยังไม่ถึงขั้นปาราชิก และผู้รับทัณฑ์ ก็ยังทนอยู่ได้ จึงยังคง ให้อยู่ต่อ และเผยว่า จะได้เป็นแบบฝึกหัดของพระชาวอโศกที่ยังยึดดีมาก จะได้ลดๆวางๆลงมาบ้าง ถือเป็นวิธีการสอนอย่างหนึ่ง อาศัยแบบฝึกหัดจริง ตามธรรมชาติ ไม่ได้เจตนาสร้าง แล้วที่สุดผลแห่งกรรมนั้นๆ ทำให้นาครูปดังกล่าว ก็ได้ออกจากหมู่ไปเอง นานแล้ว

พ่อท่านนี่ไม่มีโลกธรรมที่ต้องรักษาภาพ ของลูกศิษย์จะต้องเนี้ยบ.. ดูงามดี.. น่าศรัทธาเลื่อมใสทุกรูป ถ้าได้ก็ดี แต่เมื่อไม่ได้ พ่อท่านก็ไม่ยึดว่า จะต้องรักษาภาพลักษณ์ ให้ดูดีทั้งหมดไว้ ด้วยเข้าใจความจริงว่า กรรมของใครก็ของใคร อีกทั้งเข้าใจความจริง ตามฐานะ ของผู้ที่ยังมีกิเลส และกำลังฝึกตนอยู่ ย่อมมีเรื่องผิดพลาดเสียหายได้ แม้จะมีรูปสมมุติสงฆ์แล้ว แม้ยุคสมัย ของพระพุทธเจ้าเองก็เถอะ พระที่ก่อเรื่องเสียหายร้ายแรง ชนิดที่คนยุคนี้คาดไม่ถึง รับไม่ได้ ก็มีไม่น้อย

มหาปวารณาครั้งนี้ สมณะแจ้งจริง อมโล ผู้มีอายุสูงสุดในหมู่สมณะถึง ๙๐ ปี จะเดิน-ลุกแต่ละที ก็ลำบากแล้ว ได้เขียนจดหมาย ขอลาประชุม ด้วยลายมือของท่านเอง หลายปีแล้วพ่อท่านบอก.. หากมีสมณะมากๆ ในอนาคต คงต้องกระจายการประชุม เป็นหลายๆแห่ง และหากมีเทคโนโลยี ที่สามารถเชื่อมต่อกันทั้งภาพและเสียง อยู่ที่ไหนๆก็ร่วมรับรู้ แสดงความเห็นกันได้ เหมือนร่วมประชุมด้วยกัน ก็คงได้ใช้เป็นแน่

พูดถึงเทคโนโลยี ปีนี้ผู้เขียนนำเครื่องคอมฯ ขึ้นไปใช้งานเป็นครั้งแรก ตอนแรกก็คิดเพียงจะใช้พิมพ์บันทึกการประชุม แทนการจด ด้วยลายมือเท่านั้น เพราะยังไงๆก็สะดวกและรวดเร็วกว่าเขียนด้วยลายมือแน่ แต่เมื่อถึงวันประชุม ก็มีเหตุปัจจัย ที่ได้ใช้บันทึกเสียง ไปด้วย

เนื่องจากก่อนงานฯ คุณหินไฟพาศิษย์เก่า สส.ฐ. เจ้าก๊อฟ(คมธรรม) และวุ่น(อดทน) ซึ่งจบนิเทศศาสตร์ จาก มสธ. มาหมาดๆ และ ได้ไปทำงาน กับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ค่ายหนึ่ง ทั้งสองกำลังมีไฟคุโชน อยากจะลองฝีมือทำภาพยนตร์ ที่มีเนื้อหาสร้างสรร ในทางคุณธรรม ขึ้นมาบ้าง ได้มาพูดคุยกับพ่อท่าน พร้อมนำบทภาพยนตร์ ที่มีผู้ช่วยเขียน มาให้พ่อท่านได้ตรวจดู ทั้ง "ก๊อฟ" และ "วุ่น" บอกถึง จุดประสงค์ และวงเงินที่จะต้องใช้ประมาณ ๒ แสน โดยครึ่งหนึ่ง จะจัดหากันเอง แต่อีกครึ่งหนึ่ง คือประมาณหนึ่งแสน ขอความอนุเคราะห์ จากพ่อท่านด้วย พ่อท่านตอบรับที่จะอนุเคราะห์จัดหาให้ โดยไม่ได้อ่านบทเลย เข้าใจว่าพ่อท่าน คงมีเจตนาส่งเสริม การดำริ ริเริ่มอะไรใหม่ๆ แม้เป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ในหมู่ของชาวอโศก การที่พ่อท่านตอบรับให้อย่างง่ายๆ ย่อมแสดงว่า พ่อท่าน ไม่ได้ คาดหวังอะไรนัก กับผลงานที่จะได้ ทั้งไม่กังวลคิดว่า จะเป็นการเสี่ยงเสีย แต่การให้ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างงาน สร้างคน มากกว่า แม้จะต้องเสียเงิน ก็คุ้มกับการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร ที่จะเกิดขึ้นต่อๆไป

วกกลับมาที่เรื่องเหตุปัจจัยที่ใช้เครื่องคอมฯบันทึกเสียงการประชุมมหาปวารณา คือหลังจากการพูดคุยกับพ่อท่าน เรื่องการทำ ภาพยนตร์แล้ว ผู้เขียนได้คุยกับคุณหินไฟ ถึงการบันทึกเสียงลงเครื่องคอมฯ ทั้งงานเทศน์และสนทนา คุณหินไฟ อยากให้เก็บ ลงแผ่นซีดีทั้งหมด เพราะไม่ได้เปลืองอะไรมาก จะได้เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง และอาจเป็นประโยชน์ กับการสร้างภาพยนตร์ ในอนาคต ด้วยเสียงจริงเหล่านั้น เผื่อจะนำมาแทรกใช้งานได้ จากเหตุนี้ทำให้ผู้เขียนได้คิดว่า การประชุมมหาปวารณา ยังไม่เคย มีการบันทึกเสียงลงเครื่องคอมฯ หรือจัดเก็บเป็นแผ่นซีดีเลย ที่ผ่านมามีเพียงเท็ปและดูเหมือนไม่มีใครจะสนใจจัดเก็บ จึงเป็นเหตุสำคัญ ที่งานนี้ได้ทดลอง บันทึกเสียง ลงคอมฯด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน อุ่นใจอยู่หน่อยที่มีผู้รู้หลายท่าน

เมื่อลองปรึกษาท่านธัมมาฯ ถึงการใช้งานสองอย่างในเวลาเดียวกัน ท่านว่าเป็นไปได้ เมื่อใช้งานจริง พบปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เริ่มตั้งเครื่อง เอาเสียงตรงจากเครื่อง Mixer เข้าเครื่องคอมฯเลย ปรากฏว่าใช้เวลา ๒ ช.ม. ก็ยังไม่สามารถนำเสียงลงได้ โดยไม่มี เสียงซ่ารบกวน ทั้งๆที่ท่านธัมมาฯ ท่านหินกลั่น และคุณหินไฟ แถมศิษย์เก่าเจ้าช้างอีกหนึ่ง ที่ช่วยกันคิด ช่วยกันต่อ ก็ยังไม่ได้ จึงต้อง กลับมาบันทึกเสียง อย่างง่ายๆ คือต่อลำโพงมาแล้วใช้ไมค์จ่อบันทึก มาทราบภายหลังจากท่านหินมั่น ที่มีประสบการณ์ตรง จากการใช้งานแบบนี้ มาแล้วว่า.. ต้องเสียบที่ช่อง AUX ที่ Mixer จึงจะไม่มีเสียงซ่า

ปัญหาต่อมาเมื่อเริ่มการประชุมฯ การใช้งานสองอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้การพิมพ์บันทึกการประชุมเป็นไปได้ช้า จิ้มๆๆๆไป ๓-๔ จิ้มแล้ว ตัวอักษรยังไม่ปรากฏบนจอสักที.. ต้องรอจนกว่าจะขึ้น มาครบจึงจิ้มๆๆต่อได้ ทำให้การบันทึกพลอยช้าไปด้วย แต่ทำอย่างไรได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะถอยจะถอนก็ไม่ได้ บอกท่านเห็นทุกข์ให้ช่วยเอาเครื่องของท่านมาบันทึกเสียงแทน เคราะห์ร้าย.. เครื่องคอมฯ ของท่าน เห็นทุกข์ ไม่มีโปรแกรมบันทึกเสียง ทำไงได้..ถึงคราวจะช้าก็ต้องช้า

เมื่อจบการประชุมฯ ปัญหายังไม่หมดท่านฟ้าไทและท่านเห็นทุกข์ ต้องการแผ่นซีดีกลับไป ท่านธัมมาฯช่วยทำให้ตั้งแต่ก่อน การประชุมฯ โดยแปลง สัญญาณเสียง จากสูงที่ 44100 ลดลงมาเหลือ 11025 เพื่อการอัดจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ มากเกินไป เมื่อจะถ่าย ข้อมูลออก ต้องแปลงกลับไปที่ 44100 เป็นระบบ mp 3 เพื่อบีบเสียงให้เล็กลง แต่ปัญหาก็คือ ไฟล์มันใหญ่ขึ้น เกินกว่าฮาร์ดดิสก์ ของเครื่องคอมฯ ที่ผู้เขียนใช้จะบรรจุได้ จึงต้องเปลี่ยน กลับไปกลับมา ใครที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ก็อย่ามาถามนะ เพราะจนป่านนี้ ผู้เขียน ก็ยังไม่เข้าใจ ยังงงๆอยู่เลย

ได้คุยกับท่านหินกลั่นในเรื่องเก็บแผ่นซีดีการประชุมฯ เพื่อคนรุ่นหลัง ในอีก ๑๐๐-๒๐๐ ปีขึ้นไป คงเป็นที่สนใจของคนยุคนั้น อย่างยิ่ง เพราะเป็นเหมือน การเรียนพระวินัย ที่มีเรื่องราว มีเหตุการณ์ที่มีพ่อท่าน ร่วมพิจารณาตัดสิน บางเรื่องพ่อท่าน ก็ดุว่าแรงๆ บางทีพ่อท่าน ก็เย้าหยอก ผ่อนคลาย บางเรื่องเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ความผิดของสมณะบางรูป ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในยุคนี้ แต่ยุคโน้น จะสามารถ นำมาเปิดเผยได้ เพราะตัวตนของผู้เสียหายไม่มีแล้ว เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จากแผ่นบันทึกเสียง ได้ฟังน้ำเสียง ที่ถ่ายทอด อารมณ์ต่างๆ ของผู้พูด และอีกหลายๆอย่าง ที่การเขียนจดบันทึก หรือรายงาน ไม่สามารถจัดเก็บ และถ่ายทอด รายละเอียด เหล่านั้น ได้หมด

ท่านหินกลั่นจึงบอกเล่าว่าได้คิดมาหลายปีแล้ว อยากจะตั้งกล้องบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ตลอดการประชุมฯ แต่เกรงว่า จะไม่เหมาะ (เพราะแม้แต่รายงานการประชุม ยังเรียกเก็บคืน เพื่อป้องกันเรื่องเสียหาย ที่ยังไม่สมควรเปิดเผย จะรู้ไปถึงฆราวาส) ถ้าเป็นเช่นนี้ ปีต่อไป จะขออนุญาตพ่อท่าน

ผู้เขียนเห็นดีด้วย เพราะยิ่งกว่าแผ่นซีดีเสียง นี่มีภาพเหตุการณ์จริง ให้เห็นสีหน้าแววตา น่าดูกว่าฟังแต่เสียงเยอะ และรับจะนำ เรื่องนี้ ไปเรียน ปรึกษาพ่อท่าน เนื่องจากพ่อท่านอายุย่างเข้า ๗๐ แล้ว ยังไม่รู้ว่าพ่อท่านจะใช้อิทธิบาท ช่วยให้ยืดอายุขัยจาก ๗๒ ไปได้อีกกี่ปี ซึ่งการประชุมมหาปวารณา มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ดังนั้น เหลือเวลาที่จะบันทึกภาพการประชุมฯ ที่มีพ่อท่านอยู่ด้วย ไม่มากครั้ง นักหรอก

"..ขันธ์ของผม ๗๒ พระพุทธเจ้าขันธ์ ๘๐ พระพุทธเจ้าใช้สรีระมาก แต่ของผมใช้สมองมาก พระพุทธเจ้าก่อนตาย ก็ยังแข็งแรง
แต่เวลาวางขันธ์ ก็วางเลย ผมเอง คุณก็อย่าคิดว่า จะไม่ตายง่ายนะ บางทีอาจจะหายใจไม่ออกตายก็ได้.."
จากบางส่วน ที่พ่อท่านกล่าว ก่อนเปิดการประชุม มหาปวารณาฯ นี้

เมื่อมีการพูดถึงสมณะที่ทำงานมากแล้วออกอาการหลุดๆ ใช้กิริยาและวาจาหยาบๆ ทำให้ญาติโยมอึดอัด พ่อท่านให้ข้อคิด จากผลเสีย ที่เกิดขึ้นว่า.. หนึ่งปฏิบัติธรรมไม่เป็น สองขยายงานเกิน สามสร้างศัตรู

เรื่องขยายงานเกินและเปิดงานใหม่ เป็นขุมทรัพย์ที่สมณะหลายท่านได้รับ จึงอยากจะฝากเป็นขุมทรัพย์ มาถึงฆราวาส หลายคน ที่มีลักษณะนี้ด้วย บางคนก็ฉลาด ที่ไม่ออกหน้าเอง ไปหว่านล้อมลากจูงสมณะ ให้มาเป็นกันชนแทน ขณะที่ผู้ร่วมงานอ่อนล้า รับงานไม่ไหวแล้ว แม้จะเป็นสิ่งที่เป็นกุศลก็ตาม ถ้าถึงจุดที่กายและใจไม่ไหวแล้ว ความเสื่อมเสีย ทั้งจิตวิญญาณ และวัตถุการงาน จะเกิดตามมาแน่

ดังนั้นผู้ใหญ่ที่ชอบคิดดำริ-สร้าง-ขยายทั้งหลายควรดูอินทรีย์พละ หรือความเป็นไปได้ของผู้น้อย ให้มากๆ ด้วยนะ

การทำอะไรเดี่ยวๆ ไม่ประสานสัมพันธ์กับใครๆ และขอให้ถนอมดูแลสุขภาพตนเองด้วย ทั้งสองข้อนี้ก็เป็นขุมทรัพย์ ที่สมณะ หลายท่านได้รับ ผู้เขียนก็ขอฝากมาถึงฆราวาสหลายคนที่อยู่ในภาวะนี้ด้วยเช่นกัน

การเลือกปัจฉาฯพ่อท่านในปีนี้ พ่อท่านยอมถอน..เอาตามหมู่ที่พิจารณาเลือกให้ ท่านชัดแจ้งเอง ก็โกยคะแนนไปไม่น้อย ที่แสดงท่าที ไม่ติดยึด ไม่มีปัญหาใด

สมณะเดินดินผู้ทำหน้าที่ดำเนินการประชุมได้แสดงความเห็นว่า...เรื่องใจนั้นท่านชัดแจ้ง มีให้พ่อท่านเต็มร้อย แต่เนื่องจาก ท่านอายุ มากแล้ว จึงเห็นควรว่าน่าจะมีสมณะหนุ่มๆเข้ามาช่วยปรนนิบัติดูแลจะเหมาะกว่า จะได้ช่วยพ่อท่าน หอบหิ้วสิ่งของต่างๆ ได้อย่างดี

สมณะสู้ซื่อ หสิโต ซึ่งได้รับการเลือกนั้น เป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่อยู่แล้ว แถมมีน้ำใจและไหวพริบปฏิภาณไม่น้อย งานดูแล ปรนนิบัติ พ่อท่านนั้น ไม่ได้ยากเกินกว่า ความสามารถที่ท่านมี

ส่วนท่านชัดแจ้งนั้น ทางสันติอโศกจองตัวให้อยู่ฝ่ายปฏิสันถาร ซึ่งเป็นงานที่ท่านก็มีฉันทะดี ในช่วงนี้ ก็ให้เป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำ เพื่อถ่ายงาน ให้ท่านสู้ซื่อ ต่อไปก่อน

ท้ายสุด ต้องขอขอบพระคุณพ่อท่าน และหมู่สมณะ ที่ให้โอกาสผู้เขียน ได้ทำหน้าที่นี้ต่อ ทั้งๆที่มีหลายท่านเหมาะสม เพียงแต่ ท่านเหล่านั้น ก็เหมาะและสามารถ ในงานอื่นด้วย จึงยังไม่มีโอกาส ได้ทำหน้าที่ตรงนี้เท่านั้น

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สมณะแนะให้ข้อคิด
ความผาสุกของหมู่กลุ่มผู้นำองค์กรต้องพร้อมรับฟัง

งานมหาปวารณาครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๕-๙ พ.ย. ๔๖ ณ พุทธสถานปฐมอโศก เป็นงานประจำปีอีกงานหนึ่ง ของชาวอโศก ที่สมณะทุกรูป จะเดินทางมาร่วมมหาปวารณาโดยพร้อมเพรียงกัน

เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา ๐๓.๓๐ ของวันที่ ๕ พ.ย. และยุติลงเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น.ของวันที่ ๖ พ.ย. สำหรับรายละเอียดของงาน มีดังนี้

ทำวัตรเช้า ๗,๘ พ.ย. พ่อท่านแสดงธรรม อธิบายขยายความเรื่องของอิทธิบาทและ ๗ อ. พร้อมกับเตือนว่า ระวังสุขภาพทางเลือก จะกลายเป็น สุขภาพทางเลอะ

๙ พ.ย. สมณะบินบน ถิรจิตโต และสมณะเดินดิน ติกขวีโร แสดงธรรม เน้นว่า ถ้าแต่ละคนสังวรศีลมากขึ้น หมู่กลุ่มก็จะผาสุก และเราควรได้ ความศักดิ์สิทธิ์ของงานมหาปวารณาติดตัวกลับไป ด้วยการมีการปวารณาตัวต่อผู้อื่น โดยเฉพาะ ผู้นำองค์กร ต้องพร้อมที่จะรับคำแนะนำ จากผู้อื่น มาแก้ไขปรับปรุงตัวเอง

ก่อนฉัน ๗ พ.ย. พ่อท่านแจ้งเรื่องที่หมู่สมณะได้พิจารณาและญาติธรรมควรทราบร่วมกัน คือ

๑.สมณะมาร่วมมหาปวารณา ๑๐๓ รูป จากจำนวน ๑๐๔ รูป ลา ๑ รูป คือ สมณะแจ้งจริง อมโล อยู่ที่พุทธสถาน สีมาอโศก เนื่องจาก อายุมาก คือ ๘๘ ปี

๒.ข้อตกลงในการใช้โทรศัพท์มือถือของสมณะ คือ
๒.๑ มีอายุพรรษาตั้งแต่ ๑๕ พรรษา ขึ้นไป
๒.๒ มีหน้าที่การงานรับผิดชอบ โดยผ่านการพิจารณาของหมู่สมณะ
๒.๓ ผ่านการพิจารณาจากพ่อท่านอีกครั้ง

ในเรื่องของค่าบริการให้ส่วนกลางรับผิดชอบ ญาติโยมที่ปวารณาค่าโทรศัพท์ไว้กับสมณะ ให้บริจาคเข้าส่วนกลาง สำหรับโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว ให้นำคืนส่วนกลาง พ่อท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า โทรศัพท์มือถือ เป็นทางมาแห่งธุลี กับผู้ปฏิบัติธรรมได้ หากไม่ระมัดระวัง และยังคงย้ำเหมือนทุกปีที่ผ่านมาว่า ๓ ส. ที่เป็นอันตรายต่อสมณเพศ คือ ๑.สตางค์ ๒.สตรี และ ๓.สังฆเภท (ไม่ใช่นานาสังวาส)

๓. ให้ทุกชุมชนให้ความร่วมมือในการหยุดเพื่อสันติภาพ ๑ นาทีทุกเที่ยงวัน

๔. ให้ระมัดระวังเรื่องการขยายเครือข่าย หรือขยายงานจนเกินกำลัง โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียนสัมมาสิกขา ที่มีจำนวนนักเรียนน้อย สำหรับงานอบรม ที่มีประจำทุกเดือน คืองานอบรมลูกค้าของ ธ.ก.ส. และงานอบรมของ สสส. ก็มากพอแล้ว

โศลกงานมหาปวารณาครั้งที่ ๒๒ คือ

๑.ไม่รอไม่หวัง แต่เราทำ
๒.ระวัง! ทำงาน....อย่าสร้างศัตรู
๓.ใจเจ็บไม่มี ใครเจ็บใจคืออัตตาบ้า

ปัจฉาสมณะ
ปัจฉาฯ พ่อท่าน คือ สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ และ สมณะสู้ซื่อ หสิโต
ปัจฉาฯ สมณะเดินดิน ติกขวีโร คือ สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
ปัจฉาฯ สมณะบินบน ถิรจิตโต คือ สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
ปัจฉาฯ สมณะผืนฟ้า อนุตตโร คือ สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
ปัจฉาฯ สมณะเสียงศีล ชาตวโร คือ สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล
ปัจฉาฯ สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ คือ สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ

สมณะป่วยแห่งปี
๑. สมณะกรรมกร กุสโล ๒. สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๓. สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๔. สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม

สมณะลงอารามตามพุทธสถานและสังฆสถานต่างๆดังนี้

พุทธสถานสันติอโศก
๑.สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ
๒.สมณะกล้าดี เตชพหุชโน
๓.สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร
๔.สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
๕.สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
๖.สมณะชนะผี ชิตมาโร
๗.สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๘.สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
๙.สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม
๑๐.สมณะหม่อน มุทุกันโต
๑๑.สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก
๑๒.สมณะกล้าจริง ตถภาโว
๑๓.สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ
๑๔.สมณะกล้าตาย ปพโล
๑๕.สมณะดงเย็น สีติภูโต
๑๖.สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
๑๗.สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ

พุทธสถานปฐมอโศก
๑.สมณะกรรมกร กุสโล
๒.สมณะทำดี อโสโก
๓.สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๔.สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๕. สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล
๖.สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
๗.สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๘.สมณะชาติดิน ชัญโญ
๙.สมณะมองตน เมตตจิตโต
๑๐.สมณะเด่นตะวัน นรวีโร
๑๑.สมณะนาไท อิสสรชโน
๑๒.สมณะบินก้าว อิทธิภาโว

พุทธสถานราชธานีอโศก
๑.สมณะเดินดิน ติกขวีโร
๒.สมณะแดนเดิม พรหมจริโย
๓.สมณะหินแก่น นมวังโส
๔.สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๕.สมณะผิว พาลสุริโย
๖.สมณะผองไท รตนปุญโญ
๗.สมณะคมคิด ทันตภาโว
๘.สมณะดงดิน สุนทโร
๙.สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๑๐.สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
๑๑.สมณะถนอมคูณ คุณกิตติโณ

พุทธสถานศีรษะอโศก
๑.สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๒.สมณะถ่องแท้ วินยธโร
๓.สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม
๔.สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
๕.สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
๖.สมณะลั่นผา สุชาติโก
๗.สมณะชุ่มบุญ กิตติปาโล
๘.สมณะข้าฟ้า ฐานรโต
๙.สมณะพันเมือง ภทันโต

พุทธสถานศาลีอโศก
๑.สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร
๒.สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๓.สมณะเลื่อนลั่น ปาตุภูโต
๔.สมณะเน้นแก่น พลานีโก
๕.สมณะสมชาย ตันติปาโล
๖.สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
๗.สมณะมือมั่น ปูรณกโร

พุทธสถานสีมาอโศก
๑.สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน
๒.สมณะสร้างไท ปณีโต
๓.สมณะแจ้งจริง อมโล
๔.สมณะก้อนหิน โชติปาสาโณ
๕.สมณะคำจริง วจีคุตโต
๖.สมณะนานุ่ม กัสสโก
๗.สมณะดินไท ธานิโย
๘.สมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ

สังฆสถานทักษิณอโศก
๑.สมณะดินดี สันตจิตโต
๒.สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๓.สมณะพอแล้ว สมาหิโต
๔.สมณะดินทอง นครวโร
๕.สมณะหนักแน่น ขันติพโล

สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ
๑.สมณะกลางดิน โสรัจโจ
๒.สมณะนึกนบ ฉันทโส
๓.สมณะเทินธรรม จิรัสโส
๔.สมณะแก่นผา สารุปโป
๕.สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ
๖.สมณะฝนธรรม
พุทธกุโล

พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ
๑.สมณะบินบน ถิรจิตโต
๒.สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
๓.สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๔.สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๕.สมณะลานบุญ วชิโร
๖.สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๗.สมณะหินมั่น สีลาปากาโร
๘.สมณะหินเพชร ธัมมธีโร
๙.สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
๑๐.สมณะเห็นทุกข์ ยตินทริโย
๑๑.สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน
๑๒.สมณะวิเชียร วิชโย
๑๓.สมณะฟ้ารู้ นโภคโต
๑๔.สมณะหนึ่งดี สุยิฏโฐ
๑๕.สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก
๑๖.สมณะพอจริง สัจจาสโภ
๑๗.สมณะธาตุดิน ปฐวีรโส
๑๘.สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ
๑๙.สมณะปองสูญ โฆสิตธัมโม
๒๐.สมณะฟ้าแสง ปภากโร
๒๑.สมณะอ้วน อภิมันโต
๒๒.สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
๒๓.สมณะลึกเล็ก จุลลคัมภีโร
๒๔.สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
๒๕.สมณะชุบดิน วิชชานันโต
๒๖.สมณะสยาม สัจจญาโณ

๘ พ.ย. เป็นรายการตอบปัญหาแฟนพันธุ์แท้หนังสือของพ่อท่าน คือ ความรัก ๑๐ มิติ, คั้นออกมาจากศีล, พุทธเทวนิยมกับพุทธอเทวนิยม, อี.คิว.โลกุตระ สำหรับผู้ที่ผ่านการแข่งขันในรอบนี้ ได้รับรางวัลเป็นหนังสือ คนคืออะไรฯ และ สมาธิพุทธ จากพ่อท่าน และจะได้เข้าร่วมตอบปัญหา หนังสือ "คน" คืออะไรฯ ในงานอโศกรำลึก ที่พุทธสถานสันติอโศก ในปี ๒๕๔๗

ระหว่างงาน ๖-๘ พ.ย. มีการประชุมต่างๆ ที่ศาลาชาวบ้าน, ห้องประชุมศูนย์เจาะวิจัยฯ และศาลาวิหาร คือ ประชุมเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษฯ, การศึกษาบุญนิยม, กรรมการบริหารพรรคเพื่อฟ้าดิน, เตรียมงานตลาดอาริยะ และประชุมใหญ่ พรรคเพื่อฟ้าดิน และองค์กร บุญนิยม

ภาคค่ำ ๑๘.๐๐-๒๐.๓๐ น. ตั้งแต่ ๖-๘ พ.ย. เป็นการแสดงของชุมชนบุญนิยมต่างๆ มีการจุดพลุประกอบการแสดง สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับผู้ชม พอสมควร

๙ พ.ย. ช่วงก่อนฉัน ผู้รับผิดชอบแผนกต่างๆในงาน กล่าวสรุปงาน ดำเนินรายการโดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก ในช่วงบ่ายเป็นการประชุมของหมู่สิกขมาตุ

สำหรับผู้มาร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้
นางนาดิน จันทะขัมมา บริษัทแด่ชีวิตจำกัด "ทุกรายการดีมาก ประทับใจองค์รวม โดยเฉพาะพ่อท่าน ที่ชี้บอกทิศทาง สัมมาทิฏฐิ บนเส้นทางนี้ ทำให้ชัดเจนมากขึ้น รายการตอบปัญหาแฟนพันธุ์แท้ฯ ทำให้เข้าใจภาษาเพิ่มขึ้น เพราะปฏิบัติได้แต่ไม่รู้ปริยัติ"

นางหนึ่งดาว นาวาบุญนิยม ราชธานีอโศก "ได้ร่วมตอบปัญหาแฟนพันธุ์แท้หนังสือคั้นออกมาจากศีล เพราะชอบอ่านหนังสือ อยู่แล้ว และ ได้ผ่านเข้ารอบ ประทับใจธรรมะทุกรายการ บรรยากาศอบอุ่นค่ะ"

นายจำนงค์ สังวร ศาลีอโศก "อาหารอุดมสมบูรณ์ สถานที่เรียบร้อย สวยงาม ฟังเทศน์ทำให้ชัดเจนมากขึ้น ในสิ่งที่เรา ไม่ชัดเจน ได้สาระ ได้เห็นตัวเองมากขึ้น ในส่วนของเรื่องน้ำมีปัญหาน้ำไม่ค่อยไหลที่โรงเต้าหู้"

สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก ๔ พรรษา "ได้อะไรลึกๆหลายอย่าง มีศรัทธาในภันเตและอาวุโสมากขึ้น ทำให้มีสติมากขึ้น รับฟังผู้อื่น ได้มากขึ้น ได้รู้ตัวเอง มากขึ้น ถ้ามีสติก็จะยอมให้มากขึ้น โดยเฉพาะโศลกธรรมทั้ง ๓ โศลกได้รับประโยชน์มาก"

น.ส.สมจิตร ศรีนคร กทม. "มาเป็นครั้งที่ ๓ ได้เยอะแยะไปหมดเลย โดยเฉพาะได้มาฝืนตัวเองมากๆ ในเรื่องการนอน ที่ต้องตื่นตี ๓ ครึ่ง ได้พูดคุยกับสมณะ ทำให้ได้แนวคิด ในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น เด็กๆน่ารัก".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ฟื้นฟูอาชีพด้วยสัจธรรมชีวิต

หลายวันก่อน มีโอกาสได้ไปดูงาน "ฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร" ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ จ.อุบลราชธานี ก็ไปเจอ เรื่องดีๆมาเยอะ ทั้งที่ "ราชธานีอโศก" และที่ "บ้านเอ็นอ้า" หมู่บ้านนำร่อง โครงการเศรษฐกิจชุมชน เพื่อการพึ่งตนเอง ของ ธ.ก.ส.

ก็ขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป...

ทาง ธ.ก.ส. เขาร่วมกับศูนย์การเรียนรู้ทั้งภาครัฐ-ภาคเอกชน ตลอดจนปราชญ์ชาวบ้าน มีการจัดอบรมหลักสูตร "สัจธรรมชีวิต" โดยร่วมกับสถาบัน เพื่อพัฒนาการเกษตรและชนบท จำเนียร สารนาค (สจส.) และเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ (คกร.) อบรมพัฒนา เกษตรกร ตั้งแต่การตระหนักถึงสัจธรรมชีวิต การสร้างรายได้ จากการประกอบอาชีพ ไปจนถึงการร่วมเป็นผู้นำ การเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้น ของชุมชน

โครงการนี้ได้ผลน่าพอใจ ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากสามารถ "สะสมเงินออม" มีแนวโน้มว่าจะสามารถ "ปลดเปลี้องภาระหนี้สิน" ได้แน่ หลังโครงการ "พักชำระหนี้เกษตรกร" ของรัฐบาลสิ้นสุดลง

ที่มาของสัมฤทธิผลก็คือ ลด-ละ-เลิกอบายมุข, ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน, สร้างรายได้เสริม, ไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น นอกเหนือไปจาก การพยายาม ลดต้นทุน การผลิต ในอาชีพที่ทำ ถ้าทำการเกษตรก็ทำแบบยั่งยืน ไร้สารพิษ...นี่คือ "หัวใจสำคัญ" ของวิธีการ "แก้จน" ที่หลายคน ชอบถามถึง...

ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร...ถ้าทำได้ตามนี้รับรองว่าถึงมีหนี้สินอยู่ก็ปลดหนี้ได้ ทำได้รับรองว่าไม่จนแน่นอน... ก็อย่างที่เขาว่ากัน... "อยู่อย่างรวยแล้วจะจน... อยู่อย่างจนแล้วจะรวย" ยังไงล่ะครับ !

ซีอิ๊วขาวใบสาทร-ปลาร้าถั่วเหลือง
นอกจากแนวคิดดีๆ ไปอุบลฯครั้งล่าสุดนี้ผมยังไปเจอสูตรอะไรแปลกๆ น่าสนใจมาหลายอย่าง งวดนี้จะนำมาฝาก กัน ๒ อย่างคือ..."ซีอิ๊วขาวใบสาทร" กับ "ปลาร้าถั่วเหลือง" ซึ่งผมไปเจอที่อุบลฯ ก็จริง แต่เป็นสูตรจาก จ.ชัยภูมิ เป็นสูตรของ เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ หรือ คกร.หินผาฟ้าน้ำ ต.นาหนองทุ่ม อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ โดย คุณอบเชย คำโฮง สามาชิกเครือข่ายฯ ได้กรุณาให้ข้อมูลมา ดังนี้

"ซีอิ๊วขาวใบสาทร" ใช้พืชพื้นบ้านเป็นวัตถุดิบหลักๆ ประกอบด้วย... ใบสาทร หรือบางพื้นที่แถบอีสานเรียก "ใบขี้หนอน" ตามสูตรก็ใช้ ๑ ขีด, ใบกระถิน ๑ ขีด, ใบหม่อน ๑ ขีด, เกลือ ๑ กก., น้ำตาลทรายแดง ๑ กก.,น้ำสะอาด ๘ ลิตร และ หัวเชื้อซีอิ๊วขาว ๒ ขวด

วิธีทำ...
๑.ล้างใบไม้ทั้ง ๓ อย่างให้สะอาด หั่นยาว ๑ ซ.ม. คั่วกับเกลือนิดหน่อยให้เหลืองกรอบ เติมน้ำต้มจนเดือด พักไว้ให้เย็น

๒. คั่วเกลือที่เตรียมไว้ให้สุก เติมน้ำตาลคั่วจนเหนียว แล้วกรองน้ำจาก ข้อ ๑ เทลงไปต้มจนเดือด

๓. เติมหัวเชื้อซีอิ๊วขาวลงไป ก็จะได้ "ซีอิ๊วขาวใบสาทร" ที่ปลอดภัยในการบริโภค

ต่อไป "ปลาร้าถั่วเหลือง" อันนี้ เกี่ยวเนื่องกับ "ซีอิ๊วขาวใบสาทร" ซึ่งตามสูตรต้องใช้เป็นส่วนประกอบด้วย จำนวน ๔ ขวด ใช้ ถั่วเหลือง ล้างสะอาด ๑ กก. ข้าวคั่ว ๓ ขีด เกลือแกง ๓ ขีด

วิธีทำ
๑. แช่ถั่วเหลือง ๑ คืน
๒. ล้างถั่วที่แช่แล้วให้สะอาด(ประมาณ ๓ น้ำ)
๓. ต้มถั่วโดยใส่น้ำพอๆกับหุงข้าว ใช้ไฟกลางๆ ต้มจนถั่วนิ่มเปื่อย และน้ำแห้งหมดพอดี
๔. นำถั่วไปหมักในภาชนะที่ปิดฝามิดชิด เป็นเวลา ๑๕-๓๐ วัน โดยให้คนพลิกถั่วทุกวัน วันละ ๑ ครั้ง
๕. ครบกำหนดเวลาหมักแล้วก็นำถั่วมาปั่นหรือโขลกให้ละเอียด
๖. ปรุงด้วยข้าวคั่ว-เกลือ-ซีอิ๊ว ก็จะได้ "ปลาร้าถั่วเหลือง" ที่ทั้งรสและกลิ่น ไม่แพ้ใช้ปลาทำ สามารถขายได้กิโลฯละประมาณ ๓๐ บาท หรือ แบ่งเป็นถุงครึ่งกิโลฯ ขาย ๑๕ บาทก็ได้ !!

ใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ คกร. หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ หรือจะรบกวนสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตร "ซีอิ๊วขาวใบสาทร-ปลาร้าถั่วเหลือง" ก็ลองโทร.ไปที่เบอร์ ๐-๔๔๘๑-๐๐๙๕.
(จาก คอลัมน์ "ช่องทางทำกิน" นสพ.เดลินิวส์)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พ่อท่านรับนิมนต์เวิร์คช็อปที่จุฬาฯ หัวข้อ "ศาสนธรรมกับธุรกิจ"
เสนอแนวบุญนิยม ชี้กระแสบุญนิยมคือทางรอด

เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ พ.ย. ๒๕๔๖ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ได้รับกิจนิมนต์ร่วมเวิร์คช็อป ในหัวข้อเรื่อง ศาสนาธรรมกับธุรกิจ ณ ห้องประชุม สารนิเทศ หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คุณวัลลภา คุณติรานนท์ ในนามของกรรมการจัดการประชุมนานาชาติ ได้นิมนต์พ่อท่าน ร่วมประชุมในหัวข้อเรื่อง "เศรษฐกิจมีชีวิต : ทบทวนบทบาทธุรกิจ กับ ความรับผิดชอบต่อสังคม" (Rethinking Coorperate Social Responsibility Living Economics in Asia) ที่จัดโดย เครือข่ายธุรกิจ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเอเชีย/ประเทศไทย (SVN-Social Venture Network Asia/Thailand) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิสันติภาพสากล (International Peace Foundation)

ผู้จัดได้บรรจุหัวข้อเรื่อง ศาสนธรรมกับธุรกิจ (Spirit in Business) เป็นหัวข้อ ๑ ใน ๘ หัวข้อการประชุมห้องย่อย (Workshop) ด้วยตระหนักว่า ศาสนธรรม ย่อมมีบทบาทอย่างสำคัญต่อโลกธุรกิจและได้นิมนต์พ่อท่านเป็นองค์ปาฐกร่วมกับ นายซานเดอ ทิเดอมาน พร้อมกับ ขออนุเคราะห์อาหารว่าง และเครื่องดื่มสมุนไพร ไปบริการแก่ผู้เข้าร่วมประชุมในหัวข้อนี้ด้วย ซึ่งทางชมรม มังสวิรัติ แห่งประเทศไทย สาขาหน้าสันติอโศก ได้นำอาหารมังสวิรัติ ไปบริการเต็มที่

(บรรยากาศการประชุมห้องใหญ่ในช่วงบ่าย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นผู้ปาฐก ซึ่งพ่อท่านและคณะได้มีโอกาสร่วมรับฟังด้วย)

การประชุมห้องย่อย พ่อท่านได้นำเสนอ แนวคิด บุญนิยม สู่การประชุมย่อย ในการฟังจะมีภาคภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทย และ ไทยแปลเป็นอังกฤษ โดยแต่ละที่นั่งจะมีหูฟัง ที่สามารถเลือกภาษาที่จะรับฟังได้

จากการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมครั้งนี้ หลายท่านมีทัศนะว่า การให้ความรู้ของพ่อท่าน ในเรื่องบุญนิยม ที่มุ่งการ เสียสละ และการปฏิบัติธรรมตามหลัก อาริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น คงยากที่บุคคลทั่วไป โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ในกระแสทุนนิยม และการทำสมาธิ หรือทำจิตใจให้สงบโดยวิธีให้สติผูกกับกสิณอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ฤาษีหรือคนทั่วโลกเข้าใจ จะทำให้เกิด ความเข้าใจได้ ในช่วงระยะเวลาที่จำกัด เพราะเรื่องของบุญนิยม เป็นเรื่อง ตรงข้ามกับทุนนิยม เพราะในกระแสธุรกิจทุนนิยม มุ่งทำกว้าง ทำใหญ่ และพยายามเชื่อมต่อกับทั่วโลก ในขณะที่ชาวบุญนิยม จะเน้นทำเล็กๆให้แน่น จนมีตัวจริง เป็นของจริง มีแนวลึก ซึ่งเป็นรากฐานความกว้าง อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ก็เชื่อว่า ยุคนี้เป็นยุคคนมีปัญญา โดยเฉพาะผู้ที่รักสันติภาพ คงจะเข้าใจ แนวทางที่พ่อท่านนำเสนอ แต่จะนำไปสู่การปฏิบัติ ได้หรือไม่นั้น ก็คงจะต้องเป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะต้องพิสูจน์กันต่อไป.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชื่อ นายก่ำ บุตรดี
เกิด ๕ มิ.ย. ๒๔๖๐ อายุ ๘๖ ปี
การศึกษา สอบเทียบ ป.๔
ภูมิลำเนา ๓๘ ม.๘ ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรฯ
สถานภาพ แต่งงาน บุตร ๖ คน
ส่วนสูง ๑๖๕ ซ.ม.
น้ำหนัก ๕๘ กก.

ในงานมหาปวารณา ได้พบกับคุณตาก่ำ พูดคุยกันแล้วจึงได้รู้ว่าเป็นญาติธรรมตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ และเป็นผู้อายุยาว ที่มีสุขภาพแข็งแรง ประวัติชีวิตก็น่าสนใจ

*** เรื่องราวชีวิต
มีพี่น้อง ๕ คน ตาเป็นที่ ๔ ตอนนี้พี่น้องตายหมดแล้ว พ่อแม่ทำนา ตาชอบทางศาสนามาตั้งแต่เด็กๆ เคยฟังเรื่องราวของพระพุทธเจ้า เรื่องพระปฐมสมโภชน์ ชอบมาก อายุ ๒๐ ปีก็บวช ๑ พรรษา

แม่เสียชีวิตตอนตายังเล็ก อยู่กับพ่อ ทำงานเลี้ยงพ่อ เคยทำงานรับจ้างขุดสระอยู่หลายวันได้เงินมา ๑ บาท เอาไปให้พ่อ พ่อบอกว่า ให้เอาไปทำบุญซะ ตาก็เอาทำบุญ หมดเลย

อายุ ๒๓ ปี แต่งงานกับสาว อ.ภูเวียง มีลูก ๗ คน เป็นชาย ๓ (เสียชีวิต ๑ คน) หญิง ๔ คน แม่บ้านยังมีชีวิตอยู่ อายุ ๘๑ ปี

ไม่ได้เข้าโรงเรียน หัดอ่านหนังสือเอง แล้วสอบเทียบ ป.๔ ได้ ตอนไปสอบเทียบ เขาถามว่าไทยไปรบกับฝรั่งเศส ได้จังหวัดอะไรบ้าง ตาตอบว่า มีสุวรรณเขต จำปาศักดิ์ ศรีโสภณ เสียมราฐ เขาก็ให้จบ ป.๔

*** ความซื่อสัตย์
แต่งงานแล้วก็ค้าขาย โดยใช้เรือกระแชง ขนข้าวเปลือกไปขายโรงสีหนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น จนตั้งตัวได้ ถือหลักความซื่อสัตย์ ต่อมา เขาจะสร้างเขื่อนปากมูล เลยเลิกค้าข้าว ขายเรือหมด เถ้าแก่โรงสีที่เคยค้าขาย ให้คนขี่ม้ามาตาม ให้ไปช่วยซื้อข้าวให้เขาหน่อย เขาเอาเงินให้ ๖ หมื่นบาท ดูซิ! เขาไว้ใจมาก ตาก็ไปซื้อให้เขาเรียบร้อย ตอนนั้นข้าวเปลือก ๑๒ กิโลฯ ๑ บาท

*** สู่การปฏิบัติธรรม
ปี ๒๕๒๘ ลูกชาย(สุรชัย บุตรดี) พาไปฟังธรรมที่ อ.บ้านดุง ฟังแล้วเข้าใจเลย ว่าทางนี้เป็นทางแท้ ตอนนั้นได้คุยกับท่านถิรจิตโต มางานพุทธาฯ ที่ศาลีอโศก ตั้งแต่ครั้งที่ ๙ พ่อท่านเทศน์เรื่องวิชชา ๙ ถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน ทำบุญตักบาตร แต่ไม่ได้รับศีล คิดว่าศีล อยู่ประจำกับตัวเราแล้ว

ปี ๒๕๓๐ เคยไปอยู่นครปฐม ยังจำได้ว่าตรวจศีลกับท่านติกขวีโร คนวัดศีลตกเรื่องกินจุบจิบ ท่านบอกว่า ปากไม่มีวินัย ตาไม่ตก ไปอยู่บ้าน ก็ปฏิบัติศีลเหมือนอยู่วัด วัดอยู่ในจิตใจ

ลูกสาวปลูกบ้านที่ดินหนองแดนเหนือ มีงานอบรม ตาก็ช่วยงานที่นี่ด้วย อบรม ๒๙ ครั้ง ขาดไป ๒-๓ ครั้งเท่านั้น ช่วยถวายอาหาร ให้สมณะ และขึ้นเวทีให้เขาสัมภาษณ์ ดินหนองฯก็มีปัญหา แต่แก้ไขได้ คนก็ถอยเข้าถอยออก ตาไม่มีปัญหา

*** ทุกวันนี้
ทรัพย์สมบัติคือให้ความรู้แก่ลูก ตอนนี้ก็ตามหากิเลสที่ยังหลงเหลือเพื่อละล้าง เรื่องตายไม่กลัว ก็มันจะตายอยู่แล้ว ไปกลัวทำไม

ที่อายุยืนอาจเป็นเพราะตอนเล็กๆ เลี้ยงพ่อก็ได้ ดูแลพ่ออย่างดี ตอนนี้ความจำยังดี หูฟังได้ดี สุขภาพแข็งแรง งานพุทธาฯ-ปลุกเสกฯ ไปเป็นประจำ ไม่เคยขาด หากงานไหนไม่ได้ไป ก็ไปอีกงานหนึ่ง ส่วนเทปในงานจองทุกครั้ง

*** ฝากสุดท้าย
ให้ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ เสียสละ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ เพราะตนเป็นที่พึ่งของตน อย่าไปพึ่งสิ่งอื่น

ไม่ว่าอยู่วัด หรืออยู่บ้าน ตามีศีลอยู่ตลอดเวลา แต่หลายคน พอกลับบ้านก็ฝากศีลไว้ที่วัด ไม่เอากลับไปด้วย งานมหาปวารณา สมณะท่านเทศน์ไว้ว่า ชุมชนใดที่แต่ละคนสังวรศีล ชุมชนนั้นก็จะเกิดความผาสุก เรามาร่วมสร้างชุมชน ให้ผาสุก ด้วยการสังวรศีล กันเถิด

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อาหารต้านมะเร็ง
โดย น.พ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนบำบัด
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

สำหรับมะเร็ง คุณหมอให้คนไข้ที่เป็นมะเร็ง กินหอมแดงสด วันละ ๑๐ หัว สับเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับข้าวเลย แบ่งเป็นมื้อละ ๓ หัว ๓ มื้อ สำหรับมะนาว ถ้าเป็นคนทั่วไป วันละลูก คนเป็นมะเร็งก็เช้าลูก เที่ยงลูก เย็นลูก ก่อนนอนลูก

"เกลือดีกว่าน้ำปลาอยู่แล้ว ผมกลัวจริงครับน้ำปลาแท้ ไม่แท้ พิสูจน์กันตรงไหน บางทีอันตรายเหมือนกัน น้ำปลาที่เรากินทุกวันนี้ ทำให้เกิด สารไนโตซามีนที่กระเพาะ บางยี่ห้อมีสารย้อมสี ทิ้งไว้นานหลายเดือน สีจะตกตะกอนเป็นผงๆ อยู่ที่ก้นขวด พวกนี้เป็นสาร ก่อมะเร็ง โดยตรงเลย"

คนที่เหยาะน้ำปลาเฉยๆลงบนอาหาร จะมีโอกาสเป็นมะเร็งในอาหาร แต่ถ้าเราใส่มะนาว หอมแดง พริกซอยเข้าไป ก็ปลอดภัย ในมะนาว มีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง ในหอมแดงช่วยลดการอักเสบ ต้านสารพิษผิดปกติ ต้านมะเร็ง ทำให้ เซลล์มะเร็ง เจริญเติบโตช้าลง และตาย ด้วย ในพริกมีวิตามินซี วิตามินเอสูงสุด แต่เผ็ด ถ้า ๓ อย่างนี้ลงไปอยู่ในน้ำปลา (หรือซีอิ๊ว) ในปริมาณที่พอเหมาะ เหยาะๆจะไม่เกิดโทษเลย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จุดหนึ่งของโครงการ ๓๐ บาท

อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่เป็นโรค คือ ลาภอันประเสริฐ แต่จะหาคนใด ผู้ใด หนีพ้น มีความไม่เป็นโรค หรือไม่เป็นอะไร ตั้งแต่เกิด ถึงตายนั้น หาได้ยากยิ่งนัก ทุกชีวิตย่อมใช้กรรมทั้งสิ้น ย่อมมี ทุกข์ เวทนา ไม่ทางกายก็ต้องมีทุกข์ทางใจ

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่ง ที่หนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้ แต่ไม่ได้มีโรคที่ร้ายแรงประจำตัวอะไร เพราะว่าร่างกายยัง ไม่ได้เจ็บป่วย รุนแรงอะไร ข้าพเจ้าใฝ่ฝัน ที่จะช่วยเหลือคน ให้ผู้คนได้บรรเทาทุกข์จากอาการของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ที่ข้าพเจ้ามีมา ตั้งแต่เกิด ไม่ทราบว่า มีมาแต่หนใด แต่มันติดตัวข้าพเจ้า

แต่ความรู้ของข้าพเจ้าไม่ได้มีมากมายอะไร (แบบคุณหมอที่เรียนมา) แต่ด้วยความใฝ่ฝันในอุดมการณ์ที่ตั้งไว้ จึงทำให้ข้าพเจ้า เบนเข็มชีวิต จากการเป็นช่างเย็บผ้า, การเป็นทหาร และพนักงานโรงแรม จนได้มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน ที่จะต้องเก็บเงินจากผู้ป่วย ในการรักษาที่สุดแสนจะแพง แต่ข้าพเจ้าก็ต้องทำงาน ตามความมุ่งหวัง ของชีวิตที่อยู่ในโรงพยาบาล ข้าพเจ้าทำงานด้วยจิตใจที่มีความรัก มอบให้แด่ผู้เจ็บป่วยทุกคน บริการด้วยความอ่อนน้อมยิ่ง เพราะข้าพเจ้าหวังว่า ผู้เจ็บป่วยที่มีความทุกข์อยู่แล้ว อย่างน้อยก็จะได้พลังใจจากเรา ช่วยให้อายุของเขา ยืนยาวได้บ้าง ความทุกข์หรือความเจ็บป่วย ถ้าใครไม่ประสบกับตัวเองแล้ว ย่อมหลงระเริงตัว ประมาท และไม่เห็นใจผู้อื่น ตลอดระยะเวลา ในโรงพยาบาล สมัยที่เคยเป็นทหารเสนารักษ์ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ทำงานในห้องผ่าตัด และห้องเภสัชกรรม ได้เห็นสภาพ ความทุกข์ของผู้ป่วยจำนวนมาก บ้างก็เป็นโรคคอพอก โรคมะเร็ง โรคร้ายต่างๆ ซึ่งคุณหมอและพยาบาล ซึ่งมีคุณธรรม ต่างก็ได้อุทิศชีวิต หรือความสุขส่วนตัว ทำงานอันแสนเหนื่อยหนักนี้ ซึ่งเป็นความเสียสละ และสร้างความประทับใจ มิรู้หายให้แก่ข้าพเจ้า ผู้ป่วยบางคนก็รอด บางคนเป็นมากๆ ช่วยไม่ได้ก็เสียชีวิต และผู้เป็นญาติย่อมเศร้าโศกเสียใจมาก

สมัยที่ข้าพเจ้าได้มาทำงานใน โรงพยาบาลเอกชน การรักษาซึ่งมีราคาแพง เราก็ต้องมีสำนึกต่อท่าน ผู้ป่วยทั้งหลายอย่างยิ่ง เพราะกลัว จะเป็นหนี้บาป ที่เราจะต้องได้เงินมาจากความทุกข์ยากของผู้อื่น ซ้ำไม่พอ ต้องมาจากเลือดแรงงานและคราบน้ำตา ของคนป่วย ที่เก็บเงินมา ตลอดชีวิต บางคนบางชีวิต ต้องเป็นอัมพาต ทำงานไม่ได้ จ่ายค่ายา-ค่าหมอ-ค่ากิน จนสิ้นเนื้อประดาตัว ทรัพย์สินที่เก็บออม มาตลอดชีวิต ต้องหมดลง ครอบครัวแตกแยก ลูก-เมีย-สามีต้องประสบแต่ทุกขเวทนา บางคน เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ไม่มีเงินจ่าย ให้โรงพยาบาล ก็เก็บข้าวของหนีกลับบ้าน เหตุการณ์มากมายเหล่านี้ ข้าพเจ้าพบและประสบมาทั้งสิ้น เมื่อทำงาน อยู่โรงพยาบาล มีทั้งเด็กเกิดใหม่ คนเจ็บ และคนตาย ข้าพเจ้าหวังและคิดเสมอว่า สังคมไทย จะต้องมีความหวังบ้าง

บัดนี้ข้าพเจ้าลาออกจากงานได้หลายปีแล้ว มาอยู่ที่ภูผาฟ้าน้ำ มาปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าก็ยังคอยติดตามข่าวคราว ของโรงพยาบาล ต่างๆอยู่ เพราะอาชีพเดิมของข้าพเจ้าคือ ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล ต้องรู้ถึงความเป็นไป และความก้าวหน้า ทางการแพทย์ เพื่อให้ความเข้าใจ ต่อประชาชน มาบัดนี้ความประทับใจและความหวังของข้าพเจ้า ได้เจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง ที่รัฐบาลของไทย ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ผลักดันโครงการ ๓๐ บาท รักษาทุกโรค ได้สำเร็จ และทำมาได้ในระดับ ที่น่าพอใจ ช่วยให้คน ได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ช่วยเหลือประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นอันมาก ข้าพเจ้ายังขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขทุกคน ที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบการรักษา และการให้บริการที่ดีขึ้นด้วย

ตัวอย่างของผู้ยากไร้ยังมีอยู่ ที่เขาได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ เช่น คนใกล้ๆชุมชนที่ข้าพเจ้า อย่างคุณแยะ แสงแก้ว จากหย่อมบ้านหัวเลา ซึ่งเป็นชาวเขา ฐานะยากจน วันหนึ่งเขาเกิดเจ็บศีรษะอย่างรุนแรง จึงมีผู้นำส่ง โรงพยาบาลแม่แตง เชียงใหม่ คุณหมอ ได้ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ ได้รับการรักษาอย่างดี นอนอยู่โรงพยาบาลประมาณ ๑ สัปดาห์ จนรอดตายได้ เวลานั้น สายตาข้างซ้ายของเขา เกือบจะบอด คุณหมอได้นัดให้มายิงแสงเลเซอร์ที่ตาอีก ๓ ครั้ง ทุกครั้งเขาจ่ายเพียง ๓๐ บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่า ราคาเหล้าเบียร์เสียอีก

จนบัดนี้ เขาแข็งแรงจนเกือบหายเป็นปกติ สามารถมีชีวิตอยู่และทำงานได้ ข้าพเจ้าอยากขอบพระคุณโครงการ ๓๐ บาท รักษาทุกโรค แทนเขา รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ ที่มุ่งมั่นทำงานเสียสละนี้ ซึ่งข้าพเจ้าทราบดีว่า ตลอดระยะเวลาที่มีโครงการนี้ ทุกท่านต้องเสียสละ และต้องทำงาน หนักเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านการแพทย์และธุรการของแต่ละหน่วยงาน ทุกข์ของคนจน คือ ความทุกข์ของประเทศชาติ ตัวอย่าง ผู้ป่วยท่านนี้ (คุณแยะ แสงแก้ว) ถ้ารักษาที่ ร.พ.เอกชน ต้องใช้เงินหลายหมื่นทีเดียว เพราะต้องนอนห้องไอซียู ตลอดเวลา และยังมีอีกมาก ที่ไม่ได้เอ่ยถึง

ข้าพเจ้ายังประทับใจคุณหมอ จนท.สาธารณสุข ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่ให้บริการกับชาวบ้านอย่างดี แม้กระทั่ง วันหยุด วันอาทิตย์ ท่านก็ยังอุตส่าห์มารักษาให้ชาวบ้าน ข้าพเจ้าได้นำเด็กนักเรียน ที่ถูกตะปูตำที่เท้าไปหา ท่านก็จ่ายยาให้ ด้วยความเต็มใจ พร้อมกับบอกกับข้าพเจ้า ด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่นให้บริการว่า "ฟรีครับ ไม่ต้องจ่ายเงิน" มันเป็นความสุขใจ ดีใจ ประทับใจ และทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า สังคมไทยยังมีความหวัง ยังมีคนดีอีกเยอะ ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณ ทุกท่านจริงๆ ครับ.

- ปางป่า รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๑๘(๒๔๐) ปักษ์แรก ๑-๑๕ พ.ย.๔๖

มหาปวารณา...จิ้งหรีดรู้สึกประทับใจสมณะนวกะในปีนี้ ที่ร่วมใจขวนขวาย ซึ่งนับเป็นปีที่ ๒ แล้วที่ช่วยงานประชุม มหาปวารณา บันทึกและอัดเทป การประชุม โดยแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบตามความสามารถ เพื่อแบ่งเบาภาระสมณะรุ่นพี่... ผู้พิพากษาวิโรจน์ ขอพ่อท่านไปเรียนต่อปริญญาโทที่นิด้า เป็นเวลา ๓ ปี ได้บอกกับจิ้งหรีดว่า เรียนจบเมื่อ ๑๓ ต.ค. ที่ผ่านมานี่เอง แม้จะห่างวัดไปนาน ก็ยังปฏิบัติธรรมอยู่ จึงได้มาร่วมงานมหาปวารณา ความจริงถ้าเรียนได้ดีก็จบในเวลา ๒ ปีครึ่ง แต่มีวิชาที่ไม่ผ่านจึงต้องเรียนต่อ ๓ ปีจึงจบ ผู้พิพากษาวิโรจน์ก็พูดติดตลกให้ฟังต่อว่า ที่จริงน่าจะพูดกับพ่อท่านว่า ขอลาไปเรียน ๒ ปีครึ่ง แต่นี่ไปบอกลาพ่อท่านว่าจะเรียน ๓ ปี ก็เลยจบเมื่อ ๑๓ ต.ค.ครบ ๓ ปีพอดี... หมอก้องกับหมอแก้ง มาฝึกปฏิบัติธรรมด้วยกันไม่ถึง ๓ ปี ตอนนี้จิ้งหรีดได้ข่าวว่า ได้ลาออกจากระบบราชการ เพื่อจะได้ มาช่วยงานวัดได้มากขึ้น และก็สมใจนึก พอมาอยู่ใกล้สันติอโศกโดยพักอยู่ที่ตะวันงาย ๒ คนวัดและคนนอกวัดเสนองานบุญให้ทำมากมายสมปรารถนา จนมึนๆว่าจะทำอะไรก่อนดี จิ้งหรีดก็ขอเสนอคุณหมอ ให้ทำปัจจุบันให้ดีก่อน โดยเฉพาะภาระ รับผิดชอบในหน้าที่ที่จะต้องทำในเบื้องต้นนะฮะ...

เพลงวันมหาปวารณา ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีเพลงประจำงานนี้นะเนี่ย ใครอยากรู้ว่าคำร้องและทำนองเป็นอย่างไร สอบถามกับ ชาวป๊าดติโท้ ปฐมอโศกก็แล้วกันนะฮะ... จี๊ดๆๆ....

ใจเต็มร้อย...ทั้งแม่ครัว ป้าเกียว ผู้มีฝีมือในการทำก๋วยเตี๋ยวเป็ด และ นร.สัมมาสิกขาปฐมอโศกอีกคน ต่างก็เพิ่งออกจาก โรงพยาบาลกันมา หมาดๆ(ชนิดต้องกินยาแก้ปวดป้องกันไว้เลย) ทุกคนมาด้วยหัวใจเต็มร้อย เพื่อร่วมงานมหาปวารณา สาธุ...จี๊ดๆๆ....

ไม่ประมาท...สมณะแดนเดิม พรหมจริโย หลวงตาของลูกหลานชาวอโศก ได้ไปให้หมอตรวจก้อนเนื้อ ที่ต่อมลูกหมาก ซึ่งตอนนี้กำลังรอ ฟังผลว่าเป็นเนื้ออะไรกันแน่ จะได้ดูแลได้ถูกต้องต่อไป...จี๊ดๆๆ....

หนังสืออโศกพันธุ์แท้...ผู้เข้าแข่งขันตอบปัญหาหนังสือของชาวอโศกจากภูผาฟ้าน้ำ ทั้งหนังสือความรัก ๑๐ มิติ และอีคิวโลกุตระ ผ่านเข้ารอบ ทั้ง ๒ ทีม ด้วยฝีมือของติวเตอร์ใหญ่ อาจารย์ ๒ สมณะเก้าก้าว สรณีโย นั่นเอง


ส่วน นร.สัมมาสิกขาหินผาฟ้าน้ำก็ผ่านเข้ารอบเช่นกันจากหนังสือความรัก ๑๐ มิติ และ คั้นออกมาจากศีล โดยติวเตอร์ป้าม่านพร

ฝ่ายบ้านราชฯ ก็เข้ารอบทั้ง ๓ ทีม เช่นกัน จากหนังสือความรัก ๑๐ มิติ พุทธเทวนิยม คั้นออกมาจากศีล และพุทธอเทวนิยม โดยต่างคนต่างติวตัวเอง ผู้เข้ารอบทั้งหมดจะได้เจอกันอีกครั้งในงานอโศกรำลึกปีหน้า จิ้งหรีดรับรองว่างานนี้พลาดไม่ได้... จี๊ดๆๆ....

ทดสอบฝีมือ...เพราะหลังงานมหาปวารณา สมณะเดินดิน ติกขวีโร ติดธุระที่ศาลีฯ ทางสมณะฟ้าไท สมชาติโก ก็มีกิจนิมนต์ ที่สุพรรณบุรี ในขณะที่ สม.กล้าข้ามฝัน ซึ่งมาร่วมงานมหาปวารณา แต่ต้องเข้าผ่าตัด ไส้ติ่งอักเสบที่ ร.พ.สนามจันทน์ ก่อนเข้าประชุมสิกขมาตุ ซึ่งตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องพักฟื้นที่ สันติอโศกต่อทำให้ไม่สามารถกลับไปทันงานอบรมฯ ในวันที่ ๑๒ พ.ย.ได้ งานอบรมครั้งนี้จึงถึงคราวให้ทีมอบรมบ้านราชฯได้แสดงฝีมือกันเองโดยปราศจากพี่เลี้ยง จิ้งหรีดก็ขอส่งแรงใจไปช่วย ให้ได้บุญกันเยอะๆนะฮะ สาธุ...จี๊ดๆๆ....

น่าอนุโมทนา...จิ้งหรีดจากปฐมอโศกรายงานมาว่า คุณปางเพียรพลี ตอนนี้กล้ารับผิดชอบในการงานของหมู่กลุ่มได้มากขึ้น เวลาเจอผัสสะ จะปรับตัวได้เร็วกว่าเดิม โดยไม่ต้องหยุดงานหลายวันเช่นแต่ก่อน การปรับใจได้ไว ทำให้ทำงานได้ต่อเนื่อง... ฝ่ายคุณยม ก็เอาภาระในการงานที่ศาลาค้า ๒ ได้ดี แม้ในช่วงที่คุณน้อมพรไม่อยู่ แถมยังฝึกฟุตฟิต ฟอร์ไฟต์ เรียนภาษาอังกฤษ กับคุณท่องไท โดยเปิดเทปฟัง (ไม่ได้เรียนกันสองต่อสอง นะฮะ อย่าเข้าใจผิด) แต่ถ้าจะมีผู้อยู่ช่วยที่ร้านก็คือ น.ส.หนึ่งเพียร ซึ่งเพื่อนๆ หลายคนชมกันว่า มีความรับผิดชอบดี เอาภาระงานอบรมลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ มีความสงบ ไม่ฟุ้งเหมือนเก่า จิ้งหรีดที่โรงพิมพ์บอกมาว่า คงเพราะเข้าหาสนทนาธรรม กับสิกขมาตุมาบรรจบบ่อยๆกระมัง จึงมีสัมมาทิฏฐิยิ่งขึ้น... ส่วนคุณสีดิน มีคนเขาฝาก ชื่นชมมาว่า รับผิดชอบงานอบรมดี มีน้ำใจ ล่าสุดก็พาเพื่อนๆ ไปดูการทำสวนสมุนไพร สวนผักพื้นบ้าน อะไรทำนองนี้แหละ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการทำสวนผักพื้นบ้านที่ปฐมอโศก สาธุ... จี๊ดๆๆ....

หมั่นประชุม...จิ้งหรีดที่ศีรษะฯ รายงานมาว่า คณะคุรุที่ศีรษะอโศกในช่วงนี้หมั่นประชุมปรึกษาหารือกันดี อาจจะมีบางคน บอกว่าประชุมกันบ่อย จนทำให้คุรุบางคนชักจะถอดใจ กลัวการประชุม เพราะกลัวเขาว่า จิ้งหรีดก็ขอให้กำลังใจ เพราะหลายคน ก็แอบชื่นชมอยู่ ส่วนที่มีเสียงทักท้วง ก็พึงรับไว้พิจารณาในความปรารถนาดี เพราะถ้าประชุมบ่อยๆแล้วดีกว่าไม่ค่อยประชุม ใครๆก็อนุโมทนา

อีกประเด็นหนึ่งที่คณะคุรุกำลังทำเป็นแบบอย่าง คือ ไม่กลัวคนรายงานข้อบกพร่องของตัวเองให้พ่อท่านหรือนักบวชได้รับรู้ และไม่ต่อว่าผู้ไปรายงาน แต่พยายามฝึกใจให้กล้าหาญในทางดี สร้างความรู้สึกอนุโมทนา ที่มีผู้นำเรื่องราวการทำงาน และการดำเนินชีวิตให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ซึ่งก็คงไม่ต้องห่วงวิตกหากเราเป็นคนใฝ่ดี ผู้ใหญ่ก็ย่อม มีวิจารณญาณ เมื่อรับฟังข้อมูล

ถ้าผู้ใหญ่ไม่มีวิจารณญาณ ก็ถือว่าได้ชดใช้วิบากก็แล้วกัน เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเพื่อตนมิใช่หรือ

หากเราอยู่ด้วยความจริง ไม่แอบแฝง ไม่อำพราง เราจะอนุโมทนาและยินดีกับการถูกตรวจสอบจากผู้อื่น ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ ที่เราเคารพ นับถือด้วยแล้ว เราจะรู้สึกยินดีมากกว่าไปต่อว่า ผู้ที่นำเรื่องราวของเราไปบอกจริงไหม?

จิ้งหรีดก็ขออนุโมทนากับชาวเราทุกผู้ทุกคน ที่ช่วยกันสร้างค่านิยมที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมของชาวบุญนิยม สาธุ...จี๊ดๆๆ....

ปิดเทอม...ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาของนักเรียน สส.ษ. บรรยากาศของชุมชนศีรษะอโศกดูเงียบลงไปมาก แต่ใครจะรู้สึกเหงานั้น จิ้งหรีดก็เดา ไม่ถูกว่ามีใครบ้าง พอมีแขกจากต่างถิ่น มา ก็ไม่มีเด็กช่วยเท่าเก่า ทีมงานนกกระจอก(หยุด)เทศน์ ก็รับ(เทศน์) หนักเลยช่วงนี้ กว่าจะไปถึงงานมหา ปวารณาก็รับอีก ๓ รุ่นทีเดียว

ช่วงก่อนจะรับผู้เข้าอบรม ทีมงานนกกระจอกฯ ก็ต้องไปเก็บผลผลิตที่ผลาญหิน ได้กะทกรก หน่อไม้ หยวกกล้วย ผลกล้วย และอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่นั่นแหละ...อยู่ไกล ขาดผู้ดูแลในช่วงนี้ ทั้งๆที่แต่ก่อนมีผู้ดูแล แต่ผู้ดูแลก็ขาดผู้ดูแล ขาดการบำรุงเลี้ยง ทางจิตวิญญาณ จึงเหลือแต่วัตถุที่ต้องช่วยกันเอาภาระเพิ่มขึ้น

ก็เป็นข้อคิดให้จิ้งหรีดได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า การมุ่งพัฒนาวัตถุ โดยขาดการสร้างคน ก็จะได้แต่วัตถุที่จะช่วยกันแบก พอแบกไม่ไหว ก็ต้องปล่อยรกร้าง หรือไม่ก็ต้องดึงคนที่มีศักยภาพ ออกจากการดูแลครอบครัวไปหาเงิน หรือสร้างวัตถุให้ครอบครัว เป็นผลให้ คนในครอบครัว ที่ยังขาดวุฒิภาวะ มีปัญหาเพิ่มขึ้น แต่ยังไงๆก็เอาคนไว้ก่อนนะฮะ (ถ้าเลือกได้) เพราะถ้าเราสร้างคนได้ดี งานก็จะเป็นไปด้วยดี

พอฝนเริ่มลาไป ความหนาวเย็นก็เริ่มคืบคลานเข้ามา มีข้าวออกรวงไสวเต็มท้องทุ่ง บางส่วนก็กินข้าวเม่า ข้าวในนาหลายส่วนรวงโตดี เช่น นาบ้านกอกใน ข้าวเล้าแตก ข้าวหอมทุ่ง มีทั้งข้าวตม มีหลายสายพันธุ์ ข้าวหอมเสงี่ยม ข้าวหอมจำปีแดงก็มี ข้าวสัมพันธ์ มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละชื่อมีความหมาย ยิ่งข้าวหวิวหนี้ หรือ ข้าวพันหนี้ ของพื้นที่ใน ต.กระแชง ซึ่งมีมากเหมาะสมกับพื้นที่ เป็นข้าวที่มีพลังมาก หากใครมีเวลา จะสมัครไปช่วยเกี่ยวข้าวก็ได้นะฮะ...จี๊ดๆๆ....

ทักษิณฯมองภูผาฯ...คุณอำนวย เอกทักษิณ ญาติธรรมทักษิณอโศก ชาวพัทลุง ทิศทักษิณของประเทศไทย ได้มีโอกาส ขึ้นเหนือ ก็มาเยี่ยมเยียน ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ได้มีโอกาสพบปะ พูดคุยกับรองประธานชุมชนฯ คือ คุณปางป่า ซึ่งช่วยพาเดินแนะนำ ไปจนถึงที่พัก ของสมณะ ได้มีโอกาสทานมื้อเที่ยง ราวบ่ายโมงก็ลากลับ พอดีได้พบ ครูกระจาย บุญยัง ประธานชุมชนฯ ที่สะพานแขวน

ขณะที่นั่งรถลงมาเชียงใหม่ คุณอำนวยได้เล่าให้จิ้งหรีดฟังว่า "กระผมนึกอยู่ในใจว่า มีบุญจริงๆ ที่ได้มาถึงภูผาฟ้าน้ำ กระผมเปรียบ เหมือนกับวัดเส้าหลิน ก็คงไม่ปาน ผู้ใดจะลงจากเขาได้ จะต้องผ่านด่าน ๑๘ อรหันต์ และต้องมีพลังมหาศาล ใช้ลำแขนช่วงข้อมือ ถึงข้อศอก แนบกระถางธูปที่ร้อน ประทับตรามังกร ยกกระถางธูปทองเหลืองขึ้นมา เหมือนที่เขาตีตรา ลงบนหนังเจ้าโคนั่นแหละ จึงจะถือว่า เป็นนักรบจากวัดเส้าหลิน ไม่โลภ-โกรธ-หลง แล้ว แต่ในยุทธจักรอำนาจของกิเลส มันจ้องทะลุทะลวงจิตใจของเรา ตลอดเวลา ลูกศิษย์ จากสำนักวัดเส้าหลิน ขบถก็มี ศิษย์สำนักเดียวกัน ก็ต้องใช้ธรรมปราบอธรรม (๕ ปี ของสมณะนวกะ ที่ภูผาฟ้าน้ำ อาจารย์... จึงต้องขับเคี่ยวให้เกิด สัมมาทิฏฐิ โยนิโสมนสิการ จนกว่าจะเห็นว่า ปลอดภัยจากโลกธรรม ๘ แล้ว จึงลงจากเขา) และก็มี ศิษย์วัดเส้าหลิน มากมายที่ไม่กล้าลงจากเขาเลย เพราะรู้ตัวเอง และรู้ว่าอยู่บนเขาปลอดภัยกว่า"

ความรู้สึกที่คุณอำนวย มองภูผาฯ จะจริงหรือไม่ แค่ใด เวลาเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ จิ้งหรีดคงต้องขอเข้าไปถาม สมณะนวกะ สักรูป คงจะพอเดาได้ว่า จริงหรือไม่ ฮะแฮ้ม! แค่เดานะฮะ...จี๊ดๆๆ....

ควันหลง...คุณพัชรี ตุลาบดี หนึ่งในทีมงานปากช่อง เล่ามาให้ฟังว่า สุขภาพตัวเองในงานเจที่ผ่านมานั้น ไม่มีน็อค ไม่ล้มป่วย เสียงแหบ เสียงหายเหมือนบางปี และไม่นับวันรอคอยว่า เมื่อไรจะเสร็จงาน ว่าเมื่อไหร่งานจะเลิก เหมือนปีกลายที่ทำแล้วเหนื่อย -เมื่อย อยากให้ถึง วันสุดท้ายจริงๆ

คงเป็นเพราะอานิสงส์ของการ ทำดีท็อกซ์ (หรือเปล่าก็ไม่รู้) ก่อนหน้างาน ๓ เดือนเศษ ทำให้รู้สึกตัวเบา กระฉับกระเฉงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย และแข็งแรง สู้และลุยงานได้ตลอด ประกอบกับการควบคุม เรื่องขนมหวาน และน้ำตาล ซึ่งงานนี้ ไม่ได้ทานขนมหวาน ที่ทำขายที่เต็นท์เลย

ส่วนอาปอและเด็กโตๆ ก็ทำดีท็อกซ์ช่วงที่พอจะว่างจากงานได้ ก็ทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรง สามารถลุยงานได้จนจบ

หลายคนที่ปากช่องบอกว่า ปีนี้อาปอเปลี่ยนไป ใจเย็น สุขุม ไม่วู่วาม โกรธง่ายเหมือนปีก่อนๆ การทำโทษเด็ก ก็ไม่มาก เหมือนทุกปี และไม่รุนแรงด้วย

ตัวคุณพัชรีเองก็บอกว่า ได้รับ อานิสงส์-ธรรมะ-การปกครองบริหารคน จากการได้ร่วมทำงานกับอาปอ ซึ่งมีจิตวิญญาณ ของความเป็นครู อย่างเต็มตัว ซึ่งอาปอ เป็นตัวอย่างที่ดี..."

นี่ก็เป็นรายงานควันหลงจากเทศกาลกินเจ ที่บ่งบอกให้เรารู้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ก็จะมีคนคอยให้คะแนนเรา อยู่ตลอด ดังนั้น การทำงานกับคน จึงดีกว่าอยู่ตัวคนเดียว จริงไหมฮะ...จี๊ดๆๆ....

ก่อนจากขอฝากคติธรรมคำสอน ของพ่อท่านที่ว่า
"ผู้ที่ได้ตักบาตรกับพระอาริยะเพียงหนึ่งครั้งนั้น
ได้บุญยิ่งกว่าผู้ตักบาตรกับพระที่ไม่ใช่อาริยะร้อยครั้ง"
ดังนั้นการ "ตักบาตร" จึงควรใช้ "ปัญญา"

(๓๐ พ.ย.๑๙)
(จากหนังสือ โศลกธรรมสมณะโพธิรักษ์ หน้า ๑๓)

พบกันใหม่ฉบับหน้าจี๊ดๆๆ....

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ศ.๓๑ ต.ค. - คณะสุขภาพบุญนิยมเดินทางกลับมาจากไต้หวัน มาเล่าประสบการณ์ประทับใจสู่กันฟัง ณ ชุมชนสันติอโศก

อา.๒ พ.ย. - ปฏิทินอโศก ๒๕๔๗ เริ่มออกเผยแพร่เป็นวันแรก ปีนี้เป็นรูปหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุกับพ่อท่าน โดยมีโศลกธรรม "ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ"

จ.๑๐ พ.ย. - พ่อท่านรับนิมนต์ไปร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "Spirit in Business" ในงาน Living Economies in Asia ณ ห้องสารนิเทศ หอประชุมใหญ่ ชั้น๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จ.๑๐-พ.๑๒ พ.ย. - เครือข่าย ชุมชนชาวอโศก เครือข่ายกสิกรรม ไร้สารพิษแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ไปจัดนิทรรศการ และร่วมงาน รวมพลคนสร้างสุข ประกอบด้วยภาคีที่ดำเนินโครงการร่วมกับ สสส. บุคคล องค์กร และสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนา งานสร้างสุขภาวะ ทั้งในระดับนโยบายและชุมชน สื่อมวลชน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาเครือข่าย โดยนักสร้างสุขนับพัน จากทั่วทุกสารทิศของไทย มีนิทรรศการ เวทีวิชาการ การอภิปราย การแลกเปลี่ยนบทเรียน การเชื่อมร้อยเครือข่าย ขยายมิตร โครงการสร้างเสริมสุขภาพต้นแบบ กิจกรรมด้านเนื้อหาสาระจาก ๔๐ เวทีห้องย่อย ชมวีดิทัศน์ การแสดงสดจากสี่ภาค การอบรม เชิงปฏิบัติการด้านไอที และอื่นๆอีกมากมาย จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคี ณ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

อ.๑๑ พ.ย. - ชาวชุมชนสันติอโศกไปช่วยดับเพลิงไหม้บ้านพักคนงานของร้านขายวัสดุก่อสร้างไทยเจริญ บริเวณข้างเคียงกับ ชุมชนสันติอโศก

พ.๑๒-ศ.๒๑ พ.ย. - สถาบันฝึกอบรมผู้นำ พลตรีจำลอง ศรีเมือง จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ "ค่ายสุขภาพ ๗ อ." มีผู้เข้าร่วมประมาณ ๑๗๐ คน ที่ จ.กาญจนบุรี

อุดมคติสูงสุดของบุญนิยม
๑. ส.สุข ๒. ส.สูง ๓. ส.สร้างสรร ๔. ส.เสียสละ ๕. ส.สมบัติ ๖. ส.สูญ ๗. ส.สัมบูรณ์

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เก็บมาฝาก - โดย เศษเหล็ก -

ค่านิยมเพี้ยนๆ
อาหารเสริมที่ไม่ควรต้องเสริม...

ตอนนี้ไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวา หรือดูโทรทัศน์ช่องไหนก็เจอแต่การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งนั้น สืบเนื่องจากคนในยุคปัจจุบัน หันมาสนใจ ใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น แต่ที่หารู้ไม่ว่าที่นิยมทานกันอยู่นั้นมีความจำเป็นแค่ไหน และที่ทานเข้าไปนั้น จะช่วยบำรุง หรือมีผลร้ายอะไรหรือไม่ หรือเชื่อตามกระแสนิยมของอิทธิพลของโฆษณาเท่านั้น...

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กินโดยตรง นอกเหนือจากที่เรากินอาหารกันตามปกติ มักอยู่ในรูปเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่นๆ ใช้กับคนปกติทั่วไปได้

สามารถแบ่งประเภทได้ตามวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิต แบ่งได้ ๖ ประเภท คือ

๑. ผลิตจากกลุ่มสารสกัดจากพืช เช่น กลุ่มเส้นใยอาหาร สารสกัดว่านหางจระเข้ สารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย ชาเขียวสกัด เห็ดหอมสกัด ฯลฯ

๒. ผลิตจากกลุ่มสารสกัดจากสัตว์ เช่น ซุปไก่สกัด โปรตีนจากปลาทะเล เปลือกไข่นกอีมู สารสกัดจากเปลือกสัตว์ทะเล ผงหอยนางรม ฯลฯ

๓. ผลิตจากกลุ่มน้ำมันพืชและน้ำมันปลา เช่น เลซิติน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส น้ำมันปลา น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันจมูกข้าว น้ำมันกระเทียม กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า ๓ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาฉลาม ฯลฯ

๔. ผลิตจากกลุ่มโปรตีน เช่น วิตามิน เกลือแร่ จำพวกคอลลาเจน วิตามินรวม วิตามินบีรวม วิตามินซี กรดอะมิโน เบต้าแคโรทีนธรรมชาติ โสมสกัด แร่ธาตุอื่นๆ เช่น สังกะสี โครเมียม โคลีน ฯลฯ

๕. ผลิตจากธัญพืช เช่น รำข้าวสาลี

๖. ผลิตจากกลุ่มอื่นๆ เช่น จากผึ้ง นมผึ้ง นมถั่วเหลือง ฯลฯ

เพียงแค่ความหมายของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมก็บ่งบอกอยู่แล้วเป็นอาหารที่กินนอกเหนือจากที่ทานกันอยู่ปกติ แล้วที่ยังแห่แหน ไปซื้อทานกัน เนื่องจากเกรงว่า จะทานไม่ครบ จึงต้องบำรุงกัน หรือบางรายที่ทานครบอยู่แล้ว ก็จะทานเพื่อเพิ่มความสวยงาม จากผลการศึกษา พฤติกรรมการรับประทานอาหารเสริมของคนเมืองใหญ่และชนบท ใน ๑๐ จังหวัด จำนวน ๑,๒๗๐ คน ของ ผศ.ดร.สุพัตรา ชาติบัญชาชัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ผู้บริโภคถึงร้อยละ ๔๕.๑๘ เลือกใช้อาหารเสริม เนื่องจาก ต้องการควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน ไม่ใช่ว่าเรื่องการบำรุงความสวยงามจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีอายุมาก ในทางกลับกัน พบว่าวัยรุ่น รับประทานอาหารเสริม เพิ่มมากขึ้น

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไทยหันมาทานอาหารเสริม ก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นคนซื้อให้ เดี๋ยวนี้หน้าโรงเรียนกวดวิชา จะมีผู้มาตั้งโต๊ะ ขายอาหารเสริมกันแล้ว เพราะผู้ปกครอง มีความเชื่อว่า ถ้าลูกกินแล้วจะบำรุงสมอง ทำให้ฉลาด จึงกลายเป็นค่านิยมผิดๆ ยิ่งก่อนสอบ ก็ยิ่งทานมาก รศ.ดร.สุพัตราเปิดเผย

อะไรที่เป็นของในธรรมชาติย่อมดี แต่คนกลับคิดผิดว่าอะไรที่มาจากธรรมชาติย่อมไม่มีพิษภัยเลย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่

ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ ที่สามารถเกิดการสะสมในร่างกายได้ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค หรือแม้แค่สารโลหะหนัก ก็เกิดอันตรายตามมาได้ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งแปลกปลอม ที่เราพยายามยัดเยียดเข้าสู่ร่างกาย ทั้งที่การรับประทานอาหารทุกมื้อ ก็เพียงพออยู่แล้ว ลองดูข้อมูลเหล่านี้ ที่ได้รับข้อมูลจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากวิตามินซี หากได้รับเกิน ๑-๓ กรัมต่อวัน ติดต่อกัน หลายวัน เสี่ยงต่อโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันได้ว่า การทานวิตามินเป็นการเสริมสร้าง ภูมิกันโรค แต่ผลการวิจัยในหลอดทดลอง พบว่าวิตามินซี อาจทำให้ดีเอ็นเอในเซลล์ เป็นอันตราย

ผลิตภัณฑ์จากวิตามินอี ยังไม่พบประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากวิตามินอีอย่างชัด แต่ไม่มีพิษ หากรับประทานไม่เกิน ๑,๐๐๐ หน่วยสากลต่อวัน และยังไม่เคยพบว่าใครเกิดภาวะการขาดวิตามินอี เพราะอาหารที่ทานอยู่ทุกวัน มีวิตามินอีอยู่แล้ว ผลิตภัณฑ์ จากวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน วิตามินเอในรูปอาหารเสริมบางชนิดหากรับประทานในปริมาณมาก เสี่ยงต่อการเกิดพิษ ในร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามข้อ ตับทำงานมากขึ้น ทารกในครรภ์อาจเกิดความผิดปกติ และมีรายงานว่า การรับประทาน วิตามินเอ เสริม จะทำให้กระดูกบางลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกหัก รวมถึงมีรายงานในประเทศฟินแลนด์พบว่า การใช้เบต้าแคโรทีน เพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งปอด

ผลิตภัณฑ์จากแคลเซียม การได้รับแคลเซียมเกินขนาดอาจทำให้คลื่นไส้ ท้องผูก เฉื่อยชา และอาจสะสมให้เกิดนิ่วได้ อีกทั้ง การรับประทานมาก อาจจะยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสี ผลิตภัณฑ์จากซุปไก่สกัด มีคุณค่าอาหารเพียงไข่ไก่ ครึ่งฟอง การรับประทาน เนื้อสัตว์ที่ต้มเป็นเวลานาน ทำให้ได้รับสารก่อมะเร็ง กลุ่มเฮตเตอโรโซคลิกอะโรเมติกเอมีน มากกว่าปกติ

ผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายสไปรูไลน่า ระวังการปนเปื้อนสารโลหะหนักและสารพิษอื่นจากน้ำที่เพาะเลี้ยง นอกจากนี้ มีปริมาณ กรดนิวคลิอิกสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ ผลิตภัณฑ์จากรังนก มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ราคาแพง ได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าเงิน ส่วนผลิตภัณฑ์ จากน้ำมันปลา จากการทดลองพบว่า เกิดผลเสียในผู้รับประทาน คือทำให้เกิดกำเดาไหลไม่หยุด และทำให้เกิด สภาวะขาด วิตามินอีได้

น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเสี่ยงต่อสารพิษที่ตกค้างผลิตภัณฑ์จากอีฟนิ่งพริมโรส พบว่ามีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยโรคลมชัก ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ จากใบแป๊ะก๊วย พบว่ามีรายงานที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยสมองเสื่อม จึงไม่มีข้อสรุป ฤทธิ์ข้างเคียง อาจทำให้ปวดหัว ท้องไส้ปั่นป่วน เกิดภาวะแทรกซ้อน เลือดไหลไม่หยุดในขณะผ่าตัดผลิตภัณฑ์จากบุก หากรับประทานชนิดเม็ด ต้องทานน้ำ ตามมากๆ มิฉะนั้น เกิดเจลอุดตันในทางเดินอาหารได้ ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ หากทานติดต่อกันนานๆ ทำให้ขาดสารอาหารได้ ไม่มีรายงานใดว่า สามารถลดเสี่ยง ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์จากมะขามแขก เป็นการระบายของเสีย ทำให้สูญเสียน้ำ ไม่ใช่ไขมัน อีกทั้ง การรับประทานยาระบาย ติดต่อกันเป็นประจำ จะมีอันตรายทำให้ลำไส้บีบตัวเองไม่เป็น เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง ผลิตภัณฑ์จาก กระเทียมอัด สารสกัดจากกระเทียมไม่ค่อยมีผลต่อการลดระดับ คอเลสเตอรอล

อีกทั้งในสหรัฐอเมริกากลุ่มรณรงค์ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการอาหารและยา สั่งห้ามบริษัทอาหารเสริมโฆษณาสรรพคุณ ของกระเทียมว่า ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ และช่วยให้หัวใจแข็งแรง เมื่อรู้แล้วว่า อาหารเสริมต่างๆ ที่ทานอยู่ มีผลข้างเคียงเช่นนี้ อีกทั้งอาหาร ที่รับประทานกันอยู่ทุกมื้อ ก็มีสารอาหาร ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ยังจำเป็นอีกหรือ ที่จะต้องทานกันต่อไป เพื่อให้บริษัทต่างชาติ ร่ำรวยกัน ทั้งที่ความจริงประเทศเรา ในน้ำมีปลาในนามีข้าว.
(จาก นสพ.มติชน ฉบับวันที่ ๑ ก.ย.๔๖ โดย ธีรวุฒิ สถิตภัทรกุล)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]